Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ สาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก คว้าตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2023

(21 ส.ค. 66) ในที่สุด MUT 31 ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้คว้ามงกุฎ Miss Universe Thailand 2023 และสำหรับรางวัลที่ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ จะได้รับคือ คอนโดมิเนียมหรู ตกแต่งพร้อมอยู่ที่โครงการ Modiz Rhyme Ramkhamhaeng มูลค่า 3.75 ล้านบาท และได้เป็นตัวแทนสาวงามไปชิงมงกุฏ  Miss Universe 2023 ณ ประเทศเอลซัลวาดอร์

‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ เป็นหนึ่งในนางงามตัวเต็งที่เคยได้รับตำแหน่ง Miss Supranational 2 ปีซ้อน คือ 2019-2020 ปัจจุบัน แอนโทเนีย เป็นสาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก อายุ 26 ปี

จบการศึกษาในหลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการตลาดและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด เคยเป็นผู้เข้าแข่งขันรายการ The Face Thailand Season 1 ผ่านเข้ารอบ 15 คน หลังจากนั้นเธอก็หันหน้าสู่เส้นทางนางงาม โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ได้สวมมงกุฎ Miss Supranational

ซึ่ง ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ เคยให้สัมภาษณ์ว่า การมาประกวด MUT 2023 ในครั้งนี้ เธอยืนยันว่าไม่มีการล็อกมง เริ่มทุกอย่างจากศูนย์ และแบกรับความคาดหวังเอาไว้มากมาย แต่ก็มาด้วยความพร้อมเต็มเปี่ยม

‘เต้น ณัฐวุฒิ’ ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลัง ‘เพื่อไทย’ ดึงพรรค 2 ลุงร่วมจัดตั้งรัฐบาล

(21 ส.ค. 66) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ ‘คุยนอกจอ’ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หลังจากโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุ ว่า “ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้า มาถึงแล้ว”

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนยุติบทบาทผู้อำนวยการครัวเพื่อไทย (พท.) เรื่องนี้ได้บอกกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม เมื่อสถานการณ์อาจจะมีแนวโน้มว่าจะมีการจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล ด้วยความเข้าใจ พท. ไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้มีอะไรขัดข้องหมองใจกัน ตนได้บอกผู้หลักผู้ใหญ่ภายในวันนั้นว่า ถ้ามันถึงจุดนั้น ตนก็คงจะอยู่ในพรรคไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ก็เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ตนได้ติดต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ว่าจะอยู่ในพรรค หรืออยู่ในกระบวนการของรัฐบาลไม่ได้ นอกจากนี้ ได้บอก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บอกผู้หลักผู้ใหญ่ บอกทุกคนในพรรค

“ผมได้โทรเรียนท่านนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร) ด้วย เพราะว่าท่านเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ และท่านเป็นคนที่ก่อตั้งพรรคการเมืองนี้ พร้อมกับเรียนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ด้วย ก็บอกทุกคนไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน เพียงแต่ผมรอเวลาให้พรรคการเมืองที่ผมรัก ให้บุคคลการเมืองที่ผมรัก เดินมาอยู่ในจุดที่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้กำลังยากลำบากนัก อย่างน้อยที่สุด กำลังเดินไปสู่การโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมได้ถามคนสำคัญในพรรค ก็ได้รับการยืนยันว่านายเศรษฐาผ่านการโหวตเป็นนายกฯ แน่ ๆ นายเศรษฐาปลอดภัยแล้ว ผมไม่เคยเดินออกมาจากใครในวันที่เขาลำบาก รอจนกว่าทุกอย่างเดินไปข้างหน้า ผมจึงมาส่งตรงนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายสรยุทธถามว่า ไม่ใช่ละครใช่หรือไม่ ทำทีจากไป แต่จริง ๆ ก็ยังอยู่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ครับ ผมเป็นผมครับ นักเลงเขาไม่ทำกันแบบนั้น”

นายสรยุทธถามอีกว่า ตัดขาด? นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “อย่าใช้คำนั้น ใช้คำว่ายุติบทบาท แล้วไม่ร่วมกิจกรรมกับพรรค และรัฐบาล และไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว”

