Saturday, 29 June 2024
เพื่อไทย

‘กำนันเผ่น’ ส.ส. เพื่อไทย ดวงเฮง!! ถูกรางวัลที่ 1 รับ 24 ล้าน หลังแพ้ชัยให้ ‘ก้าวไกล’ ถือเป็นรางวัลปลอบใจแม้สอบตก

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 ภายหลังกองสลากประกาศผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 66 รางวัลที่ 1 ได้แก่หมายเลข 132903 รางวัลเลขท้าย 2 ตัวได้แก่ 99

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ ‘สังคมข่าว สมุทรสาคร 2’ ได้โพสต์ภาพ ‘กำนันเผ่น’ หรือ นายอุดม กันม่วง อดีตผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเพื่อไทย เขต 1 ดวงเฮงถูกรางวัลที่ 1 หมายเลข 132903 งวดประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 จำนวน 4 ใบ ได้รับเงินรางวัล 24 ล้าน

โดยระบุข้อความว่า “24 ล้านอยู่นี่เอง กำนันเผ่น กำนันอุดม กันม่วง อดีตกำนันตำบลพันท้ายนรสิงห์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเพื่อไทย เขต 1 ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่ งวดประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 รางวัลที่ 1 4 ใบ เป็นเงิน 24 ล้านบาท”

สำหรับ นายอุดม กันม่วง เพิ่งลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย เขต 1 จ.สมุทรสาคร ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่เพิ่งผ่านมา และได้อันดับ 3 ส่วนผู้ชนะได้แก่ ว่าที่ ส.ส.จากพรรคก้าวไกล

‘ณัฐวุฒิ’ แนะพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ทำงานใหญ่ ใจต้องใหญ่กว่า ย้ำ แต่ละฝ่ายหาจุดลงตัว ตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามคำสั่งประชาชน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ ถึงกรณีความขัดแย้งของผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต่อกรณีการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า

“เห็นต่างโต้แย้งธรรมดารัฐบาลผสม พรรคแกนนำยิ่งต้องเพิ่มความถี่พูดคุยเอาเหตุผลแต่ละฝ่ายหาจุดลงตัว ตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามคำสั่งประชาชนไม่บิดพลิ้ว

ทำงานใหญ่ใจต้องใหญ่กว่า ซีนงอกแบบไม่ไว้ใจเพื่อนก็หยุดเสีย ไม่เชื่ออย่าใช้ ถ้าจะใช้ก็ต้องให้เกียรติกัน ใจเย็นๆทั้งผู้เล่นทั้งกองเชียร์”

พิธา โพสต์เคลียร์ เก้าอี้ ประธานสภาฯ ขอให้ทุกพรรค เดินหน้าทำงาน ปรับจูนนโยบายร่วมกัน เพื่อตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

วันที่ (26 พ.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความ ถึงการแย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้พรรคการเมือง 8 พรรคที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลจับมือกัน และนำประเด็นนี้ไปพูดคุยกันในวงเจรจา

"เรื่อง ประธานสภา ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมากถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา

ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้

พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว ดังนั้น ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้ ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด

ตอนนี้ ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ" นายพิธา โพสต์
 

เลขาสภาฯ ยังไม่มีหนังสือเชิญ ส.ส. ประชุมนัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ คาดรอความพร้อมจาก ‘พรรคก้าวไกล’ และ ‘พรรคเพื่อไทย’ หารือกันให้ลงตัวก่อน

นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ลงนามในหนังสือ แจ้งสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ขอเชิญเข้าร่วมพิธีเปิดประชุมรัฐสภาวันที่ 3 ก.ค. เวลา 17.00 น ณ ห้องโถง พิธีชั้น 11 อาคารรัฐสภา ซึ่งตามกำหนดการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดประชุมรัฐสภา และจะมีนายกรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรี คณะ ทูต ทูตานุทูตประเทศต่างๆ ประธานศาลฎีกาและประธานองค์กรอิสระเข้าร่วม กว่า1,000 คน ทั้งนี้ได้แนบคำแนะนำสำหรับสมาชิกรัฐสภาในพิธีเปิดประชุม ทั้งขั้นตอน ต่างๆ และเครื่องแบบการแต่งกายด้วย

