Sunday, 27 April 2025
Politics

เหนียวแน่น ชัดเจน!! 'ดร.ยงยุทธ' แชมป์เก่า เขต 2 ลงพื้นที่หาเสียงชุมชนอิสลามเมืองใหม่แพรกษา กระแสตอบรับดีมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 2 สมุทรปราการ นำโดย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ผู้สมัคร สส.เบอร์ 6 เขต 2 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ลุยหาเสียงอย่างต่อเนื่องภายในชุมชนอิสลาม เมืองใหม่แพรกษา ต.บางปู สมุทรปราการ พื้นที่ เขต 2 

โดยการลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ ได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในชุมชน พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นรวมถึงการแก้ไขปัญญาจากพี่น้องประชาชนในชุมชน โดยพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เขต 2 สมุทรปราการ และจากการลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ เห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ผู้สมัคร สส.เขต 2 เบอร์ 6 ในนามพรรคพลังประชารัฐ ให้ได้เป็น สส.ต่อไป พร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์เบอร์ 6 อย่างต่อเนื่อง

‘ธนาธร’ หวัง!! จนท.การบินไทยจะไม่โดนลงโทษ  ชี้!! แค่ให้กำลังใจ ไม่ได้ทำให้องค์กรเสียหาย 

‘ธนาธร’ ขออภัยทำการบินไทยกังวล หลังโพสต์ภาพข้อความบนสแน็คบอกซ์ไทยสไมล์เขียน “ขอให้โชคดีในการเลือกตั้ง”

(20 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพประกาศบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 004/2566 เรื่อง นโยบายความเป็นกลางทางการเมือง ผ่านทวิตเตอร์ @thanathorn_fwp พร้อมระบุว่า…

“ขออภัยที่ทวีตของผมทำให้การบินไทยกังวลจนต้องมีแถลงนี้ออกมา หวังว่าเจ้าหน้าที่ที่ให้กำลังใจผมจะไม่โดนลงโทษ เพราะไม่ได้ทำให้องค์กรเสียหาย หรือนำองค์กรไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เหมือนตอนที่มีพนักงานการบินไทยบางกลุ่มออกหน้าสนับสนุนรัฐประหาร”

โดยภายหลังได้โพสต์ข้อความเพิ่มระบุว่า “*แก้ไขครับ* แถลงนี้มีขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ที่ผมทวีตขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยสไมล์ แต่มีผู้ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ท่านนั้นถูกพักงาน โดยองค์กรอ้างว่าได้เคยมีประกาศเตือนพนักงานไม่ให้แสดงออกทางการเมืองไปแล้ว ผมยืนยันอีกครั้งว่า ผมกังวลใจอย่างยิ่งหากจะมีการลงโทษพนักงานด้วยเหตุนี้”

‘อนุทิน’ เตือน!! งาน ‘วันกัญชาโลก’ พบดูด-พี้ ตำรวจเอาผิดได้ทันที ย้ำ!! ‘สธ.’ มุ่งใช้ ‘กัญชา’ ในทางการแพทย์-สุขภาพเท่านั้น

อนุทิน เตือนจัดงาน ‘วันกัญชาโลก’ หากพบดูด-พี้ ตำรวจเอาผิดได้ทันที ผิดกฎหมาย ไม่ใช่เจตนารมณ์ของนโยบายกัญชาทางการแพทย์

20 เม.ย. 2566 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีจะมีการจัดกิจกรรมวันกัญชาโลกที่ถนนข้าวสาร โดยจะมีการทำกิจกรรมเดินพาเหรดสูบกัญชา

นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดงานขอให้อยู่ในกรอบของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ความเข้มข้นบทลงโทษมีทั้งปรับและจำคุก ขอให้อยู่ในกฎหมาย ขอให้เน้นในการใช้ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและทางการแพทย์ การสูบในที่สาธารณะไม่ได้อยู่แล้วผิดกฎหมาย จึงไม่อยากให้เสียค่าปรับหรือเสี่ยงถูกดำเนินคดี เพราะการเปรียบเทียบปรับเป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ หากเห็นว่าเตือนแล้วหลายครั้งยังดำเนินการอยู่ อาจไม่ได้ปรับอย่างเดียว อาจจะถึงจำคุกด้วย

