Monday, 29 April 2024
เลือกตั้ง66

กทม. เผย คนกรุงเทพฯ ใช้สิทธิเลือกตั้ง 66 มากถึง 74.28% ถือเป็นการออกมาใช้สิทธิมากที่สุดในประวัติศาสตร์

(15 พ.ค. 66) ที่ศูนย์การประมวลผลการเลือกตั้ง ส.ส. กรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการ กทม. นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ในฐานะที่กำกับดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แถลงภาพรวมการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อย่างไม่เป็นทางการ ว่า ขณะนี้ได้นับคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีแบบแบ่งเขตเสร็จครบแล้ว 6,360 หน่วย มีผู้มาใช้สิทธิ 74.28% จากผู้มีสิทธิ 4,479,155 คน บัตรดี 3,191,989 ใบ คิดเป็น 95.58% บัตรเสีย 48,694 ใบ คิดเป็น 1.46% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 98,981 ใบ คิดเป็น 2.96%

ส่วนคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 10 อันดับ ประกอบด้วย 
1.พรรคก้าวไกล 1,596,653 คะแนน คิดเป็น 48.25% 
2.พรรครวมไทยสร้างชาติ 628,938 คะแนน คิดเป็น 19.01% 
3.พรรคเพื่อไทย 598,776 คะแนน คิดเป็น 18.09% 
4.พรรคประชาธิปัตย์ 85,769 คะแนน คิดเป็น 2.59%
5.พรรคไทยสร้างไทย 47,573 คะแนน คิดเป็น 1.44% 
6.พรรคชาติพัฒนากล้า 46,123 คะแนน คิดเป็น 1.39% 
7.พรรคเสรีรวมไทย 42,829 คะแนน คิดเป็น 1.29% 
8.พรรคภูมิใจไทย 28,451 คะแนน คิดเป็น 0.86% 
9.พรรคพลังประชารัฐ 22,033 คะแนน คิดเป็น 0.67% 
10.พรรคไทยภักดี 14,039 คะแนน คิดเป็น 0.42%

ด้านนายสำราญ กล่าวชี้แจงประเด็น ผลเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งที่ 20 ลาดกระบัง ผลคะแนนรวมสุดท้ายมีการพลิกจากก่อนหน้านี้ที่คะแนนมา ไม่กี่คะแนน เกิดความเคลือบแคลงขึ้นนั้น ตามระเบียบการเลือกตั้ง ให้ยื่นแบบ ส.ส.5/10 ทักท้วงในการนับคะแนน ผลคะแนน ได้ ยื่นพร้อมหลักฐานประกอบ ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต ซึ่งจะเป็นดุลพินิจในการตัดสินว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องคัดค้าน ถ้ารับก็จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป ถ้าไม่รับก็จะนำรายงานต่อไปยัง กกต. 

นายสำราญ กล่าวต่อว่า ขอบคุณปลัด กทม.และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากรทุกระดับ ที่ให้การสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งกับ กกต.กทม. และ กกต. มาโดยตลอด ขณะเดียวกันขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์

‘บิ๊กตู่’ เคารพในวิถีประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ย้ำ ‘ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’

"...ผมเองนั้น ผมพยายามทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดชีวิตของผม และอุดมการณ์ของพรรคก็เช่นเดียวกัน ขอให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีความเจริญก้าวหน้า ผมเคารพในวิถีประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ขอบคุณครับ..." 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

‘องอาจ’ ขอบคุณทุกคะแนนที่มอบให้ประชาธิปัตย์ แม้ไม่มี ส.ส.กทม. ก็ยินดีทำเพื่อพี่น้องประชาชน

(15 พ.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแล กทม. กล่าวถึงผลการเลือกตั้ง ส.ส.ใน กทม. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับเลือกตั้งเลยแม้แต่คนเดียว ว่า ขอขอบคุณทุกคนและทุกคะแนนเสียงที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าท่านจะเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใดก็ตาม ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยทำให้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเดินหน้าไปได้ต่อไป สำหรับท่านที่กรุณาลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ ตนขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ท่านมอบให้ด้วยหัวใจจากใจจริง 

“ขอยืนยันว่าทุกคะแนนเสียงที่ท่านมอบให้พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่สูญเปล่าเราจะทำงานเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนต่อไปในทุกช่องทางเท่าที่เราสามารถทำได้ ขณะเดียวกัน ก็ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 แบบแลนด์สไลด์อย่างท่วมท้นทั่ว กทม. และทั่วประเทศ และ ขอให้พรรคก้าวไกล เดินหน้าทำงานตามที่สัญญาไว้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวมต่อไป” นายองอาจ กล่าว

‘สื่ออังกฤษ’ คาด!! เก้าอี้นายกฯ ‘พิธา’ อาจไม่ราบรื่น แม้ครองอันดับ 1 แต่คงต้องรวมเสียง ส.ส. สู้ 250 ส.ว.

