Monday, 19 May 2025
NewsFeed

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติ ขยายผลทลายเครือข่าย CHET CHEA เหมาทัวร์ซุกชาวบังกลาเทศ ส่งมาเลเซีย และจับกุมหมอรัสเซียเปิดคลินิกความงามเถื่อน

ตามนโยบายของ สานักงานตารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิด กฎหมาย สานักงานตารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจ ผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดาเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะ ที่พานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทาผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชน ทาให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทาความผิด

ภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

คดีแรก ขยายผลทลายเครือข่าย CHET CHEA เหมาทัวร์ซุก 43 บังกลาเทศ ส่งมาเลเซีย : 
ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม., กก.สส.บก.ตม.6, และ สน.พญาไท จับกุม นายเจต (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา ตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ที่ จ.37/2567 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทาความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้าพัก อาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจับกุมหน้าโรงแรมย่าน แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ได้เกิดเหตุรถบัสโดยสารไม่ประจำทางประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ในพื้นที่ ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จวสุราษฎร์ธานี ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายณัฐพลฯ และนายสำเภาฯ พร้อมด้วยคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติบังกลาเทศ จานวน 43 คน จากการสืบสวนขยายผลพบว่าคนขับรถบัสโดยสารคันเกิดเหตุได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายวิรัตน์ฯ และ น.ส.คำเตือนฯ ให้ไปรับคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จากปั้มน้ามันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ไปส่งยัง จ.สงขลา ตกลงค่าจ้างเหมา 50,000 บาท โดยมีนายวิรัตน์ฯ ทำหน้าที่เป็นรถนำทาง แจ้งด่านตรวจ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ามัน พบขบวนการขนคนต่างด้าวฯ มาเปลี่ยนถ่ายคนต่างด้าวฯ ไปยังรถบัส จำนวน 5 คัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายวิรัตน์ฯ และ น.ส.คำเตือนฯ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 จากการสืบสวนขยายผล จากการจับกุม สามารถออกหมายจับ นายณัฐวัฒน์ฯ และแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอนกฯ ซึ่งทั้ง 2 ราย ทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าวฯ จากพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปส่งที่ปั๊มน้ามันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากการ จับกุมทั้ง 2 รายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้สืบสวนขยายผลเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทาผิดเพิ่มเติมอีก 3 ราย คือ นายเสือฯ ทำหน้าที่ว่าจ้างทีมรถขนคนต่างด้าวฯ , นายคะนองฯ และ นายเชาวลิตฯ ทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าวฯ ในเส้นทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังปั๊มน้ามันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา โดยสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 

จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมพบว่านายเสือฯ ได้รับการติดต่อประสานงานกับ นายเจตซึ่งเป็นนายหน้าระดับสั่งการเครือข่าย CHET CHEA ทำหน้าที่ประสานงานกับนายหน้าขนคนต่างด้าว ตามแนวชายแดนพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และนายหน้าขนคนต่างด้าวฝั่งประเทศกัมพูชา โดยหลังจากนายเสือฯ รับงานจากนายเจต ได้ติดต่อว่าจ้างนายวิรัตน์ฯ ให้จัดหารถขนคนต่างด้าวไปยังพื้นที่ จ.สงขลา โดยให้ค่าจ้าง 3,000 บาท/คน และประสานงานกับนายเชาวลิตฯ เพื่อจัดหารถยนต์ส่วนบุคคลรับคนต่างด้าว จากแนวชายแดน อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปส่งยังจุดพักคอย/จุดนัดรับส่ง ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มรถขนคนต่างด้าว เส้นทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังสถานีจ่ายน้ามันบางวัว ได้ค่าจ้าง 1,500 บาท/คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายเจต และสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มรถขนคนต่างด้าวดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายขนคนบังกลาเทศ นายอัสราฟ (สัญชาติบังคลาเทศ) โดยนายวิรัตน์ฯ จะประสานงานกับนายอับบาส (สัญชาติปากีสถาน) ผู้ต้องหาหลบหนี หมายจับ 2 หมาย โดยนายอับบาส ทาหน้าที่ประสานงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และจัดหารถขนคนต่างด้าวเส้นทาง สงขลา - นราธิวาส เพื่อนาคนต่างด้าวลักลอบเดินทางออกไปยังประเทศมาเลเซีย
ผลการปฏิบัติในการสืบสวนจับกุมเครือข่าย CHET CHEA ดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จานวน 10 ราย เป็นการจับกุมที่เกิดเหตุ3ราย, ขยายผลออกหมายจับ7รายและแจ้งข้อกล่าวหา1รายสามารถติดตามจับกุม เครือข่าย CHET CHEA ได้ทั้งหมด

