Wednesday, 26 June 2024
เพื่อไทย

‘สุวินัย’ ชี้!! ‘เพื่อไทย’ อยู่ในสถานะได้เปรียบ ‘ก้าวไกล’ ทุกประตู เชื่อ!! หากจับมือ ‘ขั้วรัฐบาลเดิม’ จะเป็นผลดีในระยะยาว

เมื่อวานนี้ (15 ก.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย นักเขียน นักวิชาการสถาบันทิศทางไทยและผู้บำเพ็ญในวิถีบูรณาการ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Suvinai Pornavalai’ โดยระบุว่า…

‘เศรษฐา’ : ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากเพื่อไทย?

ข้อมูลล่าสุดที่ผมทราบจาก ‘แหล่งข่าว’ จากพรรคเพื่อไทย คือ
1.) คุณอุ๊งอิ๊ง ยังไม่พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์นี้ และครอบครัว คุณทักษิณก็เห็นตรงกัน
2.) แต่คุณเศรษฐาเองก็ไม่ได้เป็นที่พอใจของคนในพรรคเพื่อไทยนัก แถมเจ้าตัวยังไม่มี สส.ในมือเลยสักคนเดียว นี่ยังไม่นับเรื่องทุกครั้งคุณเศรษฐาที่ออกมาพูดจะดึงเรตติ้งของพรรคตกเสมอ
3.) ถึงกระนั้นพรรค​เพื่อไทยก็จำเป็นต้องเสนอชื่อ​ ‘เศรษฐา’ แต่เจ้าตัวกลับมีเงื่อนไขว่า ถ้าเป็นเขาจะต้องมี ‘ก้าวไกล’​ ร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของจตุพร พรหมพันธุ์ (แต่ล่าสุดเขาออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้ทางทวิตเตอร์แล้ว)

ทางเลือกของพรรคก้าวไกล ตามทฤษฎีเกม

- ถ้ายังยืนกรานจะชูพิธาเป็นนายกฯ อีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคม ผลลัพธ์น่าจะเหมือนเดิม มิหนำซ้ำคะแนนที่โหวตให้น่าจะน้อยลงกว่าครั้งก่อนแน่นอน ดีไม่ดีพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่โหวตให้ด้วยซ้ำ

- แต่ถ้าพรรคก้าวไกลประกาศว่าจะขอเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยจะชิงเสนอชื่อ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ ค่อนข้างแน่ แต่จะจับขั้วกับพรรคไหนเพื่อตั้งรัฐบาล อันนั้นยังไม่แน่

แต่มีแนวโน้มว่าเพื่อไทยไม่อยากจับมือกับก้าวไกลตั้งรัฐบาล เพราะก้าวไกลยังยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวว่า จะชูนโยบายแก้ ม. 112 เป็นนโยบายหลักของพรรค ซึ่งอาจทำให้เหล่า สว.ไม่โหวตให้เศรษฐาเป็นนายกฯ ถ้าเศรษฐายังยืนกรานว่าจะดึงก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลด้วย

- พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายเสนอ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ เสียเอง ความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำ ถ้าพิจารณาจากอัตตาและตัวตนของก้าวไกลที่เป็นประเภท ‘ยอมหักไม่ยอมงอ’

‘หมากมือนำ’ ของพรรคเพื่อไทย

- ตอนนี้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะที่ ‘ได้เปรียบ’ พรรคก้าวไกลทุกประตู แถมยังถือ ‘หมากมือนำ’ ในการกำหนดเกมอำนาจ เพื่อจัดสรรผลประโยชน์ในระยะยาวต่อจากนี้ได้ พร้อมกับ ‘ทางเลือกทางการเมือง’ มากมาย

- พรรคเพื่อไทยรู้แก่ใจตนเองดีที่สุดว่า พรรคก้าวไกลคือคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของตน และน่าจะเป็น ‘ว่าที่ศัตรูหลักในอนาคต’ ของพรรคเพื่อไทยด้วย การเดิน ‘หมากมือนำ’ ของพรรคเพื่อไทย จึงควรเป็นการเดินหมากที่ทำให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น รวมทั้ง ‘ทำลายพิษสง’ ของพรรคก้าวไกลไปพร้อม ๆ กัน

- ม็อบด้อมส้มที่จะลงถนนเพื่อต่อต้าน ‘รัฐบาลพรรคเพื่อไทย’ ที่กำลังจะเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยน่าจะไม่รู้สึกหนักใจหรือวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะในอดีตเพื่อไทยเคยเจอทั้งม็อบพันธมิตรฯ และม็อบกปปส. มาแล้ว ซึ่งทั้งอึดกว่าและทรงพลังกว่าม็อบด้อมส้มมาก

- เมื่อเป็นเช่นนั้น ‘การร่วมจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม’ น่าจะเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยในระยะยาวมากกว่า ในแง่การทำงานบริหารประเทศ ที่พูดภาษาเดียวกันรู้เรื่องทางการเมือง

- ขณะที่พรรคก้าวไกลจะกลายมาเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ทรงพลังในรัฐสภาอย่างแน่นอน ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ข้างต้น เป็นบทวิเคราะห์ของผม ถูกผิดประการใด ผมขอน้อมรับคำชี้แนะด้วยจิตคารวะ

‘ดร.สุวินัย’ ชี้ ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ อาจไปได้ ‘ไม่ไกล’ อย่างที่หวัง

(17 ก.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์บทความของ นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระเรื่อง ‘เข็มมุ่ง’ พรรคก้าวไกล...กับมาตรา 112 ‘ตัวตน’ ของมาตรา 112 มีเนื้อหาในรูปแบบถามและตอบ ดังนี้...

