Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

'เด็กจีน' ผนึกกำลังจัดงาน China Fair ครั้งแรกในไทย สานสัมพันธ์ไทย-จีนรอบทิศ 'การศึกษา-โอกาสธุรกิจ'

เมื่อวันที่ 19 - 20 ส.ค. ที่ผ่านมา  สมาคมนักเรียนไทย-จีน ได้จัดงานกิจกรรม China Fair 2023 by TCSA : Study - Work - Travel : The 10th anniversary of BRI โดยการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการทำงานของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นนักเรียนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศจีน ร่วมกับ ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง , CAS INNOVATION COOPERATION CENTER (BANGKOK) (CAS-ICCB) และได้รับการสนับสนุนโดย สถานเอกอัครราชทูตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําราชอาณาจักรไทย

ภายในงาน ได้มีการจัดแสดงบูธส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน รวมทั้งการเปิดรับสมัครงานจากบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการบุคคลากรที่มีความสามารถด้านภาษาจีน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับบริษัทในภาคบริการการท่องเที่ยว อาทิ สายการบิน ประกันภัย และบริการด้านเอกสารวีซ่า

ภายในงาน China Fair 2023 นอกจากการออกบูธโดยองค์กรและบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังมีการจัด Session การบรรยาย และการเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ตั้งแต่การปฐมนิเทศผู้ที่กำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน การให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการยื่นเอกสาร การใช้จ่ายแบบไร้เงินสด การเตรียมตัวในเบื้องต้น การใช้ชีวิต และการแนะแนวเกี่ยวกับคณะและสาขาที่น่าสนใจในมหาวิทยาลัยในประเทศจีน

นอกจากในประเด็นการศึกษาแล้ว ยังมี Session การแชร์ประสบการณ์การทำงานจากผู้นำระดับประเทศ และผู้บริหารระดับ CEO ชั้นนำในวงการการค้าขายไทย-จีน ไม่ว่าจะเป็น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย , ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน , คุณปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ , คุณคมสันต์ แซ่ลี CEO of Flash Express และ คุณบุญชัย ลิ่มอติบูลย์ ผู้ก่อตั้ง Moomall และ PUNDAI

สำหรับพิธีเปิดในช่วงเช้าของวันที่ 19 ส.ค. 66 นั้น ทางสมาคมฯ ได้รับเกียรติจาก นางเฝิง จวิ้นอิง อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําราชอาณาจักรไทย ม รองศาสตราจารย์ ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และ ศ.ดร.ริชาร์ด หวัง ผู้อํานวยการสํานักงานนวัตกรรมและความร่วมมือสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน กล่าวสุนทรพจน์ และร่วมทำพิธีเปิดงาน China Fair ครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก เกิดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียนนักศึกษา และการ matching ทางธุรกิจขององค์กรบริษัท และบุคคลต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วม ทั้งยังมีการจัดการแสดงด้านวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงกังฟูเส้าหลินโดยเยาวชน การรำไทย และการร้องเพลงฉ่อยด้วยภาษาจีน เป็นภาพของการรวมตัวกันในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษา และจะเป็น “อนาคตของความสัมพันธ์ไทย-จีน” ตรงกับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน China Fair และวัตถุประสงค์ของสมาคมนักเรียนไทย-จีน ในการรวมนักเรียนนักศึกษาไทยในจีน และจีนในไทยเป็นหนึ่ง เพื่ออนาคตความสัมพันธ์ไทย-จีน

‘เจี๊ยบ กนกพร’ อดีตนักร้องลูกทุ่ง ชีวิตพลิกผันถูกรางวัลที่ 1 ล่าสุดออร่าเศรษฐีนีจับ สลัดลุคเป็นคุณนายไปซื้อทองให้แม่

(21 ส.ค. 66) เรียกได้ว่าก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดี เมื่อ ‘เจี๊ยบ กนกพร’ อดีตนักร้องดัง ฟ้ามีตาพลิกชีวิต ถูกหวยรางวัลที่ 1 งวด 16 สิงหาคม 2566 ซึ่งเธอนั้นตั้งใจจะนำเงินไว้รักษาตัวเองที่ป่วยเรื้อรังมานานหลายปี