คดีที่ 2 ตม.จว.สุราษฎร์ธานี รวบหมอรัสเซียเปิดคลินิกความงามเถื่อน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซีย จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมต) อายุ 35 ปี โดยกล่าวหาว่า ทางานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ และ น.ส.ลิลเลีย (นามสมมต) อายุ 32 ปี โดยกล่าวหาว่า ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทางาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผดุ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าท่ีสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้สืบทราบว่ามีคนต่างชาติได้ลักลอบเปิดสถานประกอบการเสริมความงามในลักษณะเป็นสถานพยาบาลในพื้นที่ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้เปิดให้บริการหลายประเภท รวมทั้งมีการรักษาด้วยวิธีการปั่นเกล็ดเลือดแล้วนากลับไปฉีดเข้าร่างกายของผู้รับบริการ ซึ่งมี ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งการบริการประเภทนี้จะต้องได้รับการควบคุมจากเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง ซึ่งถ้าไม่มีการควบคุมอาจจะเป็นอันตรายจนถึงชีวิตต่อผู้มาขอรับบริการได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้สืบค้นข้อมูลสถานบริการดังกล่าวจากในโลกสังคมโซเชียล (SOCAIL) ปรากฏว่าชื่อ ALSPA BEUTY CLINIC มีการโฆษณาการให้บริการในแอปพลิเคชันในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จำนวนมาก ที่สามารถนาข้อมูลมาทาการสืบสวน เช่น ภาพการลงโฆษณาการให้บริการของ ALSPA BEUTY CLINIC ในแอปพลิเคชัน TIKTOK และอินสตราแกรม ที่ปรากฏให้เห็นการบริการในสถานประกอบการดังกล่าวและตัวคนต่างชาติที่ทาหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ

จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าสถานบริการดังกล่าวได้เช่าพื้นที่ของโรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเป็นสถานประกอบการ โดยไม่ปรากฏว่ามีการจดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็น สถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงสืบสวนหาข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ทาหน้าที่ให้บริการและเจ้าของสถานประกอบการดังกล่าว จนทราบว่าเจ้าของสถานบริการดังกล่าวเป็นคนต่างชาติสัญชาติรัสเซียชื่อ น.ส.ยูเลีย (นามสมมติ) และมีคนต่างชาติทาหน้าที่เป็นหมอเสริมความงามที่ปรากฎในการลงโฆษณาจานวนหลายราย โดยวิธีการผลัดเปลี่ยนกันมา ให้บริการตามรายการจองเข้าใช้บริการของลูกค้า จนเป็นที่แน่ชัดว่าสถานประกอบการดังกล่าวเปิดโดยผิดกฎหมายและมีคนต่างชาติมาทางานโดยผิดกฎหมาย ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนเข้าทำการจับกุม โดยขณะเข้าทำการจับกุมได้พบ น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) และนายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) กำลังให้บริการเสริมความงามใบหน้าและบริการนวดรักษาอาการอักเสบกล้ามเนื้อแก่ลูกค้าคนต่างชาติด้วยกัน จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ส่วนนายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) ได้รับอนุญาตให้ทางานกับบริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ประเภทกิจการให้บริการที่พักอาศัย แต่มาทางานเสริมความงาม จึงเป็นการทางานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้ นอกจากนี้ ยังพบยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษ, ยาที่ไม่มีสลากภาษาไทย เข้าข่ายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนในสถานพยาบาล, ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใช้ในการให้บริการกับผู้ที่ใช้บริการ เสริมความงามกับสถานพยาบาลดังกล่าวอีกจานวนหนึ่งไว้ จึงยึดไว้เพื่อตรวจสอบ และตรวจพบหัตถการ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องปั่นพลาสมา (เครื่องแยกเกล็ดเลือด) เข็มฉีดยาที่ใช้แล้วจำนวนมาก ยาที่มีเข็มฉีดยาเสียบติดไว้ที่เพิ่งผ่านการให้บริการ เข็มฉีดยาหลายขนาด กระบอกฉีดยา ผลิตภัณฑ์เสริมความงามอยู่ในตู้เย็นและลิ้นชักซึ่งจัด ไว้ให้บริการแก่ลูกค้า ระเบียนการรักษาหรือ OPD การ์ดของลูกค้าผู้มาใช้บริการ และรายการอัตราค่าบริการมีอุปกรณ์ ทางการแพทย์ ซึ่งพยานหลักฐานเหล่านี้บ่งชี้ชัดว่าสถานประกอบการดังกล่าวเป็นสถานพยาบาลซึ่งไม่พบว่ามีการจดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงได้ตรวจยึดสิ่งของเหล่านี้ไว้เป็นของกลางทางคดี และดำเนินคดีกับคนต่างชาติทั้ง 2 ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้ พร้อมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ยูเลีย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการตามคำให้การของผู้ถูกจับทั้ง 2 ราย ในความผิดฐานจัดตั้งกิจการสถานประกอบการพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 16 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 และมียาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ตามมาตรา 72 (4) แห่ง พ.ร.บ.ยา 2510

