Wednesday, 15 May 2024
เลือกตั้ง66

‘สกลธี’ ย้ำ!! พปชร. ไม่จับมือพรรคแก้ ม.112 เตือน!! ต่างชาติหยุดแทรกแซงเลือกตั้ง

‘สกลธี’ ลงพื้นที่เขตบางกอกใหญ่ ช่วยหาเสียง ‘ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เบอร์ 6 ย้ำจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้ง วอน กกต.ลดความผิดพลาด อย่าให้เป็นเงื่อนไข เตือนต่างชาติหยุดแทรกแซงการเลือกตั้ง

(9 พ.ค. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคฯ ลงพื้นที่ลานออกกำลังกาย คลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช), เขตบางกอกใหญ่, เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง), เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง), เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) หมายเลข 6 เพื่อพบปะประชาชน

นายสกลธีกล่าวว่า ในย่านนี้จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะมีความน่าสนใจที่เป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรื่องราวในชุมชนมากมายที่สามารถนำมาสร้าง Story ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านมาช่วยพัฒนาจุดนี้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่นี้ต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้ไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่ามีทหารและผู้อยู่เบื้องหลังการเลือกตั้ง และใช้อำนาจกดดันไม่ให้พรรคฝ่ายค้านหาเสียงนั้น นายสกลธีกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างวาทกรรมแบบนี้ เพราะประเทศกำลังเดินหน้าตามแนวทางประชาธิปไตย ทุกคนลงเลือกตั้งด้วยกติกาเดียวกัน ตนก็เห็นข่าวฝ่ายค้านหาเสียงอยู่ตลอด หรือเวลาตนลงพื้นที่ก็เจอพรรคฝ่ายค้านเดินอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบ อยู่ที่ใครจะตั้งใจหาเสียงหรือตั้งใจจะสร้างประเด็นการเมืองมากกว่า และขอเรียกร้องไปยัง กกต.ให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งอย่างระมัดระวัง อย่าให้เกิดความผิดพลาดเหมือนการเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะอาจถูกยกมาเป็นเงื่อนไขต่อไป

ส่วนกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ เสนอมติเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสิทธิในการชุมนุมนั้น นายสกลธีกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างชัดเจน มารยาททางการทูตเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องมี และกฎหมายที่คุ้มครองประมุขของรัฐฯ และการกำหนดสิทธิขอบเขตการชุมนุมก็มีอยู่ในทุกประเทศ ดังนั้น ประเทศอื่นๆ ต้องระวังไม่ให้มีการแทรกแซงการเลือกตั้งจากต่างประเทศ

“พรรคพลังประชารัฐย้ำมาตลอด ว่าเรามีจุดยืนที่จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112 เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้นหรือจนลง ควรมองไปที่นโยบายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น ดังนั้น ถ้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเขาแล้วต้องเอาอันนี้ด้วย แล้วทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เราไม่เอาแน่นอน รวมถึงเรื่องนโยบายที่เอาไปใช้แล้วประเทศล่มจมทางเศรษฐกิจ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน” นายสกลธี กล่าว

ด้าน ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสามารถนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แม้ลุงป้อมจะโดนบูลลี่ล้อเลียนอย่างไรก็ไม่เคยตอบโต้ เพราะท่านเห็นคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน สิ่งที่ลุงป้อมคิดมีเพียงจะทำให้ลูกหลานทำให้ประเทศชาติเท่านั้น จึงอยากขอฝากทุกคนในเขตเลือกตั้งที่ 32 บัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 บัตรสีเขียวทั่วประเทศกาเบอร์ 37 ด้วย

‘กกต.’ ร่อนหนังสือกำชับ ผอ.กกต. ทุกจังหวัดทั่วประเทศ คุมเข้มเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ย้ำ!! ทำงานรอบคอบ กันผิดพลาดซ้ำ

(9 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพมหานคร เรื่องกำชับการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ว่าในการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพรวมของการจัดการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ปรากฏข้อมูลตามสื่อต่างๆ พบความผิดพลาดในการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการประจำที่เลือกตั้งกลางหลายแห่ง ดังนั้น เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 14 พ.ค.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

ในการอบรมคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ให้เน้นย้ำการปฎิบัติหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความรอบคอบและถูกต้องตามกฏหมาย ระเบียบ ประกาศ และแนวทางที่ กกต.กำหนด คู่มือปฎิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่พนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด หากมีเหตุการณ์ใดให้บันทึกลงในรายงานเหตุการณ์ประจำที่เลือกตั้ง ส.ส.

