Sunday, 27 April 2025
Politics

เมื่อ 'วิโรจน์' อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ขิง 'ชัยวุฒิ' บอก 'กทม.' ไม่ใช่ 'ท้องถิ่น' แต่เป็นการปกครองพิเศษ

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ดำเนินรายการโดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ซึ่งครั้งนี้จัดดีเบตประชันวิสัยทัศน์และนโยบายแบบสัญจรที่ จ.เชียงใหม่ ตัวแทนทั้ง 7 พรรคการเมืองประกอบด้วย...

1. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
2. นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
3. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
4. นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
5. นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำภาคเหนือ
6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
7. น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย

โดยไฮไลต์เด็ดของดีเบตหนนี้อยู่ที่ 'ชัยวุฒิ' กับ 'วิโรจน์' ซึ่งคุณชัยวุฒิ ได้กล่าวถึงคุณวิโรจน์เกี่ยวกับระบบการปกครองของไทย โดยเฉพาะกับกรุงเทพมหานคร ว่า...

“พอดีคุณวิโรจน์ไม่เข้าใจเพราะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่การปกครองส่วนภูมิภาค ศักดิ์ศรีเหมือนนายก อบจ. เลือกมาเพื่อบริหารท้องถิ่น ที่เราพูดถึงคือการบริหารราชการระบบส่วนภูมิภาค ที่เคสเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ไง สอบไม่ผ่าน เข้าใจไหม คนละแบบ”

‘ก้าวไกล’ ตอบชัดไม่เคยสั่งทีมงานดิสเครดิตพรรคใด เชื่อ!! กระแสดีเพราะดีเบต มั่นใจเป็นรัฐบาลแน่นอน

(29 เม.ย.66) จากเหตุการณ์ ที่พรรคเพื่อไทยมีการปล่อยภาพในโซเชียลกรณีที่ทีมงานของพรรคก้าวไกลไปชูป้ายดิสเครดิต ส.ส.พรรคเพื่อไทยนั้น ด้าน นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์  ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 (ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร สัมพันธวงศ์) พรรคก้าวไกล ได้ชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่เปิดรับอาสาสมัครที่ต้องการเข้ามาช่วยงาน มาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้มาสมัครเป็นอาสาจำนวนมาก และในการตรวจสอบประวัติอาสาสมัครทางพรรคไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เพราะทุกคนที่มาเป็นอาสาไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด 

ทางพรรคจึงขอยืนยันอีกครั้งว่า พรรคไม่มีการไปสั่งให้อาสาคนไหนไปดิสเครดิตพรรคอื่นอย่างแน่นอน พรรคก้าวไกลไม่มีการโจมตีสาดโคลนพรรคอื่นแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพรรคไม่สามารถควบคุมหรือสั่งอาสาได้ว่า  สามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้ ทางพรรคเพียงแต่ดูการทำงานของอาสาแต่ละท่าน ในกรณีที่มีเรื่องที่เป็นผลลบเราก็จะมีการสอบถามเหตุผล ที่ไปที่มาว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นทางพรรคขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่มีการสั่งผู้ช่วยหรืออาสาท่านใดให้ไปดิสเครดิตพรรคใดเลย 

ส่วนมาตรการในการดำเนินการเรื่องที่อาสาไปชูป้ายนั้น ทางพรรคได้มีการสอบถามไปทางคุณหมิว และได้ทราบว่าอาสาท่านนี้ไม่ได้มาช่วยงานทางพรรคแล้ว แต่บางเรื่องอย่างเช่นการแสดงออกของแต่ละบุคคลนั้นก็เป็นสิทธิของบุคคลนั้นๆ ในการแสดงออก ทางพรรคขอเรียนว่าพรรคก้าวไกลไม่สนับสนุนให้ทางอาสา ผู้สมัคร ทีมงานของพรรคทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นทางมารยาท ทางกฎหมาย พรรคต้องการเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่ส่งเสริม ยุยง การทำการเมืองแบบสาดโคลน หรือไปดิสเครดิตพรรคอื่นๆ พรรคยังยืนหยัดในการพัฒนาเพื่อประชาชนเป็นหลัก

นายปารเมศ กล่าวต่อว่า จากกระแสโพลในตอนนี้ทำให้พรรคมีกำลังใจที่ดีขึ้น เพราะผู้สมัครทุกคนทำงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ทางพรรครู้ดีว่าศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้กระแสจะดีแค่ไหนแต่ยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกล 

