Monday, 28 April 2025
Politics

‘สกลธี’ เดือด ‘ตะวัน-แบม’ ป่วนเวทีปราศรัย ลั่น!! พปชร. พร้อมฟัง แต่มาให้ถูกกาลเทศะ ครั้งหน้าจ่อเพิ่มการ์ด

(1 เม.ย.66) ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าทีมกทม. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเหตุการณ์ชุลมุน ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ ‘แบม’ อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ พร้อมกลุ่มได้มาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวที่เวทีปราศรัยย่อยพลังประชารัฐ ว่า พรรคพลังประชารัฐตั้งใจมาปราศรัยพบปะพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้พูดเสมอถึงการก้าวข้ามความขัดแย้งและรับฟังทุกฝ่าย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถูกกาลเทศะ เพราะเป็นการทำกิจกรรมของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การรับฟังและการพูดคุยน่าจะใช้เวทีอื่น และมาในลักษณะที่สงบและเป็นมิตรมากกว่านี้ หากพูดถึงมารยาทตนคิดว่าเป็นการขาดมารยาทในขณะที่พรรคการเมืองหนึ่งหาเสียงและมีคนมาป่วนเวที ในขณะที่ต้องการเสนอนโยบายให้ประชาชน ถ้ามาเบาๆก็ยังคุยกันได้ แต่นี่มาในลักษณะเหมือนกับการก่อกวนไม่ต้องการพูดคุยกัน และมีลักษณะที่เกิดความรุนแรงขึ้นด้วย ตนได้รับรายงานว่าการ์ดเวทีเจ็บไป 4 คน ซึ่งต้องขอปรึกษากับผู้ใหญ่ก่อนว่าทางพรรคจะดำเนินการอย่างไร และส่วนตัวของการ์ดก็จะไปแจ้งความ

นายสกลธี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเราต้องเอาการจัดงานครั้งนี้เป็นบทเรียน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เพราะเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว การจัดเวทีที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ทางผู้บริหารพรรคก็จะเอาเหตุการณ์นี้ไปเป็นบทเรียนโดยอาจจะมีการจัดการ์ดมากขึ้น และแจ้งตำรวจท้องที่ในเวลาที่มาทำกิจกรรม เพราะไม่อยากให้เกิดภาพการปะทะ ขอให้มาแข่งด้วยการหาเสียงด้วยนโยบายดีกว่าเพื่อให้ประชาชนตัดสินเอง

‘ชัยวุฒิ’ กำชับดูแลผู้เสียหาย ปมข้อมูลหลุด 55 ล้านราย พร้อมเร่งใช้ Digital ID ช่วยยกระดับดูแลความปลอดภัย

(3 เม.ย.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณี ผู้ใช้งานบัญชี ‘9near’ ที่อ้างว่ามีข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านราย บนเว็บไซต์ Bleach Forums นอกเหนือจากที่เร่งหาหลักฐานและตัวคนร้ายแล้ว ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเร่งหาข้อเท็จจริง ดูแลผู้เสียหายจาก 9near ตลอดจนเร่งรัดการใช้ Digital ID และยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เป็นประธานการประชุม ‘การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานรัฐ’ โดยได้เชิญหน่วยงานรัฐที่มีข้อมูลส่วนบุคคลขนาดใหญ่หรือมีจำนวนมากหารือ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงาน กกต. เป็นต้น รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ในการประชุม ได้มีการ หารือประเด็นสำคัญดังนี้

1. ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรวมทั้งฐานข้อมูลของหน่วยงานเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีการตรวจสอบเพื่อป้องกันและแก้ไขช่องโหว่ของระบบที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร

โดยนายศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้รายงานในที่ประชุมว่า จากการสุ่มตรวจของ สคส. ได้พบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสมของหน่วยงานของรัฐ และได้ทำการแจ้งเตือนไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือปรับปรุงตามคำแนะนำ 

ทาง พลอากาศตรี อมร ชมเชย. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทาง ไซเบอร์แห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า THAICERT ของ สกมช. ตรวจพบว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานถูกโจมตี และยังมีการหลุดรั่วของข้อมูล ซึ่งได้ประสานงาน เร่งแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาอย่างต่อเนื่อง

2. แนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลในหน่วยงานของรัฐ อาทิ พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ พรบ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๕ 

ทั้งนี้ หากหน่วยงานทำข้อมูลรั่ว โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ต้องรีบแจ้ง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้เสียหาย รวมถึงควรทำการเยียวยาผู้เสียหายด้วย

บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. นครนายก เขต1 ซึ่งเป็นสนามที่ถูกจับตามองมากที่สุด

เป็นที่จับตามองสองตระกูลใหญ่ บุญมา จากฝากฝั่งพรรคเพื่อไทย และกิตติธเนศวร จากฝั่งภูมิใจไทย

โดยในวันนี้ พล.ต.ต. สุรพล บุญมา หรือที่รู้จักกันในนามผู้การแดง ได้เดินทางมาที่สนามรับสมัครโรงเรียนนครนายกวิทยาคม เป็นผู้สมัครคนแรก ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า 

โดยในวันนี้ได้มีการรับสมัครแบบแบ่งเขตโดยมีผู้สมัครจำนวน 8 ท่าน ได้แก่ พรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล รวมไทยสร้างชาติ เสรีรวมไทย พลังประชากรไทย ประชาธิปัตย์  

ส่วนการจับเบอร์ในวันนี้นั้นสองพรรคใหญ่ที่ถูกจับตามองในเขต1 ได้แก่พล.ต.ต.สุรพล บุญมา พรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 3 ส่วนด้าน นาย ปิยะวัฒน์ กิตติธเนศวร จากฟังภูมิใจไทยได้เบอร์ 1 

ส่วนในเขต 2 อ.บ้านนา-อ.องครักษ์ ถูกจับตามองเช่นกัน เป็นศึกระหว่างอากับหลานตระกูลกิตติธเนศวร

โดยทางด้านนายเกรียงไกร กิตติธเนศวร จากพรรคเพื่อไทย  ได้เบอร์ 5 

ส่วนทางด้าน(อา) นายวุฒิชัย กิตติธเนศวรได้เบอร์ 1 ซึ่งในสนามเลือกตั้งจังหวัดนครนายกนั้นถูกจับตามองเป็นพิเศษคือเขตหนึ่งซึ่งเป็นผู้สมัครหน้าใหม่กันทั้งคู่

โดยแต่ละผู้สมัครได้มีกองเชียร์กว่า 300 คนมาร่วมเชียร์หน้าหอประชุมเพื่อให้กำลังใจกับผู้สมัครในวันนี้

การวิเคราะห์ 

เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย นครนายก

ในพื้นที่จ.นครนายก การเลือกตั้งครั้งนี้แบ่งเป็น 2 เขต จากเดิมมีเพียงเขตเดียว ซึ่ง ส.ส.เก่า นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร (เสี่ยอ๋า) เดิมสังกัดพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ย้ายพรรคเข้ามาสู่ภูมิใจไทย ลงเลือกตั้งเขต 2 อำเภอบ้านนาและองครักษ์ ซึ่งสู้กับหลานชายตัวเอง นายเกรียงไกร กิตติธเนศวร สังกัดพรรคเพื่อไทย 

แต่สนามที่ดุเดือดคือเขต 1 อำเภอเมืองนครนายกและปากพลี ซึ่งมีผู้สมัครอย่าง พล.ต.ต.สุรพล บุญมา ผู้การแดง อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครนายก ซึ่งประกาศเปิดตัวเข้าสู่บ้านใหญ่ พรรคเพื่อไทย สู้ศึกกับลูกชายอดีตส.ส.อย่างเสี่ยอ๋า คือ นายปิยวัฒน์ กิตติธเนศวร สังกัดพรรคภูมิใจไทย 