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทาความผิด กรุณาแจ้งมายัง สานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘นักวิชาการ’ วิเคราะห์!! แนวโน้มยุบ ‘พรรคก้าวไกล’  99.99% ‘รอดยาก’ แต่ลุ้นรอดได้ถ้า ‘ศาล รธน.’ ถูกยุบ

(13 มี.ค.67) จากเว็บไซต์สำนักข่าวไทย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งกล่าวถึงแนวทางการพิจารณากรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล กรณีเสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ว่า คำวินิจฉัยมีโอกาสออกมา 2 ทางคือ ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ซึ่งตรงนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่ถูกยุบ กับอีกทางคือหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง คำวินิจฉัยก็ออกมาได้เพียง 2 ทางเช่นเดียวกัน คือยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค กับยกคำร้อง

นายยุทธพร กล่าวอีกว่า แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบนั้นมีถึง 99.99% อีก 0.01 คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ถูกยุบไปก่อนเท่านั้นเอง ดังนั้นโอกาสเป็นอย่างอื่นจึงเป็นไปได้ยาก เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 เขียนเอาไว้ชัดว่า หาก กกต.เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อ ว่าพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 92 (1) คือการล้มล้างการปกครอง และ 92 (2) คือการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์กับ ระบอบการปกครอง ซึ่งกกต. ยื่นไปทั้ง 2 กรณีดังนั้นโอกาสที่จะ พ้นจากมาตรา 92 จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก และอย่าลืมว่าฐานความผิดตามมาตรา 92 ในกฎหมายพรรคการเมือง ก็คือความผิดฐานเดียวกันกับมาตรา 49 แนวรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย ออกมาแล้วในเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ทั้งในเรื่องของพฤติการณ์ ข้อเท็จจริง แม้กระทั่งการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นในคดีนี้จึงมีโอกาสสูงมากที่จะนำไปสู่การยุบพรรคด้วย

“เหตุผล 2 อย่างคือข้อกฎหมายฐานความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 กลับมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญนั้นฐานความผิดเดียวกัน เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ตาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าการกระทำดังกล่าวผิดมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญ ก็คงจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากมาตรา 92 (1) และ (2) กับกรณีที่ 2 คือเรื่องพฤติการณ์ข้อเท็จจริง เรื่องการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งในคดีนี้ กกต. เอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคดีล้มล้างการปกครองฯ มาเป็นพยานหลักฐาน ดังนั้นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่จำเป็นต้องไปสืบพยานหรือ แสวงหาพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีก ก็สามารถตัดสินได้เลยโดยอาศัยแค่คำวินิจฉัยและต่อบทกฎหมาย” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า ส่วนในแง่ของการโต้แย้ง ก็คงเป็นไปตามกระบวนการพิจารณาคดี โดยศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้พรรคก้าวไกลทำคำโต้แย้ง ซึ่งก็โต้แย้งได้เพียงประเด็นเดียวคือ คำวินิจฉัยนั้นเกิดขึ้นภายหลังการกระทำ ดังนั้นแม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กรก็จริง แต่ก็ต้องผูกพันหลังมีคำวินิจฉัย โดยก่อนคำวินิจฉัยแม้ศาลจะบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวคือความผิดตามมาตรา 49 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ แต่เป็นสิ่งที่ศาลมาชี้ภายหลัง จึงอาจไม่สามารถเอาผิดได้ แต่แนวโน้มส่วนตัวก็ยังมองว่า ถูกยุบ 99.99% และจะส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคในขณะนั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย เพราะในกฎหมายเขียนไว้ว่า ถ้ามีเหตุแห่งการยุบพรรคให้ศาลตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วย ส่วนจะตัดสิทธิ์กี่ปีนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเพราะในกฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจะตัดสิทธิ์กี่ปี โดยไม่มีเพดานกำหนดเอาไว้

‘รมว.ปุ้ย’ แง้ม!! เล็งหา ‘พันธมิตรใหม่’ ลุยลงทุนเหมืองโปแตซ หลังผู้รับประทานบัตร 3 ราย ขาดสภาพคล่อง ฉุดโครงการล่าช้า

เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดใจกับเครือเนชั่น ถึงแนวทางแก้ปัญหาโครงการลงทุนเหมืองโปแตช หลังผู้ได้รับ ประทานบัตร 3 ราย ขาดสภาพคล่อง จนทำให้โครงการล่าช้า โดยระบุว่า…

ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้ประทานบัตรทำเหมืองแร่โปแตช 3 เจ้า แต่ยังไม่มีเจ้าไหนสามารถขุดแร่ขึ้นมาได้ จากเหมืองใน 3 จังหวัดได้แก่ ชัยภูมิ, อุดรธานี และนครราชสีมา เนื่องจากผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานขาดเงินทุนขาดสภาพคล่องในการลงทุนที่จะขุดแร่โปแตซขึ้นมาใช้ประโยชน์