(15 พ.ค. 66) Daily Mail นสพ.ของอังกฤษ เสนอข่าว Pita Limjaroenrat: leading Thailand's political earthquake รายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้มีน้อยคนที่คิดว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (Pita Limjaroenrat) จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของไทย กระทั่งผลการเลือกตั้งชี้ว่า พรรคก้าวไกล ที่มุ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก มีคะแนนนำพรรคที่ตั้งมานานจนเป็นสถาบันอย่างพรรคเพื่อไทย

พิธา ชายวัย 42 ปี ได้ปรากฏตัวอย่างไม่หยุดนิ่งบนเส้นทางการหาเสียง โดยใช้ประโยชน์จากวัยหนุ่มและพลังของเขาเพื่อเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ท้อแท้และโหยหาการเปลี่ยนแปลงหลังจาก 8 ปีของรัฐบาลที่มีทหารหนุนหลัง ด้วยการประกาศว่า การลงคะแนนให้พรรคก้าวไกลคือการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ เป็นการทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องบอกว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคเดียวที่ต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่นำโดยเยาวชนปะทุขึ้นทั่วกรุงเทพฯ ในปี 2563 โดยมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้ามในสังคมไทยที่มีมาอย่างยาวนานในการตั้งคำถามต่อเรื่องนี้ ขณะที่ประเด็นมาตรา 112 ก็เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างมากและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องที่แตะต้องไม่ได้ในการเมืองไทยมาช้านาน แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่เป็นคู่แข่งในฝ่ายค้านก็กล่าวเพียงว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้าสู่รัฐสภา ในขณะพรรคก้าวไกลประกาศว่าจะแก้ไขอย่างชัดเจน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สำเร็จการศึกษาในนิวซีแลนด์และสหรัฐอเมริกา เขาศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วยทุนการศึกษานานาชาติ ก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม หลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 25 ปี ก็กลับบ้านเพื่อทำธุรกิจ Agrifood ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวของครอบครัว ซึ่งทำให้โชคชะตาพลิกผัน ต่อมาเขาได้เป็นกรรมการบริหารของแอปขนส่ง Grab Thailand ในปี 2555 เขาแต่งงานกับชุติมา ทีปะนาถ (Chutima Teepanat) นักแสดงโทรทัศน์ชาวไทย และมีลูกสาวอายุ 7 ขวบ การแต่งงานพังลงในปี 2562 ลูกสาวของเขาได้ปรากฏตัวอย่างเด่นชัดในการหาเสียงโดยพิธาพาเธอขึ้นเวทีหลังการกล่าวปราศรัย สร้างความพึงพอใจให้กับฝูงชนอย่างมาก 

ขณะที่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เขาใช้บัญชีส่วนตัวแบบสาธารณะ ตามด้วยผู้ใช้เกือบหนึ่งล้านคน เพื่อแชร์ภาพของเขาและลูกสาวสวมเสื้อยืดที่เข้าชุดกันและกินไอศกรีมด้วยกัน แต่ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในช่องลงคะแนน ก็ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของพิธาจะตรงไปตรงมา ตอนนี้เขาต้องรวบรวมพันธมิตรเข้าด้วยกันเพื่อเอาชนะสมาชิกวุฒิสภาที่ฝ่ายรัฐบาลเดิมแต่งตั้ง ซึ่งจะมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจากบรรดาผู้สมัครที่มีสิทธิ์

‘ชลน่าน’ ยินดี ปชช. ไว้วางใจ ‘ก้าวไกล’ อันดับ 1 รับ!! ยังไม่เห็นเงื่อนไขจัดตั้งรัฐบาล ปัดตอบเป็นฝ่ายค้าน

(15 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมประชุมกับแกนนำพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังจากผลคะแนนการเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพรรคพท.ได้คะแนนมาเป็นอับดับสอง โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้กรรมการบริหารพรรคจะมาคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานหลังจากนี้ ว่าจะดำเนินต่ออย่างไร ส่วนเรื่องการจับมือจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีชัดว่ายอมรับเสียงของประชาชน ที่ไว้วางใจพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้มาเป็นอันดับหนึ่ง ก็ยินดีกับพรรคก้าวไกล และยินดีที่จะให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะร่วมมือกันอย่างไรนั้น ในฐานะพรรคอันดับรอง ก็ต้องฟังเสียงของพรรคอันดับหนึ่งว่าจะมีท่าที ทิศทางอย่างไร 

