Monday, 2 June 2025
NewsFeed

3 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังแก้ปัญหาลิงล้นเมืองลพบุรี หลังชาวเน็ตแชร์ภาพ พร้อมแซว ‘Planet of the Apes’

กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง สำหรับปัญหาเรื่องลิงล้นเขตเมืองลพบุรี สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างหนัก ทั้งยังกระทบการท่องเที่ยว

หลังจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ผู้ใช้อินสตาแกรมซึ่งเป็นช่างภาพสัตว์ป่าชาวต่างชาติ ได้โพสต์ภาพเด็กผู้หญิงกำลังเดินถือถุงเครื่องดื่มพร้อมใช้ปืนอัดลมทำท่ายิงขู่ลิงที่ดูพร้อมจะกระโจนมาฉกถุงได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นได้มีผู้นำภาพทั้ง 2 ไปดัดแปลงผ่านไอเดีย ‘Planet of the Apes’ (พิภพวานร) จนเกิดการแชร์กันอย่างกว้างขวางกลายเป็นอีกหนึ่งไวรัลบนโลกโซเชียล

สำหรับปัญหาเรื่องลิงล้นเมืองหรือลิงยึดเมือง จนสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้กับประชาชน ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในเมืองลพบุรีนั้นมีมาช้านานแล้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 ที่ผ่านมา 3 หน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เทศบาลเมืองลพบุรี และจังหวัดลพบุรี ได้ทำพิธีลงนาม MOU เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาลิงในเขตเมืองเก่าลพบุรีอย่างเป็นระบบแบบบูรณาการ โดยคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันของ ‘คน เมือง ลิง’ ด้วยแนวคิด “ประชาชนสุขใจ ลิงปลอดภัย อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน”

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า สำหรับการลงนาม MOU ในครั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาลิงในเขตเมืองเก่า อำเภอเมืองลพบุรี มีประเด็นสำคัญในการร่วมมือประกอบไปด้วย ด้านการช่วยเหลือและการแก้ไขปัญหาลิง

โดยเทศบาลเมืองลพบุรีจะจับลิงในเขตเมืองเก่าที่ทำหมันแล้วนำมาดูแลรักษาที่สถานอนุบาลลิง และ กรมอุทยานฯ จะมอบอำนาจการจับลิง และดูแลรักษาลิงในสถานอนุบาลลิงให้เทศบาลเมืองลพบุรี

‘พอลลีน’ ยอมรับผลเลือกตั้งขอโทษ ‘มาดามแป้ง’ ที่เคยล่วงเกิน

เมื่อวานนี้ (8 ก.พ. 67) พยุริน งามพริ้ง หรือ พอลลีน งามพริ้ง กล่าวแสดงความยินดีกับ ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนที่ 18 พร้อมขอโทษที่เคยล่วงเกิน โดยระบุว่า…

“ขอแสดงความยินดีกับคุณนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลคนใหม่ และต้องขอโทษหากมีการล่วงเกิน หรือกระทบกระทั่งในการแข่งขัน จากนี้ขอสนับสนุนการทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของวงการฟุตบอลไทย”

'บุ้ง ทะลุวัง' ประกาศบริจาคร่างกายล่วงหน้า ลั่น!! ปฏิเสธการรักษาเพื่อยื้อชีวิตโดยไม่จำเป็น

(9 ก.พ. 67) เพจเฟซบุ๊กทะลุวัง เผยแพร่ภาพเอกสาร พร้อมระบุข้อความว่า…

“ข้าพเจ้านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม อายุ 28 ปี 6 เดือน ขอแสดงเจตนาบริจาคร่างกายของข้าฯ และขอแสดงเจตนาไม่ประสงค์รับบริการสาธารณสุขเพื่อยื้อชีวิตไว้โดยไม่จำเป็นและเป็นการสูญเปล่า พร้อมติดแฮชแทก #ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม #ยกเลิก112 #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”

สำหรับเนื้อหาในหนังสือที่บุ้ง ทะลุวัง แจ้งแสดงเจตนาขอบริจาคร่างกายให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยตอนท้ายของหนังสือ บุ้งระบุว่า

