Friday, 13 December 2024
Crimes

191 บุกทลายเครือข่ายการพนันออนไลน์เย้ย พรก.ฉุกเฉิน !!

ตามนโยบายของรัฐบาล ให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท สืบเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 และตรวจสอบแหล่งมั่วสุมอบายมุขต่าง ๆ

ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น, พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น.  เป็นผู้ควบคุมสั่งการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล, พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ, พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์, พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล, พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา, พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจฯ, พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 สถานที่ตรวจค้น/ตรวจยึด บ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลาง ชุดคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ชุด เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตจำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 9 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 33 เล่ม สถานที่ตรวจค้น/ตรวจยึด บ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย ๗ ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลางชุดคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ชุด เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตจำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร รวมจำนวน 17 เล่ม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง พร้อมด้วยผู้ต้องหาจำนวน 12 คน พฤติการณ์กล่าวคือ กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ ได้รับร้องเรียนในช่วงเทศกาลฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2020 ว่ามีการลักลอบทำเว็บไซด์สำหรับการเล่นพนันฟุตบอลทางออนไลน์ จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 2 กองกำกับการสายตรวจฯ ได้ทำการสืบสวน จนทราบว่าบ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และ บ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 7 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ มีการลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์ออนไลน์จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ต่อมา วันที่ 18 มิ.ย. 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ กก.สายตรวจ งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และ บ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย ๗ ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าไปแสดงตัวและแสดงหมายค้น จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก เมื่อเข้าไปที่บริเวณชั้นหนึ่งพบกลุ่มผู้ถูกจับกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าจอคอยดูแลระบบคอมพิวเตอร์ในการพนันออนไลน์ และคอยตรวจสอบระบบการฝากและถอนเงินของลูกค้าที่เล่นการพนันออนไลน์ดังกล่าว และ ดูแลลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ออฟฟิเชียล และสอนวิธีการเล่นการพนันและเป็นคนทำหน้าที่ตอบลูกค้าที่เล่นการพนันเกี่ยวกับปัญหาต่างๆและสอนวิธีการเล่นการพนันออนไลน์

โดยมีนายเอ (นามสมมุติ) เป็นผู้ดูแลบ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และนายบี (นามสมมุติ) เป็นผู้ดูแลบ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 7 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม เจ้าพนักงานตำรวจจึงแสดงตัวและแสดงหมายค้นให้นายเอ(นามสมมุติ) และ นายบี(นามสมมุติ) ดูและอ่านเองอีกครั้งจนเป็นที่เข้าใจใน หมายค้นดีแล้ว จากกนั้นนายเอ(นามสมมุติ) และนายบี(นามสมมุติ) นำเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นภายในบ้านพักของแต่ละหลัง พบของกลางตามรายการ ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 12 คน ว่า “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน หรือทําอุบายล่อ ช่วยประกาศ โฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478, และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ที่กระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548” สอบถามนายเอ (นามสมมุติ) และนายบีฯ (นามสมมุติ) รับว่าสถานที่ทั้งสองเป็นสำนักงานที่ย้ายมาจากฝั่งปอยเปรต โดยได้ย้ายมาตั้งสำนักงานที่ประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีหน้าที่ดูแล และบริการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ ลูกค้าที่เล่นการพนันทางออนไลน์ทางฝั่งปอยเปรต เขมร และ ดูแลลูกค้าทั้งเอเซีย ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเจ้าพนักงานจะได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 12 คนที่ถูกดำเนินคดีและของกลางทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเล่นพนันออนไลน์และการพนันประเภทต่าง ๆ หรือพบการมั่วสุม สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน 191


ภาพ/ข่าว  กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)

ญาติผู้เสียชีวิตจากทหารเรือ ช่วยชายหัวใจหยุดเต้นริมถนน เดินทางเข้าขอบคุณ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ อย่างเป็นทางการ