ส่วนวันที่ 4 ก.ค.เดิมที่วางไว้เป็นกำหนดวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ ทั้ง2 คน จนถึงขณะนี้ทางสำนักงานเลขาฯ ยังไม่มีการทำหนังสือเชิญสมาชิกเข้าร่วมประชุม โดยมีรายงานว่า สภาฯจะขอประเมินสถานการณ์ความพร้อมในการเลือกประธานสภาฯ อีกครั้งก่อน เนื่องจากขณะนี้ทั้ง 2 พรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งพรรคตก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยังไม่ลงตัวในตำแหน่งนี้ คาดว่าต้องรอการหารือของ 8 พรรคการเมืองในวันที่ 2 ก.ค.นี้ และตามขั้นตอนสภาฯจะต้องทำหนังสือแจ้งสมาชิกให้รับทราบล่วงหน้า 3 วันก่อนที่จะมีการประชุม และตามกรอบเวลาตามระเบียบ วันประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกจะต้องเปิดประชุมภายใน10 วัน นับตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ซึ่งจะตรงกับวันที่ 12 ก.ค. 

การประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังตกลงกันไม่ได้เรื่อง ประธานสภาฯ ‘พิธา’ บอกยังมีเวลา ขอทำงานเป็นขั้นเป็นตอน

การประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 2 ชั่วโมง น่าจะจบลงแบบไม่ราบรื่นนัก
ที่ประชุม 8 พรรคร่วม ยังตกลงกันไม่ได้เรื่อง #ประธานสภา จะเป็นของพรรคใดระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทย พิธาบอกว่า ยังมีเวลา ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน อย่าเปิดประเด็นใหม่ 

ดูจากสีหน้าของทุกคู่ ไม่สดใสร่าเริงเหมือนตอนแถลงจับมือ ส่งรอยนิ้ว จับมือรูปหัวใจ แต่วันนี้ไม่ใช่ ไม่มีรอยยิ้มให้เห็น

ยังมีเวลา ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าพิจารณากันตามข้อเท็จจริง คือมีเวลาแค่วันนี้ เพราะพรุ่งนี้ทุกพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมีการประชุม ส.ส.ของพรรค ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องแจ้งเรื่องทิศทางในการเลือกประธานสภาว่าจะเป็นอย่างไร จะต้องเลือกใครจากพรรคไหน

พรุ่งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินเปิดประชุมสภา จากนั้นวันที่ 4 กรกฎาคม ก็จะเป็นการประชุมสภานัดแรกเพื่อเลือกประธานสภา และรองประธานสภาสองตำแหน่ง

หรือการโหวตเลือกประธานสภาจะย่างเข้าสู่โหมตฟรีโหวตจริงๆ แต่ถึงแม้นจะฟรีโหวต และพรรคก้าวไกลเสนอชื่อคนของพรรค ก็เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ ยังจะยกมือให้คนของพรรคก้าวไกลเป็นประธานสภา เพื่อให้การจัดตั้งเดินหน้าต่อไปได้ แบะทอดเวลาไปสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมือง เพราะเมื่อโหวตเลือกประธานสภาแล้ว มีเวลาอีก 10 วัน ในการกำหนดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

เกมต่อไปคือเกมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่จนถึงวันนี้ ทำไมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไทย ว่าที่นายกรัฐมนตรี ถึงยังไม่บอกกล่าวกับใครว่า “ตกลงซาวเสียง สว.แล้ว เขาจะเลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีสักกี่คน”

ทำให้สงสัยได้ว่า “หรือ 1 เดือนของความพยายามในการกล่อม สว.ให้กลับใจมาเลือกพิธา ยังย่ำอยู่ที่เดิม ที่เดิมที่ 6-7 เสียง หรือ 19-20 เสียง ยังไม่ขยับเข้าไปใกล้ 64 เสียง เพื่อให้ได้ 376 เสียง คือเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา

หรือใจมันสั่นๆที่จะพูดความจริง ความจริงที่ว่า “เรามีเสียง ส.ส.อยู่ 312 เสียง และมีสว.ใจเต็มร้อยให้พิธาแค่ 6-7 เสียง ที่เหลือรับปาก แต่ไม่ยืนยัน แน่นอนว่าทางการเมืองใครไปหาเขาก็รับปากหมดแหละ ไม่มีใครปฏิเสธต่อหน้าหรอก

