Monday, 29 April 2024
เลือกตั้ง66

จุดยืน 7 แคนดิเดตนายกฯ ต่อประเด็นสังคมไทยที่ต้องชัด ใครชัดเจน - ลังเล - ไม่เทใจ มาชม!!

หลากประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงในสังคมไทย ถูกฟันธงผ่าน 7 แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคต่างๆ ที่ประกาศชัดว่า 'เอาด้วย' หรือ 'ไม่เอาด้วย' มีอะไรบ้าง? เชิญชม

เช็กจุดยืน 10 พรรคการเมืองในเรื่อง มาตรา 112 ใครกั๊ก-ใครชัด มาดูกัน!!

“มาตรา 112 ไม่ใช่คดีการเมือง ไม่มีปัญหา คนในประเทศส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อน” 
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ 

“ผมมองมาตรา 112 ว่าไม่มีปัญหา”
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย 

“มาตรา 112 ไม่มีปัญหา ที่มีปัญหา เพราะคนเข้าไปมีปัญหาเอง”
จุติ ไกรฤกษ์ ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ 

ชำแหละ!! 5 เขตเลือกตั้ง ‘เมืองคอน’  ใครจะเสยคางใคร หลังรู้เชิงกันแล้ว 

ชำแหละ 5 เขตเลือกตั้งเมืองคอน มวยยก 3 แลกหมัดกันสนุกแน่ หลังรู้เชิงกันแล้ว จับตายกสุดท้ายใครจะเสยคางใคร

หลังมีความสุขกับช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ เรามาทบทวนกันอีกครั้งสำหรับ 10 เขตเลือกตั้งของนครศรีธรรมราช ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 20 กว่าวัน ก็จะได้เวลาประชาชนพิพากษา 14 พฤษภาคม...ถ้าหากเรียกเป็นภาษามวย ก็ถือว่าเข้าสู่ยกที่ 3 เข้าให้แล้ว

>> เขต 1 
เมืองในเขตเทศบาลนคร ที่มี ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ เป็นแชมป์อยู่ในนามพรรคพลังประชารัฐ ถ้ามองผิวเผินเหมือนจะเป็นการแข่งขันกันของ 4 พรรคใหม่ คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ส่ง ‘พูน แก้วภราดัย’ ลูกชายของ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ ส่วนประชาธิปัตย์ ส่งอดีตผู้ว่าฯ ‘ราชิต สุดพุ่ม’ พรรคพลังประชารัฐ ส่ง ‘ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ’ และ พรรคภูมิใจไทย ส่งอดีตนักการธนาคาร ‘จรัญ ขุนอินทร์’ 

แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในรายละเอียด น่าจะเป็นการต่อสู้กันระหว่าง ‘ดร.รงค์’ กับ ‘ราชิต’ เป็นหลัก ซึ่งราชิต อาศัยฐานเดิมของประชาธิปัตย์ ที่มีทุนเดิมอยู่บ้างแล้วอย่างน้อยเขตละ 10,000 เพียงแต่จะทำอย่างไรให้คะแนนต่อยอดไปถึง 30,000 นั้น หมายถึงหาเพิ่มอีก 20,000 คะแนน ซึ่งความเป็นอดีตนายอำเภอเมือง และสายสัมพันธ์กับชุมชนในฐานะอดีตนักปกครอง ก็น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ ดร.รงค์ ที่มีฐานเสียงเดิมในฐานะแชมป์ หลังจากในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา มีทั้งจุดด้อย และจุดเด่น จนเมื่อได้ ‘โกเก้า’ เกรียงศักดิ์ ภู่พันธุ์ตระกูล ผู้กว้างขวางในวงการเมืองเข้ามาจับมือกับ โกจู๋-วิฑูรย์ อิสระพิทักษ์กุล ช่วยกันประสานมือทำคะแนนให้กับ ดร.รงค์ จึงทำ ดร.รงค์ เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวขึ้นมาทันที แต่ราชิตก็ได้ ‘ลุงนึก’ สมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชเข้ามาช่วย ทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาลุงนึกไม่เอาประชาธิปัตย์เลย แต่คราวนี้หนีไปพ้นเมื่อญาติสนิทลงชิง

