Monday, 16 June 2025
Politics

ทลายขบวนการ IO ภาค 2 ‘ณัฐชา’ แฉหลักฐานเด็ดกลางสภา! ชี้ มีนายทหารสัญญาบัตรคุมปฏิบัติการอื้อ ตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ ไม่ไว้วางใจ ‘พล.อ.ประยุทธ์’

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต25 พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ 1.) ไม่ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่ท่านแถลงไว้เองต่อสภาโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบในเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ในทางตรงกันข้ามกลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง 2.) จงใจใช้งบประมาณแผ่นดิน เวลาราชการ และบุคลากรของรัฐในการสร้างความเกลียดชัง 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร และไม่ตอบสนองต่อการตรวจสอบของประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร

นายณัฐชา กล่าวว่า "พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้อาชีพทหารแทนที่ทหารจะได้ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนจากอริราชศัตรู กลับตั้งตัวเป็นศัตรูของประชาชน แทนที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ เทิดทูนไว้เหนือการเมือง กลับนำเอาพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะกำบังตัวเองจากการวิจารณ์ของประชาชน เอาความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มาเป็นอาวุธทำร้ายประชาชน ทั้งหมดก็เพื่อค้ำยันบัลลังก์อำนาจของตัวเอง"

นายณัฐชา ยังได้เปิดคลิปหลักฐานการประชุมออนไลน์ของ ม.ทบ. ที่ 21 กลางสภาอีกด้วย โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีการสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และมองประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังได้เผยหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอการประชุมของทหารอีกหนึ่งชิ้นด้วย โดยคลิปวีดีโอนี้เป็นการประชุมเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นเวลาสี่วันก่อนศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่มีการสั่งการให้เตรียมการรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดถึงรู้ก่อน เหตุใดจึงรู้ล่วงหน้าได้

นายณัฐชา ยังได้กล่าวต่อไปด้วยว่า จากหลักฐานที่เปิดออกมานี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าคนนั่งหัวโต๊ะมีความกังวล และย้ำว่าอย่าให้เอกสารหลุด โดยเฉพาะเอกสารการเงิน แสดงว่าปฏิบัติการนี้มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินภาษีของประชาชนใช่หรือไม่ ที่พวกท่านใช้มาทำงานด่าทอด้อยค่าประชาชน

“ทหารได้พูดในคลิปว่า ยังไงเราก็สู้ไม่ได้เพราะกำลังสู้กับฝั่งที่จัดตั้งมาดี มืออาชีพ ผมยืนยันตรงนี้นะครับว่าพวกท่านเข้าใจผิด เพราะคนที่ท่านคิดว่าเป็นปฏิบัติการไอโอของอีกฝั่ง แท้จริงเป็นแค่ประชาชน คนทั่วไปที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อท่านประเมินผิด นโยบายของพวกท่านจึงผิดพลาด คนที่เป็นทหารท่านน่าจะรู้ดีว่า หากกำหนดศัตรูผิดตัว มุ่งรบกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ปลายทางของพวกท่านมีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น เพราะยิ่งโดนแฉเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นว่า คนที่เกลียดรัฐบาล เกลียด พล.อ. ประยุทธ์ เป็นของจริง แต่คนที่ชมรัฐบาล คนที่คอยสรรเสริญประยุทธ์ เป็นของปลอม” นายณัฐชา ระบุ

นายณัฐชา กล่าวต่อไปด้วยว่า "เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเอกสารฉาวจากกองทัพหลุดมาอีกครั้ง ว่าด้วยการทำไอโอ โดยเป็นการเปิดอบรมผ่านหลักสูตรของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน มีกลไกการทำงานแบ่งทีมเป็นฝ่ายขาว ที่เป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของสถาบันกษัตริย์ และ ฝ่ายดำมุ่งโจมตีด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาไม่จงรักภักดี และล้มล้างสถาบัน เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมา ยังระบุกลไกการสั่งงานอย่างเป็นระบบผ่าน 2 แอพพลิเคชั่นที่ให้เอกชนทำขึ้น คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger โดยระดับแกนนำเท่านั้นที่จะใช้ 2 แอพนี้ในการทำงาน ส่วนระดับสนับสนุนใช้ไลน์กลุ่มตามเดิม ในเอกสารระบุหน่วยที่ใช้งาน 2 แอพนี้ ว่า มี ร.2.รอ. ร.11.รอ. ร.21.รอ. และป.2.รอ. ทั้งยังปรากฏเป้าหมายยอดบัญชีไอโอกว่า 54,800 บัญชีภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพถึง 19 หน่วย"

