Tuesday, 17 June 2025
Politics

‘ชวน’ เผย ส.ส.กปปส. ถูกจำคุก ทำหลุดสมาชิกภาพ รอ กกต.ดำเนินการต่อ ยอมรับ ผบ.ตร. ขอตัว ‘เอ๋ ปารีณา’ ไปสอบ แต่บอกปิดสมัยประชุมนำตัวไปได้ทันที

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ส.ส.และไม่ให้ประกันตัว ประกอบด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร นายอิสสระ สมชัย ส.ส. บัญชีรายขื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เมื่อไม่ได้ประกันตัวสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ก็ต้องหมดไป ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เหมือนกรณีของนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแกน พรรคเพื่อไทย ที่โดนคดีอาญาจ้างวานฆ่า จากนั้นกกต.จะเป็นผู้วินิจฉัยและดำเนินการขณะที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปตามกฎหมาย

นายชวน ยังเปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ขอตัว ส.ส.ไปสอบสวน 2 คน หนึ่งในนั้นคือน.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ไปดำเนินคดีกรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแล้ว ซึ่งช่วงระหว่างนี้ใกล้ปิดสมัยประชุมแล้วจึงบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมไม่ทัน แต่หลังจากนี้ เมื่อปิดสมัยประชุมแล้ว ส.ส.ก็จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ตำรวจสามารถเรียกไปสอบสวนได้โดยไม่ต้องขออนุญาตสภาฯ

นายชวน ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ว่า ตอนนี้ยืดเยื้อมาก สมาชิกอภิปรายหลักการมากกว่าการแปรญัตติ วันนี้ (25 ก.พ.) จึงจะขอร้องให้สมาชิกอภิปรายอยู่ในกรอบ เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) เสียเวลาไปกับการพิจารณาการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) วันนี้อาจจะเร็วขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของ ส.ส.หากมีความประสงค์จะให้รัฐธรรมนูญออกมาได้ต้องช่วยกัน ไม่ใช่ประวิงเวลา ซึ่งหากวันนี้ไม่เสร็จ ก็ต้องหารือกันว่าจะจะขยายการพิจารณาพรุ่งนี้ได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่มีปัญหา

‘แก้วสรร อติโพธิ’ เชื่อ กปปส.สามารถชี้แจงและพลิกคดีได้ในชั้นอุทธรณ์ ชี้การชุมนุมเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยันไม่ได้ทำผิด เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเปรียบการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังเช่น การไล่งูเห่าออกจากห้องนอน

นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "รายงานจากศาลอาญา คดี กปปส." ผ่าน www.thaipost.net โดยมีรายละเอียดว่า

ถาม : อาจารย์หลุดเข้าไปเป็นจำเลยใน คดี กปปส.ได้อย่างไร ทำแค่ขึ้นเวทีเท่านั้น

ตอบ : ทฤษฎีของดีเอสไอและอัยการภายใต้บัญชาการทางการเมืองขณะนั้น ใช้ทฤษฎีเหมาเข่ง ใครมีการกระทำเป็น พันธมิตร กปปส. ต้องหาทางจับขึ้นศาลให้หมดขนาดนักดนตรีขึ้นเวทีพันธมิตรที่สุวรรณภูมิ ยังโดนฟ้องสนับสนุนก่อการร้ายเลย ผมเองโดนสนับสนุนแกนนำ กปปส.กระทำผิด เพราะปราศรัยทำให้ลุงกำนันสุเทพมีกำลังใจ

ถาม : ศาลท่านตัดสินอย่างไรในปัญหานี้

ตอบ : เมื่อศาลไม่ยอมเหมาเข่งตามที่ฟ้อง ผมก็ต้องรับผิดในส่วนการขึ้นเวทีของผมเท่านั้นก็เลยหลุดคดีไป ส่วนแกนนำเองก็รับผิดต่างกรรมกันไปเฉพาะส่วนที่ตนทำ คุณถึงเห็นโทษไม่เท่ากันซักคนต่างกันไป ก็ถูกต้องแล้วครับที่ศาลท่านปฏิเสธทฤษฎีเหมาเข่งแบบนี้ พนักงานสอบสวนกับอัยการช่วยจำไว้ด้วย คดีม็อบสามนิ้ว ต้องอย่าทำอย่างนี้อีก