เมื่อถามถึงการลงนามเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลจะมีข้อไหนที่อาจร่วมกันไม่ได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่รู้ คือเป็นแนวทางที่พรรคก้าวไกลประกาศไว้ ซึ่งการลงนามชัดเจนถือเป็นเรื่องดี เพราะจะเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยว่าหากร่วมกับทำงานแล้ว จะทำอะไรได้บ้าง ต้องคุยกัน ถ้าร่วมกันไม่ได้ ข้อไหน จะผ่อนคลายหรือยอมกันได้แค่ไหน คงต้องดูตรงนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบเนื้อหาว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง อาจยังตอบไม่ได้ถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งเบื้องต้นที่ทราบจะเน้นไปทางการทำงานตามนโยบาย 

เมื่อถามอีกว่าหากลงนามเอ็มโอยูไม่ได้ พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้านอีกหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องดูในรายละเอียด ตอนนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เมื่อประชาชนมอบคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตยท่วมท้นแบบนี้ เจตจำนงคงต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาทำงานเป็นรัฐบาล สิ่งนี้สำคัญกว่า จะมาคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าพอไปด้วยกันไม่ได้ แล้วต้องมาเป็นฝ่ายค้าน

‘เศรษฐา’ ลั่น!! พร้อมจับมือ ‘ก้าวไกล’ ตั้ง รบ. ดักคอ ส.ว. เคารพฉันทามติประชาชน

(15 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ามาที่พรรคเพื่อไทย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1

นายเศรษฐา ระบุว่า ถือเป็นความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง และส่วนตัวพร้อมที่จะเห็นพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยยินดีที่จะจับมือกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่างก้าวไกล

“ถ้าจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยต้องจับกับก้าวไกลเท่านั้น หากจับกับพรรคการเมืองอื่น ถือว่าไม่เคารพเสียงของประชาชนที่ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นผู้บริหารประเทศ และส.ว.เอง ก็ต้องเคารพฉันทามติของประชาชน ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชน และแสดงความยินดีกับคุณพิธาด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าไม่น่าจะมีการพลิกขั้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามกติกาชัดเจนอยู่แล้วและโดยส่วนตัว ฝ่ายประชาธิปไตยของเราทำงานร่วมกันมานาน และเราก็เป็นฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน

ส่วนจะมีอะไรพลิกหรือสถานการณ์อะไรหรือไม่ที่จะทำให้สถานการณ์พลิกจนไม่สามารถจับมือทำงานร่วมกันได้ นายเศรษฐายืนยันว่า มันไม่น่าเกิดขึ้นประชาชนรู้แล้ว ชัดเจนแล้วว่าสองพรรคนี้เป็นฝ่ายประชาธิปไตยและก้าวไกลเป็นฝ่ายได้คะแนนอันดับหนึ่งเราต้องเคารพเสียงประชาชน ตนชัดเจนตรงนี้

“สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับมติของกรรมการบริหารพรรค ส่วนผมแม้จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมทำงานทางการเมือง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งใดๆ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการโทรศัพท์พูดคุยหรือมีดีลลับใด ๆ กับนายพิธา และส่วนตัวไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของนายพิธาด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

‘อดีตบิ๊กศรภ.’ ชี้!! ฝ่ายที่แพ้ต้องเคารพกติกา-รัฐธรรมนูญ ให้ฝ่ายชนะได้ทำงานก่อน อย่าก่อกวนจนกระทบประเทศ

(15 พ.ค. 66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก “พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์” ระบุว่า “การเมืองคราวนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่าง พรรคผู้สูงอายุ ประมาณ 10 พรรค (เพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนากล้า ไทยภักดี เสรีรวมไทย ไทยสร้างไทย ฯลฯ) กับ พรรคหนุ่มๆ ประมาณ 3 พรรค (พรรคก้าวไกล พรรคเปลี่ยน พรรคสามัญชน พรรคเป็นธรรม )”

“ใครจะชนะอีกฝ่ายที่แพ้ ก็ต้องทำใจครับ และต้องปล่อยให้ฝ่ายที่ชนะทำงานไปก่อน ดี ไม่ดี ค่อยว่ากันตอนหลัง อย่าเพิ่งก่อกวนให้ส่งผลกระทบถึงประเทศ อย่าไปพูดว่าอีกฝ่ายโกงเป็นอันขาด โดยเฉพาะถ้าแพ้ชนะกันแบบใกล้เคียง และการตั้งรัฐบาลจะต้องเคารพรัฐธรรมนูญอีกด้วย”

