Monday, 1 July 2024
เพื่อไทย

‘เพื่อไทย’ จี้ กกต. เร่งสอบปมปาระเบิดรถหาเสียง ‘ประชา ประสพดี’ ชี้ ไม่ใช่แค่ข่มขวัญ แต่หวังเอาชีวิต ล่าสุดแจ้งผู้สมัครส.ส.ระวังในการลงพื้นที่

(20 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีรถประชาสัมพันธ์หาเสียงของ นายประชา ประสพดี ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ถูกปาระเบิดระหว่างหาเสียงเมื่อวันที่ 19 เม.ย.66

โดย นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว สรุปได้ใน 2 ประเด็น ดังนี้ 1.การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการใช้อำนาจอันมิชอบ ขณะนี้อยู่ในวาระของการเลือกตั้ง ภายใต้การบริหารจัดการในรัฐบาลนี้ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องสืบสวนให้ชัดเจน เพราะผู้ปาระเบิดใส่รถหาเสียงประชาสัมพันธ์ของนายประชานั้น เป็นหัวคะแนนของพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องสืบให้ทราบว่าเกิดปัญหานี้ได้อย่างไร จะรับผิดชอบอย่างไร แล้วจะจัดการปัญหานี้อย่างไร ส่วน กกต.ต้องเข้ามาดูแล เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง

2.มีประชาชนให้ข้อมูลกล่าวหาว่า มีการใช้อิทธิพลของรัฐ อำนาจรัฐ กลไกของรัฐไปใช้ในการช่วยหาคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองหนึ่ง ในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตำรวจ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับผู้กำกับ ผู้การ สารวัตร ให้ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พรรคการเมืองหนึ่งได้รับชัยชนะในหลายเขตเลือกตั้ง เมื่อมีข่าวนี้เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรสร้างความกระจ่าง ไม่ควรทำให้เกิดข้อครหา และทำให้ประชาชนไม่สบายใจ ในบรรยากาศการเลือกตั้ง มิฉะนั้นอาจจะถูกมองได้ว่า ผู้นำของประเทศอยากสืบทอดอำนาจของตนเอง และจะใช้อำนาจทุกวิถีทางเพื่ออยู่ต่อ เพราะเราต่างขออาสามารับใช้ประชาชน ไม่ควรมีใครใช้กระบวนการของรัฐข่มขู่คุกคามผู้สมัครต่างพรรคต่างเบอร์กัน ซึ่งผิดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

"เราไม่ควรมีบรรยากาศการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่มีการข่มขู่ คุกคาม อันนำไปสู่การทำลายระบบประชาธิปไตย ทำให้เกิดการหวาดหวั่นในการเลือกตั้งที่จะถึงและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นอีก ไม่ควรมีกระบวนการใด อิทธิพลใด หรือการกระทำใดๆ ที่กระบวนการของรัฐฯเข้ามาเกี่ยวข้องและข่มขู่ผู้สมัคร ที่ต่างพรรคต่างเบอร์ต่างความคิดกัน กกต.ไม่ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยร้องเรียน สามารถดำเนินการสอบสวนได้เลย" นายภูมิธรรม กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการคุกคาม ขู่เข็ญ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนให้เกิดความหวาดกลัว ส่งผลต่อการได้เปรียบ เสียเปรียบในการเลือกตั้งที่จะส่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ตัวผู้กระทำผิดก็มีพฤติกรรมเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองที่นายกรัฐมนตรีมีความเกี่ยวข้องอีกด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลงมารับผิดชอบตรวจสอบและดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันอีก

ทั้งนี้ พฤติการณ์ของผู้กระทำผิด พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเป็นการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ข่มขวัญ แต่หวังเอาชีวิต ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรเข้าไปตรวจสอบเพื่อเอาผิดพรรคการเมืองและนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมอีก 2 ประการ คือ 1.สถานที่เกิดเหตุระเบิด และสถานีตำรวจอยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่เมื่อผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แจ้งไปยังสถานีตำรวจ กลับใช้เวลาเดินทางมาตรวจสอบนานถึง 30 นาที ทั้งที่ควรใช้เวลาแค่ 5 - 10 นาทีเท่านั้น 2.ภายหลังจับกุมผู้กระทำผิดทำการสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำผิดเบาเกินไป ไม่สมเหตุสมผล ได้แก่ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว, ทำให้เสียทรัพย์, มีความพยายามทำร้ายร่างกาย และทำให้ส่งเสียงดังอื้ออึง โดยปกตินายประชาจะนั่งไปในรถหาเสียงคันดังกล่าวด้วย หากในวันนั้นนายประชาอยู่ในรถคันดังกล่าวในวันเกิดเหตุ โดนระเบิดหลบไม่ทัน หมายถึงการประสงค์ต่อชีวิต ดังนั้น การตั้งข้อหาที่เบาเกินไป จึงดูขาดน้ำหนัก

