Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

‘เกาะล้าน’ เกิดปรากฏการณ์ ‘แพลงก์ตอนบลูม’ อีกครั้ง น้ำทะเลเริ่มเป็นสีเขียว แต่นักท่องเที่ยวยังคงเล่นน้ำตามปกติ

(20 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศชายหาดเกาะล้าน เมืองพัทยา ในวันนี้พบว่าน้ำทะเลเริ่มเป็นสีเขียวอีกแล้ว หลังเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่หาดตาแหวนและหาดตายาย ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเขียวมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นน้ำทะเลเกาะล้านเกิดเป็นทะเลเขียวประมาณ 3-4 วัน โดยในวันนี้พบว่าที่เกาะล้านเริ่มมีน้ำทะเลเขียวอีก แต่นักท่องเที่ยวก็ยังเล่นน้ำตามปกติ

สำหรับน้ำทะเลเขียวนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า แพลงก์ตอนบลูม จึงทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติ ซึ่งปีหนึ่งจะเกิดขึ้น 2-3 วัน ในช่วงต้นฤดูฝน อาจทำให้น้ำทะเลเป็นสีเขียว เพราะมีน้ำจืดไหลลงทะเล จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยถือว่าไม่เป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตามปกติ

‘เมียนมา’ จับชาวสวิสพร้อมพวก 13 คน ฐานสร้างภาพยนตร์ดูหมิ่นพุทธศาสนา

(20 ส.ค. 66) หนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์ สื่อเมียนมารายงานว่า ดิดิเยร์ นุสเบาเมอร์ วัย 52 ปีพลเมืองสวิส ถูกทางการจับกุม เนื่องจากสร้างภาพยนตร์ที่ดูหมิ่นพุทธศาสนา โดยนุสเบาเมอร์ถูกจับกุม พร้อมกับชาวเมียนมา 13 คน ซึ่งรวมถึงเด็กหญิงวัย 12 ปี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายละเอียดว่าพวกเขาถูกควบคุมตัวไว้ที่ใด

รายงานข่าวระบุว่า นุสเบาเมอร์ได้เขียนบท ถ่ายทำ และตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง ‘Don’t Expect Anything’ ซึ่งมีความยาว 75 นาที โพสต์บนยูทูบ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม และยังมีคลิปสั้นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียทั้งติ๊กต็อกและเฟซบุ๊ก ซึ่งเรียกเสียงตำหนิจากกลุ่มชาวพุทธชาตินิยมในเมียนมา

หนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์รายงานว่า แม้ผู้แสดงหลักในภาพยนตร์ดังกล่าวจะเป็นชาวพุทธ แต่พวกเขาก็ประพฤติตนไม่เหมาะสม ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีและศีลธรรมของพระผ่านท่าทางและบทสนทนา

ทั้งนี้ การดูหมิ่นพุทธศาสนาถือเป็นความผิดที่มีโทษตามกฎหมายในเมียนมา ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ขณะที่ลัทธิชาตินิยมทางศาสนาได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยชาวเมียนมาราว 90% นับถือศาสนาพุทธ

นุสเบาเมอร์ ไม่ใช่ชาวต่างชาติคนแรกที่ถูกควบคุมตัวในเมียนมาในข้อหาดูหมิ่นพุทธศาสนา ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม 2558 พลเมืองนิวซีแลนด์คนหนึ่ง ถูกจับพร้อมชาวเมียนมา 2 คน และถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่ง และใช้แรงงานหนักฐานดูหมิ่นพุทธศาสนาในโฆษณาออนไลน์

ขณะที่ในเดือนตุลาคม 2559 นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ถูกจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน และให้ทำงานหนักจากข้อหาหมิ่นศาสนาพุทธ หลังถอดปลั๊กลำโพงที่พระสงฆ์ใช้ในการเทศน์ช่วงดึกในเมืองมัณฑะเลย์ โดยเขาถูกเนรเทศหลังรับโทษแล้ว และในปีเดียวกัน นักท่องเที่ยวสเปนถูกเนรเทศออกจากเมียนมาหลังพบว่ามีรอยสักรูปพระพุทธเจ้าที่ขาของเขา

‘แจ็คกี้’ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาช่อง 3 หลังอยู่มานาน 14 ปี พร้อมขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน ที่ให้โอกาสเป็นตัวเองในวันนี้