ถาม : อาจารย์รู้สึกไหมครับว่า ทำเพื่อชาติไล่ความชั่วออกจากบ้านเมืองแล้ว ทำไมถึงติดคุกกันอย่างนี้

ตอบ : ผมสงสารเพื่อนจำเลยที่เป็นแกนนำมากๆ ส่วนตัวผมเองไม่ดีใจอะไรที่ศาลยกฟ้องเพราะรู้อยุ่แล้วว่า ไม่มีอะไรให้ลงโทษผมได้ ผมทำแค่ปราศรัยด้วยเหตุด้วยผลเท่านั้น ในส่วนความคิดทางกฎหมายนั้น ผมยังเชื่อว่าคดีพลิกในชั้นอุทธรณ์ได้ ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับ “ สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญของ กปปส.” ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๙ ว่า

มาตรา ๖๙ บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

ถาม : เห็นในคำพิพากษาก็รับไว้แล้วมิใช่หรือว่า เรากำลังใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบ และสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

ตอบ : ท่านขึ้นต้นไว้ก่อนเลยสั้นๆว่าเรามีสิทธิ แต่หลังจากนั้นท่านยืนยันทุกครั้งที่วินิจฉัยความผิดแต่ละกระทงว่า “จะนำสิทธิพื้นฐานมายกเว้นการกระทำผิดกฎหมายไม่ได้” ตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้ความผิดตามกฎหมายต่างๆ มันแห่เข้ามาเอาผิดแกนนำได้ ทั้ง ก่อความวุ่นวาย ขัดขวางเลือกตั้ง บุกรุกสถานที่ราชการ ยุยงเจ้าหน้าที่รัฐหยุดงาน มีที่หลุดไป ๒ ข้อหาคือ กบฏ กับ ก่อการร้าย นั่นก็หลุดไปเพราะท่านเห็นว่าไม่เข้าองค์ประกอบ มิใช่เพราะมีอำนาจกระทำตามสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

ถาม : แล้วอย่างนี้จะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญากันอย่างไร

ตอบ : ก็ต้องอุทธรณ์ทั้งสองปัญหาครับ ว่า

๑. อุทธรณ์ว่าการกระทำของเราไม่เข้าองค์ประกอบความผิด เช่นว่าเข้ากระทรวงคลังไปชักชวนเจ้าหน้าที่ให้หยุดงานเท่านั้น มิใช่การบุกรุกแย่งการครอบครอง ฯลฯ นี่ก็ต่อสู้กันไปตามเนื้อพยานหลักฐาน

๒. อุทธรณ์ว่า เราไม่ผิด เพระเรามีอำนาจกระทำได้ ตาม มาตรา ๖๙ เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เอาสิทธิพื้นฐานมายกเว้นความผิดอย่างที่ศาลต้นเข้าใจแต่เรายืนยันเลยว่าเรามีอำนาจป้องกันรัฐธรรมนูญ เหมือนใช้สิทธิป้องกันตัวเอาปืนยิงนักเลงที่จะแทงลูกเราเลยทีเดียว ข้อต่อสู้นี้คดีอื่นไม่มีเหมือนอย่างเรา

ถาม : คดีอื่น นี่คดีไหนครับ

ตอบ : คดี นปช.ขับไล่รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ก็ไม่มีสิทธินี้ เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนคดีพันธมิตรขณะลุกฮือขึ้นขับไล่ระบอบทักษิณนั้น ภัยจากระบอบทักษิณก็ยังไม่ชัดและประชิดรัฐธรรมนูญเหมือนคดี กปปส. ยิ่งคดีม็อบสามนิ้วด้วยแล้ว สถาบันกษัตริย์ยิ่งไม่เป็นภัยอะไรเลย

