Monday, 19 May 2025
NewsFeed

'ผบช.ทท.' สร้างมิติใหม่บูรณาการ ความร่วมมือ กับ สตม.ปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่น ฮึ่ม..!!ชาวต่างชาติหากเข้าข่ายทำผิด ถูกเพิกถอนวีซ่า เข้าพบกงสุลประเทศต่างๆประจำภูเก็ต เพื่อหารือวางมาตราการ ยกระดับสร้างความมั่นใจ พร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ 13 มี.ค.67 เวลา 15.00 น. ที่ ตม.จว.ภูเก็ต พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในการดูแลความปลอดภัย นักท่องเที่ยวและดำเนินการกับชาวต่างชาติทำผิดกฏหมาย 

ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. ประชุมหารือและปล่อยแถวบูรณาการสร้างความเชื่อมั่น และ กวดขันชาวต่างชาติที่ทำผิดกฎหมาย อันเข้าหลักเกณฑ์เป็นเหตุเพิกถอนวีซ่า เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง  
            
โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.ทท.3 พ.ต.อ.ยุทธภูมิ ปั้นลายนาค รอง ผบก.ทท.3 พ.ต.อ.พิสิษฐ์ สวัสดิ์ถาวร ผกก.2 บก.ทท.3 พ.ต.อ.เกรียงไกร อาริยะยิ่ง ผกก.ตม. จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต และ กำลังพล ในสังกัด บช.ทท.,สตม. ในพื้นที่ จว.ภูเก็ต

โดยคณะดังกล่าวได้เข้าพบ คุณ หลี่ เฉิงหลง กงสุลและหัวหน้าสำนักงานกงสุลจีน ประจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการประสานงานการ ยกระดับดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ร่วมกับกงสุลประเทศต่างๆประจำ จว.ภูเก็ต พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ออกตรวจสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวบริเวณเมืองเก่าภูเก็ต รณรงค์แจกแผ่นประชาสัมพันธ์  สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155  ซึ่งมีล่ามแปลภาษา พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ”ผบช.ทท.กล่าว“

"เสริมศักดิ์" บูรณาการ 33 หน่วยงาน กำหนดแนวทางจัดงานมหาสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 ภายใต้แนวคิด “มหาสงกรานต์เย็นทั่วหล้าทั่วไทย สู่ความภูมิใจระดับโลก” เน้นย้ำเผยแพร่คุณค่าสาระอัตลักษณ์สงกรานต์ไทย มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการกำหนดแนวทางการจัดงานสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 
โดยมี ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมบูรณาการ ณ ศูนย์ประชุมชั้น 8 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting

นายเสริมศักดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบูรณาการเพื่อกำหนดแนวทางการจัดงานสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ ว่า ในโอกาสที่ “ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ณ เมืองคาซาเน สาธารณรัฐบอตสวานา นั้น  ถือเป็นการกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เกิดความสนใจ เดินทางมาสัมผัสบรรยากาศงานประเพณีในประเทศไทย ซึ่งเป็น Soft power (Festival) เป็นเทศกาลยอดนิยมเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จะนำมาซึ่งรายได้มหาศาลที่เกิดจากนักท่องเที่ยว ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนมีรายได้เพิ่มขึ้น  การประชุมบูรณาการในครั้งนี้ จึงเป็นการกำหนดแนวทางเพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมเนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ ในภาพรวมของประเทศ ให้ดำเนินการจัดกิจกรรมสงกรานต์เป็นไปอย่างเรียบร้อยและสร้างสรรค์ เน้นเผยแพร่คุณค่าสาระ ความงามของประเพณีให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มีส่วนร่วม อย่างถูกต้องและเหมาะสม มีความสุขร่วมกันตลอดเทศกาล

รมว.วธ. เปิดเผยต่อว่า เพื่อให้กิจกรรมประเพณีสงกรานต์หมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นไปด้วยความงดงามและเหมาะสม รวมถึงป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จึงได้การประชุมคณะกรรมการบูรณาการเพื่อกำหนดแนวทางการจัดงานสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  กระทรวงมหาดไทย  กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร  คณะกรรมการการอาชีวศึกษา  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กองบังคับการตำรวจจราจร  กรมการขนส่งทางบก   กรมการศาสนา  กรมศิลปากร  สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย  กรมการท่องเที่ยว  กรมควบคุมโรค  กรมทรัพยากรน้ำ  กรมประชาสัมพันธ์  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  กรมการปกครอง  กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  กรมอุตุนิยมวิทยา  กรมสารนิเทศ  สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ การประปานครหลวง  การประปาส่วนภูมิภาค  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  จังหวัดเชียงใหม่  จังหวัดขอนแก่น  จังหวัดชลบุรี  จังหวัดนครศรีธรรมราช  จังหวัดสมุทรปราการ  สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร มูลนิธิเมาไม่ขับ  กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รวม 33 หน่วยงาน 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุป แนวทางในการจัดงานประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 โดยให้สอดคล้องกับแนวคิดกับการจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567” ของรัฐบาล ประกอบด้วย 10 แนวทางสำคัญ ดังนี้

1. จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ที่เป็นการสร้างการรับรู้ ต่อประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย ได้รับการประกาศจาก UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ 
2. จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์โดยเน้นเผยแพร่คุณค่าและสาระ ที่ถูกต้องของวัฒนธรรม ประเพณี คำนึงถึงความเหมาะสม บริบทของแต่ละท้องถิ่นที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม การเปิดกว้างทางความคิดและเปิดรับความหลากหลายทางอัตลักษณ์ 
3. ส่งเสริมให้จังหวัดต่าง ๆ ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมในประเพณี สงกรานต์ เพื่อร่วมกันสืบสานประเพณีที่ดีงาม เหมาะสม 
4. รณรงค์ให้ประชาชนสืบสานคุณค่าสาระและสิ่งที่ควรทำของประเพณีสงกรานต์ เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน วัด ศาสนสถานที่นับถือ สถานที่สาธารณะ ทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ สรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ และใช้ทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูแล้งอย่างประหยัด รู้คุณค่า 
5. รณรงค์ให้ประชาชนสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยในการเข้าร่วมกิจกรรมประเพณี สงกรานต์ เช่น แต่งกายด้วยชุดสุภาพผ้าไทย ผ้าท้องถิ่น ชุดไทยย้อนยุค เสื้อลายดอก หรือเสื้อผ้าที่เป็น Soft Power ของท้องถิ่น (เช่น กางเกงลายช้าง กางเกงลายแมวโคราช เป็นต้น) เพื่อสร้างภาพลักษณ์และเพื่อสร้างการรับรู้ อัตลักษณ์ความเป็นไทยในประเพณีสงกรานต์ต่อชาวต่างชาติ 
6. ขอความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ สนับสนุนศิลปินพื้นบ้านในการจัดกิจกรรม การละเล่น และการแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น เพื่อเป็นการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันสืบสานประเพณี โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมที่ถูกต้องเหมาะสม และร่วมกันเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม 
7. รณรงค์ให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เช่น การไม่คุกคามทางเพศ การเคารพและให้เกียรติผู้ที่ไม่ประสงค์จะเล่นสาดน้ำสงกรานต์ การไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะ
8. ขอความร่วมมือประชาชนที่ขับขี่ยานพาหนะและใช้ถนนหนทาง ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงช่วยสอดส่อง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในกรณีพบเห็นผู้ที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม 
9. การดำเนินการจัดงานตามคำแนะนำในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด โรคติดเชื้อของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำโรค ขณะเดียวกัน ก็คำนึงถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงประเพณีสงกรานต์และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการรักษาความปลอดภัยในด้านอื่น ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
10. ส่งเสริมกิจกรรมที่มีความสร้างสรรค์ที่สามารถพัฒนาต่อยอดจากคุณค่าสาระ ของประเพณีสงกรานต์เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของชุมชนและของประเทศ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ ในชุมชน และยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นท้องถิ่น 

นายเสริมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ทาง ยูเนสโกยังได้อนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ UNESCO และตราสัญลักษณ์ของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ควบคู่กับตราสัญลักษณ์ของหน่วยงาน ในการจัดงานส่งเสริมและรักษาประเพณีสงกรานต์ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2567 ทั้งนี้ หน่วยงานใดประสงค์จะใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าว ให้ส่งคำร้องขอใช้ตราสัญลักษณ์ UNESCO ไปยังกลุ่มมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ สถาบันวัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ที่อีเมล [email protected]

นายเสริมศักดิ์ ยังได้กล่าวเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมสงกรานต์ ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะจัดขึ้นในปีนี้ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค อาทิ -งานรดน้ำขอพรศิลปินแห่งชาติ เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 ณ อาคารเอนกประสงค์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 10 เมษายน 67  -การจัดงานนิทรรศการ สงกรานต์ไทย มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ระหว่าง 10–12 เมษายน 67 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ลานกลางแจ้ง หน้าหอศิลป์กรุงเทพมหานคร (BACC)  -การจัดงานสืบสานประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 ระหว่าง 12- 15 เมษายน 2567 (พิธีเปิด 13 เม.ย.) ณ วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร  -กิจกรรมการแสดงทางวัฒนธรรม ในงานใต้ร่มพระบารมี 242 กรุงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย การแสดงแสงสีเสียงตำนานนางสงกรานต์ โดย แอนโทเนีย  โพซิ้ว นางสงกรานต์ประจำปีพุทธศักราช 2567 และ การแสดงบทเพลง “รำวงเริงสงกรานต์” ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ โดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ และเพลง “สงกรานต์” แต่งใหม่ ดนตรีโดยวงดนตรีเฉลิมราชย์ เป็นต้น ในวันที่ 13 เมษายน 2567 ณ เวทีการแสดง สังคีตศาลา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