นายสรยุทธถามว่า เป็นผลจาก พท. ตั้งรัฐบาล โดยร่วม 2 ลุง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ครับ เหตุผลนั้น เป็นเหตุผลสำคัญ ผมไม่ได้ปฏิปักษ์ส่วนตัวกับนักการเมืองคนไหนใน 2 พรรคนั้นนะ แม้ว่าจะยืนคนละข้างทางการเมือง ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นศัตรู เข้าใจ และเห็นใจ พท. อย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่มันเป็น เพียงแต่ว่าวิถีการเมืองแบบผม เมื่อได้ประกาศประชาชน และแสดงจุดยืนเช่นนั้นมาตลอด ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ยืนยันมา”

“การตัดสินใจยุติบทบาทของผม มันก็เป็นเรื่องมีรอยในใจ ที่นี่เป็นบ้านผม ผมเกิดที่นี่ ผมโตที่นี่ ผมสู้ที่นี่ แล้วคนในบ้านที่น้องผมนั้น แต่ว่าถึงเวลามันต้องตัดสินใจ” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายสรยุทธถามอีกว่า ตัดสินใจยากหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ยาก ไม่ได้ยากที่ห่วงยศศักดิ์ ตำแหน่ง ไม่ได้มีอยู่แล้ว ตอนผมเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พรรคพวกเพื่อนฝูง บอกว่าให้เอาเมีย หาญาติพี่น้องไปลงบัญชีรายชื่อ ในลำดับที่ปลอดภัย ผมบอกว่าไม่ใช่ผม ผมเป็นนักการเมือง แต่เมีย ลูก และญาติพี่น้องผมไม่ใช่ ก็ไม่มี จะตั้งรัฐบาล ไม่ต่อรองเรียกร้องอะไรให้ตัวเองก็ไม่มี เดินออกมามือเปล่า”

“ความยากที่เดินออกมา คือความผูกพัน ความรัก ความปรารถนาดี มันยาก แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ผมไม่มีทางที่ผมจะทำให้พรรคนี้เกิดความเสียหาย ไม่มีทางที่ออกมาแล้วเขวี้ยงก้อนหินใส่หลังคาบ้าน ไม่มี”

นายสรยุทธถามว่า ทั้งที่ไม่เห็นด้วย แล้วทำไมไม่ต่อว่า นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ไม่เห็นด้วย แต่อย่าทำเลย คนต่อว่า พท. เยอะแล้ว อย่าให้มันออกจากปากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเลย มันไม่ใช่ผม”

‘นายกฯ ญี่ปุ่น’ ถูกวิจารณ์ยับ หลังส่งเงินช่วยไฟป่าฮาวายอย่างไว แต่ภัยพิบัติประเทศตัวเองกลับเคลื่อนไหวล่าช้าเหลือเกิน

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่าจะจัดส่งเงินช่วยเหลือ 2 ล้านดอลลาร์สำหรับภัยพิบัติไฟป่าในรัฐฮาวาย ในขณะที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเทศว่า ความเคลื่อนไหวนี้ช่างแตกต่างจากการตอบสนองต่อภัยพิบัติธรรมชาติในญี่ปุ่นเหลือเกิน

นับตั้งแต่เกิดไฟป่าในเกาะเมาอีของฮาวายเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 100 ราย แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยยังคงปฏิบัติงานค้นหาต่อไป หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า พวกเขาได้รับคำขอความช่วยเหลือจากทางสหรัฐฯ และพวกเขาจะส่งเงินช่วยเหลือประมาณ 290 ล้านเยน

ในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม มีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ จะแสดงความเสียใจในที่ประชุมซัมมิตญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ด้วยตนเอง ถึงแม้จะมีเสียงชื่นชมถึงความรวดเร็วในการตอบสนอง แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในญี่ปุ่นเช่นกัน

โดยในตอนนี้ ญี่ปุ่นเองมีรายงานความเสียหายและผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นหมายเลข 7 ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่มีรายงานเช่นกันว่า คิชิดะกำลังมีแผนไปตีกอล์ฟที่ฮาวาย ความกังวลนี้ถูกพูดถึงแม้กระทั่งภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพีเอง

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม จังหวัดคิวชูรายงานฝนตกหนัก แต่นายกรัฐมนตรีคิชิดะใช้เวลากว่าสัปดาห์กว่าจะไปเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติ โดยในตอนนั้นมีรายงานว่า เขาอยู่ระหว่างการเยือน 3 ประเทศในตะวันออกกลาง และใช้เวลาทั้งวันอยู่ในที่พักรับรอง