การดำเนินงานในวันเลือกตั้ง ก่อนเปิดการลงคะแนน ให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งตรวจสอบความถูกต้องของป้ายปิดประกาศให้ครบถ้วน และเมื่อเสร็จสิ้นการนับคะแนน ให้รีบดำเนินการรายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการโดยเร็ว

กำชับการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการประจำเขตเลือกตั้งและผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และแนวทางที่ กกต.กำหนด โดยให้ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดและกรุงเทพฯ ปฎิบัติหน้าที่ในการอำนวยการจัดการเลือกตั้งด้วยความเข้มแข็งและรับผิดชอบ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง และผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อขัดข้องในการปฎิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ ในกรณีเกิดเหตุจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอย่างอื่นในวันเลือกตั้ง และมีผลกระทบต่อการออกเสียงลงคะแนน หรือการนับคะแนนให้รายงานเหตุดังกล่าวต่อสำนักงาน กกต.โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายของหนังสือ ยังระบุว่า ได้แจ้งรายชื่อและเลขโทรศัพท์ของผู้บริหารและฝ่ายที่รับผิดชอบ เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงาน และแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ไปให้กับผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดด้วย

ชัยวุฒิ’ ชู!! นโยบายการศึกษา มุ่งพัฒนา ‘ภาษา-ดิจิทัล’ ด้าน นักศึกษา มศว ปลื้ม ‘พี่โอ๋ ตัวตึง’ เป็นกันเองกว่าที่คิด

‘ชัยวุฒิ’ ร่วมเสวนานโยบายการศึกษา ระบุชัด ความจริงมีเรื่องเดียว แต่ได้รับข้อมูลไม่ตรงกัน จึงมีความเห็นต่าง พปชร.ขออาสาประสานให้ทุกฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้ เพื่อพัฒนาประเทศและระบบการศึกษาไทย ด้านนักศึกษา มศว ปลื้ม ‘พี่โอ๋ ตัวตึง’ เป็นกันเองกว่าที่คิด ให้ถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด 

(9 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมเสวนาทางการเมือง ซึ่งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จัดขึ้นในหัวข้อ นโยบายด้านการศึกษาและสังคม ณ สนามกีฬากลาง ม.ร.ว.จุรีพรหม กมลาศน์ (มศว ประสานมิตร) โดยมีตัวแทนจาก ทั้งหมด 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม

ทั้งนี้ ได้กล่าวถึงนโยบายระบบการศึกษาว่า ส่วนมากหลายพรรคการเมืองมักไม่ค่อยพูดถึงเรื่องการศึกษาในเวทีดีเบตต่างๆ เท่าที่ควร เนื่องจากเป็นนโยบายที่ไม่ค่อยมีความขัดแย้งทางความคิดกันมากนัก หลายๆ พรรคมักจะมีนโยบายเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดโอกาส การเรียนเสริมด้านภาษา เทคโนโลยีและดิจิทัล ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการพัฒนามาโดยตลอด เพราะไม่ต้องใช้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนึ่งปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ การขาดแรงงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ ‘STEM’ ที่ค่อนข้างมีน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และเรื่องของภาษาก็มีส่วนสำคัญ ที่ต้องพัฒนา เพราะมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้ามาเปิดโรงงาน หรือ ฐานการผลิตภายในประเทศ 

ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษา ระหว่างพื้นที่ห่างไกลกับเขตเมือง ซึ่งยังคงมีคุณภาพที่แตกต่างกันอยู่ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข โดยทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไข ให้โอกาสเด็กๆ ทั้งประเทศได้มีความเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษา

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายในการเสวนาครั้งนี้อีกด้วยว่า เห็นด้วยกับหลายนโยบายด้านการศึกษาของพรรคต่างๆ ที่มาร่วมเสวนาในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ เรื่องของการเมืองนั้นไม่ได้สำคัญแค่เรื่องนโยบาย แต่สำคัญที่ว่า หากพรรคนั้นได้เป็นรัฐบาลแล้ว สามารถทำให้รัฐบาลมีสเถียรภาพได้หรือไม่ ทำงานได้ บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าได้ โดยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ขออาสาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง บางเรื่องสามารถคิดต่างกันได้ เห็นไม่ตรงกันได้ แม้ความจริงจะมีอยู่เรื่องเดียว แต่รับข้อมูลมาไม่เหมือนกันก็เกิดเป็นความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐจึงสามารถประสานให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยทำความเข้าใจกันได้ หาทางออกแก้ไขร่วมกัน จับมือไปด้วยกัน ให้ประเทศไทย เป็นบ้านเมืองที่น่าอยู่ตลอดไป

ด้าน ‘น้องมังกร’ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มศว ปี 1 นักศึกษาที่มาร่วมรับฟังการเสวนา ได้สะท้อนมุมมองที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ว่า รู้สึกปลื้มใจ ไม่คิดว่าจะเป็นกันเองมากขนาดนี้ จากที่เห็นภาพลักษณ์ตามเวทีดีเบตต่างๆ ที่ได้ฉายา ‘ตัวตึง’ คิดว่าจะเข้าถึงได้ยาก แต่กลับกัน เป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ขอถ่ายรูปก็ได้ถ่ายด้วยอย่างใกล้ชิด จึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่มาร่วมในการเสวนา และให้ความรู้ในวันนี้