ทั้งนี้ ในส่วนภูมิภาคกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ร่วมมือกับจังหวัดและสนับสนุนเครือข่ายวัฒนธรรม ในการจัดกิจกรรมเพื่อสืบสานคุณค่าสาระประเพณีของแต่ละท้องถิ่น เผยแพร่อัตลักษณ์วัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค เช่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชลบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดภูเก็ต ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถติดตามความเคลื่อนไหวรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ดาวโหลดเพลงสงกรานต์ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ได้ทางเว็บไซต์ www.culture.go.th แฟนเพจกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสายด่วนวัฒนธรรม 1765

เจนกิจ นัดไธสง  

'ดร.อานนท์' รีวิว '๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ' ประวัติศาสตร์อันซับซ้อนที่สื่อสารออกมาได้อย่างสนุก

(14 มี.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์บทวิจารณ์ 'แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ' (2475 dawn of revolution) สิ่งที่ชาวสามกีบไม่ควรพลาด ว่า...

ผมเพิ่งได้รับชม ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติจบไป

ขอชมเชยคณะผู้จัดทำที่เล่าเรื่องราวและข้อเท็จจริงอันแสนจะยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจได้โดยง่าย มีความแม่นยำทางประวัติศาสตร์ และทำให้ติดตามชมได้อย่างเพลิดเพลินในเวลาอันสั้น สนุกมาก แม้จะยาวสักหน่อยแต่ก็สะกดให้ติดตามจนจบไม่อาจจะลุกออกไปไหนได้แม้แต่วินาทีเดียว

แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัตินี้ เปรียบเสมือนบุปผามาลาสรรของเอกสารชั้นต้นทางประวัติศาสตร์ที่นำมาเรียบเรียงอย่างสวยงามน่าติดตาม และในตอนจบของเรื่องก็ได้ให้แหล่งอ้างอิงสำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาต่อไปด้วยตนเองได้ด้วย

ในแง่เนื้อหา แอนิเมชัน ๒๔๗๕ หาใช่งานวิจัยที่นำเสนอองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับ ๒๔๗๕ ก็หาไม่ และไม่แม้แต่จะเป็นการตีความใหม่ แต่เป็นการนำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันซับซ้อนได้อย่างสนุกสนานในเวลาอันสั้นที่สุดจัดว่าเป็นศิลปะในการเล่าเรื่องชั้นสูงที่ทำให้ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน

หากจะอธิบายอย่างสั้นที่สุด แอนิเมชัน ๒๔๗๕ ได้ทำให้สิ่งที่อานนท์ต้องศึกษาค้นคว้าและอ่านหนังสือหลายสิบหลายร้อยเล่มและใช้เวลาอ่านสะสมนับหลายปี โดยที่ต้องวิพากษ์หลักฐาน ทั้งการวิพากษ์ภายนอกและการวิพากษ์ภายใน แม้กระทั่งการตรวจสอบสามเส้าทางประวัติศาสตร์ (Historical triangulation) สั้นลงเหลือเพียงสองชั่วโมงเศษ ซึ่งเหมาะสมกับยุคสมัยนี้ที่คนเราไม่ได้มีความพยายามพอที่จะอ่านมากมายและกลั่นกรองหลักฐานตลอดจนเอกสารชั้นต้นทางประวัติศาสตร์มากมายขนาดนั้น

จุดเด่นมากที่สุดคือ แอนิเมชัน ๒๔๗๕ ได้เลือกให้เกิดการปะทะอภิปรายระหว่างทุกฝ่าย และผู้เขียนบทได้เลือกใช้เอกสารชั้นต้นที่หลากหลายมุมมองเกิดดุลยภาพของมุมมอง (Balanced view) โดยได้กลั่นกรองเอกสารที่เป็นข้อเท็จจริง (Facts) กับข้อคาดเดา (Conjectures) และความคิดเห็น (Opinions) ออกจากกันอย่างชัดเจน

การให้เด็กได้เสนอมุมมองของตนปะทะอภิปรายกับลุงในห้องสมุด อย่างค่อยเป็นค่อยไป รับฟังซึ่งกันและหักล้างโต้เถียงกันด้วยหลักฐานและเหตุผลนั้นเป็นวิธีที่ย้อนกลับสู่วิธีโบราณในการสอนที่เรียกว่าวิภาษวิธี (Dialectical method) ซึ่งหากดำเนินการด้วยจิตวิทยาที่เข้าใจ ยอมรับความเห็นต่างก็เกิดสุนทรียสนทนาระหว่างสองฝ่ายที่คิดเห็นต่างกันได้ และเป็นวิถีทางที่สำคัญยิ่งสำหรับระบอบประชาธิปไตย

บทภาพยนตร์เรื่องนี้ ลงตัว และไม่ hard sale กระแทกหรือยัดเยียดความคิดให้คนดูมากจนเกินไป แต่พยายามให้คนดูได้เห็นหลักฐานจากทั้งสองด้านและคิดได้เอง โดยไม่ตัดสิน นับว่าเป็นข้อดีของแอนิเมชันเรื่องนี้ ที่ไม่ถึงทำให้สามกีบต้องขาดใจตาย ชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปากหากต้องมาชมแอนิเมชันเรื่องนี้

