ศูนย์เอราวัณรายงานผู้บาดเจ็บม็อบหน้าสภา 55 คน ด้าน ประธานสภา แจงเอ่ย "ขอบคุณ" ทุกฝ่ายไม่เลือกปฏิบัติ ขอให้เชื่อสภายังเป็นพึ่งของปชช.
เมื่อเวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงถึงภาพรวมการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2563
โดย นพ.สุกิจ กล่าวว่า ประธานสภามีความห่วงใยต่อผู้ชุมนุมโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา และได้มอบหมายให้ตนและทีมงานให้ติดตามดูแลให้การช่วยเหลือต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
โดยรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมของศูนย์เอราวัณ มีผู้บาดเจ็บรวม 55 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา 32 คน, ถูกยิง 6 คน, มีอาหารป่วยขณะชุมนุม 4 คน และบาดเจ็บอื่น ๆ 13 คน ซึ่งได้กระจายรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
ซึ่งตนและทีมงานได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาส่วนมากจากแก๊สน้ำตาและได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ส่วนรายที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิงที่โคนขาซ้ายตอนที่ตนไปก็กำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่
ด้านนายแทนคุณ กล่าวว่า "เมื่อวานตนได้มีโอกาสตามนายชวน หลีกภัย ไปดูแลในพื้นที่โดยรอบของรัฐสภา ขอยืนยันว่านายชวนได้มีความเป็นห่วงเป็นใยทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่สภา ตำรวจ รวมทั้งผู้ชุมนุมด้วย ได้ตั้งทีมให้ไปดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั่นก็สะท้อนถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
และคำว่าขอบคุณที่ท่านกล่าวนั้น ท่านกล่าวว่าขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งก็สะท้อนกลับมาที่สภาว่าจะต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีในเมื่อเจ้าหน้าที่ ประชาชนได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้ว ไม่ได้เป็นการกล่าวขอบคุณฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเป็นการสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายเดียว และได้กำชับให้ดูแลทุกฝ่ายให้ดี"
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า "เป็นความไม่สบายใจของพวกเราที่ทำงานในสภา ที่เหตุการณ์ชุมนุมใช้อาวุธที่รุนแรงซึ่งเข้าใจว่าการชุมนุมกับการดำเนินวิถีประชาธิปไตยเป็นของคู่กัน เราเองเข้าใจในสิทธิเสรีภาพแต่ก็มีความเป็นห่วง และโชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่มีการกระทบกระทั่งกันแต่โชคดีที่เรามีสื่อมวลชนคอยจับตา ทำให้เราเห็นภาพหลักฐานว่าใครทำอะไรอย่างไร
ทั้งนี้ในวันนี้จะมีการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้ประชาชนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยได้เชื่อมั่นและเคารพในกติกาในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาโดยใช้รัฐสภาที่เป็นภาษีของประชาชนได้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยกทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการจาบจ้วงสถานบัน ตนมองว่าเป็นประเด็นที่แหลมคมและนำมาซึ่งความเจ็บซ้ำน้ำใจของแต่ละฝ่าย ขอให้ระมัดระวังในท่าทีหรือถ้อยคำซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานสภามีความห่วงใยว่าอยากให้สื่อสารว่าสภายังเป็นที่พึ่งที่หวังโดยเฉพาะนายชวนยังเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยในขณะนี้