Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

‘กอล์ฟ ศาสตรา’ โพสต์ซึ้งถึงกลุ่มเพื่อนรักสมัยเรียน แม้เห็นต่างทางการเมือง แต่มิตรภาพไม่เคยเปลี่ยน

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘นายศาสตรา ศรีปาน - Sarttra Sripan’

สรุปผลการประชุม ‘สภาเพื่อน’ เมื่อคืน มีดังนี้
1.) การเมืองเป็นอย่างไรอย่าลืม สุดท้ายเราคือ ‘เพื่อนกัน’
2.) เห็นต่างได้แต่อย่าแตกแยก เพราะวันนึงที่นายลำบากเราก็จะยื่นมือไปช่วยนายอยู่ดี หมดเวลาทะเลาะ เถียงกันให้ตายก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลง… เปลืองพลังชีวิตเปล่าๆ
3.) มาถึงช่วงชีวิตนึง “เพื่อนตายหาง่ายกว่าเพื่อนกิน”
ด้วยกฏแห่งธรรมชาติ เกิด แก่ เจ็บตาย
มีความสุขกับชีวิตที่มีเพื่อน ถึงยาก ดี มี จนต่างกันไปไม่หวือหวา ว่างก็ชวนกันไปกินน้ำชา จำให้ได้ว่าเราคือ ‘เพื่อนกัน’ ในวัยเด็กมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมิตรภาพ กว่าจะถึงวันนี้ช่วงเวลาดีๆ มีมากมาย

สุดท้าย วันที่เราจากโลกนี้ไป โชคยังดีที่มีพวกมึงมาร่วมงานและวางพวงหรีด 😇
รักกันจริงอย่าเอาทุกสิ่งไปโยงการเมืองนะจ๊ะ
ด้วยความห่วงใยจากเพื่อนถึงเพื่อนที่รักทุกคนบนโลกนี้

#จากใจพี่ศาสตรา 
#หรอยแรงเด็กหาดใหญ่
#เด็กแสงทอง #เด็กญว

‘อุ้ม ลักขณา’ เคลียร์ชัด!! เซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ แล้ว เตรียมย้ายกลับกรุงเทพฯ ต่อจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก

ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้!! ‘อุ้ม ลักขณา’ รับเซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ ปิดฉากชีวิตคู่ พร้อมเปิดใจครั้งแรก เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะหมอดู?

(19 ส.ค. 66) เปิดใจเคลียร์ให้ฟังกันแบบชัด ๆ เป็นครั้งแรกในรายการแฉ สำหรับ ‘อุ้ม ลักขณา’ ถึงปมการเลิกรากับสามีหนุ่ม ‘บอล กฤษณะ’ ว่า ได้เซ็นใบหย่าและเตรียมย้ายที่จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก ‘น้องดีสนีย์’

“ตอนนี้เป็นซิงเกิลมัมทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ ไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลย ว่าจะมีวันนี้ ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวว่าอุ้มจะไม่มีผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต อุ้มคิดว่าเขาคือความสุข คือครอบครัว คือพ่อของลูก คือสามีที่ดี ก็เลยไม่เคยระแวงหรือคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้

7 ปีชีวิตครอบครัวถามว่าแฮปปี้ไหม มันก็มีบ้าง จะไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ สองคนมาจากคนละครอบครัว มาจากคนละพื้นฐานการเลี้ยงดูกัน ก็ต้องมีเรื่องที่ปรับกันเยอะมากๆ ก่อนจะถึงจุดที่ลงตัว มันใช้เวลาหลายๆ ช่วง แต่ว่าเราทั้งสองคนก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อลูก ซึ่งมันก็ผ่านมาได้ แต่มันก็มาเกิดเรื่องนี้ที่ทำให้ไม่สามารถไปต่อได้” อุ้ม ลักขณา กล่าว

เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่ว่า หาก ไม่ไปดูหมอดูคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อุ้มตอบว่า “ไม่จริง” ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็กว่าสามีนอกใจหรือไม่ แค่ไปดูดวงตามปกติ

“ไม่ได้สาระแนไปดูอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็ก ไม่ได้ดูเรื่องนี้เลย ไปเพราะเห็นเขาดูกันก็ตามเขาไป ปกติชอบดูดวง แต่วันนั้นไม่ได้ตั้งใจไปดูดวงอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะทุกอย่างแฮปปี้ดีหมด ต่อให้เขาพูดอะไรมาไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องหวั่นไหว หรือต้องไปจับผิดอะไร ไม่มีอยู่ในสมองของอุ้มเลยค่ะ

ในตอนแรกที่หมอดูทำนาย อุ้มไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าทำนายแม่น เพราะมองว่าชีวิตครอบครัวของตนเองนั้นดีอยู่แล้ว แต่พอเกิดเรื่องขึ้นเลยรู้สึกทันทีว่าหมอดูทักแม่น และเรื่องก็เกิดหลังจากโดนทักไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์

เปิดไพ่ยิปซีค่ะ ตอนดูเราก็ยังไม่เชื่อเลย คิดว่าหมอดูคนนี้เราไม่รู้จักเขา เขาคงมั่วๆ พูดไปเรื่อย เพราะชีวิตครอบครัวเราดีอยู่ แต่พอเกิดเรื่องแล้วถึงได้ อ้าว แม่น” อุ้ม ลักขณา กล่าว

หากถามถึงสภาพจิตใจ อุ้ม เผยว่า ตนเองไปต่อไม่เป็น ต้องกลับบ้านที่กรุงเทพฯ มาหาเซฟโซน เพราะตอนไปอยู่เชียงใหม่ ตนเหมือนเริ่มต้นไม่ ไม่รู้จักใคร ไม่มีสังคม มีเขาแค่คนเดียว คอยเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

“กลับบ้านที่กรุงเทพฯ ค่ะ เราต้องกลับมาหาเซฟโซนของเราค่ะ อยู่ที่เชียงใหม่ 7 ปี อุ้มไม่มีเพื่อน อุ้มไปอยู่คนเดียว ตัวคนเดียว ไม่มีใครเลยค่ะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม มีแค่เขาคนเดียว ที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แล้วก็มีลูก ชีวิตก็จะอยู่แต่อย่างนั้นค่ะ แล้วตอนหลังก็เอาน้องชายมาอยู่ด้วย เพราะน้องชายอยากมาดูแลพี่สาว ให้เขาเริ่มมาทำงานกับเรา น้องชายเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ปีนึงค่ะ”

ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง อุ้ม รับว่าเรื่องเกิดตั้งแต่ช่วงที่เพจดังปล่อยข่าวว่าผัวเมียสายแซ่บอันฟอลโลว์ไอจีกัน ถ้าถามว่า หากย้อนเวลากลับไปได้จะยังเลือกผู้ชายคนนี้ไหม อุ้มก็จะยังเลือกเขา เพราะเขาได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือ ‘น้องดีสนีย์’

“เกิดขึ้นแล้วค่ะ ไม่ใช่ตัดสินใจว่าจะจบกัน แต่เป็นวันที่เรากลับบ้าน กลับมากรุงเทพฯ มาพักใจ ใน 7 ปีที่ผ่านมานั้น ชีวิตมีความสุขค่ะ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือน้องดีสนีย์และน้องการ์ตูน แม้น้องการ์ตูนไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นลูกพี่บอล แต่อุ้มก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ จริงๆ เราแคร์เขามากๆ ส่วนน้องดีสนีย์เขาคือของขวัญที่ดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ อุ้มพยายามเคลียร์และปรับกันแล้วทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยสติ และตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าเราไม่อยากให้ลูกได้รับผลกระทบที่พ่อแม่มาทะเลาะกันให้ลูกเห็น ฉะนั้น ในเมื่อถึงทางตันแล้ว ต่างคนต่างมีทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทางที่เหมือนกันคือจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสองคน” อุ้ม ลักขณา กล่าว

สำหรับกระแสข่าว ‘เลิกกันเพราะสามีไปติดผู้จัดการ’ และ ‘ไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปี’ อุ้มเคลียร์ชัดว่า “ไม่จริง”

“ข่าวที่ว่าพี่บอลเลิกอุ้มเพราะผู้จัดการอุ้ม ผู้จัดการอุ้มเขาเป็นสาว (หัวเราะ) ส่วนเรื่องไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปีก็ไม่จริงค่ะ ขอแก้ข่าวนิดนึง ไม่มีสองปีแรก เพราะปีหนึ่งท้อง 9 เดือน อีกปีอุ้มเลี้ยงลูกคนเดียว 24 ชม. พี่ด้าต้องเข้าใจความแม่ เรามีลูกคนแรก และไม่ได้อยู่ข้างๆ แม่ตัวเอง ไม่ได้อยู่ข้างๆ น้องสาวที่เคยมีประสบการณ์การเลี้ยงลูกมาก่อน อุ้มไม่มีคนเป็นที่ปรึกษาเลย ก็งูๆ ปลาๆ กับการเลี้ยงลูกคนนึงให้ดีที่สุด

เราต้องปั๊มนม ให้ลูกเข้าเต้า เลี้ยงลูก พอลูกขวบนึงก็กลับมามีอะไรกันเหมือนเดิม ก็มีการนัดกัน แต่ต้องนัดตามเวลา เพราะอุ้มเลี้ยงลูกเองเป็นหลัก อุ้มไม่มีพี่เลี้ยง”

ส่วนเรื่องที่ว่าเอาหน้าอกออกแล้วทำให้สามีเปลี่ยนใจ อุ้ม ยืนยันว่า “ไม่เกี่ยว” มีการพูดคุยกับสามีแล้ว สามีโอเค

“อุ้มไม่รู้ว่าคนอื่นหรือใครจะคิดยังไง แต่ก่อนเอาหน้าอกออก เรามีการพูดคุยกัน มีการปรึกษากัน ซึ่งเขาก็บอกว่าอะไรที่อุ้มมีความสุข อุ้มทำเลย เพราะอุ้มมีปัญหาปวดหลังหนักมาก เราใส่เต้ามานาน พอเราให้นมลูก แล้วพอมันหมด มันยาน มันใหญ่ มันหนัก

แล้วอุ้มคิดว่าชีวิตนี้เรามีผู้ชายคนนี้เป็นผัว เราไม่คิดจะมีผัวคนไหนอีกแล้ว ต่อให้กูน่าเกลียด ผัวก็ต้องรักกูสิ ต่อให้นมแบน แต่กูไม่ได้ไปรักคนอื่น ไม่ได้คิดจะไปเปิดนมให้คนอื่นดูอีกแล้ว ถ้าเราอยากมีนมใหญ่ให้คนอื่นดู แต่เราคิดว่าเราไม่ได้อยากให้คนอื่นดูแล้วไง เราหยุดอยู่ที่เขาคนเดียว ชีวิตนี้เรามีเขาแค่คนเดียวแล้ว เราก็เอาออก ให้มันเป็นธรรมชาติ อุ้มมาออกกำลังกาย สายสปอร์ตแล้วไงคะ” อุ้ม ลักขณา กล่าว

ในตอนนี้ อุ้มและสามี ได้เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้ว ยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน ลูกคือความสุขที่สุดของอุ้ม ทุกครั้งที่มีปัญหา อุ้มมีครอบครัว มีนิวเคลียร์ มีพ่อแม่ มีน้องชาย

“อุ้มกับเขาก็เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วค่ะ ทางกฎหมาย และตัวอุ้มเองกับเขาก็อย่างที่ตกลงกัน เราจะยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน โดยพี่บอลรับผิดชอบเรื่องลูกไป อุ้มก็ต้องคัมแบ็กกลับมาทำงาน จากนี้จะรับงานในวงการ ห่างหายไปนาน ขอโอกาสนะคะ ต้องไปทำนมใหม่ไหมคะ (หัวเราะ)”

สำหรับคำถามที่ว่าได้พูดคุยกับลูกแล้วหรือยัง อุ้ม เปิดใจว่า อยากให้ลูกค่อย ๆ ปรับตัว บอกว่าลูกจะต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯนะ แต่ลูกไม่จำเป็นต้องมารับรู้ปัญหาของพ่อปม่ เพราะอุ้มไม่อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี ไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้ว

“เขาก็คงงงๆ ค่ะ ตอนนี้ถึงไม่ได้ย้ายออกมาจากเชียงใหม่ เราอยากให้เขามีโมเมนต์ค่อยๆ ปรับกับพี่สาวเขา พ่อเขา ก่อนที่เขาจะต้องแยกออกมาจริงๆ