‘กรณ์’ ฝ่าฝนขึ้นปราศรัย มั่นใจ!! ปชช.เทคะแนนหนุน ‘จูรี’ เข้าสภาฯ ลั่น!! ‘ชพก.’ ขอส่งลูกชาวบ้านสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สงขลา

(9 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า จัดเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ณ บริเวณ สี่แยกสะพานดำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เลือกตั้งของ นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อกชื่อดัง ขวัญใจคนใต้ ผู้สมัครพรรคชาติพัฒนากล้า เขต 2 เบอร์ 8 ผู้ที่มีคะแนนนิยมอย่างล้มหลามจากกระแสทั้งชุมชนและออนไลน์ โดยมีแกนนำพรรคนำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ร่วมด้วย ผู้สมัคร ทั้ง 3 คน ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 3 ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 3 และทนายอาร์ม สุวรรณรักษา ผู้สมัครเขต 9 เบอร์ 8 มาให้การสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางประชาชนที่เข้ารับฟังอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก แต่ประชาชนก็ยังปักหลักฟังการปราศรัยไม่ถอย โดยจูรี กล่าวปราศรัยท่ามกลางสายฝน โดยมีนายกรณ์กางร่มให้ สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมฟังปราศรัยเป็นอย่างมาก
.
โดยนายจูรี กล่าวว่า วันนี้ฟ้าฝนมาพรมน้ำมนต์ให้ความเป็นสิริมงคล ว่าเราได้ทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง เราไม่ได้มาทำอะไรที่จะนำไปสู่การทุรยศ อัปรีย์ จัญไร ให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง มั่นใจตนจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน จ.สงขลา ให้เกิดขึ้นได้ เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนเขต 2 จะส่งลูกชาวบ้านเข้าสภาฯ ได้อย่างแน่นอน
.
นายจูรี กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างลูกชาวบ้านกับเงิน และอิทธิพลมากมาย ป้ายหาเสียงของตนถูกทำลายเกือบทั้งหมด ในคูหาภาพก็หาย โดนแม้กระทั่งมีคนเอาเงินไปแจกชาวบ้านหัวละ 200 แล้วบอกว่าเป็นเงินของจูรี ตนขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อทวด หลักบ้านหลักเมือง จ.สงขลา ว่าหากตนใช้เงินซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว ขอให้ตายโหงไปเลย แต่ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เบอร์ 8 อยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชนแล้ว ตนจะทำให้การเมืองบริสุทธิ์จะเกิดขึ้นที่ จ.สงขลา วันที่ 14 พฤษภาคม เขต 2 สงขลา กาเบอร์ 8 หักปากกาเซียน ด้วยปากกาของพี่น้องประชาชน เพื่อให้วันที่ 15 พฤษภาคม ข่าวออกไปทั่วประเทศว่า การเมืองบริสุทธิ์ใสสะอาด เกิดขึ้นที่ หาดใหญ่ จ.สงขลา
.
นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้พี่น้องประชาชนสุดยอดจริง ๆ ตนได้เห็นแววตา เห็นรอยยิ้ม เห็นหัวใจของพี่น้องทุกคน ทำให้มั่นใจว่า วันที่ 14 พฤษภาคม เราจะได้สรางประวัติศาสตร์ร่วมกันอย่างแน่นอน ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ร่วมหาเสียงกับจูรีมาหลายครั้ง เจอทั้งแดด ทั้งฝน แต่เพราะตนรักคนหาดใหญ่ อยากให้ได้ ส.ส.คุณภาพอย่างนายจูรีเข้าไปทำงาน เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน เพราะหากสภาฯ ได้ผู้แทนแบบจูรี และเพื่อนผู้สมัคร อีก 3 คน ใน จ.สงขลา ของพรรคชาติพัฒนากล้า การเมืองไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า จ.สงขลา มี 9 เขต แต่เราส่งผู้สมัคร แค่ 4 เขต ทั้งที่ความจริงเราจะส่งครบก็ได้ แต่เพราะเราเลือกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง สร้างการเมืองที่ใสสะอาดให้กับ จ.สงขลา เราจึงส่งคนที่เราคิดว่าจะสามารถเดินไปสู่จุดหมายเดียวกันได้
.
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้ตนมั่นใจว่าเรายืนในจุดที่ถูกต้อง จึงขอให้ประชาชนเลือกคนที่รัก คนที่เราศรัทธา ท่ามกลางการเมืองที่พยายามปั่นกระแส สร้างความเกลียด สร้างความกลัว ให้พวกเราอึดอัดสับสน ว่าจะเลือกใครดี ตนขอบอกว่า สูตรสำเร็จทางการเมือง คือ ทำให้พวกเรากลัว ทำให้เกลียด ทำให้หลงรักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนโดนมาตลอด เคยยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถูกหาว่าเป็นเผด็จการ ทั้งที่ท่านก็ได้เสียงมากกว่าคู่แข่งทุกคน พอขึ้นเวทียิ้มให้นายพิธา ก็โดนกล่าวหาว่าติ่งส้ม มันมีความพยายามที่จะแบ่งคนเป็นขั้ว เพื่อให้พวกเราเลือกตามขั้ว แทนที่เราจะเลือกคนอยากเลือก แทนที่เราจะเลือกนโยบายที่เราอยากได้ เราถูกบังคับให้เลือกใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
.
“วันนี้ผมมั่นใจ เห็นด้วยใจ ด้วยสายตาของทุกท่าน ว่าท่านเลือกจูรี แน่นอน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ติดกับดักว่า ถ้าเขาเลือกแล้ว ใครจะมา คนที่เขากลัวจะชนะหรือเปล่า ผมขอบอกว่า ผมทำงานการเมืองมาเกือบ 20 ปี ในแต่ละยุค แต่ละสมัย เราจะได้นักการเมืองแห่งอนาคต ที่ชาวบ้านสามารถฝากความหวังไว้ได้ ยุคละไม่เกินคนสองคน ผมไม่เคยเห็นใครที่เป็นร่างทรงที่แท้จริงของชาวบ้าน ฝ่าด่านอุปสรรคความยากจน สะสมความรู้ ประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ  มากกว่าผู้สมัครคนอื่นทุกพรรค จึงขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยผลักดันจูรี ให้มีโอกาสเข้าไปทำงานในสภาฯ นี่คือ เพชรน้ำงามของ จ.สงขลา ที่ทั้งชีวิตอาจจะไม่มีใครน่าเลือกไปกว่านี้อีกแล้ว” นายกรณ์ กล่าว
.
ด้านนายอรรถวิชช์ ก็ได้ร่วมฝ่าสายฝน เพื่อให้กำลังใจนายจูรี และผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 คน โดยระบุว่า ฝนตกก็หยุดเราไม่ได้ ขอให้เชื่อในสิ่งที่เราทำ วันนี้พิสูจน์แล้วว่า เราได้เดินมาในหนทางที่ถูกต้องแล้ว และเชื่อว่าการเมืองที่ใสสะอาด จะเกิดขึ้นได้ ขอให้พี่น้องประชาชน ส่งลูกชาวบ้านเข้าสภาฯ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นที่ จ.สงขลา