เดินหน้าสู้!! 'มนัส โกศล' หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ ปราศรัยใหญ่ ยึดมั่นนโยบาย ย้ำจุดยืนเพื่อคนใช้แรงงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในหมู่บ้านชลเทพ สนามกีฬาโรงเรียนสันต์เสริมวิทย์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พรรคแรงงานสร้างชาติได้มีการเปิดปราศรัย พร้อมทั้ง ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. พรรคแรงงานสร้างชาติ ทั้ง 4 ภาคทั้วประเทศ โดยคณะสมาชิกพรรคได้เปิดประชุมใหญ่พร้อมกับแถลงนโยบายและจุดยืนของพรรคแรงงานสร้างชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงสู้ศึกเลือกตั้งหลังจากที่มีการประกาศยุบสภาพร้อมทั้งจะมีการเลือกตั้งใหม่ภายในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้

ด้าน นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางพรรคแรงงานสร้างชาติ ได้เปิดประชุมใหญ่ และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. พร้อมทั้งมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ผู้ลงสมัคร สส. ทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ อีกทั้ง มีการส่งมอบธงพรรคแรงงานสร้างชาติแก่หัวหน้าสาขาทั้ง 4 ภาค โดยการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญมากเพราะมีคณะสมาชิกพรรคและว่าที่ผู้ลงสมัคร  สส. เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ จำนวนกว่า 300 คน 

นายมนัส โกศล ยังกล่าวต่ออีกว่า พรรคแรงงานสร้างชาติมีความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค พร้อมขับเคลื่อนสวัสดิการพื้นฐานอย่างทั่วถึง ปฏิรูปประกันสังคม ปรับปรุงกฎหมายแรงงาน ส่งเสริมการศึกษา การสร้างอาชีพ การส่งเสริมการจ้างงาน และหัวใจสำคัญประชาชนต้องได้รับการจ้างงานที่เป็นธรรม ประกอบกับ สมาชิกพรรคแรงงานสร้างชาติรวมถึงว่าที่ผู้สมัคร สส. ทุกคนล้วนเป็นบุคลากรที่มีความรู้ มีความสามารถ พร้อมที่จะช่วยกันบริหารขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนในทุกภาคส่วน

บรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันแรกคึกคัก ภาพรวมเรียบร้อยดี พรรคใหญ่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 5 เขต

วันนี้ (3 เม.ย.66) ซึ่งเป็นวันแรกของการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งที่หอประชุมจำลอง ศรีเลขา โรงเรียนนราธิวาส อำเภอเมืองนราธิวาส บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เดินทางมารอก่อนเวลา โดยคนแรกที่มาถึงเวลา 06.52 น. เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เขต 5 จากนั้นพรรคต่าง ๆ ก็ทยอยกันมา อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาชาติ พรรคเป็นธรรม พรรคภูมิใจไทย พรรคไทยสร้างไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครหน้าเก่า และพรรคใหญ่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 5 เขต  ซึ่งทาง กกต.นราธิวาส ได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตรวจเอกสารเบื้องต้นก่อนการยื่นสมัคร พร้อมนี้สภานักเรียนของโรงเรียนนราธิวาส ได้มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ส่วนบริเวณโดยรอบสถานที่รับสมัครบรรดากองเชียร์และผู้สนใจทั่วไปมาติดตามการรับสมัครเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการจัดตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร 

โอกาสนี้ก่อนเข้าสู่การจับสลากหมายเลขผู้สมัคร นายสนั่น  พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวพบปะให้กำลังเจ้าหน้าที่และผู้สมัคร พร้อมร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง อาทิ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รองผู้บังคับหน่วนเฉพาะกิจนราธิวาส ผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ สังเกตการณ์การรับสมัคร