ด้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะเป็นการใช้อำนาจคุกคาม ขู่ขวัญ ของพรรคการเมือง ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นหัวคะแนนพรรคการเมืองใดอย่างชัดเจน ส่วน กกต.ไม่ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยร้องเรียน เพราะเป็นประเด็นสาธารณะ สามารถเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเอาผิดกับพรรคการเมือง และนักการเมือง ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวได้ทันที เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นโรคทางจิตเวช แต่ในข้อเท็จจริง ผู้กระทำความผิดเคยได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 9 เดือนมาแล้ว ในระหว่างนั้นได้ยกเอาสาเหตุอาการป่วยทางจิตมาเป็นสาเหตุอ้างต่อศาล แต่ศาลไม่รับฟัง และได้ตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 9 เดือน ในครั้งนี้ตนกังวลว่า ครั้งนี้จะมีการยกเอาเหตุผลทางจิตเวชขึ้นมาอีก แต่ในเมื่อมีบรรทัดฐานจากคดีการลักทรัพย์ที่ผู้ต้องหาถูกจำคุกแล้ว จึงไม่ควรอ้างเหตุนี้ต่อการดำเนินคดีอีก

'เพื่อไทย' ลั่น!! ระบบการศึกษาภายใต้ 'บิ๊กตู่' สร้างความเหลื่อมล้ำ เสี่ยงทำเด็กหลุดจากระบบ เพราะปัญหาความยากจน

(20 เม.ย.66) ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ประธานคณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ พรรคเพื่อไทย, ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านอุดมศึกษา พรรคเพื่อไทย, สุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้าน EdTech พรรคเพื่อไทย, รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวานิช คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านอาชีวศึกษา พรรคเพื่อไทย, ดร.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) เบอร์ 6 พรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านกิจกรรมพัฒนาเยาวชน พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัว คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ พรรคเพื่อไทย
.
ดร.ณหทัย กล่าวว่า ระบบการศึกษาภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างความเหลื่อมล้ำและเด็กนักเรียนเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาเพราะปัญหาความยากจนอย่างรุนแรง เมื่อเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ก็จะตกงานไร้อาชีพอยู่กับความยากจน ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพคน คือ ทางออก

พรรคเพื่อไทยจึงออกแบบนโยบายเพื่อการศึกษา ที่จะทำทั้งในระบบการศึกษา และ ออกแบบแพลตฟอร์มใหม่ให้คนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยโครงสร้างใหญ่นโยบายถูกคิดจากปรัชญาของพรรค นั่นคือ นโยบายการศึกษาจะต้อง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’ ให้กับผู้เรียน ผ่าน 6 นโยบายดังนี้...

>> 1. นโยบาย 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต, 1 ครู 1 แท็บเล็ต ฟรีอินเตอร์เนต เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำของการเข้าไม่ถึงการศึกษาและลดภาระผู้ปกครอง 

>> 2. นโยบายสร้างระบบการเรียนรู้ดิจิทัลแบบครบวงจร 'แพลตฟอร์ม Learn to Earn' เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้
2.1 ลดความเหลื่อมล้ำ ใครอยากเรียนอะไรต้องได้เรียน เนื้อหาหลากหลายทันสมัย เรียนสนุก
2.2 ขจัดปัญหาคนตกงานจะต้องหมดไป เพราะงานจะวิ่งเข้าหาผู้เรียน ผู้เรียนเห็นงานเห็นอาชีพเห็นรายได้ตอบแทนตั้งแต่ก่อนเรียน ระบบยังออกแบบช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด 
2.3 ระบบยังมีตัวช่วยทดสอบสมรรถนะของผู้เรียนและหางานที่เหมาะให้  ค้นหาศักยภาพตัวเองยิ่งหาเจอไว ยิ่งฉายแวว  
2.4 ออกแบบการเรียนเองได้ ตั้งแต่เวลาเรียน ถ้าขยันก็สามารถจบไว แข่งกับตัวเอง หรือ ถ้าเรียนไปทำงานไปก็ค่อยๆ สะสมหน่วยกิตเทียบโอนได้ 
2.5 สร้างรายได้ใหม่ รายได้เสริม หรือเปลี่ยนอาชีพ หรือรับงานเสริมหลังเรียนเสร็จได้เลย
 