‘มณีรัตน์’ ชู ปลดล็อกค้าขายออนไลน์-ลดค่าขนส่งระหว่างประเทศ หวังติดปีก e-Commerce ดันผู้ค้ารายย่อย-สินค้าไทยสู่ตลาดโลก

เมื่อไม่นานนี้ น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หมายเลข 6 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ถึงเรื่องการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยระบุว่า…

ปัจจุบันการซื้อสินค้าจากประเทศจีนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ค้าจีนสามารถส่งส่งสินค้ามาถึงผู้ซื้อในไทย ค่าส่งเพียง 20 บาท!! เขาทำกันได้อย่างไร??

ค่าส่งสินค้าที่สูงเป็นปัญหาใหญ่ ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไทยกำลังประสบกันอยู่ เพราะบางครั้งค่าส่งสินค้าภายในประเทศยังเสียค่าส่งแพงกว่านี้!!

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจค้าปลีก e-Commerce ของจีนจนสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จีนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ คือ ค่าขนส่งสินค้าไปต่างประเทศที่ถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทำให้ผู้ค้าจีนได้เปรียบผู้ค้าประเทศอื่น ๆ ด้านราคาเมื่อคิดรวมค่าขนส่งกับค่าสินค้าเข้าด้วยกัน โดยรัฐบาลจีนให้ความช่วยเหลือผู้ค้าในส่วนนี้ โดยการสนับสนุนค่าส่งสินค้าไปต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม, ผลักดันเรื่องการบริหารจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ, ควบคุมราคาค่าส่งสินค้าให้มีความเหมาะสม, ร่วมกับการเจรจาลดหย่อนภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้า

ในทางกลับกันประเทศไทยมีสินค้าไทย ที่ได้รับความที่นิยมจากลูกค้าชาวจีนและประเทศอื่น ๆ จำนวนมาก แต่หากคนไทยขายของออนไลน์ส่งไปต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน กลับต้องเสียค่าขนส่งสูงกว่าจากจีนมาไทยหลายเท่า เป็นปัญหาที่ดับฝันโอกาสทางธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อยชาวไทย ในการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มไปสู่ตลาดโลกอย่างสิ้นเชิง

ในครั้งนี้หากได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ประเด็นการค้าขายออนไลน์ เป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะผลักดัน โดยหนึ่งในนั้นคือ การปลดล็อก ลดค่าขนส่งสินค้ารายย่อยระหว่างประเทศ เพื่อติดปีก e-Commerce ไทย สนับสนุนให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล

‘จุรินทร์-อภิสิทธิ์’ เตรียมปราศรัยโค้งสุดท้าย ลานคนเมือง 12 พ.ค.นี้ ชวนคนไทย เลือก ‘ปชป.’ เป็น รบ. พาประเทศเดินหน้าอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่ กทม.เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค.นี้ เวลา 17.00 น.พรรคประชาธิปัตย์ จัดปราศรัยใหญ่ ที่ลานคนเมือง นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพฯ, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานวัตกรรมการเมือง และตน พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกคับคั่ง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า การปราศรัยครั้งนี้จะเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ โดยจะเน้นเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศช่วยสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ ทั้ง ส.ส.แบบเขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การทำงานในสาขาวิชาชีพต่างๆ พร้อมทั้งการทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ จะชี้ให้เห็นถึงนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนกลุ่มต่างๆ และเป็นนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้จริงทันทีที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ที่จะชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทยว่า จะเดินไปทางไหน โดยพรรคประชาธิปัตย์จะชี้ให้เห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การเมืองเข้าสู่จุดเข้มข้นจนอาจถึงทางตัน แต่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะช่วยสร้างทางรอดให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการยึดมั่นในการทำงานบนความซื่อสัตย์สุจริต เชื่อมั่นว่า การปราศรัยใหญ่ครั้งนี้จะมีส่วนทำให้ประชาชนพร้อมจะตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาทำงานรับใช้ประชาชนอย่างท่วมท้นแน่นอน” นายองอาจ กล่าว

‘จิรพงษ์’ เปลี่ยนป้ายหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำจุดยืน ไม่ขายตัว ปลุกความเชื่อมั่น ปชช. เลือก ‘เพื่อไทย’ ทั้งคนทั้งพรรค

‘จิรพงษ์’ เปลี่ยนป้ายหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำจุดยืน อุดมการณ์ ไม่ขายตัว ยึดมั่นในประชาชน ปลุกกาบัตรเลือก เพื่อไทย ทั้ง ส.ส.แบ่งเขต ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ

(10 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 2 เบอร์ 8 พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปลี่ยนป้ายหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งอีกครั้ง

โดยก่อนหน้านี้ นายจิรพงษ์ ได้จัดทำป้ายหาเสียงมาแล้ว 2 เวอร์ชัน ซึ่งเวอร์ชันแรกเป็นป้ายแนะนำตัว เวอร์ชันที่ 2 เป็นป้ายแนะนำนโยบายของพรรค พท. แต่ละนโยบาย และเวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันที่ 3 ย้ำถึงจุดยืน “ไม่ขายตัว ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ ยึดมั่นในประชาชน”

นายจิรพงษ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนป้ายโค้งสุดท้าย​ ตนต้องการย้ำอุดมการณ์​ว่า ไม่ว่าจะที่ผ่านมา วันนี้ หรือต่อไปในอนาคต ตนก็ยังจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน​ ที่เลือกตนให้มาเป็น​ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ตนไม่คิดขายตัว ไม่เคยย้ายพรรคไปไหน​ และเห็นว่า พรรค พท.คือคำตอบที่ทำให้ประชาชน​อยู่ดีกินดี มีเศรษฐกิจ​ที่ดี​

หากจะมีคนคิดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย​ แล้วคิดจะมาซื้อ​ ส.ส. โดยเฉพาะ​ ส.ส.เขต​ของ พท.คงยาก รับประกันได้เลยว่า ไม่มีใครยอม

ดังนั้น วัน​ที่​ 14​ พ.ค.​นี้​ ขอเขิญชวน​พ่อแม่พี่น้องมาลาจากความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่น เชื่อใจพรรค พท.อีกครั้งโดยการเข้าคูหา​ กาเพื่อไทยทั้งแบบแบ่งเขต​และบัญชีรายชื่อ

‘ลุงตู่’ บุกชุมพร อ้อนชาวบ้าน บอก “รักจังฮู้ มาเพราะแรงคิดถึง” ปลุกพลังเงียบเลือก ‘รทสช.’ ลั่น!! หากได้เป็น รบ.ทุกอย่างจะดีขึ้น

‘ลุงตู่’ ขนแกนนำหาเสียงชุมพรคึกคัก ปลุกพลังเงียบออกมาใช้สิทธิ์ กา ‘รทสช.’ ทั้ง 2 ใบ ให้เข้ามาบริหารประเทศ สัญญาได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน

(10 พ.ค. 66) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการทำเนียบรัฐบาล สวมเสื้อพรรค รทสช.และรองเท้าสีครีมสดใส ลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดชุมพร ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน โดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค

โดยเมื่อมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดชุมพร อำเภอปะทิว มีประชาชนชาวประทิวสวมเสื้อสีเหลืองมาต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายภาพ จากนั้นจุดแรกเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางพบปะประชาชนในพื้นที่ตลาดประทิว เพื่อหาเสียงช่วย นายสันต์ แซ่ตั้ง ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 2 ชุมพร โดย พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นยืนปราศรัยบนรถแห่ กล่าวสวัสดีชาวชุมพร พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า การเรียนหนังสือสำคัญที่สุด เรียนแล้วต้องรู้จักคิดไม่อย่างนั้นจะถูกคนเข้ามาโกหก กล่อมเกลา ซึ่งอันตรายสำหรับบ้านเรา

