Monday, 28 April 2025
Politics

‘โรม’ จี้ ‘หน่วยงานรัฐ’ ทำหน้าที่อย่างซื่อตรง พร้อมดักคอ ‘ส.ว.อุปกิต’ อย่าเล่นนอกกติกา

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงการแถลงข่าวครั้งที่ 2 ของ ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ที่งัดเอาข้อมูลว่าบัญชีม้าในคดีฟอกเงินยาเสพติดนั้นมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอีกถึง 86 บัญชี ทำไมมีแค่ตนคนเดียวที่ถูกกล่าวโทษ ถ้ารังสิมันต์ โรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่คิดกลั่นแกล้ง ไม่หวังผลทางการเมือง ก็ขอให้ไปตรวจสอบ 86 บุคคล/บริษัทเหล่านั้นด้วย

ในประเด็นนี้ตนทราบว่าทาง ส.ว.อุปกิตก็ไปยื่นข้อมูลให้กับทางอัยการด้วยเช่นกัน ซึ่งหากท่านต้องการช่วยชี้เบาะแสเผื่อว่าจะมีใครกระทำผิดฟอกเงินค้ายาอีกหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะกระทำได้ แต่หากว่าทำไปเพียงเพื่อจะซัดผมว่าปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ผมก็ต้องขอเรียนต่อ ส.ว.อุปกิตว่าการที่ผมมาพูดอภิปรายเรื่องฟอกเงินค้ายาเสพติดได้นั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานสนับสนุนหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน อย่างความเชื่อมโยงทางการเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าลำพังมีแค่หลักฐานนี้อย่างเดียวเช่นที่ท่านอ้างถึง 86 บุคคล/บริษัทนั้น ก็คงยังไม่เพียงพอที่จะอภิปรายได้ ท่านก็เคยพูดเองมิใช่หรือว่าคนที่ค้ายาเขาไปซื้อขายอะไรใดๆ ไม่ได้หมายความว่าร้านค้าเหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ฟอกเงินทั้งหมดเสมอไป (แต่จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป)

ในกรณีของ ส.ว.อุปกิต หากว่าหลักฐานมีแค่เรื่องเส้นทางการเงินระหว่างผู้ค้ายากับเครือบริษัท Allure เพียงแค่นี้เท่านั้น ผมคงไม่เอามาอภิปรายตั้งแต่แรก แต่ที่ผมตัดสินใจเอามาอภิปรายก็เพราะมีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ข้อความแชต หรือคำให้การของทุนมินลัตและคนอื่น ๆ ที่โดนจับไปก่อนหน้านี้ ที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าหนักแน่นเพียงพอที่จะต้องพูดออกมาให้สังคมได้ตระหนักและช่วยการติดตามกระบวนการคดีไม่ให้เตลิดออกนอกลู่นอกทางได้

ซึ่งเรื่องข้อความแชต วันนี้ ส.ว.อุปกิตก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าแปลผิดแปลมั่ว ตนก็เคยบอกไปแล้วว่าข้อความที่คุยกันมันเป็นศัพท์ขั้นพื้นฐานมาก ๆ ไม่ได้เกินความเข้าใจของคนเคยเรียนภาษาอังกฤษมา ยังอ้างว่าคุยกันเรื่องโรงปูนบ้าง เรื่องทองบ้าง ผมก็เคยบอกไปแล้วว่านั่นแค่ส่วนนอกเรื่องน้อยนิดที่ปะปนมา แชตส่วนใหญ่คุยเรื่องการคุมงาน Allure ทั้งนั้น พอมารอบนี้มีอ้างเพิ่มเติมด้วยว่าตำรวจไปตัดต่อแชตเก่า ๆ ของตนเพื่อมาใส่ร้าย ผมว่าก็รอติดตามในคดีต่อไปแล้วกันว่ามันจะใช่อย่างที่ท่านอ้างไหม