ถาม : ผู้คนเป็นอันมากไม่เข้าใจว่า เพื่อแลกกับการได้เป็นรัฐบาล ทำไมพรรคก้าวไกล ไม่ยอมสละวาระแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งถ้ายอมเอ่ยปากยืนยันในสภา ก็น่าเชื่อว่าคุณพิธาจะได้เสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้แน่นอน
ตอบ : คุณต้องเข้าใจตัวตนของ มาตรา 112 ก่อนว่า อยู่ตรงที่คุ้มครองบุคลิกภาพของคนในสถาบันกษัตริย์ด้วยกรอบความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ 

ดังนั้นเมื่อคุณปฏิเสธสถาบันนี้ คุณก็ต้องเห็นในหลวงเป็นคนธรรมดา ใครไปด่าว่าก็ไม่ถือเป็นเรื่องความมั่นคง รัฐก็ไม่เกี่ยว ถ้าในหลวงติดใจก็ต้องไปแจ้ง ความเอาผิดเอาเองเช่นคนธรรมดาทั่วไป 

การที่ ก้าวไกล เสนอให้เลิก 112 แล้วเอาความผิดนี้ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคง ไปมีฐานะเป็นความผิดเช่นดูหมิ่นคนธรรมดา จึงเป็นการเลิกไม่นับในหลวงเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไป

ถาม : ที่ก้าวไกลเขาบอกว่าไม่ได้ยกเลิก เขาเพียงแก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่เป็นความจริง
ตอบ : ไม่เป็นความจริงครับ...แม้ร่างกฎหมายของก้าวไกล จะยังมีบทบัญญัติว่าด้วยการใส่ความหรือดูหมิ่นในหลวงไว้ โดยเฉพาะก็ตาม แต่เมื่อเลิกไม่คุ้มครองด้วยหมวดความผิดต่อความมั่นคงอีกต่อไปแล้ว นั่นก็คือการเลิกไม่นับถือในหลวงในฐานะเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไปนั่นเอง ตัวตนของ 112 อยู่ที่ตรงนี้ เมื่อเลิกตรงนี้แล้ว แม้คุณจะสร้างกฎหมายเฉพาะอะไรขึ้นมาใหม่ เช่นให้โทษหมิ่นกษัตริย์หนักกว่าหมิ่นคนธรรมดาบ้าง หรือให้สำนักพระราชวังแจ้งความแทนในหลวงก็ตาม นั่นก็ไม่มีความหมายอะไร 

‘ตัวตน’พรรคก้าวไกล
ถาม : ก้าวไกลได้คะแนนเสียงเลือกตั้งถึง 14 ล้านเสียง จนเป็นที่ 1 แล้ว น่าจะเห็นแก่การใหญ่ ยอมแขวนวาระแก้ 112 ไว้เสียก่อนครับ มีเรื่องเร่งด่วนในบ้านเมือง ที่ผู้ลงคะแนนเขาเห็นว่าสำคัญ ต้องการให้พรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นรัฐบาลทุ่มเทแก้ไขมากมายนักโดยเฉพาะเรื่องปากท้อง และปราบคอร์รัปชั่น

ตอบ : เพื่อนผม ลูกหลานผม ที่เลือกก้าวไกล ก็บ่นอย่างนี้เหมือนกัน ผมก็ตอบเขาไปให้ดูให้ดี ๆ ว่า ‘ตัวตน’ แท้จริงของก้าวไกลนั้น คืออะไร คิดอย่างไรกับสังคมไทยทุกวันนี้ จริงหรือที่ว่าพวกเขาคือ ‘พรรคปฏิรูป’

ถาม : มันไม่จริงหรือครับ?
ตอบ : ไม่จริง แกนกลางของพวกเขา เห็นสังคมไทยทุกวันนี้เป็นขยะ ซึ่งขยะต้องถูกทำลายไม่ใช่ปฏิรูป และต้องทำให้โครงสร้างส่วนบนฉิบหายสลายตัวไปเสียก่อน จึงจะปูรากฐานสร้างบ้านเมืองใหม่ขึ้นมาได้ อำนาจจากประชาชนที่ก้าวไกลสร้างขึ้น จึงต้องเป็นอำนาจที่มีธรรมชาติของการปฏิวัติ ไม่ใช่การปลุกให้เลือกตั้งหย่อนบัตรแล้ว ปล่อยกลับไปนอนรอดูผลที่บ้านอีก 4 ปี

ถาม : อำนาจลุกฮืออย่างนี้ สร้างอย่างไร?
ตอบ : อธิบายตามทฤษฎีจิตวิทยาการเมือง ก็ต้องสร้างให้คนธรรมดาๆ ถูกสิงสู่ด้วย ‘ชีวิตหมู่ปฏิวัติ’ จนเป็นมวลชนที่ไวต่อโทสะและพร้อมเสียสละ