ตอนนี้เขาพูดเสมอว่าเขาเกิดเชียงใหม่ เขาเป็นเด็กเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราก็พูดว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะพังนะ เราต้องซ่อมบ้านนะลูก เราต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาเรียนกรุงเทพฯ นะ เขาก็เริ่มเก็ต เริ่มเข้าใจ แต่เขาไม่จำเป็นต้องมารับรู้ว่าปัญหาของพ่อแม่คืออะไร ท้ายที่สุดแล้วอุ้มไม่ได้อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี หรือรู้สึกว่าพ่อแม่มีปัญหากัน หรือไม่ภูมิใจในตัวพ่อเขาหรือตัวอุ้ม ฉะนั้นเลือกได้อุ้มไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้วค่ะ” อุ้ม ลักขณา กล่าวทิ้งท้าย

‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ขออภัยโทษ แจกกล้วยสภาสูง ดัน ‘เศรษฐา’ มีลุ้น

ไม่น่าจะเลื่อนหรือล้มเลิกอะไรอีก… วันที่ 22 ส.ค.นี้ รัฐสภาก็จะได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 กันเป็นครั้งที่ 3 และในวันเดียวกัน ตอน 9.00 น. ‘คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ จะยกทีมไปต้อนรับการกลับบ้านของคุณพ่อ ‘นายทักษิณ ชินวัตร’

สองเหตุการณ์มาบรรจบกัน ในวันเดียวกัน… แบบนี้ต้องร้องอั๊ยหยา!!... เกือบๆ ฟ้าสะท้าน แผ่นดินสะเทือนทีเดียวเชียวแหละ!!

ว่ากันกรณีโหวตเลือกนายกฯ ก่อน พรรคเพื่อไทยดีลจบแล้ว ได้รัฐบาล 314 เสียง สูตร ‘มีลุง มีเรา สลายขั้ว สลายสี’ อาจจะคลุมๆ เครือๆ อยู่นิดหน่อย กรณีพรรคพลังประชารัฐของ ‘บิ๊กป้อม’ ยังไม่ปรากฏว่าผู้บริหารพรรคของฝั่งเพื่อไทยและพลังประชารัฐ ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ… แต่คาดว่า ในอีกวันสองวันนี้ก็คงแสดงความชัดเจนออกมา

วิเคราะห์ ตรวจสอบแล้ว แม้ว่าขณะนี้ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ จะถูก ‘นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ จอมแฉจ้วงแทงเอาหลายแผล อาการไม่สู้ดีนัก และเชื่อขนมกินเถอะ ว่าวันที่ 22 ส.ค.ที่จะถึงนี้ จะถูก สว.ตัวตึง 3-4 คน ขยี้แผลซ้ำก็ตาม… แต่ความที่พรรคสองลุงร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ภายใต้เงื่อนไข ‘เพื่อไทยไม่ยุ่ง-ไม่แก้มาตรา 112 และไม่เบี้ยวไปเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลในภายหลัง’ ก็ทำให้ สว.สายลุงที่เคยค้านสุดตัวหรือเตรียมงดออกเสียง เปลี่ยนใจมายกมือ ‘เห็นชอบ’ ด้วยเห็นแก่ประเทศที่จะต้องเดินหน้ากันมากขึ้น…

และไม่แค่นั่น… สายข่าวยืนยัน นั่งยัน ว่าขณะนี้ปฏิบัติการแจกกล้วยให้ สว.ผู้หิวโหยได้ดำเนินไปอย่างเอาการเอางาน และได้ผลค่อนข้างดี…

อย่างไรก็ตาม คะแนนของนายเศรษฐาก็ยังไม่ปลอดภัย… ได้เสียงสนับสนุนจาก 11 พรรค รวม 314 ต้องหาเพิ่มอีก 61 จึงจะครบ 375 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา… ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย…
ถ้านาทีสุดท้ายเกิด สว.ส่วนใหญ่ ‘งดออกเสียง’ ขึ้นมาล่ะก็นายเศรษฐาอาจชีช้ำไปตลอดชีวิต พรรคเพื่อไทยอาจเข็นคนป่วย ‘นายชัยเกษม นิติสิริ’ หรือทิ้งไพ่ตายให้ลูกสาวนายห้าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ก็ได้…

ดูเกมทั้งกระดานแล้ว… พรรคเพื่อไทยไม่ยอมสูญเสียเก้าอี้นายกฯ อย่างแน่นอน ยิ่ง ‘นายใหญ่’ เดินทางกลับบ้านในยามนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องคว้าเก้าอี้นายกฯ ให้ได้…

สำหรับกรณีที่นายทักษิณ ซึ่งมีโทษจำคุกจากคดีทุจริตที่ถึงที่สุดแล้วรวม 10 ปี สายข่าวระบุว่า ได้ทำการบ้านในเชิงข้อกฎหมายมาเป็นอย่างดี ทั้งประเด็นระยะเวลาจำคุกที่ทับซ้อนโทษจำคุกจริงน่าจะเหลือน้อย และคงใช้ช่องทางขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะตัวด้วย… ส่วนกรณีที่จะใช้ช่องทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจไม่จำเป็น อาจจะแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) เพียง 2 ฉบับ คือ ‘พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง’ และ ‘พ.ร.ป.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ’ เพื่อให้คดีเปลี่ยนจากไม่มีอายุความเป็น ‘มีอายุความ’ เพื่อที่นายทักษิณจะได้ใช้ระยะเวลาที่หลบหนีคดีลบล้างโทษได้…

ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งหลายทั้งปวง… ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตโลกสวยสักวัน ขอภาวนาให้รัฐบาลสลายขั้ว สลายสี เดินหน้าประเทศไทยไปให้ได้ ออกจากหล่ม 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งให้ได้สักครึ่งหนึ่ง ก็ยังดี… สาธุ!!

เปิดโผ จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ครม. ‘เพื่อไทย 1’ ‘คลัง-มหาดไทย-คมนาคม’ อยู่ พท. ส่วน ‘เกษตรฯ-สาธารณสุข’ ภท.คุม

เปิดโผ ครม.เพื่อไทย 1 จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้ว เพื่อไทยยึดคลัง มหาดไทย คมนาคม พาณิชย์ ยกเกษตร-สาธารณสุขให้ภูมิใจไทย รอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้…?

ล่าสุดสำหรับการทำงานของทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ได้ข้อสรุปหมดแล้ว ทั้งเรื่องการแบ่งกระทรวง และการจัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง ประกอบด้วย...

- เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากเพื่อไทย
- ชูศักดิ์ ศิรินิล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคพลังประชารัฐ
- ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากพรรคพลังประชารัฐ
- อำนาจ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย
- อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคเพื่อไทย
- ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคพลังประชารัฐ
- ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากเพื่อไทย
- เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยคลัง จากพรรคเพื่อไทย
- สรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- วิสุทธิ์ ชัยอรุณ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีข่วยคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย
- กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคภูมิใจไทย
- วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากพรรคพลังประชารัฐ
- ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อไทย
- ปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย
- วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ จากพรรคชาติไทยพัฒนา
- พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกนะทรวงท่องเที่ยว จากพรรคภูมิใจไทย
- พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล จากพรรคเพื่อไทย
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สุขสมรวย วันทนียกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จากพรรคภูมิใจไทย
- จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา จากพรรคเพื่อไทย
- ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากพรรคประชาชาติ

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวหมดแล้ว รอเพียงผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภา ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้เท่านั้น

‘ไบเดน’ ควง ‘ผู้นำญี่ปุ่น-โสมใต้’ จ่อประกาศความร่วมมือครั้งใหม่ เพิ่มความมั่นคง 3 ชาติ ผนึกกำลังเผชิญหน้า ‘จีน-เกาหลีเหนือ’

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมที่จะประกาศความร่วมมือด้านความมั่นคงครั้งใหม่ ในการประชุมสุดยอดไตรภาคี ร่วมกับประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้ และนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหวังที่จะเป็นการส่งข้อความที่หนักแน่นไปยังจีน ที่แสดงความไม่พอใจต่อการร่วมมือกันของทั้ง 3 ฝ่ายนี้อย่างเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้ พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันมานานหลายสิบปี หลังจากการที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีระหว่างปี 1910 – 1945 ซึ่งเต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดียุนของเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจที่จะหันมายุติข้อพิพาทกับญี่ปุ่นเรื่องการใช้แรงงานทาสในช่วงสงคราม และหันมาเรียกประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นพันธมิตร ท่ามกลางความตึงเครียดจากเกาหลีเหนือและจีน

ในการประชุมสุดยอดไตรภาคีครั้งนี้ที่จะมีขึ้นที่แคมป์เดวิด บ้านพักส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรัฐแมริแลนด์ ผู้นำของทั้ง 3 ประเทศจะบรรลุข้อตกลงในเรื่องการตั้งสายด่วนฉุกเฉิน 3 ฝ่าย การจัดซ้อมรบเป็นประจำ และจะตกลงที่จะจัดการประชุมสุดยอดไตรภาคีเช่นนี้ทุกปี โดยหวังที่จะกำหนดให้เป็นแบบแผนในความร่วมมือ 3 ฝ่ายนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฮิการิโกะ โอโนะ โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นยังระบุอีกว่า ในการประชุมดังกล่าวจะมีการตกลงกัน ถึงความจำเป็นในการหารือพูดคุยกัน ในขณะที่เกิดสถานการณ์วิกฤต และเดินหน้าในเรื่องการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์อีกด้วย ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่า เขามองการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ว่าเป็น ยุคใหม่ของความร่วมมือไตรภาคี “ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นพันธมิตรที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ในภูมิภาคแต่เป็นทั่วโลก” บลิงเกนกล่าว โดยคาดว่าจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องอื่นๆ นอกเหนือประเด็นในทวีปเอเชียด้วยเช่นกัน

ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีเหนือได้มีการยิงทดสอบขีปนาวุธอยู่บ่อยครั้ง และประเทศจีน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แสดงแสนยานุภาพมากขึ้น ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย จากความพยายามที่จะเรียกร้องกรรมสิทธิ์ทางทะเลที่มีข้อพิพาทและจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวัน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้หันมาร่วมมือกับจีน เพื่อช่วยกันพัฒนาภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าคุณจะย้อมสีผมให้เป็นสีทอง หรือทำจมูกให้แหลมแค่ไหน คุณก็ไม่มีวันเป็นชาวตะวันตกได้”

ด้านนายราห์ม เอมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น กล่าวว่า “เราได้สร้างบางอย่างที่จีนไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งที่เราอยากจะบอกคือเราเป็นมหาอำนาจ และมีตัวตนในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างถาวร และคุณสามารถมั่นใจในสหรัฐฯ ได้อีกนาน” นอกจากนั้นแล้ว นายเอมานูเอลยังกล่าวอีกว่า จีนควรที่จะเข้าใจว่า “เราคือมหาอำนาจที่กำลังอยู่ในขาขึ้น ขณะที่จีนกำลังอยู่ในขาลง”

‘โบว์ ณัฏฐา’ ตั้งข้อสังเกต!! ‘รองอ๋อง’ ใช้งบรับรองแขกเลี้ยงหมูกระทะ ติง ‘ไม่เหมาะสม-ไม่สมเหตุสมผล’ ด้วยเหตุผลหลายประการ

(19 ส.ค. 66) ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีการใช้งบรับรองแขกของรองประธานสภาฯ ไปจัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ นั้น ไม่เหมาะสมและไม่สมเหตุสมผลด้วยเหตุผลหลายประการ โดยส่วนตัวมีข้อสังเกตดังนี้…

1.) วัตถุประสงค์ของงบก้อนนี้ ให้ใช้เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมืองเป็นหลัก ในแต่ละปีจะมีคณะบุคคลหลากหลายมาขอเข้าพบประธานและรองตลอดปี เช่น คณะผู้แทนราษฎรหรือส่วนงานนิติบัญญัติจากต่างประเทศ ทูต ผู้แทนกระทรวง หรือคณะบุคคลจากรัฐบาล และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีวาระตามจุดประสงค์ของทั้งสองฝ่าย

งบก้อนนี้ไม่ใช่งบสวัสดิการพนักงาน มิฉะนั้น ประธานและรองก็สามารถเอางบนี้ พาพนักงานไปเที่ยวเล่นได้ทั้งปีโดยอ้างเหตุผลต่างๆ ได้