ถ้าทำพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายแบบนี้ ก็ยิ่งเข้าทางคนที่ด้อยค่าสรรพคุณกัญชา ทำให้คนเห็นว่า นำมาใช้ในเรื่องของการพี้ และสันทนาการ ไม่ใช่เจตนารมณ์ของนโยบายกัญชาทางการแพทย์ของ สธ. ถ้าใช้อย่างนี้โอกาสที่จะเข้าทางผู้ที่ไม่ต้องการให้ใช้ทางการแพทย์ ก็จะมีเหตุผลที่จะต่อต้าน ยืนยันว่า สธ.ใช้ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น

‘ต่าย ชุติมา’ โผล่คอมเมนต์ให้กำลังใจ ‘พิธา’ หลังพูดถึงปมความรุนแรงในครอบครัว

ต่าย ชุติมา โผล่คอมเมนต์ พิธา พูดถึงปมความรุนแรงในครอบครัว แฟนๆ แห่ส่งกำลังใจ

(21 เม.ย. 66) จากกรณี ‘ทิม’ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตสามีนักแสดงสาว ‘ต่าย’ ชุติมา ให้สัมภาษณ์กับสื่อตอนหนึ่ง ถึงเรื่องความรุนแรงในครอบครัว โดยยืนยันไม่เคยมีความรุนแรงในครอบครัว ตนต้องคิดถึงสิทธิสตรี สิทธิครอบครัว สิทธิเด็ก และสิทธินักการเมือง แต่ทุกคนก็เคยเป็นตัวร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นทั้งนั้น

ปรากฏว่า ต่าย ชุติมา อดีตภรรยาได้เข้าไปคอมเมนต์ในข่าวดังกล่าวว่า…

‘องอาจ’ ฉะ ‘บิ๊กป้อม’ อ้าง ปชป.เท ‘มาร์ค’ หวังร่วม รบ. ยัน!! มาร์คออกเพราะสปิริต และร่วมรัฐหลังได้ หน.ใหม่

(21 เม.ย. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงบทความของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้ารรคพลังประชารัฐ (พปช.) เรื่องจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ที่เขียนลงในเฟซบุ๊กพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า หัวหน้าพรรค คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แต่พอถึงเวลาจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม โดยหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ให้คุณอภิสิทธิ์ลาออกไป โดยมีประโยชน์ของประชาชนมากมายมาอ้างว่า ข้อความที่ พล.อ.ประวิตร เขียนนี้ยังคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะในความเป็นจริงแล้ว นายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคฯ ตั้งแต่กลางคืนวันที่ 24 มี.ค. 2562 หลังจากทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าเรามีจำนวน ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งน้อยกว่าเดิม โดยการลาออกนี้เป็นการแสดงสปิริตความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น

กกต.ไม่ขัด!! หาก ‘นายกฯ’ ชงงบแก้ 'ค่าไฟแพง' ด้าน 'สมชัย' ขวาง!! กกต.ไฟเขียว มีสิทธิ์ติดคุก

(21 เม.ย.66) จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าว่าจะต้องขออนุมัติจาก กกต. เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ด้านพันตำรวจตรีณัฐวัตน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการฯ ด้านกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย หากเรื่องใดที่คณะรัฐมนตรีช่วงรักษาการ อนุมัติเกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต. ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและ กกต.ก็จะพิจารณา ไม่มีอะไรซับซ้อน