ฉะนั้น ราชิต คงต้องหาตัวช่วยที่เข้มแข็งเข้ามาช่วยทำงาน ทั้งคนในและคนนอกพื้นที่ที่มีบารมีพอฟัดพอเหวี่ยงกับสองโกเพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย ‘ล้มรงค์’ ซึ่ง ดร.รงค์ก็เป็นนักวิชาการสายรัฐศาสตร์ชั้นเชิงทางการเมืองก็ไม่ธรรมดา เอาเป็นว่า ‘รู้เขารู้เรา’

>> เขต2 
ถือเป็นเขตปลอด ส.ส.เก่า คือ ไม่มีเจ้า แต่ ‘สายัณห์ ยุติธรรม’ ย้ายจากท่าศาลา มาลงเขตนี้ และย้ายพรรคจากพลังประชารัฐมาอยู่กับ ‘ลุงตู่’ ที่รวมไทยสร้างชาติ เพื่อเปิดทางให้น้องชาย ‘อำนวย ยุติธรรม’ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในบ้านเกิดท่าศาลา ซึ่งสายัณห์แม้จะเป็นอดีต ส.ส.แต่คนละเขต แม้เขตใหม่จะเป็นฐานเดิมอยู่บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด สายัณห์ต้องสร้างฐานใหม่ย่านพระพรหม ซึ่งก็มีอัตราเสียงอยู่ไม่น้อย 

ทว่าแม้เจ้าตัวจะยืนยัน 4 ปีมีผลงาน และคนรู้จัก แต่เมื่อมาดูคู่แข่งแล้ว จะพบว่า ประชาธิปัตย์ลงตัวที่ ‘นายกหนึ่ง’ นายทรงศักดิ์ มุสิกอง อดีตนายกฯ ปากนคร ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะได้สร้างขึ้นมาสืบทอดเจตนารมณ์-อุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ต่อไป ส่วนด้าน พรรคพลังประชารัฐ ‘สจ.สุภาพ ขุนศรี’ ยอมหลีกให้ ดร.รงค์ มาลงเขตนี้ โดยสจ.สุภาพ ออกจาก เครือข่ายผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่แล้ว จะต้องอาศัยเครือข่ายของสามี สายนักเลง นักการพนัน แต่เป็นคนต่างถิ่น เอาเป็นว่าเขตนี้ ‘สายัณห์-สจ.สุภาพ’ หายใจรดต้นคอกันเป็นแน่แท้ ส่วนทรงศักดิ์ อยู่ที่องคาพยพของประชาธิปัตย์ จะช่วยกันหอบหิ้วได้แค่ไหน ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งเป้าว่านครศรีฯจะต้องได้ 7+ ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ จะต้องออกแรงมากกว่านี้ นายกฯ หนึ่งถึงจะเข้าวิน

กล่าวสำหรับพระพรหมแล้ว ถือว่าทุกคนใหม่หมด สจ.สุภาพ มาจากเขตเมือง นายกฯ หนึ่งมาจากปากนคร สายัณห์มาจากท่าศาลา โอกาสจึงเป็นของทุกคน สายัณห์อยู่ในฐานะได้เปรียบ เพราะมีฐานเดิมอยู่บ้างในบางตำบล

>> เขต 3 (หัวไทร-ปากพนัง) 
แม้ ‘เท่ห์-พิทักษ์เดช เดชเดโช’ ลูกชายของ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ นายกฯอบจ.นครศรีฯ น้องชายของแทน-ชัยชนะ เดชเดโช จะเปิดตัวทีหลัง แต่ก็มาแรงแซงขึ้นที่ 1 อย่างรวดเร็ว วิ่งฉิวนำหน้า ขณะที่ ‘มานะ ยวงทอง’ จากภูมิใจไทย ที่เปิดตัวมาร่วมปี และเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันแล้ว แต่ม้าตีนต้นเริ่มแผ่วปลายกับการบริหารจัดการในบางเขต-บางโซน แม้บางเขตจะยังเหนียวแน่นกับเครือญาติก็ตาม แต่บางองคาพยพเริ่มเปลี่ยนค่ายบ่ายหน้าไปค่ายสีฟ้า 

