Monday, 19 May 2025
NewsFeed

'โจ-มณฑานี' ปลื้ม!! ช่องยูทูบดังด้านดนตรีบำบัดจิตใจ หลังพบภาพวิวสวยเมืองไทย ถูกนำมาประกอบคอนเทนต์เพียบ

(13 มี.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ช่องยูทูบ 'Sceneric Relaxation' ที่มีผู้ติดตามทั่วโลกกว่าล้านคน เป็นช่องดนตรีเวิลด์มิวสิคแนวบำบัดใจ ที่นำเอาดนตรีมาประกอบภาพภูมิประเทศอันงดงามระดับ 4K

Thailand เราอยู่ในเพลย์ลิสต์ของช่องด้วย ซึ่งประเทศแถบอาเชียน พี่โจไล่ดูภายใน 1 ปี ไม่มีเลยค่ะ มีแต่ไทย! 

คลิปวิดิโอยาวสะใจ ภาพฉ่ำๆ ตระการตา เหมาะกับการเปิดคลอดูเพลินยาวๆ ไปได้เลยค่ะ 🇹🇭❤️

https://youtu.be/SadzfrxVuF0?si=0pPhlxGh9m1pFw6X

‘จตุพร’ เชื่อ!! หากก้าวไกลถูกยุบ ปชช. ‘เฉยชา-ไม่ปกป้อง’ ชี้!! ไม่แตกต่างจากการยุบพรรคการเมืองที่ผ่านมาในอดีต

(13 มี.ค. 67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยเชื่อว่า หากการยุบพรรคก้าวไกลเกิดขึ้นจริงแล้ว ความตื่นตัวของประชาชนคงยังนิ่งเงียบ เฉยชาทางการเมืองไม่แตกต่างการยุบพรรคการเมืองที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งไม่มีประชาชนจำนวนมากออกมาพิทักษ์สิทธิเพื่อปกป้องพรรคที่ลงคะแนนเสียงให้ด้วยความศรัทธาเลย 

นายจตุพร กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยื่นยุบพรรคก้าวไกลนั้น แนวโน้มศาล รธน.จะรับพิจารณาถึง 99 % แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ การดีลกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ไปฮ่องกงพบทักษิณ ชินวัตร เพราะคนเชื่อถึงการจับมือกันในการร่วมรัฐบาล ดังนั้น การยุบพรรคแสดงถึงการดีลเป็นรัฐบาลจะพังย่อยยับไปทันที

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าการยุบพรรคก้าวไกลจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะการยุบพรรคการเมืองผ่านมา ทั้งยุบไทยรักไทย, พลังประชาชน และอนาคตใหม่ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นการยุบพรรคก้าวไกลคงไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งขาดจิตวิญญาณสัมพันธ์ผูกพันต่อกัน จึงไม่เกิดแรงเหวี่ยงทางการเมือง แต่มีความระส่ำระสายของสมาชิกพรรคจะตามมาเท่านั้น

อีกอย่าง การยุบพรรคการเมืองไม่ได้ทำให้สภาพนักการเมืองหมดไป เพราะได้เตรียมชุดหนึ่ง-สอง-สาม ไว้ทำงานรับผิดชอบนำพาพรรคกันใหม่อยู่แล้ว รวมทั้งกล่าวว่า การเมืองรอบนี้หาสาระไม่ได้ และไม่มีหลักการจับยึดมาพูดวิเคราะห์กันเลย จึงได้แต่ติดตามอย่างใกล้ชิด ยิ่งยุบพรรคก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับประชาชนเช่นกัน

ที่สำคัญหลักคิดความแตกต่างทางความเชื่อแบบอนุรักษ์นิยม เสรีนิยม ประชาธิปไตย อำนาจนิยม และฝ่ายก้าวหน้า ยังสงบนิ่งเหมือนเดิม ไม่มีประชาชนตื่นตัวออกมาเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น อดีตบอกไว้อย่างนั้น โดยเล่าถึงความเชื่อศรัทธาของประชาชนทางการเมืองที่หยุดนิ่งเฉยเงียบ อนาคตของประเทศจึงเป็นเช่นนี้ ดังนั้น การยุบพรรคก้าวไกลหนนี้ถ้าเกิดขึ้นจริง ย่อมไม่แตกต่างการยุบพรรคที่ผ่านมาเช่นกัน คือ ประชาชนนิ่งเฉย ไร้การตื่นตัวเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของตัวเอง

“อย่าหวังว่าการยุบพรรคจะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือกับสถานการณ์คนไทยเป็นอยู่เหมือนเดิมแบบนี้ จึงยากสุดที่จะเกิดการตื่นตัว และไม่ได้มีหลักยึดมั่นทางการเมืองกับพรรคใดอย่างมั่นคง โดยพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ในการตั้งรัฐบาลเป็นสิ่งสะท้อนอารมณ์ทางการเมืองและความเชื่อในพรรคการเมืองเป็นอย่างไรได้ดีที่สุด คือ เงียบและไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แล้วทุกฝ่ายทั้งอนุรักษ์นิยม ประชาธิปไตยและฝ่ายก้าวหน้ายอมให้เกิดขึ้น และยังไม่ได้ประโยชน์อะไรสักอย่างเลย”

ประเทศไทยต้องมาก่อน 

อีกมุม!! 'อดีตนักมวยเก่า' โพสต์ 'ข้อดี-เสีย' รายการ ONE ลุมพินี ค่าเหนื่อยดีที่มาพร้อมกับความเสี่ยง บนกรอบที่เริ่มหลุดศิลปะมวยไทย

(13 มี.ค.67) จากเพจ 'วิศวะนักเดินทาง' ได้โพสต์ข้อความถึงอีกด้านของเวที ONE ลุมพินี โดยอ้างอิงมุมมองของ ศิลาแดง 'ตะคร้อเล็ก เดชรัตน์' อดีตนักมวยเก่า ที่โพสต์เดือดถึง 'ข้อดี-ข้อเสีย' รายการ ONE 

เหตุจาก 'เพชรชาติชาย ชาวไร่อ้อย' (หลานชาย) พ่ายแพ้คะแนน 'จีตัว ยีปู' นักชกชาวจีน ไปแบบหน้ายับเยิน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา

“ผมไม่อยากเขียนมันยาว ขนาดหลานตัวเอง ยังห้ามไม่ให้ชกไม่ได้ ทั้งที่มันก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินขนาดนั้น มันบอกมันเท่ ที่ได้ต่อยรายการ ONE วันชกเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ไปดูมันชกในเวที ผมแกล้งโพสต์บอกไม่มีบัตร แต่ผมสั่งให้ภรรยาผมไปนั่งรอน่าเวทีลุมพินี เพื่อให้ไปดูแลเรื่องการพาไปโรงพยาบาล และก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิด”

“ดีแฟนผมละเอียด จับเข้า อุโมงค์ TT สแกน ทำให้ละเอียด เห็นความผิดปกติทุกจุดในร่างกาย มีเลือดซึมในสมอง จมูกหัก โครงกระดูกแก้มแตก เส้นประสาทตาผิดปกติ โชคดีเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน หมอเก่ง ให้ยาดี แค่ลองคิดเล่น ๆ ค่ารักษา 350,000 บาท (นี่คือข้อดี ที่เขาดูแลอย่างดี ขอชมเชย) คนต้องเจ็บขนาดไหน (จากการชกมวย)”

“ที่เขียนมาผมไม่ได้โทษรายการ ONE นะครับ ผมโทษตัวผมเองที่ไม่สามารถห้ามหลานได้ !!! และผมโทษการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกีฬามวย ที่อนุญาตให้ ใส่นวมที่ผิดกฎหมาย ทำการแข่งขันในเวทีที่ได้มาตรฐานที่สุดของประเทศไทย ได้อย่างไร (ลุมพินี) การไม่อนุญาตให้ใช้น้ำมันมวย และวัสลีน เพื่อหล่อลื่นร่างกาย ก่อให้เกิดอันตราย โดนตรงไหนแตก หรือหักตรงนั้น”

“จุดขาย คือ ความโหด และซาดิสม์ จุดดี คือ เงิน ที่ใช้เข้ามาล่อนักมวย และนี่แหละ คือตัวแปรสำคัญ ของคนที่ชกมวย หรือ ทุก ๆ คนในโลกใบนี้ ใครว่าง ก็ลองไปยืนดูหลังเวที ต่อยเสร็จรถวิ่งพาไปโรงพยาบาล เกือบทุกคน กีฬาชนิดไหนก็แล้วแต่ในโลกใบนี้ ที่เล่นแล้วเข้าโรงพยาบาล ถือว่าเป็นความผิดพลาดของผู้จัดการแข่งขัน”

