Sunday, 27 April 2025
Politics

‘ศรีสุวรรณ’ จ่อร้อง กกต. สอบ ‘พิธา’ ปมอ้างกลับไทยช่วงรัฐประหาร 49 ชี้ เข้าข่ายจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคการเมือง

(27 เม.ย.66) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่โลกโซเชียลจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังถูกขุดบทสัมภาษณ์ที่ไปออกรายการกับสองพิธีกรชื่อดัง คือ คุณสรยุทธ (ปี 2566) และคุณหนูแหม่ม-สุริวิภา (ปี 2552) ซึ่งบทสัมภาษณ์ใน 2 รายการ 2 ช่วงเวลา แต่เห็นการณ์เดียวกันกับมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นที่นายพิธาได้อ้างว่ากลับมาเมืองไทยช่วงรัฐประหารปี 49 ซึ่งมีถ้อยความที่ดูจะต่างกันพอสมควร อาทิ การรับราชการเป็นทีมงานนักการเมือง การให้ร้ายกองทัพเพราะถูกควบคุมตัว การไปงานศพคุณพ่อไม่ทัน การถูกควบคุมการเงินจนไม่มีเงินทำศพพ่อ ฯลฯ

'พิธา' เปิดใจ!! แจงดรามา 'ทหารคุมตัวจนไปงานศพพ่อไม่ทัน'  ด้านคุณแม่พิธา ส่งข้อความ "ไม่รู้จักเพื่อนของพ่อคนดังกล่าว"

เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลัง ลงจากเวทีดีเบต ของสถานีโทรทัศน์ PPTV ถึงกรณี ดราม่าการกลับมางานศพพ่อของตนเองไม่ทันหลังจากรัฐประหาร 2549 ว่า ตนมางานศพพ่อไม่ทันจริงๆ โดยงานศพ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-24 กันยายน 2549 ตนมาทันในวันที่ 22-24 กันยายน 2549 หลังจากนั้นก็เก็บศพไว้ 100 วันก่อนทำการฌาปนกิจ การพูดในรายการของหนูแหม่ม สุริวิภา และรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอางานศพของพ่อใครมาพูดให้เป็นเรื่องแบบนี้

นายพิธา ยังได้ชี้แจงหลักฐานให้ผู้สื่อข่าวดูมา มีทุกอย่างครบ ว่ากลับมาประเทศไทยอย่างไร เป็นรูปภาพกำหนดการงานศพ ตั๋วเครื่องบิน 

เมื่อถามว่าตอนสมัยกลับจากสหรัฐอเมริกา มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นข้าราชการการเมืองแล้วหรือเป็นนักเรียนทุนกันแน่ นายพิธา ชี้แจงว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งลาออกจากทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พอดี และจะเดินทางไปศึกษาต่อ ดังนั้นจึงเป็นช่วงคาบเกี่ยวกัน

“นี่เป็นการทำงานตอนที่เป็นทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ … และหยุด ลาออก แล้วก็บินไปเรียนหนังสือต่อถึงวันที่ 6 คุณพ่อเสีย 19 กันยายน อย่างที่บอก เพราะฉะนั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยว ผมก็ต้องบอกว่าเพิ่งทำงานเสร็จ และจะไปปฐมนิเทศเริ่มการเรียนหนังสือ แต่อย่างไรก็ตามนามสกุลของเรายังมีบันทึกอยู่ เวลาลงพื้นที่มีคอมพิวเตอร์ มีแลปทอป ถ้าดูจากข่าวว่าสิงคโปร์บินถึงประเทศไทยวันที่ 21 กี่โมง ตอนนั้นประมาณบ่ายโมง ผมยังจำได้ว่าสัมภาษณ์กับท่านสุริวิภา ตอบไปว่าอยู่ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ถ้าจำไม่ผิด” นายพิธากล่าว

นายพิธา สรุปว่า ภายหลังจากออกจากกักตัวที่กองทัพอากาศ ก็ถึงบ้านประมาณสองทุ่ม ตนจำได้ว่ามาถึงแม่ของตนที่กำลังกลับจากงานศพ โดยแม่เพิ่งบอกว่าไปงานศพพ่อมา แสดงให้เห็นว่าตอนกลับมาก็ไปไม่ทัน ตนย้ำว่าไม่มีใครที่อยากเอาชีวิตพ่อตัวเองมาทำให้เป็นดราม่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันถึงการรัฐประหารว่าทำให้เกิดอะไรขึ้นกับประชาธิปไตยบ้าง

นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้เป็นนักการเมือง หากประชาชนอยากตรวจสอบก็สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งก็เห็นอยู่แล้วว่ามีภาพชัดเจน ตนคิดว่าประชาชนจะเข้าใจ และการอธิบายก็คงทำให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น 

นายพิธา ย้ำอีกว่า แม่ของตนได้เห็นโพสต์ของสื่อฉบับหนึ่ง ที่ระบุว่าเพื่อนของพ่อตนโพสต์เฟซบุ๊กบอกว่าตนโกหก เพื่อเรียกกระแสดราม่า โดยแม่เพิ่งส่งข้อความมาว่าไม่รู้จักเพื่อนของพ่อคนดังกล่าว

นายพิธา กล่าวพร้อมโชว์รูปวันที่พ่อแม่ไปส่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า รูปดังกล่าวเป็นวันที่พ่อของตนไปส่งเรียนต่อ ช่วงวันที่ 6-7 กันยายน 2549 และรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตนไม่ได้มีโอกาสบอกลาพ่อ ซึ่งการสัมภาษณ์บางครั้งอาจถูกตัดออกไป นอกจากนี้ตนคิดว่ายังมีความเข้าใจผิดเรื่องไทม์โซนของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งตอนที่แม่โทรมาบอกตน แม่ก็โกหกบอกว่าพ่อยังไม่เสีย เพื่อต้องการไม่ให้ตนแตกสลาย อย่างน้อยบินกลับมาเมืองไทยและอยู่กับครอบครัว 

“คุณต้องเข้าใจว่าคนที่เสียพ่อ โดยที่ไม่ได้ลากันมันไม่มีเวลามานั่งไล่จับรายละเอียดอย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าคุณอยากรู้ผมก็มีหลักฐานที่จะมาเปรียบเทียบให้ชัดๆ ไปก็ได้ ว่าสิ่งที่พูดมาไม่เป็นความจริง และอย่าทำให้การเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลตอนนี้เสียสมาธิ ขอเรียกร้องให้คนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่าเสียสมาธิกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้” นายพิธากล่าว

ทั้งนี้ นายพิธา ยังได้โพสต์โชว์ 3 ภาพดราม่า 

โดยรูปที่ 1 แสดงให้เห็นว่างานศพของคุณพ่อตนนั้นเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 - 24 กันยา ต่อคำถามว่า สรุปแล้วมาทันหรือไม่ทันกันแน่ คำตอบ คือ มาทันครึ่ง (วันที่ 22-24) “และ” ไม่ทันครึ่ง (วันที่ 18 - 20) ทั้งการสัมภาษณ์ของคุณสุริวิภากับของคุณสรยุทธ์จึงไม่มีอะไรขัดแย้งกัน

รูปที่ 2 อ้างอิงถึง ข่าวจาก Channel News Asia รายงานว่า วันที่ 21 กันยายน 2549 เครื่องบินรัฐบาลไทยที่กลับสู่ประเทศไทยหลังการรัฐประหาร โดยลงจอดที่สนามบินกองทัพอากาศ ในช่วงประมาณ 12.40 น. ซึ่งเป็นเครื่องบินลำที่ตนโดยสารมาจาก นิวยอร์กและลอนดอน จากรายงายข่าวจะพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมตัวและตรวจสอบบนเครื่องบินอย่างละเอียด ตนถูกกักตัวอยู่ 5-6 ชั่วโมง กว่ารถบัสจะออกมา กว่าจะมีรถของตนมารับ ก็ถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ จำได้ว่าถึงบ้านก่อนคุณแม่และน้องที่ใส่ชุดดำกลับมา แล้วเราก็กอดกันเป็นครั้งแรกหลังสูญเสียคุณพ่อ

โซเชียลขุด 'กานต์กนิษฐ์' หย่า 'โอ๋-ชัยวุฒิ' แล้วรวย!!  มีทรัพย์สินเพิ่มกว่า 57.9 ล้าน แซว "สูบไปเยอะ"