นี่คือการใช้งบผิดประเภท

2.) แม่บ้านจำนวนมากในสภาฯ นั้น มาจากบริษัท Outsource ที่ทางสภาฯ ทำการจัดจ้างมา และมีเงื่อนไขในการทำงานที่ตกลงกับบริษัทเอกชน หากพบว่ามีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม สิ่งที่สภาฯ ควรทำ คือการทบทวนสัญญากับบริษัท ให้มีความครอบคลุมถึงส่วนที่เกี่ยวกับสวัสดิการ และความเหมาะสมของเงื่อนไขในการจ้างพนักงาน (หลายคนถูกจ้างแบบรายวันต่อเนื่องเป็นปีๆ โดยไร้สวัสดิการ ซึ่งผิดกฎหมายแรงงาน หากต้องการให้รัดกุม ต้องมีการปรับรายละเอียดส่วนนี้ ให้ครอบคลุมการตรวจสอบในสัญญา ซึ่งคือสิ่งที่ทำได้เลยเพราะเป็นสัญญาระยะสั้น และรองประธานควรตรวจสอบได้เอง เพราะเป็นส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างภาครัฐกับเอกชน)

3.) สภาพแวดล้อมพื้นฐานในการทำงานของแม่บ้านสภาฯ ควรได้รับการปรับปรุงก่อน และเป็นสิ่งที่รองประธานย่อมมองเห็นได้เองอยู่แล้ว เพราะเป็นมาตรฐานที่ลูกจ้างทุกคนควรมี เช่นห้องพัก ที่เก็บของส่วนตัว และโซนรับประทานอาหารของพนักงาน เมื่อทำสิ่งเหล่านี้ หลังจากนั้น มีรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร ก็ดำเนินการทบทวนรายละเอียด โดยส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปได้ตามปกติ

เมื่อข้อเท็จจริงมีดังที่กล่าวมานี้ อีเวนต์เลี้ยงหมูกระทะที่เกิดขึ้นจึงไม่เหมาะสม ทั้งในเรื่องการใช้งบประมาณผิดประเภท การจัดเลี้ยงลูกจ้างของบริษัทเอกชนโดยไม่ติดต่อสื่อสารกับบริษัท การสร้างประเด็นข่าวจากสิ่งที่ควรเป็นงานปรับปรุงแก้ไขตามปกติในสภาฯ

และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการ ‘หาเสียง’ ด้วยการสร้างภาพกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของพรรคก้าวไกล โดยนำกลุ่มแม่บ้านสภาฯ ขึ้นมาเป็นตัวแทนประกอบฉาก ด้วยงบประมาณของรัฐฯ

‘ใหม่ สุคนธวา’ เดือด!! ถูกเพจเล่นข่าวแพ้ท้อง อยากกินของแปลก โยงเป็น ‘ร่างทรงครูกายแก้ว’ จนโดนทัวร์ลง ยัน!! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เดือดไม่ไหว!! คุณแม่ลูกสอง ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร เจอเพจมั่วโยงข่าวที่ตัวเองเคยแพ้ท้องลูกคนแรกแล้วอยากกินอะไรแปลกๆ มาผสมกับข่าวที่เป็นกระแสเรื่องการฆ่าหมาและแมวบูชายัญ ‘ครูกายแก้ว’ ที่คนกำลังแห่กราบไหว้กันอยู่ในเวลานี้

ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ต่อสายตรงสอบถามถึงเรื่องที่ออกมาโพสต์เดือด งานนี้ สาวใหม่ จัดหนัก ยืนยันเอาเรื่องเพจที่ลงข่าวถึงที่สุด หลังทำทัวร์ลงคนมาด่าโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด โดยบอกว่า…

“ตอนแรกก็ไม่ได้เดือดนะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย งงๆ อยู่ จนมีแฟนคลับคนหนึ่งแท็กมาให้แล้วก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นมันคืออะไร เราเลยกดเข้าไปดูอ้าว! มันเป็นเพจหนึ่งที่ชื่อว่า ‘น้องง’ ซึ่งมีคนติดตามเยอะมาก แล้วเขาก็เอารูปและข่าวเก่าที่เราเคยสัมภาษณ์กับไนน์เอ็นเตอร์เทนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วมาลง เขียนแคปชัน “ร่างทรงครูกายแก้วประทับ” บอกเลยว่างงมาก ตกใจ และโกรธมาก

แต่เราอยากจะแยกเป็น 2 ประเด็นก่อน ประเด็นแรกคือ ตอนนี้คนเข้าใจผิดคิดว่าเราโกรธนักข่าวไนน์เอ็น หรือว่าด่านักข่าวไนน์เอ็น ซึ่งไม่ใช่ แต่ที่เราโกรธคือเพจที่ชื่อว่า น้องง ที่เขียนแคปชันว่า “ร่างทรงครูกายแก้วประทับ” แต่ดันเอาข่าวของไนน์เอ็นที่เราเคยให้สัมภาษณ์ มาผสมกันกับกระแสตอนนี้ คนเลยเข้าใจผิดจนทัวร์ไปลงไนน์เอ็น ซึ่งอันนี้ก็ต้องขอโทษแทนแฟนคลับที่เขารักเราเลยโมโหแทนเรา”

“ประเด็นที่ 2 คือจุดประสงค์ของเพจนั้นต้องการเรียกยอดแชร์ ยอดไลก์ และยอดเมนต์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาก เขาเอากระแสในตอนนี้ให้มันมาเป็นข่าวเก่าของใหม่ ให้เกิดข่าวใหม่เกิดขึ้นมา มันก็เก่งเนาะ ใหม่ยอมรับว่าเคยให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นจริง นักข่าวถามว่าใหม่แพ้ท้องอ่ะแพ้อะไร ใหม่ก็พูดตามปกติ พูดเลยนะที่ใหม่อยากกินหมาหรืออะไรอย่างเนี้ยมันเบสิกมาก คนแพ้ท้องเขาจะแพ้อะไรที่อยู่ดีๆ เราไม่เคยกินมันจะอยากกินขึ้นมา บางคนอยากกินดิน หิน ทราย ยางรถยนต์ ตุ๊กแก จิ้งจก ซึ่งกลุ่มคนแพ้ท้องจะรู้กัน