เเละในเวลาต่อมา ‘เจี๊ยบ กนกพร’ นั้นก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอ หลังเจอกับตัวเต็มๆ ผลของการถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งเธอนั้นก็ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “ตั้งแต่วันที่ถูกรางวัลที่ 1 จนถึงวันนี้ก็ 2 วัน 3 คืน ฉันยังไม่ได้นอนหลับเต็มตาเลยทุกคน โทรศัพท์ฉันทำไมถึงมีพี่น้องเยอะจัง (ขยี้ตาหาว) พี่น้องทั่วประเทศ คนไม่เคยรู้จักก็บอกว่าเป็นพี่น้องกัน ก็โทรมาเต็มเลย มีแต่คนลำบาก ไม่ลำบากก็มีเเต่ฉันคนเดียวเนาะ โอ้ย อย่าเพิ่งโทรมากันนะพี่น้องเอ๊ย รอให้ฉันใช้หนี้ใช้สินให้มันเสร็จก่อน หนี้สินฉันก็เยอะอยู่ค่ะ อย่าเพิ่งโทรมานะ”

วันนี้เราจะพาทุกท่านมา เปิดภาพล่าสุด ชีวิตใหม่ ‘เจี๊ยบ กนกพร’ หลังถูกรางวัลที่1 ออร่าเศรษฐีนีจับ โดยงานนี้เธอได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า “ซื้อทองให้แม่ค่ะ” ซึ่งงานนี้ก็สะดุดตาด้วยใบหน้าที่ดูสวยสดใสขึ้นเเละการเเต่งกายที่ออร่าจับเปลี่ยนแบบคนละคนเลยทีเดียว

‘ชัยวุฒิ’ ขีดเส้น 1 เดือน ปิดกั้น ‘เฟซบุ๊ก’ ไม่ให้บริการในไทย หลังตรวจพบ ‘รับเงินยิงโฆษณา’ จากเพจหลอกลวง ปชช.

(21 ส.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ดีอีเอส จะดำเนินการฟ้องต่อศาล เพื่อขอคำสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก ไม่ให้บริการในไทย หลังจากที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ได้มีการรับเงินโฆษณาจากเพจปลอมเพื่อเป็นสปอนเซอร์ที่หลอกชักชวนลงทุน จนเกิดความเสียหายต่อคนไทยจำนวนมาก โดยมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยจากสถิติการหลอกลวงลงทุนผ่านโซเซียลมีเดียกว่า 70% เป็นการหลอกลวงผ่าน เฟซบุ๊ก และจำนวน 90% เป็นการหลอกขายของออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก

“ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กมีการรับเงินจากเพจเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นรายได้เข้าบริษัท แต่กลับไม่มีการตรวจสอบ และสกรีน ว่าเป็นเพจที่หลอกลวงหรือไม่ แต่กลับปล่อยให้เพจเหล่านี้มาหลอกลวงคนไทยจำนวนมาก แม้ที่ผ่านมา ดีอีเอส จะรวบรวมเสนอศาลขอคำสั่งปิดแต่เพจเหล่านี้ก็จะไปเปิดใหม่ เหมือนแมวไล่จับหนู ไม่จบสิ้น”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะมีการแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มด้วย ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาด้วย ขณะที่ทางดีอีเอสจะประสานกับทางตำรวจทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องต่อศาลเพื่อปิดกั้นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กไม่ให้บริการในไทย เนื่องจากผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการสมคบกับผู้กระทำผิด โดยการรับเงินโฆษณาจากมิจฉาชีพเหล่านี้ ซึ่งจะขออำนาจศาลปิดภายใน 1 เดือน 

“เป็นการทำตามหน้าที่ ที่ต้องเสนอปิดกั้น ที่ผ่านมาพบการซื้อโฆษณามาหลอกลวงคนไทยจำนวนมาก โดยจะดำเนินการภายในเดือนนี้ แล้วก็มีดุลยพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งปิดกั้นหรือไม่ เป็นอำนาจของศาล และแพลตฟอร์มก็มีสิทธิร้องคัดค้าน ส่วนจะเป็นการกระทบสิทธิของผู้ใช้งานทั่วไปหรือไม่นั้น ก็คงต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และก็ไม่กลัวทัวร์ลง โดยตนจะขอทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ฟ้องเฟซบุ๊กเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด ถือเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนลงจากตำแหน่ง”

ด้าน พล.อ.ต. อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เปิดเผยว่า สกมช.ได้ทำการสำรวจ เรื่อง เฟก แอด ในโซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ ที่เป็นการหลอกลวง พบว่า คนไทยกว่า 70% พบโฆษณาหลอกลวง บนโซเซียลมีเดีย มากกว่า 50% ของโฆษณาทั้งหมดในแต่ละวัน โดยโฆษณาหลอกลวง ที่พบมากที่สุดเป็นเรื่อง หลอกให้ลงทุนกว่า 52% รองลงมา ชักชวนเล่นพนัน 43% หลอกขายของถูกเกินจริง 40% หลอกทำงาน 24% และอื่น ๆ 14%