ปัจจัยจัดตั้งที่สำคัญที่สุดคือ ความจงเกลียดจงชัง เพราะคนเราเกลียดอะไรร่วมกันแล้วจะหลอมรวมเกิดชีวิตหมู่ได้ง่ายมาก 

ทุกขบวนการมวลชนในอดีต จึงต้องมีปีศาจที่เลวร้ายและมีอิทธิฤทธิ์มาก มาให้ผู้คนเคียดแค้น เห็นเป็นต้นตอความสิ้นหวังในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เช่น…

- ถ้าเป็นมวลชนคอมมิวนิสต์ ปีศาจก็เป็นนายทุน 
- ถ้าเป็นมวลชนนาซี ปีศาจก็เป็นยิว 
- ถ้าเป็นมวลชนชาตินิยม ปีศาจก็เป็นจักรวรรดินิยม
- ถ้าเป็นนีโอนาซีของเซเลนสกี้ ปีศาจก็เป็นรัสเซีย

ดังนั้น ถ้าเป็นเมืองไทย คุณคิดว่าใครที่จะโดนวาดภาพให้เป็นปีศาจได้ง่ายและร้ายที่สุด?

ถาม : คำตอบก็คือ สถาบันกษัตริย์ และสมุนขุนศึก อย่างนั้นหรือ?
ตอบ : ถูกต้องครับ และเพื่อให้ดูขลัง ให้เห็นเป็นภาระโค่นล้มอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา ก็เลยโมเมว่า เป็นมรดกที่คณะราษฎร์สืบสานส่งต่อมาให้เขาด้วย นี่ถึงขนาดโทรศัพท์คุยข้ามภพกันได้เลย คุณไม่เห็นหรือ ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ การที่คุณไปหวังให้ก้าวไกลวางมือเรื่องแก้ไข 112 จึงไม่ต่างกับการไปขอให้ขบวนการนาซีของฮิตเลอร์เลิกยุ่งกับยิวเลยทีเดียว

ถาม : เพราะตัวตนของเขาคือการปฏิเสธระบบกษัตริย์ ?
ตอบ : อ่านในทางจิตวิทยาการเมือง ผมตอบได้เช่นนั้น แต่ลำพังแค่นี้คุณอย่าเอาไปอ้างให้ศาลยุบพรรคก้าวไกลนะครับ มันต้องมีหลักฐานการจัดตั้ง และปลุกระดมทางโซเชียลมีเดีย มาประกอบด้วยว่า พวกเขามีเครือข่ายและกิจกรรมการปลุกระดมเช่นนี้อยู่จริงๆ มาให้ศาลเห็นด้วย 

งานนี้ผมเพียงแต่ใช้ความรู้มาอธิบายเป็นคำตอบเท่านั้นว่า ทำไมพรรคก้าวไกล เขาถึงแขวนงานยกเลิก 112 เพื่อจะได้เป็นรัฐบาลไม่ได้เท่านั้น

ถาม : หลายคนชื่นชมว่า เส้นทางของก้าวไกลคือประชาธิปไตยใหม่ ที่ไม่ต้องใช้เงินและหัวคะแนน
ตอบ : จริงครับที่ว่าเป็นเส้นทางใหม่ แต่ไม่ใช่เส้นทางแห่งประชาธิปไตย มันเป็นเส้นทางของโมหะและโทสะ สมัยระบอบทักษิณ เขาจัดตั้ง ‘โลภะ’ ขึ้นมาเป็นสินค้าประชานิยม มายุคก้าวไกล เขาเพิ่ม ‘โมหะ’ ขึ้นมาอีกปัจจัยหนึ่ง

ถาม : ‘โทสะ’ จะมาเมื่อไหร่? 
ตอบ : เมื่อผู้คนลงถนน จนมีเหตุรุนแรงฆ่าฟันประชาชนเกิดขึ้น แล้วแพร่ไปในโซเชียลให้ผู้คนเห็นเป็นศพเด็ก ศพผู้หญิงถูกยิงตาย จนมวลชนฮือออกจากบ้าน เกิดเป็น ‘อาหรับสปริง’ หรือ ‘ฮ่องกงสปริง’ นั่นแหละครับคือจุดระเบิด ที่ลามเป็นสงครามกลางเมืองได้ ฝรั่งเศสวันนี้ก็เกิดแล้ว บ้านเราจะเกิด ‘ไทยสปริง’ หรือไม่ นี่คือเรื่องที่ต้องวิตก

ถาม : ผมเลือกก้าวไกลเหมือนกัน ผมเป็นมวลชนส้มหรือไม่?
ตอบ : ถ้าคุณไม่ถูกหลอมให้จงเกลียดจงชังสถาบัน คุณก็เป็นเพียงคนปกติ ที่ดันไปเชื่อว่าเขาจะสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ได้จริง ๆ เท่านั้นเอง 

ก็ไม่เป็นไรครับ...ระบบประชาธิปไตยบ้านเรา ประชาชนมีไว้หลอกอยู่แล้ว ต่างกันตรงที่ จะหลอกไปทิศทางไหน ถึงขั้นทำลายชาติเลยหรือไม่เท่านั้นเอง

~ แก้วสรร อติโพธิ

‘เศรษฐา’ ลั่น!! พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 หากถูกเสนอชื่อ  ไม่เคาะสูตรจัดตั้งรัฐบาล บอกต้องรอผลประชุม 8 พรรคก่อน