(20 ส.ค. 66) เรียกว่าถูกพูดถึงบนหน้าโซเชียลอยู่เสมอ สำหรับนักแสดงสาวอารมณ์ดี ‘แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์’ หรือที่หลายคนตั้งฉายาว่า ‘แม่น้องบอง’ แฟนละครช่องน้อยสีต่างคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี เพราะตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีมานี้ เธอมีผลงานละครออกมาให้ชม 20 กว่าเรื่องเลยทีเดียว แม้ว่าจะโด่งดังถึงขีดสุดในช่วงที่คนเรียกว่า แม่น้องบอง แฟนๆ ก็ยังหมั่นถามถึงผลงานละครของเจ้าตัวอยู่ตลอด

ล่าสุด ‘แจ็คกี้’ ได้ทำคลิปพาทัวร์ตึกมาลีนนท์ ในรายการ Lady Jackie EP122 พร้อมเปิดใจครั้งแรก ประเด็นที่ตนตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับช่อง 3 หลังจากอยู่บ้านหลังนี้มานานกว่า 14 ปี “วันนี้มีความลับมาบอก ใจหาย เพราะตามกระดาษคือหมดสัญญากับช่องแล้ว ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่อยู่กับที่นี่มา ทางช่องให้อะไรเราหลายๆ อย่าง เลยตัดสินใจมาถ่ายเพื่อเป็นการปัจฉิม ระลึกถึง และขอบคุณ ตั้งใจนำพวงมาลัยมาไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

ไม่ได้มาเป็นครั้งสุดท้ายนะ เรายังมีงานร่วมกัน ยังไปอ่านข่าว ยังมีละครอย่างต่อเนื่อง แค่รู้สึกหวิว เหมือนเราอยู่ด้วยสัญญากระดาษตลอด พอไม่มีก็เหมือนแอบไม่มีอะไรผูกมัด เอาจริงๆ อีพีนี้ยากที่สุด เจตนาทำคลิปนี้คืออยากมีความทรงจำเก็บไว้ในยูทูบของตัวเอง อยู่มา 14 ปีก็เหมือนบ้านของเราแล้ว พอออกมาก็ยังรู้สึกติดบ้านหลังนี้อยู่ ทำคลิปให้กลับมาดูว่าเราเกิดจากบ้านหลังนี้นะ

ครั้งแรกที่เข้ามาจาก อาปิ่น ณัฏฐนันท์ ค่ายทีวีซีนในเครือช่อง 3 เราก็จะมีความผูกพันกับช่อง ทุกครั้งที่ถ่ายละคร มีการโปรโมตต่างๆ ก็ต้องมาที่ช่องนี้ มันก็เป็นการตัดสินใจที่ยากและลำบาก ขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่องที่ดูแลเราดีมาตลอด จนถึงวันนี้ที่เราตัดสินใจกันว่าจะไม่ต่อสัญญา เขาก็น่ารักกับเรามาก เราตัดสินใจและพยายามร่วมกันอย่างดีที่สุด เมื่อผลออกมาแบบนี้ก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่ว่าออกมาคนเดียว แล้วผู้ใหญ่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย พี่ๆ หลายคนทำให้ฉันโตมาเป็นฉัน สอนฉันทุกเรื่อง และขอบคุณพี่ๆ พนักงานทุกคน เราอยู่กันแบบครอบครัวจริงๆ ขอบคุณทุกคนจากใจจริงค่ะ”

‘กรมควบคุมโรค’ ชี้!! ยอดผู้ป่วย ‘ฝีดาษวานร’ เริ่มพุ่ง พบเพศชายส่วนใหญ่ ผลพวงจากการมีเซ็กซ์ไม่ปลอดภัย พื้นที่น่าห่วงสุด!! ‘กทม.-นนท์-ชลบุรี’

(20 ส.ค. 66) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานร (Monkeypox) หรือชื่อใหม่ว่า Mpox ในประเทศไทย ว่า โรคฝีดาษวานร เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสโดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็ได้ เช่น ไปสัมผัสผิวหนังบริเวณที่เป็นตุ่มหนอง แล้วรับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังที่ขณะนั้นอาจจะมีผิวแตก หรือเป็นแผลก็ได้ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยถือว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยังมีความสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ติดเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว และสามารถแพร่ต่อได้