ถาม : ยุค กปปส. ระบอบทักษิณเป็นภัยสุกงอมแล้วหรือ

ตอบ : ถูกยุบพรรคมาแล้ว ๒ หน, คดีทุจริตศาลลงโทษแล้วหลายคดี, โยกย้ายญาติมิตรลูกน้องเข้ายึดตำแหน่งสำคัญจนศาลตัดสินเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง, พยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ๒ ครั้ง, หนีคดีไปต่างประเทศแต่ส่งน้องสาวมาเป็นหุ่นเชิดยึดครองการเมืองไทยโดยมิชอบ, เป็นเผด็จการรัฐสภาใช้เสียงข้างมากนิรโทษคดีคอร์รัปชั่นให้ตนเองฯลฯ เหล่านี้มันชัดในสายตา กปปส.แล้ว ว่าระบอบทักษิณ เป็นเหมือน งูเห่าที่หลุดเข้ามาในห้องนอน ต้องตีต้องไล่ออกไปให้ได้ เมื่อศาลมาลงโทษเรา เราจึงไม่เห็นด้วยว่า เราจะผิดฐานทรมานสัตว์ไปได้อย่างไร

ถาม : ข้อต่อสู้ว่า กปปส.กำลังไล่งูเห่านี่ใช่ไหม ที่จะเป็นข้ออุทธรณ์สำคัญ

ตอบ : ครับ ถ้าศาลสูงรับว่าเรามีสิทธินี้อยู่จริง เราก็มีสิทธิต่อต้านโดยสงบ ซึ่งอาวุธสำคัญของการต่อต้านโดยสงบก็คือ การหยุดงาน ดังนั้นการที่เราเข้าไปชวนข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่หยุดงานจึงไม่ผิด ทั้งบุกรุกและยุยงปลุกปั่น การขัดขวางเลือกตั้งโดยสงบก็ไม่ผิด จะเหลือที่น่าสงสัยว่าเกินขอบเขตสันติวิธี อยู่ไม่กี่กระทงเท่านั้น ซึ่งก็ลงโทษต่ำกว่ากฎหมายได้ เหมือนกับป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ที่ยังผิดแต่ลดโทษได้

ถาม : จะอุทธรณ์กันเมื่อใด

ตอบ : ก็ต้องโดยเร็วที่สุด รอลุงกำนันได้ประกันตัวก่อน

ถาม : ทำไมลุงกำนันกับพวก ๘ คน ไม่ได้ประกัน เหมือนอีก ๖ คนที่ได้ประกัน

ตอบ : ข้อนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆครับ ถ้าเป็นคดีใหญ่โทษหนักเช่นราชายาเสพติด แล้วศาลต้นขอให้สั่งประกันโดยศาลสูง ดังนี้ผมเคยเห็นและพอเข้าใจเหตุผลได้แต่ศาลอาญาเป็นศาลต้นศาลหลักของประเทศ ลุงกำนันก็โทษ ๕ ปี เท่านั้น ทำไมศาลอาญาไม่สั่งเสียเอง ผมก็ไม่ทราบเหตุผลของท่าน

ถาม : แล้วเมื่อใดศาลอุทธรณ์จะสั่งคำขอประกัน ต้องรอเรายื่นอุทธรณ์คดีก่อนหรือ

ตอบ : ไม่ต้องรอครับ วันสองวันนี้ก็สั่งได้แล้ว

ถาม : มีคนคิดกันว่า ศาลเหี้ยมกับ กปปส. เพื่อขู่คดี ๓ นิ้ว นะครับ

ตอบ : อย่าไปคิดอย่างนั้น คิดไปได้ก็จริงแต่มันไม่มีความน่าจะเป็นให้เห็นเลยครับ


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/94196#

สมศักดิ์ ย้ำ! 4 แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ไม่มีมือถือ ไม่มีสิทธิพิเศษ ยัน! ผิดเงื่อนไขเสียสิทธิลดโทษ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์กรณีมีการตั้งข้อสังเกตทำไม 4 แกนนำกลุ่มราษฎรที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ยังแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ ว่า