ส่วนพลังประชารัฐ ส่ง ‘สัณหพจน์ สุขศรีเมือง’ ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ดูภาพรวมแล้วไม่หวือหวา กระสุนยังไม่ออก ก็เหนื่อยหน่อย ฐานคะแนนเดิมเริ่มถูกแย่ง-ถูกแบ่งแยก สถานการณ์ปัจจุบันเงียบไปนิดหนึ่ง ส่วนรวมไทยสร้างชาติส่ง ‘นนทิวรรธน์ นนทภักดิ์’ คนสนิทของวิทยาลงประชัน ซึ่งนนทิวรรธ์ มีฐานเสียงที่หน้าแน่นอยู่ในตลาดปากพนัง เป็นด้านหลัก แต่โซนหัวไทรยังเป็นจุดบอด ถ้ามีเวลาให้เตรียมตัวมากกว่านี้ และใช้เครือข่ายวิทยาเดินเครื่อง ก็น่าสนใจ เพราะเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่เป็นคนพื้นที่ เกิดที่ปากพนัง ขณะที่ พิทักษ์เดช เกิดที่ร่อนพิบูลย์ แต่มีภรรยาคนปากพนัง, สัณหพจน์ เกิดที่เชียรใหญ่ แต่เคยคลุกคลีกับธุรกิจกุ้งในวัยหนุ่ม, มานะ เกิดที่เชียรใหญ่ ไม่ค่อยได้อยู่ในพื้นที่ทำธุรกิจกล่องกระดาษอยู่สมุทรสาคร และชลบุรี ในช่วงโควิดระบาดหนักเขาจึงบริจาคกล่องกระดาษทำเตียงสนามจำนวนมาก และผันตัวเองมาลง ส.ส.

>> เขต 3 
ไม่ควรมองข้าม ‘มนตรี เฉียบแหลม’ จากเพื่อไทย ที่คนเริ่มเบื่อพรรคโน้นพรรคนี้ และมองหาพรรคใหม่ เพื่อไทยจึงเป็นตัวเลือกอยู่ไม่น้อย น่าเสียดายว่า เพื่อไทยเปิดตัวเขาให้ลงเขตนี้ช้าไป แต่กระแสเพื่อไทยพอมี คะแนนพรรคมีแน่นอน และตัวเลขไม่น่าเกลียดด้วย ฉะนั้นเขต 3 ด้วยเครือข่ายที่มากกว่า เหนียวแน่นกว่า ถึงกว่า ท้ายที่สุดแล้ว ‘โกเท่ห์’ จะเข้าป้าย แต่ตัองระวัง-หลีกเลี่ยงข้อสุ่มเสี่ยง

>> เขต4 (ชะอวด-เชียรใหญ่-เฉลิมพระเกียรติ)
น่าจะเป็นเขตที่สู้กันดุเดือด มีคู่แข่งหลักอยู่ 5 พรรค แชมป์เก่าคือ ‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ ยังสังกัดพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม และมั่นใจในผลงาน บทบาทหน้าที่ที่ผ่านมา สองปี ส่วน ประชาธิปัตย์ ส่ง ‘ยุทธการ รัตนมาศ’  อดีตรองนายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช เคยมีข่าวโด่งดังในตำแหน่งนายกสมาคมกีฬานครศรีธรรมราช

'ดร.บลู' นำทัพเลือดอีสาน ชพก. หาเสียงแบบถึงตัว ปลื้ม!! ชาวบ้านถูกใจนโยบายแก้ปัญหาราคา 'ไฟฟ้า-น้ำมัน'

(20 เม ย.66) ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี หรือ ดร.บลู รองเลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เบอร์ 14 ลงพื้นที่ภาคอีสาน ช่วยผู้สมัคร ส.ส. 'เอม อภัสรา' นักร้องหมอลำ เบอร์ 5 เขตเมืองร้อยเอ็ด, 'นุจรีภรณ์ อินทะสร้อย' เบอร์ 5 เขตเมืองมหาสารคาม ลูกชาวนา, 'ธัชชัย คมขำ' ผู้บริหารโรงเรียนเอกชน เบอร์ 4 เขตเมืองอุบลราชธานี ลงติดป้ายและเดินพบพ่อแม่พี่น้องประชาชน

‘ลูกวิทยา’ ชี้!! คนเมืองคอนรู้ ‘บิ๊กตู่’ ทำงานจริง ช่วยผู้สมัครฯ หาเสียงได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย 