>> 3. นโยบายจบปริญญาตรี อายุ 18 ปี ขจัดเนื้อหาการเรียนที่ทับซ้อนและไม่ทันสมัย 

>> 4. นโยบายเรียนอาชีวะฟรีมีอยู่จริง ตั้งแต่ ปวช.-ปวส. 

>> 5. นโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน รื้อฟื้นกลับขึ้นมาให้เด็กในต่างจังหวัดได้รับโอกาสไปศึกษาต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด 

>> 6. นโยบายโรงเรียน 2 ภาษาทุกท้องถิ่น เพื่อยกระดับการเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษา Coding ตั้งแต่ ป.1 เพื่อพัฒนาให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว
 

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะปรับปรุงกฎหมายและยกระดับกระทรวงศึกษาธิการให้มีประสิทธิภาพทั้งระบบมากยิ่งขึ้น โดยยึดนักเรียนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง อาทิ...

ติ่งส้มทิ้งบอมบ์!! เลือก ‘เพื่อไทย’ ได้ป้อม ภท.มีเฮ!! โพลพรรคใหญ่ยกให้ 2 เขต กทม.

ทุกปลายสัปดาห์...เลียบการเมืองก็จะเลาะขอบสนาม และล้วงลึกศึกเลือกตั้งด้วยข่าวสารสีสันประเภทลึกแต่ไม่ลับ...จับประเด็นจับกระแส..มาบอกกล่าวกัน...

ยื่นชี้แจงกกต. เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคบอกว่าไม่เพียงเรื่องนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทเท่านั้น แต่ยังชี้แจงนโยบายเรื่องอื่นๆ ไปด้วยรวมทั้งสิ้น 169 นโยบายเลยทีเดียว เรียกว่านาทีนี้ พรรคเพื่อไทย ก็คงผ่อนคลายได้นิดหน่อยที่กระแสถล่มนโยบายแจกหมื่นบาทเบาบางไปบ้างแล้ว…

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ระเบิดลูกสำคัญที่พรรคเพื่อไทยยังปลดชนวนไม่ได้...แม้ว่าระยะหลังคุณหนูอุ๊งอิ๊งจะพัฒนาการพูดเก่งขึ้นแค่ไหนก็ตาม...นั่นคือระเบิดเรื่องดีลลับจับมือกับพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล...ซึ่งเรื่องนี้พอจะอ่านทางกันออกว่าพรรคเพื่อไทยโคตรลำบากใจ...ไม่อาจจะเล่นบทผีไม่เผาเงาไม่เหยียบแบบพรรคก้าวไกลได้...

อันว่าพรรคก้าวไกลนั้นหัวหน้าพรรคประกาศชัดว่าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยนั้นเป็นไปได้ แต่ต้องไม่มีพรรค 2ป. ร่วมด้วย กล่าวคือ… ‘มีลุงต้องไม่มีเรา’ ...ดังนั้นพอเพื่อไทยพูดไม่ชัดในเรื่องนี้ ยามนี้บรรดา ‘ติ่งส้ม’ ก็ทยอยปั่นแคมเปญด้อยค่า เพื่อไทยว่า…’เลือกเพื่อไทยได้ป้อม’ ประโยคเดียววลีเดียวเสียวทั้ง 400 เขต...