ส่วนที่กล่าวหาว่าเอาเรื่องหลายเดือนก่อนมาพูดตอนนี้เพราะเป็นขบวนการหวังผลการเมือง พยายามโยงมาถึงพรรคที่ผมสังกัด ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าผมตั้งใจเอาเรื่องนี้มาพูดในวาระอภิปรายทั่วไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตัวผมไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปกำหนดได้ว่าจะอภิปรายกันเมื่อไหร่ ทีแรกยังเคยนึกว่าจะมีในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ด้วยซ้ำ อีกอย่างคือเรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลด้วย ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุ 2-3 แล้วจะให้รีบพูดเลยได้ และผมเชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณพอที่จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นแค่การป้ายสีเลื่อนลอย หรือเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือกันแน่

‘นันทิวัฒน์’ โพสต์ “เลือกนักการเมืองยังไงดี” หลังได้รับคำถาม แนะวิธีปชช. อย่าเลือกพวกโกงกิน-ขายชาติ-ยุยงให้แตกแยก

(11 เม.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart มีเนื้อหาดังนี้...

เลือกนักการเมืองยังไงดี

การหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครและพรรคหาเสียงสร้างคะแนนนิยม สิ่งที่ประกาศออกมาจึงไม่ขึ้นอยู่กับว่าทำได้จริงหรือไม่ หรือขายฝัน หลอกคนฟังให้เคลิ้ม แบบเมายา สะลึมสะลือ

อย่างเรื่องจะแจกเงินดิจิตอล คำแถมแรกคือเงินดิจิตอลหน้าตาเป็นอย่างไร มีใช้ที่ไหนในตลาดซื้อขาย บนธนบัตรที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีข้อความพิมพ์ไว้บนหน้าธนบัตรว่า ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แล้วเงินดิจิตอลจะสามารถใช้หนี้ตามกฎหมายหรือ ใครรับรอง แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่รับรอง

เงินดิจิตอลจะเหมือนเงินทิพย์ จับต้องไม่ได้ ใช้ได้กับคนทิพย์ด้วยกัน ร้านค้าที่ไหนจะยอมรับเงินทิพย์ รับมาแล้วจะนำไปขึ้นเป็นธนบัตรได้ที่ไหน ค่าเงินดิจิตอลหนึ่งหมื่นจะเท่ากับเงินหนึ่งหมื่นบาทหรือไม่ จะมีค่าลดลงเท่าไร แถมให้ใช้ได้ในรัศมีไม่เกิน 4 กิโลเมตรจากภูมิลำเนา บ้านนอกห่างไกลปืนเที่ยงจะมีร้านค้าให้จับจ่าย หรือต้องตั้งร้านค้าที่จะสมัครรับเงินดิจิตอล จะทันกำหนด 6 เดือนที่ระบุไว้ในการหาเสียงว่าเงินดิจิตอลที่แจกนี้ให้ใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้ไม่หมดทำไงแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้หรือไม่ ใช้หลักอะไรเทียบเคียงมูลค่า ที่ท้วงติง เพราะกลัวหาเสียงแล้วจะถูกฟ้อง ถอยทันไหม

‘บิ๊กป้อม’ เปิดพรรคให้แกนนำ-สื่อ เข้ารดน้ำดำหัว พร้อมอวยพรขอให้ ปชช. เดินทางปลอดภัย-สมหวังตลอดปี

(11 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการบริหารพรรค รดน้ำอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายวราเทพ รัตนากร กรรมการนโยบายและฝ่ายอำนวยการนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการบริหารพรรค รดน้ำขอพร บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น 

'แก้วสรร' ถาม 'แจกเงินดิจิทัล สินบนเลือกตั้ง’ หรือเป็น ‘นโยบายงี่เง่า’ โดยสุจริตเท่านั้น

'แก้วสรร' ออกบทความด่วน แจกเงินดิจิทัล: สินบนเลือกตั้ง? ตั้งคำถาม กกต. น่าจะไต่สวนให้ละเอียดว่า โครงการเป็นสินบนเลือกตั้ง หรือนโยบายงี่เง่าโดยสุจริตเท่านั้น
.
(12 เม.ย.66) นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความเรื่อง ‘แจก ‘เงินดิจิทัล’ : สินบนเลือกตั้ง???’ ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า...

