Friday, 3 May 2024
Crimes

มาไม่หยุดทุกพื้นที่ชายแดน…!!! กองกำลังสุรสีห์ จับอีกระลอก 21 คนเมียนมา-กัมพูชา หลบเข้าประเทศทางช่องธรรมชาติพื้นที่ชายแดน

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.กองทัพภาคที่​ 1​ โดยกองกำลัง สุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) โดย หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) ร่วมกับ สภ.ไทรโยค, สภ.สังขละบุรี, ร้อย.ตชด.136 เเละฝ่ายปกครอง  ลาดตระเวนตรวจถึงบริเวณเส้นทางธรรมชาติ บ.ท้ายเหมือง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ตรวจสอบพบเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เลยแสดงตัวเข้าจับกุม จำนวน 9 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 2 คน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจยังพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย อีกจำนวน 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน กำลังเดินเข้ามายังบริเวณสวนยาง บ้านทิโคร่ง ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทางหน่วยจึ่งได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิ เเละนำตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ต่อมาวันที่ 30 พ.ค.เวลา 01.00 น. กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา)  โดยชุด

คทร.ฉก.ตาพระยา ตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 7 คน ชาย 3 คน หญิง 3 คน และเด็กหญิง 1 คน พร้อมชายไทย 1 คน เป็นคนดูต้นทาง บริเวณบ้านทัพสยาม อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จากการสอบถาม ทั้งหมดให้การว่าจะเข้าไปหางานทำในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวสั่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรคต่อไป

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลาจังหวัดศรีสะเกษ จับกุมมอดไม้เขมร ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา แจ้งมาว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา จ.ศรีสะเกษ ขอรายงานการกระทำผิดกฏหมายว่าด้วยการป่าไม้ ประจำวันที่ วันที่ 30 พ.ค 2564  ดังนี้

           1. วันที่ 30 พ.ค. 2564 เวลา 14.54 น. ศูนย์พิทักษ์ป่าที่ 1 (ชุด Smart Patrol) จับกุมชาวกัมพูชา 3 คน 1.นายโคน รุน อายุ  24  ปี  2.นายโพลี สา  อายุ  19  ปี  3.นายคน วันดี อายุ  19  ปี  ทั้ง 3 คน อาศัยอยู่บ้าน/ภูมิ โอสวาย ตำบล/คุ้ม โอสวาย อำเภอ/สรกมตอเปียงประสาท  จังหวัด/เขต อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา  ทั้งนี้ ได้ประสาน จนท.สาธารณสุข รพสต.บ้านนาตราว ทำการคัดกรอง Covid-19 เบื้องต้น ตามมาตรการป้องกันฯของจังหวัดศรีสะเกษ

           2. แจ้งข้อกล่าวหา กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11,48, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พศ.2507 มาตรา 14 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562  มาตรา 53,55(5)  สำหรับ ความผิดพรบ.คนเข้าเมือง พศ.2522 และ  พรบ.อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้ขอความร่วมมือพนักงานสอบสวน ดำเนินการ

           3. ตรวจยึดไม้พะยูงแปรรูป จำนวน 8 ท่อน ปริมาตร 0.125 ลูกบาศก์เมตร พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด ขวาน จำนวน  1  เล่ม หัวไฟคาดศีรษะ จำนวน 2 อัน ตลับเมตร จำนวน 1  อัน เลื่อยลันดา จำนวน 1 ปื้น จอบ จำนวน 1 ด้าม เสียม จำนวน 1 ด้าม  นำส่ง พงส.สภ.ขุนหาญ อำเภอขุนหาญ  จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

           4. เหตุเกิดเมื่อวันที่  30  พ.ค. 2564  เวลา  14.54 น.  บริเวณป่าทางทิศใต้พนมโพธิ์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา  ทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติ  “ป่าฝั่งขวาห้วยศาลา” ท้องที่ตำบลห้วยจันทร์  อำเภอขุนหาญ  จังหวัดศรีสะเกษ  ห่างจากชายแดนไทย - กัมพูชา ประมาณ  10  กิโลเมตร  พิกัดตรวจยึดจับกุม UTM 48 P427922 E 1599051 N   


ข่าว/ภาพ  บุญทัน  ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม จับผู้ต้องหาค้ากัญชา พร้อมรถตู้ริมฝั่งโขง

วันที่ 30 พ.ค.64 ที่ บก.นรข.เขตนครพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นอ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผบ.นรข.เขตนครพนม แถลงว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.64 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดหลักศิลา บ.หลักศิลา ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงได้สั่งการให้ น.ท.พิเชษฐ์ เมืองโคตร หน.สน.เรือธาตุพนม จัดชุดลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจบริเวณดังกล่าว

จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.50  น.ได้มีรถตู้ต้องสงสัยจำนวน 1 คัน ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ฮย3004 กทม. ได้ขับมาจอด ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดหลักศิลา บ.หลักศิลา ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนท. ชุดลาดตระเวน ที่ซุ่มอยู่ห่างจากจุดรถตู้ต้องสงสัยประมาณ 50 เมตร เมื่อรถตู้ดับเครื่องยนต์ได้เห็นชายต้องสงสัยซึ่งเป็นคนขับรถตู้คันดังกล่าวเปิดประตูเดินลงมาจากรถเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายของรถตู้ เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น ชายต้องสงสัยและรถตู้คันดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นายพัฒนชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ที่อยู่ 151 หมู่ที่ 7 ต.นาดี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์

จากการตรวจสอบในบริเวณพื้นที่ที่รถตู้ต้องสงสัยจอดอยู่ พบห่อสีดำจำนวน 3 ห่อ และกระสอบถุงปุ๋ย จำนวน 5 กระสอบอยู่บริเวณด้านข้างรถและห่อสีดำจำนวน 1 ห่ออยู่ในตัวรถ เจ้าหน้าที่ฯ นำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมด มาที่ สน.เรือธาตุพนม เพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ภายในกระสอบเป็นกัญชาอัดแท่ง 180 แท่ง/กก. นำของกลางกัญชา พร้อมผู้ต้องหา และรถยนต์ ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.หลักศิลา อ.ธาตุพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป       


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัสผสข.นครพนม

คุมเข้มสกัดโควิด ชายแดนไทย-มาเลเซีย หวั่นแรงงานลอบเข้าเมืองทะลัก หลังมาเลเซียปิดประเทศ

นายอำเภอเบตงกำชับ หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ตชด. ฝ่ายปกครอง  "เบตง" บูรณาการร่วม ออกลาดตระเวนตามแนวกำแพงชายแดนไทย-มาเลเซีย ป้องกันกลุ่มแรงงานไทย และต่างด้าวในมาเลเซียลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย หลังมาเลย์ประกาศคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ 1 -14 มิ.ย.64 เพื่อป้องกันผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

วันที่ 31 พ.ค.64 ที่ด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ตรงข้ามกับด่านเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย  นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ชุดป้องกันชายแดนที่ 4 ตำรวจ สภ.เบตง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง  ตชด. ชุดเฝ้าตรวจชายแดน  อส.อำเภอเบตง  ออกลาดตระเวนตามแนวกำแพงตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขาและช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองโควิด-19 และกักตัว 14 วัน ของกลุ่มแรงงานไทยและต่างด้าวในมาเลเซีย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำพาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ชายแดนไทย หลังจากประเทศมาเลเซียกำลังเผชิญกับการระบาดที่มีความรุนแรง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังพบการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์แอฟริกา สายพันธุ์อินเดียและในประเทศมาเลเซียอีกด้วย

นายอำเภอเบตง กล่าวด้วยว่า พรุ่งนี้เป็นวันแรกของการปิดประเทศมาเลเซีย และอาจจะมีชาวไทยมุสลิมในมาเลเซียที่เข้าเมืองมาผิดกฏหมายลักลอบกลับเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโควิด-19 ส่วนบรรยากาศที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่กองอำนวยการร่วมประสานงานประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ได้ร่วมกันคัดกรองแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากมาเลเซีย โดยต้องผ่านการฉีดยาฆ่าเชื้อ ตรวจสัมภาระ ซักประวัติ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมกักตัว 14 วัน ที่ศูนย์ Local Quarantine ในพื้นที่จังหวัดยะลา

ล่าสุดทางการมาเลเซียประกาศออกคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 -14 มิ.ย.64  เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังพบการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์แอฟริกาและอินเดีย ในประเทศมาเลเซียด้วย โดยมีคำสั่งห้ามประชาชนเดินทางระหว่างรัฐ รวมทั้งการเดินทางข้ามพื้นที่ภายในรัฐ ตลอดจนยังห้ามประชาชนมีกิจกรรมที่ต้องรวมกลุ่มกัน โดยมาตรการใหม่นี้เริ่มใช้ในวันที่ 1 -14 มิ.ย.64