ปลายเดือนนี้สองลุงจะล่องใต้เดินตามรอยกันไป...ลุงป้อมนั้นปราศรัยใหญ่ที่นครศรีธรรมราช วันที่ 29 เม.ย.66 ส่วนลุงตู่จัดคิว 29-30 เม.ย.66 ลุยหาเสียงจังหวัดตรัง, พัทลุง, สงขลา และสตูล...แว่วว่าคืน 29 เม.ย.66 จะปักหลักพักค้างที่ อ.หาดใหญ่กันเลยทีเดียว....ทิ้งช่วงสักพักจะเลี้ยวกลับไป สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช...สมรภูมิสำคัญของภาคใต้อีกครั้ง

'ธรรมนัส' เหน็บ 'เศรษฐา' มีอำนาจตัดสินใจจับมือใครหรือ?  เตือน!! ไมค์จ่อปากอย่าพูดเอามันส์ ออกตัวแรงระวังจะเสียคน

(22 เม.ย.66) ที่ จ.นครราชสีมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเลือกตั้งในภาคเหนือ ว่า เรามียุทธศาสตร์ และอยากปักหมุดทุกจังหวัด อย่างน้อยขอให้ได้ทุกจังหวัด 1-2 เขตส่วน จ.พะเยา มั่นใจอยู่แล้วว่าจะยกจังหวัด และน่าจะได้ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ในเดือน พ.ค.นี้จะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่หาเสียงที่ภาคใต้ในปลายเดือน เม.ย.นี้ พร้อมกับพรรคพปชร.มีแผนปราศรัยใหญ่ที่ จ.สงขลาในวันที่ 28 เม.ย. จากนั้นวันที่ 29 เม.ย.จะไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ภาคใต้พร้อมกันจะเป็นอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องการเมือง อย่าไปมองเป็นประเด็นอื่น ซึ่งเราทำแผนไว้นานแล้ว เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่จะต้องแข่งกับคนของพรรค พปชร.ที่ออกไป ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า น้ำเก่าออกไป เรามีน้ำใหม่ที่มีคุณภาพกว่า มีความมั่นใจว่าเราจะชนะ และจะได้เพิ่มอีกหลายจังหวัด เช่น จ.พังงา ที่ไม่เคยมีส.ส. มั่นใจว่าจะปักหมุดได้ ส่วนจ.นครศรีธรรมราช หลับตามองเห็นแล้ว เขต 1 ของนายรงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรคและผู้สมัคร ส.ส. พล.อ.ประวิตร สั่งระดมสรรพกำลังเข้าไปช่วย และตนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้อีกทาง เชื่อว่าผ่านแน่นอน ส่วนเขต 2 ของนางสุภาพ ขุนศรี ผู้สมัคร ส.ส.ก็ผ่าน ส่วนเขต 5 นายสุธรรม จริตงาม ผู้สมัคร ส.ส. ถือว่าเป็นเต็งหนึ่ง รวมถึงเขต 3 ของนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้นเราไม่แพ้ใครแน่นอน หลังจากหาเสียงที่ภาคใต้แล้ว วันที่ 30 เม.ย.จะไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น จากนั้นวันที่ 1 พ.ค.จะไปปราศรัยที่ จ.ร้อยเอ็ด 

เมื่อถามว่า มีโพลออกมาว่า พปชร.จะได้ 70 ที่นั่ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เกรดเอบวก รวมกันได้เกือบ 100 ที่นั่งแล้ว ดังนั้น ถามว่าพปชร.ในเรื่องของ ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้นเรามีความมั่นใจ ส่วนใหญ่พื้นที่เลือกตั้งที่ได้ตอนปี 62 เกือบจะทุกจังหวัด เราสามารถรักษาพื้นที่ได้ ถึงแม้คนที่เป็น ส.ส.เก่าจะย้ายไปพรรคอื่น แต่เราก็หาคนใหม่มาลง เรามั่นใจว่าจะยึดพื้นที่ได้ 

เมื่อถามว่าแสดงว่าโพลที่ออกมาไม่ใช่ตัวเลขที่ พรรค พปชร.คาดการณ์ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลายสำนักที่คาดการณ์ตัวเลข พปชร.กับพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกันมา จะได้สูสี ถ้าเราจะเป็นรองคงเป็นรองพรรคเพื่อไทย อละพรรคภูมิใจไทย หรือจะอาจจะสูสีกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนกับพรรคอื่นเราอาจจะได้มากกว่า 

‘ดร.พงศ์ธร’ ชำแหละ!! นโยบาย ‘เพื่อไทยโทเคน’ ชี้!! ทฤษฎีอาจทำได้ แต่ทาง กม.ยังมีข้อจำกัด

