Sunday, 26 May 2024
เพื่อไทย

‘ภูมิธรรม’ เบรก รบ.รักษาการแต่งตั้ง-โยกย้าย ขรก. ชี้!! ควรรักษามารยาท ปล่อยให้เป็นหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่

(11 ส.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่อนแถลงการณ์ระบุว่า ในห้วงเวลานี้ เป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่จะมีรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง จะเข้ามาบริหารประเทศ 

• ข้อเสนอต่อรัฐบาลรักษาการ

รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลรักษาการมีอำนาจหน้าที่อันจำกัด เช่น ห้ามอนุมัติโครงการที่จะสร้างความผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป ห้ามแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ รวมถึง พนักงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มทั้งจากตัวบทกฎหมาย และอาณัติจากประชาชนเข้ามาบริหารตามแนวนโยบายที่ได้ประกาศไว้กับพี่น้องประชาชน

ดังนั้น รัฐบาลรักษาการควรรักษามารยาทตามธรรมเนียมปฏิบัติ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยการยุติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงทุกตำแหน่ง ที่จะมีผลต่อการผลักดันนโยบายของรัฐบาลใหม่

การกล่าวอ้างว่าจะมีข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากยังไม่สิ้นปีงบประมาณ และกลไกระบบราชการยังสามารถดำเนินอยู่ได้

รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำนโยบายของรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศตามที่เสนอไว้ต่อพี่น้องประชาชน เพราะถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะต้องเข้ามาเร่งดำเนินการทันที ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน และต้องอาศัยข้าราชการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้เพราะปัญหาวิกฤตของประเทศมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความจำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจทุกกลุ่ม และฟื้นฟูความกินดี อยู่ดีของพี่น้องประชาชน 

ดังนั้นรัฐบาลใหม่จึงต้องมีกลไกที่สามารถขจัดอุปสรรค และเร่งทำตามนโยบายให้ลุล่วงโดยเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการมีข้าราชการอย่างเช่นระดับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ที่สามารถปฏิบัติงานในการตอบสนองการบริหารงานของรัฐบาลใหม่ เพื่อร่วมสร้างผลสำเร็จต่อทุกนโยบายของรัฐบาลใหมให้สามารถแก้วิกฤตของประเทศและประชาชนได้

สิ่งที่เรานำเสนอ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และความชอบธรรมของรัฐบาลใหม่ในการเข้ามาบริหารประเทศ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลรักษาการไม่ควรกระทำอย่างยิ่งในช่วงรอยต่อที่รัฐบาลที่มีอำนาจเต็มจะเข้ามาบริหารประเทศ เพราะนอกจากจะผิดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังผิดต่อธรรมเนียมปฏิบัติ และมารยาททางการเมืองที่สำคัญยิ่ง

• ความคิดเห็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของปลัดกระทรวง ทุกกระทรวง

เนื่องจากท่านเป็นกลไกสำคัญในการตอบสนองการทำงานตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภา เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ สามารถบรรลุผลอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นที่ท่านควรจะต้องชะลอการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ระดับสำคัญ โดยรอรับนโยบายจากรัฐบาลใหม่ เพื่อให้การทำงานร่วมกันกับรัฐบาลใหม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงและสามารถแก้วิกฤตของประเทศ ให้หลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ที่สั่งสมกันมาโดยเร็ว

โดยหวังว่าท่านจะร่วมกับรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนได้อย่างราบรื่น มาร่วมกันสร้างประเทศไทย ให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

'เพื่อไทย' ประกาศเดินหน้าต่อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ มั่นใจ!! ช่วยชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่