ปัจจุบันมีโฆษณาหลอกลวงบนโซเซียลมีเดียจำนวนมาก ทั้งที่ซื้อโฆษณา และที่โฆษณาแฝง เช่น ชักชวนเล่นพนัน และหลอกลวงลงทุน จึงอยากเตือนประชาชน ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ของโฆษณาต่าง ๆ บนโซเซียล มีเดีย อย่าหลงเชื่อง่าย ๆ และหากพบเห็นขอให้ช่วยรายงาน ไปที่ เจ้าของแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียที่ให้บริการในไทย ซึ่งผู้ให้บริการเหล่านี้ก็พร้อมที่จะตรวจสอบ และทำการแก้ไข ระงับ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานหลงเชื่อ หรือตกเป็นเหยื่อโฆษณาเหล่านี้

'วิโรจน์' ยินดีร่วมงาน ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าผ่านร่างกฎหมาย คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง-ทำงานเพื่อ ปชช.ด้วยกัน

(21 ส.ค. 66) จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยผ่านรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) แล้ว โดยเรื่องนี้บอกผู้ใหญ่ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม

ในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) อยากให้พรรคทำสำเร็จในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์และแยกคอกวัว สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมได้ฝากฝังกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้น ๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียงของพรรค พท. เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงนั้นเป็นความมุ่งมั่นที่อยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว พี่เต้นประสานผมมาได้ทุกเมื่อครับ ผมพร้อมร่วมมือกับพี่เต้นอย่างเต็มที่

ยินดีที่จะได้ร่วมกันกับพี่เต้นนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่ แล้วเรามาทำงานเพื่อประชาชนร่วมกันครับ

‘ก้อง ห้วยไร่’ เปิดทิปหน้าเวทีคอนเสิร์ต 5 เดือน 17 ล้านบาท ตัดสินใจนำไปทำบุญทั้งหมด แฟนๆ ร่วมอนุโมทนาบุญกันยกใหญ่

(21 ส.ค. 66) ตำนานพวงมาลัยหน้าเวทีสารพัดความแปลก ลูกวัวก็ได้มาแล้ว วัวหัน จระเข้หันก็ยังเจอมาแล้วเช่นกัน แต่ที่เซอร์ไพรส์มากกับยอดเงินทิปที่ได้ โดยวันที่ 20 ส.ค.66 ‘ก้อง ห้วยไร่’ ได้โพสต์เผยยอดเงินทิปจากแฟนเพลง คนให้หน้าเวทีตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา เป็นเงินทำบุญกว่า 17 ล้านบาท โดยเผยภาพพร้อมระบุข้อความว่า

“รายได้ที่ชัดเจน คือการพัฒนาอย่างยั่งยืน 5 เดือนที่ผ่านมาเรา ชาวหน้าเวทีทำบุญไปแล้วกว่า 17 ล้านบาท สาคู #ไม่มีเงินกูแม้แต่บาทเดียว” พร้อมบอกอีกว่า “เดือนที่ใส่ชุดลิเวอร์พูลเล่นคอนเสิร์ต เป็นเดือนที่เงินบริจาคเยอะมากครับ ต้องขอบคุณแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วยนะครับ เงินหนักจริ๊งง”

ด้านแฟนคลับ ชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชม พร้อมอนุโมทนาสาธุบุญกันอย่างมากมาย อาทิ โคตรสุดยอดเลยครับ, ถือว่าคุณเป็นสะพานบุญที่ยิ่งใหญ่ได้บุญครับคุณก้อง, สุดยอดสิ่งที่เขาให้คุณ แต่คุณให้สิ่งต่างๆ ต่อสังคม แล้วย้อนมาถึงผู้ให้ เป็นต้น

‘แอนนา ชวนชื่น’ ขอบคุณทุกกำลังใจ หลังแอดมิทด่วน ผลพวงจากการทำงานหนัก ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย

(21 ส.ค. 66) ทำเอาแฟนๆ หลายคนเป็นห่วงเมื่อนักแสดงตลกชื่อดัง ‘แอนนา ชวนชื่น’ โพสต์ภาพตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมแคปชันว่า "เปลี่ยนที่นอนบ้าง จำเจ มาเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็กลับ" โดยทางภรรยาของเจ้าตัวได้เปิดเผยกับไนน์เอ็นเตอร์เทนว่า มีอาการอ่อนเพลียเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในช่วงที่ผ่านมา แพทย์จึงแนะนำให้เข้ามานอนพักที่โรงพยาบาลและให้น้ำเกลือเป็นเวลา 1 คืน น้ำเกลือเกือบหมดขวด ส่วนหนึ่งที่อ่อนเพลียง่าย คาดว่าจะมาจากโรคประจำตัว โรคเบาหวาน โรคความดัน