หลังจากเกิดกระเเส 'ไข่ต้ม ฟีเวอร์' เเล้วชาวเน็ตจับสังเกต การตกเเต่งห้องครัว จนนำไปสู่การขุดคุ้ย บัญชีทรัพย์สิน ของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 

ล่าสุด ชาวเน็ตสายสอด ก็ไล่ตามไปเปิดดู บัญชี 'กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ' อดีตภรรยา 'โอ๋-ชัยวุฒิ' รมว.ดิจิทัลฯ ผู้ที่มีดรามาไข่ต้มอยู่ในขณะนี้ โดยหลังจากหย่ากันไป กานต์กนิษฐ์ ฝ่ายอดีตภรรยามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 60 ล้านบาท 

ว่าแล้ว ก็ขอเผือกเจาะลึกทรัพย์สินของกานต์กนิษฐ์ตามรายการที่ได้เเจ้งบัญชีทรัพย์สินล่าสุดต่อคณะกรรมการ ปปช. กันสักหน่อย

โดนขอไล่ต้นเรื่อง หลังจากที่คุณโอ๋ ชัยวุฒิ รมว.ดิจิทัลฯ ได้โพสต์คลิปวิดีโอกับลูกชายขณะกำลังกินข้าวกับไข่ต้ม พร้อมสอนว่า "วันนี้วันหยุดเราก็กินอาหารเช้าแบบง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องกินหรู อยู่สบายทุกมื้อนะ วันนี้เรากินไข่ต้มกัน" โดยถามลูกว่า "กินไข่ทุกวันใช่มั้ยครับ" ลูกก็บอกว่า "ไม่ค่อยทุกวัน กินขนมปัง" จากนั้นจึงสอนลูกว่า "ไข่ต้มมีประโยชน์ มีโปรตีน"

พลันที่คลิปปรากฎ ก็ได้มีดรามาทัวร์ลงแห่คอมเมนต์แซะมากมาย เช่น “บิ๊วท์อินครัวสวยจังค่ะ ราคาเท่าไหร่คะท่าน” และนั่นจึงเป็นที่มาของเพจบางเพจไปเปิดบัญชีทรัพย์สิน นายชัยวุฒิ ก่อนดำรงตำเเหน่ง รัฐมนตรี ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่ 159 ล้าน ในปี 2562 

อย่างไรก็ตาม ก็คอมเมนต์ต่างเข้ามาตอบโต้ว่า...

“แต่หลังหย่าแกก็โดนกานต์กนิษฐ์สูบไปเยอะจ้าา” 
“คู่สมรสแบ่งทรัพย์สินไปเป็นที่เรียบร้อย” 
“คุณชัยวุฒิเสียไปกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยเลยนะคะ”
“เมียเก่าก็ได้จากคุณโอ๋ไปเยอะ สงสารคุณโอ๋งะ” 

แน่นอนว่า คอมเมนต์บางส่วน ก็ถูกเพจลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนี่จึงเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการเปิดประเด็นเจาะทรัพย์สินของ กานต์กนิษฐ์ กันขึ้นมา...

‘รศ.ปวิน’ เผยอีกมุม ‘ชัยวุฒิ’ นักการเมืองสายชั้นเชิง แท็กติกเยอะ!! ใครคิดว่า ‘โง่’ ขอแย้งแทน เขาไม่ได้ ‘โง่’

‘รศ.ปวิน’ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต เผยมุมมองใหม่ หลายคนมองแง่ลบทางความคิด ‘ชัยวุฒิ’ ในบทนักการเมือง แต่แท้จริงแล้ว ลึกๆ มีเรื่องราวซ่อนอยู่มากมายในทุกประเด็น ที่ใครว่า ‘โง่’ ขอแย้งแทน เขาไม่ได้ ‘โง่’

(27 เม.ย. 66) รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต ให้สัมภาษณ์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ และการเลือกตั้งปี 2566 ผ่าน ‘เนม รติศา วิเชียรพิทยา’ บล็อกเกอร์สาว เจ้าของช่องสรุปข่าวแบบเข้าใจง่าย ในชื่อ NailName ซึ่งออกอากาศทาง YouTube ที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามมากกว่าครึ่งล้าน โดยบางช่วงได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตน กับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า…