“ในช่วงแรก ประมาณเดือนกรกฎาคม 2565 - เมษายน 2566 จะเป็นต่างชาติจำนวนหนึ่ง แต่ในการติดเชื้อช่วงหลังๆ นี้ ผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยเกือบทั้งหมด (หรือเกือบ 100%) ส่วนต่างชาติที่ติดเชื้อช่วงหลังก็เป็นการมาติดเชื้อในประเทศไทย ไม่ใช่เป็นการนำเชื้อมาจากต่างประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปยังไม่ต้องกังวลมาก หากไม่มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง ประชาชนทั่วไปแทบไม่มีโอกาสติดเลย อย่างช่วง 2-3 เดือนหลังนี้ ไม่มีผู้หญิงติดเชื้อเลย มีแต่ผู้ชายที่มีความเสี่ยงทางเรื่องเพศ เพราะจากการสอบสวนโรคพบว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย” นพ.โสภณ กล่าว และว่าฝีดาษวานรนั้น พบในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 โดยระหว่างเดือนกรกฎาคม จนถึงเมษายน 2566 พบแค่ 20 กว่าราย แต่ต่อมาเดือนพฤษภาคม พบ 20 กว่าราย เดือนมิถุนายน พบเกือบ 50 ราย เดือนกรกฎาคม พบเป็นร้อยราย ส่วนเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าจะเป็นหลักร้อยรายเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยง คือ มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย มีคู่นอนที่ไม่รู้จัก เวลาไปในที่ที่ปิดไฟมิดๆ ให้มีกิจกรรมทางเพศต่อ” นพ.โสภณ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีผู้เสียชีวิตรายแรกในประเทศไทย ซึ่งมีรายงานว่าติดเชื้อฝีดาษวานร และมีการติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย เสียชีวิตด้วยเชื้อตัวไหน นพ.โสภณ กล่าวว่า คาดว่าจะเป็นสาเหตุร่วมกัน

“เพราะผู้เสียชีวิตรายนี้ไม่เคยรู้ตัวว่าติดเชื้อเอชไอวีมาก่อน เลยไม่เคยเข้ารับการตรวจรักษาเอชไอวีเลย เพิ่งมารู้ว่าติดเอชไอวีก็ตอนที่ติดเชื้อฝีดาษวานรแล้ว ดังนั้น ภูมิคุ้มกันจึงต่ำมาก เพราะปกติคนติดเชื้อเอชไอวี หากไม่ได้รับการรักษา เม็ดเลือดขาว ซีดี 4 จะน้อย ซึ่งรายที่เสียชีวิตนี้ พบว่ามีระดับซีดี 4 เหลือเพียง 16 เท่านั้น อีกทั้งยังมีโรคซิฟิลิสด้วย เมื่อติดเชื้อฝีดาษวานรเลยทำให้เกิดเชื้อรา ติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ ตามมา” นพ.โสภณ กล่าว

เมื่อถามว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรขณะนี้ ซึ่งมีจำนวนมากที่พบว่าติดเชื้อเอชไอวีอยู่ก่อนแล้ว กลุ่มนี้ได้รับการรักษาเอชไอวีอยู่แล้วหรือไม่ กรณีที่มีการรักษาอยู่ก่อน หากรับเชื้อฝีดาษวานร จะทำให้โรคฝีดาษวานรแสดงอาการอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รู้ตัวอยู่แล้ว และรับยาอยู่ แต่มีบางส่วนที่อาจจะไม่รู้ตัวว่าติดเอชไอวีมาก่อน ทำให้โรคฝีดาษวานร และการติดเชื้อเอชไอวีรุนแรงขึ้นจนเสียชีวิตเหมือนรายแรกที่เสียชีวิต ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาเอชไอวี เมื่อติดเชื้อฝีดาษวานร ภูมิคุ้มกันต่ำจะทำให้ติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ ได้ ทั้งนี้ กรณีที่ติดเชื้อเอชไอวี แล้วอยู่ในกระบวนการรักษา ได้รับยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ จะไม่มีความผิดปกติอะไรที่แตกต่างจากคนที่ไม่ติดเชื้อ คือ ภูมิคุ้มกันใกล้เคียงปกติ

เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า น่าเป็นห่วงในกลุ่มเสี่ยงที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง ไม่น่าห่วงมากนัก โดยพื้นที่ที่มีการติดเชื้อค่อนข้างมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมาก

“ดังนั้น ขอให้ลดพฤติกรรมเสี่ยง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เชื้อกำลังเพิ่ม ถ้าเราสามารถลดพฤติกรรมเสี่ยง ก็จะปลอดภัย แต่หากไปมีความเสี่ยงมาแล้ว ก็ให้ตรวจสอบตัวเองว่า มีผื่น หรือตุ่มบริเวณที่สัมผัสหรือไม่ ทั้งอวัยวะเพศ ปาก หน้าท้อง แผ่นอก ถ้าลุกลามเป็นตุ่มหนองมากขึ้น บางคนมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีต่อมน้ำเหลืองโต ให้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล สวมหน้ากากอนามัย เว้นการสัมผัสกับผู้อื่น ส่วนคนที่ไม่เป็นก็ขอให้ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น” นพ.โสภณ กล่าว

‘อุ๊งอิ๊ง’ คอนเฟิร์ม ‘ทักษิณ’ เตรียมกลับไทย 22 ส.ค.นี้ ยัน!! การกลับมาครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมือง-พรรคพท.

