Wednesday, 26 June 2024
เพื่อไทย

‘ภูมิธรรม’ โต้ข่าวลือ ‘ทักษิณ’ เปลี่ยนวันกลับไทย ยัน!! ยังยึด 10 ส.ค. ตามกำหนดการเดิม 

(3 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลื่อนกำหนดการการกลับประเทศไทย ว่า ยังไม่ทราบอะไร ยังยืนยันอยู่เหมือนเดิม

เมื่อถามย้ำว่า ณ ตอนนี้ยังไม่เลื่อนกำหนดการใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”

เมื่อถามว่า การแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ (3 ส.ค.66) จะมีพรรคไหนร่วมบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เดี๋ยววันนี้จะแถลงเวลา 15.00 น.”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะไม่มีพรรค 2 ลุงร่วมรัฐบาลนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังไม่ทราบ”

เมื่อถามถึงนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ฐานะรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทย พูดคุยกันได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “วันนี้จะแถลงทุกอย่าง”

เมื่อถามว่าการดีลเป็นไปได้ด้วยดี สามารถเดินหน้าโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค. ได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม”

เมื่อถามว่ามีการนัดหารือกับใครหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังไม่มีตอนนี้”

'เสรีพิศุทธ์' กล่อม 'ก้าวไกล' นึกถึงบุญคุณ ‘เพื่อไทย’ ช่วยหนุนโหวต เตือน!! 'ม็อบด้อมส้ม' ผิด กม. ยกเคส 'หยก' เป็นลูกฆ่าทิ้งไปแล้ว

(3 ส.ค. 66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองว่า มีจุดยืนเดิมคือร่วมกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถนำพรรคก้าวไกลมาร่วมได้ เราก็ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะออกไป ก็ไม่ใช่ปัญหา ยังเห็นเป็นเหมือนน้อง ด้วยความปรารถนาดีอยากให้จัดรัฐบาลได้

เมื่อถามว่าถ้ามีพรรค 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนเคยตอบไปแล้วว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนรัฐประหาร แต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนรับได้ แต่ถ้าจะเหมารวม พล.อ.ประวิตร เป็นคนปฎิวัติด้วย อย่างนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ เป็นผู้สนับสนุน ก็ต้องถือว่ารวมด้วย ฉะนั้นตัวหลักที่ตนไม่เอาคือ พล.อ.ประยุทธ์

“พรรคเพื่อไทยเขาจัดตั้งรัฐบาลถ้าเขาเอา พล.อ.ประวิตร แต่ผมไม่เอา ผมก็อยู่ไม่ได้ จะให้ผมไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ จะให้ไปอยู่ตรงไหน ก็ต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. ผมแนะทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกแล้ว ไม่มีลุงแล้ว ก็เหลือแต่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก็ไม่ใช่คนปฎิวัติ แล้วทำไมจะต้องแข็งตัว จนไปร่วมกับรวมไทยสร้างชาติไม่ได้ ถ้าให้ผมเป็นคนตัดสินใจไม่ว่าผมจะอยู่ก้าวไกลหรือเพื่อไทยก็ร่วมได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นี้ อาจจะมีปัญหาต้องเลื่อนออกไปอีกเพราะมีเหตุไม่ลงตัวว่า บ้านเมืองวุ่นวายมานาน 8-9 ปี เมื่อมีการเลือกตั้งมาแล้ว และ สว. ที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกฯ ต้องสามัคคีกัน จะไปเอาคำพูดตรงนั้นตรงนี้มาเป็นประเด็น อย่างที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เคยพูดให้แก้มาตรา 112 มันไม่ใช่ประเด็น ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดว่าไม่เอาพรรคพลังประชารัฐต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่สัญญา ยังไม่ถึงขั้นทำเอ็มโอยูด้วยซ้ำ เป็นการพูดบนเวทีเพื่อหาเสียงเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนลงคะแนนให้ ถ้าคิดว่าผิดคำพูดไปเสียหมดก็ไม่ต้องจัดแล้วรัฐบาล

เมื่อถามว่ามีการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยสนใจตำแหน่ง ตนอยากจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ และตนไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เพราะพล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว

“เห็นพรรคก้าวไกลบอกว่า จะไม่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย อยากฝากให้ก้าวไกลคิดใหม่ ครั้งก่อนที่ก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยก็ลงคะแนนให้ ครั้งนี้เพื่อไทยจัด ก้าวไกลจะตอบแทนบุญคุณไม่ได้หรือ ถึงแม้จะเป็นจะไปเป็นฝ่ายค้านแต่ก็มี 150 เสียง ถ้าลงให้ทั้งหมดก็สิ้นเรื่อง ถ้าลงทั้งหมดจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ สิ่งที่ก้าวไกลจะได้คือแมนจริงๆ เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากยิ่งขึ้น ถึงเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลแต่ก็ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งก้าวไกลไม่ใช่จะเป็นฝ่ายค้านไปตลอด รับรองสนับสนุนคะแนนเสียงไปก่อน 3-4 เดือนมีการปรับคณะรัฐมนตรี อาจเอาพรรคอื่นออกเอาพรรคก้าวไกลเข้าไปได้ ดังนั้นขอชี้ทางสว่างให้พรรคก้าวไกล” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหลังพรรคเพื่อไทยปล่อยมือพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้ายทำให้มวลชนไม่พอใจมีกระแสต่อต้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การที่มวลชนบุกไปยังพรรคเพื่อไทย สาดสีและเผาหุ่น ตรงนี้ไม่ใช่แค่ไม่เหมาะสม แต่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อเลือกเขามา ก็หมดหน้าที่แล้ว พรรคจะบริหารจัดการอย่างไรเป็นหน้าที่พรรค ไม่ว่าพรรคไหนจัด ก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองนั้นๆ ถ้าพรรคไหนไม่ดีครั้งหน้าก็อย่าไปเลือก ถ้าทำดีครั้งหน้าก็เลือกให้มากขึ้น ไม่ใช่พอเลือกตั้งก็จะเอาตามใจตัวเอง