(11 ส.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย แถลงการเดินหน้านโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ในช่วงแรกที่พรรค เพื่อไทย ไม่ใช่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล การเจรจาต้องให้เกียรติพรรคแกนนนำ แต่วันนี้บริบทเปลี่ยนไปแล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมาพร้อมความรับผิดชอบในนโยบายที่หาเสียงคือต้องดูแลพี่น้องประชาชน วันนี้จึงอยากประกาศอย่างเป็นทางการในการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนทุกคนอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินดิจิทัลจำนวน 1 หมื่นบาท โดยใช้ระบบการชำระเงินแบบใหม่เทคโนโลยีบล็อกเซน เงื่อนไขรับเงิน คือ ต้องใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิประเทศ และต้องถูกใช้ภายใน 6 เดือน ส่วนคนที่เข้าไม่ถึงแอปพลิเคชันนี้ก็ไม่มีปัญหา สามารถใช้บัตรประชาชนและโค้ดส่วนตัวได้

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อนั้น ยืนยันว่าทีมเศรษฐกิจได้ทำความเห็นอย่างถี่ถ้วน ไม่ได้ทำให้เกิดเงินเฟ้อ รวมถึงได้คำนึงผลกระทบทั้งทางบวกและลบในด้านความมั่นคงทางการคลัง ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศ ซึ่งนอกจากจะที่เป็นการชุบเศรษฐกิจครั้งใหญ่แล้วยังจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่มีการชำระเงินแบบนี้ ทั้งนี้มีที่ต้องเรื่องทำคู่ขนานคือ ตลาดทุนคู่ขนาน เปิดตลาดทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล และจะมีการตั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ดิจิทัลขึ้นมา เพื่อดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้ คือการยืนยันของพรรคเพื่อไทย เราเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของประเทศ

‘เพื่อไทย’ เชิญชวนทุกฝ่ายสร้างประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ เดินหน้าทำประชามติ ตั้ง ‘สสร.’ เร่งแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อปชช.

(14 ส.ค.66) นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่มีสิทธิเลือกตั้งเตรียมตัวไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ กับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อใช้แทนฉบับปัจจุบันที่ใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 60 ซึ่งมั่นใจว่าเสียงส่วนใหญ่จะเห็นชอบ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 2 และ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ครั้งแรก ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะมีมติ ครม.ให้ทำประชามติโดยกระบวนการจัดตั้ง สสร. พรรคเพื่อไทยจะไม่บิดพลิ้ว โอ้เอ้ ประวิงเวลาเพราะตระหนักดีว่า คนไทยที่รักประชาธิปไตยกำลังรอคอยอยู่ 

นางสาวตรีชฎา กล่าวต่อว่า สภาสมัยที่ผ่านมา แม้พรรคเพื่อไทย และพรรคต่าง ๆ จะพยายามผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อปิดสวิตซ์ สว.แต่ก็ไม่สำเร็จ พยายามจะให้มี สสร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน เมื่อย้อนหลังกลับไปจะพบว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้เสนอญัตติให้ลงประชามติ เพื่อนำไปสู่การมีสสร. มาทำรัฐธรรมนูญใหม่ สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ แต่เมื่อไปถึงวุฒิสภา วุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการไปศึกษาก่อน เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเมื่อศึกษาเสร็จ วุฒิสภาได้ลงมติไม่เห็นชอบให้ทำประชามติกระบวนการจึงถูกตัดตอนไปไม่ถึง ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจัดทำประชามติ อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัยให้ออกเสียงประชามติ 2 ครั้ง หากจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในลักษณะจัดทำฉบับใหม่ คือ ครั้งแรกก่อนจะมี สสร.มาจัดทำ กับเมื่อ สสร.จัดทำเสร็จแล้ว ให้ลงประชามติอีกครั้ง หากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเห็นชอบ ถึงจะนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้

นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า ด่านสำคัญที่พรรคเพื่อไทยจะต้องฝ่าข้ามไปให้ได้ คือการประสาน และร่วมมือกับทุกพรรคทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับวุฒิสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อให้กำเนิด สสร. จะมีที่มาอย่างไร จะให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมดหรือไม่ องค์ประกอบ คุณสมบัติ จำนวน อำนาจหน้าที่ ระยะเวลาการจัดทำรัฐธรรมนูญ และเรื่องอื่นๆ อาจจะดูง่ายดาย แต่เอาเข้าจริงอาจไม่ง่ายดังที่คิด เพราะการเมือง และอำนาจระยะเปลี่ยนผ่านกรณีการโหวตนายกฯ และการฟอร์มรัฐบาลก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า มีความยากลำบากอย่างยิ่ง อีกทั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เคยกำหนดไว้เป็นโนบายเร่งด่วนว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่ผ่านไป 4 ปี ก็ไม่ขับเคลื่อนให้เป็นจริง ทั้งๆ ที่มีการเคลื่อนไหวกดดันของหลายฝ่ายก็ไม่เป็นผล ดังนั้น การจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยจะต้องพยายามเต็มที่ โดยจะส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อมิให้มีกลไกอำนาจใดมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง

นางสาวตรีชฎา กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ที่ร่างโดย สสร.เป็นแบบอย่างในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการร่าง บทบัญญัติต่างๆ ก็เป็นที่ยอมรับ จัดเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง แต่ใช้ได้เพียง 8 ปี 11 เดือน ก็ถูกฉีกโดยการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ต่อมาประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 หลังจากใช้มาได้ 6 ปี 9 เดือน ก็ถูก คสช. ฉีกทิ้งในการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ปัจจุบันรัฐธรรมนูญ ฉบับ2560 จัดทำโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน ประกาศใช้วันที่ 6 เม.ย. 60 ถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปี 5 เดือน นับว่านานพอสมควรแล้ว ดังนั้น จะต้องเร่งให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้นโดยไม่ชักช้า 

“พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ผิดหวัง ขอยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ตามแถลงการณ์ และการหาเสียงซึ่งกำหนดเป็นนโยบายพรรคไว้ชัดเจนที่ประกาศว่า จะแก้รัฐธรรมนูญ ผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ขจัดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน การสืบทอดอำนาจจะต้องถูกปิดฉากลงเสียที ขอเชิญชวนทุกพรรค ทุกฝ่ายมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศร่วมกัน” นางสาวตรีชฎา กล่าว

'ประชาธิปัตย์' ยังมึนไม่เลิก!! หลัง 2 ขั้วท่าจะเคลียร์ให้จบยาก ฟากคนในชี้!! ใครโหวต 'พท.' คงเป็นได้แค่ไส้เดือนคลุกขี้เถ้า

หลังจากการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ล่มมาสองรอบอันเนื่องมาจากไม่ครบองค์ประชุม และเป็นการไม่ครบองค์ประชุมแบบไม่เป็นธรรมชาติ ง่ายๆ คือ มีคนจัดการให้ไม่ครบองค์ประชุม ส่วนใครจัดการ ง่ายๆ คือ ฝ่ายที่กำลังจะแพ้โหวตนั่นแหละ 

หลังจากการประชุมล่มลงสองครั้ง ยังมีไม่เค้าโครงว่าจะมีการนัดประชุมกันใหม่วันไหน แต่มีการเคลื่อนไหวคึกคักให้มีการแก้ไขระเบียบพรรคในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระเบียบพรรคข้อบังคับของพรรคฯ ข้อ 87 ระบุ ให้เสียงของ สส.ชุดปัจจุบันถือเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของคะแนนเสียงของที่ประชุมใหญ่ คะแนนเสียงส่วนที่เหลือทั้งหมดนับรวมกันแล้วมีน้ำหนักเพียงแค่ร้อยละ 30 หรือสัดส่วน 70 : 30

ระเบียบพรรคข้อนี้กลายเป็นกติกาที่ถูกยกขึ้นมากล่าวอ้างว่า "เป็นกติกาที่ไม่เป็นธรรม" โดยในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีสมาชิกพรรคเสนอให้งดเว้นข้อบังคับนี้ และขอให้ทุกคะแนนเสียงมีน้ำหนักเท่ากัน เพื่อความเป็นธรรม แต่ไม่เป็นผลสำเร็จที่ประชุมใหญ่ยังไม่เห็นด้วย