นอกจากนี้มีคำสั่งปิดสถานศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของธุรกิจ ผู้ประกอบการค้าต่าง ๆ ยังคงอนุญาตให้เปิดทำการได้ต่อไปแต่ต้องมีหนังสือรับรองของบริษัทหรือองค์กรที่สังกัดอยู่จึงสามารถเดินทางได้ขณะที่ธุรกิจ ผู้ประกอบการค้าต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมือกับทางการโดย พนักงาน เจ้าหน้าที่ ของบริษัท ห้างร้าน  ต้องใส่แมส ตลอดเวลาในการทำงาน และต้องตรวจอุณหภูมิ ร่างกาย ก่อนเข้าบริษัท


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้เสียหายคดียาเสพติด พร้อมมอบนโยบายแก่ข้าราชการตำรวจ

วันนี้ 1 มิถุนายน 2564 พลตำรวจเอก วิสณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายัง กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 โดยมี พลตำรวจตรี จรัล จิตเจือจุน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พร้อม พลตำรวจตรี สรศักดิ์ ชนะสิทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การต้อนรับ จากนั้นเดินทางพร้อม นาย สุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ไปยังบ้านผู้เสียหายคดียาเสพติด ที่ ต.วังโตนด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เพื่อมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือเป็นขวัญ-กำลังใจ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในทางคดีจะให้ความเป็นธรรม

สำหรับผู้กระทำความผิดถ้ามีมูลกระทำความผิดจริงจะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยร้ายแรงและทางอาญา ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง  กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการข่าว กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ถูกพาดพิงว่ากระทำการเรียกรับเงินจากการปฏิบัติหน้าที่ ตามข่าวในสื่อออนไลน์ สำนักข่าวไทย OnIine วันที่ 25 เมษายน 2564 เสนอข่าว "แม่ร้องทุกข์สื่อ ไขปมคลิปเสียงสนทนากับลูกสาว หลังถูกคนในเครื่องแบบอุ้มหายตัวไป กักขัง อ้างถูกจับยาเสพติดพร้อมรีดเงิน 30,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวลูกสาว"

ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2563 ข้อ 6(2) จึงให้ข้าราชการตำรวจจำนวน 8 นาย ปฏิบัติราชการที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1(งานการข่าว)โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม.ซึ่งทางท่านพลตำรวจเอก วิสณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่าทุกเรื่องต้องรวดเร็วตรวจสอบได้และเป็นธรรมจากนั้นได้เดินทางต่อมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยม-มอบแนวทางปฏิบัติ พร้อมมอบพระพุทธรูปให้กับ ข้าราชการตำรวจทุกสภ.ในสังกัดภูธรจังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นขวัญ-กำลังใจและให้มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมต่อไป


ภาพ/ข่าว เอกลักษณ์ อานาภรณ์ ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

ศรชล.จับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 25,000 ลิตร ปรับกว่า 1.78 ล้านบาทเข้าหลวง

เมื่อวันที่ 31 พ.ค.64 ระหว่างเวลา 15.00-22.00 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดย ศรชล.จังหวัดสมุทรปราการ ให้ นาวาเอก สุระชัย ยงกัน รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดสมุทรปราการ อำนวยการให้ ศคท.จว.สป. ส.รน.๓ กก.๔ บก.รน.  จท.ภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ และ สรรพสามิตสมุทรปราการ ตรวจสอบจับกุมเรือ ธนธานี เป็นเรือประเภทบำบัดของเสีย แอบบรรทุกน้ำมันดีเซล ซึ่งยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต มีลูกเรือจำนวน 2 คน สัญชาติไทยทั้งหมด โดยไม่มีเอกสารหลักฐานการเสียภาษีสรรพสามิต และหลักฐานผ่านพิธีการทางศุลกากรมาแสดง ในระวางบรรทุกน้ำมัน จำนวน 25,000 ลิตร จึงได้ควบคุมลูกเรือ จำนวน 2 คน มาที่สรรพสามิตสมุทรปราการ เพื่อนำตัวผู้ต้องหาส่งผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ ตาม พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 

ผลการดำเนินการตามกฎหมาย ได้เปรียบเทียบปรับตาม พรบ.สรรพสามิต เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 1,787,100 บาท ต่อไปแล้ว


ภาพ/ข่าว ปชส.ศรชล.ภาค 1

ชายแดนไทยเมียนมา ริมน้ำสาละวิน สงบต่อเนื่อง 5 วัน เจ้าหน้าที่ทหารราบที่ 7 และทหารพราน 36 เข้าดูแลรักษาพยาบาลและมอบของอุปโภคบริโภค ให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบจากเมียนมา ทั้ง 4 แห่ง