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ทั้งนี้ โดยหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นผู้ให้ประธานบัตรกับผู้ลงทุน ซึ่งถ้าจะถามว่าความรับผิดชอบสิ้นสุดแล้วหรือไม่? ก็ไม่ถึงกับสิ้นสุด เพราะยังต้องติดตามว่าผู้ที่ได้รับบัตรสามารถประกอบกิจการได้หรือไม่? อย่างไร? แต่แน่นอนว่า ทุกฝ่ายคาดหวังกับการขุดแร่โปแตช เพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ยให้ได้โดยเร็ว เพราะจะช่วยให้เกิดความมั่นคงต่อประเทศในระยะยาว ไม่ต้องไปพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น เช่น เมื่อสงคราม ราคาปุ๋ยก็จะพุ่งกระฉูด ดังนั้นทั้ง 3 ผู้ประกอบการที่ได้ประทานบัตรไป หากสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ก็ถือเป็นความสำเร็จของกระทรวงอุตสาหกรรมเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเมื่อทั้ง 3 เกิดปัญหาไม่มีเงินทุนขาดสภาพคล่อง ก็ต้องเริ่มมองไปถึงการเปิดโอกาสดึงกลุ่มทุนที่มีศักยภาพรายใหม่ ๆ เข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่ามีเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ อยู่แล้ว เนื่องจากมีหลายบริษัทที่สนใจทั้งจากไทยและเทศที่อยากจะเข้ามาร่วม เพียงแต่ต้องยอมรับว่า ประทานบัตรนั้นมีอายุและถือเป็นสิทธิ์ของผู้ที่ได้รับไป แต่เมื่อไรก็ตามถ้าประธานบัตรหมดอายุขึ้นมา ตัดสิทธิ์ก็จะวนกลับมาที่กระทรวงอุตสาหกรรมใหม่อีกรอบหนึ่ง นั่นจึงทำให้ทางกระทรวงฯ จึงยังต้องเฝ้าดูและคอยกระตุ้นผู้ที่ถือบัตรฯ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ผู้ประกอบการก็มีความพยายามในการขับเคลื่อนภารกิจของตน เพราะเกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านนายกฯ ก็ลงมากำชับด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันทุกครั้งที่ท่านไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ก็จะพยายามมองหาผู้ที่สนใจที่มีศักยภาพมาร่วมลงทุนด้วยเช่นกัน

เมื่อถามถึงผลลัพธ์ของเหมืองโปแตซที่ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดราคาปุ๋ยของไทยได้มากน้อยแค่ไหน? รมว.พิมพ์ภัทรา เผยว่า “3เหมืองนี้เพียงพอที่จะทำให้ไทยมีปุ๋ยใช้ในประเทศได้เพียงพอและมากพอที่จะส่งออกได้ด้วย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นความมั่นคงของประเทศอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นในโลก เมื่อเรามีต้นทุนปุ๋ยเป็นของตนเอง อย่างน้อยก็ไม่ต้องพึ่งพาต่างประเทศ”

“พัชรวาท” เปิดงาน “วันช้างไทย” ชู “ขุนพลแห่งนักรบประจำชาติ”

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่จังหวัดลำปาง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางไปเป็นประธานพิธีวันช้างไทย ประจำปี 2567 จัดขึ้นโดยสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยมีนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  นายสุกิจ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดงานวันช้างไทยให้การต้อนรับ 

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ช้างไทย เป็นสัตว์มงคลที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเกี่ยวข้องกับสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ วิถีชีวิตแห่งช้างไทย ยังผูกพันกับคนไทยอย่างแนบแน่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งในยามศึกสงครามและยามสงบสุข ปัจจุบันช้างไทย ประสบกับสภาวะวิกฤตต่าง ๆ มากมาย ปัญหาช้างล้นป่า เนื่องจากพื้นที่ป่าในประเทศลดลง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือโรคอุบัติใหม่ในช้าง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและการช่วยเหลือเพื่ออนุรักษ์ช้างให้อยู่ร่วมกับคนได้อย่างมีความสุข 

 “ขอขอบคุณ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดลำปาง และหน่วยงานต่างๆ  ที่สนับสนุน  และเข้าร่วมงานวันช้างไทยในปีนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณและเชิดชูขุนพลแห่งนักรบหรือช้างไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของช้างไทย และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ช้างให้คงอยู่ อีกทั้งยังเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ในการอนุรักษ์และบริบาลช้างทุกท่าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคตความเป็นอยู่ของช้างไทย จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว 

จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ลั่นฆ้องชัยเพื่อเป็นการเปิดงานและมอบรางวัลการจัดประกวดซุ้มอาหารช้าง และรางวัลควาญช้างดีเด่น ประจำปี 2567 พร้อมทั้งร่วมเลี้ยงอาหารช้างบนสะโตกใหญ่ โดยมีช้างเข้าร่วมพิธีมากกว่า 100 เชือก ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของช้างไทย เช่น การบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฮ้องขวัญช้าง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับช้างที่ล้มไปแล้วและตักบาตรร่วมกับช้าง ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท ยังได้ไปเยี่ยมและถ่ายภาพกับพลายศักดิ์สุรินทร์ที่รักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ  