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.66 ผู้ใช้ติ๊กต๊อก บัญชี ‘PhongThon’ โดย ‘ดร.พงศ์ธร ธาราไชย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) ได้ออกมาวิเคราะห์นโยบายชูโรง ‘เพื่อไทย Digital Currency’ ของพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า...
.
“ตาม White Paper (เอกสารนำเสนอข้อมูล) ของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมา ได้บอกว่าออกเงินมา 10,000 บาท ประชากร 50 ล้านคน เท่ากับว่าจะมีเงินโทเคนอยู่ในระบบทั้งสิ้น 5 แสนล้านโทเคน ซึ่ง 5 แสนล้านโทเคน ก็จะมี Asset Backed (หลักทรัพย์) เป็น 'เงินบาท' หมายความว่า 1 โทเคน ก็มีค่าเท่ากับ 1 บาท 
.
ทว่า เหรียญโทเคนไม่ใช่เงิน ซึ่งมันจะสามารถโปรแกรมได้เลยว่าให้ไปใช้บริเวณใด ในระยะเวลาที่กำหนดได้บ้าง โดยเบื้องต้นโปรแกรมได้กำหนดระยะเวลาใช้งานที่ 1 ม.ค.67 - 31 มิ.ย.67 และใช้ได้ในพื้นที่จำกัดรัศมี 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่บัตรประชาชน รวมถึงกำหนดการใช้ซื้อสินค้าได้บางประเภท”

ดร.พงศ์ธร ได้เสริมว่า “โดยทฤษฎีแล้ว รัฐบาลจะได้เงินจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในเอกสารข้อมูลของเพื่อไทยได้บอกไว้ว่า จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Multiplier (ผลทวีคูณ) ถึง 6 เท่า ซึ่งถ้าเอา 6 ไปคูณเงิน 5 แสนล้านออกมา ก็จะทำให้มีมูลค่ามวลรวมของประเทศเพิ่ม 3 ล้านล้านบาท และถ้าไปเทียบกับค่ามวลรวมของไทยจากปี 2565 ที่ 17.4 ล้านบาทแล้ว ตามทฤษฎีจะทำให้มี GDP เพิ่มขึ้น เต็มที่ถึง 17%

'เพื่อไทย' พร้อม!! พาเมืองไทยสู่สังคมปลอดยาเสพติดอีกครั้ง ชี้!! ไม่จบแค่จับ แต่ต้องให้โอกาสทาง ศก. ตัดโอกาสเข้าสู่วงจรมืด

(26 เม.ย.66) “ยาเสพติดไม่ใช่เรื่องของผู้ค้าและผู้เสพ ยาเสพติดสร้างผลกระทบได้มากกว่านั้น ผลกระทบต่อครอบครัวผลกระทบต่อสังคม ไปจนถึงผลกระทบต่อประเทศชาติ”

เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหายาเสพติดทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีรายงานข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดอยู่บ้าง ทว่ารากเหง้าของปัญหาหรือเครือข่ายยาเสพติดยังคงไม่ถูกขุดรากถอนโคน มีแต่จะขยายใหญ่ขึ้นจนเริ่มเห็นผลกระทบของยาเสพติดอย่างชัดเจน ดังที่ พ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 2 เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย อดีตมือปราบยาเสพติด ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น 

ตลอดชีวิตการทำงานในฐานะตำรวจ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ได้ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่หลายจังหวัด เขาจึงเห็นกลไกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รวมถึงเข้าใจสถานการณ์ที่ทำให้ผู้เสพและผู้ค้ายังคงติดอยู่ในวังวนของยาเสพติด ซึ่งไม่ใช่แค่อาการติดยา แต่เป็นความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการเข้าไม่ถึงกระบวนการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ

“การแก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้จบที่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นั่นเป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น เพราะสาเหตุที่พวกเขาเลือกเข้าสู่วงจรยาเสพติด แทบทั้งหมดเป็นเพราะความขาดแคลนทางเศรษฐกิจ พวกเขาอยากหารายได้ทางลัดเพื่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของครอบครัว และเมื่อเขาถูกจับ ครอบครัวก็จะประสบปัญหาเรื่องการขาดรายได้ตามมา ยิ่งพอภาครัฐไม่ได้มีกระบวนการเยียวยาที่เข้มแข็งพอให้กับสมาชิกครอบครัวที่ตกหล่นเหล่านี้ สุดท้ายพวกเขาก็กลับเข้าสู่วงจรของยาเสพติดอีก วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น”