เป็นความสัมพันธ์ที่ดีใจจุดหนึ่ง แต่อีกมุมก็มองว่าค่อนข้างแปลก ซึ่งเรื่องนี้เล่าให้ฟังเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยคุณโอ๋ ชัยวุฒิ เคยพยายามปิดตลาดหลวง และอยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องตนเองในด้านอาชญากรรมไซเบอร์มาก่อน แต่ก็ไม่เคยไม่พอใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เคยมีการพูดคุยกันอยู่บ้าง เมื่อครั้งตนเอง เขียนหนังสือเล่มใหม่ และต้องการส่งหนังสือไปให้ ทางคุณโอ๋ ชัยวุฒิ เองก็น่ารัก ยินดีรับหนังสือดังกล่าว บางครั้งในโซเชียลก็มีการโต้ตอบกันบางในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเมื่อครั้งคุณโอ๋ ชัยวุฒิ ไปทำบุญกับคุณแม่ภรณี ธนาคมานุสรณ์ ตนเองก็เข้าไปคอมเมนต์ ก็ได้รับการตอบกลับมา ว่าคุณแม่ ฝากบุญมาให้ตนเอง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่ารัก ไม่คิดว่าจะเป็นการพูดคุยกันในรูปแบบบุคคลธรรมดาทั่วไปได้ 

อดีตผู้แทนการค้ายุคทักษิณ-กุนซือเพื่อไทย  มัด!! 'พิธา' กุเรื่อง 'ถูกคลุมหัว-อายัดบัญชี'

(27 เม.ย.66) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะอดีตผู้แทนการค้าไทยสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปี2549 กล่าวกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์อ้างว่าเดินทางกลับจากนิวยอร์กหลังถูกรัฐประหารปี 49 ซึ่งโดยสารเครื่องบินลำเดียวกับนายปานปรีย์ว่า ก่อนเครื่องขึ้นจากนิวยอร์ก มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนำนายพิธามาฝาก โดยระบุว่าฝากน้องพิธากลับไทยด้วย แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่านายพิธามาจะมาเล่นการเมืองอะไรในอนาคต ขณะนั้นเข้าใจเพียงว่าเป็นน้องคนหนึ่ง ที่อาศัยเครื่องบินกลับมา เมื่อเครื่องมาถึงกรุงเทพฯ ตนก็ไม่คิดว่าจะเจออะไร เพราะได้ส่งนายทักษิณที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษแล้ว

"แต่เมื่อเครื่องถึงสนามบินดอนเมือง เครื่องบินลำดังกล่าวกลับจอดนิ่งประมาณครึ่งชั่วโมง ท่าทางไม่ค่อยดี ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าคณะเดินทาง จึงเดินไปบอกคนในเครื่องรวมถึงนายพิธา ว่าเราคงไม่ได้ลงที่ดอนเมือง ตอนนี้เครื่องมาจอดที่ บน.6 แล้วขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เชื่อว่าไม่มีปัญหาเพราะเราไม่ใช่นักการเมือง"

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนั้นนายพิธาขึ้นเครื่องในฐานะที่เป็นทีมงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ในขณะนั้น หรือเป็นแค่คนไทยที่อาศัยเครื่องบินเดินทางกลับประเทศ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ทราบเพียงว่าเป็นหลานของนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขาส่วนตัวนายกฯ ทักษิณ

‘ดร.เสรี’ ซัด!! ตอนอายุ 20 ดูใสๆ น่ารัก  แต่พอ 40 มาทำงานการเมือง ดูน่ารังเกียจ

(28 เม.ย.66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า…

“น่าเสียดาย เรียนก็เก่ง มหาวิทยาลัยที่เรียนก็ชั้นนำ หน้าตาก็ดี ตอนยังไม่เข้ามาทำการเมืองพูดจาใสๆ ดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอเข้ามาทำงานการเมืองเท่านั้นแหละ เปลี่ยนไปเลย