“การทวีตข้อความซ้ำ ๆ เป็นร้อย ๆ พัน ๆ สร้างกระแสปลอม ๆ ขึ้นมาในทวิตเตอร์ มันผิดกฎครับ องค์กรระดับโลกอย่าง Twitter เลยนิ่งเฉยไม่ได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ทวิตเตอร์ระงับบัญชี 926 บัญชี โดยระบุชัดครับว่าพบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ทวิตเตอร์ก็มาแบนอีกบัญชีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือบัญชีทางการหรือ official account ของ “โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน” ด้วยข้อหาเป็นสแปม หรือทวีตข้อความซ้ำๆ มากเกินไป” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อด้วยว่า "การทำไอโอทำในนามโรงเรียนจิตอาสาก็จริง แต่ใช้ทหารในกองทัพ อาทิ ชื่อทวิสเตอร์ ‘เฮียตือ สนามเป้า’ ตัวจริงคือ พันโทธรรม์ มาลัยทอง สังกัดกองพลทหารม้าที่สองรักษาพระองค์ หรือ ชื่อบัญชี ‘เสือขาว’ ที่ทวีตโจมตีผู้ชุมนุมทาง Twitter ปรากฎว่าภาพที่ประกอบทวีต ถูกชาวเน็ตนำไปขยายดูเงาสะท้อนจากกระจกรถ พบว่าสติกเกอร์ติดหน้ารถ ระบุว่าเป็นบัตรผ่านเข้าออก เขตพระราชฐานในพระองค์ 904 ปี 2563 ชื่อ คมทวน คล้ายอักษร ทะเบียนรถ 4กว 5004"

นายณัฐชา กล่าวว่า "มีหลักฐานอีกชิ้นว่ามีการสั่งการหลังบ้าน ให้ปฏิบัติการภารกิจไอโอ โดยผู้ประสานงานจิตอาสา 904 รุ่นหลัก 5/63 พลตรี จักรชัย ศรีคชา หรือที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พิมพ์สั่งลูกน้องโดยมีถ้อยคำที่ว่า "ให้เหมือนเราไปม็อบ แล้วบอกว่าการ์ดอาชีวะ กินเหล้า ทำพฤติกรรมรุนแรง ไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายของม็อบ" "

นายณัฐชา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องใช้ภาษีประชาชน ใช้หน่วยงานรัฐโดยไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะตอกลิ่มให้สังคมร้าวลึกแล้ว ยังทำให้บทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ถูกตั้งคำถาม จึงขอไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกต่อไป"

'ชวน' ยัน โหวตเสร็จก่อนเที่ยง ประชาธิปัตย์ไม่แตกแถวมติพรรค

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาว่า ในวันนี้ใช้วิธีเสียบบัตรโหวตทีละคนทั้ง​ 10 คนตั้งแต่นายกรัฐมนตรี แต่จะใช้วิธีการนับองค์ประชุมก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ครบองค์ประชุมก็ตาม แล้วจึงจะให้ลงมติได้ โดยวิธีเสียบบัตรพร้อมกันทั้ง 487 คน และใช้เวลาไม่นานเสร็จก่อนเที่ยง

ขณะเดียวกัน ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงกรณีมีกระแส ส.ส.ภายในพรรคประชาธิปัตย์เสียงแตก ว่า ทุกคนต้องทำตามมติพรรคอย่างแน่นอน เมื่อถามย้ำว่า ใช่หรือไม่ที่ทุกคนจะทำตามมติพรรค นายเฉลิมชัยยิ้มและกล่าวว่าก็รอดูแล้วกัน
 

พิธาปลุกสภาใช้อำนาจในมือโหวต เลือกประเทศไม่เลือกประยุทธ์ พอกันทีกับ 7 ปีที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 64)​ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมุ่งเป้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายพิธา กล่าวว่า "ถ้าเราเลือกประเทศ เท่ากับสภาของเรายืนยันในหลักธรรมเนียมการปกครองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ว่านายกนำพระราชกระแสมาแอบอ้างต่อไม่ได้ เพราะเป็นการเสื่อมเสียต่อพระเกียรติอย่างยิ่ง และเป็นการทำลายหลักการ อันสำคัญว่า “กษัตริย์ทรงทำผิดมิได้”