(20 ส.ค. 66) ที่ ม.กรุงเทพธนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการไปทำบุญที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าได้มีโอกาสทำบุญและอวยพรให้คุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) เดินทางกลับด้วยความราบรื่น และเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ติดภารกิจ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พอมีเวลาก็เลยอยากไปทำบุญ ซึ่งก็ได้ชวนพี่สาว สามีและเพื่อนสนิทไปทำบุญไหว้พระร่วมกัน ซึ่งก็รู้สึกสบายใจ

เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณถือเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้กับตัวเองที่มีอายุครบ 37 ปีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ปกติเวลาพูดคุยกันเองในครอบครัว พูดเสมอว่าถ้าพ่อกลับเมื่อไหร่ ก็ถือเป็นของขวัญของทุกคนในบ้าน และใกล้วันเกิดของตนเองก็ถือเป็นของขวัญวันเกิดด้วยแน่นอน

เมื่อถามต่อถึงข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ความปลอดภัยตนขอรวมไปถึงเรื่องการเดินทางมาถึงแล้ว รวมถึงเรื่องสุขภาพ ที่ตนอยากให้ท่านปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง เพราะเมื่อเดินทางมาถึงก็ยังไม่ได้เข้าบ้าน

เมื่อถามว่านักวิชาการมีการวิเคราะห์กันว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ถือเป็นตัวประกันทางการเมือง และมีการเชื่อมโยงไปถึงการโหวตแคนดิเดตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เข้าใจว่าคุณพ่อถูกแยกออกจากการเมืองได้ยาก แต่การกลับมาของคุณพ่อถือเป็นการกลับมาของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์กลับมาในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ผ่านมา 17 ปีแล้ว ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน ท่านก็จะพูดเสมอว่าหลาน 7 คนแล้วอยากกลับมาเลี้ยง นี่เป็นข้อแรกเสมอที่คุณพ่อพูดถึงการจะกลับมา ดังนั้นตนเข้าใจในบทบาทของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องเป็นตัวประกัน ท่านคิดว่ากลับมาแล้วปลอดภัย รอวันที่จะได้กลับมาอยู่กับลูกหลาน  

เมื่อถามว่ามีการพูดไปถึงว่าการกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้ จะถูกหลอกหรือเป็นเหยื่อทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ถามกลับทันทีว่า “ถูกใครหลอก จริงๆ แล้วคุณพ่อออกไป 17 ปีแล้ว ก็จะมีหลายข้อมูลที่ได้รับ ทั้งข้อมูลที่ผิดและข้อมูลที่ถูก ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว 17 ปี ผ่านอะไรมากันเยอะมาก ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของท่านเองไม่ได้มีใครหลอก หรือท่านก็ไม่ได้หลอกใคร ซึ่งการเดินทางกลับมาครั้งนี้เป็นการตกลงกันภายในครอบครัว ท่านถึงตัดสินใจกลับมา”

เมื่อถามว่ามีการประเมินว่าหากการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.ไม่ผ่าน อาจจะต้องมีการเสนอชื่อน.ส.แพทองธาร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท. ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นตัวประกันทางการเมือง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้มองการเมืองสร้างสรรค์ขึ้น การที่คุณพ่อกลับมาเป็นเรื่องของคุณพ่อกลับมา เพราะอยากกลับมาอยู่กับครอบครัว นี่คือเรื่องที่ชัดเจนมากๆ ส่วนเรื่องของการเมืองขอให้เป็นเรื่องการเมืองของพรรคพท. การกลับมาของคุณพ่อไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองหรือพรรคพท.และคดีของคุณพ่อต่างๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการโหวตนายกฯ ดังนั้นอยากให้แยก 2 เรื่องนี้ออกจากกันอย่างชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณเดินทางกลับในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันโหวตนายกฯ ไม่สามารถปฏิเสธความเชื่อมโยงนี้ได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ใช่ความเชื่อมโยงทางการเมืองใดๆ เลย เพราะวันที่ 22 ส.ค.นี้ คุณพ่อประกาศตกลงที่จะกลับมาก่อนที่จะมีการประกาศโหวตนายกฯ และส่วนตัวนับวันแล้วยังคิดว่าจะโหวตนายกฯวันที่ 18 ส.ค.นี้ ด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณพ่อบอกจะกลับมาวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันหยุด คุณพ่อก็เลยเปลี่ยน ซึ่งตนเองก็ได้ช่วยดูปฏิทินวันไหนฤกษ์ดี ก็คือวันที่ 10 ส.ค. ที่ประกาศไป แต่คุณพ่อต้องไปตรวจสุขภาพ แต่ละส่วนในร่างกาย ในแต่ละสถานที่กัน ฉะนั้นจึงทำให้เลยวันที่ 10 ส.ค.ไป จึงหาวันฤกษ์ดีวันใหม่ ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ทางครอบครัวรู้กันก่อนที่จะมีวันประกาศวันโหวตนายกฯ