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ภรรยาและญาติของ นาย ปิยะ ยังทรัพย์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา สังกัด กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ให้การช่วยเหลือชายนอนหมดสติอยู่ริมถนน และส่งตัวให้โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ได้เดินทางเข้ามาพบ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา เพื่อกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการ ที่ได้ลงมาช่วยชีวิตสามีในเบื้องต้น

เมื่อประสบเหตุในครั้งนั้น ณ กองบังคับการ กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี นาวาโท จีรศักดิ์ หวังวรวัฒนากุล ผู้บังคับกองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมคณะนายทหารฝ่ายอำนวยการฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรองกองบังคับการ กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี


ภาพ/ข่าว สนง.โฆษกกองทัพเรือ / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี   

ครูขอนแก่น บุกศาลากลาง ทวงวัคซีนโควิด-19 จากผู้ว่าฯ ทั้งน้ำตา หลังไม่ได้รับการจัดสรรตามที่กำหนด ทำให้ไม่มั่นใจในความปลอดภัยเนื่องจากสัปดาห์หน้าต้องเปิดเรียนทุกระดับชั้น

วอนทุกฝ่ายชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพราะลงทะเบียนในนามองค์กรเรื่องก็เงียบ หากต้องไปลงทะเบียนหมอพร้อม-หรือกับ อสม. ก็พร้อมที่จะทำ

เมื่อเวลา 11. 30 น.วันที่ 21 มิ.ย.2564 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น ได้มีคณะครูจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนรวมตัวกันเพื่อขอพบ นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่นเพื่อทวงถามความชัดเจนจากการที่โรงเรียนได้รับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ถึงร้อยละ 10  ในขระที่นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการระบุว่าบุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ร้อยละ 70 แต่ด้วย ผวจ.ขอนแก่น ติดภารกิจ คณะครูทั้งหมดจึงเข้าพบ นายจารึก เหล่าประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะคณะทำงานด้านการบริหารวัคซีนและควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เข้าร่วมพูดคุยและรับเรื่องแทน

นางธนิดา  ท้าวนาง แกนนำครูโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน กล่าวว่า คณะครูทั้งโรงเรียนรวมกว่า 200 คนได้ลงทะเบียนในนามขององค์กรเพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและนโยบายของจังหวัดกำหนด แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนกระทั่งเปิดภาคเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่มีใครได้รับการฉีดวัคซีนเลย แต่ละคนก็ต้องขวนขวายหาทางออกกันเองด้วยการลงทะเบียนต่างๆเพ่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนแต่ก็มีน้อยมากที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จนกะทั่งเปิดภาคเรียนมาแล้ว 1 สัปดาห์ซึ่งก็ยอมรับว่ามาตรการควบคุมและป้องกันของทางโรงเรียนเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการสลับวันกันเรียนและจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ทำให้ขณะนี้แต่ละวันมีนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษามาที่โรงเรียนตามแผนการเรียนการสอนวันละประมาณ 3,000 คน

“เมื่อเปิดภาคเรียนมาแล้วและโรงเรียนได้ทวงถามถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งคณะครูโรงเรียนของเราทุกคนน่ารัก ทำตามที่รัฐบาลและหน่วยงานกำหนดทุกอย่าง จนกระทั่งเรื่องเงียบไปก็มีการทวงถามและสอบถามโดยผู้บริหารโรงเรียนได้ติดตามเรื่องมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ( 20 มิ.ย.) ได้รับแจ้งว่า ครู 20 คนให้ไปฉีดวัคซีนได้ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จึงตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่ทวงถาม หรือเรื่องก็คงเงียบ และการจัดสรรก็ได้เพียงไม่ถึงร้อยละ 10 และก็ยังคงไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าครูท่านอื่น ๆจะได้ฉีดวัคซีนเมื่อใด โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง วันนี้มีเด็กๆมาเรียนรวมทั้งบุคลากรทาการศึกษาที่จะตอมาทำงานที่โรงเรียนอยู่วันละประมาณเกือบ 3,000 คน แต่ตั้งแต่สัปดาห์หน้าที่จะต้องเปิดเรียนทั้งระบบ ก็จะมีคนไม่น้อยกว่า 5,000 คน มารวมตัวกันอยู่ที่โรงเรียนของเรา ซึ่งคณะครูก็มีความกังวลว่าจะเกิดคัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น”

