Monday, 17 June 2024
เพื่อไทย

จบดีลลับ 10 ส.ค.ทักษิณกลับบ้าน เดินหน้ารัฐบาลปรองดอง ‘ก้าวไกล’ วืด!!

วันนี้ 26 ก.ค...วันคล้ายวันเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23  ของประเทศไทย...อายุครบ 74 ปีเต็ม ‘เล็ก เลียบด่วน’ ในฐานะรุ่นน้องอายุน้อยกว่าก็ขออนุญาต “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์” กับคุณโทนี่ วู้ดซั่ม หรือ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยคน...ส่วนเกร็ดประวัติผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไร เห็นแว่บๆ THE STATES TIMES ได้รีวิวไปแล้ว...

แต่ที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะขอแจมเรื่องคุณทักษิณในวันนี้ก็มีเพียงว่า อันเนื่องจากเกมการจัดตั้งรัฐบาลที่เผือกร้อนมาตกอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันที่ 21ก.ค.นั้นมีทีท่าว่าบรรดาแม่ทัพนายกองของพรรคจะเอาไม่อยู่ บริหารจัดการไม่ดีนาทีทองโอกาสทองอาจจะล่มสลายหายวับไปกับตาก็ได้...

ดังนั้นไม่แปลกที่วันเกิดปีนี้ ทักษิณ ชินวัตร จึงเดินทางมาปักหลักอยู่ที่ฮ่องกง ฝั่งเกาลูน...และภาพลับทางการเมืองก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมาผ่านสื่อสำนักต่างๆ เช่นภาพของ ประภัตร โพธสุธน จากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น...ทั้งนี้ทั้งนั้นสายข่าวกระซิบว่าปีนี้ทักษิณค่อนข้างจำกัดวง เน้นหนักไปที่การต้อนรับขับสู้กลุ่มขั้วอำนาจเดิม..หรือตัวแทนพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ในขณะนี้...

ขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือว่า แม้แต่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งคณะก้าวหน้า ผู้มีบารมีเหนือพรรคก้าวไกล ก็ดอดไปพบเช่นเดียวกัน พร้อมๆ กับการคาดหมายว่า...ธนาธร พยายามเดินเกมให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลเป็นข้าวต้มมัด รักษาแนวรบฝ่ายประชาธิปไตย...ขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดเช่นนั้น...เพราะเดิมพันของเพื่อไทยและทักษิณในนาทีนี้ มีสองเรื่องสำคัญคือ..

เรื่องแรก จัดตั้งรัฐบาลกึ่งสมานฉันท์ ‘เหลือง-แดง’...มีนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย หรือหากผิดแผนก็จะไหลไปสู่แผน บีหรือแผนสอง ยอมยกเก้าอี้ให้ที่ อ.อนุทิน ชาญวีรกูล

เรื่องที่สอง เดือน ส.ค. ช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทักษิณจะกลับบ้าน...เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม...ล่าสุดขณะปั่นต้นฉบับนี้ได้ยินว่าคุณอุ๊งอิ๊ง บุตรสาวยืนยันแล้วว่าคุณพ่อจะใช้ฤกษ์วันที่ 10 ส.ค. เดินทางกลับบ้าน...

ดังนั้นใครที่เสนอสูตรลากยาวประเทศไป 10 เดือน เพื่อรอให้สมาชิกวุฒิสภาชุดนี้หมดวาระ ไม่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯแล้วนั้นเป็นสูตรที่ฝันเพ้อ...เพ้อฝัน เพราะปฏิบัติการจัดตั้งรัฐบาลกำลังจะจบลงแล้วในอีกไม่กี่วันนี้...ทั้งนี้สูตรรัฐบาลใหม่ไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการ แม้จะมีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะยอมลดเพดานเรื่อง มาตรา 112 ลงแล้วก็ตาม...

สรุปรวมความว่า...ไทม์ไลน์หรือปฏิทินทางการเมืองที่ถูกทอดยาวออกไป พรรคเพื่อไทยล้มเลิกการประชุม 8 พรรคเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุว่าเพราะยังไม่มีอะไรคืบหน้าก็เป็นการส่งสัญญาณว่า...MOUของ8พรรคเมื่อวันที่ 22พ.ค.นั้นไร้ความหมาย..แทบจะไม่มีค่าใดๆ แล้ว...สูตรรัฐบาลใหม่  MOUฉบับใหม่ กำลังร่างกันที่เกาลูน-ฮ่องกง...

ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โน่น...แถวๆ วันที่ 9-16 ส.ค. โหวตรอบหน้าคงไม่มีอะไรทำให้เกิดเหตุสะดุดอีกแล้ว แต่อาจจะมีม็อบต่อต้านบ้างเป็นหย่อมๆ ด้อมส้มประปราย...