เมื่อถามว่าการตรวจสุขภาพของคุณพ่อถือว่าตอนนี้โอเคแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คุณพ่อตรวจสุขภาพทุกปี บางครั้งก็มีปัญหาบ้าง ก็ต้องมีการฟอลโลว์อัพกัน ตอนนี้คุณพ่ออายุ 74 ปีแล้ว และความจริงท่านก็เป็นคนแข็งแรง อยู่ต่างประเทศท่านก็มีผ่าตัดเล็กน้อยบ้าง แต่พอตอนนี้อายุเข้า 74 ปีต้องตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าต้องมีการดูฤกษ์ยามในการเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็ต้องดูนิดนึง ดูไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี วันฤกษ์ดี ทุกคนก็อยากให้ทุกวันเป็นวันที่ดี

เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสจะเลื่อนเดินทางกลับอีกหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่มี ย้ำว่าวันที่ 22 ส.ค.นี้แน่นอน

เมื่อถามถึงดีลกับฝ่ายผู้มีอำนาจจบแล้วใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ดีลอะไร ดีลฝ่ายไหน ยืนยันว่าไม่ได้ดีลกับใครเลย”

เมื่อถามถึงขั้นตอนการเดินทางกลับที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า  คุณพ่อจะเดินทางกลับมาที่สนามบินดอนเมืองในเวลา 09.00 น. โดยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งครอบครัวมารอรับ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังจากนั้นจะต้องมาดูต่อว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ทั้งนี้จะไม่มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ซึ่งครอบครัวได้มีการดำเนินการอะไรไว้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องถามคุณพ่อก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าครอบครัวต้องเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อว่าจะให้ทำอย่างไร เดี๋ยวก็คงจะได้ทราบกัน

เมื่อถามว่ากระบวนการยุติธรรมล่าสุดที่มีการเปิดเผยจำนวนปีที่ต้องถูกจำคุกประมาณ 5 ปี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในเรื่องของคดีตนขอไม่ไปแตะ เพราะกลัวจะพูดข้อมูลไม่ตรงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไป เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวสั้นๆว่า “ยังค่ะ”

เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ซึ่งพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวยอมรับได้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธา กล่าวว่า “ยอมรับค่ะ ตนคิดว่ามันคือการตัดสินใจของคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อยอมรับได้ครอบครัวซัพพอร์ตเต็มที่แน่นอน” 

‘อุ๊งอิ๊ง’ มั่นใจ โหวต ‘เศรษฐา’ ชิงเก้าอี้นายกฯ 22 ส.ค.นี้ ผ่านฉลุย ลั่น!! หาก พท. จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ ปชช. เต็มที่

(20 ส.ค. 66) ที่ ม.กรุงเทพธนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกฯ คนที่ 30 ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า พรรคเพื่อไทย พยายามเต็มที่ ซึ่งมีมติเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยยืนยันว่าเรามั่นใจและอยากตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใช้นโยบายพรรคแก้ปัญหาให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าหากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยโหวตไม่ผ่าน ก็จะมาถึงคิวของ น.ส.แพทองธาร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้โฟกัสที่นายเศรษฐาก่อน อย่าเพิ่งโฟกัสที่ตนเอง เพราะหากเราโฟกัสหลายจุด มันก็จะไม่มั่นคง ดังนั้นเราทำเต็มที่เสนอชื่อนายเศรษฐา และหวังว่าจะสำเร็จ และตั้งรัฐบาลให้กับประชาชนได้

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการโหวตนายกฯ จะม้วนเดียวจบภายในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ก็หวังเป็นอย่างยิ่งค่ะ”