นางธนิดา กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แต่ข้อกังวลและความกลัวที่จะเกิดขึ้นกับบุคลากรทางการศึกษา ขณะนี้เกิดขึ้นอย่างมาก ประกอกับคามชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ยังไม่มี ซึ่งหากจะให้คณะครู ซึ่งลงทะเบียนมนนามองค์กรที่รอรับการจัดสรรวัคซีนไปดำเนินการในทางอื่น ทั้งการลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม ผ่านขอนแก่นพร้อม หรือผ่าน อสม. ก็ขอให้แจ้งมาอย่างชัดเจนเพราะทุกคนปฎิบัติตามนโยบายของหน่วยงานอยู่อย่างเคร่งครัด ดังนั้นการออกมาทวงถามให้กับกลุ่มข้าราชการครู ที่ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนเพียงอย่างเดียว แต่นับรวมไปถึงสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ที่บุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จึงขอความชัดเจนและให้จังหวัดรวมไปถึงผู้ที่รับผิดชอบวัคซีนได้ให้ความสำคัญกับคณะครู และบุคลากร่างการศึกษาที่จะต้องอยู่กับบุตร-หลานของทุกท่านวันละหลายพันคนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

บก.สส.สตม. เอาจริง!! บุกลุยกลางป่า ไล่ล่ากลางเมือง สกัดต่างด้าวแพร่โควิด

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ดังนี้

กก.2 บก.สส.สตม.บุกป่าชายแดนจับกุมแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้าเมือง และจับขบวนการนำพาแรงงาน เมียนมาสมุทรสาคร

ตามสั่งการ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรคยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่ สตม.ดำรงความเข้มงวดด้วยมาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม. จับกุม ผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงผู้นำพาทั้งชาวไทยและต่างด้าว พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม.จึงสั่งการให้ กก.2 บก.สส.สตม.สืบสวนจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวการนำพาโดยเร่งด่วน

พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.2 บก.สส.สตม.จึงได้ให้ จนท.สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ามีแรงงานกัมพูชาใช้วิธีการเดินเท้าจากฝั่งกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทยและหลบซ่อนตามป่าแนวตะเข็บชายแดนบริเวณหมู่บ้านหนองมั่ง ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อรอการลำเลียงเข้าสู่เมืองชั้นใน จึงได้วางกำลังเพื่อจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. จนท.ตรวจพบแรงงานกัมพูชาจำนวน 9 คน หลบซ่อนอยู่ในป่า จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แรงงานต่างด้าวให้การว่ามีนายหน้าชาวกัมพูชาเป็นคนนำทางโดยเดินเท้าประมาณ 10 กม. มายังจุดหลบซ่อนเสียค่าใช้จ่าย คนละ 500 บาท เพื่อรอการเคลื่อนย้ายเข้าไปทำงานที่ จ.ระยอง ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากไปถึงปลายทางในเมืองชั้นในได้ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 15,000-20,000 บาท จนท.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ส่ง สภ.โคกสูง ดำเนินคดี