(20 เม.ย.66) นายพูน แก้วภราดัย ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 8 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่มาตลอดพบว่า ประชาชนให้การต้อนรับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นากรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคกระแสดีขึ้นทุกวัน คนนครศรีธรรมราชอยากได้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้มีกำลังใจเดินลงพื้นที่เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

นายพูน กล่าวด้วยว่า นโยบายของพรรคที่ประชาชนชื่นชมมากคือโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ เขาบอกว่าที่มีกินมีใช้อยู่ได้แม้เงินจะไม่มากก็เพราะบัตรลุงตู่ กระทั่งกลายมาเป็นบัตรสวัสดิการ พลัส เดือนละ 1,000 บาท และใช้เป็นหลักประกันกู้ฉุกเฉินได้อีกด้วย นอกจากนั้นสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมาคือ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนดีเท่าลุงตู่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด จึงยังไว้วางใจอยากให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 2 ปี

“คนนครศรีธรรมราชเป็นคนที่ติดตามการเมือง เข้าใจปัญหาการเมือง เข้าใจสิ่งที่ลุงตู่ทำมาว่าทำอะไรให้บ้านเมืองและจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้าง สำหรับโครงการต่างๆ ที่ลงมาสมัยรัฐบาลลุงตู่และชาวบ้านพอใจมาก คือ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนมีการพัฒนาใหม่เกือบทั้งภาคใต้ ก็ทำในยุคลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีจนปักษ์ใต้พัฒนาไปมาก ล่าสุด ชาวบ้าน อ.ปากพนัง และ อ.เมืองถูกน้ำท่วมปี 65 แล้วตกสำรวจทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเหมือนกันอำเภออื่นได้หมดแล้ว ลุงตู่ก็ได้กำชับนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สำรวจใหม่ว่า คนที่เดือดร้อนยังไม่ได้รับค่าตอบแทน มีทั้งหมดกี่ครัวเรือนกำชับสำรวจให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันชาวบ้านก็ดีใจที่รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง” นายพูนกล่าว

นายพูน กล่าวว่า อีก 25 วันจะถึงวันเลือกตั้งยังไม่มีสิ่งที่ทำให้ท้อแท้หรือท้อถอย แม้จะลงสนามการเมืองใหญ่ครั้งแรก แต่พยายามเดินพบปะประชาชนชี้แจงนโยบายของพรรคให้เขาเข้าใจมากที่สุด แม้ตนจะอายุน้อยแต่มีความตั้งใจมากเกินร้อย เดินลงพื้นที่ทุกวัน ชูผู้นำคือลุงตู่ให้ประชาชนเห็นว่าทำอะไรมาบ้าง ตนไม่ท้อขอสู้เต็มที่แพ้ชนะเป็นเรื่องเล็ก แม้จะต้องต่อสู้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคเก่าแก่ และพรรคที่มีเงินมาก แต่ประชาชนคนนครศรีธรรมราชคิดได้เขามีคนอยู่ในใจแล้วว่าจะเลือกใคร

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่ ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 10 เขตของจังหวัดเชียงใหม่ ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>> เขต 1 อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะตำบลช้างเผือก, ตำบลสันผีเสื้อ, ตำบลป่าตัน, ตำบลป่าแดด, ตำบลสุเทพ, ตำบลช้างคลาน, ตำบลช้างม่อย, ตำบลหายยา, ตำบลพระสิงห์, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลแม่เหียะ และตำบลฟ้าฮ่าม)
>> เขต 2 อำเภอสารภี อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะตำบลหนองหอย, ตำบลท่าศาลา, ตำบลหนองป่าครั่ง และตำบลวัดเกต) อำเภอสันกำแพง (เฉพาะตำบลบวกค้าง, ตำบลสันกลาง และตำบลแช่ช้าง)
>> เขต 3 อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอแม่ออน อำเภอสันกำแพง (เฉพาะตำบลสันกำแพง, ตำบลร้องวัวแดง, ตำบลออนใต้, ตำบลแม่ปูคา, ตำบลห้วยทราย, ตำบลทรายมูล และตำบลต้นเปา)
>> เขต 4 อำเภอสันทราย อำเภอแม่ริม (เฉพาะตำบลดอนแก้ว, ตำบลเหมืองแก้ว และตำบลแม่สา)
>> เขต 5 อำเภอแม่แตง อำเภอสะเมิง อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอแม่ริม (เฉพาะตำบลริมเหนือ, ตำบลสันโป่ง, ตำบลขี้เหล็ก, ตำบลสะลวง, ตำบลห้วยทราย, ตำบลแม่แรม, ตำบลโป้งแยง และตำบลริมใต้)                                     

ทีมเศรษฐกิจ ปชป. กาง 4 แผนใหญ่พัฒนา จ.สงขลา เชื่อมระบบการเดินทาง ดัน ‘หาดใหญ่’ สู่ขุมทองทาง ศก.

