‘เนต้า’ เริ่มผลิตรถยนต์ EV ในไทยแล้ว ประเดิมรุ่นแรก NETA V-II ส่งมอบ เม.ย. นี้

(14 มี.ค. 67) นาย ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มเปิดสายพานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มผลิตรถยนต์ในรุ่น NETA V-II ซึ่งมีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์นี้ เป็นรุ่นแรก

ทั้งนี้ NETA V-II ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยล็อตแรกจะทยอยส่งมอบถึงมือลูกค้าคนไทยได้ตั้งแต่ เมษายนนี้เป็นต้นไป 

“NETA พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐของไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งการได้รับเอกสารอนุมัติและรับรองการประกอบกิจการในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ NETA และมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของเราในระดับสากล โดย NETA พร้อมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ พร้อมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย และมีระบบความปลอดภัยครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งผลิตจากฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อคนไทยทุกคน”

สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยเป็นความร่วมมือระหว่าง NETA กับ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% แห่งแรกของ NETA ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร ‘พระนครฟรีโซน’ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน พื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร

ขณะที่ โรงงานในประเทศไทยนับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA ที่ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนสร้างฐานการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานการผลิตในระดับสากลของ NETA เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาคอาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสนับสนุนให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยโรงงานในประเทศไทยแห่งนี้จะช่วยยกระดับความสามารถในการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ทำให้สามารถส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ทันสมัยรุ่นต่างๆ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในไทย

นอกจากนั้น NETA มีแผนเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ด้วยการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยอย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ยิ่งไปกว่านั้นจะมีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานของ NETA ให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์และเน้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