“หรือ ผมเข้าใจผิด ว่า มวยไทย ไม่ใช่กีฬา แล้ว !!! ที่เขียนมาแค่อยากฝาก ท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกีฬามวยทั้งหลายในประเทศไทย !!! ช่วยตอบหน่อย มวย ONE ใช่กีฬามวยไทยตามพระราชบัญญัติกีฬา 2542 หรือไม่ เพราะอะไร และหากสมมติ นักมวยที่ชกพิการ พรบ.มวยจะคุ้มครอง และจ่ายค่าทุพพลภาพได้หรือไม่”

“เพราะเป็นการจัดการแข่งขัน ที่ไม่ตรงตามกฎหมายมวยกำหนด ??? อย่าลืมว่า มวย คือกีฬาชนิดเดียว ในประเทศไทย ที่มีกฎหมายมากำหนด แต่ไม่ทำตามกฎหมาย เราจะเรียกว่ามวยไทยหรือไม่”

“แค่อยากสื่อให้คนมวย คนรักในศิลปะมวยไทย จริง ๆ เข้าถึงบริบทของคำว่า ศิลปะมวยไทย !!! มวยไทยเป็นกีฬามหรสพ เพื่อความบันเทิง ไม่ใช่เพื่อความเจ็บปวด ความซาดิสม์ อย่าขายความเจ็บปวด ให้ขายคำว่าศิลปะ มันดูมีค่ามากกว่าเงิน”

“ฝากถึง น้อง ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ ในสังคมมวย ถ้าคุณไม่เก่ง และแน่จริง เหมือน รถถัง, ตะวันฉาย, ซุปเปอร์เล็ก คิดดี ๆ ที่จะฝันไปต่อยในเวที ONE ไม่ได้ห้ามนะครับ ใครอยากได้เงินเยอะ ๆ ก็ไปเสี่ยงดวงดู”

หมายเหตุ: ไปอ่านเจอโพสต์ของ พี่ตะคร้อเล็ก เลยนำมาฝาก แฟนมวยพิจารณาแล้วคอมเมนต์หน่อยนะครับ

#วิศวะนักเดินทาง

‘ธนกร’ ป้อง ‘ลุงตู่’ หลังถูกพาดพิงประเด็นเยือนต่างประเทศ ยัน!! อดีตนายกฯ เยือนต่างประเทศบ่อยครั้งตามวาระและคำเชิญ

(13 มี.ค. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวว่า…

“จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์การเยือนต่างประเทศของนายกฯ ข้อเท็จจริง คือ นายกรัฐมนตรีทุกยุคทุกสมัย ก็ได้มีการเยือนต่างประเทศและร่วมประชุมเวทีโลก ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไปเยือนประเทศต่าง ๆ ทั้งการเยือนต่างประเทศ ตามคำเชิญผู้นำชาติต่าง ๆ รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศ UN APEC ASEAN และเวทีความร่วมมือตามภารกิจของผู้นำไทยในเวทีโลก”

นายธนกร ระบุต่อว่า “อาจจะมีการเว้นว่างแค่ช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 ระบาดเท่านั้นที่ ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกชะลอการเดินทาง จึงขอบอกกล่าว เพื่อจะได้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ที่นำอดีตนายกฯ มาเปรียบเทียบไม่ศึกษาบริบทประเทศ-โลก เน้นวาทะกรรมนำหน้าข้อมูล อาจเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่หนอ ที่ความสามารถระดับนายจิรายุ รอบนี้ถึง ยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกรัฐบาล”

“หากถามผมว่า มองอย่างไรกับการเยือนต่างประเทศของนายกฯ ผมไม่ขอก้าวล่วงอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ซึ่งท่านนายกเศรษฐา คงมีแผนงานการไปร่วมประชุมและเป้าหมายการเดินทางไปเยือนต่างประเทศอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นดึงนักธุรกิจมาลงทุนในประเทศ รวมถึงการโปรโมตการท่องเที่ยวให้ต่างชาติเข้ามาประเทศไทย ตามที่ท่านฯ ได้ระบุไว้” นายธนกร กล่าว