(17 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ขณะนี้ดูเหมือนจะมีปัญหา เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 มองสถานการณ์อย่างไร ว่า วันนี้ช่วงเวลา 17.00 น.จะมีการพูดคุยกัน ก็ต้องรอผลการหารือของ 2 พรรคก่อน ซึ่งช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองได้รวบรวมข้อมูลจากคณะทำงาน 12 คณะ ของพรรคเพื่อไทย ที่เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ มีความกังวลมาก ทั้งเรื่องภาระหนี้เสีย เรื่อง FTA ที่ยังค้างการเจรจา รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่มีการแย่งแหล่งเงินทุนไปพอสมควร เราต้องเร่งเจรจา ไม่เช่นนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งสถานการณ์ยังต้องเร่งให้จัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด

ส่วนสถานการณ์โหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในรอบแรก ทั้งเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.รวมถึงเรื่องญัตติซ้ำ ในฐานะที่นายเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เราคุยเรื่องนี้กันมา 4 เดือนที่แล้ว ถ้าเกิดไม่พร้อมก็คงไม่มีรายชื่ออยู่ใน 3 แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย และเราพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องสำคัญที่สุดที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ คือ เรื่องเศรษฐกิจ การเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้น ต้องเตรียมนโยบายในการประชุม ครม.นัดแรก เรื่องการกระตุ้นเศรฐกิจ

เมื่อถามว่า หากรูปแบบจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีพรรคก้าวไกล นายเศรษฐา พร้อมรับตำแหน่งหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้พูดคุยกัน หากมีความเห็นแตกต่างจาก 8 พรรค ก็ต้องกลับไปคุยกันในกรรมการบริหารพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทย มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน จึงต้องให้เกียรติ และไม่ขอก้าวล่วง

เมื่อถามว่า หากในสมการมีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพิ่มขึ้นมา หรือพรรคอื่นนอกเหนือจาก 8 พรรค นายเศรษฐา ยังพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไกลเกินไป ขอรอผลประชุมจาก 8 พรรคก่อน

เมื่อถามว่า หากกรรมการบริหารพรรคมองอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นสมการไหน และให้นายเศรษฐา รับตำแหน่งก็พร้อมทำตามกรรมการบริหารพรรคใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องไปว่ากัน เพราะยังมีหลักการหลายอย่างที่ต้องพูดคุยกัน พร้อมย้ำ เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องใครจะมาร่วมหรือไม่ การจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในวันนี้

เมื่อถามถึงเงื่อนไขการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า อย่าไปคุยถึงเงื่อนไข เราไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น วันนี้ยังต้องไปดูเรื่องราคาน้ำมัน ภัยแล้ง และหลายๆ เรื่อง ซึ่งในระยะที่ผ่านมา มองว่าประชาชนอาจไม่ได้พูด แต่เรื่องปากท้อง เป็นเรื่องที่ทุกคนน่าจะห่วงกันมากกว่า ต้องอย่าลืมว่าเราเป็นนักการเมือง และหน้าที่ของนักการเมืองคืออะไร คือการดูแลประชาชนสำคัญที่สุดตอนนี่

เมื่อถามถึงกระแสตีกลับมายังพรรคเพื่อไทย รวมถึงมีคนมองว่า นายเศรษฐาก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรี จะรับมืออย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ผมพูดสั้นๆ ว่า ครับ ก็ต้องรับครับ แต่พูดไป 3 หนแล้ว คำว่า ครับ ไม่ได้หมายความว่า รับ หรือ ไม่รับ แต่หมายถึง รับทราบถึงเสียงที่ว่าจะอยู่ด้วยกัน 8 พรรค แต่วันนี้เรื่องปากท้องสำคัญ ตนเองอาจจะพูดเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง แต่ค่อนข้างเป็นห่วง ถ้าจะไปกับก้าวไกลเราก็พร้อมที่จะเสนอนโยบายในการประชุม ครม.นัดแรก หรือจะเป็นเรื่องอื่นก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง

เมื่อถามย้ำว่า ที่สุดแล้วไม่ว่ากรรมการบริหารพรรคจะว่าอย่างไร พร้อมทำตามมติใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ผมเล่นกีฬาเป็นทีมอยู่แล้ว เราเป็นประชาธิปไตย เมื่อมติเป็นอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ และไม่อยากพูดเพื่อเป็นการกดดัน หรืออะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคในการพิจารณา ทั้งนี้ แม้จะถูกมองว่า จะมีการข้ามขั้ว แต่มองว่า อย่าพึ่งข้ามไปเลย วันนี้ขอให้ 8 พรรคคุยกันก่อนดีกว่า และมองว่า เราเล่นการเมืองกันมาเยอะแล้ว

‘ภูมิธรรม’ ซัด ‘พิธา’ มัดมือชก ‘เพื่อไทย’ แก้ 272  เหน็บ!! นี่คือ ‘วาระประเทศ’ ไม่ใช่วาระ ‘ก้าวไกล’ 