ถึงแม้ว่าจะถูกวิจารณ์ในเรื่องการเลือกปฏิบัติเช่นนี้ แต่จนถึงตอนนี้รัฐบาลคิชิดะยังคงไม่มีความแน่ชัดในเรื่องการช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย ยิ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในโซเชียลมากขึ้นไปอีก

โดยความคิดเห็นหนึ่งระบุว่า "ทำไมช่วยเหลือประเทศอื่นเร็วจัง แต่ประเทศตัวเองกลับช้าเป็นเต่าคลาน" และอีกความคิดเห็น ระบุว่า "ฉันรู้ว่าไฟป่าฮาวายมันรุนแรง แต่ 2 ล้านดอลลาร์เลยหรอ 

‘หมอธีระวัฒน์’ ชี้ สูงวัย 80 ขึ้น แค่ทำตัวกระฉับกระเฉง มีดนตรีในหัวใจ  ช่วยลดอายุสมองไปหลายสิบปี ความจำเป็นเลิศเหมือนอายุเพียงแค่ 50

(21 ส.ค. 66) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง คนอายุตั้งแต่ 80 ขึ้นไป และพบว่าสมองยังอยู่อย่างดี ความจำเลิศเหมือนอายุเพียงแค่ 50 มีเนื้อหาว่า

คนอายุตั้งแต่ 80 ขึ้นไป และพบว่าสมองยังอยู่อย่างดี ความจำเลิศเหมือนอายุเพียงแค่ 50 (ลดอายุสมองไปอีก 30 ปี) พบว่า

1.) มีการเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลาสม่ำเสมอ (ไม่ได้หมายความว่าต้องออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลัง) ทำกิจกรรมกาย ทำสวน รดน้ำต้นไม้ เดิน ไปนู่นนี่

2.) มีสุขภาพจิตดีเยี่ยมไม่หมกมุ่นอยู่กับความกังวล หดหู่ ซึมเศร้า แม้จะอยู่คนเดียว เพราะคู่ชีวิตเสียไปแล้วหรือหย่า มิสนใจใครว่าร้าย
*เพราะคนคิดไม่ดีต่อคนอื่น กลับขึ้งเคียดเอง เพราะคนไม่สนใจ กลับเต็มไปด้วยความร้อนบาปกลับเข้าตัวเอง สมองเลยจะเสื่อมเอง (หลักพุทธศาสนา)

3.) มีการเล่นเครื่องดนตรีไม่ว่าจะเป็นสมัครเล่นหรืออาชีพก็ตาม ตั้งแต่วัยกลางคน เรื่อยมาตลอด

*เล่นเก่งไม่เก่ง ไม่ได้ระบุ ขอให้มีความสุข หมอเองเลยหัดเล่น งู ๆ ปลา ๆ ขอให้ได้เล่น ทั้งนี้ ไม่ขึ้นอยู่กับเศรษฐานะ ระดับความสูงส่งทางการศึกษา แม้กระทั่งโรคประจำกาย

มนุษย์สูงวัยสมองใสเหล่านี้เรียกว่า ‘superagers’ โดยที่มีการฝ่อเหี่ยว ของสมองกลีบขมับทางด้านในที่เกี่ยวข้องกับความจำ (medial temporal) และใจกลางสมอง (thalamus) ที่เกี่ยวข้องกับความกระฉับกระเฉงการเคลื่อนไหวไม่ทอดหุ่ยเนือยนิ่ง รวมทั้งเปลือกผิวสมองในตำแหน่งต่าง ๆ ไม่ฝ่อลงไปเร็ว

สรุปว่า ใจใส กระฉับกระเฉง มีดนตรีในหัวใจ และสำคัญการให้เท่าที่ทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทองคือความสุข

‘ก้อย รัชวิน’ จับมือให้กำลังใจสามี ‘ตูน’ หลังผ่าตัด สัญญาจะอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

(21 ส.ค. 66) ล่าสุด ‘ก้อย รัชวิน’ ภรรยาของ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ได้ออกมาโพสต์ภาพตูนที่สวมชุดคนไข้ที่โรงพยาบาลและกำลังเล่นกีต้าร์ รวมถึงมีภาพจับมือกันของทั้งคู่ ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @rachwinwong พร้อมกับระบุแคปชันว่า