‘สิงคโปร์-มาเลเซีย’ เตือนเยาวชน ‘ยาดมชูกำลัง’ ไม่มีจริง เสี่ยงติดโรคทางเดินหายใจ แถมส่งเสริมให้ติดบุหรี่ด้วย

รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ สั่งสอบเข้ม ‘ยาดมชูกำลัง’ หรือ ‘Energy Stick’ ที่กำลังฮิตอย่างมากในหมู่วัยรุ่น-วัยเรียนชาวสิงคโปร์และมาเลเซียอยู่ในขณะนี้ ว่าจะมีผลเสียต่อร่างกาย และจิตใจผู้ใช้ ส่งเสริมพฤติกรรมติดบุหรี่ในอนาคตหรือไม่?

‘Energy Stick’ หรือ ‘ยาดมชูกำลัง’ ที่กำลังแพร่หลายในท้องตลาดสิงคโปร์ มาในรูปแบบคล้ายกล่องยาดมหลอดคู่ มีขนาดพอๆ กับกล่องไม้ขีดไฟ และมีสีสันสดใส แถมยังมีหลากหลายกลิ่นให้เลือก ทั้งกลิ่นมินท์, แตงโม, องุ่น, ส้ม, มะนาว และอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเคลมสรรพคุณ สูดดมแล้วมีแรง แก้ง่วง เหมาะสำหรับ นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องอ่านหนังสือหนักตอนกลางคืน หรือ คนทำงาน OT หรือผู้ที่ต้องขับรถนานๆ ที่อาจเกิดอาการง่วงซึมระหว่างเดินทาง

เบื้องต้น ทางผู้ผลิตแจ้งส่วนประกอบในยาดมชูกำลังว่า มีเพียงส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย และสารสกัดจากธรรมชาติที่ปลอดภัยเท่านั้น อีกทั้งยังมีราคาถูก สามารถหาซื้อได้ทั่วไปเพียงหลอดละไม่เกิน 1.5 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณไม่เกิน 37 บาท) บวกกับกลยุทธ์การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย ที่สนับสนุนให้สูดดมก่อนไปเรียนหนังสือ หรือไปทำงานทุกวัน ทำให้ตาตื่น จนเป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กวัยรุ่นอย่างมาก 

อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานด้านสาธารณสุขในสิงคโปร์ ก็ได้ออกมาเตือนถึงผลเสีย หากสูดดม Energy Stick เป็นประจำว่า อาจเสี่ยงต่อเยื่อโพรงจมูกอักเสบ และโรคทางเดินหายใจได้ รวมทั้งตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสารประกอบในยาดมประเภทนี้บางยี่ห้อ อาจมีส่วนผสมของนิโคติน หรือ กัญชา ที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้มีความกระปรี้กระเปร่า ตาตื่น มีแรงทำกิจกรรมมากขึ้น ตามคำเคลมโฆษณา

ด้านผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า แม้ยาดมชูกำลัง จะไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายเช่นเดียวกับบุหรี่ไฟฟ้า และอาจไม่มีผลข้างเคียงหากใช้สูดดมในระยะสั้น แต่ถ้าใช้การใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการติดได้

สำหรับเจ้า Energy Stick ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแค่ในสิงคโปร์เท่านั้น หากยังเป็นปัญหาในตลาดมาเลเซียด้วยเช่นกัน เมื่อ อัมราฮี บวัง ประธานสมาคมเภสัชกรแห่งมาเลเซีย ออกมาเตือนว่า ยาดมชูกำลังมีส่วนผสมบางอย่างที่คล้ายกับสารในบุหรี่ไฟฟ้า ต่างกันแค่ตรงที่ไม่มีการเผาไหม้ รวมถึงรูปแบบการใช้งาน ที่เป็นหลอดยาดมคู่ สำหรับสอดเข้าไปในโพรงจมูกทั้งสองข้างพร้อมกัน ทำให้รับสารระเหยโดยตรงเข้าสู่ปอดในปริมาณมาก และอาจเป็นด่านแรกที่จะกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภคไปสู่การทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า และ บุหรี่ทั่วไปในกลุ่มเยาวชนในเวลาต่อมาได้ 

