กรณีศึกษา โกยซีนการเมือง ผ่านเวที Cat Expo7
ต่อให้อุณหภูมิการเมืองบ้านเราจะร้อนแรงเหมือนแดดเผาแค่ไหน แต่คนไทยก็ใช่จะต้องกลัว เพราะวิธีดับเรื่องร้อน ๆ มันมีอยู่เยอะแยะ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เพิ่งจะมีงานเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นผ่ากลางสมรภูมิการเมืองแบบคู่ขนาน ในชื่องาน 'Cat Expo7' ที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 - วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ (รามอินทรา กม.10) เพื่อที่ดับร้อนของคนที่อยากฉีกหนีจากโลกการเมืองสักพัก
แต่ไหงคนที่เข้าไปงาน Cat Expo7 ถึงแอบบ่นว่างานนี้โคตรร้อนกว่าเดิม แต่ร้อนที่ว่านี่คือ 'อารมณ์ร้อน'
ก็จะไม่ให้ร้อนได้ไง!! งานก็ไม่ใช่งานฟรี คนอยากไปดูคอนเสิร์ตดีๆ เพื่อหนีการเมือง ก็ดั๊นนน... มาเจอดราม่าการเมืองบนเวทีดนตรีอีก เฮ้ย!! มันผิดที่
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงเวลาของศิลปินวง T_047 ได้อัญเชิญแกนนำราษฎรขึ้นมาบนเวทีคอนเสิร์ตไม่ว่าจะเป็น รุ้ง, ไผ่ ดาวดิน, แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ พร้อมแกนนำคนอื่นๆ
ทั้งหมดได้มีส่วนร่วมร้องเพลงกับศิลปิน T_047 ซึ่งจริงๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร และจบลงด้วยดีไร้ความรุนแรงใดๆ นอกจากการชูสามนิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคณะราษฎรทิ้งท้าย
แต่เรื่องที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่การขึ้นมาร่วมร้องเพลงของแกนนำเหล่านี้ แต่มันอยู่ที่ความเหมาะสมของการกระทำที่เกิดขึ้น
เพราะถึงแม้แกนนำม็อบจะไม่ได้มาปราศรัยเต็มรูปแบบ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวที 'ฉกฉวย' ซีน ที่หวังว่าจะมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้คนที่กำลังเมามันกับสิ่งที่เรียกว่า 'ดนตรี' เคลิ้มตาม
แน่นอนว่าโดยภาพรวมของงาน ก็มีศิลปินหลายท่านที่แสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในแบบของตนผ่านทางเสื้อผ้า คำพูด หรือวัตถุ แบบตรงและอ้อม
แต่นั่นก็ไม่ได้ไร้มารยาทดั่งเช่นศิลปิน T_047 ที่ชวนแกนนำม็อบขึ้นมาร่วมร้องเพลง
นี่ถือเป็นเรื่องของมารยาททางสังคมล้วน เพราะเชื่อว่าผู้กระทำย่อมรู้อยู่แล้วว่า “ผิดที่” ผิดเวลา แต่มันดัน “ถูกเวลา” เป๊ะ ๆ
ต่อให้ทั้งคอนเสิร์ตเป็นแฟนคลีบม็อบทั้งหมด ก็เชื่อเถอะว่า บางส่วนก็คงมิได้เห็นด้วย เพราะงานดนตรีควรเป็นที่ของทุกคนที่มีความชื่นชอบในเสียงเพลง และไม่ควรนำความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาเป็นประเด็น โดยใช้พื้นที่งานในการแสดงออก แล้วทำให้ผิดไปจากจุดมุ่งหมายที่เจ้าของงานตั้งใจที่จะจัดเทศกาลดนตรีนี้ขึ้น
การแสดงออกทางการเมืองมีมากมายหลายวิธี และก็เถียงไม่ได้ว่า “ดนตรี” นี่แหละก็เป็นอีกทางที่ใช้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ แต่ความสร้างสรรค์นั้น ก็ควรต้องอยู่บนพื้นฐานของ “กาลเทศะ” ด้วย
แยกแยะเรื่องแค่นี้ยังไม่ได้ แล้วในอนาคตใครจะกล้าให้มาแยกแยะงานใหญ่ยิ่งกว่า หากประเทศไทยต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ล่ะ