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในการหาเสียงก่อนหน้านี้ ทั้งของนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร  และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง แต่วันนี้กลายเป็นกระแสโจมตีพรรคเพื่อไทยหนักมาก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอพูดตรงๆ เลยว่าอย่างวันนั้นที่เขาบอกว่าเราไม่ชัดเจน เราหาเสียงและพยายามทำโพลทุกอย่าง เพื่อเราอยากได้แลนด์สไลด์ แต่เราทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ ดังนั้นที่ยังไม่ชัดเจนเพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีเรื่องของสว.อยู่ ซึ่งเราเคยผ่านมาก่อนคือชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นเราทราบดีว่าการไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลมันสามารถเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นบางคนอาจจะมีความชัดเจนหรือไม่ชัดเจนในบางที แต่เรามีความตั้งใจ แล้ววันนี้เมื่อไม่เป็นอย่างที่เราคิด มันไม่เป็นไปตามที่เราแพลนไว้ เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ประเทศชาติไปต่อ แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยมีต้นทุนที่จะต้องจ่าย นั่นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เราขอน้อมรับและก็ต้องขอโทษที่ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ แต่หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เราทำเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่มีอยู่มากมาย และเราก็จะก้าวข้ามผ่านสนามอารมณ์นี้ไปให้ได้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยการเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามว่าปฎิเสธไม่ได้ว่ามีข้อกังขากับตัวของนายเศรษฐา ได้มีแผนสำรองอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราเช็กตามข้อกฎหมายทุกอย่าง ถ้าเราจะดูตามเสียงของคนที่พูดว่าผิดอย่างนั้นอย่างนี้ โดยหลักฐานมันไม่มี ซึ่งหลักฐานที่นายเศรษฐาเอามาเปิดเผยก็ชัดเจน ดังนั้นจะต้องมีหลักฐาน ซึ่ง บ.แสนสิริ ก็เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าสามารถตรวจสอบได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทั้งนี้ตนอยากให้ฟังข้อมูลเป็นตัวสำคัญในการตัดสินใจ

เมื่อถามอีกว่าน.ส.แพทองธารสนใจตำแหน่งรัฐมนตรีหรือทำงานในพรรคมากกว่า น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้เน้นทำงานพรรค เห็นสื่อต่างๆ มอบตำแหน่งให้ตนหลายตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งรองนายกฯ และตำแหน่งรัฐมนตรี รู้สึกดีใจมากก็ต้องขอขอบคุณ 

‘หวังอี้’ เผย 'จีน' เล็งขยายความร่วมมือกับ 'ไทย' หลายด้าน เชื่อเสถียรภาพไทย แม้สถานการณ์ภายในจะมีการเปลี่ยนแปลง

(20 ส.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.66) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้พบปะกับดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่งเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน

หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศหรือสถานการณ์ภายในประเทศของไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าไทยจะยังคงมีเสถียรภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน

จีนพร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ กับไทยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สนับสนุนการเร่งสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และเส้นทางเชื่อมทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย และร่วมพยายามปราบปรามกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

นอกจากนั้น หวัง กล่าวถึงความพร้อมของจีนที่จะสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน สนับสนุนความเป็นกลางของอาเซียน และสนับสนุนความพยายามร่วมกันสร้างศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันจีนพร้อมทำงานร่วมกับกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อเร่งการปรึกษาหารือเกี่ยวกับประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ พยายามกำหนดกฎเกณฑ์ระดับภูมิภาคอันมีประสิทธิภาพและแก่นสารตั้งแต่ระยะแรก และสร้างทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ

หวัง ชี้ว่ากลุ่มประเทศในภูมิภาคควรป้องกันกองกำลังนอกภูมิภาคมายั่วยุการเผชิญหน้าแบบแบ่งพรรคแบ่งพวกและกระตุ้นความคิดเกี่ยวกับสงครามเย็น ซึ่งจะบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพอันได้มาอย่างยากยิ่ง

ด้าน นายดอน กล่าวว่า ไทยยินดีเสริมสร้างการเสวนาหารือและการแลกเปลี่ยนกับจีน ส่งเสริมความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสนับสนุนการเชื่อมต่อทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย และทำงานเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ภายใต้สถานการณ์ระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนในภูมิภาคในปัจจุบัน

โรงพยาบาลพญาไท 3 จับมือสานสัมพันธ์คณะผู้บริหารภาครัฐและเอกชนจากประเทศเคนย่า

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาโรงพยาบาลพญาไท3 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะผู้บริหารของภาครัฐและเอกชน จากประเทศเคนย่า โดยได้สถานทูตไทยในเคนย่าเป็นตัวแทนในการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีในครั้งนี้ ทั้งนี้โรงพยาบาลพญาไท3เข้าให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น นำทีมโดยท่านผู้บริหาร นายแพทย์สุรพล  โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท3 ร่วมด้วย คุณณัฐชานันท์ นิธิโชติวรภัทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลพญาไท3 พร้อมด้วยทีมแพทย์ ทีมพยาบาล และทีมฝ่ายการตลาดต่างประเทศ เข้าให้การต้อนรับในครั้งนี้ 

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน และหัวหน้าศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม PWA รพ.พญาไท 3  เข้าร่วมพูดคุยถึง highlight & Innovative products ภาพรวมทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพญาไท3 ซึ่งศูนย์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งจากคณะผู้เยี่ยมเยือนมากที่สุดคือ คลินิกผู้มีบุตรยาก และ  Preventive Medicine  โดยมีการเจาะประเด็นหารือลงลึกเพื่อสานต่อความร่วมมือทางการแพทย์ร่วมกันต่อไป

สกพอ. ขยายเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ต่อเนื่อง พร้อมเสริมบทบาทสตรีเชื่อมโยงประโยชน์การพัฒนา อีอีซี สู่ชุมชนในทุกมิติ

​ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เป็นประธานกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน และเฝ้าระวังการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามแผนผัง อีอีซี หรือ พลังสตรี อีอีซี พร้อมบรรยายความคืบหน้า อีอีซี และมอบแนวทางเกี่ยวกับบทบาทพลังสตรี อีอีซี เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจชุมชน โดยมีนางสาวฉัตรประอร นิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและมอบทิศทางการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อรองรับการพัฒนา อีอีซี และนางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการสายงานพื้นที่และชุมชนและสายงานเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร อีอีซี เป็นประธานมอบเกียตริบัตรแก่เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนประมาณ 200 คน 
ณ โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท จังหวัดฉะเชิงเทรา 

​ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า อีอีซี ได้ดำเนินการพลังสตรี อีอีซี ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้กลุ่มสตรีใน อีอีซี มีส่วนร่วมและเป็นกลไกสำคัญในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ อีอีซี และร่วมเป็นพลังเครือข่ายในการดูแลและเฝ้าระวังการใช้ประโยชน์ที่ดินใน อีอีซี ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน อีอีซี และการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยมีพลังสตรี อีอีซี ใน 3 จังหวัด ประมาณ 600 คน สำหรับในปีนี้มีเป้าหมายขยายเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้นครอบคลุมทุกตำบล และเพิ่มบทบาทให้พลังสตรี อีอีซี เป็นกลไกหลักของ อีอีซี ในการเชื่อมโยงประโยชน์ของการพัฒนา อีอีซี ไปสู่ประชาชน และชุมชนในพื้นที่ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ สินค้าชุมชน ท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและการกระจายรายได้ การยกระดับชุมชนไปสู่ชุมชน Low Carbon เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นต้น  

​ด้านนางสาวฉัตรประอร นิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดแรกของ อีอีซี ที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายให้เป็นเมืองน่าอยู่ รองรับการขยายตัวจากกรุงเทพ โดยจังหวัดได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาระยะ 5 ปี (2566-2570) ต้องการเป็น “เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน พัฒนาสู่เมืองอัจฉริยะ” ต้องการพัฒนาจังหวัดให้มีความเจริญ แต่ต้องควบคู่กับการสร้างความสมดุลของพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ตั้งเป้าหมายเปลี่ยนจากเมืองผ่าน ให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวและผู้ที่จะมาอยู่อาศัย เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่อย่างยั่งยืนเนื่องจากฉะเชิงเทรามีศักยภาพ 

นอกจากนี้ นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการฯ ได้เน้นย้ำบทบาทของพลังสตรี อีอีซี ว่าเป็นพลังสำคัญในการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องและความคืบหน้า อีอีซี ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการพัฒนา เป็นพลังในการเฝ้าระวังติดตามไม่ให้มีการใช้ที่ดินผิดจากข้อกำหนดในแผนผัง อีอีซี และดูแลสิ่งแวดล้อม โดย อีอีซี จะดึงเครือข่ายความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ มาสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชน และขอให้ชุมชนที่มีความเข้มแข็งสนับสนุนชุมชนที่เป็นต้นน้ำเพื่อให้เติบโตไปด้วยกัน โดยหลังจากนี้ประธานเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ทั้ง 3 จังหวัด จะนำประโยชน์ที่ได้จากการประชุมฯ ไปจัดกิจกรรมขยายเครือข่ายในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้โครงการที่ตรงกับความต้องการและศักยภาพของพื้นที่ต่อไป  

​การประชุมฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 สิงหาคม 2566 โดยมีวิทยากรจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ให้ความรู้เกี่ยวกับแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน อีอีซี และความคืบหน้าการจัดทำผังเมืองรวมระดับอำเภอ และวิทยากรจากองค์การบริการจัดการก๊าซเรือนกระจก ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการ Carbon Credit เพื่อใช้เป็นแนวทางในการโครงการชุมชน Low Carbon รวมถึงจัด Workshop การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การสร้าง Brand และแนวทางการขยายตลาด รวมถึงการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนใน อีอีซี ที่ประสบความสำเร็จ เช่น ซอสทัย ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา

มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดพิธีสมโภชและพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ หลวงพ่อโสธร รุ่น “ตร. 108 ปี” เสริมสร้างสิริมงคลแก่ตำรวจทั่วประเทศ

ด้วยมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้จัดสร้างและมอบพระพุทธรูป หลวงพ่อโสธร รุ่น “ตร 108 ปี” หน้าตักขนาด 38 นิ้ว ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประจำอาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ เรียบร้อยแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพิธีพุทธาภิเษก และพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรดังกล่าวขึ้นประดิษฐาน ณ หอพระหลวงพ่อโสธร เพื่อให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนและกราบบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลสืบต่อไป

พล.ต.ท.อาชยน  ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ (20 ส.ค.66) เวลา 09.09 น. เป็นต้นไป พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้าราชการตำรวจ สมาคมแม่บ้านตำรวจ และมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ  ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชและพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร รุ่น “ตร.108 ปี” หน้าตัก 38 นิ้ว ซึ่งได้อัญเชิญมาประดิษฐานยังหอพระหลวงพ่อโสธร หน้าอาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการนี้ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) ได้เมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 

สำหรับ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชและพุทธาภิเษกครั้งนี้ ถือเป็นพิธีมงคลครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งภายในพิธี ฯ ได้นิมนต์พระเถราจารย์จากทั่วประเทศ จำนวน 108 รูป ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ และพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร, พระกริ่งหลวงพ่อโสธร และเหรียญรูปอาร์ม พระพุทธโสธร รุ่น “ตร.108 ปี”  ซึ่งมีรายละเอียดการจัดงาน ดังนี้

•เวลา 09.00 น. แขกผู้มีเกียรติพร้อม ณ มณฑลพิธีลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4
•เวลา 09.09 น. ผบ.ตร.เป็นประธานพิธีบวงสรวงเทพยดาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ มณฑลพิธีลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4
•เวลา 10.09 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร รุ่น ตร.108 ปี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมนี วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นพระธานสงฆ์ ณ มลฑลพิธีห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
•เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล/ รับประทานอาหารกลางวัน
•เวลา 13.15 น. พิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร รุ่น ตร.108 ปี 
โดยพระเถราจารย์ 108 รูป ณ มลฑลพิธีด้านหน้าอาคาร อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
•เวลา 17.00 น. พิธีอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร รุ่น ตร.108 ปี ประดิษฐาน ณ หอพระหลวงพ่อโสธร หน้าอาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
•เวลา 17.30 น. เสร็จพิธี

พระพุทธโสธร รุ่น “ตร. 108 ปี” มีวัตถุประสงค์จัดสร้างขึ้นเพื่อจัดหารายได้มอบให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจและครอบครัว และสมาคมตำรวจ เพื่อใช้เป็นเงินสนับสนุนในการช่วยเหลือ และเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งในปี 2566 เป็นปีประวัติศาสตร์ครบรอบ 108 ปี กรมตำรวจ ซึ่งตัวเลข 108 มีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคลาภและสิริมงคล โดยในทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่าจะทำให้เกิดสัมฤทธิ์ผล  108 คือ ผลรวมของพระพุทธคุณ (56) พระธรรมคุณ (38) และพระสังฆคุณ (14) จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่นว่า “ตร. 108 ปี” และมี “รูปพระแสงดาบเขนและโล่” ประกอบแบบพิมพ์ ทั้งนี้ สำหรับเหรียญรูปอาร์มพระพุทธโสธรเนื้อทองแดง จะได้มีการแจกจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจทุกนายทั่วประเทศ เพื่อเป็นสิริมงคล และเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top