ทั้งนี้ วันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ออกไปกาบัตรเลือกตั้ง อย่ากาผิด 2 บัตรสองใบ สีม่วงเบอร์ 12 สีเขียวเบอร์ 22 ต้องไปทั้งคู่ ให้ได้คะแนนเสียงซึ่งตนจะได้เข้ามาบริหารได้ ถ้าบริหารไม่ได้มันก็ลำบากในสภา วันนี้เราเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว เดินหน้าประเทศพร้อมกันไปกับตน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาบอกรักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ตนไม่เอา ตนเอารักมาก ๆ แต่รักนาน ๆ ด้วย 
รักคนใต้ วันนี้ที่มา มาเพราะแรงคิดถึง รักอย่างแรง รักแล้ว รักต่อ ก่อนจะแซวชาวบ้านว่าจะร้องเรียนอะไรหรอ เป็นรัฐบาลแล้วค่อยว่ากัน แต่คิดว่าหมดแล้ว 8 ปีที่อยู่มาเราต้องหาเงินเข้ากระเป๋าให้ได้ก่อน ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนให้ได้มากที่สุด

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถามประชาชนว่า “เห็นในทีวีทุกวันยังไม่เบื่อหรอ รูปในกล้องก็ใช้ไม่ได้ ทีวีเสีย ผมไม่หล่อ วันนี้มีเรื่องจะพูดเยอะแต่มันตื้นตัน รักจังฮู้ ที่มาเพราะแรงคิดถึง รักแรง ทั้งนี้ ทำมา 8 ปี ตนรู้ปัญหา คือต้องหาเงินเข้ากระเป๋าไม่อย่างนั้นทำไม่ได้ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด เงินกระเป๋าซ้ายก็ตุงขึ้นมาและจ่ายกระเป๋าขวาให้พวกเรา ดูแลสวัสดิการ ถ้าไม่มีสตางค์มันทำอะไรไม่ได้ มันดีแต่โม้กันทั้งนั้น”

พล.อประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้รักรวมไทยสร้างชาติ เราเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่รวบรวมคนเก่าและคนใหม่เข้ามา ทั้งหมดจะได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลอยู่ที่พวกเราทุกคน และช่วยกันไปเลือกตั้ง 14 พ.ค. ลากกันไปเลือกตั้ง เคาะข้างบ้านด้วย ใครไม่ไปชวนกันไป อนาคตประเทศไทยอยู่ที่มือของพวกเราทุกคน บ้านเมืองต้องมั่นคง สถาบันหลักของประเทศต้องมั่นคง ตนมีแต่ความจริงใจให้ท่าน ตนเป็นทหารเก่ามาทุ่มเททั้งชีวิตไปแล้วในการรักษาแผ่นดินผืนนี้ให้กับท่าน เราต้องช่วยกันรักษาต่อไปในสิ่งที่ดีงาม ถ้าอยากให้ตนเป็นนายกฯต้องเลือกกี่ใบ จำไว้ 2 เลข อย่าไปเดินชนอะไรแล้วลืมเบอร์ ช่วยกันส่งพลังเงียบออกมาได้หรือไม่ได้ ข้าราชการเกษียณว่าอย่างไร เราเป็นช้างป่วยหรือเปล่า เราเป็นช้างศึกไม่ใช่ช้างป่วย ทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินมาแล้วเท่าไหร่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการดี ๆ มีเยอะแยะไป ขอให้ช่วยกันทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง

จังหวะนี้ประชาชนตะโกนถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่างวดนี้ออกอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวถามกองสลากก่อน เขาเป็นคนหมุนเครื่องปั่น ผมไม่ได้ไปล้วงกับเขา ก็สุดแล้วแต่พวกเรา อย่าทุ่มเทมากนะ ตอนนี้รถมีหลายคันซื้อเบอร์กันทุกคัน เสียกันเยอะ” ขณะที่ประชาชนตะโกนว่า “ลุงตู่สู้ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ จึงชูกำปั้น พร้อมกล่าวว่า “สู้ตายๆ ไม่ใช่สิ สู้ไม่ตาย” พร้อมถามประชาชน “สู้ไม่สู้ๆๆ” ประชาชนกล่าวว่า “สู้ๆ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนคืออนาคตของประเทศไทย ร่วมกันก้าวเดินไปพร้อมกับลุงตู่ ตน ยืนยันถ้าได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน

ผ่าเกม 'ทักษิณ' ทวีตรัวๆ "ขออนุญาตกลับบ้าน" 'ตรึงคะแนนเพื่อไทย- ฝันหวานนอนเซฟเฮาส์'