“พรรคก้าวไกลไปตามใจด้อมมาเกินไปจนแพ้โหวตเสียงไม่พอ เพราะไม่สามารถหาเสียงเพิ่มได้ ตรงนี้ก็เป็นบทเรียนก้าวไกลที่ไปเชื่อคนภายนอกมากเกินไป ส่วนเรื่องม็อบเราก็เห็นหน้ากันอยู่ บุกรุกเข้าไปพรรคเพียงหนึ่งตารางนิ้ว ก็ผิดกฎหมาย แล้วก็ยังไปจุดไฟเผา เสร็จแล้วก็เดินสะบัดก้น โดยเฉพาะเด็กหยก ที่ไม่เชื่อฟังอาจารย์ ปีนกำแพง ไม่แต่งชุดนักเรียนสงสารแม่เขา ถ้าเป็นลูกผมไม่ได้ ผมฆ่าทิ้งเลย เด็กแบบนี้เอาไว้ได้ไง ถ้าเป็นลูกผมผมไม่เอา” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

‘อนุสรณ์’ ถาม ‘ชูวิทย์’ ล้มนิด หวังชุบชีวิตใคร? ยัน!! ‘เศรษฐา’ บริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้

(4 ส.ค.66) ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดข้อมูลกล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี ว่า นายชูวิทย์ จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้นายชูวิทย์ แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่ลงมือเปิดข้อมูล มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 

คำถามคือถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐา มีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากร ย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามในการดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ นายเศรษฐา ชื่อเล่นชื่อนิด ปฏิบัติการนี้หวังล้มนายเศรษฐา เพื่อชุบชีวิตคนที่หมดโอกาสไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพกลับสู่เส้นทางลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใด ๆ ตามที่กล่าวอ้าง ถ้านายชูวิทย์ ติดใจสงสัยในกรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร

“ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปล่อยให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ประเทศไม่ควรขาดรัฐบาลนานเกินไป” นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียน นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องใด ฝ่ายใดเป็นสิทธิ์โดยชอบ ตราบที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้และเราเคารพทุกการตรวจสอบ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกต ว่ามีเวลาตั้งนานแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลออกมา แต่เลือกเวลาช่วงที่กำลังจะโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เราจึงบอกว่าแผนปฏิบัติการดังกล่าวคือหวังผลเพื่อจะล้มเศรษฐา ล้มพรรคเพื่อไทย และจะไปชุบชีวิตใครกลับมาเข้าสู่เส้นทางนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เมื่อถามว่า กลัวว่ากรณีดังกล่าวจะซ้ำนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การนำประเด็น แต่ละประเด็นไปพิจารณามีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถนำไปเทียบได้ว่าใครเคยโดนแล้วคนอื่นจะต้องโดนเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถที่จะสามารถเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อถามว่า เอกสารที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาไม่น่าเชื่อถือใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมใด ๆ ของแสนสิริ เพราะฉะนั้นเอกสารที่นายชูวิทย์ต้องไปตรวจสอบ และไปวัดกับทีมกฎหมายของแสนสิริ รวมถึงไปตรวจสอบกับกรมสรรพากร เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่บอกได้ว่าเอกสารของนายชูวิทย์เชื่อถือได้หรือไม่ได้

เมื่อถามว่า เรื่องที่นายชูวิทย์เปิดเผยเป็นเรื่องของการเลี่ยงภาษีหากเป็นความจริงจะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามการแถลงของกฎหมายแสนสิริ ก็ไม่ได้มีความหนักใจในเรื่องนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาก็สามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว เราต้องคิดตามว่าบริษัทชั้นนำ การทำธุรกรรมต้องสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ดังนั้นการร้องเรียนจึงเป็นสิทธิ์ สิ่งของกฎหมายแต่ก็จะต้องไปว่ากันตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบ ถ่วงดุล เพื่อที่จะสามารถพิจารณาข้อมูลของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่าจะกระทบต่อการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากไม่มีปรากฏการณ์โรคเลื่อน วันนี้ก็คงจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่การที่นายชูวิทย์ นำข้อมูลมาเปิดเผยในช่วงเวลานี้ ทั้งที่เจ้าตัวเคยพูดว่ามีหลักฐานมานานแล้ว เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผน ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็ไม่มีใครติดใจในประเด็นดังกล่าว