(20 เม.ย.66) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์สัญจร ครั้งที่ 2 ‘แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจปลายด้ามขวานไทย’ นำโดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.กระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ ม.ร.ว. ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่กล่าวถึงวิสัยทัศน์ ‘เร่งเมกะโปรเจกต์ ดันหาดใหญ่ เชื่อมไทย-เชื่อมโลก’ ว่า หาดใหญ่มีทำเลยุทธศาตร์ในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันให้หาดใหญ่เป็นขุมทองทางเศรษฐกิจของปลายด้ามขวานไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง ดังนี้

1. โมโนเรล คือรถไฟฟ้า ที่วิ่งคร่อมรางโดยใช้รางเดี่ยว หรืออาจจะแขวนห้อยอยู่ใต้รางก็ได้ แต่ที่นิยมใช้กันมากก็คือแบบคร่อมราง โดยหาดใหญ่เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ที่มีปัญหารถติดในชั่วโมงเร่งด่วน องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา สมัยนายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นนายก อบจ. จึงได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลขึ้น โดยระยะที่ 1 มีระยะทางยาว 13 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท มี 15 สถานี ประกอบด้วยสถานีควนลัง แยกสนามบิน รถตู้ หาดใหญ่ในชุมทางรถไฟหาดใหญ่ ตลาดกิมหยง น้ำพุ หาดใหญ่วิทยาลัย บิ๊กซี คอหงส์ มอ. คลองเรียน เซ็นทรัล คลองหวะ และบ้านพรุ

ระยะที่ 2 จะขยายเส้นทางจากสถานีน้ำพุไปยังถนนลพบุรีราเมศร์ และจากสถานีคอหงส์ไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ 

ส่วนระยะที่ 3 จะมีเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีหาดใหญ่ในกับสถานีคลองเรียนโดยวิ่งผ่านโรงเรียนพัฒนศึกษาและศูนย์การค้าไดอาน่า

โมโนเรลจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ในทางกลับกัน โมโนเรลจะช่วยให้รถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์มีเส้นทางการให้บริการเพิ่มขึ้น ได้แก่ เส้นทางระหว่างแหล่งที่อยู่อาศัยกับสถานีโมโนเรล และเส้นทางระหว่างแหล่งทำงานและสถานศึกษากับสถานีโมโนเรล 

“เวลานี้ผมมีผลการศึกษา และแบบเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันให้โมโนเรลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหารถติดในเมืองหาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี” 

2. รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รถไฟทางคู่หมายถึงทางรถไฟที่ประกอบด้วยเหล็กรางรถไฟ 4 ราง หรือใช้เหล็กรางรถไฟ 4 เส้น รถไฟทางคู่จะช่วยประหยัดเวลาการเดินทางและการขนส่งสินค้าได้มาก เพราะรถไฟสามารถวิ่งสวนทางกันได้ ไม่ต้องรอสับหลีกที่สถานี รถไฟทางคู่เปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของโครงข่ายรถไฟ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ริเริ่มโครงการรถไฟทางคู่ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2536 

ดร.สามารถ กล่าวต่อว่า พรรคจะเดินหน้าก่อสร้างรถไฟทางคู่ต่อไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะเร่งผลักดันโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อรองรับรถไฟจากประเทศมาเลเซียที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

หากมีชาวมาเลเซียนั่งรถไฟนี้มาหาดใหญ่วันละ 2,000 คน หรือปีละ 730,000 คน สมมติว่าคนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่อยู่ในหาดใหญ่ 15,000 บาท ก็จะมีเงินหมุนเวียนในหาดใหญ่ปีละประมาณ 11,000 ล้านบาท 