อันที่จริงเรื่องการ 'ขออนุญาตกลับบ้าน' ของโทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร 'เล็ก เลียบด่วน' ได้ปุจฉาวิสัชนาไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา อันเนื่องจากนายทักษิณได้ทวิตเตอร์ต้อนรับหลานคนที่ 7 ที่อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ให้กำเนิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66

ทว่า จู่ ๆ วันอังคารที่ 9 พ.ค. 66 ทักษิณ ก็ทวิตเตอร์รัว ๆ สองครั้ง ประกาศเปรี้ยงอีกว่าจะกลับบ้านก่อนวันเกิดคือ วันที่ 26 ก.ค. 66 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลารัฐบาลรักษาการของพล.อ.ประยุทธ์

ข้อความที่ทำให้ใครต่อใครพลอยสะดุ้งก็คือท่อนที่ตบท้ายว่า ทั้งหมดคือ การตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา 

อ่านแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เมื่อวันที่ 1 พ.ค. บอกว่า “ขออนุญาตกลับบ้าน” จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ชี้ว่า เป็นการพูดที่หมิ่นเหม่ ไม่บังควร วันที่ 9 พ.ค.คนแดนไกล ก็เย้ยฟ้าท้าดินหนักกว่าเดิม เอ่ยคำว่า "เจ้านายของเรา"

ถามว่า ทวิตเตอร์รัว ๆ รอบนี้ ทักษิณต้องการอะไรกันแน่ มีอะไรลับลวงพรางหรือไม่ 'เล็ก เลียบด่วน' ขอฟันธงว่ามีสองเหตุผลสำคัญเท่านั้น

ประการแรก จุดประสงค์หลักอยู่ที่การเมืองการเลือกตั้ง ต้องการตรึงคะแนนพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไหลทะลักไปที่พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.เขต ส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ลือกันว่าก้าวไกลจะแซงเพื่อไทยไปอยู่ที่ 12 ล้านเสียงนั้น ไม่ซีเรียสเท่ากับการตรึง ส.ส.เขตเอาไว้ ซึ่งการประกาศกลับบ้านของทักษิณรอบนี้ ทำให้คะแนนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานกระชับ และกระเตื้องขึ้นระดับหนึ่ง

ประการที่สอง ทักษิณมีความต้องการที่จะกลับจริง ๆ เขาแทงหวยว่ารัฐบาลชุดใหม่เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ เบื้องต้นกฎกระทรวง 2 ฉบับของกระทรวงยุติธรรมที่ที่แก้ไขไว้เมื่อปี 2563 สามารถใช้เซฟเฮาส์ หรือสถานที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ เป็นที่คุมขังได้ ส่วนมาตรการอย่างอื่นทักษิณก็คงเตรียมการไว้แล้ว แต่ทั้งนี้หากหวยหลังเลือกตั้งยังเป็นรัฐบาลขั้วเดิม ทักษิณก็อาจจะเปลี่ยนใจยืดเวลากลับไปอีก...

คำประกาศของทักษิณที่จะกลับบ้าน 20 กว่าครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นนิยายเดิม ๆ อีกครั้ง จะมีอะไรให้ฉุกคิดอยู่บ้างก็ตรงที่การเอ่ยอ้างใช้คำว่า ‘เจ้านาย’ ทำให้นักข่าวไปถาม ‘ลุงตู่’ ว่าการส่งสัญญาณของทักษิณเที่ยวนี้เป็นไปในลักษณะดีลพิเศษใช่หรือไม่ ซึ่งลุงตู่ถามกลับว่า เขาส่งสัญญาณมาทางไหนเหรอ ตนไม่ได้รับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม

ครับ! สรุปว่าการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ ที่สุดก็มาเกี่ยวข้องกับเรื่อง ‘ทักษิณกลับบ้าน’ อีกครั้ง จนบางฝ่ายบอกว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ถ้าแน่จริง ‘ทักษิณ’ ควรกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะไม่มีใครห้ามกลับ...

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดใหม่ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าอาจจะยังเป็นรัฐบาลลุงตู่กับคณะเดิม ก็อาจจะถึงเวลาที่จะต้องถอดชนวนความขัดแย้งด้วยการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองที่ยังเป็นภูเขาใต้น้ำแข็ง นำประเทศออกจากความขัดแย้ง สลายสีเสื้อ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับพลังแผ่นดิน อย่างจริงจัง

ใช่หรือไม่ว่า...วันนี้คำว่า ‘ระบอบทักษิณ’ หรือผีทักษิณ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อน ที่น่ากลัวกว่าก็คือระบอบส้มพันธุ์ใหม่ ซึ่งหากสุดท้ายไปผสมพันธุ์กับระบอบทักษิณด้วยแล้ว บ้านนี้เมืองนี้ดูไม่จืดแน่นอน

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘แดงปทุมฯ’ กลับใจ!! เข็ดแล้วเลือก ส.ส.ตามกระแส ช้ำใจได้คนไม่ตรงปก เปิดใจ!! ก้าวข้ามความขัดแย้ง