‘อดิศร’ แนะส่องไฟตรงที่นั่ง ปธ.สภาฯ ให้สว่าง ด้าน ‘วันนอร์’ บอก “สว่างแล้ว กลัวแก่”

(4 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 272 เรื่องการตัดอำนาจ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อถึงเวลาประชุม ยังไม่สามารถเปิดประชุมได้ จึงเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาต่าง ๆ โดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกหารือว่า ตนเห็นว่าตรงที่นั่งประธานรัฐสภาและรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีมุมมืดดำไม่เด่นเป็นสง่า มองออกมาแล้ว ประธานฯ น่าจะเด่นชัด สุขสกาวให้สมกับห้องประชุมที่ตนไม่ชอบซึ่งชื่อว่าสุริยัน ต้องมีแสงสว่าง ไม่ใช่มองประธานฯ อยู่ไหน มันมืดจริง ๆ แสงแห่งความหวังของประชาธิปไตย อยู่ที่ที่ประธานฯ ตนอยากให้ฝ่ายเทคนิคไฟส่องสว่างให้สมศักดิ์ศรีหมื่นกว่าล้าน ท่านรองประธานรัฐสภา ก็เป็นตุลาการมาก่อน หน้าตาก็หล่อ แต่มองไปไม่เห็น ท่านประธานรัฐสภา น่าจะหนุ่มกว่านี้ นั่งอยู่ตรงนั้นไม่หนุ่มเลย จึงอยากให้ทางสภาฯ ปรับปรุงเพื่อให้สภาฯ ของเรามีประธานและรูปด้านหลังเด่นเป็นสง่า เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณทางประชาธิปไตย 

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวติดตลกว่า “กลัวว่าสว่างแล้วจะแก่” ซึ่งเมื่อนายวันมูหะมัดนอร์พูดจบ ก็เรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกในห้องประชุม

'ก.ต่างประเทศ-วุฒิสภาสหรัฐฯ' จี้ไทยเคารพเสียงประชาธิปไตย หลัง 'เพื่อไทย' ทิ้ง 'ก้าวไกล' ตั้งรัฐบาล ไม่เคารพเสียง ปชช.

กรรมการกิจการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐฯ ทวีตจี้ทุกฝ่ายเคารพเจตนารมณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หลังข่าวเพื่อไทยขับก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่บริษัทประเมินความเสี่ยงแคนาดาออกคำเตือน เลี่ยงเหตุการณ์ชุมนุมในไทย ส่วนฮิวแมนไรท์วอช ชี้ชัดการละเมิดสิทธิมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

(4 ก.ค.66) สำนักข่าวอิศรา รายงานสถานการณ์การเมืองไทยจากมุมมองในต่างประเทศว่า ทวิตเตอร์ของคณะกรรมการกิจการด้านการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้มีรีทวีตข่าวที่พรรคก้าวไกลถูกขับออกจากการเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และทวีตข้อความระบุว่าต้องมีการจับตาพัฒนาการทางด้านการเลือกตั้งในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพเจตนารมณ์ของคนไทยที่แสดงผ่านการเลือกตั้ง เสียงของประชาธิปไตยที่ถูกเลือกตั้งมาไม่ควรถูกทำให้เงียบลง

ขณะที่เว็บไซต์ crisis24 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของบริษัท Garaworld บริษัทรักษาความปลอดภัยจากแคนาดา ได้ออกคำเตือนระบุว่า ขอให้ผู้ที่เดินทางไปยังหลีกเลี่ยงจากสถานที่การประท้วงทั้งหมดเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ถ้าหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง ให้ออกจากพื้นที่ทันทีและหาที่หลบภัยในอาคารที่ปลอดภัย และควรจะมีการวางแผนเผื่อกรณีที่บริการขนส่งท้องถิ่นหรือว่าธุรกิจอาจจะต้องหยุดชะงักจากการชุมนุม

ขอให้ผู้ที่เดินทางได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการตรวจค้นด้านความปลอดภัย และขอให้พกพาเอกสารยืนยันตัวตนไว้กับตัวเองตลอดเวลา รวมไปถึงให้ความสนใจในด้านคำแนะนำด้านการขนส่งและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ส่วนเว็บไซต์ Council on Foreign Relations (CFR) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในสหรัฐฯ ได้มีการเขียนบทความวิเคราะห์เอาไว้ตอนหนึ่งเกี่ยวกับกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศขับพรรคก้าวไกลออกจากการร่วมรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยได้สละสิทธิ์การเป็นพรรคประชาธิปไตยไปแล้ว ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ทรงอำนาจที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ซึ่งที่เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่ายในระยะยาว

ทางด้านของนายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ประจำภาคพื้นเอเชีย ได้รีทวีตข่าว และทวีตข้อความระบุว่า ไม่ค่อยจะเป็นประชาธิปไตยเท่าไรนัก นั่นคือสิ่งที่ทุกคนสามารถพูดได้ เนื่องจากพรรคการเมืองที่ชนะเสียงและที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค. ถูกเขี่ยลงไป การละเมิดสิทธิธรรมาภิบาล มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตามมาอีก หลังจากการเคลื่อนไหวแบบนี้

'เศรษฐา' รับ!! เสียใจทวีตในอดีตเขียนเองทั้งหมด  ยัน!! ไม่ลบทุกข้อความ ขอเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 66 จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์แจ้งมีผู้ไม่ประสงค์ดี แฮกทวิตเตอร์แอคเคานต์ส่วนตัว และทำการแก้ไขข้อความเดิม เพื่อปลุกปั่นและสร้างความเข้าใจผิด โดยยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น นายเศรษฐา ทวีตข้อบนทวิตเตอร์ ระบุว่า...