เหมือนเวลา ผู้สมัคร ส.ส.ไปพบหัวคะแนน ไปคุยกับชาวบ้าน ทุกคนรับปากจะช่วยรับปากจะเลือกทุกคน จนทำให้ผู้สมัครหลงตัวเองว่า “เสียงดี-กระแสตอบรับดี”

แต่ผลคะแนน ผลโหวตจะเป็นตัวขี้วัด ระบอบประชาธิปไตย คือระบอบการมีส่วนร่วม ทั้งทางตรง และทางอ้อม ทางตรงผ่านขบวนการเลือกตั้ง ทางอ้อม คือตัวแทนที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ทำหน้าที่แทน

14 ล้านเสียงนั่นคือทางตรงที่ประชาชนออกไปเลือกพรรคก้าวไกล และเป็น 14 ล้านเสียงที่ทรงพลัง หนุนก้าวไกล หนุนพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความอ่อนด้อยในประสบการณ์ในการเจรจา ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ด้อยกว่าเพื่อไทยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคสมัย

วันนี้ก้าวไกล 151 เสียง จึงตกเป็นรองต่อเพื่อไทย 141 เสียง ทำนอง “ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก” ซึ่งข้อเท็จจริงก้าวไกลขาดเพื่อไทยก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หันซ้ายก็เห็นศัตรู หันขวา เราก็เคยตั้งป้อมจะปลดล็อคเขา เดินไปข้างหน้าก็เห็นป้อมปราการที่มีอายุหนักเล็งอยู่

โอ้…ก้าวไกลจะเดินต่ออย่างไรดี หรือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ บอกได้เลยครับว่า “เจ๊ง” การเมืองไม่มีธรรมชาติ มีแต่การล็อบบี้ ต่อรองทั่งนั้น

ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เชื่อได้ว่า ฝ่ายรัฐบาลเดิมจะเสนอคนลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย และชื่อคนลงชิง ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติเสนอ ก็จะเป็นชื่อ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ถ้าพรรคพลังประชารัฐเสนอก็จะเป็นชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

พีระพันธุ์ ยอมสละเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมกับทิ้งประโยคเด็ด “ไม่ทิ้งลุงตู่ จะอยู่ช่วยจนคนสุดท้าย” มีความหมายโดยนัยยะทางการเมืองอย่างไม่น่ามองผ่าน

วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่า ซีก 188 เสียงต้องโหวตให้พีระพันธุ์ แล้วดันมี สว.200 คนโหวตเลือกพีระพันธุ์ จะทำให้เสียงพีระพันธุ์มี 388 เสียง “ส้มก็จะหล่น”ใส่ พีระพันธุ์แบบเต็มตีน

ไม่ใช่เชียร์พีระพันธุ์ แต่ถ้าก้าวไกลไม่ชัด คำตอบของโจทย์ยาก อาจจะมาในรูปนี้ก็เป็นได้

‘วันนอร์’ เตรียมชิงตำแหน่งประธานสภา ยุติปัญหาขัดแย้ง ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’

(3 ก.ค. 66) รายงานข่าวจากที่ประชุม 8 พรรคการเมืองเสียงข้างมาก ระบุว่า ในการประชุมหัวหน้า และตัวแทน 8 พรรคการเมืองเสียงข้างมาก เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 66 ที่ทำการพรรคก้าวไกล ได้มีการหยิบยกปัญหาในส่วนของตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างต้องการผลักดัน ส.ส.ของตัวเองให้ดำรงตำแหน่ง ขึ้นมาพูดคุยนอกรอบ โดยตัวแทนพรรคอื่นๆ ได้พยายามโน้มน้าวให้ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ถอยคนละก้าว เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าได้ เพราะเกรงว่าหากปล่อยให้เกิดความไม่ชัดเจนจนมีปัญหาในการลงมติเลือกประธานสภา ซึ่งเป็นการลงคะแนนลับ ย่อมส่งผลถึงการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในส่วนของการเจรจาของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยนั้น ทางคณะเจรจาของ 2 พรรค มีการสื่อสารกันอย่างไม่เป็นทางการตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร เนื่องจากทั้ง 2 พรรคต่างยืนกรานที่จะต้องได้ตำแหน่งประธานสภา โดยไม่สามารถถอยหรือปรับเพดานลงได้ เนื่องจากถือเป็นมติของที่ประชุมพรรคของทั้ง 2 พรรค

อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้เกิดภาพความขัดแย้ง รวมถึงหาทางลงให้กับทั้ง 2 พรรค จึงมีการเสนอให้คนกลางที่เป็นที่ยอมรับ อย่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่มีความอาวุโส และมีประสบการณ์เคยเป็นประธานสภา และประธานรัฐสภามาแล้ว เป็นผู้รับตำแหน่งประธานสภา เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ พรรคก้าวไกล จะได้ตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1 และพรรคเพื่อไทย จะได้ตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 2

เบื้องต้นคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทย ขอนำข้อเสนอดังกล่าวไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรค ในช่วงสายของวันนี้ ก่อนจะแจ้งผลตอบรับมายัง พรรคก้าวไกล และแถลงข่าวในช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน 

'จตุพร' ลั่น!! 4 ก.ค. ข้อตกลงพรรค MOU ถึงจุดจบ เหตุ 'ก้าวไกล-พท.' ไม่รอมชอมปม 'ประธานสภาฯ'

เมื่อวานนี้ (2 ก.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน 'อ่านให้ขาด' โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลไม่อาจหาข้อยุติในตำแหน่งประธานสภาได้ ดังนั้น หลังวันที่ 4 ก.ค. ข้อตกลงพรรค MOU จำนวน 312 เสียงคงต้องเลิกลา สิ้นสุดพันธะจับมือร่วมตั้งรัฐบาล การพบกันของ 8 พรรคการเมืองเมื่อ 2 ก.ค. นี้ อาจเป็นการประชุมกันครั้งสุดท้ายก็ได้ เพราะการหารือในวันดังกล่าวไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังไม่มีข้อยุติกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคเพื่อไทยขอไปหารือกับ ส.ส.ของพรรคก่อน และวันที่ 3 ก.ค. ก่อนเที่ยงจะส่งผลสรุปให้พรรคก้าวไกล ซึ่งคาดเป็นการแจ้งผลให้ทราบเท่านั้น และไม่มีอะไรเป็นที่ยุติได้แน่ชัดตามเคย

“พรุ่งนี้ (3 ก.ค.) ก่อนเที่ยง พรรคเพื่อไทยบอกจะส่งผลหารือของพรรคให้พรรคก้าวไกล แต่คาดว่าผลลัพธ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อไทยคงต้องบอกให้ก้าวไกลรู้ว่า 4 ก.ค.ต้องเสนอชื่อประธานสภาเข้าแข่งขันกับก้าวไกล โดยอาจเสนอนายชูศักดิ์ ศิรินิล หรืออาจเป็นคนอื่นก็ได้ แต่พรรคเล็กจะเสนอนายสุชาติ ตันเจริญ เข้าแข่งขันร่วมด้วย ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยังเหมือนเดินคือ นายสุชาติ เป็นประธานสภา” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า การเสนอชื่อนายสุชาตินั้น จะมีผลต่อการตรวจสอบเสียงงูเห่าที่จะแยกตัวไปลงเสียงให้นายสุชาติ เมื่อนำไปรวมกับฝ่าย 188 เสียงแล้วจะเกิน 251 เสียงในการตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะการตรวจสอบเสียงจำนวนนี้จะส่งผลต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพลังประชารัฐ ต้องเข้าชิงในตำแหน่งนายกฯ ด้วย

“แม้เพื่อไทยจะหาทางออกที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากไม่เสนอนายสุชาติ แข่งชิงประธานสภาก็ตาม แต่การไม่ยอมกันของเพื่อไทยกับก้าวไกลนั้น นำไปสู่การโหวตลับได้นายสุชาติ จากการเสนอของพรรคเล็ก ซึ่งผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนเลย เมื่อสองพรรคลงเอยกันไม่ได้ ดังนั้น หลังวันที่ 4 ก.ค.ย่อมเป็นวันแยกตัวของพรรค MOU” นายจตุพรกล่าว