ล่าสุดนักแสดงตลกชื่อดังได้โพสต์คลิปกับหลานชาย แสดงให้เห็นว่าสุขภาพกลับมาแข็งแรงดีแล้ว พร้อมระบุข้อความว่า "เช้าสดใส ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ"

‘ITEL’ เซ็นสัญญารับงานโครงการ Course Online ภายใต้ ‘กสทช.’ มูลค่ากว่า 297 ล้านบาท

(21 ส.ค. 66) ​บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม หรือ ITEL คว้างานโครงการพัฒนาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม กลุ่มที่ 5 (ภาคใต้) หรือ โครงการ Course Online มูลค่า 297,208,550 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

​นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีความเสถียรภาพสูงสุดทั่วประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาโครงการพัฒนาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม กลุ่มที่ 5 (ภาคใต้) จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มูลค่าทั้งสิ้น 297,208,550.00 บาท (สองร้อยเก้าสิบเจ็ดล้านสองแสนแปดพันห้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน) ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายทั้งปวงไว้ด้วยแล้ว โดยสัญญาเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2568

​“บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญของการต่อยอดจากโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีที่บริษัทได้ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน โดยบริษัทฯ ได้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมทางสังคม ที่ต้องให้เกิดความเท่าเทียมกันในพื้นที่ห่างไกลในด้านทักษะความรู้การเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างโอกาสและการพัฒนาศักยภาพให้กับประชาชน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม เพื่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับสังคมที่ยั่งยืน” นายณัฐนัย กล่าว

​อย่างไรก็ตาม งานใหม่ที่ ITEL ได้รับความไว้วางใจนั้น จะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 เติบโตได้ต่อเนื่อง และผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวม เติบโตได้ 20-30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งยังทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มมากขึ้น

‘ผบ.ตร.’ เผย ได้รับการประสาน ‘ทักษิณ’ กลับไทยพรุ่งนี้  รอยืนยันเที่ยวบินอีกที เตรียมกำชับดูแลความปลอดภัยเต็มที่

(21 ส.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ล่าสุดตนเองได้รับการประสานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) ขณะนี้รอการยืนยันจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน ซึ่งช่วงเย็นวันนี้จะทราบข้อมูลทั้งหมดอย่างชัดเจน โดยในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการซักซ้อมมาตรการดูแลความปลอดภัย และการส่งตัวนายทักษิณไปยังสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่สนามบิน เพื่อผ่านการตรวจและยืนยันตัวตนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จากนั้นกองบังคับการการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) จะรับมอบตัวเพื่อลงบันทึกประจำวัน และนำตัวไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายศาลและออกหมายขัง จากนั้นจะส่งตัวให้กับกรมราชทัณฑ์เพื่อนำควบคุมตัวไปยังเรือนจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยและการจราจรในทุกจุดทุกขั้นตอน

"ส่วนแผนการรองรับมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ได้เตรียมสถานที่ไว้แล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างมีมาตรการและเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วทั้งหมด แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ ส่วนการข่าวด้านความรุนแรงนั้นยังไม่ได้รับรายงาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่ประมาท" ผบ.ตร.ระบุ

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาพร้อมกับนายทักษิณนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ขณะนี้ขอให้ดำเนินการไปทีละขั้นตอนก่อน แต่ยืนยันตำรวจมีความพร้อมในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ การดูแลความปลอดภัยอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น จะให้การดูแลเช่นเดียวกับการดูแลบุคคลสำคัญ เนื่องจากอาจเกิดเหตุอันตรายได้

สุดปัง!! ‘อิงฟ้า’ ถูกแฟนคลับเซอร์ไพรส์ฉลองความสำเร็จ เปย์ทองคำแท่ง ปราสาทเงิน รวมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท

(21 ส.ค. 66) บอกเลยว่าเธอคนนี้ฮอตเกินต้าน ได้รับความนิยมไม่เปลี่ยนสำหรับ ‘อิงฟ้า วราหะ’ ที่ล่าสุดแฟนคลับได้สร้างความฮือฮากับการเปย์แบบจุกๆ ก่อนเริ่มงานเดอะแกรนด์ คอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน 2 ซึ่งด้อมอิงฟ้าได้ทุ่มทุนสุดๆ จัดเซอร์ไพรส์ฉลองความสำเร็จของอิงฟ้า มอบทองคำแท่งและเงินสดหลักล้าน