เรื่องความผิดปกติที่ทวิตเตอร์ของผมโดนแฮกเมื่อ 2-3 วันก่อน กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ส่วนข้อความในอดีตทุกข้อความที่ผมเขียนเอง ทุกเรื่องมีที่มาที่ไป ต่างวาระ ต่างอารมณ์ความรู้สึก ที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ผมรู้สึกเสียใจต่อข้อความในอดีตที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้อ่านมาจนถึงปัจจุบัน

"ผมจะไม่ลบข้อความเหล่านั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าในอดีตผมมีความคิด และทัศนคติอย่างไร และควรปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นครับ" นายเศรษฐา ระบุ

'ตระกูลฉายแสง' ไม่เห็นด้วย 'พท.' จับ 'รทสช.-พปชร.' 'อึดอัดใจ-นอนไม่หลับ' หาเสียงคนพื้นที่ไว้เยอะ

'ฐิติมา ฉายแสง' สส.ฉะเชิงเทรา เพื่อไทย ถึงกับ ‘อึดอัด-นอนไม่หลับ’ กับข่าวเพื่อไทยจะจับมือรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล ยืนยันไม่เห็นด้วย หาเสียงไว้เยอะ คนพื้นที่อึดอัด

มาถึงเวลานี้ก็ยังไม่ชัดว่า รัฐบาลของเพื่อไทยจะประกอบด้วยพรรคไหนบ้าง ไม่เห็นร่องรอยของการทาบทาม-เจรจา จะจับมือกับรวมไทยสร้างชาติ หรือพลังประชารัฐ ก็มีวาจามัดคออยู่ 'ไม่เอาลุง'

ถ้าไม่เอาพรรค 'ลุงพี่-ลุงน้อง' จะเอาเสียงที่ไหนมาสนับสนุนให้เพียงพอ และมั่นใจว่า สว.จะโหวตให้ด้วย เพราะคร่าวๆ ต้องใช้มือจาก สว.ไม่น้อยกว่า 110 เสียง

ฝ่ายที่กำลังฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลก็คงจะยุ่งยากลำบากใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า ในนามหัวหน้าพรรค ถ้าร่วมกับพรรคลุง "ผมลาออก"

ดูท่าทีของสองพี่น้อง 'ตระกูลฉายแสง' ทั้ง 'จาตุรนต์ ฉายแสง' และ 'ฐิติมา ฉายแสง' ก็อึดอัด กระอักกระอ่วนใจกับการจะดึงพรรคลุงมาร่วมรัฐบาล

แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือดึงมาหมดเกือบทุกพรรคแล้ว 13-14 พรรค ก็จะได้แค่ 266-267 เสียงเท่านั้น ถ้าไม่เพิ่มพรรคลุงเข้ามา ต้องอาศัยเสียง สว.มากถึง 110 เสียง เป็นอย่างน้อย

ถามว่า เวลาของเพื่อไทยเกือบเดือน 'สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ' หัวหน้าคณะเจรจากับ สว.ได้คุยกับใครแล้วบ้าง ได้มาแล้วกี่เสียง ซึ่งจนถึงวินาทีนี้ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ ทั้งจาก 'สุริยะ' และจากน้ำเสียงของ สว.เองว่าจะโหวตให้

ที่ไม่ควรลืมคือ สว.ชุดนี้มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช.ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีกรรมการสรรหา ที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นประธานกรรมการสรรหา

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อเกิดขึ้นจากการชุมนุมขับไล่เครือข่ายทักษิณ ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ปี 2543 ตั้งแต่ยุคทักษิณ ชินวัตร ยุคสมชาย วงศ์สวัสดิ์, สมัคร สุนทรเวช และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จึงถูกเฟ้นหามาจากคนที่ไม่เอาทักษิณ ไม่ชอบระบอบทักษิณ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย หรือเรื่องยากที่ สว.จะยกมือสนับสนุนคนของพรรคเพื่อไทยที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าพรรคของใคร และมีเป้าหมายคือ 'เอาทักษิณกลับบ้าน'

วันนี้ 'ทักษิณ' เลื่อนกลับบ้านอย่างไม่มีกำหนด หลังการจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยยังไม่เรียบร้อย โดยอ้างว่า 'หมอนัดด่วน' จะนัดด่วนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ยืนยันไม่กลับไทยตามกำหนดเดิม 10 สิงหาคม แต่เห็นเตร็ดเตร่อยู่ในกรุงพนมเปญ ประเทศข้างบ้านเรา ไปโผล่ร่วมงานวันเกิดนายกฯ ฮุนเซ็น ของกัมพูชา