หลังจากเป็นข่าวใหญ่ไปช่วงขณะหนึ่งในเขตเลือกตั้งจังหวัดปทุมธานี โดยมีกระแสข่าวจากชาวบ้านในจังหวัดที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของ ‘นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์’ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีพฤติกรรมกร่าง และเคยมีเรื่องทำร้ายร่างกายชาวบ้านในพื้นที่ แต่เจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงประเด็นการทำร้ายร่างกาย ว่าได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว รวมถึงมีการขอโทษผู้เสียหาย ชดใช้ค่าเสียหายและคดีถึงที่สุดแล้ว พร้อมทั้งบอกว่าการขุดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง ทำให้การสาดสีทางการเมืองเริ่มเยอะมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงยุคใหม่ ที่ขอปรับทัศนคติเป็นคนไทยที่ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ อาทิ คุณขนิษฐา สุทัน / คุณนฤมล ศรีโพกลาง และ คุณนนท์ จึงศักดิ์สิทธิ์ ได้เป็นตัวแทนชาวปทุมธานี ส่งเสียงกับ THE STATES TIMES ว่า...ไม่ควรให้โอกาสกับคนที่มีพฤติกรรมทำร้ายประชาชน เพราะผู้แทนหรือ ส.ส.ที่ดี แค่รักประชาชนยังทำไม่ได้ จะให้มาดูแลประชาชนได้อย่างไร

โดยคุณขนิษฐา ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “กรณีอดีต ส.ส.พรรคหนึ่ง ที่มีข่าวเรื่องตีกันทะเลาะกับชาวบ้านก่อนหน้านี้นั้น ก็ต้องบอกว่าในอดีตเขาก็มีข่าวฉาวเกี่ยวกับพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยอยู่แล้ว แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ใช่คนที่มีประพฤติเกเรเหมือนที่หลายคนที่ส่งต่อข้อความกัน และบอกว่าคนเราอาจผิดพลาดกันได้ แต่อย่าลืมว่าคุณเป็น ส.ส.คุณเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่สิ่งที่คุณทำมันฝังใจคนในพื้นที่ แล้วครั้งนี้ยังกล้ามาลงสมัคร ส.ส.ในเขตนี้อีกครั้ง ประชาชนที่ไหนจะหวังพึ่งพาคุณได้จริง”

ขณะที่ คุณนฤมล กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่นิสัย แต่มันเรียกว่าสันดาน เพราะคนที่อยากเป็น ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ดิฉันเคยเห็นมาทั้งชีวิต เขาเข้ามาแล้วมีความมุ่งมั่นในการดูแลประชาชน จะดูแลได้มากน้อยแค่ไหน ก็ยังทำ แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีใครคิดทำร้ายประชาชนในพื้นที่ของตนเองเลย ฉะนั้นเมื่อสันดานเป็นแบบนี้ จะพัฒนาเขตและดูแลประชาชนได้ยังไง ที่สำคัญเขาชอบทำเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ ซากๆ แล้วประชาชนคนไหนจะฝากชีวิตไว้กับคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้น การทำตัวดี มันต้องต่อหน้าและลับหลัง”

ด้านคุณนนท์ กล่าวว่า “ผมคงไม่ขอพูดอะไรมาก คงพูดแค่ว่าวันที่ 14 นี้ ลองใช้ปลายปากกาของพวกคุณ ไปเลือกคนดี ใช้สิทธิของคุณให้เต็มที่ เลือกคนดีเข้าสภา เลือกมาดูแลพี่น้องประชาชน มาดูแลเขตบ้านเรา ให้เขามาดูแลประชาชนให้ทั่วถึง”

ท้ายสุด ทั้ง 3 ท่านยังให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันอีกว่า ประชาชนทุกพื้นที่ ย่อมรู้จักคนหรือผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ดีอยู่แล้ว คนไหนดี ไม่ดี ดูไม่ยาก แต่ตอนนี้มีกระแสที่เข้ามาทำให้การมองคนเปลี่ยนไป ฉะนั้นอยากให้คนปทุมธานี และรวมถึงคนไทยที่จะเลือกผู้แทนฯ ทั้ง 400 เขต ลองเลือกคนที่เรารัก คนที่เรารู้จักคนในเขตพื้นที่นั้น ๆ ของเราอยู่แล้ว

“ช่วยกันหน่อยนะคะ เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ถ้าเขาเคยทำให้ถิ่นฐานบ้านเกิดเราดีอยู่แล้ว จะเลือกเขากลับเข้ามาก็ไม่ผิด หรือถ้าเขาเคยทำประโยชน์ใดๆ ให้พื้นที่ของเราแม้จะไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ให้โอกาสเขา อย่าเลือกตามกระแส และอย่าเลือกคนสันดานไม่ดีเข้ามาร่วมบริหารประเทศ คนไทยร่วมกันช่วยเลือกคนดีทั้ง 400 เขตนะคะ” คุณขนิษฐา ทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top