ด้านนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวกรณีรัฐบาลเตรียมทำเรื่องถึง กกต. เพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาค่าไฟแพง ว่า หากเสนอมาก็ต้องนำเข้ากกต. ซึ่งจะมีเกณฑ์การพิจารณาอยู่ ยืนยันว่าไม่เป็นปัญหาต่อกกต.แต่อย่างใด เพราะเราต้องพิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่าการพิจารณาของกกต.อาจถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ปลดล็อกให้รัฐบาล นายอิทธิพร กล่าวว่า อาจจะถูกมองเช่นนั้นได้ แต่ในพิจารณา ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นการทำที่ถูกต้อง เราก็อนุมัติไป และเราก็ต้องรับผลกระทบไป เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา แต่ถ้าเราเห็นว่าไม่ใช่ เราก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้ แค่นั้นเอง

“เรายืนอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ผลสุดท้ายถึงเวลาจริง เขาก็ต้องให้เราทำ ซึ่งไม่คิดว่ากกต.ถูกยืมมือเป็นเครื่องมือใคร แต่กกต.คิดว่าเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ของเราที่ต้องทำ และการตัดสินของเรามีทั้งถูก ทั้งผิด มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเราตัดสินแล้วก็ต้องรับผิดชอบและเราไม่ตัดสินก็ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าถ้ามีเหตุผลดีและสนับสนุนคำขอก็ต้องตัดสินว่าให้อนุญาต และเราก็รับผลไปเมื่อมีผู้ไม่เห็นด้วย แต่หากเราเห็นว่าไม่ควรทำเรื่องนี้ ในเวลานี้เราก็บอกรัฐบาลว่าไม่ได้” นายอิทธิพร กล่าว

เมื่อถามต่อว่า มีผู้มองว่าเรื่องนี้ควรเป็นการพิจารณาของรัฐบาลหน้า นายอิทธิพร กล่าวว่า หากเสนอเรื่องมาที่กกต. เราก็ต้องพิจารณาไป จะไปหลบใต้โต๊ะ บอกว่าไม่พิจารณาก็ไม่ได้

3 ทางเลือกทำลาย 'ลำไยอบแห้ง' อีกบทพิสูจน์ความโปร่งใสรัฐ

รู้หรือไม่? ในอดีตรัฐบาลไทยได้มีการแก้ไขปัญหากรณีลำไยอบแห้งค้างสต็อก ด้วยการจัดสรรงบประมาณทำลายทิ้ง เพื่อไม่ปล่อยให้ตัวลำไยไหลไร้คุณภาพไหลไปสู่ตลาด ถึงมือผู้บริโภค และคู่ค้าระหว่างประเทศ ถือเป็นอีกการแสดงออกถึงความรับผิดชอบ บนมาตรการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้

อันที่จริงแล้ว ในอดีตเกษตรกรภาคเหนือเคยร่ำรวยจากการขายลำไย จนบางรายถึงขั้นกล้าเปลี่ยนแปลงพื้นที่นา และพื้นที่ทำการเกษตรอื่นๆ ให้กลายเป็นสวนลำไยอย่างกว้างขวาง 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาลำไยตก ก็เริ่มมีให้เห็น เมื่อเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรเร่งการผลิตลำไยนอกฤดู ทำให้ราคาลำไยค่อยๆ ลดต่ำลงเป็นลำดับ 

คำถาม คือ เวลาเจอสถานการณ์เช่นนี้ ควรต้องเป็นความรับผิดชอบของใคร? เกษตรกรฝ่ายเดียวหรือไม่? 

คำตอบก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ไม่!! 

แน่นอนว่า ในห้วงที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรดี ไม่มีเกษตรกรคนใดไม่อยากรวย ไม่อยากปลดหนี้ ฉะนั้นผู้ที่ควรรับผิดชอบที่สำคัญในจังหวะเวลาดังกล่าว จึงต้องเป็นหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาส่งเสริมการผลิต ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ที่ปล่อยกู้อย่างมีเงื่อนไข หากเกษตรกรระบุวัตถุประสงค์การกู้ว่าจะนำเงินไปลงทุนปลูกลำไย ก็จะได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว และจนถึงวันที่ผลของการผลิตอย่างไม่มีการวางแผนการตลาดล่วงหน้าก็ย้อนกลับมาทำลายระบบตลาดลำไย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาลำไยเป็นปัญหาที่ต้องแก้ทั้งระบบอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นปัญหาที่สะท้อนการพัฒนาของประเทศ ทุกๆ ปัญหาที่ถาโถมเข้ามา รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาจัดการแบบแก้ไปทำไป เพื่อต่อลมหายใจให้เกษตรกรไม่พังกันเป็นแถบ