‘ษฐา-มุกดาวรรณ’ ภท. ได้ใจคนเมืองคอนเขต 7-8 โค่น 2 พ่อลูก ‘ชินวรณ์-ปุณณสิริ’ กอดคอกันสอบตก

ผลการเลือกตั้งนครศรีธรรมราชน่าสนใจยิ่ง เมื่อ ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ์’ อดีต ส.ส. 9 สมัย ของพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ถูกโค่นลงไม่เป็นท่า จากหน้าใหม่ทางการเมือง ‘ษฐา ขาวขำ’ อดีตนายอำเภอ ที่ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย เขตทุ่งใหญ่ บางขัน ถ้ำพรรณรา ชนกับ ‘ชินวรณ์’

เป็นผลการเลือกตั้งที่พลิกเกินความคาดหมาย เพราะไม่คิดว่าจะมีใครโค่นชินวรณ์ลงได้ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า การเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอนจริง ๆ เมื่อประชาชนต้องการเปลี่ยนประชามติผ่านการลงคะแนนเสียง คือประชาธิปไตยที่เมื่อถึงเวลาประชาชนจะเป็นใหญ่ และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่นักการเมืองจะต้องยึดถือปฏิบัติ ถ้าใครขาด-ห่างหายไปจากประชาชน ประชาชนก็จะตัดสินชี้ขาดเอง

ไม่ใช่แค่ชินวรณ์ เพราะลูกสาว ‘น้องบีท-ปุณณสิริ บุณยเกียรติ์’ ที่ถูกส่งลงเขต 8 ฉวาง ช้างกลาง ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก็กอดคอพ่อสอบตกเช่นเดียวกัน จะอ้างกระแสก้าวไกลก็ไม่ได้ เพราะทั้งสองเขตถูกโค่นโดย ‘ภูมิใจไทย’ 

โดยเขต 8 มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล เอาชนะน้องบีทไปได้ ซึ่งมุกดาวรรณ เคยลงสมัครมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2562 ในนามพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนมา 18,000 กว่าคะแนน อยู่ในลำดับ ‘เกือบได้’ แต่คราวนี้มุกดาวรรณไม่พลาด ได้รับการชูมือให้เดินเข้าสภา ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเต็มภาคภูมิใจ

กล่าวถึงการล้มช้างทางการเมือง เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นครศรีธรรมราชก็มีศึกล่มช้างเกิดขึ้นเหมือนกัน ในเขตเลือกตั้งที่ 2 หัวไทร-ปากพนัง-เชียรใหญ่ เมื่อ ‘สัญหพจน์ สุขศรีเมือง’ หน้าใหม่ทางการเมืองเหมือนกัน ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ผลการเลือกตั้งสัญหพจน์ ชนะ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ อดีต ส.ส. 8 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเฉยเลย

สัญหพจน์เองก็ยังมึน ๆ ว่าชนะได้อย่างไร แต่มาคราวนี้สัญหพจน์ก้าวพลาด ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม แต่สัญหพจน์ กลับพลาดให้กับ ‘โกเท่ห์-พิทักษ์เดช เดชเดโช’ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเขาเป็นลูกชายของ ‘กนกพร เดชเดโช’ นายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช และเป็นน้องชายของ’แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.เขต 5 นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

นี้เป็นอีกบริบทหนึ่งที่เป็นบทเรียนสำหรับนักการเมือง ที่ต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน ทำงานสนองตอบต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน ภาคใต้กรอบของกฎหมาย แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดนักการเมืองห่างหายไปจากประชาชน ถึงวันนั้นประชาชนจะพิพากษาเองว่าจะให้คนคนนั้นอยู่ในสถานะอะไร

เรื่อง: นายหัวไทร

14 พ.ค.66 วันสิ้นยุคสองนคราประชาธิปไตย เปิด 4 สูตรตั้งรัฐบาล ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ใครกินแห้ว?

แรกสุด ‘เล็ก เลียบด่วน’ ต้องขอแสดงความเสียใจและยินดีกับผู้แพ้พ่ายและผู้ชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา พิเศษหน่อยก็ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ผงาดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 1 แทนพรรคเพื่อไทย ส่วนจะเป็น ‘สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง’ หรือ ‘พายุแห่งการเปลี่ยนแปลง’ ก็ดูกันต่อไป

‘เล็ก เลียบด่วน’ ยังไม่ขอส่องผลการเลือกตั้งในวันนี้ แต่จะขอหมายเหตุการณ์เลือกตั้งครั้งที่ 27 ครั้งนี้เอาไว้สัก 3 ประการ