ก่อนมาเป็นนักการเมือง ก็สร้างวีรกรรมให้คนเขาดรามากันไปทั่ว เมียมีเพื่อนเป็นกะเทยก็ไม่ได้ ถึงขนาดทำร้ายร่างกายเมีย เป็นเรื่องลบติดตัวมาถึงเวลานี้

เคยพูดว่างบประมาณสำหรับข้าราชการบำนาญว่าเป็นงบช้างป่วย พอโดนต่อต้าน และจะทำให้เสียคะแนนของผู้สูงวัย ก็บอกว่าไม่ได้พูด

กกต. ตีกลับ หนังสือขออนุมัติ 1.1 หมื่นล้าน แก้ค่าไฟแพง หลังตรวจพบ เอกสารไม่ได้ผ่านมติของคณะรัฐมนตรี

(28 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเสนอ กกต. ขออนุมัติวงเงิน 11,112 ล้านบาท ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชน มีรายงานเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือนำส่งหนังสือของกระทรวงพลังงาน ที่ขอให้ กกต. พิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบในการที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติใช้งบกลาง 11,112 ล้านบาท เพื่อช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน มายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)   

‘พิธา’ งานเข้า!! นักร้องตบเท้าแห่ยื่น กกต. สอบ 4 ประเด็น ชี้ เกี่ยวข้องกับมิติทางการเมือง เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง

(28 เม.ย. 66) ที่สำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมายื่นหลักฐานต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบ กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ให้สัมภาษณ์ผ่ายรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงการร่วมงานศพคุณพ่อ ในช่วงรัฐประหาร​ เมื่อปี​ 2549

โดยนายเรืองไกร​ กล่าวว่า วันนี้จำเป็นต้องมายื่นร้องเรียน เพราะกรณีดังกล่าว เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปี 2561 มาตรา 73 (5) และต้องการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมืองที่หาเสียง ทั้งที่ขณะนี้ก็อยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีคำพูดให้เกิดประเด็นทางสังคม ซึ่งเมื่อนำบทสัมภาษณ์ในรายการของสรยุทธ ไปเทียบกับรายการของนางสุริวิภา​ กุลตังวัฒนา​ หรือ ‘หนูแหม่ม​’ ที่นายพิธา​ ได้ให้สัมภาษ​ณ์เมื่อปี 2552 ซึ่งพิธาก็ได้ออกมาบอกว่าเป็นข้อเท็จจริงทั้งคู่

นายเรืองไกร​ กล่าวว่า​ จึงต้องยื่นร้องต่อ กกต. ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 ประเด็น ดังนี้

ประเด็นแรก เรื่องที่นายพิธา อ้างว่า นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ซึ่งความจริงแล้วขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ของนายทักษิณ ชินวัตร

ประเด็นที่สอง นายพิธาบอกว่า คุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ขณะที่นายพิธา ได้โชว์ภาพกระดานงานศพ กำหนดจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.2549 โดยมีเจ้าภาพเป็นภรรยาและบุตร

ประเด็นที่สาม นายพิธา บอกว่า ตนทำงานเป็นข้าราชการการเมือง ช่วยงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ แต่นายพิธา ชี้แจงว่า ขณะนั้นตนเรียนหนังสือที่บอสตัน ทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน

ประเด็นที่สี่ นายพิธา บอกว่า ตนเองถูกอายัติเงินในบัญชี 2-3 เดือน และไม่สามารถนำเงินมาจัดงานศพคุณพ่อได้ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการควบคุมบัญชีต้องผ่านคำสั่งของ คมช. โดยขณะนั้นตนเองทำงานอยู่ที่ สตง.ไม่เคยเห็นรายชื่อของนายพิธาเข้าข่ายโครงการที่จะต้องตรวจสอบ

พร้อมกันนี้นายเรืองไกร ยังได้ยกคำ วินิจฉัยของ กกต. เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าแลง เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ว่ามีการหาเสียงอันเป็นเท็จ ต้องถูกดำเนินคดี

“หากตรวจสอบคนอื่นได้ ตนเองก็ต้องตรวจสอบได้เช่นกัน ในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะ กกต.ต้องรีบดำเนินการพรรคที่อ้างว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องตรวจสอบกันเอง เรื่องแบบนี้ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมขอให้ตรงไปตรงมา ตนเองอยู่การเมืองมา เคยตรวจสอบแล้วทุกฝ่าย” นายเรืองไกร​ กล่าว