"ถ้าเราเลือกประเทศ เท่ากับว่าสภาของเราได้ร่วมกันยกเลิกเส้นแบ่งความขัดแย้งของประเทศ ที่มีคนพยายามทำให้คนไทยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายโดยการแอบอ้างสถาบัน และเมื่อเราได้เปิดม่านมายาคตินี้ออกไป เราจะเห็นได้ถึงโจทย์ที่แท้จริงของประเทศไทย ว่าเราจะจัดวางและเชิดชูสถาบันอย่างไร เพื่อให้สถาบันมั่นคงสถาพร และวิวัฒน์ควบคู่ไปกับสังคมไทย ในโลกและจิตสำนึกแห่งยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลง

"ตอนโหวตเลือกนายกและตอนแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนสมาชิกหลายท่านยังตัดสินใจโดยเกรงอำนาจของ ส.ว. ขอบเขตอำนาจของสภาหลายประการถูกลดทอนไปโดยศาลรัฐธรรมนูญ แต่อำนาจในการไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรียังคงเป็นอำนาจเต็มของสภาแห่งนี้ และถ้าพวกเรากล้า กล้าที่จะร่วมไปกับผม พวกเรามีอำนาจเต็มมือที่จะโหวตเอาชื่อประยุทธ์ออกไปจากสารบบการเมืองไทย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ในสภาแห่งนี้เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้กับประชาชนของท่าน ตอนที่หาเสียงเลือกตั้ง

"เวลานี้ชะตาของประเทศอยู่ในมือของสภาผู้แทนราษฎรอย่างสมบูรณ์ อยู่ที่การลงคะแนนของเพื่อนสมาชิกทั้งสิ้น ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีอำนาจใดที่สูงกว่า นี่เป็นวันเดียวในรอบ 7 ปีที่ผ่านมาที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้ยืนยันอำนาจตนเอง ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะได้ประกาศให้ประชาชนเห็นว่า

"นี่คือผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่ผู้แทนของคุณประยุทธ์ ที่ทำหน้าที่เป็นนั่งร้านให้กับการสืบทอดอำนาจ พอกันทีครับกับ 7 ปีที่ผ่านมา มาร่วมกันยุติฝันร้ายของประเทศไทยไปด้วยกัน ถึงเวลาแล้วที่ทุกท่านจะต้องเลือกประเทศของเรา ร่วมกันถอดถอน พล.อ.ประยุทธ์ด้วยการโหวตไม่ไว้วางใจจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ให้บริหารประเทศอันเป็นที่รักของเราอีกต่อไปแม้แต่นาทีเดียว​" พิธา​ กล่าว

ท้องไม่แท้ง ทางออกมีอยู่มากอย่าคิดสั้น กรมอนามัยช่วยได้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ยึดหลักการยุติตั้งครรภ์ที่ถูกกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาหญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมและการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย ภายใต้หลัก 4S คือ Safe Virgin โดยผลักดันเพศสุขภาพวิถีศึกษา Safe Sex โดยเข้าถึงยาคุมกำเนิดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตามสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพ Safe Abortion คือยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยผ่านเครือข่ายอาสาส่งต่อเพื่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย (RSA) และ Safe Mom คือให้คำปรึกษาหญิงที่เปลี่ยนใจเห็นว่าควรตั้งครรภ์ต่อ

“กรมอนามัยร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้บริการยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัยในวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่อยู่ในภาวะหลังคลอดหรือแท้ง หรือต้องการคุมกำเนิดในทุกสิทธิสุขภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ยังพร้อมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 และมาตรา 305 โดยสามารถเข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย รวมทั้งเพื่อป้องกันหญิงที่มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ไปทำแท้งเถื่อน และเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยด้วย” นพ.สุวรรณชัย กล่าวและว่า

"สำหรับหญิงบางรายที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมและยังหาทางออกกับปัญหาไม่ได้สามารถโทร.ไปปรึกษาสายด่วน 1663 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 21.00 น. ได้ทุกวัน เพื่อจะได้รับบริการที่เป็นมาตรฐาน ไม่หลงไปทำแท้งเถื่อน ซึ่งผิดกฎหมายและอาจ ทำให้ตกเลือด ติดเชื้อจนถึงขั้นเสียชีวิตได้"


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/society/2036304

'สิระ' ซัดฝ่ายค้าน 4 วันพิสูจน์ไร้ข้อมูลทุจริตแหกรัฐบาล แต่กลับพยายามโยงสถาบัน ลั่น!! ขอจองเวร 'เสรีพิศุทธ์' ทั้งชาติ บอกทำอะไรไว้ให้รับกรรม เตรียมลุยฟ้อง 3 คดี และเชื่อยังมีอีกเพียบ