แต่ต้องแยกแยะนะ พูดเนี่ยไม่ได้กินจริง มันเป็นอารมณ์มันเขี้ยวหมั่นไส้น้องหมาเรามากกว่า แบบอยากขยำอยากกินอะไรอย่างเนี้ย แต่ไม่ได้กิน มาดูที่บ้านได้ชิวาวา 3 ตัวยังอยู่เท่าเดิม ใครจะไปกินชิวาวา มันน่ารักแบ๊วขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ และมีสิตพอที่จะไม่กินหมา คนท้องไม่ได้คนบ้า คนท้องไม่ได้ประสาท คนท้องไม่ได้ผิดปกติทางด้านจิตใจ อันนี้โกรธนะ”

“แล้วก็เลยงงว่าทำไมหวยมาออกที่เราได้ไง ซึ่งมันก็มีแว้บนึงที่คิดนะ เอ๊ะ!! หรือว่าเราไปทำอะไรลบหลู่ดูถูกเหยียดหยามโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า แล้วท่านหรือครูกายแก้วมาลงโทษเราให้ทัวร์มาลงให้เป็นข่าวแบบนี้หรือเปล่า ทั้งที่ใหม่ไม่เคยลบหลู่หรืออะไรกับคนที่ศรัทธาท่านอยู่แล้ว” ใหม่ สุคนธวา กล่าว

ผลกระทบตอนนี้คือกลายเป็นคนกลัวเรา?
ใหม่ : “ใช่… คนกลัว ตอนนี้เหมือนคนกลัว เรามีของ เรามีองค์ เราเป็นครูกายแก้ว เรากินหมา บอกเลยไม่ได้เป็นปอบ

ทางเพจนั้นได้ติดต่อมาขอโทษไหม?
ใหม่ : “ไม่มี แต่ใหม่ติดต่อไป ไปด่าเลย บอกว่าลบเดี๋ยวนี้เลยนะ ทางนั้นก็แบบแม่… ขอโทษ หนูชอบแม่มาก แม่สวยมาก หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูจน แม่อย่าเอาเรื่องอะไรหนูเลย เราก็เลยบอกไปว่าไม่รับคำขอโทษ แล้วก็จะเอาคำขอโทษเป็นเงินด้วย ถ้าคนที่ติดตามผลงานเราหรือชอบเราจริงอย่างที่ปากพูด เขาคงไม่ทำร้ายเราด้วยข่าวหรือแคปชันแบบนี้หรอก ยืนยันว่าฟ้องเพจแน่นอน ส่วนคนที่คอมเมนต์ก็นั่งไล่แคปอยู่เหมือนกัน”

“ถ้าคนรักใหม่จริงๆ อยากให้ติดตามใหม่ทางช่องทางของใหม่เท่านั้น จะได้รู้นิสัยที่แท้จริงของใหม่ว่าเป็นยังไง ไม่ใช่ไปเชื่อในสิ่งที่คนคนหนึ่งเขียนแคปชัน แล้วก็มาด่าใหม่เป็นพันอ่ะ ด่าแรงด้วย อินี่มันบ้า ป่วย โรคจิต กินหมา คือด่างงอ่ะ บอกเลยคนด่าเยอะ เหมือนใหม่เป็นปอบอ่ะ” ใหม่ สุคนธวา กล่าวทิ้งท้าย

‘สืบสวนนครบาล’ ทลาย ‘แก๊งไข่หวง’ 4 เจ้าพ่อยาเสพติดไต้หวัน บุกรวบคาเซฟเฮ้าส์หรู พบยัดไอซ์ในเพลารถ เตรียมส่งข้ามชาติ 

(19 ส.ค. 66) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ, พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ/ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชัย สมสกุล ผกก.กก.สส.บก.น.1, พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส. 4/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.บดินทร์ ร้อยกรอง, พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว, พ.ต.ท.ทศพร พวงทอง, พ.ต.ท.เรวัช ประจวบสุข, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ธนัชพงศ์ วัชรราศีวิทย์, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น เจ้าหน้าที่ชุด ศอ.ปส.ตร.ชุดที่ 5 เจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาล และเหล่านักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 111 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายเฉิน ยู่ หนิง (Mr.Chen You Ning) อายุ 34 ปี, นายหลี่ หมิง เจิ้น (Mr.Lee Ming Chang) อายุ 26 ปี โดยจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 89/19 แขวงคลองสองตันนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

และจับกุมตัว นายเซิง เยี่ยน หมิง (Mr. Tseng, Yen-Ming) อายุ 31 ปี, นายหลิน เฉอ เฉิง (Mr.Lin Che-Cheng) อายุ 24 ปี, นายเฉิน ยี่ เหวิน (Mr.Chen, Yi-Wen) อายุ 23 ปี, นายชู ชุน เยน (Mr.Chu Chun Yen) อายุ 22 ปี ทั้ง 6 คนเป็นชาวไต้หวั่น และนายอภิญญา อุดม อายุ 24 ปี จับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 111/30 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรสาคร

พร้อมของกลาง แท่งเหล็กเพลากลางรถบรรทุก จำนวน 17 แท่ง, ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 1,057 กรัม, กัญชา จำนวน 10 กิโลกรัม, เครื่องมืออุปกรณ์เพื่อตัดแปลงท่อนเพลา เพื่อใช้ซุกซ่อนยาเสพติด กว่า 15 รายการ, ยาไฟว์ไฟว์ จำนวน 29 เม็ด, เครื่องปั่นใช้ผสมยาเสพติด จำนวน 2 เครื่อง, เคตามีน จำนวน 17 กรัม, ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) จำนวน 1 ชอง

พล.ต.อ.ชินภัทร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือน ส.ค. 66 พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ได้รับแจ้งจากสายลับ ‘กลุ่มชายชาวไต้หวันสักลาย’ ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งชุดสืบสวนนครบาลและนักเรียนสืบสวนคดีอาญา 111 สะกดรอยแก๊งชาวไต้หวั่นใช้แท่งเพลารถขนยาเสพติดข้ามชาติ

จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มแก๊งชาวไต้หวั่นระดับราชายาเสพติดไต้หวัน 4 ราย โดยให้ชื่อ ‘แก๊งไข่หวง’ เนื่องจากผู้สั่งการรายใหญ่ชื่อ ‘ไข่หวง’ อยู่ประเทศไต้หวั่น โดยแก๊งผู้ต้องหาดังกล่าวได้ถูกทางการไต้หวันออกหมายจับตามล่า จึงหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย จากการตรวจสอบพบว่า มีการทำงานเป็นขบวนการ โดยให้ทีมงานมาเช่าหมู่บ้านหรูใจกลางกรุงย่านกรุงเทพกรีฑา โดยเช่าบ้านเดือนละ 60,000 บาท ใช้เป็นพื้นที่ในการรับ-ส่งออกยาเสพติด ใช้บริการรถจักรยานยนต์ขนส่งตลอดทั้งวัน ชุดสืบสวนจึงได้แผนนำวางกำลังซุ่มโปร่งแอบดูจนพบว่า มีซุกซ่อนแท่งเพลา 17 แท่ง ห่อแร็บเตรียมส่งออกนอกไปนอกประเทศ

ต่อมาเวลา 08.10 น. ของเช้าวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะมีการเคลื่อนย้ายแท่งเพลาไปขึ้นเรือขนส่งทางทะเล พล.ต.ต.ธีรเดช พร้อมทีมชุดสืบสวน นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรีที่ 535/2566 ลงวันที่ 17 ส.ค. 66 บุกเข้าเซฟเฮ้าส์ บ้านเลขที่ 89/19 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง จ.กรุงเทพมหานคร พบนายเฉิน ยู่ หนิง (Mr.Chen You Ning) และนายหลี่ หมิง เจิ้น (Mr.Lee Ming Chang) อยู่บริเวณดังกล่าว ท่าทางมีพิรุธ ก่อนตรวจสอบท่อนเพลาดังกล่าว จากการตรวจสอบพบของกลางยาไอซ์และกัญชาร่วงออกมาจำนวนมาก และยังพบอุปกรณ์การเชื่อมเหล็ก หินเจีย และอีกหลายรายการที่มีไว้เพื่อตัดแปลงท่อนเพลา เพื่อใช้ซุกซ่อนยาเสพติด ก่อนนำส่งออกไปยังประเทศไต้หวัน

จากการตรวจสอบขยายผลนายเฉิน ยู่ หนิง (Mr.Chen You Ning) หัวหน้าขบวนการก่อนนำพาเจ้าหน้าที่ไปบุกไปที่ บ้านเลขที่ 111/30 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นที่กบดานของแก๊งไข่หวงที่ผลิตยาแฮปปี้วอเตอร์ และใช้เป็นพื้นที่ ‘ปาร์ตี้ยา’ พบของกลางยาเสพติด ยาไอซ์, เคตามีน,ไฟว์ไฟว์ และแฮปปี้วอเตอร์ จำนวนหลายรายการ รวมไปถึงของจำพวก ซองเปล่า, เครื่องปั่น เพื่อใช้ใส่ยาแฮปปี้วอเตอร์ในจำนวนมาก ก่อนพบและจับกุมผู้ต้องหาในบ้านได้อีกกว่า 5 ราย ขณะพยายามวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ขึ้นชั้นบน เพื่อทำลายพยานหลักฐานในบ้าน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เดินทางมาควบคุมขยายผลด้วยตัวเองก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวนนายเฉิน ยู่ หนิง (Mr.Chen You Ning) หัวหน้าขบวนการแก๊งไข่หวง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เมื่อ 7 เดือนก่อน ตนได้ถูกตำรวจไต้หวันจับกุมที่ประเทศไต้หวัน และออกข่าวดังเพราะเป็นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ แต่ได้จ้างทนายสู้คดีและประกันตัวออกมา ก่อนจะหนีออกนอกประเทศไต้หวันด้วยการแอบขึ้นเรือสินค้า เป็นเวลากว่า 15 วัน จนถึงประเทศกัมพูชา จากนั้น จึงค่อยเดินทางเข้ามาตั้งฐานทัพใหม่ในประเทศไทย จนทางการไต้หวันได้ออกหมายจับและตามล่าตน

โดยปัจจุบันตนมาตั้งฐานทัพที่ประเทศไทยและอยู่ระหว่างค้นหาวิธีการที่จะส่งออกยาเสพติดไปยังประเทศไต้หวัน โดยมีผู้ร่วมขบวนการชื่อว่า ‘เสี่ยวผ้าง’ ซึ่งอยู่ในประเทศไต้หวัน และคอยรอรับยาเสพติดจากตนที่ส่งไปจากประเทศไทย ตนได้เห็นจากข่าวเรื่องการลักลอบขนส่งยาบ้า และเฮโรอีนโดยทำการผ่ายัดลงไปในเพลารถ และเชื่อมเพื่อปกปิดทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย จึงลองนำมาใช้ โดยตนนั้นได้ขับรถไปซื้อเพลารถที่ จ.ชลบุรี โดยยาเสพติดที่หามานั้นซื้อมาจากเพื่อนชาวไต้หวัน ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 1 กก. ในราคา 230,000 บาท และซื้อกัญชา มาจากร้านค้าทั่วไปในกรุงเทพฯ จำชื่อร้านไม่ได้ โดยซื้อมาจำนวน 40 กก. ในราคา 70,000 บาท และจะชำระเงินกันผ่านช่องทางแพลตฟอร์ม Cryptocurrency สกุลเงิน usdt หลายแอปพลิเคชัน หากหลุดรอดไปได้จากขายได้ 10 เท่า เพิ่มเป็น 7 แสนบาท หากนำไปแบ่งขายได้ประมาณ 2.5 ล้านบาท

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คนร้ายกลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นสมาชิกแก๊งขนส่งยาเสพติดข้ามแดนรายใหญ่ ที่ทางการประเทศไต้หวันต้องการตัว จากการขยายผลหัวขบวนการรายนี้ถูกตามล่าจากทางการไต้หวัน จึงหลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติเพื่อกบดาน และใช้ประเทศไทยเป็นฐานสร้างเครือข่ายในการขนส่งยาเสพติดกลับไปยังประเทศไต้หวัน และล่าสุดแก๊งนี้กำลังทดลองเพื่อส่งออกยาไอซ์แต่ทำไม่สำเร็จถูกจับกุมเสียก่อน