โดยเฟซบุ๊กของ บอส ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ถ่ายคลิปบรรยากาศในฮอลล์ก่อนเริ่มงานคอนเสิร์ตของอิงฟ้า ที่มีแฟนคลับอิงฟ้านำของขวัญมามอบให้ ทั้งดอกไม้ ตุ๊กตา และยังมีทองคำแท่ง และเงินสดที่ทำเป็นรูปร่างต่างๆ แบบสุดอลังการ

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล โพสต์ว่า "แฟนคลับเปย์หนัก เงินสดกว่า 3 ล้านบาท ให้อิงฟ้าในงานเดอะแกรนด์ คอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน 2"

นอกจากนี้เพจแฟนคลับอย่างเป็นทางการของอิงฟ้า ก็ได้แจ้งว่า “จากบ้านหลักอิงฟ้า 

- ทองคำแท่ง 10 บาท เลเซอร์ภาพพี่ฟ้า และเลเซอร์ MAHACHON2 จำนวนเงิน 326,303.15 บาท
- ปราสาทเงินจำนวนเงิน 1,000,000 บาท
- รวมทั้งสิ้น 1,326,303.15 บาท

ขอขอบคุณทุกยอดโดเนทที่ช่วยกันโดเนททองคำแท่งและปราสาทเงินให้พี่ฟ้านะคะ ทุกยอดโดเนทมีค่ามากๆ ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตพี่ฟ้าเสมอค่ะ”

และนอกจากทองกับปราสาทเงิน ยังมีกำแพงเงิน ปีกเงิน และเงินที่ถูกทำเป็นรูปร่างตุ๊กตาต่างๆ ซึ่งมีมูลค่ารวมๆ กว่า 3 ล้านบาทด้วย

'ดร.สุวินัย' รับ!! ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นสิ่งที่ดี  ให้ความหวังและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

(21 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุว่า…

ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ที่ให้ความหวังและน่าชื่นชม...ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

ทุกข์ของคนไทยตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจและทุกข์เรื่องทำมาหากินที่ยังฝืดเคือง

การมีข่าวดี ๆ ออกมา ที่ช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง จงอย่าใจแคบ ความคิดก็อย่าคับแคบ มองภาพใหญ่ให้ออก มองป่าทั้งป่าให้ได้

ทุก ๆ วัน การดึงตัวเองไปอยู่ในมณฑลแห่งพลัง และโลกของผู้บำเพ็ญในจิตของตนก่อนเมื่อลืมตาตื่น คือกิจวัตรของผม

ฝึกฝนเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกเช้าค่ำ จนกระทั่งมันเป็นไปเอง

อย่างการนั่งฟัง (เห็นโพสต์) ‘เสียงทุกข์’ ของสรรพสัตว์ (หรือ กวนอิม 観音) ผ่านจอแท็บเลตของตัวเองทุกวันด้วยจิตผู้รู้…ก็เป็นอีกวิธีภาวนาที่ผมใช้เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ 

คนทั่วไปมักไม่รู้ว่า การรับรู้กับการตีความของเรานั้นเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทำให้คนเรามักมองโลกด้วย ‘จิตที่กะเกณฑ์’ ไว้ล่วงหน้าเสมอ

ผลก็คือคนเราได้สร้างสิ่งขวางกั้นระหว่างตัวเรากับ ‘ความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

การเห็นอย่างบิดเบือนแล้วปักใจเชื่ออย่างนั้นเลย จึงหมายถึง การยึดมั่นถือมั่น คือหลงไปยึดสิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งเข้ากันได้กับประสบการณ์ทางจิตอันจำกัดของเรา ทำให้เกิดการบิดเบือนการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาหมายความว่า ตอนนั้นเราไม่มีความรู้ตัว หรือขาดสัมปชัญญะไปแล้ว

อวิชชาหรือความไม่รู้สึกตัว คือที่มาแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง 

ความทุกข์มากมายจนท่วมโลกขนาดไหน สุดท้ายมันก็มีแค่นี้แหละ คือความไม่รู้ตัว หรือไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อฝึกภาวนาเห็นทุกข์ของผู้คนแบบนี้บ่อยเข้า บ่อยเข้า

วิราคะ หรือความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏมันย่อมเกิดขึ้นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top