(17 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ระบุว่า จะต่อสู้ใน 2 สมรภูมิ คือ การโหวตนายกฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ว่า ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการเปิดสมรภูมิใหม่ของพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอประเด็นที่อยู่นอกเหนือเอ็มโอยูที่ 8 พรรคเซนต์ร่วมกัน ส่วนที่จะต่อสู้จนประสบความสำเร็จและไม่สามารถไปได้แล้ว และจะมอบอำนาจให้กับพรรคอันดับ 2 นั้น เป็นการพูดเช่นนี้ฟังดูดี แต่ทั้ง 2 ประเด็น มียากลำบากและไม่มีกรอบเวลาชัดเจน 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ไข ม.272 เป็นได้เพียงสัญลักษณ์ ไม่ได้รับชัยชนะ แต่การเร่งตั้งรัฐบาลจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พรรค พท. ได้เสนอเป็นนโยบายไว้ว่าจะแก้ทั้งระบบ นี่ถือเป็นวาระสำคัญแต่การเปิดวาระใหม่ ของพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอนอกเหนือเอ็มโอยู ตนเห็นว่าการที่นายพิธา และพรรคก้าวไกลนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อสาธารณชน จึงคิดว่ามันไม่ใช่วาระของทั้ง 2 พรรค เราตกลงกันว่าจะกลับไปคุยในพรรคตัวเอง แต่ที่นายพิธาออกมาพูดเช่นนี้เหมือนมัดมือชก เราจึงจำเป็นต้องออกมาพูดความจำเป็น และความเป็นจริงให้ทราบ

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งหรือโกรธกัน แต่เราจะเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า วาระประเทศและวาระประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วาระของพรรคก้าวไกล หรือวาระของนายพิธา วันนี้อยากให้เปิดใจให้กว้างแล้วเอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง วาระประเทศเป็นที่ตั้งถูกต้องหรือไม่ การที่นายพิธา พูดว่าเวลานี้ อนาคตของพรรคก้าวไกล และอนาคตของประชาชนอยู่ในมือของประชาชนแล้ว ตนคิดว่าอย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน วันนี้ประเทศชาติและปัญหาประชาชนอยู่ในมือพรรคก้าวไกล และนายพิธา จึงต้องหยิบเอาปัญหาและวาระของประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วตัดสินใจ ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ปัญหาประชาชนจะลำบาก ต้องอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไปอีกนาน และจะรักษาการไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตัดสินใจถูกต้องปัญหาจะคลี่คลาย อยากให้นายพิธา และพรรคก้าวไกลนำไปคิด

“พรรค พท. ขอให้เอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง แล้วหาทางออกร่วมกันอย่างรวดเร็ว เพราะเราห่วงโรคแทรกซ้อน หากรัฐบาลเดิมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เราจะสู้เขาไม่ได้เพราะเขามี 188 เสียง และส.ว.อีก 250 เสียงสามารถตั้งรัฐบาลได้เลย เราต้องอยู่กับลุงไปอีก 4 ปี ประชาชนยินดีเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ยินดีก็ต้องหาทางออก” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า ได้คิดเรื่องการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ ไว้บ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรค พท. ไม่มีแผนสำรอง แผนแรกแผนเดียว เราอยากจับมือกับ 8 พรรคร่วมเดินหน้าไปให้ถึงที่สุด แต่ต้องมีคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้มีการเลือกไปเรื่อยๆ โดยที่ประเทศไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร เรารอไปถึงต้นปีหน้าไม่ได้ เพราะปัญหาประเทศตอนนี้รุนแรงมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ซึ่งพรรค พท. มีแคนดิเดตอยู่แล้ว 3 คน หากวันไหนชัดเจนให้พรรค พท. เสนอ เราสามารถเสนอได้ แต่ไม่ใช่วาระสำคัญเราไม่คิดเรื่องนี้ก่อน เราคิดถึงการหาทางออกให้กับประเทศ 8 พรรคการเมืองเสนอนายพิธา ถ้าไม่ได้จะมีวิธีไหนที่ 8 พรรค จะดำเนินการร่วมกันให้ชนะ

เมื่อถามว่า การพูดคุยวันนี้จะต้องเตรียมแคนดิเดตนายกฯ สำรองไว้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ความเป็นจริง เรารู้อยู่แล้วว่าแคนดิเดตของเราเป็นอย่างไร ถ้าบอกว่าพรรค พท. ไม่ได้คิดเลย ก็เท่ากับโกหก เราคิดทางออกแต่ยังพูดไม่ได้ เพราะอยากให้ชัดเจนถึงความมุ่งหน้าสนับสนุนของความร่วมมือของ 8 พรรค จนถึงเวลาจำเป็นแล้วถึงจะเสนอ และชัดเจนจะไม่มีคนนอก ขอให้สบายใจว่าหากถึงเวลาต้องเสนอ พรรค พท. มีคนเข้าไปทำงานแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแคนดิเดตทั้ง 3 คน เพราะเรามุ่งหน้าทำเรื่องการเสนอนายพิธา เป็นเรื่องหลัก

“สิ่งที่ผมพูดอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจของใครก็ตาม อาจมีรถทัวร์ลงก็ได้ แต่ผมคิดว่าเรายืนอยู่บนความเป็นจริง และอยากให้ความเป็นจริงประสบความสำเร็จ เราไม่อยากเห็นความเชื่อทำให้เกิดความจริง เราอยากเห็นความจริง เอามาคลี่คลาย และทำให้ความเชื่อประสบความสำเร็จ” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ไปพูดคุยกับรัฐบาลเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้มีข่าวลือมาก เราได้ยินข่าวดังกล่าว แต่เมื่อเป็นข่าวลือเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ สิ่งที่สำคัญคือกลับไปตรวจสอบคนของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทย เรื่องการแจกกล้วย เรื่องงูเห่าเคยเกิดมาแล้ว เราเสนอให้เกิดการระมัดระวัง เราต้องให้เกียรติ ส.ส.ทั้ง 2 พรรค และในส่วนของพรรค พท. ได้ให้แกนนำแต่ละส่วนไปพูดคุยกับ ส.ส.เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