“นายกประยุทธ์ ทำงานมาตั้ง 8 ปี ถ้าคนตาถั่วหรืออคติ ก็ไม่เห็นความจริง และคนหน้ามืดตาบอด พูดไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก มืดอยู่อย่างงั้นแหละ”

คำกล่าวส่วนหนึ่งจากคลิปวิดีโอ โดย พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผ่านเพจบุญนิยมทีวี เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 

อดีตลูกจ้างพรรคสีส้ม แฉ!!! ได้เงินเดือน 14,000 ถูกอ้างให้ได้แค่นี้ หมดศรัทธา!! ชอบพูดถึง 'คนรุ่นใหม่-เท่าเทียม' แต่เรื่องแค่นี้ยังเอาเปรียบ

กลายเป็นประเด็นดรามาต้อนรับวันแรงงาน 2566 หลังจากจาก เพจ 'Salary Investor' ซึ่งโพสต์ถามเรื่องเงินเดือนว่า “ไม่ต้องบอกอายุตัวเอง แต่ให้บอก เงินเดือน เดือนแรกในชีวิต” และก็มีหลายคนเข้ามาตอบคำถามกันมากมาย...

ทว่า เรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นโดยมีพรรคการเมืองคะแนนนิยมพุ่งแรงในตอนนี้เข้ามาเกี่ยวด้วยแบบเต็มๆ หลังจากมีอยู่ข้อความหนึ่ง สะดุดตาขึ้นมาว่า...“14,000 ครับ พรรคส้มให้ผมได้แค่นี้” ทำให้มีคนสงสัยว่าเหตุการณ์นี้เป็นอย่างไร แล้วพรรคส้มไปเอี่ยวอะไร?...

เมื่อมีการสอบถามไปยังนาย A (นามสมมติ) เจ้าของข้อความดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเข้าไปทำงานกับทางพรรคสีส้ม โดยการเขียนหัวสัญญา เป็นการจ้างทำ 'ของ' ซึ่งตนไม่ค่อยรู้เรื่องจึงเซ็นสัญญาไป ไม่มีการจ่ายประกันสังคม และประกันชีวิตกลุ่มก็ไม่มีให้ ในขณะที่ลูกจ้างคนอื่นมี เวลาป่วยตนต้องออกค่ารักษาพยาบาลเอง

สิ่งที่ทำให้เกิด 'จุดแตกหัก' คือ หลังจากตนเข้ามาทำงาน มีพนักงานเข้าใหม่ ทำหน้าที่เดียวกันกับตน แต่กลับได้สิทธิประโยชน์ทุกอย่างเหมือนพนักงานคนอื่นๆ มีทั้งประกันสังคม ประกันชีวิตกลุ่ม ตนจึงเกิดความสงสัยว่า...ทำไม!?! พนักงานคนอื่นได้แล้วตนทำไมไม่ได้ ในเมื่อหน้าที่การทำงานก็ทำเหมือนกัน 

ในส่วนของเรื่องชั่วโมงการทำงาน ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะก็ทำเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ แต่อัตราค่าจ้างตอนตกลงกันครั้งแรกไม่ใช่อัตรานี้ ซึ่งฝ่ายบุคคลของพรรคสีส้มให้เหตุผลว่า “ขอดูโปรเดือนเดียว” แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับกลายเป็นคนละเรื่องกับที่ตกลงกัน เพราะกลับกลายเป็นสัญญาจ้างทำของแทน แถมใช้วิธีต่อสัญญาใหม่ทุกเดือนด้วย

แน่นอนว่า ถ้าทำอย่างนี้ตนย่อมเสียหาย เพราะถ้าเกิดองค์กรไม่พอใจอะไร สามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที และนั่นก็ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

‘ดร.หิมาลัย’ เบิกเนตร ‘กษัตริย์ไทย’ สละเลือดป้องแผ่นดินแต่ครั้งอดีต ซัดพวกบิดเบือนควรศึกษาประวัติศาสตร์ ก่อนพล่ามทำแตกแยก

จากกรณีที่มีนักการเมืองหญิงท่านหนึ่ง ได้เกิดการโต้เถียงกับชาวบ้าน เรื่องมาตรา 112 พร้อมระบุว่า พระมหากษัตริย์ไม่เคยออกรบเสียชีวิต มีแต่ไพร่ที่ตายในสนามรบ 