ประการแรก - กระแสความต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและหลายสิ่งหลายอย่างมีพลานุภาพ เหนือกระสุนในหลายพื้นที่ พลังของคน 3 Gen คือ Gen-Z, Gen-Y รวมถึง Gen-X รวมแล้วเกือบ 40 ล้านมีบทบาทกำหนดทิศทางการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมีนัยสำคัญ

ประการที่สอง - ระบบบ้านใหญ่ ระบบอุปถัมภ์แบบเดิม ๆ ไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืนอีกต่อไป การสื่อสารสมัยใหม่  ความคิดใหม่ ๆ ข้อเสนอใหม่ ๆ นโยบายใหม่ ๆ ที่สอดคล้องยุคสมัยโดนใจประชาชนจะเข้ามาแทนที่

ประการที่สาม คำว่า ‘สองนคราประชาธิปไตย’ ที่หมายถึงคนชนบทต่างจังหวัดเป็นคนเลือกตั้ง แต่คนเมืองโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เป็นคนล้มรัฐบาลนั้นจะไม่มีอีกแล้ว เพราะปัจจุบันกล่าวได้ว่าเมืองกับชนบทเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ทั้งทางกายภาพและความคิดอ่าน

ปรากฏการณ์ ‘ก้าวไกลค่อนแผ่นดิน’ อยู่ใน 3 บริบทดังกล่าวมา...บริบทของความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่พลิกโฉมหน้าการเมืองไทย…

หันมากล่าวถึงการจัดสูตรรัฐบาล ซึ่งนาทีนี้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศเดินหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขอสรุปความเป็นไปได้ของสูตรที่สำคัญ ๆ ดังนี้

สูตรที่หนึ่ง - สูตร 309 เสียง โดยมีพรรคก้าวไกล 151 เสียงกับพรรคเพื่อไทย 141 เป็นแกนนำ ซึ่งนายพิธาได้ประสานงานไปแล้ว และเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยก็รักษามารยาทเปิดประตูรับพิจารณา แต่ที่สุดแล้วจะไปต่อหรือไม่ก็ยังไม่แน่…

สูตรที่สอง - พรรคเพื่อไทย พลิกข้างเจรจาจับมือกับพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และพรรคเล็ก จัดตั้งรัฐบาล โดยอาจเอาพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วย ให้พรรคก้าวไกลและพรรคลุงตู่เป็นฝ่ายค้าน…

สูตรที่สาม -  พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเดินหน้าโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไปตายเอาดาบหน้า ใช้พลังดูดหรือกลเกมต่าง ๆ ให้ฝ่ายตรงกันข้ามวงแตกพรรคแตก แล้วดึงร่วมรัฐบาล...หากดึงไม่ได้ก็ลากไปเรื่อย ๆ จนถูกคว่ำหรือชิงยุบสภา สูตรนี้เกิดขึ้นได้ยากมากเพราะเสียงของขั้วรัฐบาลเดิมแพ้ขาด ประการสำคัญอาจเป็นชนวนจลาจลนอกสภา…

สูตรที่สี่ - สูตรนายกฯ คนกลางตามมาตรา 272 วรรคสอง กล่าวคือไม่สามารถโหวตเลือกนายกฯ ตามบัญชีได้ ต้องใช้บริการคนกลางหรือคนนอก สูตรนี้พยายามใช้ตอนล้มบิ๊กตู่เมื่อปลายปี 2564 มาแล้ว กะว่าคว่ำบิ๊กตู่แล้วให้บิ๊กป้อมขึ้นนายกฯ ในฐานะนายกฯ คนนอก..คือนอกบัญชี ซึ่งทำไม่สำเร็จ แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว บิ๊กป้อมเป็นแคนดิเดตตามบัญชีแล้ว ถ้าพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยหนุนก็เดินหน้าได้ อาจจะดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ และประชาธิปัตย์มาร่วมด้วย สูตรนี้พรรคเพื่อไทยคงคิดหนัก

ทั้งสี่สูตร ความเป็นไปได้น่าจะอยู่ที่สูตรที่หนึ่งหรือสูตรที่สอง ต้องวัดใจทั้งสองพรรคแกนนำ ถ้าหวยพลิกมาสูตรที่สองเป็นสูตรข้ามขั้วก็แปลว่าพรรคก้าวไกลต้องกินแห้ว

ป.ล.- เล็ก เลียบด่วน ขอแสดงความชื่นชมบิ๊กตู่ที่ได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษประชาธิปไตย ลงคลุกฝุ่นสนามเลือกตั้ง และยอมรับในผลการเลือกตั้งโดยไม่มีข้อแม้

เรื่อง: เล็กเลียบด่วน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top