‘อุ๊งอิ๊ง’ ชี้!! ‘เศรษฐา’ ตัวเลือกที่ดีที่สุด หาก ‘พิธา’ ชวดตำแหน่งนายกฯ โหวตรอบ 2

(18 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า หากโหวตนายกฯ รอบ 2 คะแนนไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นหน้าที่พรรคเพื่อไทย ว่า นายพิธา คงพูดไปตามระบบ แต่ขอให้ทำให้เต็มที่ก่อนในวันที่ 19 ก.ค. ยืนยันพรรคเพื่อไทย สนับสนุน แต่ที่สุดแล้วผลจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู

เมื่อถามว่า หากที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย มองว่าการเสนอนายพิธา เป็นญัตติซ้ำขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 41 อาจจะทำให้ต้องเสนอชื่ออื่น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่เราเตรียมการ คือ การโหวตให้นายพิธา แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 19 ก.ค. กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ต้องคุยกันก่อน

ถามว่า ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ได้พูดคุยกันบ้างหรือไม่ หากถึงเวลาพรรคเพื่อไทยต้องเสนอชื่อแคนดิเดต จะเป็นใคร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน อันนี้เป็นที่ชัดเจน แต่เราทำไปทีละขั้น”

ซักว่า หากนายกฯ เป็นนายเศรษฐาแล้ว น.ส.แพทองธาร จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดในส่วนของตัวเองไว้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรแคนดิเดตทั้ง 3 คนจะช่วยกันทำงาน ตอนนี้ที่กำลังเสนอชื่อนายพิธา เราก็ทำงานด้วยกันทั้ง 3 คน และทุกคนในพรรคยืนยันไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ช่วยกันได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย ไม่สนับสนุนนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเป็นการตกลงกันในพรรค ตนไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่ตนสนับสนุนนายเศรษฐา

“ตอนนี้ประเทศชาติไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเราคิดว่าตัวเลือกที่สุดกับประเทศ ณ ตอนนี้ คือคุณเศรษฐา ที่จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ ถ้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เราก็ทำงานร่วมดันในการช่วยประเทศชาติ ทั้งนี้หากเป็นหัวหน้ารัฐบาลและต้องเลือกจากเรา เราก็มองว่าคือคุณเศรษฐา” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ถามย้ำว่า หากเป็นชื่อนายเศรษฐา จะพูดคุยกับส.ส.ได้ทั้งหมดหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้แน่นอน เพราะตนสนับสนุนอยู่เต็มที่ และตนก็มองตัวเองด้วยว่าเราพร้อมแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรหากถึงเวลาต้องลุยตนมีทีมที่ดี แต่ตอนนี้หากเป็นไปได้ก็มองว่านายเศรษฐา เป็นคนที่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที และตนก็จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ว่ามีตรงไหนที่พัฒนาตัวเองได้ก็เป็นเรื่องดี

เมื่อถามว่า ท่าที ส.ว. หากยกมือสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วม และกก.บห.คุยกันอีกดัน ตนไม่มีหน้าที่ตอบ และเราจะทำไปทีละขั้นตอน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายและความไม่สบายใจของประชาชนด้วย

ซักว่า หาก ส.ว. ไม่เอา พรรคก้าวไกล เป็นไปได้หรือไม่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้กก.บห.พูดคุยกันก่อน เรื่องนี้มันอ่อนไหวมาก หากพูดอะไรออกไป ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบแบบนั้น และยังไม่ได้วางฉากทัศน์แบบนั้น

ถามว่า กรณีที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยอมรับมีการพูดกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีการเทียบเชิญร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ได้มีการพูดคุยกับตน

เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นไปได้หรือไม่หากการโหวตชื่อนายเศรษฐา แล้วพรรคชาติไทยพัฒนา มีความชัดเจนที่จะไม่เอาพรรคแก้ ม.112 น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ต้องโฟกัสว่าเราจะจัดตั้งรัฐบาลให้ประชาชนได้เมื่อไร เพราะประเทศชาติต้องไปต่อได้แล้ว แต่เข้าใจว่ากฎกติกาไม่ปกติมีกับดักมากเราต้องผ่านตรงนี้ และโฟกัสที่ประเทศชาติกับประชาชนว่าเราจะพัฒนาต่อไปอย่างไร เพื่อให้ต่างชาติมีความมั่นใจและเข้ามาลงทุน

เมื่อถามอีกว่า หากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะออกหน้าประสานหาเสียงสนับสนุนเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงต้องดูตัวเลขเป็นหลัก เพราะหากไม่ถึง 376 ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากคิดว่าตนมีประโยชน์ตรงไหนตนก็พร้อมช่วย แต่ถึงอย่างไรวันพรุ่งนี้เราก็เต็มที่ในการโหวตให้กับนายพิธา ก็ขอให้มองทีละขั้นเนื่องจากไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

ถามถึงกรณีกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 30 คน ไปพูดคุยกับกลุ่มรัฐบาลเดิม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเรื่องงูเห่านั้นไม่ใช่ แต่ไม่ทราบเรื่องตื้นลึกหนาบางว่าคุยอะไรกันไว้บ้าง แต่จากการพูดคุยส.ส.ในพรรคมันไม่ใช่แบบนั้น และมั่นใจในตัวส.ส.พรรคเพื่อไทย

‘จาตุรนต์’ ชี้!! ไม่ควรยึดหลักเสียงส่วนใหญ่จากในสภาฯ เพราะบางเสียงไม่ได้มาจากการเลือกของ ปชช.