ถาม: ‘เงินดิจิทัล’ หนึ่งหมื่นบาท ที่เพื่อไทยประกาศจะแจกให้ทุกคนนั้น มัน เป็น ‘นโยบาย’ หรือ ‘สินบนเลือกตั้ง’?
ตอบ: ตามความเข้าใจของผมนั้น ‘เงินดิจิทัล’ ของเพื่อไทย ก็คล้ายกับคูปอง ที่เราต้องซื้อเวลาไปศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้า ซื้อมาแล้วก็ใช้ได้ แต่ซื้ออาหารในศูนย์นั้นเท่านั้น...เงินดิจิทัลที่เพื่อไทยจะแจกก็เหมือนกัน คือ แจกให้ทุกคนที่อยู่ในเขตชุมชนรัศมี 4 กิโล ให้ได้คูปองไปซื้อหาสินค้าในวงสี่กิโลเมตรนี้ได้ โดยเขาอ้างว่า นี่คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนสี่กิโลเมตร ใครขายของได้เงินดิจิทัลหรือคูปองนี้มา ก็เอามาขึ้นเงินจากงบประมาณแผ่นดินได้ในที่สุด โดยทั้งหมดนี้ต้องยุติใน 6 เดือน

ถาม: โครงการทั้งแผ่นดิน ให้สิทธิผู้คนถึง 55 ล้านคน วงเงิน 5 แสนล้านอย่างนี้ บริหารจัดการได้อย่างไร?
ตอบ: ก็ทำได้โดยอาศัยระบบออนไลน์ ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะนั่นแหละครับ

ถาม: มันต่างจากเงินที่ได้เปล่าอื่นๆ สมัย นายกฯ ตู่อย่างไร?
ตอบ: มันมุ่งจ่ายเมื่อมีธุรกรรมซื้อขายเกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่จ่ายคนละครึ่ง เขาจ่ายให้หมดเลย แล้วของเพื่อไทยนั้นจ่ายโดยไม่มีเหตุเศรษฐกิจซบเซา ในช่วงโควิด หรือช่วยคนจนเลย อยู่ดีๆ ก็จ่ายให้ไปซื้อของ อ้างว่ามุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ผู้คนจะรวยหรือจนก็ได้เงินหมด ขอให้เอาไปจับจ่ายในรัศมีสี่กิโลเมตรก็พอแล้ว...ข้อที่มุ่งกระตุ้น ‘การจับจ่ายในพื้นที่’ นี่แหละครับ ที่ทำให้แจกดะทุกคน ทุกหนแห่งเลย

ถาม: ถ้าผมไปเป็นผู้สมัคร ส.ส. แล้วประกาศว่า ชนะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ห้างเดอะมอลล์จะแจกคูปองอาหารให้พี่น้อง 6 เดือนเลย อย่างนี้ผมผิดกฎหมายเลือกตั้งฐานสัญญาว่าจะให้ไหม?
ตอบ: ผิดครับ คุณจะให้เองหรือเดอะมอลล์ให้ ก็ผิดเหมือนกัน

ถาม: ถ้าผิด อย่างนั้นสัญญาว่าชนะเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัลให้ทุกคน อย่างนี้ก็ต้องผิดเหมือนกันใช่ไหม?
ตอบ: เขาต้องยกข้อต่อสู้ว่า นี่คือเงินรัฐที่จ่ายตามนโยบายสาธารณะ ไม่ใช่สินบนซื้อเสียง

‘โซเชียล’ ท้วง!! หลัง กกต. ชี้!! แจกเงินดิจิทัลไม่ผิด หวั่น!! สร้างบรรทัดฐานใหม่ ใช้เงินแผ่นดินหาเสียง

(12 เม.ย.66) จากเฟซบุ๊ก ‘Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ความว่า…

ตามที่มีรายงานข่าวว่า ท่านได้กล่าวถึงนโยบายพรรคการเมืองหนึ่งที่สัญญาว่า หากได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะแจกเงินดิจิทัลจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทให้ประชาชนทุกคนที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไปนั้นว่า…