มีกรณีศึกษาหนึ่งที่น่าสนใจ โดยย้อนไปในช่วงปี 2552 กับการแก้ปัญหาลำไยอบแห้งค้างสต็อกปี 2546/2547 กว่า 4.6 หมื่นตันที่ค้างคามานาน 

ตอนนั้นคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552 ได้มีมติให้ทำลายลำไยด้วยวงเงินไม่เกิน 90 ล้านบาท แต่ยังเป็นที่ถกเถียงว่าจะทำลายด้วยวิธีใดที่จะคุ้มค่าที่สุดและไม่เปลืองงบประมาณ ที่สุด

ผลจากการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการและทำลายลำไยอบแห้งปี 2546 และปี 2547 ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 24 มิถุนายน โดยมีนายจรัลธาดา กรรณสูตร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นประธานคณะกรรมการ ได้สรุป 3 แนวทางในการจัดการปัญหาลำไยค้างสต็อกเพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2552

>> แนวทางแรก : เป็นการบดแล้วนำไปทำลายด้วยการฝังกลบ 
>> แนวทางที่สอง : เป็นการบดแล้วนำไปทำลายด้วยการเผา 

ทั้ง 2 วิธีนี้ จะใช้งบประมาณในการทำลายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.67 บาท รวมกับค่าดำเนินการอีกกิโลกรัมละ 0.25 บาท เบ็ดเสร็จเชื่อว่างบประมาณที่ใช้ในการทำลายขึ้นกับปริมาณลำไยอบแห้งค้างสต็อกคาดว่าจะไม่เกิน 78 ล้านบาท

>> ส่วนแนวทางที่สาม : เป็นการนำไปทำพลังงานชีวมวลโดยการนำลำไยดังกล่าวบดให้ละเอียดแล้วอัดเป็นแท่งตะเกียบ โดยความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และศูนย์วิจัยพลังงานชีวมวล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องต้นแบบแล้วจำนวน 3 เครื่อง วิธีนี้ใช้วิธีการทำลายจำนวน 60 ล้านบาท

นายจรัลธารา ยืนยันว่าทั้ง 3 แนวทางจะโปร่งใสไม่มีลำไยค้างสต็อกออกมาเล็ดลอดปลอมปนกับลำไยที่กำลังจะออกสู่ท้องตลาดในฤดูกาลใหม่ในขณะนั้นอย่างแน่นอน เพราะจะมีการทำลายด้วยการบดละเอียดทีละโกดังที่กระจายอยู่ทั้งหมด 59 โกดังใน 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน และลำปาง อีกทั้งยังเป็นการเช็กสต็อกลำไยอบแห้งไปด้วยในตัว หากปริมาณที่บดทำลายน้อยกว่าที่ขึ้นทะเบียนไว้ไม่ตรงกันโดยหักค่าเสื่อมน้ำหนักไม่เกิน 10% เจ้าของโกดังต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายโดยถือเป็นจำเลยที่ 1

อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ 3 ถือเป็นแนวโน้มที่มีความเป็นไปได้กว่า 70-80% ซึ่งหลายฝ่ายก็เห็นด้วยและ ครม.ก็ไม่ติดขัดให้ดำเนินการทำลายแล้วนำมาอัดแท่งเป็นเชื้อเพลิงแท่งตะเกียบ 

‘ชูวิทย์’ แซะแรง!! คนดูดบ้องกัญชาหลอน กลางถนนข้าวสาร เหน็บ!! เปลี่ยนชื่อ ‘ถนนกัญชา’ แทน ถาม!! “มาถึงจุดนี้เพราะใคร”

(22 เม.ย.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์คลิปพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...