“เราต้องเข้าใจว่าทั้ง 4 คน มีแอดมินเพจเป็นของตัวเอง หากทั้ง 4 คน มีโทรศัพท์มือถือก็จะถูกตัดสิทธิบางอย่าง เพราะการมีโทรศัพท์มือถือเป็นการผิดเงื่อนไข เช่น การใช้เงินในเรือนจำ การขึ้นชั้นนักโทษจากชั้นกลางเป็นชั้นดี จากชั้นดีเป็นชั้นดีมาก จากชั้นดีมากเป็นชั้นเยี่ยม เหมือนกรณีแค่การส่งจดหมายออกมา 1 ฉบับก็ถูกตัดสิทธิหลายอย่างเช่นติดคุก 1 เดือน จากได้ลดโทษ 5 วันก็จะไม่ได้ลดโทษเรียกว่าเป็นการเสียค่าโง่"

เมื่อถามย้ำว่า 4 แกนนำ ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี ถ้ามีแล้วถูกจับได้ก็จะให้รางวัลกับคนที่จับได้ ยืนยันว่าไม่มีโทรศัพท์ 1,000 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า 4 แกนนำสามารถสั่งและนำอาหารมารับประทานเองได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรือนจำมีครัวเล็กอยู่ มีร้านค้าสวัสดิการของผู้ต้องขังที่จะทำเป็นอาหารถุงวางขายให้นักโทษ ส่วนกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ในวันที่เข้าเรือนจำวันแรกนั้น ก่อนหน้านั้นเขาต้องไปศาลและทำเรื่องมากมาย พอถึงห้องขังก็หิว มื้อแรกเลยให้สั่งอาหารได้เต็มที่ ซึ่งผู้ปกครองเป็นผู้สั่งอาหารให้

คมนาคมดันรถยนต์ส่วนบุคคล 7 ที่นั่งวิ่งไม่เกิน 120 ไม่ผิดกฎหมาย รถอื่น ๆ ปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม เผยยังอยู่ในขั้นตอนรอกฤษฎีกา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมณตรีกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วยานพาหนะ ซึ่งจะปรับเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนถนนทางหลวงให้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรในปัจจุบัน โดยขั้นตอนจากนี้จะต้องรอให้ทางกฤษฎีกาสรุปความเห็น ก่อนเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

สำหรับกฎหมายฉบับนี้ กำหนดเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์ส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 90 กม./ชม. เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. เฉพาะพื้นที่ที่มีความปลอดภัยทางกายภาพ ซึ่งจะต้องเป็นถนนที่มีมาตรฐานสูงขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไป ไม่มีจุดตัดหรือจุดกลับรถเสมอระดับถนน มีการแบ่งทิศทางจราจรอย่างชัดเจน และมีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น โดยกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับช่องจราจรขวาสุดไว้ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันในช่องทางที่รถวิ่งด้วยความเร็ว

พร้อมทำการปักป้ายกำกับความเร็วตลอดแนวเส้นทางโดยวิศวกรของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ในเขตชุมชนหรือเขตโรงเรียน ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ในบริเวณทางโค้ง ทางแยก หรือทางกลับรถ ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. บริเวณทางตรงซึ่งสามารถทำความเร็วได้ แต่ต้องไม่เกินตามที่ป้ายกำหนด โดยผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรและขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนตลอดการเดินทาง

สำหรับรถประเภทอื่น ๆ ได้ปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม ทั้งรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ส่วนรถในขณะลากจูงรถอื่น รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม. รถจักรยานยนต์ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ส่วนรถจักรยานยนต์กำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือกระบอกลูกสูบรวม 400 CC ขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. รถโรงเรียนใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และรถโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.