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดน ไทย - เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 1มิ.ย. 64 เวลา 12.00 น ว่าสถานการณ์การสู้รบฝั่งเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 64 เวลา 17.00 น. เป็นต้นมา ไม่มีการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง KNU ด้านตรงข้าม อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และยังคงไม่มีการปฏิบัติการทางอากาศในฝั่งประเทศเมียนมา เป็นระยะเวลา 32 วัน

สำหรับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในประเทศเมียนมา จำนวน 363 คน ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง จำนวน 255 คน ดังนี้ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยมะระ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 7คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยจอกลอ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 80 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยโกเกร๊ะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 135 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณบ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จำนวน 33 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการรักษาพยาบาลเบื้องต้น และมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวทั้ง 4 แห่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือขั้นต้นตามหลักมนุษยธรรม

ทางด้าน ราษฎรไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ยังอยู่ในพื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน 2 แห่ง จำนวน 189 คน อยู่ในพื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน ห้วยกองกูด ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 168 คน พื้นที่ตำบลรวบรมพลเรือน ห้วยกองคา ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียงจำนวน 21 คน   


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ตำรวจอุบลฯ รวบแก๊งรับจ้างส่งยาบ้าข้ามชาติได้ 1 อีก 1 รอดหวุดหวิด พร้อมยาบ้ากว่า 42,000 เม็ด

วันที่ 1 มิ.ย.64 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ด่านสุวรรณ รอง ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ และของกลางยาบ้า จำนวน 42,000 เม็ด พร้อมด้วยผู้ต้องหา จำนวน 1 คน      

   

สืบเนื่องมาจาก พ.ต.อ.ชาญชัย อินนราผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป  รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าสามารถสั่งยาเสพติด (ยาบ้า) จากพ่อค้ายาเสพติดชื่อท้าวอ๊อด (ชาวสปป.ลาว) ได้  21 มัด ๆละ 25,000 บาท  จำนวน 42,000 เม็ด เมื่อได้รับแจ้ง พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป จึงได้วางแผนจับกุม โดยนัดส่งยาเสพติดกันที่ ชายป่าบ้านคำสง่า หมู่ที่ 11 ต.หนองนกทา อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 

หลังจากนั้นจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดักซุ่มจับกุมที่จุดดังกล่าว ในวันที่ 30 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาประมาณ  09.00 น. ได้มีชายสองคน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกสีดำไม่ติดแผ่นป้าย เข้ามายังจุดนัดหมายคือชายป่าบ้านคำสง่า โดยชายคนซ้อนท้ายถือลังกระดาษ เมื่อมาถึงชายสองคนได้เจอกับสายลับตามที่นัดกันไว้ และในขณะเดียวกันนั้น สายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่ในบริเวณดังกล่าว

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ออกจากจุดซ่อนตัวแล้วแสดงตัวเพื่อจับกุม เมื่อชายทั้งสองคนรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตกใจได้วิ่งหลบหนี  แต่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมตัวได้ 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี  พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 21 มัด จำนวน 42,000 เม็ด ส่วนผู้ต้องหาอีกคน วิ่งหลบหนีไปได้  

เบื้องต้น นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) รับสารภาพว่า ผู้ชายอีกคนที่หลบหนีไปได้ ชื่อ นายคณินธร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตน โดยก่อนถูกจับกุมในครั้งนี้ ตนและนายคณินธร ได้รับจ้างขนยาบ้าจากนายอ๊อต (ชาวสปป.ลาว) โดยนายอ๊อต ให้นำยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้า ที่บริเวณชายป่าบ้านคำสง่า โดยพวกตนทั้ง 2 คน จะได้รับค่าจ้างเป็นยาบ้าจำนวน 2000 เม็ด 

ซึ่งที่ผ่านมาพวกตนทั้งสองคน เคยรับจ้างขนยาบ้ามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้ ดวงไม่ดี จึงถูกจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายศักดิ์ชัย ว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ จ.อุบลฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้ทำการขยายผลเพื่อจะได้ติดตามจับกุมเครือข่าย ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมตัว มาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ศูนย์ข่าวอุบลฯ 

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการชุมชนยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติด และชื่นชมตำรวจได้รับความร่วมด้านปราบปรามยาเสพติดทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมโครงการการดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่บริเวณศาลาประชาคมบ้านตาดใหญ่  ต. ห้วย อ. ปทุมราชวงศา จ. อำนาจเจริญ ว่าจัดทำโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่กำลังเป็นภัยต่อประเทศชาติจากที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ทหาร เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโครงการการดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร ยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีสถานีตำรวจภูธรทั่วประเทศ จำนวน 6,483 สถานี สถานีละ 1 แห่ง ผลการปฏิบัติงานภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทาง ผวจ. อำนาจเจริญเสนอให้ในพื้นที่ จ. อำนาจเจริญควรเพิ่มสถานีละ 8- 10 แห่ง