ต่อเรื่องดังกล่าว ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะที่อดีตเคยเป็นทหาร รู้สึกไม่สบายใจและไม่เห็นด้วยกับความเห็นของนักการเมืองคนดังกล่าว โดยให้ความเห็นว่า การที่มีนักการเมืองคนนั้น พยายามสร้างความแตกแยกทางความคิด ด้วยการแยกเจ้าแยกไพร่ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะแท้จริงแล้ว ในประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกไว้ ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยมาแต่ครั้งอดีต

ในอดีตครั้งโบราณนั้น พระมหากษัตริย์ไทยแทบทุกพระองค์ ต่างเป็นผู้นำทัพ ในการพาประชาชนออกปกป้องบ้านเมือง เป็นศูนย์รวมจิตใจของกองทัพ รวมทั้งทรงออกรบ เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับไพร่ฟ้าประชาชนด้วยพระองค์เองในยามศึกสงครามมิได้ขาด

แม้แต่ประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ หรือฝรั่งเศส ที่นักการเมืองคนดังกล่าวยกย่องนักหนา ก็มีพระมหากษัตริย์ เป็นผู้นำ มีเจ้ามีไพร่เช่นเดียวกัน โดยพระมหากษัตริย์ของทุกประเทศ เป็นชนชั้นปกครอง นั่นหมายถึง การปกครองทรัพย์สิน บ้านเมือง และชีวิตประชาชน ให้มีความปลอดภัย อยู่ดีกินดี อีกทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชนล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้ หากไม่มีกษัตริย์เป็นผู้นำออกรบ ประชาชนก็จะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย และหากไม่มีประชาชนร่วมปกป้อง ประเทศและสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้เช่นกัน 

ดร.หิมาลัย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่นักการเมืองพยายามด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ไม่เคยทำอะไรให้บ้านเมือง มีแต่ไพร่ที่ออกรบและตายแทนในสนามรบ และยังบอกด้วยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นกษัตริย์นักรบของไทย ที่ช่วยกอบกู้เอกราชจากพม่า ก็ไม่ได้สวรรคตในสนามรบนั้น ตนไม่แน่ใจว่า คนที่พูดไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์หรือรู้และเข้าใจดี แต่พยายามพูดบิดเบือนสร้างเรื่องแบ่งแยกชนชั้น เพื่อสร้างความแตกแยกกันแน่ เพราะตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ ระบุว่า สมเด็จพระนเรศวร เสด็จสวรรคตในกระโจมหลวงหน้าเมืองตองอู ระหว่างที่พระองค์ทรงกรีฑาทัพไปทำศึกสงคราม 

ดังนั้น การที่นักการเมืองคนดังกล่าว ได้แสดงความเห็นออกมานั้น เป็นการพูดแบบไม่สนใจหลักฐานทางประวัติศาสตร์เลย 

ในประวัติศาสตร์ ยังพบว่า มีกษัตริย์ที่เสียชีวิตจากการออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหาร เช่น สมเด็จพระศรีสุริโยทัยอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ที่สวรรคตจากการทำยุทธหัตถี (การสู้รบบนหลังช้าง) กับแม่ทัพพม่า ในงานราชการศึกป้องกันประเทศร่วมกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง 

นอกจากนี้ ยังมีวีรสตรี อีกหลายท่าน เช่น ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ภรรยาพระยาสุริยเดช เจ้าเมืองนครราชสีมา ท้าวเทพกษัตรีท้าวศรีสุนทร ซึ่งแต่ละท่านต่างใช้เลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องประเทศชาติร่วมกับทหารและประชาชนของพระองค์ ไม่มีแยกเจ้าไพร่นายบ่าว การด้อยค่าวีรบุรุษของชาติเพื่อชัยชนะทางการเมืองเป็นเรื่องไม่สมควรยิ่ง

ดร.หิมาลัย กล่าวด้วยว่า หากนักการเมืองคนนั้นไม่มีเวลาศึกษาประวัติศาสตร์ ตนอยากแนะนำให้ไปที่อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต 7 พระองค์ ที่ทรงมีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประชาชนมาอย่างยาวนาน ประกอบด้วย...