"โฆษกพรรคกล้า" ชี้ ภาพการเมือง พปชร. เปลี่ยนไป หลังอดีตแกนนำ กปปส. ถูกพิพากษา ยอมรับหัวใจน้อมรับกระบวนการยุติธรรม แวดล้อมนายกฯ จากนี้สาย “ทหาร - ไทยรักไทยเก่า” ยึดอำนาจ

นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีศาลอาญาชั้นต้นพิพากษาจำคุกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ อดีตแกนนำ กปปส. คือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่น่าใจหาย เพราะหากมองย้อนกลับไปในอดีต โครงสร้างของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่การเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยกชุด เปลี่ยนหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่มาจากพลเรือนออก แทนที่ด้วยผู้บริหารจาก คสช. จนวันนี้รัฐมนตรีสาย กปปส. ขุนพลหลักใน กทม. ก็ต้องมาสิ้นสภาพไป

โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้ภูมิทัศน์ทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นแกนนำพรรคระดับรัฐมนตรี ก็เคยอยู่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยกันทั้งนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในเส้นทางอำนาจต่อไป ส่วนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาบอกกับสื่อมวลชนว่า ปรับ ครม. เที่ยวนี้ ไม่มีโควต้า กปปส. มีแต่โควต้า พปชร.เท่านั้น

“โครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ จากวันเลือกตั้งถึงวันนี้ เปลี่ยนไปมาก ภาพหลักของพรรค รอบตัวนายกฯ กลายเป็นแค่สายทหาร-ไทยรักไทยเดิม” นายธันวา กล่าว

ภาพแห่งความประทับใจ 'ตู่ นันทิดา' ก้มกราบมารดาหลังการประชุมสภาเสร็จสิ้น

หลายท่านคงรู้จัก “ตู่ นันทิดา” แก้วบัวสาย ในฐานะอดีตนักร้องและนักแสดง แต่ในวันนี้ อดีตนักร้องได้ผันตัวเข้ามาสู่การเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่นอกจากจะเป็นครั้งแรกในการรับตำแหน่งนี้แล้วยังเป็นนายก อบจ. สมุทรปราการ หญิง คนแรกอีกด้วย ที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นจากพี่น้อง ชาวสมุทรปราการ

ซึ่งในวันนี้ได้เกิดภาพแห่งความประทับใจ ของ “ตู่ นันทิดา” หลังจากการเข้าประชุมสภาสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2564 เสร็จสิ้นลง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ หรือ “ตู่ นันทิดา” ในชุดเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ ได้ก้มลงกราบ นางประทุมมาศ แก้วบัวสาย ผู้เป็นมารดา ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับข้าราชการ อบจ. สมุทรปราการ ที่ได้เห็นภาพ อบจ. ป้ายแดงท่านนี้ ได้แสดงความกตัญญู กับผู้เป็นมารดา

นอกจากนี้ทั้งทางด้านข้าราชการ อบจ.สมุทรปราการพร้อมด้วยนายสราวุธ แก้วบัวสาย พี่ชาย และนางสิรยา ธนาพรพล พี่สาว ยังได้มาร่วมแสดงความยินดี ภายในห้องทำงาน และร่วมอวยพรให้ “ตู่ นันทิดา” กับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย

อุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน เปิดโต๊ะเจรจา 5 ตัวแทนชาวกระหร่าง กรณี ยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ด้านชาวกระหร่างยื่น 7 ข้อเสนอ พร้อมยืนยันขออยู่ที่เดิม

นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายณัฐวุฒิ เพ็ชร์พรหมศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นายพิชัย วัชรวงษ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 และ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี​ ตั้งโต๊ะเจรจาและรับฟังปัญหาการบุกรุกป่าจากชาวกระหร่างบางกลอยบน - ใจแผ่นดิน ที่บริเวณศาลาพอละจี บ้านบางกลอย หมู่ที่​ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ทั้งนี้​ มีนายประเสริฐ พร้อมด้วยตัวแทนชาวหร่างอีก 4 คน และ มีนายนิรันด์ พงษ์เทศ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่​ 1 บ้านบางกลอง และชาวบ้าน ร่วมเจรจา โดยมีฝ่ายปกครอง ภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายจงคล้าย เผยว่า จากการที่คณะทำงานแก้ไขปัญหากรณีบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตั้งขึ้น ลงพื้นที่ทำงานหาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่จากทางอากาศและได้บันทึกภาพไว้ และเมื่อนำมาประเมินเบื้องต้นพบว่า มีการบุกรุกป่าบริเวณ บ้านบางกลอยบน - ใจแผ่นดิน เพิ่มมากขึ้น ทั้งที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวกันแล้ว

แต่พบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกป่าด้วยการแผ้วถาง และเผาป่า กว่า 120 ไร่ และเห็นที่ชัดที่สุดคือ ตามซอกเขา หลายจุด จุดละประมาณ 15 ไร่เศษ จากนั้นเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เปิดยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ระหว่างวันที่ 22 - 24 ก.พ. โดยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังกว่า 80 นาย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปลงจุดบุกรุกป่าต้นน้ำบางกลอยบน - ใจแผ่นดิน พร้อมเข้าร่วมเจรจาโดยใช้หลักละมุนละม่อม ปราศจากความรุนแรงโน้มน้าวให้ชาวกระหร่างลงมาที่บริเวณบ้านบางกลอยล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐจัดสรรพื้นที่ไว้ให้ชาวกระหร่างทำกิน เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า

นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เผยว่า การเดินทางมาเจรจาในครั้งนี้ เบื้องต้นเพื่อมารับฟังปัญหาและความต้องการที่ชาวกระหร่าง ร้องขอ หากการร้องขอนั้นสามารถทำได้เลยก็จะทำ แต่สิ่งไหนที่ไม่สามารถรับปากในวันนี้ได้ก็จะนำไปรายงานให้คณะทำงานได้ประชุมหาทางแก้ไขเพื่อให้ปัญหายุติลง ขณะที่ ตัวแทนชาวกระหร่าง ได้ยื่นหนังสือข้อเจรจาให้กับเจ้าหน้าที่โดยมีวัตถุประสงค์ 7 ข้อ คือ

1.) พวกเราชาวบ้านบางกลอยขอยืนยันที่จะอยู่พื้นที่เดิมที่เคยอยู่มาก่อน

2.) คนที่ไม่มีความประสงค์จะกลับขึ้นไป ขอให้ช่วยเหลือเรื่องพื้นที่ทำกิน

3.) การปฏิบัติยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการเมื่อวันที่ 22 - 23 ก.พ.ที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเนื่องจากอุปกรณ์ส่องสว่างได้รับความเสียหาย

4.) ขอให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติการในช่วงนี้ จนกว่ากระทรวงทรัพยากรฯจะส่งคณะทำงานมา

5.) ขอให้เจ้าหน้าที่ และบางสื่อเสนอข่าว กล่าวหาว่า พวกเราไม่ใช่คนไทย

6.) ให้มีกระบวนการพิสูจน์สิทธิทั้งภาครัฐและนักวิชาการ กรณี เรื่องการทำไร่หมุนเวียน

7.) จะรอจนกว่าคณะทำงานที่ส่งมาจากกระทรวง ซึ่งอาจจะได้ข้อยุติ

ข้อเรียกร้องดังกล่าว นายจงคล้าย ยืนยันว่า จะนำเสนอให้กับคณะทำงานได้รับทราบและนำไปปฏิบัติเพื่อลดปัญหาการบุกรุกป่าต้นน้ำเพชร ต่อไป

ขณะเดียวกันประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี และภาคีเซฟแก่งกระจานป่าของโลกได้เดินทางไปยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ. แก่งกระจานกล่าวหาว่า...