อ้อ!! ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมติรัฐสภาเมื่อวันที่ 19ก.ค.กรณีการโหวตนายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ‘เล็ก  เลียบด่วน’ นั่งทางในดูแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่...ศาลท่านน่าจะไม่รับไว้พิจารณา  เพราะไม่อยู่ในเขตอำนาจ หรือถ้ารับไว้พิจารณาในที่สุดก็จะยก

วันนี้ขอจบแบบดื้อๆ ตามนี้นะครับ..ขอไปเช็คโผ รมต.-ครม.ที่ฮ่องกงต่อหน่อย...วันเสาร์จะมาเล่าให้ฟัง

‘ประเสริฐ’ ลั่น!! ‘พท.’ พร้อมโหวตนายกฯ เสมอ ส่วนประชุม 8 พรรคร่วมยังไม่มีกำหนด

(26 ก.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเลื่อนประชุม 8 พรรคร่วมว่า เราแจ้งไปว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก 8 พรรคยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ประกอบกับที่รับทราบมาว่า ประธานรัฐสภาฯ จะเลื่อนประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินจึงเลื่อนการประชุม 8 พรรคออกไปก่อน ส่วนจะประชุมเมื่อไหร่นั้นขณะนี้ยังไม่ได้นัดหมาย

เมื่อถามว่า คาดว่าจะได้โหวตนายกรัฐมนตรีวันไหน นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องรอประธานรัฐสภานัดหมายมา หากมีการนัดหมายมาเมื่อไหร่เราก็พร้อม

เมื่อถามว่า การประชุม สส. ของพรรควันนี้ จะมีการเคาะชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารตกลงกันแล้ว และมีมติให้หัวหน้าพรรคพิจารณาตัดสินใจได้เลย

เมื่อถามถึง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะกลับประเทศไทยวันที่ 10 สิงหาคมนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนก็เพิ่งทราบจากการเปิดเผยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับสื่อ

‘อดิศร’ ยินดี ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน  มั่นใจไม่กระทบภายใน ‘เพื่อไทย’ 

(26 ก.ค. 66) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ว่า ได้ทราบจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ จึงยินดีต้อนรับนายทักษิณกลับบ้าน พร้อมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของนายทักษิณวันนี้ (26 ก.ค.) ซึ่งทราบว่า ที่นายทักษิณเดินทางกลับครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการไปรับ-ส่งหลานไปโรงเรียน และเห็นว่า นายทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ถูกกระทำ และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่สร้างคุณูประการให้กับประชาชนมากมาย โดยเฉพาะนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

ส่วนการเดินทางกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้จะส่งผลต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายอดิศร มั่นใจว่า ไม่มีเพราะนายทักษิณเป็นที่เคารพนับถือ ของคนในพรรคอยู่แล้ว ส่วนกลับมาแล้ว ต้องรับโทษอย่างไรนั้น ตนไม่ทราบขั้นตอน แต่เห็นว่า นายทักษิณ เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาบ้านเมือง และเชื่อว่าทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

รู้จัก ‘หมอชลน่าน ศรีแก้ว’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จากเด็กวัดติดดิน สู่บทบาทสำคัญในการเมืองไทย

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า’ ได้โพสต์เล่าประวัติและผลงานของ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สรุปใจความว่า…

‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ประวัติชีวิตไม่ธรรมดาของผู้ชายติดดินธรรมดาๆ #จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย 4 มิ.ย. 2566

"ผมมาจากดินไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาได้ไกลถึงตรงนี้ ขอบพระคุณทุกโอกาสที่ทุกท่านเมตตามอบให้ผมเสมอ" จากใจสุภาพบุรุษนักการเมืองที่มีความนอบน้อมให้กับผู้ร่วมงานทุก ๆ ฝ่าย บนถนนสายการเมือง ของ ส.ส.น่าน 6 สมัยคนนี้ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ไม่เคยตั้งคำถามว่า “เขาจะต้องอยู่ตำแหน่งอะไร” แต่คำถามที่มีอยู่ในใจของเขาเสมอ คือ บ้านเมืองจะไปต่ออย่างไร? เราไม่รู้เลยว่าคำถามนี้จะมีใครได้ยินบ้าง? เรารู้แต่ว่าผู้ชายบ้านนอก ติดดินธรรมดา ๆ คนนี้ ได้รับโอกาสเสมอให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ด้วยความตั้งใจ ทุ่มเท สุดกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อชดใช้ตอบแทนบุญคุณของทุก ๆ โอกาสที่พี่น้องประชาชนมอบให้

*จาก #เด็กเลี้ยงควาย กลายเป็นเด็กวัดนักจัดการ
*จาก #เด็กวัดสู้ชีวิตสู่แพทย์ในชนบท
*สู่ ส.ส.น่าน 6 สมัย ขวัญใจมหาชน
*รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข
*#ดาวสภา2552 #ดาวเด่นแห่งปี2564
*รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของไทย

📚📖 ประวัติสู้ชีวิต ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กว่าจะมาเป็น ‘หมอชลน่าน’ ส.ส.ติดดินกินข้าวแกง #ประชาชนของประชาชน ในวันนี้ มีหลายสิ่งที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้ ให้จิตใจดี มีเมตตา ซื่อสัตย์ รักและเห็นใจพี่น้องประชาชน #เพราะเขาคือรากหญ้ามาจากผืนดิน…

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว ️ #จากเด็กวัดบ้าน ๆ กว่าจะเป็นชลน่านดาวสภา ✨️
#เด็กวัดสู้ชีวิต ขยัน มานะ อดทน สุภาพ ถ่อมตน เพียรพยายาม เก่งสมองดี มีความสามารถ ไม่เคยให้ร้ายใคร เสียสละมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เห็นประโยชน์ส่วนรวมและคนอื่นเป็นที่ตั้ง เรื่องของตัวเองมาทีหลัง

⁉️ #อะไรที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้
⏳📚📖ย้อนอดีตไป 62 ปี เมื่อ พ.ศ. 2504 จังหวัดน่าน เมืองชนบทในหุบเขา ณ ท้องทุ่งบ้านนาสาตอนใกล้รุ่ง หมอตำแยได้ทำคลอดเด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ชื่อว่า ‘ไหล่’ พ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวสวน มีพี่สาว 1 คน และน้องสาว 1 คน ตอนไหล่อายุได้ 4 ขวบ น้องสาวเพิ่งเริ่มเดินได้ แม่ก็จากไปด้วยอาการปวดท้องรุนแรงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลน่าน เนื่องจากการเดินทางสมัยนั้นยังล่าช้ามากต้องใช้เรือหางยาวล่องตามลำน้ำว้ามาขึ้นท่าเวียงสาเพื่อต่อรถโดยสารประจำทางไปยัง รพ.น่าน