องค์ประชุมพรรคประกอบไปด้วย สส., อดีต สส., อดีตหัวหน้าพรรค, อดีตเลขาธิการพรรค, อดีตรัฐมนตรี, อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตผู้ว่าฯ กทม.ผู้ดำรงตำแหน่งในส่วนท้องถิ่น, หัวหน้าสาขาพรรค ฯลฯ องค์ประชุมพรรคต้องมีจำนวน 'ไม่น้อยกว่า 250 คน'

แต่ที่ผ่านมามีตัวแทนลงชื่อเข้าร่วมประชุมประมาณ 220 กว่าคน และสัปดาห์นี้คณะรักษาการกรรมบริหารพรรคน่าจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณากำหนดวันประชุม

ในท่ามกลางความไม่ลงตัวของพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีกระแสแรงเรื่องการขอเข้าร่วมรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางเสียงค้าน เพราะถือเป็นพรรคคู่แข่ง คู่รักคู่แค้นกันมายาวนาน และประวัติศาสตร์ของเครือข่ายเพื่อไทย ตั้งแต่ไทยรักไทย, พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ จึงไม่น่าร่วมกับเพื่อไทยได้ แต่ฝ่ายที่อยากจะร่วม อาจคิดอีกมุมหนึ่ง

มีการอ้างว่า สส.21 คน อยากนำพาพรรคเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งก็ไม่รู้เอาตัวเลข 21 มาจากไหน น่าจะเป็นตัวเลขที่ยกขึ้นมาเพื่อต่อรองตำแหน่งทางการเมืองมากกว่า และน่าจะเอาตัวเลขมาจากการนับจำนวน สส.ที่เข้าร่วมขบวนการ 'จัดการ' คืนก่อนการประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 ที่มีการ 'จัดการ' เพื่อให้ได้เสียงกัน ยกเว้น 'ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ สรรเพรช บุญญามณี' จึงคิดว่า จาก สส.25 คน หักออกไป 4 เหลือ 21 คน

ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ใช่ ถามว่า ราชิต สุดพุ่ม, สมยศ พลายด้วง, สุรินทร์ ปาลาเร่ หรือแม้แต่ สส.หนึ่งเดียวของปัตตานี อยู่กับขั้วที่อยากร่วมรัฐบาลหรือ? คำตอบไม่น่าจะใช่!! ส่วน สส.แม่ฮ่องสอน, สส.สกลนคร และ สส.อุบลราชธานี ยังไม่รู้ว่าอยู่กับขั้วไหน แต่โดยสายสัมพันธ์ น่าเชื่อได้ว่า อยู่ในขั้วผู้อาวุโส

ซึ่งถ้า สส.แม่ฮ่องสอน, สกลนคร และอุบลราชธานี อยู่ในขั้วของผู้อาวุโส จึงเหลือ สส.ที่อยู่ในขั้วอยากร่วมรัฐบาลเพียง14 คนเท่าเอง และอยู่ในขั้วผู้อาวุโสที่ต้องการเป็นฝ่ายค้าน 11 คน

นี่คือประเด็นข้อเท็จจริง ฝ่ายที่อยากร่วมรัฐบาล อยากไปเจอทักษิณ ชินวัตร อีกรอบ ไม่ควรทึกทัก คิดไปเองว่า'จัดการ' ไปแล้ว จะถือเป็น 'ของตาย' นำไปใช้ต่อรองตำแหน่งทางการเมือง

เมื่อเร็วๆ นี้ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ที่มีข่าวว่าจะลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ด้วยคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า "ทำไมต้องรังเกียจเพื่อไทย คนดีๆ ในเพื่อไทยที่รู้จักก็มีเยอะ แล้วจะไปบอกว่าเพื่อไทยเขาโกง เขายังไม่ทันได้โกง ควรไปร่วมงานกับเขาก่อน แต่หากเขาโกงอะไร เราค่อยถอนตัว กลับตัวได้"

ไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีต สส.อาวุโส พรรคประชาธิปัตย์ แถลงทิ่มกลางอก 'นราพัฒน์' ยืนยันได้ว่า "ประชาธิปัตย์ไม่ได้โกรธเคืองอะไรนายทักษิณ ชินวัตร หรือ สส. ของพรรคเพื่อไทย แต่เราถืออุดมการณ์ของพรรค ที่นายทักษิณหนีไปต่างประเทศ 17 ปี ไม่ใช่เพราะโกงหรือ รัฐมนตรีหลายคนติดคุกไม่ใช่เพราะโกงหรือ"

นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า "ที่ผ่านมาเราเคยเรียกว่าระบอบทักษิณ ตั้งแต่ยังเป็นสมัยไทยรักไทย โกงอย่างเดียว เอารัฐมนตรีมาโกง จนติดคุกติดตารางกันเป็นแถวในเวลานี้ ทุกวันนี้ก็ยังมีนายทักษิณกับน้องสาวหนีไปต่างประเทศ แบบนี้ยังไม่โกงอีกหรือ ถ้าเราไปร่วมกับพรรคที่เราเรียกว่าระบอบทักษิณ แล้วยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เหตุการณ์ที่เกรือเซะ-นโยบายปราบยาเสพติด แบบนี้คือ ระบอบทักษิณ ที่เรารับไม่ได้แล้วเราจะไปร่วมกับเขา 

"แต่คนในพรรคที่ต้องการไปร่วมรัฐบาลบอกว่า เพื่อไทยมีคนดีๆ เยอะแยะ เขายังไม่ทันโกงจะไปว่าเขาแล้ว รอให้ร่วมรัฐบาลก่อน หากเขาโกงค่อยว่ากัน มันไม่ใช่อย่างนั้น ประวัติศาสตร์มันสอน จะมาเถียงกันทำไม เถียงว่าพรรคเพื่อไทยไม่โกง เพราะยังไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ว่าเคยโกง ตนไม่กลัวโดนฟ้อง อย่างนายทักษิณ เดิมมียศเป็น พ.ต.ท.แต่ตอนนี้เป็นนายทักษิณ เพราะผูกถอดยศ ไม่ใช่เพราะโกงหรือ

"หากประชาธิปัตย์ไปร่วมตั้งรัฐบาลด้วย เลือกตั้งคราวหน้า ประชาธิปัตย์ สส.คนเดียวก็จะไม่ได้ คนจะไม่เลือกประชาธิปัตย์ อาจเป็นพรรคที่ไม่มี สส.สักคน แต่ก็จะทำพรรคต่อไป คือ สส.ของพรรคหากจะไปโหวตนายกฯ ให้เพื่อไทย เขาก็มีสิทธิ์ทำได้ เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. แต่ว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพเสียคนละสองพันบาทเท่ากันหมด ส่วนรายปีก็คนละสองร้อยบาท ถ้าจะไปทำแบบนั้น ผมเชื่อว่า สมาชิกพรรคที่เหลืออยู่ สิ้นปีนี้ เขาจะไม่ต่ออายุ ไม่เสียเงินค่าสมาชิกพรรครายปี กันหลายแสนคน" นายไชยวัฒน์ ระบุ

เมื่อถามว่า หากจะมี สส.ของพรรคไปร่วมโหวตนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทย จะถือเป็นงูเห่าหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า'ไม่ใช่งูเห่า แต่เป็นไส้เดือนคลุกขี้เถ้ามากกว่า งูเห่ามีศักดิ์ศรี ออกจากพรรคที่เคยอยู่แล้วออกไปอยู่พรรคอื่น แต่นี้ไปซุกเขา เป็นไส้เดือนคลุกขี้เถ้า ผมขอให้ฉายาใหม่ พวกอยากไปร่วมรัฐบาล กระสันมาก คุณไปเอาไส้เดือน โยนใส่กองขี้เถ้า คุณจะเห็นอาการ มันจะดิ้นทุรนทุราย แบบนี้ไม่ใช่งูเห่า"

ยิ่งเนิ่นนานประชาธิปัตย์ก็จะยิ่งเสื่อม ควรจะเด็ดขาด เร่งรีบจัดการกับปัญหา "ไม่ควรเชื่องช้า"...