'จุติ' รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยอมรับ 'ผิดหวัง' หลังนักธุรกิจใช้เวทีนางงามเป็นเครื่องมือทางการเมือง

(30 เม.ย.66) จากกรณีเวทีประกวด ของ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 ที่มีการใช้คำถามเชิงการเมืองให้ผู้สมัครเข้าแสดงทรรศนะในคืนที่ผ่านมานั้น

ผู้สื่อข่าวสอบถามความคิดเห็นไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคได้แสดงความเห็นว่า "รู้สึกผิดหวังอย่างแรง" และประหลาดใจที่ไม่เคยเห็นการประกวดนางงามไหนๆ ที่จะแสดงตัวตนในการเลือกข้างทางการเมืองอย่างชัดเจนเช่นครั้งนี้

คำถามที่พุ่งตรงต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมมีคำตอบที่ผู้เข้าประกวดต้องการเอาใจผู้จัด จึงเป็นคำตอบด้านเดียว ขาดข้อมูลที่สำคัญอีกด้านอย่างชัดเจน 

'วิโรจน์' รับ!! ด้วยความจำกัดของเวลา ทำให้พูดจาตกหล่น หลังลั่นใส่ 'ชัยวุฒิ' กลางเวทีดีเบต "กทม.เป็นการปกครองพิเศษ"

หลังจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ในรายการไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ ที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีการปะทะคารมกันช่วงหนึ่งระหว่าง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ความว่า...

“พอดีคุณวิโรจน์ไม่เข้าใจเพราะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่การปกครองส่วนภูมิภาค ศักดิ์ศรีเหมือนนายก อบจ. เลือกมาเพื่อบริหารท้องถิ่น ที่เราพูดถึงคือการบริหารราชการระบบส่วนภูมิภาค ที่เคสเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ไง สอบไม่ผ่าน เข้าใจไหม คนละแบบ”

จากนั้น นายวิโรจน์ ขอกล่าวใช้สิทธิพาดพิงว่า “คุณชัยวุฒิพูดอีกแล้วว่ากรุงเทพมหานครเป็นท้องถิ่น นี่คือความไม่เข้าใจ กรุงเทพมหานครเป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ คือคนละเรื่องนะ คุณไปดูดีๆ มิน่าถึงไม่ได้รับการคัดเลือกให้มาลงผู้ว่าฯ แข่งกับผมไง ผมจะได้ลงแข่งเนี่ย ขอโทษนะคุณไปอ่านหนังสือ กรุงเทพมหานครเป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ เอางี้นะ แล้วถามว่าจะยังไง 1.ไม่มีใครตกงาน เพราะข้าราชการส่วนภูมิภาคจะถูกถ่ายโอนมายังท้องถิ่น และจะมีปลัดจังหวัดอย่างที่คุณศิธาพูด ปลัดจังหวัดก็จะทำหน้าที่ประสานงานกับราชการส่วนกลางได้ เคลียร์กันตรงนี้นะ ลูกๆ หลานๆ ที่ดูทีวี กรุงเทพมหานครไม่ใช้ท้องถิ่น เป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ อย่าไปเชื่อคนกินไข่ต้ม 1 ซีกกับข้าวคลุกน้ำปลานะ”

ล่าสุด (1 พ.ค.66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์แก้ต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า...

"มาดูคลิปย้อนหลังแล้ว ด้วยความจำกัดของเวลา ทำให้ผมพูดตกไป จึงขอแก้ให้ครบถ้วนถูกต้องนะครับ 

"กทม. เป็น 'การปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ' ไม่ใช่ 'การปกครองท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป' ครับ

"จึงขอแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องครับ"

'ศิลัมพา' เดือด 'พิธา' บอกให้ใช้เรือประมงรบแทนเรือดำน้ำ สวน!! เครื่องดับเพลิงมีติดบ้านไว้ ก็ไม่ได้แปลว่าอยากให้ไฟไหม้

'ศิลัมพา' งง 'พิธา' บอกให้ใช้เรือประมงรบแทนเรือดำน้ำ แนะหาข้อมูลก่อนพูดเรื่อยเปื่อย กางข้อมูลอาเซียนหลายประเทศก็มีเรือดำน้ำ ฟาดเจ็บนักการเมืองต้องทำให้กองทัพของชาติเข้มแข็งมิใช่ด้อยค่าหรือทำให้อ่อนแอลง

(1 พ.ค.66) จากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวชื่อดัง โดยระบุถึงแนวคิดเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง เชื่อมโยงการตัดงบประมาณของกองทัพ โดยระบุว่า...