เมื่อขาดแม่เหมือนแพแตก เด็ก ๆ เติบโตขึ้น ด.ช ไหล่ หลังจากจบ ป.4 ร.รบ้านนาสา แทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะโรงเรียนอยู่ไกลจากบ้านมาก ถนนลูกรังยาวไกลสุดสายตา ที่ทำได้คือช่วยที่บ้านเลี้ยงควาย แต่ด้วยคุณครูที่เคยสอนเห็นถึงความฉลาดเสียดายโอกาสชีวิต จึงได้หาทางให้เจ้าอาวาสวัดไหล่น่านนำ ดช.ไหล่ไปอุปการะกินอยู่เป็นเด็กวัดและเรียนที่โรงเรียนบ้านบุญเรือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนัก เขาจึงได้เข้าไปเรียนต่อชั้นประถมปลายที่นั่น และต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสา ตามลำดับ โดยอยู่ในอุปการะของ พระครูพิริยะสารคุณ (ประเสริฐ) ท่านเจ้าอาวาสวัดไหล่น่าน

 #เด็กวัดหรือขโยมวัด ‘ไหล่’ ได้เรียนรู้ หล่อหลอม สิ่งต่าง ๆ มากมายจากตุ๊ลุงที่เป็นพระนักพัฒนาและทุก ๆ คนรอบข้าง

*ทุก ๆ ตี 5 เสียงกวาดลานวัดของตุ๊ลุง แคว๊กๆๆ คือนาฬิกาปลุกแห่งความรับผิดชอบ 
*หัวหน้าขโยมวัด เจ้าไหล่ มีหน้าที่ไปตกปิ่นโต วางปิ่นโตตามบ้านศรัทธาที่จะถวายกับข้าว เพื่อให้มีอาหารมื้อเพลหมุนเวียนพอเพียงไม่ขาดไม่เกินในแต่ละวัน ตลอดเดือน นี่คือ การบริหารจัดการ ให้เกิดผลสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย

*ทุก ๆ เช้าก่อนไปโรงเรียนจะไปรับหนังสือพิมพ์จากร้านในตลาดมาให้ตุ๊ลุงก่อน ไหล่เดินไปอ่านไปก้มหน้าอ่าน นสพ.ไปเรื่อย ๆ จนถึงวัด (ถ้าเป็นสมัยนี้คงตกท่อหรือถูกมอเตอร์ไซค์สอยไปแล้ว) นี่คือ ความใฝ่รู้ (อ่าน นสพ.แต่เด็กเป็นแรงบันดาลใจของการก้าวสู่ถนนการเมืองไหมนี่)

*บางครั้งก็แอบหนีตุ๊ลุงไปดูหนัง ไปไขว้แขนซ้อมมวย เตะฟุตบอลเป็นการฝึกตนในทุกแง่มุมที่จะเรียนรู้ สร้างความแข็งแกร่ง ชอบเล่นกีฬา และมีน้ำใจนักกีฬา
*ทุกครั้งที่น้ำท่วมน้ำหลากตุ๊ลุงจะให้ทุกคนช่วยกันขัดล้างสิ่งของต่างๆตอนช่วงน้ำลดลงก่อนที่น้ำจะแห้งแล้วทิ้งคราบแห้งกรังไว้ เป็นการใช้ประโยชน์จากน้ำนิ่ง นี่คือ วิธีคิด วิถีธรรมชาติ ที่มีต้นแบบอย่างดี

*ทุกช่วงชีวิต ได้เรียนรู้ปรับตัวอย่างถ่อมตน จนเข้าเรียนระดับมัธยม ที่รร.สา ด้วยผลการเรียนระดับต้นๆ จากเด็กวัดยากจนคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาเป็นคนเรียนเก่งเป็น"ประธานนักเรียน"และเป็นที่รักเมตตาของครูอาจารย์

📌 ‘หล่อเก่งแต่จน’ เพื่อนบางคนดูแคลนห่อข้าวกลางวันมากับปลาร้าถูกเพื่อนกลั่นแกล้งเอาไปซ่อนเอาไม่ให้กิน สิ่งที่เขาทำคือ กินน้ำลูบท้องและเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด จนแม่ครูมาพบเข้าจึงถามว่าลูกไม่กินข้าวหรือ? เมื่อได้ทราบความจริง หลังจากนั้นแม่ครูจึงเอาข้าวห่อมาให้และให้ไหล่กินข้าวนั้นก่อนจึงเข้าห้องสมุด นี่คือ การปรับตัวอย่างถ่อมตน การใช้วิกฤติสร้างโอกาส สร้างความฉลาดรอบรู้จากการอ่านทุกสิ่งในห้องสมุดนั้น