ทางการไทยไม่มีขยับ หรือไม่รู้ว่าทักษิณเดินทางเข้าพนมเปญ ทำไมไม่แจ้งขอความร่วมมือกัมพูชา ส่งตัว 'ผู้ร้ายทักษิณ' กลับมารับโทษ เพราะไทย-กัมพูชา มีข้อตกลงเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันอยู่ และลงนามร่วมกันตั้งแต่ปี 2541 แล้ว

ระวังนะสักวันหนึ่ง 'ทักษิณ' อาจจะเดินทางเข้าไทย ผ่านทาง 'ช่องทางหมาลอด' หรือช่องทางธรรมชาติ ก็เป็นได้ ที่บอกว่าจะกลับมาอย่างแมนๆ เท่ห์ ผ่านสนามบินดอนเมือง อาจจะไม่จริงก็ได้ เป็นแค่ละครตบตาเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น

มาถึงนาทีนี้บอกได้เลยว่า การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยยากขึ้นทุกที ยังไม่เห็นวี่แววของความสำเร็จ มีอุปสรรคมากมาย...

- การรวมเสียง แม้จะได้เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่ผ่านด่าน 367 เสียงของรัฐสภา (สส./สว.)
- เพื่อไทยยังต้องการเสียงสนับสนุนจาก สส./สว.อีกอย่างน้อย 110 เสียง
- จะดึงพรรคลุงพี่-ลุงน้อง เข้าร่วมก็มีวาทะมัดคออยู่ แถมคนในเองก็ไม่เห็นด้วย

- การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วในพรรคเพื่อไทยเองก็ยังเห็นแย้ง ไม่มีความเป็นเอกภาพเช่นกัน
- จะย้อนกลับไปคืนดีกับก้าวไกล ก็มาไกลเกินไปแล้ว ไกลเกินกว่าจะกลับไปร่วมเรียงเคียงหมอนกันอีก
- ท่าทีของผู้ใหญ่บางคนในพรรคเพื่อไทย กับพรรคข้ามขั้ว ยังไม่ให้เกียรติ์กันพอ เช่น เขามาเอง เราไม่ได้เชิญ เป็นต้น

- กว่าจะถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คาดิเดตของเพื่อไทย 'เศรษฐา ทวีสิน' น่าจะถูกตีน่วมไปก่อน ซึ่งประเดิมด้วย 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์' ผิดถูกอย่างไรไม่รู้ แต่มัวหมองไปแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็น่าจะพลั้งพรูออกมาเรื่อยๆ

บอกตามตรงว่า ถึงเวลานี้ยัง 'มืดมน' กับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย มืดมนพอๆ กับการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังไม่เห็นแววว่าจะสำเร็จเมื่อไทย

จึงเริ่มมีคำถามในสื่อโซเชี่ยลว่า สามคำถาม อันไหนยากกว่ากัน อันไหนจะสำเร็จก่อน...
- จัดตั้งรัฐบาล
- ทักษิณกลับบ้าน
- เลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดยส่วนตัว #นายหัวไทร ไม่เชียร์ใคร ไม่หยามใคร แต่อยากให้การจัดตั้งรัฐบาลเสร็จลงโดยเร็ว เพราะยิ่งช้า ประเทศชาติ และประชาชนจะเสียประโยชน์ ใครมองเห็น มองไม่เห็นผมไม่ทราบ แต่ผมมองไม่เห็นว่า ถ้ามีรัฐบาลช้า 'หายนะ' รออยู่ โดยเฉพาะหายนะด้านเศรษฐกิจ

ผมไม่ถึงกับ 'อึดอัด-นอนไม่หลับ' แต่กลุ้มใจกับภาวะที่เป็นอยู่ และไม่สบายใจกับผลที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

'นพดล' แจง!! สถานการณ์ตั้งรัฐบาลตอนนี้ไม่ง่าย ไม่ได้วิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่จะทำให้ดีที่สุด 

(7 ส.ค. 66) นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเห็นชอบแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป ว่า น่าจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย ต้องให้เวลาตัวแทนพรรคที่ไปเจรจาหาเสียงตั้งรัฐบาล การล่าช้าออกไปไม่กี่วันคงไม่กระทบโรดแมปในการตั้งรัฐบาลเข้ามาขับเคลื่อนประเทศและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

นายนพดล กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สื่อและนักวิเคราะห์ถกเถียงกันว่าใครจะเป็นนายกฯ จะพลิกขั้วไหม แต่ที่พรรคเพื่อไทยกังวลคือปัญหาปากท้อง ราคาพลังงานสูงขึ้น รายได้ประชาชนหดหาย หนี้สินครัวเรือน ยาเสพติดระบาด ปัญหาภัยแล้งเอลนิโญ ปัญหาไทยเสียโอกาสในเวทีโลก เด็กหลุดจากระบบการศึกษา การจัดทำงบประมาณประทศ เป็นต้น พรรคคิดตลอดว่าทำอย่างไรจึงจะมีรัฐบาลมาแก้ปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด เพราะเราเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ง่วนกับการตั้งรัฐบาลเพื่อมีอำนาจอย่างเดียว นอกจากนั้นนักธุรกิจ นักวิชาการหลายคนเห็นว่าควรมีรัฐบาลโดยเร็ว ทางเลือกที่ให้ทอดเวลาไปเกือบปีเพื่อให้ สว.หมดอำนาจโหวตนายกฯ แล้วค่อยให้สภาผู้แทนฯ โหวตนายกฯ น่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี

เมื่อถามว่า มีคนวิจารณ์ท่าทีเพื่อไทยมากมายในช่วงนี้ นายนพดล กล่าวว่า เราเคารพความเห็นต่าง สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็นำมาคิดต่อ น่าเสียดายบางคนด่าล่วงหน้าไปแล้ว แต่ขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยจะเลือกแนวทางที่ดีที่สุด สถานการณ์การตั้งรัฐบาลขณะนี้ไม่ใช่งานง่าย เราไม่ได้วิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่ต้องทบทวนสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำมา ส.ส.ของพรรคเห็นชอบโหวตให้คุณพิธาครบ 141 เสียง และโหวตไม่เห็นด้วยกับญัตติที่ไม่ให้เสนอชื่อคุณพิธาเป็นครั้งที่ 2 ครบ 141 เสียง พรรคไม่ได้บิดพลิ้วเลย หลังจากที่พรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเราก็ต้องพยายามหาเสียงให้ครบ 375 เสียง ขณะนี้ก็ต้องดำเนินการขอเสียงสนับสนุน

"ผมขอความเป็นธรรมให้พรรคเพื่อไทยด้วยว่า พรรคไม่ได้มีทางเลือกมากมาย แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยยึดมั่นประโยชน์ของประเทศและประชาชนมาก่อนประโยชน์พรรค" นายนพดล กล่าว

‘เด็จพี่’ แฉ!! ‘ชูวิทย์’ โกรธแสนสิริปฏิเสธซื้อที่ดิน ชี้!! ไฟแค้นสุมอก จึงรับงานดิสเครดิต ‘เศรษฐา’

(7 ส.ค. 66) ที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ กรุงเทพฯ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ คณะทำงานด้านกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ระบุที่นายเศรษฐา มอบอำนาจให้ทนายความฟ้องดำเนินคดีกับนายชูวิทย์นั้น เป็นการฟ้องปิดปากว่า ขอชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่มีใครไปปิดปากคนอย่างนายชูวิทย์ได้ หากนายชูวิทย์ตรวจสอบนายเศรษฐาอย่างบริสุทธิ์ใจ

ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า นายชูวิทย์มีข้อมูลเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เหตุใดจึงไม่ตรวจสอบตั้งแต่ได้รับข้อมูลมา หรือก่อนที่นายเศรษฐา จะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ตนเองในฐานะเป็นนักการเมือง และเคยตรวจสอบในคดีสำคัญ หากไม่มีวาระซ่อนเร้นเราต้องตรวจสอบอย่างนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่นายชูวิทย์ แถลงเมื่อวันที่ 3 ส.ค. กล่าวหานายเศรษฐาว่าทำนิติกรรมอำพราง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต รู้เห็นเป็นใจกับบริษัทที่ขายที่ดินให้กับ บ.แสนสิริ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 500 ล้านบาท เรื่องนี้ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย เป็นการจับแพะชนแกะ พูดความจริงครึ่งเดียวของนายชูวิทย์ คือผู้ขายได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการโอนแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้นคนละวันกัน จึงไม่ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมกัน ในทางกฎหมายอนุญาตให้ทำได้

ต่อมาเมื่อมีการขายให้บ.แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบของกรมที่ดินและระเบียบของกรมสรรพากร ซึ่งถ้าไม่ถูกระเบียบกรมที่ดินก็ไม่สามารถให้ผู้ขายโอนให้ได้ และกรมสรรพากรคงฟ้องร้องผู้ขายไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เนิ่นนานขนาดนี้ ใครก็รู้ว่ากรมที่ดินและกรมสรรพากรล้วนมีระเบียบที่เคร่งครัด ไม่ถึงมือนายชูวิทย์หรอก

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 100/2543 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2543 ข้อ 4 (2)

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่านายชูวิทย์ซึ่งเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ มีทีมกฎหมายเป็นที่ปรึกษา ก่อนมาแถลงข่าวกล่าวหานายเศรษฐาคงจะต้องศึกษารายละเอียดมาหมดแล้ว ว่าผู้ขายทั้ง 12 คนนี้ได้ที่ดินมาไม่พร้อมกัน นายชูวิทย์ก็รู้ แต่จงใจพูดข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าได้ที่ดินมาพร้อมกันในวันที่แถลงข่าว เหมือนพูดความจริงครึ่งเดียว เหตุใดนายชูวิทย์จึงไม่พูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าที่ดินได้มาไม่พร้อมกัน นายชูวิทย์ปกปิดความจริงข้อนี้ เพื่อใช้เป็นช่องกล่าวหานายเศรษฐาใช่หรือไม่ เพราะหากนายชูวิทย์พูดความจริงตรงนี้ให้หมด ตัวเองจะกล่าวหานายเศรษฐาไม่ได้เลย

นอกจากนี้ขอตั้งข้อสังเกตต่อว่าผู้ซื้อเป็นนิติบุคคล เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้บริหารหลายคน แต่เหตุใดนายชูวิทย์ จึงตั้งใจโจมตี ดิสเครดิตนายเศรษฐาเพียงคนเดียว ถามว่าหากไม่มีวาระซ่อนเร้นทำไมช่างบังเอิญเช่นนี้ ต่อมาก็กล่าวหานายเศรษฐา มีเงินทอน เป็นตัวการร่วมหรือรู้เห็นเป็นใจ

เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเลย ตนได้รับเอกสารข้อหารือลงวันที่ 9 มี.ค.58 ระหว่างกรมที่ดินกับกรมสรรพากรกรณีนี้ ซึ่งมีข้อสรุปออกมาเป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากรข้างต้น ดังนั้น การกล่าวหาว่านายเศรษฐารู้เห็นเป็นใจ หรือสมคบกับผู้ขายในการหลีกเลี่ยงภาษี มีเจตนากลั่นแกล้งและหวังผลทางการเมืองต่อตัวนายเศรษฐา

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่กล่าวหาว่านายเศรษฐาไม่ซื่อสัตย์ กระทำผิดกฎหมาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทอนในการซื้อขายที่ดินแปลงนี้โดยนายชูวิทย์อ้างถึงราคาที่ดินตารางวาละเกือบ 4 ล้านบาทนั้น ข้อเท็จจริงราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวที่ บ.แสนสิริ ซื้อจากเอกชนนั้น ตั้งอยู่ที่ถ.สารสิน ตรงข้ามกับสวนลุมพินี เป็นทำเลทอง ซึ่งเป็นไปตามราคาตลาด นักธุรกิจที่อยู่ในแวดวงอสังหาฯ รู้ว่าเป็นราคาปกติ

เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินของนายชูวิทย์ ที่ขายในเดือนเดียวกันให้แก่ บ.ไรมอนแลนด์ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่นายชูวิทย์อ้างผ่านสื่อว่าขายไป 2,000 ล้านบาท ราคาตารางวาละเกือบ 3.6 ล้านบาท ทั้งที่ที่ดินนายชูวิทย์ อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ที่ดินของนายชูวิทย์ก็ราคาไม่ต่างกับราคาที่ บ.แสนสิริ ซื้อ ฉะนั้น ข้อกล่าวหาใด ๆ ทั้งหมดที่นายชูวิทย์ได้แถลงมา จึงน่าจะเป็นความเท็จ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนขอยืนยันว่านายเศรษฐาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดจริยธรรมตามที่นายชูวิทย์กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ขอตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมของนายชูวิทย์ ที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีความเจ็บแค้น ไม่มีปัญหา และไม่ได้ขายที่ดินของนายชูวิทย์ ให้บ.แสนสิริ รวมถึงไม่มีวาระซ่อนเร้นใด ๆ นั้น นายชูวิทย์อาจความจำสั้น วันนี้ผมจะมาจับโกหกนายชูวิทย์ ซึ่งผมมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่านายชูวิทย์ เคยไปพบผู้บริหาร บ.แสนสิริ พร้อมนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 ภาพจากกล้องวงจรปิดก็มี เพื่อเสนอขายที่ดินแปลงของตนเองให้ บ.แสนสิริ

แต่ท้ายที่สุดทางแสนสิริปฏิเสธซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ เป็นเหตุให้นายชูวิทย์โกรธ และดำเนินการในลักษณะนี้ใช่หรือไม่ ถามว่าจริงหรือไม่ที่ก่อนที่นายชูวิทย์จะมาแถลงข่าว ได้พยายามเสนอขายที่ดินให้ บ.แสนสิริ อีกครั้งหนึ่ง โดยเสนอราคาเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาทแต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง เรื่องนี้คือประเด็นที่ทำให้นายชูวิทย์ไม่พอใจใช่หรือไม่

“ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นที่ บ.แสนสิริ เท่าที่ผมทราบนายชูวิทย์ ไม่ได้มีความสนิทสนมกับนายเศรษฐาถึงขนาดเข้าไปเยี่ยมกันถึงที่บริษัทได้ แต่ในภาพกลับจับมือ ดูสนิทสนม นี่คือพฤติกรรมของนายชูวิทย์ที่ตรงข้ามกับคำพูดที่ว่าแฉเพื่อชาติ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากถามว่าวันนี้นายชูวิทย์ แฉเพื่อใครกันแน่ นายชูวิทย์ในฐานะที่เป็นคนมีความกว้างขวาง มีเพื่อนอยู่ทั้งในวงการทหาร และนักการเมือง ใคร ๆ ก็รู้ว่านายชูวิทย์ สนิทกับใคร ผู้มีอำนาจกลุ่มไหน อยากถามว่าที่นายชูวิทย์ ออกมาเป็นหัวขบวนเปิดเกมเขี่ยบอลสาดโคลนเป็นคนแรก เพื่อดิสเคดิตนายเศรษฐา ก่อนการโหวตนายกฯ เพียงไม่กี่วันว่าไม่มีความเหมาะสม

ถามว่า เป้าหมายของนายชูวิทย์เพื่อทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) เรื่องจริยธรรม ถามว่านายชูวิทย์รับงานใครมา หวังผลทางการเมืองเพื่อให้ใครกลับมาเป็นนายกฯ อีกหรือไม่ นี่เป็นคำถามให้นายชูวิทย์ต้องตอบ