นายเสน่ห์ รักรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จังหวัดนราธิวาส มี 5 เขตเลือกตั้ง มากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2562 คาดว่าปีนี้จะมีผู้มาสมัครรวมกว่า 70 คน มองว่าในพื้นที่การแข่งขันไม่รุนแรง และจะเป็นไปตามกฎ กติกา ระเบียบกฎหมาย เพราะทุกคนมีความเข้าใจแนวทางปฏิบัติหลัง กกต.นราธิวาส จัดประชุมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกตั้ง ส.ส.เชิงสมานฉันท์ ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 575,624 คน (เดิม 550,645) หน่วยเลือกตั้ง 955 หน่วย (เดิม 927) เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก (นิวโหวตเตอร์) ประมาณ 20,000 คน คาดว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 84-85 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าเมื่อปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 79.08 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ทาง กกต.นราธิวาส ได้สร้างความเข้าใจกระตุ้นให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ อาทิ เพจเฟซบุ๊ก หอกระจายข่าว สื่อกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ลำปางวันแรกสุดคึก มีผู้สมัครจากพรรคการเมือง 12 พรรค จำนวน 47 ราย

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 3 เม.ย.2566 ที่หอประชุมจันทร์ผา มรภ.ลำปาง อ.เมืองลำปาง ซึ่ง กกต.ลำปาง กำหนดเป็นที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง ทั้ง 4 เขต บรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ส.ส.ลำปาง ช่วงเช้าเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ จากพรรคการเมืองต่าง ๆ เดินทางมาสมัคร พร้อมด้วยกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมพวงมาลัยดอกดาวเรืองคล้องคอเป็นจำนวนมาก

โดยมีนายทองเนตร ดูใจ ผอ.กกต.ลำปาง ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก พร้อมด้วยนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าฯลำปาง นายธนารัฐ สายเทพ นอภ.เมืองลำปาง และผอ.ประจำเขตเลือกตั้ง ร่วมสังเกตุการณ์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ทั้งด้านหน้าและภายในห้องประชุมที่ใช้เป็นสถานที่รับสมัคร มีผู้มาสมัครทั้ง 4 เขต 12 พรรคการเมือง จำนวน 47 ราย ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคเสรีรวมไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อชาติไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยศรีวิไลย์

'พรรคพลังประชารัฐ' พัฒนาปทุมธานีมาสมัคร ส.ส.แบ่งเขตปทุมธานีวันแรกพร้อมกองเชียร์ คึกคัก

เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี (วกศ.ปทุมธานี) ถนนรังสิต-ปทุม อ.เมือง จ.ปทุมธานี ดร.ปรีชา ชื่นชนพิบูล ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตวันแรก พร้อมว่าที่ผู้สมัคร เขต 1-7 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และพรรคต่าง ๆ เดินทางมายืนใบสมัครกันอย่างคึกคักในวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้ง 7 เขตเลือกตั้ง จังหวัดปทุมธานี ตามที่ กกต. ประกาศรับสมัครตั้งแต่วันที่ 3-7 เม.ย. 

โดยมีกลุ่มกองเชียร์ของแต่ละพรรคเดินทางมาให้กำลังใจกับผู้สมัคร เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรครวมแผ่นดิน เป็นต้น บรรยากาศเริ่มคึกคักตั้งแต่เช้ามีผู้สมัครและผู้สนับสนุนต่างทยอยเดินทางมาก่อนเวลา ยังสถานที่รับสมัครโดยทั้งหมดต่างสวมเสื้อแสดงสัญลักษณ์ของพรรคหรือผู้สมัครที่ตนเองสนับสนุน มีการเตรียม ดอกกุหลาบ พวงมาลัยดอกดาวเรือง ป้ายข้อความให้กำลังใจโดยมุ่งหวังให้ผู้สมัครที่ตนสนับสนุนได้รับหมายเลขประจำตัวที่เป็นเลขมงคลและง่ายต่อการหาเสียง ทุกคนก็อยู่ในกฎระเบียบของกฎหมายเลือกตั้งในภาพรวมสงบเรียบร้อย โดยผู้สมัครแต่ละคนต่างก็มีความมั่นใจที่จะลง ต่อสู้แข่งขันการเมืองในครั้งนี้ อย่างสร้างสรรค์เมื่อสมัครเสร็จสิ้นก็จะขึ้นรถและเริ่มออกหาเสียงสำหรับผู้สมัครบางส่วนทั้ง 7 เขตอย่างไม่เป็นทางการ นายป้องปราการ โสธรเทวาพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้กกต.ได้รับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตของจังหวัดปทุมธานี มีด้วยกัน 7 เขตเลือกตั้ง 