*ด้วยความเป็นเด็กเรียนดี เมื่อจบ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เขาสอบเข้าเรียน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้ ระหว่างเรียน นศพ.(นักศึกษาแพทย์)ไหล่ เด็กวัดน้อยนพคุณ ยังต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟข้าง ๆ โบสถ์อ่านตำราเรียน เขาเป็นคนเรียนดีอีกเช่นเคย เป็น นศพ.บ้านนอกที่เป็นติวเตอร์วิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ให้กับ เพื่อน ๆ นศพ.ได้ เขาจึงสามารถจบการศึกษา พบ. แพทยศาสตร์บัณฑิต ได้โดยไม่ยากนักในเชิงวิชาการ แต่เชิงการดำรงชีวิตเขากลับยากลำบากกว่าคนอื่น ๆ แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี หาเงินส่วนหนึ่งส่งตัวเองเรียนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษให้เด็ก ๆ ลูกคนมีเงิน ช่วงปิดเทอมเมื่อกลับมาบ้าน จะรับจ้างแกะข้าวโพด รับจ้างวาดรูป เพื่อเก็บเงินใช้เรียนต่อ จากคนรากหญ้าที่รู้คุณค่าของเงิน คือ ชลน่าน คนนี้

*เมื่อจบแพทย์แล้ว หมอไหล่มาเป็นแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน แพทย์ผู้มีความสามารถรอบด้าน เป็นนักกิจกรรม นักพัฒนา นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายด้วยผลงาน ใช้ชีวิตเป็นแพทย์อยู่ในชนบท 14 ปี

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว #14ปีกับชีวิตการเป็นแพทย์ในชนบท 

ย้อนถอยหลังไป 36 ปี จ.น่าน เมืองในหุบเขา ไม่มีสนามบิน ถนนหนทางเชื่อมอำเภอต่าง ๆ ยังเป็นถนนดินแดง จนผู้แทนยาที่จะขับรถเข้าไปเสนอขายยาที่จังหวัดน่านท้อตาม ๆ กัน

พ.ศ. 2530 หลังจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ใช้เวลา 14 ปี กับชีวิตการเป็นแพทย์ในจังหวัดน่าน ย้อนไป 36 ปีนั้น เขาไปอยู่กับพี่น้องประชาชนในอำเภอห่างไกลชิดขอบ เช่น อ.นาหมื่น อ.นาน้อย และ อ.ปัว ไม่เคยเป็นแพทย์อยู่อำเภอบ้านเกิดที่ อ.เวียงสา ที่อยู่ใกล้ อ.เมือง มากกว่า

พื้นที่ไกล ๆ น่ะใช่ ใกล้ ๆ ไม่ต้อง สำหรับนักสู้คนนี้ ‘หมอไหล่’ ของพี่น้องชาวน่าน 14 ปีในชนบท จากอายุ 26 แพทย์จบใหม่ถึงอายุ 39 ปี ในความเป็นแพทย์ชนบท
*แพทย์ประจำ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2530-2531
*ผู้อำนวยการ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2531-2533
*ผู้อำนวยการ รพ.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน พ.ศ. 2533-2538
*ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว อ.ปัว จ.น่าน พ.ศ. 2538-2543

รักษาคนไข้ ส่งเสริมป้องกัน ดูแลการสาธารสุขของชุมชน พัฒนาเยาวชนให้เล่นกีฬา ตั้งชมรมฝึกการพูด ตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลเพื่อให้ชาวบ้านชุมชนมีส่วนร่วมกับการบริหารโรงพยาบาล ฯ ‘บวร’ บ้าน วัด โรงพยาบาล โรงเรียน คือพลังพัฒนาของชุมชน ‘หมอไหล่’ หมอหนุ่มไฟแรง ในปัจจุบันก็ยังไม่ลดความแรง ไม่เคยหมดไฟในหัวใจที่มีให้พี่น้องประชาชน

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว #ชีวิตพลิกผันจุดหักเหของชีวิตเข้าสู่สนามการเมือง

เพราะผิดหวังกับเส้นทางชีวิตสายการแพทย์ จากแพทย์ทั่วไปที่มีทักษะด้านการผ่าตัดเป็นพิเศษเพราะเป็นติวเตอร์ Anatomy มาก่อน จึงมุ่งเข็มชีวิตว่าจะเป็นศัลยแพทย์ให้ได้ เขาได้สมัครขอรับทุนไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลน่าน แต่ทุนนั้นกลับกลายเป็นของแพทย์ท่านอื่นที่ไม่ได้อยู่จังหวัดน่าน

*โมเม้นท์นั้นทำให้รู้สึกว่าการเป็นหมอตัวเล็ก ๆ อยู่ตรงนี้คงมีแรงกำลังจำกัดที่จะช่วยเหลือใคร ๆ ได้เพราะโอกาสที่เขาควรมีก็มีข้อจำกัดจากปัจจัยอื่น คิดได้เช่นนั้น พ.ศ. 2544 เขาตัดสินใจ “ผมจะลงทำงานทางการเมือง”

พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวน่าน ณ เวลานั้นให้การสนับสนุนและลุ้นกันเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านั้นด้วยความสนใจทางการเมืองเป็นทุนเดิม หมอไหล่กับลุงโชติและ อ.สฤษดิ์ ได้เปิดเวทีปราศรัยจำลองในครั้งแรกคือที่ห้างนาห้วยสิงห์ข้างป่าช้า (จินตนาการเสียงหมอไหล่ด้วยว่า:)... “พ่อแม่พี่น้อง!! ที่มีหัวและไม่มีหัว ที่มีมือและไม่มีมือ ถ้าใครไม่มีมือ กรุณายกแขนขึ้น” 😱💀 ซักซ้อมฝีปากข้างป่าช้า คือที่มาของดาวสภาคนนี้