อีกทั้ง รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จะช่วยกระตุ้นให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นจากเดิมในปี พ.ศ. 2565 ที่มีมูลค้าการค้า 660,392 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการค้าชายแดนที่สูงที่สุดของประเทศ

ทั้งนี้รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร มีมูลค่าโครงการประมาณ 6,700 ล้านบาท เส้นทางนี้จะเชื่อมต่อไปสู่กรุงเทพฯ โดยจะบรรจบกับรถไฟทางคู่ที่เวลานี้สร้างมาถึงชุมพรแล้ว เมื่อมีรถไฟทางคู่จากหาดใหญ่ถึงกรุงเทพฯ เวลาการเดินทางจะลดลงจาก 16 ชั่วโมง เหลือเพียง 8-10 ชั่วโมงเท่านั้น ประหยัดเวลาลงได้ครึ่งหนึ่ง

“แบบก่อสร้างเสร็จแล้ว และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งรัดให้มีการก่อสร้างโดยเร็ว”

3. มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา มอเตอร์เวย์เป็นถนนที่รถวิ่งได้เร็ว รถไม่ติด มอเตอร์เวย์ก็เหมือนกับทางด่วนนั่นเอง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้จัดทำแผนแม่บทมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ และได้ก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางแรกของประเทศไทยคือเส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2537 ซึ่งพรรคจะเดินหน้าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ต่อไป

ดร.สามารถ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์จตุรทิศ เชื่อมใต้สุดกับเหนือสุด และตะวันตกกับตะวันออกของประเทศไทย ประกอบด้วย 3 เส้นทาง คือ

(1) เส้นทางสุไหงโกลก-พัทลุง-ทุ่งสง-นครปฐม ระยะทาง 1,100 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ทุ่งสงเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าของภาคใต้  

(2) เส้นทางด่านแม่สาย/ด่านเชียงของ-เชียงใหม่-บางปะอิน ระยะทาง 853 กิโลเมตร 

(3) เส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 710 กิโลเมตร สำหรับมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดานั้น มีระยะทาง 71 กิโลเมตร วงเงิน 40,787 ล้านบาท เริ่มจากบ้านควนทรายทองถึงทางเข้าด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ แบบก่อสร้างเสร็จแล้ว

ขณะที่การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว กำลังรอหารือเรื่องถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่-ด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซียในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา จะช่วยกระตุ้นให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

'เพื่อไทย' ลั่น!! ระบบการศึกษาภายใต้ 'บิ๊กตู่' สร้างความเหลื่อมล้ำ เสี่ยงทำเด็กหลุดจากระบบ เพราะปัญหาความยากจน

(20 เม.ย.66) ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ประธานคณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ พรรคเพื่อไทย, ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านอุดมศึกษา พรรคเพื่อไทย, สุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้าน EdTech พรรคเพื่อไทย, รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวานิช คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านอาชีวศึกษา พรรคเพื่อไทย, ดร.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) เบอร์ 6 พรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านกิจกรรมพัฒนาเยาวชน พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัว คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ พรรคเพื่อไทย
.
ดร.ณหทัย กล่าวว่า ระบบการศึกษาภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างความเหลื่อมล้ำและเด็กนักเรียนเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาเพราะปัญหาความยากจนอย่างรุนแรง เมื่อเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ก็จะตกงานไร้อาชีพอยู่กับความยากจน ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพคน คือ ทางออก

พรรคเพื่อไทยจึงออกแบบนโยบายเพื่อการศึกษา ที่จะทำทั้งในระบบการศึกษา และ ออกแบบแพลตฟอร์มใหม่ให้คนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยโครงสร้างใหญ่นโยบายถูกคิดจากปรัชญาของพรรค นั่นคือ นโยบายการศึกษาจะต้อง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’ ให้กับผู้เรียน ผ่าน 6 นโยบายดังนี้...