เมื่อถามว่า กังวลว่าจะถูกฟ้องอีกหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า ไม่กลัว เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ นายพิธาเป็นนักการเมืองมาแล้ว 4 ปี กรณีที่นายพิธาเคยฟ้อง คือ มาตรา 326 และ มาตรา 328 แต่มีมาตรา 329 คุ้มครอง ต่อมาทางกรรมการพรรคอนาคตใหม่บางท่านได้มาพูดคุยกับตน และในที่สุดเมื่อขึ้นศาล ทนายของพรรคก็ได้เจรจา และถอนไป ก็ขอบคุณ ตนร้องเรียนปกติ ถ้าวันนี้จะฟ้องอีก ตนก็ยินดี จะได้พิสูจน์ที่นายพิธาเคยระบุว่า ทุกคนควรถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่พอนายพิธาโดนเองกลับมาฟ้อง นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ประชาชนควรได้รับทราบ

‘เสี่ยเฮ้ง’ เดือด!! ซัด ‘ธนาธร’ หากรัฐฯ ‘นิ่งเฉยช่วงโควิด-ไร้แผนรับมือ’ ศก.ไทยมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง โบนัสบริษัทต่างๆ พร้อมหลุดเป้า

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ ‘Krutukta’ ได้โพสต์วิดีโอนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะปราศรัยหาเสียง โดยช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายสุชาติได้กล่างถึงเหตุการณ์ในช่วงที่โควิดระบาดหนัก โดยระบุว่า…

ช่วงที่เดลตาระบาดหนักๆ ผมนั่งประชุมอยู่ในคณะกรรมาการเรื่องแก้ปัญหาโควิดกับท่านนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมทีมแพทย์ ที่ปรึกษาหลายๆ ท่าน ทีมแพทย์ แนะนำให้ปิด-หยุดอยู่กับบ้านอีก 3 เดือน คล้ายๆ กับเดือนเมษายน ปี 2563 ผมทราบบรรยากาศ ทราบอาการท่านนายกฯ ในวันนั้นว่า ถ้าปิดแบบนี้ ประเทศเจ๊งแน่นอน เพราะอะไรรู้ไหมครับ? เพราะออเดอร์ต่างๆ ที่บริษัทส่งออกรับออเดอร์ไว้ คู่ค้าต่างประเทศเขารออยู่ ถ้าเราปิด ก็จะรับออเดอร์ไม่ได้ ลูกค้าก็ต้องไปสั่งที่ประเทศอื่น และหลังจากโควิดหาย บริษัทเหล่านี้จะเอาออเดอร์ที่ไหน ส่งผลกระทบกับผู้ใช้แรงงานแน่นอน 

ในที่ประชุม ผมถามคุณหมอว่ากลัวอะไรที่สุด คุณหมอบอกว่ากลัวเรื่องแคมป์คนงานในกรุงเทพ ผมบอกว่า ปิดแคมป์คนงานไปเลย เดี๋ยวกระทรวงแรงงานเยียวยาเอง แล้วถามว่ากลัวอะไรอีก? หมอบอกว่ากลัวคนเดินห้าง ผมก็สั่งปิดห้างสรรพสินค้าไปเลยหนึ่งเดือน เดี๋ยวเยียวยาเอง แต่ห้ามปิดอุตสาหกรรมส่งออก นี่คือข้อตกลงในที่ประชุม แล้วผมเองก็ไปเยียวยาพี่น้องผู้ใช้แรงงาน พนักงานห้างสรรพสินค้า เยียวยาพี่น้องผู้ใช้แรงงานทั้งต่างด้าวและคนไทย ใช้เงินในสิทธิประกันสังคมเยียวยา