(19 ก.ค. 66) นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กล่าวในรัฐสภาฯ ระบุว่า…

“เราไม่อาจตีความในทางที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่อาจตีความในทางที่จะเอาเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา ที่อาจจะประกอบไปด้วยผู้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาหักล้างเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกในการเลือกตั้ง”

‘ส.ว.มารุต’ ขอพิจารณาชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ชิงนายกฯ ชี้!! ถ้าไม่มี ‘ก้าวไกล’ เป็นพรรคร่วม การโหวตจะง่ายขึ้น


เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.66) ที่รัฐสภา พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนในการโหวตนายกรัฐมนตรี หากพรรคเพื่อไทยมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยว่า ก็ต้องไปดูหน้างาน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งใช่หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ครับ” 

เมื่อถามอีกว่า ส.ว.จะมีการพูดคุยอีกครั้งถึงแนวทางการโหวตฯ หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า ส่วนใหญ่การโหวตเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน

เมื่อถามว่า หากเป็นชื่อนายเศรษฐา แต่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล จะมีการพิจารณาอย่างไร พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ก็คงจะพิจารณาพอสมควร” 

เมื่อถามย้ำว่า มีแนวโน้มที่จะโหวตหรือไม่โหวตก็ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ใช่ครับ”

เมื่อถามอีกว่า ติดเงื่อนไขในข้อกังวลเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ใช่ สว.เราก็เป็นห่วงเรื่องนี้”

เมื่อถามว่า หากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล จะสบายใจในการโหวตมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ก็น่าจะง่ายขึ้น แต่เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน”
 

141 เสียงขุนพลพรรคเพื่อไทย 'ชัดเจน-ไม่แตกแถว' ยัน!! เสนอชื่อ ‘พิธา' เป็นนายกฯ ไม่ใช่การเสนอญัตติซ้ำ


(20 ก.ค.66) เพจพรรคเพื่อไทยได้โพสต์ข้อความหลังเสร็จสิ้นการประชุมรับสภาฯ วาระโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 นั้น ไว้ว่า...

การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันความเห็นร่วมกันว่า การเสนอชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เป็นการเสนอญัตติซ้ำ แม้ที่ประชุมรัฐสภา จะลงมติว่าเป็นญัตติซ้ำ 395 เสียงต่อ 317 เสียง

‘ชูวิทย์’ คาด 'เพื่อไทย' ดอดเจรจา 'ก้าวไกล' ช่วยถอยเป็นฝ่ายค้าน ชี้!! หากมีการจับขั้วใหม่ นายกฯ อาจมาจากพรรคเสียงข้างน้อย

(20 ก.ค. 66) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย อาจเจรจาก้าวไกลขอให้ไปเป็นฝ่ายค้าน โดยระบุว่า…

เกมโหดการเมือง
อย่าไปคิดว่าจะได้คะแนนโหวตจาก ส.ว. จนถึง 376 หรือไม่?
เอาแค่ให้พิธาได้โหวตในรอบสอง ยังไม่มีโอกาส

ภาพซ้ำรอยกับธนาธรไปอีก ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
จากจะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ รอบสอง กลายเป็นการอำลากลางสภา

ขั้นต่อไปเข็มทิศพุ่งไปที่การยุบพรรคก้าวไกล
วันนี้เป็นบรรทัดฐานว่า ชื่อนายกฯ เสนอโหวตซ้ำรอบสองไม่ได้
หากเพื่อไทยจะเสนอชื่อเศรษฐา ก็ต้องมั่นใจว่าผ่าน ส.ว. ในครั้งเดียว

จึงถึงเวลาที่ก้าวไกลจะต้องถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านสมบูรณ์แบบ
เพราะหากมีชื่อก้าวไกลในพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แม้เสนอชื่อนายกฯ เพื่อไทยไปก็ไม่ผ่าน
ส.ว. จะมีข้ออ้างในการไม่โหวตให้ เสียของไปอีก

พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 ในทางประชาธิปไตยต้องได้จัดตั้งรัฐบาล
แต่กลับไม่ได้ทั้งตำแหน่งประธานสภา นายกฯ และรัฐบาล
ผมเคยเตือนแล้วว่าต้องเอาประธานสภามาให้ได้

เมื่อตำแหน่งประธานสภาไปตกกับคนกลาง อ.วันนอร์ ผลจึงออกมาวันนี้ ต้องโหวตว่าจะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ รอบสองได้ไหม ท้ายสุดก้าวไกล ไม่ได้อะไรเลย จากกลเกมการเมืองอย่างเหี้ยม คะแนนประชาชนมาหลังสุด