การเล่าเรื่องของ ๒๔๗๕ ใช้วิธีการเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์แบบกาลานุกรม (Chronological) อย่างเคร่งครัด คือเล่าเหตุการณ์เรียงเป็นเส้นตรงตามลำดับเวลา วิธีการนี้เป็นวิธีการที่คนทำหนังอาจจะเห็นว่าเป็นวิธีการที่ไม่น่าตื่นเต้น ไม่สวยงามในแง่ศิลปะภาพยนตร์ แต่เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงอย่าง ๒๔๗๕ ได้อย่างเหมาะสมลงตัว การเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์แบบเรียงไปตามลำดับเวลาแบบเส้นตรงนี้ ทำให้เห็นปมขอความขัดแย้ง พัฒนาการ และการคลี่คลาย ทำให้เข้าใจเหตุและผล ตลอดจนปัจจัยหนุนเนื่องของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงร้อยเรียงต่อกันในประวัติศาสตร์ได้อย่างดีที่สุด น่าเสียดายที่วิธีการเล่าเรื่องแบบโบราณเช่นนี้ หายไปจากวงการภาพยนตร์ที่ชอบเล่าเรื่องย้อนไปย้อนมาจนคนดูสับสน และการเล่าเรื่องในวงวิชาการประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่สนใจเป็นประเด็นเฉพาะ (Issue-based) ค่อนข้างแพร่หลายจนทำให้นักเรียนประวัติศาสตร์ไม่แม่นยำในลำดับเหตุการณ์และไม่แม่นยำตลอดจนไม่เข้าใจลำดับเหตุผลเบื้องหลังเหตุการณ์ ตลอดจนไม่เข้าใจปัจจัยหนุนเนื่อง

ภาพลายเส้นของแอนิเมชัน ทำได้ดี มีความผสมผสานระหว่างแอนิเมะของญี่ปุ่นบางเรื่อง โดยเฉพาะการ์ตูนนักสืบของญี่ปุ่นบางเล่มที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานความเป็นไทยและมีอัตลักษณ์ของความเป็นไทยเข้าไปอย่างชัดเจน ในขณะที่ศิลปะและสถาปัตยกรรมนั้นในยุคสมัยนั้นได้รับอิทธิพลจาก Art Deco ค่อนข้างมากก็ปรากฏในภาพลายเส้นของแอนิเมชันเรื่องนี้เช่นกัน

การกำหนดโทนสีของแอนิเมชัน ให้ใช้โทนสีมืดและร้อนสำหรับคณะผู้ก่อการ ๒๔๗๕ และใช้สีโทนสีทองและสีอ่อนสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ อาจจะเป็นสิ่งที่ชี้เห็นทัศนคติของศิลปินผู้วาดภาพแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ยัดเยียดให้คนดูมากจนเกินไป สำหรับตัวผมมีความรู้สึกว่าถูกยัดเยียดความไม่ชอบคณะผู้ก่อการหรือคณะราษฎรของศิลปินผู้วาดภาพลายเส้นอยู่บ้างเมื่อเห็นหนวดปลาหมึกมากเหลือเกินหากมีการปรากฏของคณะราษฎร แต่ก็อยู่ในระดับที่พอยอมรับได้ แต่ถ้าตัดออกไปได้ก็จะดีมาก

แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ นี้เป็นแอนิเมชัน ต้นทุนต่ำที่สุด ที่ทำได้ดีมาก มากกว่าที่คาดหวังไว้มาก ยิ่งเมื่อเห็นเงินบริจาคที่ใช้ในการผลิตแล้วก็ยอมรับว่าตกใจมาก เงินแค่นี้ทำงานเช่นนี้ได้ แสดงว่าเป็นการรวมน้ำใจของจิตอาสาที่มาช่วยกันทำงานอันทรงคุณค่ายิ่ง

การพากย์เสียง ทำได้ดีและลงตัวมาก สำหรับเสียงพากย์ที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดคือเสียงพากย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพี่นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่พากย์ได้อย่างดีที่สุดและสำแดงอารมณ์ความรู้สึกในพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้อย่างเข้าถึงโดยไม่ต้องพยายามใดๆ ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าพี่นกจะพากย์เสียงและลงเสียงได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลย ขอชมเชยจากใจ

แอนิเมชันเรื่องนี้ สำหรับชาวสามกีบที่ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ท่านจะมองว่าทีมผู้จัดทำเป็นชาวสลิ่ม ก็ยิ่งต้องชมแอนิเมชันเรื่องนี้ ไม่ได้ชมเพื่อจะเปลี่ยนความคิด แต่ชมเพื่อให้มองงานนี้เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ในการเล่าเรื่องราวอันซับซ้อนและเต็มไปด้วยความขัดแย้งได้อย่างลงตัวและไม่ยัดเยียดจนเกินไป

ขอเชิญชาวสามกีบมารับชมกันครับ

ส่อง 10 ชาติเอเชีย ที่มี 'ทองคำ' สำรองมากที่สุด ประจำปี 2024

ในขณะที่ทองคำโลกราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานะการคลังของประเทศไทยก็ใช่ย่อย เพราะมีทองตุนไว้ มากกว่า 200 ตัน เพื่อเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
 