หลังปฏิบัติการนี้ ทางการเจ้าหน้าที่ไต้หวันได้ประสานงานมาที่ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในทันทีเพราะผู้ต้องหาในขบวนการนี้เป็นที่ต้องการตัวของทางการไต้หวันเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะขยายผลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันให้ถึงที่สุด เพราะปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาความมั่นคงระดับชาติที่หยั่งรากฝังลึกในสังคมไทย และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก

ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วนลำดับแรก และสั่งการเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทุกมิติ และขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่ Facebook เพจ ‘สืบนครบาล IDMB’ ตลอด 24 ชั่วโมง

‘รมว.สุชาติ’ สั่ง ‘สปส.’ มอบเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต กรณีลูกจ้างถูกแผ่นเหล็กสะพานข้ามแยกบางกะปิร่วงทับ

(19 ส.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมมอบเงินประโยชน์ทดแทนกรณีเสียชีวิต ให้กับทายาทของนายอานันต์ ลองศรี จากเหตุการณ์แผ่นเหล็กยาว 10 เมตร ใต้ท้องสะพานยกระดับข้ามแยกบางกะปิ ถนนเสรีไทย เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ หล่นลงมาทับคนงานด้านล่างระหว่างรื้อถอน จนเป็นเหตุให้ลูกจ้างเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคม เร่งให้ความช่วยเหลือแก่ทายาทของผู้เสียชีวิตโดยด่วน ผมจึงได้มอบหมายให้นางกำไร บุ้งจันทร์ ประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยนางสาวรัชดา อุดมมงคลกิจ หัวหน้าสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี สาขากุมภวาปี และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่มอบเงินกรณีเสียชีวิต ให้แก่ทายาทของนายอานันต์ ลองศรี ซึ่งเป็นลูกจ้างของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟองวิน เอ็นจิเนียริ่ง

โดยในวันเกิดเหตุแผ่นเหล็กคานสะพานยาว 10 เมตร ที่อยู่ใต้ท้องสะพานยกระดับแยกบางกะปิ ที่อยู่ระหว่างซ่อมแซม ได้ร่วงลงมาทับร่างคนงาน ขณะนำรถเครน 2 คัน ขึ้นผูกแผ่นเหล็กใต้ท้องสะพานข้ามแยกดังกล่าว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 รายปัจจุบันกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว ส่วนผู้ที่เสียชีวิต 1 ราย คือ นายอานันต์ ลองศรี ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ทายาทของผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน เป็นค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทนกรณีเสียชีวิตร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 10 ปี เป็นเงิน 1,512,000 บาท เงินบำเหน็จชราภาพ 54,394.66 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,616,394.23 บาท โดยมอบให้กับนายบุญหลาย ลองศรี บิดา และครอบครัว ณ บ้านพักอาศัย ตำบลโพธิ์สำราญ อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคม พร้อมดูแลลูกจ้าง ผู้ประกันตน รวมถึงทายาทของผู้เสียชีวิตที่ประสบเหตุ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วน และเข้าถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทันท่วงที นายบุญสงค์ กล่าวในตอนท้าย

‘ลิซ่า BLACKPINK’ ดีใจจนยิ้มไม่หุบ!! หลังบลิ๊งค์ให้ยาดมแพ็กใหญ่กลางคอนเสิร์ต

(19 ส.ค. 66) การเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกของ 4 ซุปเปอร์สตาร์สาวระดับโลกอย่าง BLACKPINK เตรียมปิดฉากการเดินทางอันยาวนาน 11 เดือนตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จัดแสดงคอนเสิร์ตกว่า 22 ประเทศและมากกว่า 60 รอบ ด้วยคอนเสิร์ต ‘BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] FINALE IN SEOUL’ กรุงโซล เกาหลีใต้ พร้อมเปิดรอบออนไลน์อีกด้วย

ในปัจจุบันทั้ง 4 สาวกำลังเดินหน้าตามตารางทัวร์คอนเสิร์ตในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อ 18 ส.ค. ที่ผ่านมาแสดงคอนเสิร์ตที่ลาสเวกัส ทำแฮชแท็ก #BORNPINKinALLEGIANTSTADIUM #BORNPINKinVegas ติดเทรนด์ทั่วโลก ภายในคอนเสิร์ตเต็มไปด้วยบรรยาอากาศสุดฮอต ร้อนแรงยิ่งกว่าแดด แทบจะไฟท่วมกันเลยทีเดียว

ก่อนจะมีคลิปวิดีโอไวรัลของสาว ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ ที่แสดงอาการดีอกดีใจ ยิ้มกว้างบนเวทีในรอบซาวด์เช็ก หลังบลิ๊งค์คนหนึ่งพยายามที่มอบของขวัญให้ลิซ่า ซึ่งของขวัญที่ทำให้สาวลิซ่าดีใจได้ขนาดนี้ ไม่ใช่ขนม, กระเป๋า, เครื่องประดับ หรือเสื้อผ้า แต่เป็น ‘ยาดมสมุนไพร’ ที่มีมาให้ถึง 1 แพ็ก ราว 12 ชิ้นเลยทีเดียว!!

งานนี้ เจ้าตัวเดินอวดเพื่อน ๆ ในวงเพียบ ทำสาวโรซ่าแซวว่า “โอโห้ ยาดมเยอะมาก”

ทั้งนี้ เมื่อวันครบรอบการเดบิวต์ 7 ปี วง BLACKPINK ลิซ่าได้ออกมาไลฟ์สดครั้งแรก พร้อมเผยเป็นภาษาไทยว่า…

“ขอบคุณพี่บลิ๊งค์ทุกๆ คนนะคะ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจตลอด ช่วงนี้ทัวร์คอนเสิร์ตด้วย คือ ไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็ตาม ก็จะมีป้ายภาษาไทยอยู่ทุกประเทศ หนูรู้สึกว่า พอเห็นก็ชื่นใจ”

“คือดีใจอยู่แล้วที่ได้เจอบลิ๊งค์ทุกๆประเทศ แต่บางทีตอนอยู่บนเวทีเอนเนอร์จี้เรายังไม่มา แต่พอเห็นป้ายภาษาไทยทุกประเทศ ก็ฮึดสู้ และไม่ว่าจะไปประเทศไทย บลิ๊งค์ทุกประเทศจะเอนจอยมากๆ” ลิซ่า กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top