‘พ่อเจ-เจตริน’ ซัด ‘ชัชชาติ’ ทำอะไรเพื่อ ปชช.บ้าง? ชี้!! ไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เผย!! ดีใจไม่โง่ถูกหลอก

(3 เม.ย.66) ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน รองประธานคณะกรรมการ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้โพสต์ภาพนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สวมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น ถือปืนฉีดน้ำ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อปี 2557 พร้อมทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า…

“ช่วยบอกที ตั้งแต่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. เคยทำอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อประชาชนให้เห็นจะ ๆ กันบ้าง?”

'เลขา รมว.กต.' ปลุก ขรก.อย่าเลือกพรรคที่ทุบหม้อข้าว 'ช้างป่วย' ชี้!! 'บำนาญ-สวัสดิการรัฐ' ความเป็นธรรมหลังเกษียณ

(5 เม.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคก้าวไกล ว่า

ช้างป่วย

ผมเป็นข้าราชการบำนาญคนหนึ่งที่ถูกนักการเมืองไม่ให้ความสำคัญเพราะเป็นช้างที่ใช้งานไม่ได้ และถูกเรียกว่า ช้างป่วย

คนที่มาเป็นข้าราชการ แม้จะได้เงินเดือนน้อยเมื่อเทียบกับเพื่อนที่ทำงานเอกชน แต่เรารู้ดีว่า เมื่อเกษียณจะได้มีเงินบำนาญและสวัสดิการจากรัฐ

เตือนใจไทยทั้งผอง ‘บิ๊กตู่’ ยกพระราชนิพนธ์ ร.6 ‘ไร้รักไร้ผล’ เตือนใจ อย่าให้ความขัดแย้ง-ความไม่สงบ ทำชาติเสียหาย

(5 เม.ย.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงวาระ วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 136 ปี กระทรวงกลาโหมซึ่งอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงก่อตั้งมา เราในฐานะเป็นลูกเป็นหลาน ก็ต้องช่วยกันรักษาธำรงไว้ ความเข้มแข็งเกียรติยศเกียรติศักดิ์ ของกองทัพเหล่าทัพ และของกระทรวงกลาโหม  

“พวกเราต้องรักบ้านรักเมือง ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อบ่อเกิดของความสงบเรียบร้อย ของบ้านเมือง ตนเคยพูดไปแล้วว่าหากบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย มีปัญหามากๆ จะทำให้โอกาสหลายๆ อย่างหายไปทันที ในมุมมองของต่างประเทศ” นายกฯ กล่าว  

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ‘ไร้รักไร้ผล’ จำได้ไหม จำไม่ได้กันหมดแล้ว ให้ลองไปเปิดฟังดูก็แล้วกัน ‘อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล หากชาติย่อยยับและอับจน ประชาชนจะสุขอยู่ได้อย่างไร’ ไปคิดดู ฝากทุกคนด้วย ฝากประชาชนทุกคนช่วยกันคิดด้วย ก็แล้วกัน ทำให้บ้านเมืองเราสงบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เพื่อเราจะก้าวเข้าสู่เวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรีและสง่างาม เพราะวันนี้มุมมองต่างๆ ของหลายประเทศ และขอให้ติดตามพัฒนาการด้าน ความมั่นคงของทุกประเทศด้วยโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน หากบ้านเมืองเราสงบเรียบร้อย เราก็จะสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่
ได้อย่างเต็มที่ ในทุกมิติทั้งความมั่นคง สิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ ช่วยกันก็แล้วกัน ขอให้ช่วยกันนำพาบ้านเมือง ไปสู่ความปลอดภัยสันติสุข อย่าให้เกิดวิกฤตการณ์อะไรต่างๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายก็แล้วกัน ในช่วงนี้เราช่วงต่อๆ ไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top