'รัดเกล้า' แจง!! พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม นัดประชุมพิเศษอีกครั้งบ่ายนี้ เผย!! เพื่อรับรองร่างส่ง พ.ร.บ. เข้าสภาฯ ให้ทัน 27 มี.ค.นี้

เมื่อวานนี้ (13 มี.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี โฆษกประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ …) พ.ศ. … หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ใช้เวลาในการประชุมนานกว่าที่คาดไว้จริง เพราะในโค้งสุดท้ายของการกลั่นกรอง ได้มีการนำเนื้อหาทั้งหมดที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ทำงานร่วมกันมากว่า 3 เดือนมาย้อนพิจารณา มีการทบทวนในหลายจุดยืนและหลายรายละเอียดของการตัดสินใจเลือกใช้ภาษา เพื่อให้มั่นใจว่าครบถ้วน สมบูรณ์ รอบคอบ และถูกต้องที่สุด  

ขั้นตอนสุดท้ายคือ การมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการนำข้อคิดเห็นที่มีเพิ่มเติมเพียงบางส่วนในวันนี้ ไปปรับแก้ฉบับร่างฯ ที่ได้เตรียมไว้เกือบสมบูรณ์ให้เสร็จสิ้นทันการประชุมครั้งที่ 12 ซึ่งเป็นการประชุมรอบพิเศษเพื่อรับรองฉบับร่างฯ โดยเฉพาะ โดยการประชุมจะจัดขึ้นในบ่ายวันนี้ (14 มี.ค.67) เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 303 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา

“ภายหลังจากคณะกรรมาธิการมีมติเห็นชอบและรับรองฉบับร่างฯ แล้ว จะนำเสนอ พรบฯ บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 โดยเป้าหมายของเราคือ ให้ทันในวันพุธที่ 27 มีนาคม 2567 ก่อนสภาปิดวาระการประชุมครั้งนี้ หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ ฉบับร่างฯ ก็จะสามารถเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนการนำเสนอวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป” นางรัดเกล้า กล่าว

📌มูลนิธิช้างฯ ผนึกภาคเอกชน จัดงานเสวนา ‘ช้างป่า ช้างไทย เราอยู่ได้ร่วมกัน’

เมื่อวานนี้ (13 มี.ค. 67) ในโอกาสวันช้างไทย มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และเครือข่ายองค์กรประชาคมที่ทำงานเกี่ยวกับช้าง ได้จัดเวทีเสวนา เรื่อง ‘ช้างป่า ช้างไทย เราอยู่ได้ร่วมกัน’ โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ปรึกษามูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย เป็นผู้กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยมีดร.สรจักร เกษมสุวรรณ ประธานมูลนิธิช้างไทย กล่าวเปิด ที่ลานกิจกรรมเวทีสาธารณะ อาคารสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร

ผู้สนใจชมคลิปการเสวนาเวทีย้อนหลัง สามารถชมได้ทาง: https://fb.watch/qMOymMshCA/

กมธ.ปปง.เล็งเจาะขุมทอง คดีบิ๊กโจ๊ก แนะ ปปง.ใช้กฏหมายฟอกเงินกับผู้ค้าทองคำ

กมธ.ปปง. เชิญ ตำรวจ - ปปง. ถกคดีพนักออนไลน์ ”มินนี่“ กลายเป็นไฟลามทุ่ง แนะ ปปง. เดินหน้าใช้กฏหมายฟอกเงินตรวจสอบผู้ค้าทองหากไม่ได้รายงานธุรกรรมทางการเงินตามทางกฏหมายซื้อขายทองกับ ”บิ๊กโจ๊ก“

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ห้องประชุมกรรมาธิการ N 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟกเงินและยาเสพติด (กมธ.ปปง.) สภาผู้แทนราษฎร นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ รอง ป.กมธ.ปปง. พร้อมคณะ กมธ.ปปง. ที่ปรึกษาและเลขานุการฯประชุมพิจารณาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ของ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ น.ส.สุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน หรือ มินนี่ กับพวก ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นคดีดังที่ประชาชนให้ความสนใจ

การพิจารณาได้เชิญ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งได้ส่งผู้แทนมาจำนวน 4 คน อาทิ นายสุวิจักขณ์ ธรรชัยพจน์ ผอ.กองคดี 1 นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฏหมาย และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งผู้แทนมา 3 คน อาทิ  พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เข้าชี้แจงความคืบหน้าในคดี เกี่ยวข้องในเรื่องความผิดมูลฐาน ที่กำลังทำการสอบสวนติดตามดำเนินคดี ทั้งนี้ผู้ชี้แจงได้อธิบายถึงความเชื่อมโยง เส้นทางการเงิน รวมไปถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในการดำเนินคดีทั้งหมดที่ยังจะเดินหน้าเอาผิดตามกฏหมายเพราะคดีนี้ ปปง. ระบุว่า ไม่มีอายุความและสามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้ตลอดเมื่อมีหลักฐานปรากฏชัด

นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฏหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวว่า คดีนี้ “ปปง.” ได้สั่งการให้ดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด กรณีนี้หลังจาก ปปง. ได้รับทราบเรื่องจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ มีการประสานเพื่อรายงานเรื่องความผิดมูลฐาน มีการรายงานมายัง ปปง. ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2566 แนวทางการสืบสวนสอบสวนทางคดี “ปปง.” มีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อรายงานว่าเป็นมูลฐานความผิดหรือไม่ ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 คณะกรรมการธุรกรรมมีการมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการยึดและอายัดทรัพย์สิน ทันที เบื้องต้นที่เป็นความผิดมีจำนวน 255 รายการ ผู้ถูกกล่าวหา มีทั้ง พลเรือนและข้าราชการ เมื่อยึดอายัดทรัพย์สิน เรียบร้อย ปปง. ได้ยื่นเรื่องไปยังพนักงานอัยการยึดทรัพย์เพื่อตกของแผ่นดิน จำนวน 41 ล้านบาท วงแรกดำเนินการไป และจะมี วงสอง วงสาม จะทำการยึดไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางการเงินเพราะคดีนี้ไม่มีอายุความ อีกทั้งกรณีนี้ผู้กระทำความผิด เป็นข้าราชการมีการวางแผนเป็นระบบที่เรียกว่า แผนประทุษกรรม เป็นบุคคลที่มีความรู้ จึงเป็นเรื่องยากในการยึดทรัพย์ จึงต้องสอบสวนเพื่อให้มีความเชื่อมโยง

พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กล่าวว่า ขณะนี้ ผู้ต้องหาบางส่วนคดีเก่ากรณี ”มินนี่“ พนักงานอัยการ ได้มีคำสั่งฟ้องไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจทั้ง 8 นายรวมถึงนายตำรวจใหญ่ ปปช.ได้รับเรื่องไว้พิจารณาเอง

“การดำเนินคดีใหม่ พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในส่วนการใช้ประโยชน์จากเงิน เพราะเงินที่ได้มาผิดกฏหมาย รวมถึงเป็นเงินประโยชน์ส่วนตัว เงินรักษาพยาบาล เงินงานศพ โดยเส้นทางเงินมีการโอนออกจากบัญชีม้า 5-6 บัญชี ขณะนี้ได้นำหลักฐานทั้งหมดไปส่งศาล  และศาลเห็นหลักฐานทั้งหมดพบว่ามีเส้นเงินจำนวนมาก ศาลมีมติ ไม่เอกฉันท์ แต่ให้ออกหมายจับและหมายเรียกรวม 5 คน ที่รวมไปถึง นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งยืนยันว่าศาลไม่ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า น่าเชื่อว่ามีเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน จึงให้ออกหมายจับ ผู้ต้องหาที่ 2-5 ที่มีตำรวจ 3 พลเรือน 1 ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 เป็นนายตำรวจใหญ่ศาลให้ออกหมายเรียก”

ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประธาน กมธ.ปปง. กล่าวว่า สิ่งที่ต้องให้ข้อสังเกต ต่อ  ปปง. ตามระเบียบที่ได้รับการรายงานธุรกรรมมีการยึดอายัดทรัพย์ไปแล้ว มองว่า การสืบสวนทางการเงินได้พบความผิดปกติมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไปถึงใครหรือไม่ หรือมีการประสานส่งข้อมูลแผนผังให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ รวมถึงข้อสังเกต ต่อพนักงานสอบสวน “ตำรวจ” ได้รับข้อมูลจาก ปปง.หรือไม่ ถ้าได้รับข้อมูล ปปง.ได้ทำการสืบสวนต่อหรือไม่

“ในประเด็นเมื่อมีการพูดคุยตามข่าวเรื่องของทองในกรณีนี้ต้อง ฝาก ปปง. ในเรื่องของทอง ผู้ประกอบการค้าทองตามระเบียบทั่วไป ผู้ค้าทองจะต้องมีการรายงานธุรกรรมทางการเงิน เนื่องจากเป็นการซื้อทองมากกว่าสองล้านบาท เพราะเชื่อว่าผู้ค้าทอง จะต้องมีการส่งรายงานทางการเงิน ดังนั้นของให้ ปปง.ได้ใช้กฏหมายฟองเงินเข้าไปขอคำชี้แจง ว่า ผู้ค้าทองมีการรายงานหรือไม่ เพราะเป็นเหตุอันสงสัย ประเด็นสำคัญมีกรณีศึกษา เกี่ยวกับการซื้อทองมีสองวิธี ในอดีตตนเคยทำคดีลักษณะนี้มี ข้าราชการผู้ใหญ่ มีการซื้อทองไปสองร้อยกิโล จนมีคดีขึ้นศาลและศาลตัดสินจำคุก เพราะสอบสวนพบว่า การซื้อทองจะมาในรูปแบบซื้อทองเป็นตั๋วฝากไว้ที่เป็นหลักฐานสำคัญ ดังนั้นต้องการให้ ปปง. ได้มีการสอบลึกหรือไม่ ว่าได้ใช้กฏหมายฟองเงินทำการสืบสวนถึงกรณีนี้หรือไม่ แล้วถ้าผู้ค้าไม่ได้รายงาน ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ค้าทองหรือไม่” พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวในที่สุด