“กว่าจะมาถึงวันนี้ เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ๆ และครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้ง ที่เราจะจับมือแล้วผ่านมันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่อยู่ข้าง ๆ พ่อเสมอนะ…Together…Forever

ปล. ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้พ่อ ๆ นะคะ ทุกอย่างราบรื่นดี คุณหมอเก่งมาก ๆ ตอนนี้พ่อ ๆกำลังพักฟื้นเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เตรียมต้อนรับเบบี๋ในท้องที่กำลังจะออกมาเจอกันอีก 4 เดือนข้างหน้า เป็นกำลังใจให้พ่อ ๆ ด้วยนะคะ” ท่ามกลางแฟนคลับและเหล่าศิลปินที่เข้ามาส่งกำลังใจกันมากมาย

'ต้มยำกุ้ง' เจิดจรัส!! งานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ที่คุนหมิง หลังลูกค้าสอบถามถึงเครื่องปรุง 'ต้มยำกุ้ง' กันมากที่สุด

(20 ส.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย ณ พาวิลเลียนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนหนึ่งของงานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 ในนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน 'จ้าวปิน' สาละวนอยู่กับการแนะนำสารพัดสินค้าเครื่องปรุงอาหารไทยแก่ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยบรรดาลูกค้าสอบถามถึงเครื่องปรุง 'ต้มยำกุ้ง' กันมากที่สุด

กลุ่มผู้จัดแสดงสินค้าที่ 'พาวิลเลียนไทย' ส่วนย่อยของพาวิลเลียนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พากันนำเสนอเครื่องปรุงต้มยำกุ้ง เพื่อช่วยให้คนรักอาหารไทยได้ลองลิ้มชิมรสชาติต้นตำรับได้ที่บ้าน โดยจ้าวเผยว่าเครื่องปรุงที่นำมาจำหน่ายผลิตในไทย และเขาเตรียมสินค้าสำหรับงานแสดงสินค้าฯ ในปีนี้มากถึง 18 ตัน

จ้าว ผู้บริหารบริษัท การค้านำเข้าและส่งออก บริษัท คุนหมิง สุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับอาหารไทย เครื่องปรุง เครื่องดื่ม และอื่นๆ เผยว่าแต่ละปีบริษัทของเขาจัดจำหน่ายเครื่องปรุงอาหารไทยเมนูต่างๆ สู่มณฑลอวิ๋นหนาน กุ้ยโจว และซื่อชวน (เสฉวน) คิดเป็นปริมาณมากกว่า 20 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องปรุงต้มยำกุ้ง

จ้าว เริ่มต้นทำธุรกิจนำเข้าสินค้าไทยตั้งแต่ปี 2009 โดยตอนนั้นสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในระดับทั่วไป ยอดจำหน่ายไม่ได้หวือหวา รายการสินค้าไม่ได้มากมาย มีเพียงขนมขบเคี้ยว สบู่หอม หรือเครื่องเทศ สวนทางกับตอนนี้ที่อาหารไทยและสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับอย่างมากในจีน ทำให้มีสินค้าให้เลือกหลากหลายและยอดจำหน่ายเฟื่องฟู

อนึ่ง งานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและการประสานงานเพื่อการพัฒนาร่วมกัน" ระหว่างวันที่ 16-20 ส.ค. มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าทางออนไลน์และออฟไลน์จากกว่า 85 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ จำนวนกว่า 30,000 ราย

สำหรับพาวิลเลียนไทยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจัดแสดงสินค้า 58 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทย 38 ราย และผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายสินค้าไทย 20 ราย ซึ่งนำเสนอสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ

รายงานระบุว่าเครื่องปรุงต้มยำกุ้งทุกรูปแบบกลายเป็นสินค้าที่มียอดจำหน่ายดีที่สุดในพาวิลเลียนไทย ดังเช่นชายแซ่หยางจากนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลซื่อชวน ซื้อเครื่องปรุงต้มยำกุ้งกระปุกใหญ่กลับบ้านถึง 3 กระปุก ขณะเดียวกันสินค้าอย่างเครื่องปรุงผัดไทและน้ำจิ้มสุกี้แบบไทยได้รับความสนใจจากลูกค้าเช่นกัน