โดยข้อแตกต่างระหว่างยาดมทั่วไป และ ยาดมชูกำลัง สำหรับในมาเลเซียคือ ผลิตภัณฑ์ยาดมทั่วไปจะต้องขึ้นทะเบียนเพื่อตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการเภสัชกรรมแห่งชาติก่อน จึงสามารถจำหน่ายได้ทุกช่องทาง แม้ในร้านขายยา แต่สำหรับ Energy Stick นั้นยังไม่มีการขึ้นทะเบียน และจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญในมาเลเซียได้เรียกร้องให้แบนยาดมชูกำลัง พร้อมทั้งถอดโฆษณา และช่องทางจำหน่ายออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์โดยทันที จนกว่าจะผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ตรวจสอบส่วนประกอบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เช่นเดียวกับ ดร.เซวา ตู เวิน หัวหน้าแผนกโรคระบบทางเดินหายใจและผู้ป่วยวิกฤติ ของโรงพยาบาล Singapore General Hospital ที่ชี้ว่า ผู้ผลิต พยายามสื่อสารกับผู้บริโภคให้หลงเข้าใจว่า ยาดมชูกำลัง มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า และ มีผลดีต่อสุขภาพมากกว่า เมื่อเทียบกับบุหรี่ไฟฟ้า 

แต่จริงๆ แล้ว มีงานวิจัยจำนวนมากบ่งชี้ว่า สารแต่งกลิ่นบางชนิดมีก็เป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจได้ แล้วยังทำให้การทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจบกพร่อง และสร้างความเสียหายต่อเซลล์เหมือนกัน

ดังนั้น วัยรุ่นหยุดคิดสักนิด อย่าเพิ่งหลงเชื่อคำเคลมแรงๆ เพราะแค่ดมแล้วมีแรง ในราคาไม่กี่สิบบาท ไม่มีอยู่จริง 

‘อิตาเลียนไทย’ รับ!! ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำจ่ายเงินเดือน พนง.ไม่ครบ ขอเวลา 2-3 เดือน

(13 มี.ค. 67) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ชี้แจงข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวประสบปัญหาสภาพคล่องว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ยังขาดสภาพคล่องทางการเงินจริง ทำให้การจ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ครบถ้วน และมีแรงงานบางส่วนลาออก บางส่วนหยุดงาน ซึ่งบริษัทฯ ได้เจรจากับพนักงานเหล่านั้นทำความเข้าใจและจ่ายเงินบางส่วนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปก่อน และธนาคารที่สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรายรับจากโครงการยังน้อยกว่าค่าใช้จ่ายบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงต้องขอกู้ยืมเงินจากธนาคารเพิ่มเติมเพื่อนำเงินมาบริหารกิจการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอสินเชื่อและเจรจากับธนาคารที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าภายหลังจากที่ได้รับสินเชื่อใหม่แล้ว อีกประมาณ 2-3 เดือน สถานการณ์ของบริษัทฯ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ


 

‘จีน’ สั่ง รร.ประถม-มัธยม จัดช่วงพัก 30 นาที/วัน เพื่อให้นักเรียนได้ ‘ขยับร่างกาย - พักผ่อนสายตา’

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของจีนและหน่วยงานอื่นอีก 3 หน่วยงาน ออกหนังสือเวียนว่าด้วยการป้องกันและควบคุมภาวะสายตาสั้น ซึ่งเรียกร้องให้โรงเรียนประถมและมัธยมของจีนรับรองว่านักเรียนได้ออกทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายนอกห้องเรียนอย่างเหมาะสมระหว่างชั้นเรียน

หนังสือเวียนดังกล่าวประกาศเปิดตัวโครงการรณรงค์ทั่วประเทศระยะ 1 เดือนเพื่อป้องกันและควบคุมภาวะสายตาสั้นในเดือนมีนาคม โดยระบุว่าโรงเรียนควรจัดให้มีช่วงพักสำหรับทำกิจกรรมกีฬาเป็นเวลา 30 นาทีทุกวัน เพื่อให้นักเรียนได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าทางสายตาได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หนังสือเวียนยังเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทั่วจีน ตรวจสอบและจัดการกิจกรรมทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของผลิตภัณฑ์ป้องกันและควบคุมภาวะสายตาสั้นสำหรับเด็กและวัยรุ่นอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย

รอชม '2475 Dawn of Revolution' หนังประวัติศาสตร์ที่ทุกฝ่ายดูได้

(13 มี.ค. 67) บริษัท นาคราพิวัฒน์ จำกัด หรือนาคราสตูดิโอ จะมีการฉายภาพยนตร์แอนิเมชันประวัติศาสตร์เรื่อง '2475 Dawn of Revolution' ผลงานของผู้กำกับ ซัง-วิวัธน์ จิโรจน์กุล ความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ผ่านออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก '2475 Dawn of Revolution' ยูทูบ 2475 Animation และติ๊กต็อก @2475animation

โดยช่องทางยูทูบ 2475 Animation จะฉายรอบพรีเมียร์ในเวลา 20.00 น. จากนั้นเวลา 21.00 น. จะทยอยเผยแพร่แอนิเมชัน แบ่งเป็น 3 ตอน (ตอนละประมาณ 40 นาที) เพื่อให้คนที่ไม่ทันรอบพรีเมียร์ สามารถมารับชมตั้งแต่เริ่มได้ รวมทั้งจะทยอยอัพโหลด ลงในช่องทางอื่นๆ อย่างเฟซบุ๊ก และติ๊กต็อกด้วยเช่นกัน 

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง '2475 Dawn of Revolution' เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดพระราชอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ และเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2475 ก่อนจะนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ในกลุ่มคณะราษฎรตามมา

โดยมีทีมพากย์นำโดย อาวอ จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร พร้อมด้วยนักพากย์ เช่น นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช, นก สินจัย เปล่งพานิช, สุเมธ องอาจ, เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล และมี พ.อ.ประทีป สุพรรณโรจน์ ประพันธ์เพลงประกอบ ใช้หนังสืออ้างอิงประมาณ 4-5 ลัง โดยได้ หมู ปัณฑา สิริกุล เรียบเรียงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และเขียนบท พร้อมด้วย ปราชญ์ สามสี เป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลเกร็ดประวัติศาสตร์ มีทีมงานสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล นำโดย นายชวัส จำปาแสน มาช่วยงานภาพ

นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจบริบทและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และให้ผู้ชมได้นําความผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ เพื่อร่วมกันหาแนวทางที่จะก้าวต่อไปยังอนาคต เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

สำหรับสิ่งที่อยากจะบอกกับผู้ชมก่อนชมภาพยนตร์นั้น เรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างแน่น พยายามที่จะย่อยให้เข้าใจง่ายที่สุด มองในมุมของแต่ละฝ่ายว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติ ซึ่งตนเห็นว่าทุกคนมีมุมคิดในการพัฒนาประเทศในแบบของตนเองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะเหมาะสมต่อเหตุการณ์หรือเหมาะสมต่อบ้านเมืองหรือเปล่าเท่านั้น

ผู้กำกับภาพยนตร์ 2475 ยืนยันว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกฝ่ายดูได้ เพราะเล่าประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้แต่งข้อมูล และไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วบิดเบือน ตลอด 92 ปีที่ผ่านมาการเล่าประวัติศาสตร์ 2475 ไม่เคยเล่าตรงไปตรงมา ถ้าประวัติศาสตร์ตรงนี้ไม่ชัดเจน จะเป็นความขัดแย้งต่อไปไม่จบสิ้น ยืนยันว่าเรื่องราวในภาพยนตร์สืบค้นได้หมด มีหนังสือแนะนำและให้ไปหาอ่าน

"มีคนบอกว่าเราบิดเบือน สร้างขึ้นมาเอง แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในอดีตไม่มีฝั่ง อยู่ที่ว่าเราจะรับได้แค่ไหน" นายวิวิวัธน์ ระบุ

โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมสนับสนุนทีมแพทย์ พยาบาล ปฏิบัติภารกิจจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก

พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ มอบหมายให้ พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ/กรรมการและประธานฝ่ายแพทย์/คณะกรรมการการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก จัดการประชุมคณะทำงานฝ่ายแพทย์ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก

โดยมี พล.ต.ต. ภาณุเดช บุญเรือง กรรมการและรองเลขานุการ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก, พล.ต.นายแพทย์ ภูษิต เฟื่องฟู กรรมการคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก, อาจารย์ ณรงค์ สุขมะโน กรรมการคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกเพื่อคัดเลือกไป
โอลิมปิก, พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ (สบ 6) หัวหน้าศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ , ทีมแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ เข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมทีมแพทย์ พยาบาลในการดูแลนักกีฬา