ดังนั้น พ.ต.อ.ธรรมนูญ จึงมองว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดจึงต้องมีลักษณะเป็นองค์รวม คือดำเนินการแก้ไขหลายๆ มิติพร้อมกัน ทั้งการบำบัดเยียวยา การให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสพและผู้ค้า ตลอดจนการให้โอกาสทางเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ธรรมนูญยังชี้ให้เห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วข่าวการจับกุมที่เห็นตามหน้าสื่อนั้น แทบไม่เคยถูกสาวไส้ไปสู่เครือข่ายเบื้องหลังได้เลย วันนี้สังคมไทยจึงต้องการคนที่จะเข้ามาขจัดปัญหายาเสพติดให้สิ้นซาก คนที่มองเห็นระบบทั้งหมดรวมทั้งเห็นคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อยู่ในนั้น และคนที่กล้ายืนหยัดต่อต้านความผิดปกติ พร้อมกับทำให้สังคมดีขึ้นในเวลาเดียวกัน

แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นคนคนนั้น หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดัน 'นโยบายด้านยาเสพติด' ทันที โดยดำเนินการตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้...

1. ประกาศสงครามกับยาเสพติด ไม่เอายาเสพติดในทุกกรณี ดังนั้นเราจะปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขายอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วินาทีแรก เพื่อคืนชีวิตพี่น้องลูกหลานกลับคืนสู่ครอบครัว

2. เร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดอย่างถาวร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เยอะที่สุด ในขณะที่ตัวการยังคงลอยนวล

'พังงา' แห่รับ 'เศรษฐา' ล้น!! เจ้าตัว ลั่น!! อบอุ่นได้กุหลาบเยอะมาก ยาหอม!! พร้อมนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.66) ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพังงา (หลังเก่า) ต.ท้ายช้าง อ.เมืองพังงา จ.พังงา พรรคเพื่อไทยจังหวัดพังงา นำโดย นายธะเนต นาวาล่อง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพังงา เบอร์ 5 พรรคเพื่อไทย และนายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดพังงา เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย, นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายสุธรรม แสงประทุม ประธานขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมการปราศรัย ซึ่งสาระสำคัญในการปราศรัย เรื่องปากท้องชาวบ้าน​ ราคายางพารา​ การท่องเที่ยว​ เป็นต้น

‘เพื่อไทย’ โชว์ 14 แนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง มั่นใจ!! หากได้เป็นรัฐบาล ปชช. มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี

(26 เม.ย.66) เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยระบุว่า…

ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน คือโลกแปรปรวน เกิดน้ำท่วม น้ำแล้งรุนแรงและถี่มากขึ้น สร้างความเสียหายให้ประเทศ การพัฒนาต้องหยุดชะงัก และต้องใช้งบประมาณมหาศาลเยียวยา ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มิติการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจะต้องเปลี่ยนไปด้วยวิธีคิดใหม่อย่างเป็นระบบ ประเทศไทยจะต้องไม่ท่วมไม่แล้ง ประชาชนต้องมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี

พรรคเพื่อไทย มีมิติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด 14 ข้อ
1. จะมีประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อม จะมีการแก้ไข พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม จะมีพ.ร.บ.อากาศสะอาด จะมี พ.ร.บ.น้ำเสีย และจะมีกฎหมายบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ให้อำนาจการเป็น Regulator ที่สมบูรณ์ โดยกฎหมายมีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา และมีการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

2. ใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เช่น Incentive และ Sanctions เช่น Tax ทุน ดอกเบี้ยไปพร้อมๆ กัน

3. ปรากฏการหรือเป้าหมายใหม่ๆ เช่น Carbon Neutrality, Zero GHG Emissions, Good Agricultural Practices (GAP) และ Transboundary Haze Agreement (THA) จะมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน มีเจ้าของเรื่อง และมีการติดตามประมวลผลตลอด

4. Circular Economy จะต้องให้ความสำคัญทางด้านผลประโยชน์ควบคู่ไปกับผลผลิตสุดท้าย (ขยะ) อย่างเท่าเทียมกัน

5. การมองทรัพยากรป่าไม้ จะต้องปรับเปลี่ยนจากการมองแบบแยกส่วนทางด้านระบบนิเวศน์ (Ecological Approach) เป็นการมองแบบภูมิทัศน์ทางสังคม (Landscape Approach) แทน

6. ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศน์ทางทะเลมากขึ้น เพราะขณะนี้พบว่า บางจุดจะได้เข้าใกล้Planetary Limit and Tolerance แล้ว โดยใช้นโยบาย Blue Evolution 

7. ปัญหาคนทำลายป่าไม้ จะเปลี่ยนวิธีคิดจากเดิมคนอยู่กับป่า มาเป็นป่าอยู่กับคน เพื่อให้นโยบาย Green ประสบความสำเร็จทั้งในป่าและในเมือง

‘เพื่อไทย’ ชู ยกระดับบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์-เข้ารักษาได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย

(26 เม.ย.66) เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความถึงระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ที่อธิบายโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า…

พรรคเพื่อไทยจะยกระดับนโยบายโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่พรรคไทยรักไทยทำไว้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ซึ่งหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า พรรคฯ จะดำเนินโครงการนี้ต่อ พร้อมกับการปฏิรูปงบประมาณทั้งระบบ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการบริหารจัดการโครงการฯ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะโอนมอบภารกิจในการเป็นหน่วยงานรับประกันด้านสุขภาพของประชาชนให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แทนที่โรงพยาบาลเหมือนในอดีต 

พร้อมนี้ ยังจะเพิ่มงบประมาณในโครงการเป็น 1.6-1.7 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อให้สปสช.ดำเนินโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดได้รับบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง สามารถเลือกแพทย์และโรงพยาบาลได้ตามที่ตัวเองต้องการ 

นอกจากนี้ ยังจะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บข้อมูลและประวัติการรักษาพยาบาลของคนไข้ไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้การเรียกหาข้อมูลของคนไข้ทำได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหน

‘เพื่อไทย’ จัดติวกลยุทธ์หาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.  แนะลงพื้นที่ต่อเนื่อง - รุกพื้นที่ออนไลน์มากขึ้น

(26 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคเพื่อไทยได้จัดอบรมผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ เพื่อปรับกลยุทธ์การหาเสียง นำโดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (ผ่านระบบออนไลน์) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม.

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ พร้อมขอขอบคุณที่ทุกคนยังอยู่กับพรรค เพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะนี้โพลของพรรคพท.ดีมาก ก็ทำให้ทุกคนมีกำลังใจ แต่ก็ไม่อยากให้ประมาท เพราะอีกกว่า 20 วันอะไรก็เกิดขึ้นได้ จึงขอให้ทุกคนเร่งลงพื้นที่นำเสนอนโยบายกับพี่น้องประชาชน ไม่ต้องกังวลพรรคคู่แข่ง เนื่องจากเขาไม่มีศักยภาพเหมือนเรา จึงเล่นแต่ในโซเชียลมีเดีย ทำให้โพลบางสำนักขยับขึ้น ดังนั้น ในช่วงใกล้โค้งสุดท้าย ผู้สมัครทุกคนก็ต้องเน้นใช้โซเชียลสื่อสารกับพี่น้องประชาชนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่า พรรคพท.มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงคนทั้งประเทศได้

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากโพลที่บางพรรคการเมืองขยับขึ้นนั้น มองว่าพรรคพท.มียุทธศาสตร์ที่ชนะได้คือ พื้นที่ เนื่องจากเราแข็งในพื้นที่กว่ามาก จึงขอให้ผู้สมัครทุกคนไม่ต้องกังวล แต่ก็ขอให้เพิ่มพื้นที่ในโซเชียลมีเดียให้มากขึ้น เพื่อสื่อสารนโยบายของพรรคกับพี่น้องประชาชน ตนดูแววตาผู้สมัครวันนี้แล้ว มีความมั่นใจมากว่าจะได้ผู้แทนเข้าสภาจำนวนมาก ขอให้ผู้สมัครทุกคนช่วยสังเกตการณ์การทุจริตเลือกตั้งด้วย เช่น การเก็บบัตรประชาชน รวมถึงการปลอมบัตรเลือกตั้ง หากพบเห็นขอให้แจ้งมาที่ส่วนกลางของพรรคอย่างเร่งด่วน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top