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
ก้าวไกลพลิกสถานการณ์ไม่ทันจากทะยานพุ่งสู่ฟ้า กลับดิ่งลงเหวโดยฉับพลันทันใด
ลูกบอลเข้าเท้าเพื่อไทยแต่หากเดินไม่ดีมีโอกาสพลาดเช่นกัน

จึงต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เอาพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย มาร่วมรัฐบาล
พลิกขั้วตามที่ผมคาดไว้

‘เพื่อไทย’ หักดิบ!! ผสมข้ามขั้ว สลัด ‘ก้าวไกล’ จับตาแนวรบ ส.ว. ลุ้นหนัก ‘อนุทิน’ เข้าชิง

ก็ไม่เหนือความคาดหมายแต่ประการใด...ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. กรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อฯ ไอทีวี และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เอาไว้ก่อนตั้งแต่ 19 ก.ค.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย...

ไม่กี่นาทีหลังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เป็นทางการ ‘ทิม พิธา’ ก็ประกาศอำกลางสภาฯ บอกกว่าจนกว่าจะพบกันใหม่..ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง…

และในวันเดียวกันที่ประชุมรัฐสภามีมติประเภทตอกฝาโลงพิธา ด้วยการมีมติว่าการเสนอโหวตนายกฯนั้นเป็นญัตติและเสนอชื่อซ้ำอีกไม่ได้เหตุขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อที่ 41 ด้วยคะแนน 394 ต่อ 312 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1  

น่าสังเกตว่าคะแนน 312 ที่เห็นว่าเสนอชื่อพิธาซ้ำได้อีกนั้น น้อยกว่าคะแนนที่พิธาได้รับการโหวตเลือกเมื่อวันที่ 13 ก.ค. เพราะวันนั้นพิธาได้คะแนนสูงถึง 324 เสียง

สำหรับ ‘พิธา’ ก็ต้องฝ่าวิบากกรรมอีกหลายกรณี กรณีคดีหุ้นสื่อก็ต้องใช้เวลา 3-4 เดือนกว่าจะรู้ผลว่าจะได้กลับสภาฯ หรือต้องลาไกล

กรณีพรรคก้าวไกลนั้นนาทีนี้แม้จะยังไม่ยอมโยนผ้ายอมแพ้หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน แต่เกมการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไปตกอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว...ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลอยู่ในสภาพกดดันทั้งคู่

พรรคก้าวไกลนั้นความกดดันคือ...จะเดินหน้าอย่างไร จบแค่นี้อย่างมีศักดิ์ศรีหรือเดินหน้าเกาะเอวพรรคเพื่อไทยขอเป็นรัฐบาลด้วย แล้วในที่สุดจะถูกสลัดออกมา...ให้สังคมและด้อมส้มรู้สึกสงสารมากขึ้น

ส่วนพรรคเพื่อไทย...รู้ดีว่าการเสนอชื่อนายกฯ โดยมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยนั้นเสียงโหวตไม่ผ่านแน่นอน...ดังนั้นความกดดันคือถ้าพรรคก้าวไกลไม่สลัดออก ก็อาจจะต้องยอมเสนอชื่อนายกฯ ที่ไม่หวังผลได้ หรือเสนอให้รัฐสภาโหวตทิ้งไปสักชื่อหนึ่งก่อน ซึ่งอาจจะเป็นชัยเกษม นิติสิริ

แต่สายข่าวจากพรรคเพื่อไทยรายงานล่าสุดว่าจะพยายามเสนอชื่อแรกแล้วให้ผ่านเลย...ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าพรรคเพื่อไทยต้องผสมข้ามขั้วกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง...เพื่อบีบให้พรรคก้าวไกลถอนตัวไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่ตอนแรก

ทั้งนี้เต็งหนึ่งนายกฯ ของเพื่อไทยตอนนี้คือ เศรษฐา ทวีสิน คนที่เพจของพรรคกำลังทยอยปล่อยคลิปโชว์กึ๋นออกมารัวๆ...แต่อย่างไรก็ตามโอกาสของ ‘เสี่ยนิด-เศรษฐา’ จะถูกปิดตายทันทีถ้าเขายังยืนกรานในจุดยืน...มีเศรษฐาต้องมีก้าวไกล

ทั้งหลายทั้งปวงต้องยอมรับว่า...การจัดตั้งรัฐบาลสูตรที่ไม่มีพรรคก้าวไกลดูเหมือนจะง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะรัฐบาลใหม่ไม่เพียงเดิมพันอนาคตบ้านเมืองเท่านั้น ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังแบกเดิมพันการกลับบ้านของคนแดนไกลรวมอยู่ด้วย..และปัจจัยนี้คือราคาที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่าย...จ่ายด้วยเงื่อนไขการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...

วันที่ 27 ก.ค.รัฐสภานัดประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง สภากาแฟยังไม่ตัดชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ และ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ออกจากตัวเต็งนายกฯ คนที่ 30 โดยเฉพาะ อ.อนุทิน นั้นราคาหุ้นพุ่งแรงแซงลุงป้อมไปเป็นช่วงตัวแล้ว บรรดา ส.ว.หลายสายกำลังลุ้นหนักให้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง

ทราบแล้วเปลี่ยน..!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top