อีกคดี จนท.กก.2 บก.สส.สตม.ได้สืบทราบว่ามีขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเมียนมา โดยใช้รถยนต์บรรทุกแรงงานเมียนมาจากชายแดนฝั่งตรงข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะนำแรงงานต่างด้าวมาซุกซ่อนพักไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง จึงได้วางแผนเข้าจับกุม โดย จนท.กระจายกำลังตามเส้นทางที่รถบรรทุกแรงงานวิ่งผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. รถบรรทุกยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกรุงเทพ ได้วิ่งผ่านถนนเศรษฐกิจ สภาพมีผ้าตาข่ายสีเขียวคลุมกระบะมีพิรุธต้องสงสัย จนท.จึงได้ขับรถไล่ตามอย่างกระขั้นชิด และหยุดรถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้ จากการตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวเมียนมาร์จำนวน 10 คน คนขับรถเป็นชาวเมียนมาอีก 1 คน แรงงานเมียนมาให้การว่าลักลอบเข้าประเทศไทยบริเวณชายแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าชาวเมียนมาร์ 5,000-20,000 แล้วแต่ระยะทาง คนขับรถคือนายจอฯ ให้การว่าได้เงินค่านำพาแรงงานเข้ามาที่สมุทรสาครหัวละ 5,000 บาท โดยจะขับรถไปรับบริเวณสี่แยกไฟแดงจุดนัดพบโดยจะมีนายหน้าเมียนมาและนายหน้าชาวไทย นำพาแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาส่งให้ที่สี่แยกไฟแดงดังกล่าว จนท.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม ในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจัง และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักอาศัยหรือประชาชนทั่วไป หากพบบุคคลต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในลักษณะต่างๆ หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

จับกุมขบวนการช่วยเหลือ - ซ่อนเร้น - นำพา แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.อภิมุข กาตยากร รอง ผบก.สส.สตม.ว่าที่ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.ท.ชินกร อัศวภูมิ รอง ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.

นำโดยว่าที่ พ.ต.ต.หญิงกัลย์สุดา จุลประเสริฐ สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุม 1.นายสุวัตชัยฯ อายุ 46 ปี 2.นายเฉลิมชาติฯ อายุ 60 ปี 3.MS.YA (น.ส.ยา) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา 4.MRS.KORN (นางคอน) อายุ 47 ปี สัญชาติกัมพูชา 5.MS.CHANTEY (น.ส.จันตรี) อายุ 30 ปี สัญชาติกัมพูชา 6.MS.SOVIET (น.ส.โซเวี๊ยต) อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา 7.MR.MICH (นายมิก) อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา 8.MR.VUN (นายวัน) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา 9.นางฮัง อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา

พร้อมด้วยของกลาง รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) สีขาว จำนวน 13 ที่นั่ง โดยกล่าวหา  ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ 2 ฐานเป็นตัวการร่วมตาม ป.อาญา ม.83  ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ม.64 ว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 3-7 ว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 8 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 ตามข้อ 5 ” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 9  ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีขบวนการลักลอบนำพา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ตระเวนรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา มาจากพื้นที่โซนภาคตะวันออก ระยอง ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อจะนำหลบหนีออกไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ โดยใช้รถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) ใช้เส้นทาง ถนนทางหลวงหมายเลข 2 และ 24 ผ่านพื้นที่ จว.นครราชสีมา, จว.บุรีรัมย์, จว.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม.จึงได้ติดตาม วางกำลัง ดักซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดเส้นทาง จนพิสูจน์ทราบได้ว่ามีแรงงานต่างด้าวอยู่บนรถตู้ต้องสงสัยคันดังกล่าวจริง เมื่อถึงบริเวณสถานที่จับกุมบริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ใช้รถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ สตม. แสดงตัว ให้สัญญาณเพื่อหยุดรถคันดังกล่าว และทำการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบคนขับพบว่ามี นายเฉลิมชาติฯ หรือผู้ถูกจับกุมที่ 2 เป็นผู้ขับรถตู้ และพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอีก 7 คน นั่งอยู่ในรถ โดยนายเฉลิมชาติฯ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายสุวัตชัยฯ ให้ตระเวนรับบุคคลต่างบุคสัญชาติกัมพูชา ทั้ง 7 คน มาจาก จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อมาส่งต่อที่ แถวบริเวณ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ.บก.สส.สตม จึงได้สืบสวนขยายผลต่อไปจนกระทั่งจับกุมตัว นายสุวัตชัยฯ (ผู้ถูกจับกุมที่ 1) ได้ ณ จุดรับเงิน บริเวณปั้มน้ำมัน ใน อ.ปราสาท จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม จึงได้นำตัวผู้ตองหาทั้งหมดนำส่ง พงส.สภ.ปราสาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 