แล้วฝันก็เป็นจริง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้คะแนนเสียงท่วมท้น จากการเลือกตั้ง 6 ม.ค. 2544 พรรคไทยรักไทยทำให้เขาได้ก้าวเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก เป็น ส.ส.ที่ใคร ๆ เรียกว่า ‘ส.ส.นกแล’ เข้ามาได้เพราะกระแส ของพรรคการเมือง ไทยรักไทย ที่ผู้คนให้การยอมรับ นโยบายกินได้ ผู้คนหลั่งไหลเทคะแนนให้ เมื่อ 22 ปีก่อน

*หมอชลน่าน ส.ส.น่านไม่ได้ทำให้ชาวน่านผิดหวัง ทุกการอภิปรายในสภา ส.ส จากจังหวัดน่าน ไม่เคยอายใคร ในเรื่องฝีปาก ข้อมูล เหตุผล และความชัดเจน เขาสุภาพ รักษากฎระเบียบสภาอย่างเคร่งครัดแม่นยำ จนนักข่าวสายรัฐสภาลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส จากเมืองน่าน เป็น ‘ดาวสภา’ ในปี พ.ศ. 2552 และตั้งแต่นั้นคนไทยทั่วทั้งประเทศต่างก็ได้รู้จักจังหวัดน่านดีขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่งคือ การอภิปรายในสภาที่สะกดคนให้อยู่หน้าจอโทรทัศน์ได้เหมือนมวยคู่เอกที่น่าชม.

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว
จาก ส.ส.นกแล สู่รัฐมนตรีช่วยสธ. รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ผู้เก๋ากฎเก๋าเกม พลิกประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย #เกมพลิกสูตรหาร100

จาก ส.ส.นกแล ปี 2555-2556 ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และในปี 2564 จากการเป็น ส.ส.สมัยที่ 5 วันที่ 26 ธ.ค. 2564 ในการประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภา เพื่อเป็นการสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่น่าสนใจ ‘ดาวเด่นแห่งปี’ ผู้สื่อข่าวประจำรัฐบาลยกฉายานี้ให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เนื่องจากเห็นว่า นพ.ชลน่าน มีบทบาทในวิปฝ่ายค้านมานาน แต่กลับพลาดตำแหน่งสำคัญ ๆ ทว่า คนเป็นดาวเด่นย่อมมีแสงในตัวเอง เขาโด่ดเด่นในสภาตลอดมา การอภิปรายสภาแต่ละครั้งมีหลักการและเหตุผล สามารถแนวโน้มใจให้ ส.ส. เห็นด้วยกับสิ่งที่อภิปราย โดยไม่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย สุดท้ายผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้รับการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของประเทศไทย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564

ความเก๋าเกมของหมอชลน่าน ทำให้ได้มาซึ่งบัตร 2 ใบ หาร 100 กลับมาใช้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้, ทำให้ พรบ. ประมงไทยของพรรคเพื่อไทยผ่านวาระแรก, ทำให้ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลรัฐธรรมนูญกรณี 8 ปีนายกฯและหยุดพักงาน, ผลที่ตามมาคือ รองนายกได้ลองเป็นนายก จนแตกเป็นพรรค 2 พรรคในเวลาถัดมาเกิดการแตกเสียงเลือกตั้ง, เป็นคนแรกที่มองเห็นปัญหาการฟอร์มรัฐบาลหากไม่แลนด์สไลด์, เป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นว่าจะเกิด deadlock เมื่อโหวตนายกไม่ผ่าน ประยุทธ์จะรักษาการยาวไป และ อาจนำไปสู่การมีนายกคนนอก (นอกบัญชี) อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับบ้านเมืองนี้ แต่สุภาพบุรุษประชาธิปไตยคนนี้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะให้การจัดตั้ง #รัฐบาลของประชาชน ประสบความสำเร็จนำพาบ้านเมืองต่อไปข้างหน้าเพื่อพี่น้องประชาชน

ผู้ชายติดดินธรรมดา ๆ จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย
‘หมอไหล่’...ไหล่ที่ต้องแบกภารกิจที่อุทิศแล้วด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง

📚🖊รวบรวมเรียบเรียงนำสู่เรื่องเล่าโดย ‘หมอก้อย’ พ.ญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ 

📌เด็กวัดสู้ชีวิต26ปี
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804230547735096&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌แพทย์ในชนบท14ปี
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804016411089843&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌จาก ส.ส.นกแล สู่ดาวสภา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804254684399349&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌22ปี มนุษย์สภา 
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804271004397717&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

‘อดิศร’ เตือน!! ‘รุ่นน้องชูวิทย์’ อย่าแฉ 'เศรษฐา' ตามใบสั่ง ฝากกลอนสอนใจ 'ชนะอยู่ที่พวก สะดวกอยู่ที่เงิน ฉิบหายอยู่ที่ปาก'

(27 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย​ (พท.) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีวิดีโอคอลมายังที่ประชุม สส.พรรค ระบุว่า ให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อยู่ทำเนียบรัฐบาล และ น.ส.แพทองธารอยู่พรรค ว่าเป็นการพูดติดตลก สิ่งนายทักษิณ บอกว่า นายเศรษฐาก็ไปอยู่ทำเนียบรัฐบาล เพราะนายกฯ มีคนเดียว ดังนั้นอีกหนึ่งคนก็ต้องดูพรรค

ถามย้ำว่า แสดงว่าเป็นที่ชัดเจนว่าให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ชัดเจนมานานแล้ว