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอด 4 วันที่ผ่านมา เห็นชัดกันแล้วว่าฝ่ายค้านพยายามโยงสถาบันเข้าสภาและแสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอภิปรายประเด็นการทุจริตนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี​ (ครม.) มีแต่การจาบจ้วง ไม่มีเรื่องทุจตริตเลย ซึ่งขอถามว่ายังต้องการเป็นส.ส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย และเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่อีกหรือไม่

ดังนั้นให้ประชาชนตัดสินว่าคนเหล่านี้สมควรเป็นข้าราชการและตัวแทนประชาชนอยู่หรือไม่ ทั้งนี้มองว่าที่ผ่านมา 4 วันเสียเวลาเป็นเหมือนการยื่นกะทู้ถามสด ซึ่งสามารถทำได้อยู่แล้วไม่ต้องขอเปิดอภิปราย

นายสิระ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันสมาชิกฝ่ายค้านซึ่งเป็นผู้ยื่นญัตติกลับไม่อยู่ฟัง แต่ไปหาเสียงที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงขอให้ชาวนครฯ ตัดสินเองว่าคนที่เป็น​ ส.ส.​ แต่กลับไปหาเสียงให้ผู้สมัครในเวลานี้สมควรแล้วหรือ ที่คนยื่นญัตติไม่มาฟังการอภิปราย ฉะนั้นควรเลือกบุคคลดังกล่าวหรือไม่

อย่างไรก็ตาม​ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้​ เวลา 10.00​ น. ตนเองจะไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในคดีหมิ่นประมาท 3 คดี ซึ่งทำอะไรไว้ก็รับกรรมไป และเชื่อว่าชาตินี้คงยังมีอีกหลายคดี

'เสี่ยหนู'​ มั่นใจ 'ภท.'​ ไม่แหกมติพรรค บอกเล่า 'บิ๊กตู่'​ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับครม.ใด ๆ

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ​ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงคะแนนโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยจะมีการประชุมหารือร่วมกันก่อน เพื่อขอมติพรรคในการโหวตให้กับรัฐมนตรีแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการหารือในที่ประชุมครั้งนี้จะให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น 

เมื่อถามว่า หากสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายเป็นข้อมูลความจริง จะมีการโหวตอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องมีการประชุมหารือร่วมกันว่ามีความคิดเห็นอย่างไรในแต่ละคน 

สำหรับการโหวตเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะโหวตเหมือนกันหมด โดยคะแนนจะเท่าๆ​ กันหมด หากทุกคนชี้แจงได้ดี การประชุมพรรคเช้านี้ก็อยากให้​ ส.ส.พรรคได้ชี้แจง เพราะตนเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องรับฟังว่าคิดเห็นว่าเหมือนเราหรือไม่ ถ้าไม่เหมือนกันก็ต้องหารือกันให้ตกผลึก เพราะพรรคเราต้องฟังความคิดเห็นของแต่ละคนก่อนโหวตและทำแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาพรรคก็เคยโหวตไม่เหมือนกัน ซึ่งเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ 

เมื่อถามว่า แสดงว่าให้เอกสิทธิ์​ ส.ส.แต่ละคนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ต้องบอกว่าอันนี้​ คือ​ มติพรรค และต้องดูความรู้สึกของแต่ละคนด้วย เช่น​ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปบังคับว่าเอาแบบนี้แบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะส.ส.มีวุฒิภาวะ ต้องให้เกียรติกัน 

เมื่อถามว่า มติพรรคจะออกมาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ประชุมจะมีมติได้อย่างไร เมื่อถามต่อว่า ถ้าจะต้องลงมติไว้วางใจ แต่มีส.ส.พรรคเห็นต่างนั้นจะให้เอกสิทธิ์อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ส.ส.ทุกคนควรทำตามมติพรรค เพราะหากแหกมติพรรคก็ต้องมานั่งคุยกัน เนื่องจากเราผ่านการประชุมพูดคุยรับฟังความคิดเห็นร่วมกันแล้ว ซึ่งต้องให้แสดงคิดเห็นได้ แต่จะไปล้อมคอกไม่ให้แสดงความคิดเห็นคงเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยทำ และไม่คิดจะทำ ทุกคนต้องเคารพมติพรรค และต้องมีวินัยพรรรคด้วย หลายอย่างรวมกันรับรองว่าออกมาดี สามารถอธิบายได้หมด ถามต่อว่าในส่วนของผลคะแนนโหวตของรมว.สาธารณสุขจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมาดูกัน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังการอภิปรายฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอบไปแล้วว่าไม่มีอะไร ถ้านายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณมา​ ก็ต้องประเมินรัฐมนตรีของเรา ถามว่า ถ้ามีการปรับจริง เก้าอี้ของพรรคภูมิใจไทยจะลดลงหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะและย้อนถามว่า “มีเหรอ” เมื่อถามต่อว่า จะรับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “มีแต่จะขอเพิ่ม” เมื่อถามว่า แสดงว่ารักษาเสถียรภาพได้ดี นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว อย่าพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด”