พบเห็นการกระทำความผิดอาญาโดยมีนายนอแอ๊ มีมิลูก นายคออี้ พร้อมพวก กลับขึ้นไปบุกรุกพื้นที่พิพาท ณ.ปัจจุบันซึ่งเป็นพื้นที่ที่ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้วว่า เป็นพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน อาจเป็นการละเมิดมาตรา 16 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504

ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดทางอาญา จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนและ ดำเนินคดีต่อ กลุ่มบุคคลดังกล่าวซึ่งมีทั้งตัวการและ ผู้สนับสนุน การกระทำความผิด โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำอันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ 2562


ที่มา: https://mgronline.com/local/detail/9640000019019

ศาลอาญาเตรียมพร้อมอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ประกันสุเทพกับพวกหรือไม่ เช้านี้ ทนายรุดติดตาม

เมื่อเวลาเวลา 8.30 น.วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 64 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสวัสดิ์ เจริญผล ทีมทนายความ เดินทางมาติดตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภายหลังศาบอาญามีคำพิพากษาจำคุกเเกนนำ กปปส.เเละส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาประกัน ว่าในวันนี้ทางทนายจะไม่มีการดำเนินการยื่นเอกสารใดๆแล้วเพียงแต่อยู่ในขั้นของการรอฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่จะมีการปล่อยตัวจำเลยทั้ง 8​ คน ซึ่งมีการถูกควบคุมตัวมาแล้ว 2 วัน

นายสวัสดิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สมควรแล้วที่ทางศาลจะมีคำสั่งปล่อยตัวจำเลยทั้ง 8 คน เพราะการถูกพิพากษาในครั้งนี้เป็นผลจากการชุมนุมตั้งแต่ปีพ.ศ 2556 และสิ้นสุดการชุมนุมเมื่อปีพ.ศ.2557 พฤติการณ์ทั้งหมดของผู้ที่ถูกตัดสินถือเป็นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง มาโดยตลอดจนกระทั่งวันที่ศาลมีคำสั่งพิพากษาตัดสินให้จำเลยมีความผิด

สำหรับหลักการที่จะไม่มีการปล่อยตัวศาลจะพิจารณาจากหลัก​ 4​ ข้อประกอบด้วย

1.) จำเลยมีการพยายามหลบหนีหรือไม่

2.) มีการยุ่งเกี่ยวกับพยานหรือไม่

3.) มีการทำผิดในเรื่องอื่นหรือไม่

และ 4.) หลักประกันมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ซึ่งที่ผ่านมาหลักประกันที่ทางทนายยื่นไปประกอบไปด้วยเงินสด

ซึ่งจากที่ทีมทนายได้มีการวิเคราะห์ร่วมกันกับจำเลยทั้ง 8 คน สรุปว่าที่ผ่านมาทั้งหมดไม่เคยมีใครมีพฤติการณ์หลบหนี ทุกคนมีการมาพบเจ้าหน้าที่ตามนัด ทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมีหลักประกันที่น่าเชื่อถือและไม่เคยมีใครปฏิเสธอำนาจของศาล

ฉะนั้นแล้วทั้งหมดจึงอยู่ในข่ายที่สมควรได้รับการประกันตัว ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ทราบว่าศาลจะพิจารณาคำสั่งอนุญาตประกันเมื่อใด แต่ถ้าศาลมีการอนุญาตให้ประกันแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นในส่วนของ การให้หมายปล่อยและราชทัณฑ์จะมีการตรวจสอบ การใช้เวลาน้อยหรือมากขึ้นอยู่ที่ขั้นตอนของทั้งสองส่วนซึ่งทางทนายไม่อาจละเมิดได้ ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไร ทนายและจำเลยก็ยินดีน้อมรับ

ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานนี้​ (25 ก.พ.) ที่ศาลไม่มีคำสั่งให้ประกันทางทนายไม่ มีการพูดคุยกับจำเลยทั้ง 8 คนเนื่องจากเลยเวลาเข้าเยี่ยมของราชทัณฑ์แล้วเพียงแต่โทรศัพท์แจ้งทางญาติที่เฝ้ารออย่างมีความหวัง