"เดี๋ยวนี้กองทัพเรือเวลาเขารุกกัน เขาไม่ใช้เรือดำน้ำ เขาใช้เรือประมง ให้คุณไปดูเวียดนาม คือ มันมีการสร้างความวิตกจริต มีการซ้อมรบกัน แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง” ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าว ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกส่งต่อกันไปอย่างกว้างขวาง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางสาวศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 24 กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า...

"ตนได้เห็นคลิปวีดีโอดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียแล้วรู้สึกตกใจมาก ที่คนระดับขันอาสามาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับรู้เรื่องความมั่นคงในประเทศต่ำถึงเพียงนี้ เพราะในปัจจุบันกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะเพื่อนบ้านใกล้ชิดไทย ต่างก็มีเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพแทบทั้งสิ้น อาทิ มาเลเซียมี 2 ลำ พม่า 2 ลำ และกำลังต่อเพิ่มอีกหนึ่ง สิงคโปร์มีประจำการแล้ว 4 ลำ อินโดนีเซีย 5 ลำ ส่วนประเทศเวียดนาม ที่คุณพิธากล่าวว่าเขาใช้เรือประมงรบกันนั้น มีเรือดำน้ำเข้าประจำการถึง 6 ลำ" นางสาวศิลัมพากล่าว และว่า

"จากคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงว่า หนึ่ง นายพิธาไร้ความเข้าใจความมั่นคงของชาติอย่างสิ้นเชิง เรื่องมีเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพ ก็เหมือนเราซื้อเครื่องดับเพลิงมาติดไว้ที่บ้าน ซึ่งมิได้แปลว่าเราอยากให้ไฟไหม้ แต่ก็ต้องเตรียมความพร้อมก่อนเหตุจะมาถึง 

‘จุรินทร์’ กราบเท้าลาพ่อ ที่จากไปเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำร่างกลับพังงา พระราชทานเพลิง 10 พ.ค.

จุรินทร์ กราบเท้าพ่อ ครั้งสุดท้าย ที่รพ.ศิริราช ด้วยความอาลัยยิ่ง ก่อนนำร่างกลับไปที่ จ.พังงา สวด 7 วัน พระราชทานเพลิงศพ 10 พ.ค.นี้

(1 พ.ค.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมารับร่างของคุณพ่อวีระ ลักษณวิศิษฏ์ ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยเมื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้นำร่างคุณพ่อวีระออกมา นายจุรินทร์ได้เข้าไปกราบลาที่เท้าร่างคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายอยู่นานด้วยความอาลัยรักยิ่ง ก่อนที่จะได้นำร่างขึ้นรถเพื่อเดินทางไปบำเพ็ญกุศลที่อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา

โดยมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายเกียรติ สิทธีอมร นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ คณะกรรมการบริหารพรรค ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และคณะข้าราชการได้เดินทางมาร่วมด้วย

ทั้งนี้กำหนดการพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ นายวีระ ลักษณวิศิษฏ์ จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 2 พ.ค. และมีพิธีสวดพระอภิธรรม 7 วัน (3-9 พ.ค.) (งดวันที่ 4 พ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 5 บ้านท่าซอ ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา และในวันที่ 10 พ.ค. จะมีพิธีพระราชเพลิงศพ ณ เมรุ วัดเหมืองประชารวม ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อไป


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7640359

'บิ๊กตู่' เผย ครม.เห็นชอบแก้ค่าไฟแพง ส่ง กกต.อีกครั้ง เชื่อ!! จะดำเนินการเร็วที่สุด อาจทันรอบบิล พ.ค.นี้ 

(2 พ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาเรื่องการขอใช้งบกลางช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางเรื่องค่าไฟฟ้า จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาทแล้ว โดย ครม.ได้ให้ความเห็นชอบ และจะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการพิจารณาต่อไปในเรื่องการใช้งบกลางหมื่นกว่าล้านบาท ส่วน กกต.จะส่งกลับมาทันหรือไม่นั้น เชื่อว่าจะเร็ว เพราะในเบื้องต้นก็ขอให้ทำถูกต้องตามขั้นตอน ให้ตรงกับมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ เท่าที่รับทราบสิ่งใดที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนก็ไม่น่าจะมีปัญหา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top