ศป.ปส.อ.ขุนหาญ กวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามแผน"ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน"

ภายใต้การอำนวยการของนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ/ผอ.ศอ.ปส.จ.ศก./นายคมป์ สังข์วงษ์ นายอำเภอขุนหาญ ,พ.ต.อ.ราชศักดิ์ ศรีทองสุข ผกก.สภ.กันทรอม ได้สั่งการให้นายจุติเพชร บุญเนตร ปลัดอำเภอ งานป้องกัน /เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เลขประจำตัว 620041นำกำลัง จนท.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.ขุนหาญ ที่ 6 สนธิกำลัง จนท.ตำรวจ สภ.กันทรอม ทหาร ฉก.3 ร่วมกันระดมกวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามแผน "ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน" ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศป.ปส.อ.ขุนหาญ ผลการดำเนินการ มีดังนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. ได้ร่วมทำการจับตัว นายวราเทพ เภาปงทา ชาวตำบลขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ลักษณะชนิดเม็ดสีส้มกลมแบน มีอักษร wy ประทับบนเม็ดหนึ่งด้าน จำนวน 392 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ลักษณะชนิดเม็ดสีเขียวกลมแบน มีอักษร wy ประทับบนเม็ดหนึ่งด้าน จำนวน 4 เม็ด 

รวมยาบ้าทั้งหมด 396 เม็ด ผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย สถานที่เกิดเหตุ บริเวณถนนสาธารณะกลางหมู่บ้าน บ.ขุนหาญ ม.1 ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ  จว.ศรีสะเกษ และ.เวลาประมาณ 15.00 ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเกษมสันต์ ดีดศรี  ชาวตำบลขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ลักษณะชนิดเม็ดสีส้มกลมแบน มีอักษร wy ประทับบนเม็ดหนึ่งด้าน จำนวน 593 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ลักษณะชนิดเม็ดสีเขียวกลมแบน มีอักษร wy ประทับบนเม็ดหนึ่งด้าน จำนวน 6 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 599 เม็ด ผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก

โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า โดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย สถานที่เกิดเหตุ  บริเวณบ้านเลขที่ 219 บ.ขุนหาญ ม.1 ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ จว.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าชุดจับกุมได้นำตัวส่ง ผู้ต้องหาฯ พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กันทรอม  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  บุญทัน ธุศรีวรรณ

โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ(ปักกลด)

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 14.30 น. ณชุมชนคลองบางสะแก หมู่ 3 ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้วจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ รอง ผบก.ฯ เดินทางมาตรวจเยี่ยม "โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ (ปักกลด)” โดยมี พ.ต.อ.นิทัศน์ จิตตวิทยานุกูล ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว

นายสมพร ทวีพจน์

ปลัด อ.ลาดหลุมแก้ว

นายวัน แจ่มเหมือน

รอง นายก อบต. ลาดหลุมแก้ว

นางธนพร ชาวอบทม ผอ.รพ.สต.ธาตุทอง

นายณัฐวุฒิ ปานเฟื่อง ผู้ใหญ่บ้าน ม.3

จนท.ชุดชุมชนยั่งยืนฯ

ผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการอย่างพร้อมเพรียงกัน พล.ต.ต.ชยุตฯ ได้กล่าวแนะนำตัวและขอบคุณ จนท.ฝ่ายปกครอง จนท.สาธารณสุขและ ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมและขอความร่วมมือในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์ พร้อมกับ

     1.แจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของโครงการการบูรณาการและแนวทางการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว

     2.มอบชุดป้องกันเชื้อโรค (PPE) หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ให้แก่ จนท.ชุดชุมชนยั่งยืน และประชาชนที่มาร่วมโครงการ เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

     3.มอบเงินสดให้แก่ จนท.ชุดชุมชนยั่งยืนฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