“คุณความดีใดที่ได้จากการอุทิศร่างกายในครั้งนี้ ขอส่งให้กับประชาชนที่ยากลำบากทุกคนและขอให้ไม่มีความเหลื่อมล้ำในประเทศ”

ส่วนหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข บุ้ง ทะลุวัง ระบุตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าทำไปเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิมีรูปกระบวนการยุติธรรมของผู้พิพากษาและศาลในประเทศไทย”

ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็น บางคนก็ยกย่อง บางคนก็บอกว่า

-ขอให้สมความมุ่งมารถปรารถนานะคะ อย่าให้อิชั้นเห็นนอนบนรถเข็นแล้วส่งต่อ รักษาที่ รพ.มธ.เหมือนรอบที่แล้วอีกนะคะ แบบนั้นมันผิดเจตนารมณ์นะคะ พรี่บรุ้ง

-ยังมีแรงลงชื่อหลังจากอดน้ำมานานหลายวัน นับถือจริง ๆ

‘อ.พงษ์ภาณุ’ กระตุ้นสูตรความยิ่งใหญ่กีฬาไทย อาจต้องใช้เงินภาคเอกชน ‘อุดหนุน-พาสู่ฝัน’

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'กีฬาไทย ต้องเป็นมืออาชีพและใช้เงินภาคเอกชน' เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า…

ปี 2567 จะเป็นปีที่วงการกีฬาโลกและกีฬาไทยมีความคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะมีมหกรรมกีฬาโอลิมปิค 2024 ที่กรุงปารีส (Paris Olympics) ฟุตบอลยูโร 2024 การแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 58 ที่ Las Vegas อาทิตย์นี้การเข้ามามีบทบทบาทในเวทีกีฬาโลกของซาอุดีอาระเบีย

ในขณะที่วงการฟุตบอลของไทยก็ได้นายกสมาคมคนใหม่ (มาดามแป้ง) มารับภาระในการพัฒนากีฬาฟุตบอล ซึ่งกำลังตกต่ำเป็นประวัติการณ์

น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่วงการกีฬาไทยจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์และความสำเร็จของประเทศอื่น วันนี้ต้องยอมรับว่ากีฬาไทยไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรการเงิน โดยเฉพาะเงินจากภาครัฐอีกต่อไป เมื่อปี 2558 รัฐบาลได้จัดสรรเงินภาษีบาป (ภาษีสุราและยาสูบ) ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท อย่างต่อเนื่องมาเข้ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ทำให้มีเงินเพียงพอที่จะสามารถจัดเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาต่าง ๆ อย่างพอเพียง

แต่จนแล้วจนรอดวงการกีฬาไทยก็ยังไม่พัฒนาไปถึงไหน ผลงานนักกีฬาไทยในเวทีระดับโลกและระดับภูมิภาคยังไม่เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่ารัฐบาลจะใส่เงินลงไปค่อนข้างมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคแต่ผลงานก็ยังสู้ไม่ได้แม้แต่ประเทศเวียดนาม ซึ่งใช้งบประมาณน้อยกว่ามาก กีฬาไทยยังพึ่งงบประมาณภาครัฐเป็นหลัก และแม้ว่าจะได้รับเงินจากภาษีอากรมาค่อนข้างมาก แต่การใช้เงินขาดประสิทธิภาพ เงินงบประมาณส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเดินทางไปต่างประเทศของนักกีฬาและบุคคลติดสอยห้อยตามเป็นจำนวนมาก การใช้เงินของสมาคมกีฬาขาดความโปร่งใสและไม่มีการตรวจสอบ กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติไม่มีประสิทธิภาพในการอนุมัติและบริหารการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งสะท้อนจากการร้องเรียนของสมาคมกีฬาเป็นระยะ ๆ

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว กีฬากลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถสร้างรายได้มหาศาล และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาภาครัฐและเป็นภาระต่อผู้เสียภาษี กีฬาอาชีพหลายชนิด อาทิเช่น ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล กอล์ฟ เป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าธุรกิจบันเทิงอื่น และหลังจากซาอุดีอาระเบียเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เงินจากปิโตรเลียมได้มีส่วนกระตุ้นให้ทีม/สโมสร และผู้เล่นมีรายได้และค่าตอบแทนสูงขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งในรูปของค่าสิทธิประโยชน์ (Sponsorships) ค่าสิทธิในการถ่ายทอด (Broadcasting Rights) และค่าตัวนักกีฬา