อาหารไทยชื่อดังระดับโลกอย่างต้มยำกุ้งได้ส่งกลิ่นหอมขจรขจายทั่วงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ตอกย้ำวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของอาหารไทย โดยสถิติจากเหม่ยถวนและเตี่ยนผิงระบุว่าช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กรกฎาคม) จำนวนร้านอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บนแพลตฟอร์มในจีนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับปี 2019

นครคุนหมิงมีร้านอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น 98 แห่งในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ขณะผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม เตี่ยนผิงในคุนหมิงค้นหาคำว่า "อาหารไทย" เพิ่มขึ้นร้อยละ 102 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยเฉพาะความต้องการของคนอายุต่ำกว่า 30 ปี ที่ครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 53 ของการค้นหาทั้งหมด

นอกจากนั้นความนิยมชมชอบต้มยำกุ้งยังก่อให้เกิดกระแสอาหารคาวหวานหลายเมนูที่มีรสชาติต้มยำกุ้งในจีน เช่น หม้อไฟต้มยำกุ้ง ซุปหม่าล่าต้มยำกุ้ง ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง รวมถึงความสนใจเมนูอื่นๆ อย่างข้าวเหนียวมะม่วง ปลานึ่งมะนาว และต้มเล้งแซ่บอีกด้วย

‘อิรฟาน’ กองหลังทีมบีจี โพสต์อวยยศแฟนสาว ‘แอนโทเนีย’ หลังคว้ามงกุฎ Miss Universe Thailand 2023 มาครอง

(21 ส.ค. 66) อิรฟาน ฟานดี้ กองหลังทีมชาติสิงคโปร์ที่ค้าเเข้งอยู่กับสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โพสต์อวยเเสดงความยินดีเเฟนสาว หลังคว้าตำเเหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยเเลนด์ 2023

สำหรับ แอนโทเนีย เปิดตัวว่ากำลังคบกับเเนวรับเเดนลอดช่องตั้งเเต่ เดือน ก.พ. ปี 2564 เเละมักจะเข้ามาชมเเฟนหนุ่มยามที่ต้นสังกัดลงเเข่ง เเละคอยให้กำลังใจกันมาตลอด

ล่าสุด หลังตัวหญิงสาวประสบความสำเร็จเป็นตัวแทนจากประเทศไทย คว้ามงฯ 3 มิสยูนิเวิร์ส ฟานดี้ ที่กำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปแข่ง AFC แชมเปี้ยนลีก กับทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก็ได้โพสต์ยินดีกับหวานใจในสตอรี่ เป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า “เกิดมาเพื่อเป็นควีน ภูมิใจในตัวคุณ”

กองหลังวัย 26 ปีย้ายจากยังส์ ไลออนส์ ทีมในลีกสิงคโปร์ มาเล่นกับบีจีเมื่อปี 2019 ประสบความสำเร็จพาทีมคว้าเเชมป์ไทยลีก 1 สมัย เเละเเชมป์ลีก 2 อีก 1 สมัย รวมถึงรองเเชมป์ในปีล่าสุดด้วย

‘ตรีชฎา’ มั่นใจ!! ‘เศรษฐา’ เหมาะนั่งตำแหน่ง ‘นายกฯ’ วิสัยทัศน์ก้าวหน้ากว้างไกล เชื่อ!! พาคนไทยพ้นบ่วง ‘ยากจน’

(21 ส.ค. 66) นางสาวตรีชฎา ศรีชฎา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ความพร้อมมีทั้งด้านคุณสมบัติ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการที่บริษัทแสนสิริเป็นแบบอย่างบริษัทที่มีธรรมาภิบาลในการประกอบกิจการธุรกิจ การเห็นความเท่าเทียมของคนในสังคม เช่น การสร้างโอกาสคนพิการได้ทำงานที่บริษัทที่ทำมาอย่างเด่นชัด การชี้แจงของ สส. พรรคเพื่อไทยกรณีอาจจะมี สส. หรือ สว. บางคนอภิปรายซักถามเรื่องการซื้อที่ดินของบริษัทแสนสิริ และความพร้อมของ สส. จากพรรคร่วมที่จับมือกันสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเห็นชอบนายเศรษฐาโดยมีเสียง สส. เกิน 300 เสียง และเมื่อรวมกับ สว. จะเกิน 374 เสียงซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของ สส. และ สว. รวมกัน

นางสาวตรีชฎากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาแล้วว่านายเศรษฐามีความเหมาะสม ดี 1 ประเภท 1 ในการจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 จึงเชิญนายเศรษฐามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายเศรษฐาได้ออกเดินทางไปพบกับพี่น้องประชาชนในสถานที่ต่าง ๆ ที่พรรคเปิดปราศรัย นายเศรษฐาได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าและกว้างไกล การพูดจาปราศรัยที่ฟังง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับประชาชนได้ง่ายโดยไม่ต้องเสแสร้าง มีความเป็นกันเอง ไม่ถือเนื้อถือตัว มีจิตใจที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พร้อมรับฟังปัญหาและข้อแนะนำต่าง ๆ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงที่จะบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ทั้งนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักธุรกิจด้านธุรกิจสถานบริการอาบอบนวดและอดีตนักการเมืองที่ปัจจุบันผันมาทำธุรกิจโรงแรม สิ่งที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผยกับสาธารณะเป็นการกล่าวหาที่ปราศจากมลทินให้กับนายเศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายชูวิทย์อ้างว่ารู้ข้อมูลมานานแต่กลับใช้ช่วงจังหวะในการมาพูดในวันโหวตนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งโดยเจตนาชัดเจนและถูกมองว่า เอาอารมณ์มาเหนือทุกสิ่งเพื่อต้องการสกัดนายเศรษฐา ซึ่งเนื้อหาที่นายชูวิทย์เอามาล้วนแต่เป็นการกล่าวหาที่ปราศจากการถูกพิสูจน์จากกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“สิ่งที่นายเศรษฐาทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตจึงล้วนแต่เป็นที่ประจักษ์ว่า มีคุณสมบัติของคนที่มีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ไม่เคยถูกบุคคลใดหรือหน่วยงานใดดำเนินคดีใด ๆ ให้ด่างพร้อย เป็นคนดีเป็นที่ประจักษ์ทุกวงการ สิ่งที่นายชูวิทย์ควรจะทำมากที่สุดในเวลานี้ คือ แฉเรื่องที่ดินของลูกที่เป็นประเด็นที่ประชาชนก็เคลือบแคลงสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจริงหรือไม่เพราะเป็นเรื่องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวนายชูวิทย์เอง ควรแฉตัวเองให้ประชาชนและสังคมรับทราบด้วย จะเป็นการดีต่อสังคมและประเทศชาติ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นางสาวตรีชฎากล่าวทิ้งท้ายว่า มั่นใจว่า สส. และ สว. ล้วนเห็นว่าประเทศไทยต้องไปต่อและพร้อมในการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าภายใต้รัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกสร้างขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจ จะได้รับการพลิกฟื้น ขจัดความยากจน คนไทยจะต้องหายจน ภาระหนี้สินในครัวเรือน การไม่มีงาน จะถูกแก้ไขโดยไม่ชักช้า ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน ปรองดองสมานฉันท์ หน้าใหม่ของการเมืองประเทศไทย

‘อดีตผู้ช่วยปธน.’ เตือน!! ‘เซเลนสกี’ เป็นตัวอันตรายสำหรับยูเครน ศักยภาพความเป็นผู้นำที่ไม่เพียงพอ อาจก่อหายนะระดับประเทศได้

(21 ส.ค. 66) ศักยภาพความเป็นผู้นำที่ไม่เพียงพอของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ก่อหายนะระดับประเทศแก่ยูเครน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรควรหาทางลงโทษเขา จากความเห็นของโอเล็ก โซสกิน ผู้ซึ่งเป็นผู้ช่วยของประธานาธิบดียูเครนมาแล้ว 2 คน

เขากล่าวในวิดีโอที่โพสต์ลงบนช่องยูทูบของตนเองเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.) ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศถูกทำลายท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย "กองกำลังยูเครนไม่สามารถฝ่าทะลวงแนวหน้าใดๆ ได้เลย ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม" พร้อมบอกว่าประชาชนไม่ควรเชื่อคำพูดของบรรดานายพลปลดเกษียณทั้งหลายที่ออกมากล่าวอ้างว่ากองทัพเคียฟกำลังรุกคืบ