กลาโหมย้ำจุดยืนทำหน้าที่ พร้อมขอบคุณและน้อมรับข้อคิดเห็นของสภาฯ ร่วมเสริมสร้างกองทัพ​ นำไทยเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ

กลาโหมย้ำจุดยืนทำหน้าที่ พร้อมขอบคุณและน้อมรับข้อคิดเห็นของสภาฯ ร่วมเสริมสร้างกองทัพ​ นำไทยเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำ หลังปิดการอภิปรายในสภาว่า  กองทัพเป็นของประชาชนและยังดำรงจุดยืนอันมั่นคงในการทำหน้าที่ ร่วมปกป้องการดำรงอยู่ของสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมทั้งผลประโยชน์ของชาติเคียงข้างกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ย้ำสั่งการในที่ประชุมสภากลาโหม ให้ทุกเหล่าทัพดำรงจุดยืนอันสำคัญนี้เคียงข้างกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมสร้างความรัก ความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติ เพื่อเป็นกำลังหลักสำคัญ “รวมไทยสร้างชาติ” ขับเคลื่อนพัฒนาประเทศในทุกมิติไปข้างหน้า  

โดยย้ำให้ความสำคัญในการติดตาม ศึกษาและวิเคราะห์ ถึงสถานะการดำรงอยู่ของประเทศอย่างสมดุลและมั่นคง ท่ามกลางการเผชิญหน้าของมหาอำนาจโลกในภูมิภาค ที่เชื่อมโยงต่อสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเราทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ เข้าใจและเท่าทัน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างความแตกแยกกันเองภายในชาติ ที่อาจส่งผลให้การพัฒนาผลประโยชน์ของประเทศต้องชะลอตัวหรือหยุดชะงัก

โฆษก กห.กล่าวอีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง ทางสังคมที่มีมาต่อเนื่อง การดำเนินงานของหน่วยงานความมั่นคง และ กระทรวงกลาโหม จำเป็นต้องประสานและทำหน้าที่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งการติดตาม การทำความเข้าใจและบังคับใช้กฎหมาย เฉพาะกับการปฏิบัติของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี อันส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศโดยรวม  

“ขอยืนยันว่ากระทรวงกลาโหม ไม่เคยมีนโยบายในการไปบิดเบือน ให้ร้ายกับกลุ่มบุคคลใด อันนำมาซึ่งความแตกแยกของคนในชาติ ท่ามกลางสถานการณ์การบิดเบือนข้อมูลและการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ที่มีในสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น” พล.ท.คงชีพ กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ขอขอบคุณและน้อมรับความคิดเห็นของฝ่ายนิติบัญญัติทุกท่าน จากการอภิปรายที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนาและเสริมสร้างกองทัพ ให้สามารถเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเคียงข้างกับประชาชนต่อไป

'บิ๊กตู่' ขอบคุณสภาฯ​ ผ่านซักฟอกด้วยดี ขอความรัก สามัคคีกลับคืนมา เตรียมนำข้อมูลในสภาไปใช้ทำงานต่อ ย้ำไม่ใช่ศัตรูใคร​ พร้อมยันยังไม่คิดปรับครม. ขอประเมินที่ผลงานก่อน

วันนี้ (20 ก.พ.2564) ภายหลังที่ประชุมสภาผ่านมติไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อย่างเข้มข้น 

หลายเรื่องก็เป็นประโยชน์หลายเรื่องก็เรื่องเดิมๆ เป็นแบบนี้มาตลอด แต่เรื่องไหนเป็นสิ่งที่ดี รัฐบาลจะไปดำเนินการต่อ รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกทุกคน ซึ่งเราไม่ใช่ศัตรูกันอยู่แล้ว ส่วนวิถีทางทางการเมืองก็ว่ากันไป 

“ขอขอบคุณที่ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ขอความรักความสามัคคีกลับคืนมาเป็นของพวกเราให้มากที่สุด”