นายชูวิทย์กล่าวหานายเศรษฐาว่ามีพฤติกรรมอำพราง แต่ตนเห็นว่าคนที่มีพฤติกรรมอำพรางน่าจะเป็นนายชูวิทย์มากกว่า เพราะเวลานี้มีประเด็นที่ กทม. ร่วมกับอัยการต้องมานั่งประชุมกันในสิ่งที่นายชูวิทย์อำพรางไว้กรณีที่จะต้องติดคุก 5 ปี แลกกับการยกที่ดินเป็นสวนสาธารณะ แต่นายชูวิทย์กลับสู้กับ กทม.และอัยการว่าเป็นที่ของบริษัท ตัวเองจะไปยกให้สาธารณะได้อย่างไร และยังเสียภาษีอยู่ตลอด แถมกำหนดเวลาเปิด-ปิดสวนจน กทม.เข้าไปดำเนินการอะไรไม่ได้เลย

ขอถามว่าใครมีพฤติกรรมอำพรางกันแน่ สังคมสงสัยว่านายชูวิทย์ ลักษณะน่าจะเป็นโมฆบุรุษใช่หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายพร้อมพงศ์ได้เรียกพนักงานจัดส่งเอกสาร ส่งภาพวันที่นายชูวิทย์ เข้าเจรจาขายที่ดินต่อ บ.แสนสิริ ซึ่งขณะนั้นมีนายเศรษฐา เป็นประธาน เป็นภาพที่ทั้ง 2 จับมือกันอย่างชื่นมื่น ไปให้นายชูวิทย์ถึงที่รร.เดวิสเพื่อทวนความจำของนายชูวิทย์ด้วย

'สุหฤท' โพสต์คอมเมนต์ถึง 4 ฝ่าย "เรามาถึงจุดตกต่ำอะไรได้ขนาดนี้"

(8 ส.ค. 66) นายสุหฤท สยามวาลา นักธุรกิจและนักจัดรายการชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘DJ Suharit Siamwalla’ ระบุว่า...

ความเห็นสามสี่ข้อดังนี้ (มีหลายข้อนะอ่านเพลิน)

แด่กลุ่มทะลุวัง

จะโกรธอะไรแค่ไหนก็ประท้วงแบบคนที่เจริญแล้วก็ได้ มีคนโกรธร่วมด้วยมากมาย ความหยาบคายจะกลบทุกอย่างลงสิ้น ตอนนี้หยาบเกินบรรยายจร้า ไม่มีประโยชน์นะ ลองหาครีเอทีฟสร้างสรรค์เก่ง ๆ ในกลุ่มดู

แด่เพื่อไทย

ไม่รู้ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเลย คืองงมาก ๆ งงแบบที่สุด ผมไม่ติดด้วยถ้าจะได้นายกจากเพื่อไทย จริง ๆ นะ ถ้ามันสง่างามมีคลาสกว่านี้ แต่ถ้าทำเพื่อให้ทักษิณกลับบ้านให้ได้ คุณทักษิณก็โหดเหี้ยมเกินเบอร์มากๆ มีอีกกี่ชีวิตในเพื่อไทยหรือคนที่รักที่แบกคุณเขาจะโกรธแค้นอ่ะ งง มากจริง ๆ มึนสุด มันไม่ใช่การพูดหลอกการหาเสียงนะ มันคือคำสัตย์ที่สัญญาไว้

แด่ผู้รักลุง

มีแต่คนด่าเพื่อไทย แต่ถ้าพรรคของลุงมาร่วมกับเพื่อไทยจริง ๆ ผมก็ว่าน่าละอายมาก ๆ มากที่สุด มันไม่มีชัยชนะอะไรเลยนะ เราอยู่บนรัฐบาลที่ตั้งขึ้นด้วยกลอุบายตั้งแต่แรก จะรักกันร่วมกันบริหารเพื่อประเทศอย่างไรอ่ะ งงมาก ๆ อึนสุด ๆ นอกจากจะสะใจที่หลอกเพื่อไทยสำเร็จ การบริหารงานราชการช่างแม่ง

แด่ก้าวไกล

คุณไม่ใช่เทวดามาจากไหนนะ มันไม่มีเทวดาที่จะอยู่ในนรกได้ อยู่ในการเมืองไทยเป็นเทวดาไม่ได้เพราะมันคือนรกที่แฝงอำนาจที่หอมหวน จงเป็นมนุษย์ที่เข้าใจมนุษย์ที่กำลังอยู่ในนรก แบบประชาชน มนุษย์แบบก้าวไกลต้องมีจุดยืนที่น่ายกย่อง สัญญาไว้สามร้อยอย่างถ้าทำสำเร็จ 299 อย่าง พลาดข้อเดียวก็ยังดี น่าจะรู้ว่าข้อไหน และโปรดรังเกียจพรรคที่บอกว่ายังไงกูก็ไม่เอาก้าวไกลแบบเหมารวม มันไร้เหตุเกินไป

ใครไม่งง กูงงครับ ว่าเรามาถึงจุดตกต่ำอะไรได้ขนาดนี้

จากผมที่เป็นมนุษย์ที่อยู่ในนรกการเมืองไทย ทุกคนอยู่กลุ่มความเชื่อไหนก็ตามจะรู้สึกแย่หมด

สุหฤท สยามการเมืองไทยหมดศักดิ์ศรีสิ้นแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top