โซสกิน กล่าวต่อว่า เซเลนสกี ยืนยันว่ายูเครนจะเอาชนะรัสเซีย และเขาลังเลที่จะยอมรับว่าสถานการณ์ที่แท้จริงคือสัญญาณบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีรายนี้ ไม่มีความสามารถเพียงพอทั้งในฐานะผู้บริหารจัดการและในฐานะบุคคลหนึ่งๆ

"เซเลนสกี เป็นอันตรายสำหรับประเทศ เขาเป็นอันตรายสำหรับประชาชน" โซสกินกล่าวเตือน โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยของประธานาธิบดีลีโอนิด คราฟชุค ในปี 1992 ถึง 1993 และผู้ช่วยของประธานาธิบดีลีโอนิด คุชมา ระหว่างปี 1998 ถึง 2000

"ควรทำอะไรบางอย่างกับเซเลนสกี ผมขอเรียกร้องสำหรับสิ่งนี้อีกครั้ง รวมตัวกัน ใครบางคนจำเป็นต้องริเริ่ม จำเป็นต้องวางเงื่อนไขบางประการแก่ประธานาธิบดี" โซสกินยืนยัน อ้างถึงบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว เซเลนสกีอ้างว่าคณะทำงานของเขา "กำลังเตรียมการสิ่งต่างๆ ที่ทรงพลังสำหรับยูเครน" ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตระวันตก โดยบอกว่ายูเครนได้ก้าวย่างอีกขั้นในการมุ่งหน้าสู่วงจรของบรรดารัฐที่เข้มแข็งที่สุดในโลก

ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ที่ได้รับคาดหวังไว้อย่างสูงของยูเครนได้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยเคียฟใช้อาวุธยุทโธปกรณ์อย่างดีที่สุดที่ตะวันตกจัดหาให้ เช่นเดียวกับกำลังพลที่ได้รับการฝึกฝนจากตะวันตก ในความพยายามตัดขาดสะพานเชื่อมต่อทางบกของรัสเซีย ระหว่างภูมิภาคดอนบาสกับแหลมไครเมีย

จากคำกล่าวอ้างของรัสเซีย ยูเครนสูญเสียกำลังพลไปมากกว่า 43,000 นาย และอาวุธยุทโธปกรณ์เกือบ 5,000 ชิ้น ระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว แต่ล้มเหลวบรรลุเป้าหมายของการรุกคืบใดๆ จนถึงตอนนี้ยูเครนรายงานว่าสามารถยึดหมู่บ้านมาได้หลายแห่ง แต่ดูเหมือนยังคงอยู่ห่างจากแนวป้องกันหลักของยูเครนพอสมควร

ในช่วงกลางสัปดาห์ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์อ้างรายงานข่าวกรองชั้นความลับของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครนจะประสบความล้มเหลวไปไม่ถึงเมืองมาลิโตโพล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และสะพานทางบกที่เชื่อมรัสเซียกับแหลมไครเมีย จะไม่สามารถถูกตัดขาดได้ในปีนี้

'จีน' ส่ง 'เกาเฟิน-12 04' ดาวเทียมสำรวจโลกดวงใหม่สู่วงโคจร ลุยภารกิจ 'สำรวจที่ดิน-วางแผนผังเมือง-รับมือภัยพิบัติ'

(21 ส.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนได้ส่งดาวเทียมสำรวจโลกดวงใหม่ขึ้นสู่อวกาศจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

รายงานระบุว่า จรวดขนส่งลองมาร์ช-4ซี (Long March-4C) ซึ่งบรรทุกดาวเทียมเกาเฟิน-12 04 (Gaofen-12 04) ทะยานออกจากศูนย์ฯ ตอน 01.45 น. ตามเวลาปักกิ่ง และเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดสำเร็จ

ดาวเทียมดวงนี้จะถูกใช้งานหลายด้าน อาทิ การสำรวจที่ดิน การวางผังเมือง การออกแบบโครงข่ายถนน การประเมินผลผลิตทางการเกษตร และการบรรเทาภัยพิบัติ

อนึ่ง การส่งดาวเทียมดวงนี้นับเป็นภารกิจที่ 484 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.66 จีนได้ส่งดาวเทียมสำรวจโลกเกาเฟิน-12 03 (Gaofen-12 03) ขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดขนส่งลองมาร์ช-4ซี (Long March-4C) เมื่อเวลา 23.46 น. ตามเวลาปักกิ่ง และเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดสำเร็จไปแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top