เมื่อถามว่าจะปรับขณะนี้คณะรัฐมนตรีเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดอะไรตอนนี้ โดยประเมินด้วยผลงาน ถึงเวลาก็จะดำเนินการอยู่แล้ว 

“ไม่มีการปรับครม.​ ผมยังไม่ได้คิดอะไรตอนนี้ ผมประเมินด้วยผลงาน และการอภิปรายครั้งก็จะรวบรวมเพื่อไปใช้ประโยชน์ ส่วนการทำงานของพรรคร่วม เป็นมติความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน”

เมื่อถามว่าหลังอภิปรายเสร็จแล้ว จากนี้รัฐบาลเดินหน้าทำงานโดยปราศจากข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านใหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า​ "ไม่เคยหยุดงาน ผมก็ทำงานทุกวันแล้ว และไม่ว่าจะอภิปรายไม่อภิปรายก็ทำงานตลอด ส่วนสถานการณ์ภายนอกจากการชุมนุม ได้มีการพูดคุยกับผบ.ตร.​ ถึงสถานการณ์แล้ว"

กระทรวงศึกษารั้งบ๊วย วิเคราะห์เบื้องหลังผลสอบณัฏฐพลบู่ คาดปมส่งภรรยาลงชิงผู้ว่ากรุงเป็นเหตุ

หากเรียงอันดับคะแนนสอบ​ผลลงมติซักฟอก​ 'รัฐบาลตู่ 2'​ จากมากไปน้อย​ จะมีหน้าตาเรียงกันออกมาดังนี้... 

1.​ ร​มว.สาธารณสุข​ นายอนุทิน ชาญวีรกุล
2.​ รองนายกรัฐมนตรี​ พลเอก​ประวิตร​ วงศ์สุวรรณ
3.​ รมช.เกษตร​ ร้อยเอก​ธรรมนัส​ พรหมเผ่า
4.​ นายกรัฐมนตรี​ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา
5.​ รมว.มหาดไทย​ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
6.​ รมช.มหาดไทย​ ​นายนิพนธ์ บุญญามณี
7.​ รมว.คมนาคม นายศักดิ์สยาม​ ชิดชอบ
8.​ รมว.พาณิชย์​ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
9.​ รมว.แรงงาน​ นายสุชาติ​ ชมกลิ่น
และ​ 10.​ รมว. ศึกษาธิการ​ ณัฏฐพล​ ทีปสุวรรณ

คะแนนที่ออกมา​ น่าจะดูจากการตอบคำถาม!! 

ทำไมรมต.อนุทิน​ ได้คะแนนสูงสุด!! 
เชื่อว่าน่าจะมาจากการตอบคำถามสวนหมัดตรงจากคำถามอันกร้าวร้าวของ ส.ส.วิโรจน์​ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่แทนที่จะกดหัวหมอหนูให้อยู่หมัด​ กลายเป็นเข้าทาง รมว.สาธารณสุข​ เต็มๆ ขณะเดียวกันก็มีแรงเสริมจากการช่วยตอบของทีมแพทย์​กระทรวงสาธารณสุข​ที่ต้องบอกว่าข้อมูลแน่นเอี้ยด​ ดังนั้น​ รมว.สาธารณสุข​สมควรได้คะแนนสูงสุด​ จึงถูกต้องแล้ว

ส่วนคนที่ตอบคำถามชัดเจนภาษาชาวบ้านได้ดีอีกคน​ จนทำให้บรรดาชาวบ้านและสื่อมวลชนที่ฟังอยู่เข้าใจง่ายและเคลียร์ คือ​ ร​มช.มหาดไทย​ นายนิพนธ์​ บุญญามณี ในเรื่องมีผลประโยชน์รู้ข้อมูลซื้อขายที่ดินในการจัดตั้งนิคมภาคใต้ ที่​อ.จะนะ จ.สงขลา​ ทำให้ผลจากการอภิปรายของ ส.ส.พรรคก้าวไกล​ เป็นรองไปในบัดดล

ส่วน​ รมว.คมนาคม​ นายศักดิ์สยาม​ ชิดชอบ  และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย​ที่โดน​ ​ส.​ส.พรรค​แดง​และพรรคส้ม รุมกระหน่ำเรื่องความไม่ชอบมาพากล ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ระดับวงเงินสูงกว่าหนึ่งแสนล้านบาทนั้น​ แม้จะตอบคำถามไม่เคลียร์ทั้งหมด แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดได้ในที่สุด  ถึงคะแนนจะห่างจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไปหลายคะแนน​ ก็เป่าปากสุดปอด