ส่วนเรื่องของโรคประจำตัวทางราชทัณฑ์การแจ้งผ่านทนายว่าสามารถมีการฝากยาไว้ให้จำเลยทั้ง 8 คนได้ แต่อย่างไรก็ตามในเรือนจำเองมีโรงพยาบาลที่จะคอยอำนวยความสะดวกในอาการเจ็บป่วยอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า โดยเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาทางศาลอาญาได้มีการประสานทำความเข้าใจว่ากรณีการจำคุกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกว่าที่ผ่านมาทางศาลอาญายังไม่มีคำสั่ง​ "ไม่ให้ประกันตัว" แต่มีคำสั่งว่า เห็นควรส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าจะให้ปล่อยตัวหรือไม่ ดังนั้นจะไม่ใช่การยื่นขอประกันใหม่ แต่เป็นการรอฟังผลการพิจารณาจากทางศาลอุทธรณ์เท่านั้น โดยขณะนี้มีรายงานว่าทางศาลอาญาเตรียมความพร้อมที่จะอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในช่วงเช้านี้

ทำไม 'กปปส.' ได้ประกันวันหยุด ? ระเบียบตีตราชัดไม่มีเส้นใหญ่ เพื่อคุ้มครองสิทธิ ผู้ต้องหา จำเลยได้รวดเร็ว

ไม่นานมานี้​ เจ้าของเฟซบุ๊ก​ Tanakorn​ Wongpanya ได้โพสต์ข้อมูลกรณีการได้ประกันตัวในช่วงวันหยุดของกลุ่มแกนนำ​ กปปส.​ ซึ่งอาจจะเกิดข้อสงสัยจากสังคมว่าสามารถทำได้ด้วยหรือไม่นั้นว่า... 

ทำไมได้ประกันวันหยุด

เรื่องนี้ ประธานศาลฎีกา สมัยไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ได้ลงนามออกประกาศ "ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการเปิดทำการศาลและพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวันหยุดราชการ พ.ศ.​ 2562 

กล่าวคือ ให้ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์-ฎีกา เปิดสั่งประกันวันหยุดเพื่อประโยชน์ยุติธรรมที่โดนคดี 

เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา/จำเลยให้ได้รับการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยเร็ว จึงวางระเบียบเกี่ยวกับการเปิดทำการศาลในวันหยุดราชการ 

1) กรณีที่มีวันหยุดราชการติดต่อกัน 2 วันให้เปิดทำการในวันหยุดราชการวันแรกเป็นอย่างน้อย 

(2) กรณีที่มีวันหยุดราชการติดต่อกัน 3 วัน ให้เปิดทำการในวันหยุดราชการวันที่ 2 เป็นหนึ่งวันเป็นอย่างน้อย 

(3) กรณีที่มีวันหยุดราชการติดต่อกันตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป ให้เปิดทำการในวันหยุดราชการวันแรกและวันที่สามเป็นอย่างน้อย แต่ต้องมีให้ศาลปิดทำการติดต่อกันถึง 2 วัน 

กับให้ศาลชั้นต้นเปิดทำการศาลในวันหยุดราชการทุกวันเพื่อพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนั้นให้หมายความรวมถึงการรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและการอ่านคำสั่ง 

นอกจากนี้ยังให้ศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาเปิดทำการศาลในวันหยุดราชการทุกวันด้วยเพื่อพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์หรือชั้นฎีกา หรือคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 

วันนี้ 8 กปปส. ได้ประกัน โดยยื่นขอประกันตั้งแต่วันแรก และยื่นอีกครั้งเมื่อวาน แต่ศาลสั่งลงมาในวันหยุด

ส่วนเรื่องมาตรฐานในทางปฏิบัติ กับระเบียบก็ควรเป็นธรรมกับทุกเคส เช่นนั้นเอง


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10219748318165507&id=1445075492


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top