เมื่อถามว่าพูด แบบนี้แสดงว่าการจัดตั้งรัฐบาลราบรื่นแล้วใช่หรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ไม่มีส่วนในเรื่องนี้ ยืนยันว่าพรรค พท.​ อ่อนน้อมถ่อมตน มีมิตรมีเพื่อนอยู่ทุกที่ และชี้ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อทุกฝ่าย มีศักดิ์ศรี เพื่อให้ชาติบ้านเมืองฝ่าวิกฤตตรงนี้ไปได้ ส่วนการรักษาการนายกฯ อีก 10 เดือนคนก็ไม่เอา เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

เมื่อถามว่า กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เตรียมแถลงข่าวว่าการกลับมาของนายทักษิณ มีเอี่ยวเรื่องการเมืองนั้น นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ทราบกับนายชูวิทย์ และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นน้องรุ่นน้องที่ รร.เทพศิรินทร์

เมื่อถามว่า กรณีที่นายชูวิทย์ จะมีการเปิดเผยหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวกับนายเศรษฐา นายอดิศร กล่าวว่า เปิดให้ดีก็แล้วกัน ถ้าเปิดตามอำเภอใจ หรือเปิดตามใบสั่ง จะมีทั้งเท็จและจริง ขอฝากไปยังรุ่นน้อง รร.เทพศิรินทร์ ชนะอยู่ที่พวก สะดวกอยู่ที่เงิน เจริญอยู่ที่ไหน ฉิบหายอยู่ที่ปาก

เมื่อถามว่า กรณีที่มีกระแสข่าวดีลลับฮ่องกง นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เดินทางไป และไม่เดินทางออกนอกประเทศอย่างแน่นอน เนื่องจากจะต้องมีการขออนุญาตศาล เพราะมีคดีความอยู่

‘เพื่อไทย’ นัดถก ‘8 พรรคร่วม’ 2 ส.ค.นี้ ก่อนโหวตนายกฯ หลังซาวเสียง ‘สส.-สว.’ ลั่นตรงกัน ย้ำ!! ต้องไม่มีก้าวไกล

(31 ก.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการนัดประชุม 8 พรรคร่วมภายหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เตรียมออกวาระการประชุมรัฐสภา เพื่อเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ว่า เบื้องต้นจะนัดประชุม 8 พรรคร่วมในวันที่ 2 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย เนื่องจากวันที่ 1 ส.ค.ยังคงเป็นวันหยุด หลายคนยังอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่สะดวกมาร่วมประชุม

อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับทั้ง สว.และ สส.จากพรรคการเมืองต่างๆ จนถึงขณะนี้ ทั้ง สส.และ สว. ยังแสดงความเห็นตรงกันว่าพร้อมจะยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย แต่ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล อยู่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพราะหากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ พวกเขาก็ยังยืนยันว่าจะไม่ให้เสียงสนับสนุน

‘เพื่อไทย’ ลุยทำการบ้าน!! นัดประชุม สส. 3 ส.ค.นี้ เตรียมความพร้อมโหวต ‘เศรษฐา’ ชิงเก้าอี้นายกฯ

(31 ก.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรค พท. เป็นแกนนำ ที่ผ่านมาพรรค พท. ได้ไปทำการบ้านรับฟังเสียงจากทั้ง สส. และ สว.ในมุมมองเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลตามที่ 8 พรรคร่วมมอบหมาย ซึ่งขณะนี้งานใกล้เสร็จสิ้นแล้วเราจะนัด 8 พรรคพูดคุยกันอีกครั้งแต่ยังไม่กำหนดวันแน่นอนเพราะต้องรอถามความพร้อมของทุกฝ่าย แต่สิ่งที่มีกำหนดแน่นอนแล้ว พรรคเพื่อไทย ที่จะมีการประชุม สส. วันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา เตรียมความพร้อม สส. ก่อนการโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอเพื่อโหวตเป็นนายกฯ ต่อรัฐสภาวันที่ 4 ส.ค. คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

'เพื่อไทย' แถลงชัด 'ถอนตัวจาก 8 พรรค-แยกทางก้าวไกล' เหตุ!! ไม่ถอย 112 ส่วน กก.จะโหวตให้ พท.หรือไม่ เป็นเอกสิทธิ์

(2 ส.ค. 66) เมื่อเวลา 14.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือร่วมกับ พรรคก้าวไกล และ 8 พรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ

นายประเสริฐ กล่าวว่า การประชุมเมื่อเช้าที่ผ่านมา 2 พรรค เพื่อไทย-ก้าวไกล ใช้เวลาหารือร่วมกว่า 2 ชม. หลังจากนั้น พรรคเพื่อไทย จึงแจ้งผลการหารือต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์ ให้ 6 พรรคร่วมรัฐบาลแล้ว

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพรักทุกท่าน ขออ่านคำแถลงข่าว เพื่อความเข้าใจดีต่อกัน ร่วมผ่าทางตันหาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จับมือร่วม 6 พรรคการเมือง รวมเสียง 312 เสียง มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ โดยเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทั้ง 8 พรรคร่วมฯ มีความเห็นชัดเจน ยึดมั่น ในสถาบัน เป็นกำลังใจให้คนไทย และไม่เห็นด้วยแก้ไข ม.112 ต่อมา แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล รวมเสียงโหวตนายกฯ ไม่ได้ พรรคเพื่อไทยร่วมมืออย่างเต็มที่ โหวตให้ 141 เสียง แต่ สว.ก็ไม่ยอมรับ เพราะมีเรื่องแก้ ม.112 ซึ่ง พรรคก้าวไกล ก็ไม่ยอมถอย ม.112