ส่วน​ รมว.กระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น​ ที่ตอบคำถามได้เคลียร์​ แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีแรงงานตกงานเพราะพิษโควิด รวมทั้งการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร​ เลยได้คะแนนน้อยไปนิด

ส่วนที่น่าแปลกใจหน่อย​ คือ​ รัฐมนตรีว่ากา​ร​กระทรวงศึกษาธิการ​ 'ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ'​ ที่อาการไม่ค่อยดี​ จากผลคะแนนน้อยที่สุดได้อันดับที่ 10 ทั้งที่ตอบกระทู้ดีมากและเคลียร์ น่าจะมาจากการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ​ ที่มีส.ส.ในมือน้อยที่สุด​ โดยแว่วมาว่า ส.ส.กทม. ในมือที่มี 12 คน​ ตอนนี้เหลือแค่ 6 คน​ จากการที่หลายคนได้ออกไปตั้งกลุ่มเอง หรือ​ ​'​กลุ่มดาวฤกษ์'​ แต่เชื่อว่ากลุ่มนี้คงยกมือให้นายเก่าโดยพร้อมเพรียงกัน​ 

ทว่าน่าจะมีกลุ่ม​ ส.ส.ภายในพรรคที่น่าจะยกมือสวนทาง​ ซึ่งอาจจะสืบเนื่องจากปมภายในพรรคพลังประชารัฐ​ ที่หัวหน้าพรรค​ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ สนับสนุนพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจ​แห่งชาติ​ ลงสู้ในสนามแย่งผู้ว่า​เมืองหลวง​ แต่​ ณัฏฐพล​ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1​ ของพรรค ก็ไม่ถอย และแว่วว่าผลักดันภรรยาตัวเอง​นางทยา ทีปสุวรรณ ที่เป็นอดีตรอง​ผู้ว่า​กทม.​ และแกนนำ กปปส.​ แข่งกับ พลตำรวจเอกจักรทิพย์​ เช่นกัน​ เพราะถือว่าพรรคมีมติไม่ส่งผู้ว่า กทม.​ ดังนั้นใครๆ​ ก็ส่งได้สิ

ฉะนั้นคะแนน​สอบของ ​ณัฏฐพล​ ได้น้อยที่สุดน่าจะเกี่ยวข้องทางตรง หรือทางอ้อมกับการส่งภรรยาลงผู้ว่ากทม.​ ซึ่งมีผลของการตัดคะแนนกันเอง ในฐานเสียงที่สนับสนุนรัฐบาลลุงตู่  

แต่​มาดู​คะแนน​ฟาก​ ธรรมนัส​ พรหมเผ่า ที่ได้ข่าวว่ามีส่วนในการสนับสนุนพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา​ มีคะแนนห่างอย่างมีนัยยะกับ ณัฏฐพล​ ทีปสุวรรณ​ นี่คือวัดพลังกันในการแย่งชิงแคนดิเดตในนามพรรคพลังประชารัฐ​หรืออิสระ หรือไม่​น่าติดตามจริงๆ

แต่ที่เห็นในการลงมติครั้งนี้ รัฐมนตรีศึกษาฯ​ ณัฏฐพล​ ดูจะเสียรังวัดไปพอสมควร ในการประลองในสนามแรก
 

'ก้าวไกล'​ ไปต่อ เดินหน้ายุทธการกรีดแผลโรยเกลือ 'นายกฯ-รมต.'​ ไม่ให้มีชีวิตรอดหลังซักฟอก จ่อส่ง ปปช.ถอดถอน 'นิพนธ์'​ คนแรก หลักฐานชัด ผิดจริยธรรมการเมืองร้ายแรง รมต.คนอื่นรอคิวต่อไป

ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า เรายืนยันว่าเราตั้งใจทำใน 4 วันนี้ให้ออกมาอย่างสุดความสามารถ​ แม้ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างที่เห็น 

แต่อย่างไรก็ตาม​ เราได้กรีดแผลไปในสภา ซึ่งแผลที่เกิดขึ้น​ ก็ได้สะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือแรงงาน ต่อไปปีนี้จะไม่เหมือนปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ยืนยันจะมียุทธการโรยเกลือย้ำแผลที่เราได้กรีดไว้ โดยจะมีกระบวนการทำงานต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยื่นต่อปปช. ต่อศาลในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน 