…เป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินอยู่แล้ว หากได้ไปเป็นรัฐบาล นโยบายลักษณะนี้จะไม่ผิดกฎหมายสัญญาว่าจะให้ ซึ่งนโยบายที่จะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ คือการใช้เงินที่ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน...
ผมใคร่ขอให้ท่านพิจารณาข้อความตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๗๓ วรรค ๑ ซึ่งมีข้อความว่า…

ผู้สมัครหรือผู้ใด จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด…มีความผิดตามกฎหมาย โดยมีบทลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๐ หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น

ว่า มีถ้อยคำใดในกฏหมายดังกล่าวที่ระบุว่าการสัญญาว่าจะให้ จะต้องเป็นเงินของผู้สัญญาเอง หากเป็นเงินของแผ่นดิน ให้ถือว่าไม่เป็นความผิด หรือไม่? 

‘เต้น ณัฐวุฒิ’ รำลึก 13 ปี สลายการชุมนุม 10 เม.ย.53 ให้คำมั่น!! จะตามหาความยุติธรรมให้ทุกคนอย่างถึงที่สุด

(12 เม.ย.66) เพจ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า…ในคืนวันที่ 10 เมษายน ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ไม่เคยหลับตาลงง่ายๆ บางปีถ้าอยู่คนเดียว มันก็จะคิดอ่านรำพึงรำพันกับตัวเองไปสารพัด บางช่วงบางปีอยู่ในสถาการณ์อยู่กับเพื่อนพี่น้อง ก็นั่งคุยกันจนดึกดื่นขึ้นรุ่ง เพื่อที่จะให้มันหลับลงได้ 

คืนวันนั้น เราอยู่กันที่นั้นแต่แต่หัวค่ำยังเช้า อยู่เพื่อให้พี่น้องเราไปแย่งศพของคนที่ถูกยิงตาย เพราะเรากลัวว่าเขาจะเอาศพไปทำลาย เพื่อนพี่น้องเราถูกไล่ยิงตามตรอกซอกซอย หนีตายหัวซุกหัวซุน จนเสื้อแดงตัวที่ใส่ไม่ใช่เปียกแค่เหงื่อ แต่มันเปียกไปด้วยน้ำตาประชาชน น้ำตาพี่น้องที่วิ่งมาร้องไห้หลังเวที

สำหรับผม มันไม่มีอะไรหนาวเท่าหนาวน้ำตาประชาชนอีกแล้ว เวลาเขามาร้องไห้กับอกเรา เวลาเขาเข้ามากรีดร้องอยู่กับอก แล้วผมให้คำตอบไม่ได้ว่าใครอยู่ที่ไหน ใครเจ็บ ใครตายแล้วศพอยู่ตรงไหนอย่างไร นี่มันคือ มันคือสิ่งที่ มันวิ่งอยู่ในชีวิตผมมาตลอด

ผมก็เลยไม่รู้ว่า จะต้องแสดงออกอย่างไรว่า ว่าเรื่องนี้มันคือชีวิตผม ผมก็เลย ตั้งชื่อลูกผมนี่แหละครับ ผมตั้งชื่อลูกสาวผมซึ่งเกิดท่ามกลางสถานการณ์ล้อมปราบที่ราชประสงค์ว่า ด.ญ.ชาดอาภรณ์ ซึ่งกว่าผมจะได้อุ้มลูกครั้งแรกก็ต้องไปติดคุกอยู่ 9 เดือนกว่าเราจะได้เจอหน้ากัน

ชื่อเสื้อแดง เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตเอ่ยปากได้ภูมิใจว่าเป็นคนเสื้อแดง ชีวิตเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง อยากเป็นผู้แทนฯ สมัครตั้งแต่อายุ 25 ปี โดยไม่เคยคิดออกมาต่อสู้เป็นแกนนำม็อบ ไม่เคยคิดเกิดมามีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ใดๆที่จะเติบโตมากับโลกที่บอกว่ามาเพื่อความเปลี่ยนแปลงอะไร 

‘อดีตผู้ว่าการ ธปท.’ เศร้าใจ!! หลังหลายพรรคออกนโยบาย ไร้ความรับผิดชอบต่อ ปชช.