ดังนั้น ที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล เห็นชอบ ส่งภารกิจตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าหาเสียงสนับสนุนจาก สว.-สส.จากพรรคการเมือง พบว่า นโยบายแก้ ม.112 เป็นเงื่อนไขหลัก โดยบางคนแสดงเจตนารมณ์ชัดแจ้ง ไม่โหวตให้ 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยปรึกษาพรรคก้าวไกลแล้ว ขอถอนตัวพรรคร่วม และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันว่า เราไม่สนับสนุน แก้ไข ม.112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะใช้ความสามารถ จัดตั้งรัฐบาลที่เหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้าน

1. เราจะผลักดันแก้ รธน.ฉบับปัจจุบัน กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเรื่องจากประชุม ครม.ครั้งแรกให้มีการทำประชามติและจัดตั้ง สสร. เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลคืนอำนาจประชาชนเลือกตั้งใหม่

2. นโยบายที่เห็นสอดคล้องกัน สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม ปฏิรูปทหาร ตำรวจ ยกเลิกการผูกขาด และส่งเสริม การแข่งขับทางการค้า พรรคเพื่อไทยพร้อมร่วมผลักดันจนสำเร็จ พรรคเพื่อไทยขอแสดงความจริงใจทางการเมือง พี่น้องประชาชน นี่คือแนวทางรักษาสถาบันของชาติ ให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤติ ปลดกลไกไม่ปกติคืนสู่ความปกติ และใช้ความสามารถของพรรคเพื่อไทย แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อประชาชน

ทั้งนี้ นายแพทย์ชลน่าน ได้กล่าวถึง เรื่องโหวตนายกฯ รอบ 3 ในวันที่ 4 ส.ค. ซึ่ง 2 พรรคเพื่อไทย-ก้าวไกลได้ตกลงกัน โดยเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ว่าจะลงคะแนน หรือไม่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยก็ได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ ขออนุญาตมีความคืบหน้าให้ผู้สื่อข่าวพรุ่งนี้ (3 ส.ค.)

ขณะที่คำถาม สว.โหวตให้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ข่าวที่แถลงในวันนี้ และมีเจตนาชัดเจน เงื่อนไขเดิม ลดเงื่อนไขลงทั้งหมด ม.112 น่าจะเป็นผลให้ สว.ลงมาร่วมโหวตให้กับเพื่อไทยได้
 

ได้เวลานับหนึ่งรัฐบาลข้ามขั้ว 'ไม่แตะ 112' หมากบังคับต้องมีลุง...ลุ้น 4 ส.ค.จบหรือเลื่อน?

ยังไม่ฟังคำแถลงโดยละเอียด แต่อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยก็ชัดเจนว่า ได้บอกเลิกพรรคก้าวไกลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุเพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ และ สว.ส่วนมากที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุย 'ไม่เอาพรรคก้าวไกล' เหตุผลหลักก็เรื่องมาตรา 112 นั่นแหละ...

สรุปว่า ณ วันที่ 2 ส.ค.66 (เพื่อไทย-ก้าวไกล) สิ้นสุดทางเลื่อน...เลื่อนต่อไปไม่ได้แล้ว พรรคเพื่อไทยต้องไปต่อ ร่วมจัดตั้งพรรครัฐบาลโดยสูตร 'ผสมข้ามขั้ว' แต่จะมีพรรคลุง...หรือไม่มีพรรคลุง หรือเป็นไปตามสูตรดีลลับฮ่องกง 'ไม่มีก้าวไกล ไม่มีลุง' ที่ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกลบินไปพูดคุยกับคนแดนไกล เมื่อ 24-25 ก.ค.66 ดังที่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้รายงานไปเมื่อ 4-5 วันก่อน...หรือไม่? ต้องรอการแถลงอีกครั้งจากพรรคเพื่อไทยพรุ่งนี้

แต่ดูตามสถานการณ์แล้ว...อุตส่าห์หาญกล้าฝ่าข้ามเรื่องมาตรา 112 มาได้ จะด้วยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็คงไม่โง่พอที่จะไปติดกับดักกับวาทกรรม...มีเราไม่มีลุง…เพราะถ้าไม่เอาลุงเลยเสียงสนับสนุนจะหายไปถึง 76 เสียง...คือ พลังประชารัฐ 40 รวมไทยสร้างชาติ 36 ในขณะที่พอสลัดก้าวไกลออกไป เสียงจะหายไปมากถึง 151 เสียง

ดังนั้นนาทีนี้ในเชิงคณิตศาสตร์การเมือง เมื่อสลัดก้าวไกลออกไป อีก 2 พรรคที่น่าจะติดตามไปด้วยก็คือ ไทยสร้างไทย 6 เสียง / เป็นธรรม 1 เสียง รวม 3 พรรค 157 เสียง และตัวเลขที่จะเหลืออยู่ในมือเพื่อไทยจะมีแค่ 154 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องหาเพิ่มอีกจำนวนมาก เพื่อให้ได้ 375 ผ่านโหวตนายกฯ  และมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอที่จะบริหารประเทศไปได้...

เป็นงานหิน...โดยแท้!!

- ต้องหาเสียงทั้ง สว.และ สส.อีก 211 เสียง เพื่อโหวตผ่านนายกฯ
- ต้องหาเสียง สส.อีกอย่างน้อย 100 เสียงเพื่อให้เสียงในสภาล่างเกิน 250 พอประคองตัวไปได้ไม่กี่วัน - แต่หากจะให้มีเสถียรภาพต้องหา สส.เพิ่ม อีก 150 เสียง..