     4.พูดคุยกับกลุ่มเสี่ยงที่เคยเป็นผู้เสพยาเสพติดซึ่งสมัครใจเข้าร่วมโครงการและให้กำลังใจในการดำรงชีวิตต่อไป


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ

โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อร่วมกันทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายในชุมชนอย่างยั่งยืน ตามโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

วันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาประชาคมบ้านชุมตาบงสอง อ.ชุมตาบง จังหวัด นครสวรรค์ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป) เป็นประธานการตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมด้วย

พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.(1),พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล รอง ผบช.ปส.(4),พล.ต.ต.สมบัติ ชูชัยยะ ผบก.อก.บช.ปส. และ พ.ต.อ.เกรียงไกร บุญซ้อน รอง ผบก.สส.สทส.ปรก.สนง.ผบช.ปส. โดยมี พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์,พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์,พ.ต.อ.เดชา ศรีชัย ผกก.สภ.ชุมตาบง,นายอรรถการณ์ จิตถวิล นายอำเภอชุมตาบง,คุณวาสนา พันธ์สุข สาธารณสุขอำเภอชุมตาบง,นายจตุพล ยะจอม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง,นายณัฐพล ยอดตลาด นักวิชาการสาธารณสุขโรงพยาบาลชุมตาบง,นายสุนทร รอดพุ่ม ประธาน กต.ตร.สภ.ชุมตาบง,นายอวยชัย มหัฆพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลชุมตาชงบง,กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และส่วนราชการต่าง ๆ ในพื้นที่เข้าร่วมให้การต้อนรับพร้อมเสนอผลการปฏิบัติงานของชุมชนบ้านชุมตาบงสอง อ.ชุมตาบง จว.นครสวรรค์

ในการนี้ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. ได้มอบหน้ากากอนามัย พร้อมด้วยเจลแอลกอฮอล์ แก่ตัวแทนโครงการเพื่อใช้ในการแจกจ่ายให้กับคนในชุมชนสำหรับป้องกันโรคไวรัส COVID-19

“ผู้ช่วยฯรอย”เผยตำรวจ สภ.วัฒนานคร รวบคนร้าย ชิงทรัพย์ร้านทอง พร้อมของกลาง คาจุดสกัด

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผช.ผบ.ตร.และ รรท ผบช.ภ.2 ได้เปิดเผยว่า จากกรณี ที่ สภ.พระอินทร์ราชจว.พระนครศรีอยุธยา ได้รับรายงานเหตุ ว่าเมื่อ เวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 22 มิ.ย ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 1 คน ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชเอเชีย ในห้างโลตัส บางปะอิน สภ.พระอินทร์ราชา จว.พระนครศรีอยุธยาได้สร้อยทองรูปพรรณน้ำหนักเส้นละ 1 บาทไปจำนวน 21 เส้น  แล้วหลบหนีไปโดยใช้รถยนต์โตโยต้า วีออส  ทะเบียนกษ 6547 นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน  ติดตามแกะรอยคนร้ายทราบข้อมูลว่าหลบหนีไปทาง จว.นครนายก มุ่งหน้า ปราจีน-สระแก้ว

ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ได้รับการประสานจากชุดสืบสวนติดตาม ให้ช่วยสังเกตุ ยานพาหนะคนร้าย และสกัดจับตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. จึงได้สั่งการทุก สภ.ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จนกระทั่ง เวลาประมาณ  21.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว ซึ่งตั้งจุดสกัดบริเวณหน้าสวนสมเด็จพระนเรศวร ถ.สุวรรณศร ได้พบรถยนต์คนร้าย กำลังมุ่งหน้าไปทาง อ.อรัญประเทศขับขี่มาถึงจุดตรวจ จึงได้เรียกตรวจค้น พบนายธราเทพ จันทร์แดงอายุ 34 ปี  ขับขี่รถมาคนเดียว ผลการตรวจค้นพบ สร้อยคอทองคำจำนวน 19 เส้น ซึ่งนายธราเทพฯ ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองดังกล่าว แต่ทองตกหล่น ระหว่างวิ่งหลบหนีไป 1 เส้น และตนได้แวะขายทองที่ร้านทองในเขตนครนายกไป1 เส้น เหลือทองตามจำนวนที่ถูกตรวจพบ