ด้าน นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ป.กมธ.ปปง. กล่าวขอบคุณตัวแทน ตำรวจ - ปปง ขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะภาพลักษณ์ขององค์กร ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เงินสีเทา ไม่ดีไปอยู่ไหนก็ไม่ได้ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ การติดตามคงจะมีเรื่องการขายทองปริศนา ที่จะต้องตรวจสอบต่อไปในการประชุมครั้งต่อไป

กรมป่าไม้ จัดงาน “วันป่าไม้สากล ประจำปี 2567” 

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวการจัดกิจกรรมเนื่องในวันป่าไม้สากล ประจำปี พ.ศ. 2567 ว่า กรมป่าไม้ จะจัดงาน “วันป่าไม้สากล ประจำปี 2567 (International Day of Forests 2024)” ในวันที่ 21 มี.ค. 2567 ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.00 น. ณ เขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันป่าไม้สากล ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มี.ค. ของทุกปี ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้ภายในประเทศและของโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า ไฟป่าและการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่า ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศโลกเกิดปรากฏการณ์แปรปรวน เช่น สภาวะโลกร้อนและความเสี่ยงในการสูญเสียสายพันธุ์พืชและสัตว์ป่า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการเพื่อปกป้องและอนุรักษ์ทรัพยากรอันมีค่าเหล่านี้ ด้วยการร่วมกันสร้างความมั่นใจ ว่าป่าไม้จะยังคงทรัพยากรและอำนวยประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเนื่องในวันป่าไม้สากล กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้และการสร้างความตระหนักรู้ด้านการป่าไม้ โดยในปีนี้สมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติกำหนดให้มีการรณรงค์ภายใต้ประเด็นหลัก “Forests and Innovation” หรือ “ป่าไม้และนวัตกรรม” และมีประเด็นเสริม “New solutions for a better world” หรือ “ทางเลือกใหม่ เพื่อโลกที่ดีขึ้น” เป็นวาระสำคัญ โดยมี พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิด และมีปลัด ทส. ผู้อำนวยการ Asian Forest Cooperation Organization (AFoCO) และผู้แทนสถานทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย เข้าร่วมงาน ภายในงานจะมีการปาฐกถาพิเศษโดยหน่วยงานร่วมจัดนิทรรศการ “Forests and Innovation:New solutions for a better world” “ป่าไม้และนวัตกรรม:ทางเลือกใหม่ เพื่อโลกที่ดีขึ้น” รวมทั้งการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ป่าไม้และนวัตกรรม:ทางเลือกใหม่ เพื่อโลกที่ดีขึ้น” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ กิจกรรมอาบป่าโดยกรมป่าไม้ การจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืนโดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การดำเนินงานด้านนวัตกรรมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น

นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า การจัดงานวันป่าไม้สากล จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชน เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของทรัพยากรป่าไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัด อีกทั้งสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของป่าทุกประเภท รวมทั้งต้นไม้ที่อยู่นอกป่า เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคตที่ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมกันสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับป่าและต้นไม้ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เช่น การรณรงค์ปลูกต้นไม้ การจัดนิทรรศการ การประชุมสัมมนา เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการดำเนินการเพื่อปกป้องและอนุรักษ์ป่าไม้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

นครพนม -หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ตรวจยึดพืชกัญชา ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จำนวน 2 กระสอบ น้ำหนัก รวม 75 กก./แท่ง ริมตลิ่งแม่น้ำโขง ในพื้นที่อำเภอบ้านแพง

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยร้อยโท วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 ได้รับทราบจากแหล่งข่าวจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีการลักลอบทำผิดกฏหมาย โดยการนำเข้าสิ่งของผิดกฏหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย หน่วยจึง ทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด และ พ.ร.บ.ศุลกากร พื้นที่จุดเสี่ยง จุดเพ่งเล็ง ตามภาพข่าว บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง บ้านดอนแพง หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ตรวจการณ์พบเรือหาปลาต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ ล่องเรือมาจากฝั่ง สปป.ลาว มายังฝั่งไทย ขับวนเลียบตลิ่งไปมามีกระสอบสิ่งของต้องสงสัยอยู่บนเรือและมีรถยนต์ขับมาจอดบนถนนเลียบแม่น้ำโขงตรงจุดท่าน้ำ พื้นที่ ใกล้กับจุดที่ กำลังพลของหน่วยทำการเฝ้าตรวจจากนั้นเรือลำดังกล่าว ได้ขับเข้ามาจอดเทียบท่าน้ำ และทำการยกสิ่งของขึ้นมาบนฝั่ง และรีบขับเรือกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว กำลังพลของหน่วยจึงเฝ้าสังเกตุการณ์ 