สมาคมฟุตบอลไทยในอดีตประสบความสําเร็จเป็นอย่างสูง เรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมพัฒนาฟุตบอลไทย คงจะไม่ยุติธรรมนักถ้าจะไม่เอ่ยชื่อคุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม และบริษัทโตโยต้าประเทศไทย ฟุตบอลไทยได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างขนานใหญ่จากในอดีตที่เป็นแค่ทีมในสังกัดองค์กรมาเป็นสโมสรที่เป็นนิติบุคคล ไทยลีกได้พัฒนาเป็นลีกฟุตบอลชั้นนำของเอเชียไม่แพ้ J League ของญี่ปุ่น รายได้จากการประมูลสิทธิการถ่ายทอดเกมส์ฟุตบอลของไทยลีกมีจำนวนสูงถึงปีละกว่าพันล้านบาท การท่องเที่ยวเชิงกีฬาสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการเดินทางติดตามเชียร์ของแฟนคลับ

แทบไม่น่าเชื่อว่าความสำเร็จเหล่านี้ได้หายไปจากวงการกีฬาไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามานี้ วันนี้จำเป็นต้องสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนเพื่อสร้างกีฬาไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ และโดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ภายใต้นายกสมาคมคนใหม่ ที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำหลักการและบทเรียนที่ในอดีตกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อให้ความฝันบอลไทยได้ไปบอลโลก กลายเป็นความจริงเสียที

ฤกษ์ดี!! 'สุวัจน์' เปิดบ้านเนื่องในวันเกิดครบ 69 ปี 'นักการเมือง-ภาคธุรกิจ-วงการกีฬา' เข้าอวยพรแน่น

(9 ก.พ. 67) ที่บ้านถนนราชวิถี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดบ้านเลขที่ 333 ราชวิถี จัดพิธีสงฆ์และเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบ 69 ปี 9 ก.พ.67 

โดยในช่วงเช้าสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรรมการเถรสมาคม เป็นประธานในพิธีสงฆ์ ซึ่งมีครอบครัว และบุคคลในวงการการเมือง และภาคธุรกิจ เข้าร่วมอวยพร พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ และผลไม้โดยเฉพาะส้ม ซึ่งวันนี้เป็นวันตรุษจีนด้วย 

นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองที่เดินทางมาอวยพรนายสุวัจน์มากมาย อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ, พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช และพล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกวุฒิสภา, นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายชาญกฤช เดชวิทักษ์, นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขานายกรัฐมนตรี, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึงยังมี สส. อดีต สส.กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคชาติพัฒนา และพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

สมุทรปราการ-“ดร.ยงยุทธ” จับมือนายก”อรัญญา” มอบความสุขวันตรุษจีน แจกอั่งเปาให้นักเรียน PWS กว่า 1,000 คน

ที่ภายในโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา 

ส่งมอบความสุขเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีน ประจำปี 2567 ด้วยการมอบอั่งเปาให้กับน้องๆ หนูๆ นักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา 

โดยได้มอบอั่งเปาให้กับนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา - ชั้นมัธยมศึกษา จำนวนกว่า 1,000 คน เพื่อมอบเป็นของขวัญเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีน ประจำปี 2567 

ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย และตระหนักเห็นถึงความสำคัญของเยาวชน รวมถึงให้กำลังใจนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษาในทุกระดับชั้นให้มีความมุ่งมั่น ตั้งไจเรียนเพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีที่มีคุณภาพและพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ญี่ปุ่น’ พบน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี 5.5 ตัน รั่วไหลจาก ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ’

(9 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นเปิดเผยการพบน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีรั่วไหลจากอุปกรณ์ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ ปริมาณรวม 5.5 ตัน