ตอนนั้นมีบริษัทหนึ่ง ชื่อบริษัทยานภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่สมุทรปราการ ต่อสายตรงหาผมและบอกว่า มีพนักงานทั้งหมด 2 พันกว่าคน ติดโควิดประมาณ 20 กว่าคนแต่จะโดนปิดโรงงาน ตอนนั้นผมบอกว่า ปิดไม่ได้ ถ้าปิดเจ๊งทันที วิธีแก้ปัญหาของผมคือ การทำโครงการ Factory Sandbox ตรวจหาเชื้อแบบเชิงรุก เป็นการตรวจ RT PCR 100 % เช่น โรงงานนี้มีหนึ่งพันคน ตรวจเจอเชื้อ 100 คน เอาไปรักษา อีก 900 คนฉีดวัคซีน ม.33 ที่ลุงตู่ให้มา และไม่มีเหตุผลในการปิดโรงงาน จึงได้ผลิตและส่งออกต่อไปได้

‘ส.ว.สมชาย’ เชื่อ!! สังคมไม่ติดใจ ‘พิธาคิโอ’ พูดจริงหรือเท็จ แต่คาใจ ‘มีความซื่อสัตย์-จริยธรรม’ แค่ไหน? ถึงเสนอตัวนั่งนายกฯ

(29 เม.ย.66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ…

#ขึ้นเครื่องบินฟรี
#ลูกหลานใครหว่า ว่า...

สงสัยอยู่หลายวันว่าทำไม เด็กหนุ่มนักเรียกนอกบ้านรวย เรียนและจบปริญญาโท การเมืองการปกครอง สาขาการบริหารภาครัฐ ที่ John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปริญญาโท การบริหารธุรกิจ Sloan สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ 

...จึงหาทางกลับเมืองไทยแบบเร่งด่วน ในวันที่พ่อเสียชีวิต กลับจากบอสตันไม่ได้ ต้องซื้อตั๋วบินจากบอสตันไปนิวยอร์ก แทนที่จะซื้อตั๋วจากบอสตันบินกลับไทยแบบเร่งด่วนในทันที

นักเรียนไทยที่เรียนที่บอสตันทุกคนเวลานั้น จนถึงวันนี้ล้วนรู้ดีว่า...

ถ้าจะบินไปกลับบอสตัน-กรุงเทพ เวลานั้นต้องบินอย่างไร? เพราะไม่มีไฟลท์ตรง ‘กทม. -บอสตัน’

มีคำถามค้างคาใจว่า ทำไมเขาจึงตัดสินใจทำเช่นนั้น ทั้งที่มีทางเลือกมากมาย อาทิ...

1.) สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้หลายสายการบินเช่น KLM japanairline American Airline Lufthansa Singapore Airline ฯลฯ 
.
แม้ไม่ได้บินตรงถึง กทม.ทันที แต่ก็แวะพักแค่ 1 จุดเช่น โตเกียว, สิงคโปร์ ฮ่องกง หรือดูไบ เวลาบินรวมจุดแวะพัก 22-24 ชั่วโมง ก็ถึงไทยแล้ว

2.) บินจากบอสตันไปนิวยอร์ก เพื่อซื้อตั๋วการบินไทย  ซึ่งตอนนั้นมีบินตรงนิวยอร์ก-กรุงเทพ (แอร์บัส A340-500 บินตรง 16-17 ชั่วโมง รวมเวลาบินก็ 22-24 ชั่วโมงเช่นกัน) 

ตอนหลังเส้นทางนี้ถูกยกเลิกเพราะขาดทุน 25,000 ล้าน และเป็นจุดเริ่มทำให้การบินไทยล้มละลาย และเรื่องนี้ ปปช.ชี้มูลทุจริต 

3.) ไปนิวยอร์กเพื่อใช้อภิสิทธิ์ขึ้นเครื่องบินพิเศษของราชการ 'ไทยคู่ฟ้า' ที่ใช้ภารกิจนายกรัฐมนตรีเท่านั้น (บุคคลภายนอกขึ้นบินด้วยไม่ได้ เพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด) เพราะมีอาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวทักษิณ ชื่อ 'ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์' แต่เครื่องบินยังต้องเสียเวลาบินอ้อมไปส่งทักษิณที่ลี้ภัยการรัฐประหารไปอยู่ลอนดอนอีก ซึ่งจะต้องอนุญาตจากศูนย์การบินเปลี่ยนเส้นทางบินใหม่ทั้งหมด เสียเวลาบินรวมเกินกว่า 24-30 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top