จากนั้นได้มีราษฎรชาย 4 คน เดินลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ เดินมุ่งหน้าไปยังสิ่งของต้องสงสัยที่วางอยู่ เพื่อจะมาหยิบเอาสิ่งของดังกล่าว กำลังพลของหน่วยที่เฝ้าตรวจอยู่จึงแสดงตนขอตรวจสอบ เมื่อราษฎรชายกลุ่มดังกล่าว พบเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงได้ละทิ้งสิ่งของ แล้วทำการวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่และขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว กำลังพลของหน่วยจึงเข้าทำการตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัย พบเป็นพืชกัญชาแห้งแบบอัดแท่ง จำนวน 2 กระสอบ ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จึงได้ดำเนินการขนย้ายมายัง กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจนับของกลาง พืชกัญชาแห้ง แบบอัดแท่ง จำนวน 2 กระสอบ น้ำหนัก รวม 75 กก./แท่ง หน่วยได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมบันทึกภาพผลการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และได้นำส่ง สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ศาลยกฟ้องกรณีผู้ประกอบการรีสอร์ทม่อนแจ่มฟ้องอดีต ผอ.สจป1เชียงใหม่

จากกรณีนายทุนผู้ประกอบการม่อนแจ่มฟ้อง ผอ.กมล นวลใย อดีต ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 กรณีกล่าวหาว่าไม่ปฏิบัติตาม มติ ครม. 11 พ.ค. 2542 และมติครม. 30 มิ.ย. 2540 ในการดำเนินคดีระงับยับยั้งมิให้นายทุน หรือผู้ประกอบการนำที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเป็นพื้นที่ต้นน้ำชั้น 1Aนำไปทำรีสอร์ท บนพื้นที่ป่าที่มีความลาดชันสูง โดยเปิดกิจการในรูปบริษัทซึ่งบางรายเช่น บริษัทม่อนวิวงาม จำกัด มีอาคารรีสอร์ทนับร้อยหลัง บางรายมีการบุกรุกพื้นที่เกินกว่าที่ถือครองทำกินที่มีการรังวัดไวเแล้วตามมติครม.30 มิย.41 

โดยคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ได้ยกฟ้องไปแล้ว แต่ผู้ประกอบการทั้ง 22 ราย ยังไม่สะใจที่จะเล่นงานกล่าวหา จนท.ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในการระงับยับยั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารเพื่อสร้างรีสอร์ท ...อย่างไรก็ตามคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิจารแล้วเห็นว่าจำเลย (นายกมล นวลใย อดีตผอ.สจป.1 (ชม.)) ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตาม ระเบียบกฎหมาย โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาและฟ้องดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของจำเลยตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงมิใช่เป็นการจับกุมโจทก์ทั้งยี่สอบสองเพื่อดำเนินคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นคนละกรณีกันกับการจะพิสูจน์สิทธิ์ของโจทก์ทั้งยี่สิบสองว่าเป็นผู้มีสิทธิอยู่อาศัยในที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินตามที่กฎหมายให้ความคุ้มครองได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การกระทำของจำเลยเป็นการดำเนินการในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ในการดูแลและรักษาทรัพยากรป่าไม้และป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์ทั้งยี่สิบสองว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โจทก์ทั้ง 22 ราบก็ย่อมมีสิทธิให้การปฏิเสธต่อสู้คดีโดยนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของตนในชั้นพิจารณาคดีของศาลได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ทั้งยี่สิบสองฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น จึงต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งยี่สิบสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน อนึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในรูปคณะทำงานแต่โจทย์ฟ้องจำเลยในนามส่วนตัว เสมือนหนึ่งกลั่นแกล้ง บั่นทอนขวัญกำลังใจ จนท.เป็นการเฉพาะราย และฟ้องให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อมิให้จนท.คนอื่น ๆ หาญกล้าในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่  ด้วยกลัวจะโดนฟ้องเฉกเช่นกรณีนี้

เรื่องนี้นายกมล นวลใย ได้กล่าวว่าการดำเนินการระงับยับยั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าม่อนแจ่ม จนท.ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามตัวบทกฎหมายทุกประการ ไม่เคยมีเจตนาแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมีรายละเอียดตามคำพิพากษาศาลไว้ครบถ้วนแล้ว..  ความจริงย่อมเป็นความจริงเสมอครับ...ขอให้จนท.สจป.1 (ชม.) กรมป่าไม้ ดำเนินการตรวจสอบการครอบครองพื้นที่เพื่อสร้างรีสอร์ทบนพื้นที่ต้นน้ำตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาต่อไปครับ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top