‘ทักษิณ’ ควง ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั่งรถรางชมอุทยานราชพฤกษ์ 'อดีตนายกฯ สมชาย-เจ๊แดง-ธรรมนัส-บิ๊กโจ๊ก' รอรับ

(14 มี.ค. 67) ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเครื่องบินส่วนตัว พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะบุตรสาว นายปิฎก สุขสวัสดิ์ บุตรเขย และหลานสาว ลงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผบ.ตร. มาต้อนรับด้วย

ก่อนที่นายทักษิณ เดินทางต่อด้วยรถยนต์รถเลกซัสสีดำ ทะเบียน ขย 111 กรุงเทพมหานคร มาชมพืชสวนโลก ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่นายทักษิณ ได้ผลักดันสมัยเป็นนายกฯ ก่อนถูกรัฐประหาร ปี 2549

โดยทันทีที่ นายทักษิณ มาถึงนายภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย นำพระพุทธรูปพุทธบารมี วัดทับคล้อ หน้าตัก 9 นิ้ว มามอบให้นายทักษิณ พร้อมกันนี้นายทักษิณยังกล่าวทักทายคนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าการมาครั้งนี้ นายทักษิณ มีสีหน้าสดใส สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าคราม กางเกงยีนส์ รองเท้าลำลอง และเดินกุมมือกับ น.ส.แพทองธาร ตลอดเวลา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ามาเชียงใหม่ครั้งนี้ เชียงใหม่เปลี่ยนแปลงไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณ ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า เหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคณะที่เดินทางมาร่วมกับนายทักษิณ ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ และยังมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มารอต้อนรับด้วย 

โดยตลอดการเดินทางของนายทักษิณ มีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งนายทักษิณ ยังสวมเฝือกอ่อนที่คอ จากนั้นคณะได้ขึ้นรถกอล์ฟไปด้านในอุทยานหลวงฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการลงพื้นที่ครั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้นัดรวมตัวเพื่อให้กำลังใจนายทักษิณ ที่วัดโรงธรรมสามัคคี อำเภอสันกำแพง ในวันที่ 15 มี.ค. ทำให้บริเวณพืชสวนโลกมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาที่จุดดังกล่าวประปราย โดยเป็นคนเสื้อแดงจากจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ มาชูป้ายสีแดงรูปนายทักษิณ พร้อมข้อความนายกฯ ในดวงใจ และใส่เสื้อที่มีรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับนายทักษิณ รวมทั้งยังมีการถือกระเป๋าผ้าสกรีนรูปนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมลายเซ็นด้วย

ด้านนางสำเนียง คงพลปาน ตัวแทนกลุ่มเสื้อแดง เปิดเผยว่า มาให้กำลังใจนายทักษิณ นายกฯ ในดวงใจ  อันเป็นที่รักและเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุด ที่ผ่านมามีผลงานที่ชัดเจน ประเทศชาติประชาชนมีกิน มีอยู่ทุกคน ได้สัมผัสชัดเจน และในวันที่ 15 มี.ค. จะไปรวมตัวที่วัดโรงธรรมสามัคคีด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวคนเสื้อแดงบางส่วนเปลี่ยนใจนั้น ขอยืนยันว่า เลือดเปลี่ยนสีเมื่อไหร่เปลี่ยนใจเมื่อนั้น 

‘รมว.ปุ้ย’ มุ่งยกระดับ ‘โกโก้ไทย’ สู่สินค้าพรีเมียมระดับโลก หารือ ‘แบรนด์ภราดัย’ ถ่ายทอดทักษะ-ความรู้สู่ผู้ประกอบการ

(14 มี.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โลกเดือดได้ส่งผลให้ราคาโกโก้ในตลาดโลกปัจจุบันพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยราคาซื้อขายโกโก้ล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นสูงถึงกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หรือประมาณกว่า 240,000 บาท (ข้อมูล ณ 1 มีนาคม 2567) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในช่วงเวลาเดียว ซึ่งมีการซื้อขายอยู่ที่กว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ประกอบกับความต้องการโกโก้มีอย่างต่อเนื่องทั้งจากตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนได้จากการเติบโตของร้านคาเฟ่ ผลิตภัณฑ์ขนมหวาน ช็อกโกแลตพรีเมียม รวมถึงเทรนด์การรักสุขภาพ 

เนื่องจากโกโก้สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ อาหารเพื่อสุขภาพชั้นดีเยี่ยม (Super Food) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง จึงนับว่าเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมโกโก้ไทยที่จะมีโอกาสเติบโตไปยังตลาดโลก และยกระดับสู่การเป็นไทยโกโก้ฮับ (THAI COCOA HUB) ของอาเซียนในอนาคต อย่างไรก็ตาม โกโก้ไทยยังติดข้อจำกัดในหลายจุดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนั้น รัฐบาลจึงหาแนวทางผลักดันและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโกโก้ไทยตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน 

ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อร่วมกันศึกษาแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมโกโก้จากเจ้าของแบรนด์ ‘ภราดัย’ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โกโก้และคราฟต์ช็อกโกแลตสัญชาติไทยแท้ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลเหรียญทองระดับโลกจากเวที Academy of Chocolate Award 2021 

โดยทาง ภราดัย มีข้อเสนอแนะและความต้องการที่จะให้ภาครัฐมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ให้มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด การส่งเสริมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ GMP GHPs Halal การเพิ่มมูลค่าโกโก้สู่ผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม การส่งเสริมและเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ การเชื่อมโยงแบรนด์โกโก้ของไทยที่มีคุณภาพสู่ตลาดสากลมากขึ้น เช่น Cocoa Valley, กานเวลา, Bean to Bar, ONE MORE, SP COCO เป็นต้น

ตลอดจนการสนับสนุนและโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ทางภราดัยมีความยินดีที่จะร่วมมือกับทางภาครัฐ โดยนำจุดแข็งที่ทางภราดัยมีอยู่แล้วมาร่วมถ่ายทอดทักษะและองค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการหมักและการคั่วให้ได้คุณภาพและมาตรฐานที่ดี การคัปปิ้งโกโก้ (Cupping Cocoa) เพื่อทดสอบคุณภาพของโกโก้และค้นหาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของโกโก้แต่ละพื้นที่ปลูก อันจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์โกโก้ไทยเติบโต สามารถแข่งขันกับตลาดโลก และขึ้นแท่นเป็นสินค้าพรีเมี่ยมได้ในอนาคต

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภายหลังจากการรับฟังความต้องการของผู้ประกอบการภราดัย รมว.อุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม เร่งเดินหน้าให้การส่งเสริมและสนับสนุนภราดัย โดยทางทีมดีพร้อมจะเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกในการเตรียมความพร้อมและตรวจประเมินสำหรับยื่นขอการรับรองผลิตภัณฑ์มาตรฐานฮาลาลจากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อสามารถขยายโอกาสทางการตลาดสู่ตลาดฮาลาลในอนาคต 

นอกจากนี้ ดีพร้อม ยังสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปปรับปรุงเครื่องจักรในกระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูปโกโก้ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นผ่านโครงการ ‘ติดปีกเอสเอ็มอี หลักทรัพย์ไม่มี ดีพร้อมค้ำประกันให้’ ภายใต้นโยบาย DIPROM Connection ซึ่งจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นโดยใช้หนังสือค้ำประกันแทนหลักทรัพย์ 

ขณะเดียวกัน ดีพร้อม ยังได้วางแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโกโก้ของไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำในทุก ๆ มิติ ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยในส่วนของต้นน้ำ ดีพร้อม มุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับศักยภาพเกษตรกรสู่ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะกระบวนการบ่มหมักเมล็ดโกโก้เพื่อให้ได้เมล็ดโกโก้ที่มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรคลัสเตอร์โกโก้ การนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และการจัดการเกษตรอุตสาหกรรมสมัยใหม่มาปรับใช้ อาทิ เครื่องผ่าผลสดโกโก้ เครื่องคัดแยกเมล็ดโกโก้ และในส่วนของกลางน้ำ/ปลายน้ำ ดีพร้อม จะเน้นการพัฒนาและยกระดับศักยภาพการผลิต/การแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารอาหารในโกโก้ ไม่ว่าจะเป็นการนำโกโก้บัตเตอร์มาผ่านกระบวนการทดสอบและตรวจหาสารสำคัญ อาทิ กรดไขมันอิสระ (free fatty acid) การพัฒนาต้นแบบเครื่องบีบสกัดโกโก้เพื่อให้ได้โกโก้บัตเตอร์ การส่งเสริมการสร้างระบบมาตรฐานต่าง ๆ การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้มีอัตลักษณ์พื้นที่ของแหล่งปลูกโกโก้และเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวภายในจังหวัด 

รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจโกโก้และเกษตรกรในรูปแบบจัดตั้งสมาคมโกโก้ การเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิตสู่ผู้ซื้อ ตัวอย่างเช่นที่ผ่านมา ทางทูตอุตสาหกรรมญี่ปุ่นได้นำเมล็ดโกโก้จากจังหวัดพะเยาและนครศรีธรรมราชไปเป็นเป็นตัวอย่างในการทดสอบคุณภาพ ทำให้เกิดการเจรจาซื้อขายกับผู้ประกอบการประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5 ตัน และการร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติเพื่อจัดทำแผนการสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกและผู้ประกอบการที่ผลิตและแปรรูปโกโก้ 