“เห็นนโยบายไร้ความรับผิดชอบแบบนี้แล้วเศร้าใจค่ะ นอกจากการสร้างหนี้โดยไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นการสร้างนิสัยให้ประชาชนขาดวินัยทางการเงิน คอยแต่จะแบมือรับ แทนที่จะติดอาวุธให้ประชาชนมีทักษะ มีความสามารถในการยกระดับความเป็นอยู่ของตัวเองให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน มากกว่าเงินช่วยเหลือจากนักการเมือง” นางธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าว

 

‘เสธ.หิ’ งง!! ลง ‘พะเยา’ ครั้งแรกถูกโยงเอี่ยวกร่าง หลัง ‘ธรรมนัส’ อ้างคนสนิท ‘เสธ.คนดัง’ ใช้ทหาร-อาวุธขู่

จากกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า บ้านใหญ่เจ๊ ล. ขาใหญ่อำเภอปง พะเยา ซึ่งเป็นพี่สาว ผู้สมัคร ส.ส. พะเยา เขต 3 ของพรรคหนึ่ง ที่ตอนนี้ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลกร่าง ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ เล่าให้ฟังว่า พอไปถึงบ้านเจ๊ ล. ก็มีกองกำลังทหารเกือบ 1 หมวด พกอาวุธ (ปืนสั้น) ภายใต้การควบคุมของเสธ น. (ลูกน้องเสธ นอกราชการคนดัง) และข่มขู่ว่าจะจัดการกับผู้นำขั้นเด็ดขาดหากไม่ช่วยผู้สมัครรายนี้ จะเริ่มปฏิบัติการโดยใช้กองกำลังทหารค้นบ้านผู้นำทุกรายที่เห็นต่าง

ทั้งนี้ การออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าว ประจวบเหมาะกับ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบการเลือกตั้งภาคเหนือของพรรค ได้เดินทางไปร่วมโชว์วิสัยทัศน์ ในรายการ BIG DEBATE เวทีจังหวัดพะเยา ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา พอดี

เป็นไปได้ว่า เสธ.นอกราชการคนดัง ที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุถึง ก็คือ ดร.หิมาลัย นั่นเอง

ล่าสุด ดร.หิมาลัย ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเองเพิ่งมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดพะเยาครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมเวทีดีเบต ซึ่งทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เป็นผู้จัด เมื่อเดินทางถึงจังหวัดพะเยา ก็ได้ไปพูดคุยกับคุณไพโรจน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพื่อต้องการรับทราบประเด็นปัญหาของจังหวัดพะเยา สำหรับใช้เป็นข้อมูลในการดีเบต จากนั้น จึงเดินทางไปยังเวทีดีเบต และอยู่ในพื้นที่นั้นตลอดเวลาโดยไม่ได้เดินทางออกนอกพื้นที่เลย

‘โรม’ ชี้ คุมตัว ‘แฮกเกอร์ 9near’ ผิดสังเกตหลายจุด จี้ สธ. ออกมาชี้แจง สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(12 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัว จ่าสิบโทเขมรัฐ บุญช่วย หรือแฮกเกอร์ 9near ผู้ต้องหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการโพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีความแปลกประหลาด แปลกที่หนึ่ง คือทั้งที่เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นแฮกเกอร์ ออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2556 ปัจจุบันวันที่ 12 เมษายน 2566 ใช้เวลานานถึง 9 วันในการควบคุมตัว

“ค่อนข้างเชื่อว่าเรื่องนี้มีบางคนอยู่เบื้องหลัง อาจเป็นผู้บังคับบัญชา บุคคลระดับสูงในกองทัพ เป็นเหตุผลว่าทำไมการควบคุมตัวแฮกเกอร์คนนี้ ถึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก” รังสิมันต์กล่าว

โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า แปลกที่สอง คือมีความพยายามปกป้องไม่ให้มีการเข้าถึงจ่าสิบโทคนดังกล่าว เห็นได้จากตอนควบคุมตัว สัญญะที่สื่อออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้สื่อมวลชนซักถาม ราวกับจะกีดกันเพราะเกรงว่าแฮกเกอร์อาจซัดทอดไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้มีการขยายผลให้เกิดความชัดเจน อย่าให้จบแค่การควบคุมตัว เพราะหากสุดท้ายจับคนเบื้องหลังไม่ได้ ได้แค่คนตัวเล็กตัวน้อย ข้อมูลของประชาชนก็อาจหลุดได้อีก

“พรรคก้าวไกลเป็นห่วงเรื่องนี้ รวมถึงการจัดการข้อมูลที่หลุดออกมา จะทำอย่างไรให้แน่ใจได้ว่าไม่มีแบ็กอัป หรือสำรองไว้ที่ใดที่อาจทำให้ข้อมูลหลุด ให้มิจฉาชีพคนอื่นแสวงหารายได้หรือผลประโยชน์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากอาจตกเป็นเหยื่อ” รังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงกระทรวงสาธารณสุข เงียบมากในเรื่องนี้ ทั้งที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลหลุดมาจากแอปหมอพร้อม ควรออกมาให้ความมั่นใจแก่ประชาชนหรือไม่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

“ทำไมทหารยศจ่าสิบโทถึงสามารถแฮกได้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะจ่าสิบโทคนดังกล่าวเก่งมาก ก็เป็นไปได้ว่าระบบจัดการข้อมูลของรัฐอ่อนแอมาก หรือเป็นเพราะข้อมูลเหล่านี้ ฝ่ายความมั่นคงในกองทัพเข้าถึงได้อยู่แล้ว ดังนั้น ควรชี้แจงให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจว่าการใช้เครื่องมือของรัฐมีความปลอดภัย ไม่ใช่ใครจะล้วงออกไปง่ายๆ” รังสิมันต์กล่าว

'โบว์-ณัฏฐา' ชี้!! นโยบายแจกเงิน เหมาะใช้ยามวิกฤต ถ้ารอเวลาแจกได้ ไม่ใช่ 'วิกฤต' แต่เป็นการ 'หาเสียง'

(13 เม.ย.66) คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

นโยบายประเภทแจกเงินเยอะๆ หว่านทั่วประเทศแบบ Helicopter Money มันเอาไว้ใช้ในยามวิกฤตจริงๆ แบบที่ต้องทำต้องใช้เดี๋ยวนั้นเลย จึงได้เห็นว่าช่วงโควิดมีหลายประเทศทำแบบนี้ ซึ่งดี 

แต่ประเภทบอกล่วงหน้าแล้ว กว่าจะได้แจกจริงๆ อีกเกือบปี (รวมเวลาเลือกตั้งและฟอร์มรัฐบาลก่อนนับหนึ่งดำเนินการ) นี่ ไม่มีใครเขาทำกัน เพราะถ้ารอเวลาได้นานขนาดนั้น ก็แปลว่ามันไม่ใช่ “วิกฤต” แล้ว

ที่ประกาศมา จึงมีไว้เพื่อเหตุผลหลักคือ “หาเสียง” ใครอยากได้เงิน ก็เอาเสียงมา ก็เท่านั้น

เข้าใจให้ตรงกันอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไปถกเถียงกันในรายละเอียดให้เสียเวลาค่ะ

หนักกว่าหว่านแจกเป็นหมื่น คือ การเติมเงินแจกให้ทุกครอบครัวมีรายได้ครบสองหมื่นนะ มันจะคุมงบประมาณไม่ได้เลย เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าใครบ้างจะเลือกนอนอยู่บ้านแล้วรอให้รัฐเลี้ยงด้วยเงินสองหมื่นไปเรื่อยๆ 

อันนี้ก็ไม่ต้องพยายามไปถกเถียงกันเช่นกัน เพราะเหตุผลหลักก็เหมือนข้อแรก

จบ.


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0icMCGmYefAzRPwk5LmnJxkEa7wLrfgPqpn5MzZNwLi67e2Auz8hXVmnUXvCZTLPXl&id=575635818&mibextid=Nif5oz


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top