 

จึงประสานแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. พระอินทร์ราชา ให้ทราบ และติดตามมาสมทบ ร่วมกันจับกุมตัวนายธราเทพฯ พร้อมของกลาง ขณะนี้ผู้ต้องหา และของกลาง อยุ่ที่ สภ.วัฒนานคร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการจับกุม และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จว.สระแก้ว มาตรวจเก็บ DNA ของผู้ต้องหาไว้ด้วยแล้วและเตรียมส่งมอบตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา รับไปดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนการแชร์ภาพหรือคลิปที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี การโพสต์ การแชร์ ภาพหรือคลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย ว่าที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้น เช่น กรณีเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 64 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เด็กหญิงผู้เสียหายได้ถูกกลุ่มรุ่นพี่รุมทำร้ายร่างกายและถ่ายคลิปวิดีโอไว้ ก่อนจะนำไปเผยแพร่ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการกระทำดังกล่าว และกรณีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 ที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ชายวัย 32 ปี ได้ทะเลาะกับภรรยาและเกิดความน้อยใจ ก่อนจะฆ่าตัวตายโดยได้ถ่ายทอดสดการฆ่าตัวตายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วย

ขอเรียนถึงประเด็นของการนำคลิปหรือภาพถ่าย ที่เป็นลักษณะการทำเรื่องที่ไม่ดี  ไม่เหมาะสม กลั่นแกล้ง ส่งต่อข้อความแสดงการเกลียดชัง  คุกคามทางเพศ ล้วนมีผลกระทบต่อสภาพร่างกายหรือจิตใจ ของผู้ถูกกระทำและผู้ที่พบเห็น ซึ่งขณะนี้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เล็งเห็นความสำคัญและรณรงค์เรื่องนี้มาโดยตลอด อย่างเช่นโครงการล่าสุดที่ทาง สสส. ได้จัดแคมเปญ #UnknownTogether ที่มุ่งเป้าหมายไปที่การลดการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ ทำให้ผู้ใช้สื่อเกิดความเท่าทัน มีสติ ไม่กลั่นแกล้งผู้อื่น พร้อมฟื้นฟูจิตใจผู้ที่ตกเป็นเหยื่อให้รู้จักคุณค่าของตัวเอง

ในทางกฎหมายหากคลิปวิดีโอหรือภาพที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้ที่แชร์หรือส่งต่อก็อาจจะมีความผิดในลักษณะของการเป็นผู้สนับสนุนซึ่งมีโทษ 2 ใน 3 ส่วนจากโทษของการกระทำความผิดนั้น ๆ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญและกำชับทุกหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากมีการกระทำความผิดในลักษณะไม่เหมาะสมหรือกระทำผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ ให้ทำการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทุกภาคส่วน หยุดการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ไม่เหมาะสม

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนในเรื่องการกระทำที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ การโพสต์ แชร์ หรือการแสดงความคิดเห็น ควรทำในทางที่สร้างสรรค์ ไม่เป็นการละเมิดสิทธิหรือไปกระทบผู้อื่นและสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยเฉาะที่เกิดขึ้นกับเด็กซึ่งได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็กและเยาวชนขององค์การสหประชาชาติ

ขอฝากเตือนเพิ่มเติมถึงทุกผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อพบเห็นการกระทำในลักษณะดังกล่าว อย่าเข้าไปดู แสดงความคิดเห็น หรือส่งต่อ เพราะยิ่งมีส่งต่อเรื่องราวดังกล่าวก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำผู้เสียหายและส่งเสริมการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากทุกคนล้วนเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวและทำให้สังคมออนไลน์เป็นสังคมที่น่าอยู่ต่อไป และหากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top