นอกจากนี้ ดีพร้อม ยังส่งเสริมและสนับสนุนการเข้าถึงโอกาส (Reshape The Accessibility) ด้านการตลาดด้วยการผลักดันและเชื่อมโยงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโกโก้แบรนด์ชั้นนำของไทยสู่ตลาดสากลมากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาและยกระดับการแปรรูปโกโก้สู่การเป็นอาหารแห่งอนาคต (future food) ด้วยการนำทุกส่วนของโกโก้มาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสู่การเป็นสินค้าพรีเมี่ยม อาทิ กลุ่มอาหารที่ให้ประโยชน์สูงต่อร่างกาย (Super Food) โกโก้ผง เนยโกโก้ ช็อกโกแลต เพื่อขยายโอกาสรองรับกระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารในกลุ่มซูเปอร์ฟู้ด (Super foods) และเทรนด์คนรักสุขภาพในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะสามารถยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโกโก้ให้มีขีดความสามารถการแข่งขันในระดับเวทีโลกได้มากขึ้น และกระตุ้นมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 ล้านบาท" นายภาสกร กล่าวทิ้งท้าย

‘ยูนนาน’ ใช้ ‘AI’ ช่วยตรวจสอบ ‘สถานีไฟฟ้าย่อย’ 621 แห่ง ชี้ ภารกิจเสร็จสิ้นไม่ถึง 5 นาที ต่างจากแรงงานมนุษย์ที่นานถึง 5 ชม.

เมื่อวานนี้ (13 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจสอบสถานีไฟฟ้าย่อย 621 แห่งแบบเป็นประจำ ซึ่งช่วยทดแทนความจำเป็นในการใช้กำลังคน

ทางด้าน บริษัท ไชน่า เซาธ์เทิร์น พาวเวอร์ กริด สาขาอวิ๋นหนาน ระบุว่า การตรวจสอบด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้กล้อง โดรน และหุ่นยนต์เดินได้ สามารถทำให้ภารกิจเสร็จสิ้นภายในไม่ถึง 5 นาที ลดลงจากการใช้แรงงานมนุษย์ที่นาน 5 ชั่วโมง

หวังซิน ผู้จัดการอาวุโสของบริษัทฯ สาขาอวิ๋นหนาน กล่าวว่า อวิ๋นหนานเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำและไฟฟ้าพลังงานสะอาดรูปแบบอื่นๆ ที่สำคัญ โดยมีสถานีไฟฟ้าย่อย 35 กิโลโวลต์ขึ้นไป จำนวน 1,937 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา และการเข้าถึงสถานีย่อยเกือบครึ่งหนึ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาเดินทางบนถนนมากกว่า 3 ชั่วโมง

หวังซิน เผยว่า การตรวจสอบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ คาดว่าจะทำให้แรงงานมนุษย์ไม่ต้องเดินทางยาวนานบนถนน ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก โดยบริษัทฯ ได้วางแผนส่งเสริมการตรวจสอบด้วยปัญญาประดิษฐ์ให้ครอบคลุมสถานีไฟฟ้าย่อยที่เหลือในอวิ๋นหนานในอีก 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ จีนกำลังหันไปใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อรับมือกับปัญหาขาดแคลนช่างเทคนิคในพื้นที่ภูเขาห่างไกล โดยเมื่อปีก่อน มณฑลกุ้ยโจวได้เริ่มใช้หุ่นยนต์ตรวจสอบสถานีไฟฟ้าย่อยที่เผชิญสภาพอากาศเลวร้ายจนการทำงานหยุดชะงักด้วยเช่นกัน

สะพัด!! 'นิสสัน' เล็งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับ 'ฮอนด้า' ผนึกกำลังสู้ EV จีน หลังผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

(14 มี.ค.67) นิสสัน กำลังพิจารณาแสวงหาความเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับฮอนด้า ตามรายงานของสำนักข่าวทีวี โตเกียว เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ในขณะที่นิกเกอิ เอเชีย คาดว่าทั้ง 2 บริษัทอาจร่วมมือกันในด้านรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อต่อกรกับคู่แข่งสัญชาติจีน ที่ผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ทีวี โตเกียว รายงานว่าบอร์ดบริหารของนิสสัน ตัดสินใจเมื่อวันอังคาร (12 มี.ค.) จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการจับมือเป็นพันธมิตรกับ ฮอนด้า คู่แข่งร่วมชาติที่ขนาดใหญ่กว่า ส่วนรายงานข่าวของนิกเกอิ เอเชีย รายงานถึงขั้นว่า นิสสัน และ ฮอนด้า อาจทำงานร่วมกันในด้านรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อยกระดับการแข่งขันกับบรรดาคู่แข่งจากจีน

โฆษกของนิสสัน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว และไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าบอร์ดบริหารมีการประชุมกันในวันอังคาร (12 มี.ค.) จริงหรือไม่ ส่วนโฆษกของฮอนด้า บอกเช่นกันว่าทางบริษัทไม่มีความเห็นใดๆ ต่อรายงานข่าวดังกล่าว

ทีวี โตเกียว ระบุว่า นิสสัน ซึ่งเป็นพันธมิตรมาช้านานกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส แสดงความตั้งใจจะลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) แบบไม่มีพันธะ กับฮอนด้า พร้อมบอกว่าแต่ในเรื่องของขอบเขตการหารือนั้นยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ

ส่วน นิกเกอิ เอเชีย อ้างแหล่งข่าวในนิสสันหลายคน ระบุว่าในบรรดาก้าวย่างอย่างเฉพาะเจาะจงนั้น อาจรวมไปถึงการเปิดตัวระบบส่งกำลังรถยนต์ร่วม การจัดหาร่วม และพัฒนาแพลตฟอร์มหนึ่งๆร่วมกัน ขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ว่า ความร่วมมืออาจครอบคลุมถึงการจัดหาแบตเตอรีและพัฒนารถไฟฟ้าร่วมกัน

ที่ผ่านมา นิสสัน ได้ร่วมมือกับ เรโนลต์ ในด้านรถอีวี อยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่ในยุโรป ขณะที่รถไฟฟ้าล้วนตัวถัดไปของนิสสัน ‘Micra’ จะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกับ เรโนลต์ ไฟว์ และจะประกอบในโรงงานเดียวกัน ในทางเหนือของฝรั่งเศส

นอกจากนี้แล้ว นิสสัน ยังประกาศว่าจะลงทุนสูงสุด 600 ล้านเยน (ราว 656.64 ล้านดอลลาร์) ใน Ampere บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ของ เรโนลต์

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว ทั้ง 2 บริษัทลดขอบเขตความเป็นพันธมิตร เปิดทางสำหรับการมีหุ้นส่วนที่มีความคล่องตัวกว่าเดิม และนับตั้งแต่นั้น เรโนลต์ ก็ได้ลงนามในข้อตกลงต่างๆ นานา ในการจับมือเป็นพันธมิตรกับคู่หูใหม่ๆ อย่างเช่น Geely ของจีน

"ภายใต้กรอบข้อตกลงใหม่ในความเป็นพันธมิตร ทั้ง 2 หุ้นส่วนจะมีอิสระในการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ต่างๆ นอกเหนือจากโครงการร่วมต่างๆ ที่จับมือร่วมกัน" โฆษกของเรโนลต์ระบุ

เมื่อปีที่แล้ว นิสสัน และ ฮอนด้า ต่างสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีน ตลาดยานยนต์หมายเลข 1 ของโลก ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดจาก บีวายดีและบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ และทางนิกกิอิ รายงานว่า นิสสัน และ ฮอนด้า อาจตัดสินใจลดกำลังผลิตในประเทศแห่งนี้

‘เนต้า’ เริ่มผลิตรถยนต์ EV ในไทยแล้ว ประเดิมรุ่นแรก NETA V-II ส่งมอบ เม.ย. นี้

(14 มี.ค. 67) นาย ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มเปิดสายพานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มผลิตรถยนต์ในรุ่น NETA V-II ซึ่งมีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์นี้ เป็นรุ่นแรก

ทั้งนี้ NETA V-II ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยล็อตแรกจะทยอยส่งมอบถึงมือลูกค้าคนไทยได้ตั้งแต่ เมษายนนี้เป็นต้นไป 

“NETA พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐของไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งการได้รับเอกสารอนุมัติและรับรองการประกอบกิจการในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ NETA และมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของเราในระดับสากล โดย NETA พร้อมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ พร้อมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย และมีระบบความปลอดภัยครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งผลิตจากฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อคนไทยทุกคน”

สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยเป็นความร่วมมือระหว่าง NETA กับ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% แห่งแรกของ NETA ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร ‘พระนครฟรีโซน’ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน พื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร

ขณะที่ โรงงานในประเทศไทยนับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA ที่ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนสร้างฐานการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานการผลิตในระดับสากลของ NETA เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาคอาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสนับสนุนให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยโรงงานในประเทศไทยแห่งนี้จะช่วยยกระดับความสามารถในการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ทำให้สามารถส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ทันสมัยรุ่นต่างๆ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในไทย

นอกจากนั้น NETA มีแผนเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ด้วยการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยอย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ยิ่งไปกว่านั้นจะมีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานของ NETA ให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์และเน้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ 

'ดร.เอ้' โพสต์ภาพทางเท้าแถวชินจุกุ เรียบสนิท ไม่มีหลุม ไม่มีทรุด เชื่อ!! กทม.ก็ทำได้ หากทำงานด้วย 'มาตรฐาน-ตั้งใจจริง'

(14 มี.ค.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 'ดร.เอ้' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เอ้ สุชัชวีร์' ขณะที่ไปญี่ปุ่น ระบุว่า...

ทำไมมันเรียบอย่างนี้! ฟุตพาทแถวชินจุกุ โตเกียว เรียบสนิท ไม่มีหลุม ไม่มีทรุด กรอบต้นไม้ก็ทำดีมาก ฝั่งซ้ายที่เอกชน เชื่อมกับฝั่งขวาที่สาธารณะ เนียนกริบ เหมือนไร้รอยต่อ ฝาท่อไม่มีโป่ง ไม่เผยอ เดินสบาย

ในความเป็นจริง กทม. #เราทำได้ เช่นกัน อยู่ที่มาตรฐานการทำงาน และความตั้งใจจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top