ด้าน​ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเตรียมข้อมูลของการอภิปรายพรรคก้าวไกล รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง แม้เราสร้างแผล​ ไม่ว่าจะเป็นแผลข่วน ไฟไหม้ และแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะนายกฯ​ ที่หนีภาษีไปจนถึงคอร์รัปชั่นในระดับนโยบาย รถไฟฟ้า อุตสาหกรรม พลังงาน รวมทั้งการเอื้อประโยชน์นายทุนหลายรายให้เข้ามาใช้ทรัพยากรของชาติแบ่งปันผลประโยชน์เพื่อพวกพ้องตัวเองและเครือข่าย แต่อย่างไรก็ตามผลการลงมติครั้งนี้อาจจะสะท้อนว่าเราทำงานยังไม่หนักพอ เพราะคนที่จะตัดสินคือประชาชน ว่าจะยังไว้ใจให้คณะรัฐมนตรี รวมถึงนายกฯ​ ชุดนี้ให้ทำงานต่อไปหรือไม่ 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า มาตรการโรยเกลือที่เราจะทำต่อคือจะมีการยื่นจดหมาย หนังสือร้องเรียนต่างๆ​ ไม่ว่าจะเป็นการยีนถอดถอนรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน กรณีของการผิดจริยธรรมนักการเมืองไปที่​ ป.ป.ช.โดยจะมีการยื่นขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นการขอข้อมูลกองทัพบก กรณีการใช้ที่ดินราชพัสดุ เพื่อการปฏิรูปกองทัพ และยื่นตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างทุกกระบวนการโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม สำหรับกระทรวงศึกษาเราจะยื่นตรวจสอบการกลับมติครม. กรณีการลดงบประมาณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นี่คือกระบวนการโรยเกลือเพื่อให้แผลที่เราเปิดไว้ในสภาออกไปสู่นอกสภา เพื่อติดตามผลว่านายกฯ​ และรัฐมนตรีต่างๆ​ จะยังมีชีวิตรอดหลังจากอภิปรายไว้ต่อไปหรือไม่ จึงขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ส่งข้อมูลและสนับสนุนพรรคก้าวไกล เพื่อเป็นเบาะแสในการตรวจสอบนำมาสู่การอภิปรายในครั้งนี้ 

“รัฐมนตรีที่จะยื่นให้ป.ป.ช.​ ถอดถอนคือนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นคนที่มีหลักฐานพร้อมที่จะยื่นเป็นคนแรก กรณีผิดจริยธรรมของนักการเมืองอย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีนายบอส อยู่วิทยา ที่นายกฯ​ และรองนายกฯ​ ที่มีส่วนแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเปิดเผยรายงานข้อเท็จจริงที่นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งมีรายชื่อและรายละเอียดชัดเจนว่ามีใครบ้างที่พัวพันกับคดีนี้”  น.ส.ศิริกัญญา กล่าว 

เมื่อถามว่าจะดำเนินการลงโทษส.ส.​ ที่โหวตลงมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข อย่างไร? นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคมีคณะกรรมการที่ตรวจสอบวินัยสมาชิกพรรคอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา อย่างการไล่ส.ส.​ ออกไปตอนนี้ มีแต่จะไปเข้าทางของผู้มีอำนาจ แต่เราจะมีกระบวนการลงโทษที่ชัดเจน เช่น ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคทั้งหมด รวมถึงการทำงานในสภาในนามพรรคทั้งหมด เราไม่นิ่งนอนใจ ซึ่งยอมรับว่าหากมีส.ส.​ ในพรรคแหกมติจริง ก็ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคะแนนเสียงที่เลือกเรามาแล้วผิดหวัง ประสบการณ์ครั้งนี้จะนำมาสู่การปฏิรูปพรรคอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำงานเต็มที่ 

เมื่อถามผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ามีการประสานงานกันกับคนในพรรคเพื่อให้ลงมติให้นายอนุทิน เพราะเมื่อครั้งยุบพรรคก็เสียส.ส.​ ไปหลายคน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นความจริงตนในฐานะหัวหน้าพรรคก็ผิดหวัง แต่ไม่ผิดคาด เพราะเรามีกระบวนการในพรรคเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯ​ ได้คะแนนโหวตไม่มาก นายชัยธวัช กล่าวว่า สะท้อนว่าเป็นระบบการเมืองแบบเก่า ที่ยังมีอิทธิพลและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นปัญหาสภาพแวดล้อมที่เราเคยอยู่พรรคอนาคตใหม่ ก็พยายามต่อสู้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะเราที่เป็นพรรคการเมืองเท่านั้นที่ไม่อยากเห็น แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการเมืองแบบนี้ ซึ่งถอยย้อนหลังมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รัฐประหาร 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top