ดูดบ้องกัญชาหลอนกลางถนนข้าวสาร

เข้าไส้สายเขียว กัญชาเสรีกลางถนนข้าวสาร โชว์ให้ฝรั่งมั่งค่าเห็นกันไปทั่วว่า

“ไทยแลนด์เป็นแดนกัญชาเสรี”

ถือบ้องกัญชาดูดสด เต้นท่าเพี้ยน เพราะกัญชากินสมอง

‘หนุ่ม อนุวัต’ สุดทน!! ยืนประท้วง เรียกร้องคณะกรรมการท้องถิ่น จ.ปทุมฯ ปมขยายถนน ไม่ลงนา แต่ผ่าตลาด ทำชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 300 คน

หนุ่ม อนุวัต สุดทน ยืนถอดเสื้อประท้วงกลางสี่แยกตลาดลำไทร เรียกร้องคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดปทุมธานี ทบทวนการขยายถนน 30 เมตร ผ่านกลางตลาด ต้องทุบตลาด ทั้งที่สามารถเบี่ยงถนนลงทุ่งนาข้างๆ ได้  ชุมชนชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 300 คน 

(23 เม.ย.66) อนุวัต เฟื่องทองแดง ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'อนุวัต จัดให้' โดยระบุว่า...

ผม หนุ่ม อนุวัต เฟื่องทองแดง ผู้ประกาศข่าว ลูกหลานชาวตำบลลำไทร อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เกิดและเติบโตที่นี่และหวังว่าจะกลับมาใช้ชีวิตบั่นปลายที่บ้านเกิด

ไขข้อสงสัย!! เหตุ ‘ลุงตู่’ อนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่ม ร่ายเหตุผล ปทท.มีแผน 'เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด' ผลักดัน Net-Zero

(23 เม.ย.66) ผู้ใช้บัญชี ‘Supote Laocharoen’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า…

ลุงตู่อนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีกทำไม?

... ถ้าคนมันจะพูดให้เป็นเรื่อง ก็จะพูดแค่ "ลุงตู่อนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่ม ทั้งที่มีปริมาณไฟฟ้าสำรองมากมาย จนทำให้ค่าไฟฟ้าแพงอยู่ตอนนี้" พูดเพียงเท่านี้ ลุงตู่ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยขึ้นมาทันทีว่า เพราะอะไร มีผลประโยชน์กับเอกชนหรือไม่ บลาๆๆๆๆๆๆ

... แต่ถ้าหาข่าวหาข้อเท็จจริง ก็จะเข้าใจได้ว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้อนุมัติให้รับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดมาตั้งแต่ 2562 ตามโครงการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ไม่ได้เพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล

... ประเทศไทยมีแผนเพิ่มการผลิตไฟฟ้า ด้วยพลังงานสะอาด เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net-Zero Carbon Emission ของประเทศไทยให้ได้ 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 ที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ในการประชุม COP26 โดยรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงแดด หรือใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ระบบไฟฟ้าฐานเข้าไม่ถึง จะได้มีไฟฟ้าใช้ในการดำเนินชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง รวมถึงเริ่มนำโมเดลเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 ด้าน คือ ชีวภาพ (Bio) หมุนเวียน (circular) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green) หรือ BCG 

... นี่คือเหตุผลที่ กพช. มีมติให้รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมันคนละเรื่องกับไฟฟ้าที่ได้มีการทำสัญญารับซื้อไว้สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปัญหาเดิม มันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่อนาคตของประเทศไทยก็ต้องเดินต่อไป ถ้าเราเดินช้าก็จะล้าหลัง


ที่มา : https://www.facebook.com/100000780943116/posts/pfbid0FEmT6eHCs4tN9KpzKf64QmJAv2ynS3zFWvmZw1XusxXvy9vFyhsh3YGQGGkSk1dhl/?mibextid=unz460


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top