พล.ต. อ. มนู ยังได้จัดแถลงผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจ ชุดปฏิบัติการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดร่วมกับสืบ สภ.ชานุมาน  เมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดจับกุมยาบ้าที่ลักลอบมาจากแนวชายแดนไทย-ลาวด้านฝั่งแม่น้ำโขง อ.ชานุมาน ตำรวจยึดยาบ้าได้ทั้งสิ้น 50,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 2 คัน ผู้ต้องหา 4 คนเป็นราษฎรจากจังหวัดสารคามและ จ.บุรีรัมย์ ขณะจำนำยาบ้าออกจากพื้นที่ จ. อำนาจเจริญ

ผลการดำเนินการการจับกุมคดียาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั้งหมด จับกุม 2,267 ผู้ต้องหา 2,307 คน ของกลางยาบ้า 860,000 เม็ด มูลค่า ประมาณ 5,464,500 บาท การปฏิบัติหน้าที่เป็นที่น่าพอใจ พล.ต.อ.มนู กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายคู่  บุญมาศ   

ผบ.ฉก.นราธิวาส รุดลงเรือลาดตระเวนทางน้ำ สั่งคุมเข้มตามแนวชายแดน เพิ่มมาตรการควบคุมพื้นที่ เน้นย้ำ ชป.จรยุทธ์ ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ป้องกันผู้หลบหนีเข้าเมือง ในห้วงมาเลเซียสั่งล็อกดาวน์ประเทศ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย ที่ยังคงมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 43 ของโลก และอันดับที่ 3 ของอาเซียน ผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 565,533 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2,729 ราย ส่วนรัฐที่ติดกับชายแดนไทย ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส คือ รัฐกลันตัน มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 27,093 ราย โดยมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดฯ ทั้งการล็อกดาวน์ประเทศ (ระลอกแรก) ซึ่งที่ผ่านมาหลังนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ออกประกาศ Total Lockdown ตั้งแต่ 1 – 14 มิถุนายน 2564 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดหนักของโควิด-19 หลังผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 9,700 คนต่อวัน

วันนี้  6 มิถุนายน 2564 พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  พร้อมด้วยพันโท กฤตณ์พัทธ์ กรกัน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 และ รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน รุดลงเรือลาดตระเวนทางน้ำ ตลอดแนวลำน้ำสุไหงโกลก โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศมาเลเซีย ที่ยังคงมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากกรณี มีผู้ลักลอบหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย นำโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกามาแพร่ระบาดในพื้นที่ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสของประเทศไทย  จึงคาดว่าจะมีแรงงานต่างด้าวและคนไทยบางส่วน มีความพยายามจะหลบหนีข้ามแดนเข้ามาฝั่งประเทศไทยได้อีก หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  จึงได้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี ณ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 หมู่8 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เพื่ออำนวย การปฎิบัติงานในการควบคุมในพื้นที่รับผิดชอบ และเขตพื้นที่รอยต่อ พร้อมจัดชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ลาดตระเวนทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ใช้กำลัง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ อาสาสมัครประจำพื้นที่  รวมถึงใช้เครื่องมือพิเศษในการสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 สกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบข้ามแดนมาได้โดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ชุดป้องกันชายแดน  พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานและสั่งการ เพิ่มมาตรการสกัดกั้นเข้มงวดควบคุมพื้นที่ชั้นนอก ชั้นใน เสริมเครื่องมือและยุทโธปกรณ์พิเศษ รับมือสถานการณ์ หลังประเทศมาเลเซียออกประกาศ ล็อกดาวน์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนครบ 14 วัน ย้ำต้องตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมทั้งได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ ตลอดจนสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดน สกัดกั้นพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน

โดยให้หน่วยได้บูรณาการ การปฏิบัติงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด การเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งจัดชุดลงพื้นที่ ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น พบปะประชาชนในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ สร้างความตระหนักรู้ให้กับชุมชน โดยให้ทุกคนทำเพื่อส่วนรวม  พร้อมทั้งขอความร่วมมือ จากเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านให้ความร่วมมือ ช่วยเป็นหูเป็นตา มีการตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรอง คอยแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่กำลังระบาดอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top