รายงานข่าวดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ คอมปานี (TEPCO) ระบุว่าคนงานพบน้ำรั่วไหลออกจากอุปกรณ์ที่ใช้กรองน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์ระหว่างตรวจสอบอุปกรณ์ ตอนราว 08.53 น. ของวันพุธ (7 ก.พ. 67) ตามเวลาท้องถิ่น 

TEPCO เป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้า โดยประเมินว่าน้ำที่รั่วไหลมีปริมาณ 5.5 ตัน น้ำปนเปื้อนอาจมีสารกัมมันตรังสี เช่น ซีเซียมและสตรอนเชียม อยู่ราว 2.2 หมื่นล้านเบ็กเคอเรล

ทั้งนี้น้ำที่รั่วไหลออกมาทั้งหมดได้แทรกซึมลงสู่พื้นดิน แต่ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของระดับกัมมันตรังสีในช่องทางระบายน้ำใกล้เคียง ส่วนเทปโกได้ปิดพื้นที่ที่น้ำรั่วไหลเป็นพื้นที่ห้ามเข้าแล้ว

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เคยเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 9.0 ตามมาตราแมกนิจูด และสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2011 ประสบเหตุแกนหลักหลอมละลายและปล่อยกัมมันตรังสีออกมาจนถือเป็นอุบัติเหตุนิวเคลียร์ ระดับ 7 ซึ่งสูงสุดในมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES)

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะได้ผลิตน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีปริมาณมหาศาลจากการหล่อเย็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในอาคารเตาปฏิกรณ์ ซึ่งปัจจุบันถูกกักเก็บอยู่ในถังที่โรงไฟฟ้าฯ

ญี่ปุ่นเริ่มต้นปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 แม้มีกระแสคัดค้านต่อเนื่องมากมายจากรัฐบาลและชุมชนต่าง ๆ หน่วยงานสิ่งแวดล้อม เอ็นจีโอ และกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาคแปซิฟิก

สตม.รวบหนุ่มรัสเซีย หนีหมายจับรัสเซีย คดียาเสพติด แอบกบดานในไทยจน OVERSTAY กว่า 10 ปี

ตม.จว.ชลบุรี จับกุม MR.MIK (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

เมื่อประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2566 ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซีย มีพฤติการณ์น่าสงสัย ซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.MIK (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) โดย MR.MIK มักจะไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จว.ภูเก็ต และ จว.ชลบุรี นอกจากนี้ยังพบว่า MR.MIK เป็นบุคคลตามหมายจับที่ทางการรัสเซียต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INRETPOL Red Notice) ตม.จว.ชลบุรี จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวน ติดตามจับกุม MR.MIK 

จนกระทั่งสืบทราบว่า MR.MIK ได้เดินทางเข้ามากบดานอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ  อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ไปวางแผนจับกุม จนกระทั่งได้พบ MR.MIK ในบริเวณหน้าบ้านใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้แจ้งข้อหา "เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (2,971 วัน) และจับกุมนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย  สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

'นักเขียน' แชร์!! โดนคนอ่านด่าว่า 'เขียนคำผิด' ทั้งที่คนด่าไม่รู้คำศัพท์ สะท้อน!! คลังศัพท์ของคนยุคนี้เข้าขั้นวิกฤต แถมไม่ใฝ่ความถูกก่อนติ

(9 ก.พ.67) กลายเป็นไวรัลขึ้นมาทันที หลังจากมีกรณีสาวรายหนึ่งได้แชร์คอมเมนต์จากนักอ่านที่มาคอมเมนต์ในนิยายของเธอว่า..."แก้คำผิดหน่อยนะคะ มันคือ 'ประกอบ' ค่ะ ไม่ใช่ 'กอปร' คนละคำเลยนะคะ ไม่เคยเห็นคำนี้ด้วย ไม่รู้ว่าไม่ได้ตรวจสอบดูก่อนหรอ เห็นผิดหลายจุดมาก เนื้อเรื่องกำลังสนุก พอมีคำผิดนี่อ่านแล้วหงุดหงิดค่ะ"