พล.ต.ต. ภาณุเดช บุญเรือง กรรมการและรองเลขานุการ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำให้นักกีฬามวยสากลทั่วโลกได้ไปแข่งขันกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยจัดการแข่งขันที่สนามกีฬาอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน มากกว่า 600 คน จาก 40 ประเทศ ถือเป็นโอกาสดีที่จะประชาสัมพันธ์ความพร้อมของประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้ได้รับเกียรติจากโรงพยาบาลตำรวจ ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ ที่จะร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ/กรรมการและประธานฝ่ายแพทย์/คณะกรรมการการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีความสำคัญระดับโลก โรงพยาบาลตำรวจขอบคุณผู้จัดการแข่งขัน ที่ให้ทางโรงพยาบาลตำรวจ ร่วมภารกิจครั้งนี้ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ มีความพร้อมให้การสนับสนุน โดยจัดทีมแพทย์ พยาบาล ประจำการแข่งขัน เพื่อดูแลนักกีฬา ตลอดระยะเวลาการแข่งขันทั้ง 11 วัน ซึ่งจัดทีมแพทย์ 3 ทีม ต่อวัน รวมทั้งรถพยาบาล จากศูนย์ส่งกลับโรงพยาบาลตำรวจ ในการนำส่งนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาดูแลต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน"

#PGH
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ

“พล.ต.ท.นิธิธร ฯ” เยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ “ร.ต.ท.มานะ ฯ” ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ซึ่งเคยทำคลอดให้กับหญิงคลอดบุตร 109 คน ถูกรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ ขณะอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับผู้ป่วยสูงอายุที่จะไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช

วานนี้ (12 มี.ค. 67) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. /หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร เดินทางไปยังอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจเพื่อเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับ ร.ต.ท.มานะ จอกโคกสูง รอง สว.งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร.  ที่ได้รับบาดเจ็บถูกรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรให้กับผู้ป่วยสูงอายุที่จะไปรับการรักษาที่ รพ.ศิริราช โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 เวลาประมาณ 12.40 น. ที่ ถ.หลานหลวง หน้าโรงแรมรอยัลปริ้นเซส หลานหลวง กรุงเทพมหานคร หลังจาก ร.ต.ท.มานะ ฯได้รับแจ้งได้นำกำลังเพื่อออกให้การช่วยเหลือ โดย ร.ต.ท.มานะ ฯ  ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทางราชการ โดยใช้เส้นทาง ถ.หลานหลวง เมื่อถึงบริเวณหน้าโรงแรมรอยัลปริ้นเซส ได้เฉี่ยวชนกับรถกระบะตู้ทึบ ทำให้รถจักรยานยนต์ของ ร.ต.ท.มานะ ฯ เสียหลักและล้มลงบริเวณทางเท้า เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.ตำรวจ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บกระดูกหัวแม่มือซ้ายหัก และมีบาดแผลถลอกบริเวณมือข้างขวา ปากและใบหน้าเล็กน้อย 

ร.ต.ท.มานะฯ ปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ มาตั้งแต่ปี 2540 มีความชำนาญในการช่วยเหลือการทำคลอดฉุกเฉินให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาการจราจรติดขัด และต้องการความช่วยเหลือในการทำการคลอดบุตรบนท้องถนน ร.ต.ท.มานะฯ จะเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเดินทางไปให้ความช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้ให้ความช่วยเหลือการทำคลอดบุตรฉุกเฉินมาแล้วเป็นจำนวนถึง 281 ราย เป็นการช่วยทำคลอดด้วยฝีมือของ ร.ต.ท.มานะฯ เอง ถึง 109 ครั้ง 

พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวว่า ในวันนี้ต้องขอขอบคุณแพทย์ รพ.ตร. ที่ทำการผ่าตัดซ่อมแซมรักษา และจัดเรียงกระดูกข้อมือที่หักของ ร.ต.ท.มานะฯ ให้เข้ารูปและเข้าที่ เพื่อให้ข้อมือข้างซ้ายของ ร.ต.ท.มานะฯ ที่หักนั้นกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว เพื่อมือทั้งสองข้างจะได้หายดี และสามารถไปช่วยเหลือประชาชนจำนวนมากได้ดังเดิม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top