>> 1. นโยบาย 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต, 1 ครู 1 แท็บเล็ต ฟรีอินเตอร์เนต เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำของการเข้าไม่ถึงการศึกษาและลดภาระผู้ปกครอง 

>> 2. นโยบายสร้างระบบการเรียนรู้ดิจิทัลแบบครบวงจร 'แพลตฟอร์ม Learn to Earn' เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้
2.1 ลดความเหลื่อมล้ำ ใครอยากเรียนอะไรต้องได้เรียน เนื้อหาหลากหลายทันสมัย เรียนสนุก
2.2 ขจัดปัญหาคนตกงานจะต้องหมดไป เพราะงานจะวิ่งเข้าหาผู้เรียน ผู้เรียนเห็นงานเห็นอาชีพเห็นรายได้ตอบแทนตั้งแต่ก่อนเรียน ระบบยังออกแบบช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด 
2.3 ระบบยังมีตัวช่วยทดสอบสมรรถนะของผู้เรียนและหางานที่เหมาะให้  ค้นหาศักยภาพตัวเองยิ่งหาเจอไว ยิ่งฉายแวว  
2.4 ออกแบบการเรียนเองได้ ตั้งแต่เวลาเรียน ถ้าขยันก็สามารถจบไว แข่งกับตัวเอง หรือ ถ้าเรียนไปทำงานไปก็ค่อยๆ สะสมหน่วยกิตเทียบโอนได้ 
2.5 สร้างรายได้ใหม่ รายได้เสริม หรือเปลี่ยนอาชีพ หรือรับงานเสริมหลังเรียนเสร็จได้เลย
 

>> 3. นโยบายจบปริญญาตรี อายุ 18 ปี ขจัดเนื้อหาการเรียนที่ทับซ้อนและไม่ทันสมัย 

>> 4. นโยบายเรียนอาชีวะฟรีมีอยู่จริง ตั้งแต่ ปวช.-ปวส. 

>> 5. นโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน รื้อฟื้นกลับขึ้นมาให้เด็กในต่างจังหวัดได้รับโอกาสไปศึกษาต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด 

>> 6. นโยบายโรงเรียน 2 ภาษาทุกท้องถิ่น เพื่อยกระดับการเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษา Coding ตั้งแต่ ป.1 เพื่อพัฒนาให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว
 

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะปรับปรุงกฎหมายและยกระดับกระทรวงศึกษาธิการให้มีประสิทธิภาพทั้งระบบมากยิ่งขึ้น โดยยึดนักเรียนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง อาทิ...

‘ทีมเศรษฐกิจ รทสช.’ ปล่อยคลิปใหม่ ‘แคชเลสโซซ้ายตี้’ ชี้!! รบ.บิ๊กตู่ วางรากฐานไว้ดี พร้อมก้าวสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 66 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปล่อยคลิป ‘แคชเลสโซซ้ายตี้’ ฉายภาพประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดนานแล้ว เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทันสมัย ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไว้ สร้างโอกาสในการทำมาหากินให้กับคนตัวเล็ก หลากหลายอาชีพตั้งแต่ วินมอเตอร์ไซค์ อย่าง ‘น้องทิม ไรเดอร์’ ไปจนถึง ‘บังป้อม อาหารทะเล’

เนื้อหาในคลิปอธิบายว่า ทุกวันนี้ พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ร้านอาหาร แท็กซี่ เลิกรับเงินสดแล้ว เปลี่ยนมาเป็นสแกนคิวอาร์โค้ด หรือโอนเข้าบัญชีผ่านมือถือ ทั้งคนขายและคนซื้อ มีความสะดวกมาก คนซื้อไม่ต้องพกเงินสด คนขายไม่ต้องหาเงินทอน ไม่ต้องเก็บเงินที่ขายของไว้กับตัว

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชี้ ‘แจกเงินดิจิทัล’ หัวหน้าพรรคพูดไม่ตรงกับเอกสาร แนะ พิจารณานโยบายให้ถี่ถ้วน ต้องมีความชัดเจน-ทำได้จริง

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 66 จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายหาเสียงด้วยการแจกเงินดิจิทัล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ รวมไปถึงประเด็นที่ว่า เงินดิจิทัลที่จะนำมาแจกนั้นขัดต่อกฎเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่ เพราะถือเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง ซึ่งทาง ธปท.ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการ

แม้ว่าล่าสุด จะได้มีการแจงผ่านรายการพิเศษ ‘เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ’ ตอน ยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 โดยระบุว่า ‘เงินดิจิทัล’ ที่จะแจกให้ประชาชนนั้น ไม่ใช่เงินดิจิทัล แต่เป็นเงินสกุลบาท ที่ใส่เข้าไปในกระเป๋าเงินดิจิทัล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top