ทั้งนี้ โพสต์ของเธอมีคนชมในแพลตฟอร์ม X กว่า 5.6 ล้านครั้ง และถูกแชร์ไปยังโซเชียลอื่นๆ มากมาย ซึ่งคอมเมนต์จากหลายคนไม่ได้แปลกใจที่นักอ่านไม่รู้คำศัพท์ แต่แปลกใจที่ไม่หาข้อมูลก่อนต่อว่าคนอื่นมากกว่า เช่น มีผู้คอมเมนต์คนหนึ่งเข้ามาแชร์ว่า "ตัวเองก็ไม่รู้จักคำว่า กอปร เหมือนกัน แต่พออ่านเจอก็ไปหาข้อมูล หาความหมายจนได้รู้ว่าแปลว่าอะไร"

ส่วนบางคนที่เป็นนักเขียนเหมือนกัน ก็เข้ามาแชร์ประสบการณ์พีกๆ จากคนอ่านในลักษณะที่คล้ายๆ กันด้วย เช่น...

'ทว่า' คิดว่าเราสะกดผิดจาก 'ว่า'

'แก้มตอบ' ไม่เข้าใจ แก้มมันจะพูดตอบได้ยังไง!!

'กัน' คิดว่าพิมพ์ผิดมาจาก 'ฉัน' ซึ่งจริงๆ 'กัน' เป็นภาษาเก่าแปลว่าฉันนี่แหละ

'ถ้าจะไม่มีรอยย่นต้องเกิดเป็นงู' = ไล่ให้ไปเป็นงูจริงๆ

'เชค' เป็นชื่อประเทศ ไม่ได้ไล่ให้ไป 'เช็กข้อมูล' เป็นต้น

อาจเรียกได้ว่า คลังคำศัพท์ ของคนไทยยุคปัจจุบัน เข้าข่ายขั้นวิกฤตแล้วจริงๆ เพียงแต่สมัยนี้ ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ต สามารถค้นหาความรู้ได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้ว หากไม่รู้ก็เพียงแค่หาข้อมูลก่อนเท่านั้นเอง

‘ผู้จัด’ ยัน!! ศึกดวลกำปั้น ‘บัวขาว VS ปาเกียว’ ไม่ได้ยกเลิก หลังสื่อนอกตีข่าว ย้ำ!! แฟนๆ ตามข้อมูลที่ Official เท่านั้น

(9 ก.พ.67) หลังจากสื่อต่างประเทศอย่าง เว็บไซต์ Beyondkick.com ได้เสนอข่าวว่า คู่มวยหยุดโลกระหว่าง ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ นักมวยไทยชื่อดัง กับ ‘แมนนี่ ปาเกียว’ อดีตแชมป์มวยโลก 8 รุ่นคนแรกและคนเดียวของโลกชาวฟิลิปปินส์ ในชื่อ ‘THE MATCH OF LEGEND: PACQUIAO VS BUAKAW’ ซึ่งกำหนดจัดการแข่งขันที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี วันที่ 20 เมษายนนี้ ได้ยกเลิกการชกแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (9 ก.พ.) ฝ่ายจัดการแข่งขันศึกดวลกำปั้นไฟต์หยุดโลก ‘The Match of Legend’ การแข่งขันชกมวยของสองนักชกในตำนาน ‘แมนนี่ ปาเกียว’ สุดยอดนักชกระดับโลกในตำนาน กับ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ออกมายืนยันว่า การแข่งขันแมตช์นี้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีการยกเลิกตามที่มีกระแสข่าวออกมา

ทางผู้จัด ขอยืนยันว่า ข่าวลือที่ถูกเผยแพร่ออกไปเกี่ยวกับ ‘The Match of Legends’ นั้นไม่เป็นความจริงและงานไม่ได้ถูกยกเลิกแต่อย่างใด ทางผู้จัดได้กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เราเข้าใจดีว่าการแข่งขันในครั้งนี้เป็นที่จับตามอง และแฟน ๆ ให้ความสนใจอย่างมาก และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจคู่มวยในตำนาน แต่อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านติดตามข่าวจากช่องทาง official ที่เพจของเราเท่านั้น เพื่อให้ทุกท่านได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องตรงกัน

โปรดติดตามประกาศผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการและหน้าโซเชียลมีเดียของเราสำหรับการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘The Match of Legend’ ทางผู้จัดขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top