นอกจากนี้ การหารือทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น ยึดมั่นแต่กิเลสทางการเมืองล้วน ๆ จึงเท่ากับเป็นการหักล้างหลักการทางการเมืองให้กระจุยกระจายไป ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจึงยากที่จะรอมชอมจับมือกันร่วมรัฐบาลได้อีกต่อไป

“การแสดงออกของนักการเมืองนั้น มักโชว์หลักการการเมืองเสมอ แต่พฤติกรรมกลับยึดมั่นกิเลสที่เจ้าของพรรคสั่งการมา ดังนั้น จึงทำให้ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนไปจากนายสุชาติ ในตำแหน่งประธานสภา” นายจตุพรกล่าว

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’

วันก่อนผมได้พบกับคุณริชาร์ด หลี่ นักธุรกิจใหญ่ในวงการประกันชีวิตและสาธารณูปโภคพื้นฐานชาวฮ่องกง เจ้าของหลากหลายเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น FWD Group, PCCW, Hong Kong Telecom และ Pacific Century Group นอกจากนี้ยังเป็นลูกชายของคุณหลี่ กาชิง มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกงปัจจุบัน คุณริชาร์ดเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อศึกษาตลาดและโอกาสในการขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติม หลังจากที่เครือ FWD Group ได้ทำงานร่วมกับธนาคารไทยพานิชย์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด และส่วนตัวคุณริชาร์ดเองก็ชื่นชอบประเทศไทยมาก 

ดีใจครับที่ไทยเรายังมีเสน่ห์ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติอยากมาร่วมลงทุน โดยเฉพาะหลังจากนี้ที่เราจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลฝั่งประชาธาธิปไตยได้สำเร็จ สถานการณ์ก็ย่อมดียิ่งขึ้นไปอีก ยินดีต้อนรับเสมอครับ

‘เพื่อไทย’ เร่งหาสาเหตุ ‘ทางยกระดับลาดกระบังถล่ม’ เยียวยาผู้เสียหาย ควบคุมการก่อสร้างทุกพื้นที่ทันที

(12 ก.ค.66) ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์โครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังทรุดตัวจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ได้รับความเสียหายทุกท่าน 

ทั้งนี้ ตัวแทนของพรรคเพื่อไทยนำโดย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตลาดกระบัง และ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตลาดกระบัง ได้เข้าประสานงานช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายทันทีที่รับทราบสถานการณ์ และขอแสดงความขอบคุณต่อหน่วยงานของกรุงเทพมหานครที่เข้าดำเนินการต่อสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว

พรรคเพื่อไทย ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการที่เร่งด่วนในการดำเนินการต่อไป ดังนี้...

1. เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าวอย่างโปร่งใส และนำเสนอความคืบหน้าในการตรวจสอบให้สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง 

2. เร่งกำชับการกำกับดูแลการก่อสร้างในทุกพื้นที่ และตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เดินทางผ่านพื้นที่ก่อสร้างต่าง ๆ และประชาชนโดยรอบ ได้มีความสบายใจในการดำเนินกิจกรรมตามปกติ 

3. เร่งรัดมาตรการเยียวยาแก่ผู้เสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

‘อดิศร’ ชี้ ‘พิธา’ จบ Harvard MIT พูดอังกฤษดี สง่างามเมื่อออกงานในต่างประเทศ มั่นใจ!! ไม่เดินหลงธงชาติแน่นอน

(13 ก.ค. 66) ที่รัฐสภาฯ ในวาระการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายว่า…

"คุณพิธาจบ Harvard MIT พูดอังกฤษดีกว่าผมเยอะ เวลาพิธาไปที่ฝรั่งเศส ไปจับมือกับประธานาธิบดีมาครง ไปแคนาดา ไปจับมือกับประธานาธิบดีทรูโด ไปจีนจับมือกับสีจิ้นผิง ไปอเมริกาจับมือกับผู้เฒ่าไบเดน มันสง่างาม รับรองไม่เดินหลงธงชาติแน่นอนครับ"
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top