เบื้องหน้าที่พอมองเห็น ภูมิใจไทย 71 / ชาติไทยพัฒนา 10 / ชาติพัฒนากล้า 2 / พรรคเล็ก 4 รวมได้แค่ 87 เสียง...ซึ่งพอรวมกับเสียงในมือเพื่อไทย 154 ก็ได้เพียง 241 เสียงเท่านั้น...เช่นนี้แล้วพรรคเพื่อไทยหนีไม่พ้นจะต้องใช้บริการพรรคลุง...จะทั้ง 'สองลุง' หรือ 'ลุงเดียว' ก็ว่ากันไป...ซึ่งดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้แถลงปิดทางพรรคลุงแต่อย่างใด

ก็ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยสำหรับการจัดสูตรผสม...วันที่ 2 และ 3 ส.ค.ทุกอย่างจะต้องลงตัวคร่าวๆ เพื่อให้วันที่ 4 ส.ค.ม้วนเดียว...เจ็บแต่จบ...ดังที่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้เคยกล่าวเอาไว้...

ส่งท้ายวันนี้...ทั้งหลายทั้งปวง...ต้องไม่ลืมสาระสำคัญที่พรรคเพื่อไทยแถลงไว้ อย่างน้อย 3 ประการคือ..

ประแรกแรก – แยกทางกับพรรคก้าวไกล 

ประการที่สอง – พรรคเพื่อไทยยืนยันรัฐบาลใหม่ไม่แก้ไขมาตรา 112

ประการที่สาม – จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ-การเมืองที่สำคัญๆ จะดำเนินการตั้ง สสร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วยุบสภาคืนอำนาจประชาชน

ก็ถือว่ามีความชัดเจนในระดับที่น่าจะรับกันได้เป็นการทั่วไป...อาจจะติดใจเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองไม่น้อย ก็อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ  เพียงแต่ดีกรีอาจจะไม่เข้มข้นเท่ากับ 'พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล'

ก็สรุปได้ตามนี้ครับ...ถ้าวันที่ 3 ส.ค.ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับเรื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีญัตติซ้ำโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.การโหวตนายกฯ ก็คงเดินหน้าไปได้...

อ้อ!! แว่วๆ ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริมกำลังเผื่อเหลือเผื่อขาด เพื่อความไม่ประมาทเอาไว้แล้วด้วย ทุกอย่างน่าจะจบ

เพียงแต่สายข่าวแจ้งมาเมื่อตะกี้ว่า ฝั่ง สว.มีเงื่อนไขสำคัญว่าวันที่ 3 ส.ค.นี้พรรคเพื่อไทยต้องจูงมือพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่มาแถลงให้เห็นตัวเป็นๆ

ไม่งั้นมีโอกาส...เลื่อนกันต่อ!!

‘ครัวสิทธิเพชร’ เปิดเมนูเด็ด เกาะกระแสการเมือง จัดโปรดีสั่ง 4 เมนูแถมฟรี ‘พิธาเดินเดี่ยว’ ทำลูกค้าแน่นร้าน

ร้านอาหารครัวสิทธิเพชร ตั้งอยู่ริมถนนสายสิงห์บุรี-บางระจัน ตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ร้านนี้มีเจ้าของร้านเป็นแฟนพันธ์แท้ทีมฟุตบอลหงส์แดง โดยคลั่งไคล้เป็นอย่างมาก จึงได้ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูล พนักงานในร้านก็สวมใส่เสื้อของทีมหงส์แดง เคยมีข่าวจัดโปรโมชั่น ลดค่าอาหาร 10% ให้แก่ลูกค้า ทุกครั้งที่ทีมรักลงสนามแล้วชนะ แต่ช่วงเวลานี้ พรีเมียร์ลีกของอังกฤษยังไม่เปิดฤดูกาล จึงยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการโปรโมชั่นนี้

ในช่วงนี้ สถานการณ์บ้านเมืองกำลังร้อนแรง ทางร้านจึงเอาใจคอการเมือง ที่เข้ามาใช้บริการ โดยการคิดเมนูอาหารไว้มากมายหลายรายการ เช่น ยำ สว. หรือยำวุ้นเส้นโบราณ, กกต.ลุยสวน หรือปลาช่อนลุยสวน, กระดูกคนละเบอร์ หรือต้มแซ่บกระดูกอ่อน, ตำ MOU หรือตำหมูตกครก, งดออกเสียง หรือต้มแซ่บหมู, ลุงนอนมา หรือปลาทับทิมนึ่งมะนาว, พิธาแค่พิธี หรือกุ้งแช่น้ำปลา, เพื่อนแกงส้ม หรือแกงส้มชะอมไข่กุ้ง, ศึกสองด้าน หรือแจ่วฮ้อน กลมกล่อม/หมาล่า, มันใหญ่มาก หรือตำถาดใหญ่, เป็นต้น

ปรากฏว่าเรียกเสียงฮือฮาจากลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุนได้เป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ต้องการมาทานอาหาร ที่เดิมก็มีรสชาติอร่อย ถูกใจอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นเมนูรายการอาหารชื่อแปลกใหม่ จึงต้องการทดลอง โดยเมนูที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ได้แก่ ยำ สว., และ กกต.ลุยสวน

เมนูที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ นั้นเป็นสีสัน และเข้ากับสถานการณ์ทางการเมือง นอกจากนี้ทางร้านก็ยังได้จัดโปรโมชั่น โดยลูกค้าที่สั่งรายการอาหารทางการเมือง 4 รายการขึ้นไป ทางร้านก็จะแถมอาหารว่างชื่อ “พิธาเดินเดี่ยว” หรือเฟรนด์ฟรายทอด ให้อีก 1 จาน อีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top