‘ลิณธิภรณ์’ หวั่น!! ปรับเบี้ยผู้สูงอายุ แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ชี้!! รัฐต้องหาทางเพิ่มรายได้ เพื่อกระจายสวัสดิการให้ทั่วถึง

(15 ส.ค. 66) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีการปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้สูงอายุที่จะเข้าเกณฑ์ใหม่ได้รับเงินดังกล่าว จะต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือคนจน ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนดว่า พรรคเพื่อไทยตระหนักถึงสถานการณ์จำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้น และประเทศไทยกำลังจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาแรกในโลก ที่ต้องรับมือกับภาวะแก่ก่อนรวย โดย 1 ใน 5 ของคนไทยเป็นผู้สูงอายุ และในอีก 20 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 โดย 63% อยู่ในภาคเกษตร และ 87% เป็นแรงงานนอกระบบ และมีปัญหาร่วมกันคือรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ ไม่มีเงินเก็บ 

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยจึงทำเพื่อตอบโจทย์การสร้างรายได้ แก้ปัญหาระดับโครงสร้างในทุกมิติผ่านชุดนโยบายของพรรคเพื่อไทยเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ประกอบด้วย กระเป๋าเงินดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาความเดือนร้อนให้ทุกคน 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ softpower สร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง ผู้สูงอายุคนเกษียณก็ยังสามารถทำงาน สร้างรายได้ มีศักดิ์ศรี เพิ่มรายได้ภาคเกษตร เพิ่มรายได้ 3 เท่าตัว เพราะผู้สูงอายุและกำลังจะเข้าสู่ภาวะผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร อัปเกรด 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย ผู้ป่วยติดเตียง-ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้รับการดูแลจากผู้ช่วยพยาบาล ทั้งที่บ้านและศูนย์ชีวาภิบาลของรัฐและเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ลูกหลานสามารถไปประกอบอาชีพได้ตามปกติโดยไม่ต้องลางาน Learn to Earn เรียนเพื่อสร้างรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต จับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด และสร้างรายได้ที่ดีที่สุด 

“สวัสดิการจำเป็นสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพื่อไทยมุ่งเป้าให้คนไทยยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง การปรับเบี้ยผู้สูงอายุให้เฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่การให้ถ้วนหน้าแบบเดิม ต้นเหตุมาจากรัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งเพื่อไทยเห็นปัญหานี้มาโดยตลอด เราจึงเป็นพรรคเดียวที่พูดถึงการสร้างรายได้ เพื่อมีรายได้มาจัดสวัสดิการโดยรัฐ สำหรับกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสให้ครอบคลุมและทั่วถึงในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยทุกกลุ่มเข้าถึง” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

'แดงปทุมฯ' ให้กำลังใจ 'หมอชลน่าน' ขอให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น

(15 ส.ค.66) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ ตรีชฎา ศรีธาดา สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรค รับมอบหนังสือและดอกไม้จากตัวแทนพี่น้องเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดจันทบุรี และชมรมแท็กซี่สุวรรณภูมิ แท็กซี่กรุงเทพ ที่มาให้กำลังใจที่พรรคเพื่อไทย ให้จัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ พร้อมประกาศพร้อมอยู่เคียงข้างทำงานให้ประชาชนเต็มความสามารถ

'รองปธ.สภาฯ' ครวญ!! เสียดายผลการศึกษากลายเป็นเศษกระดาษในถังขยะ  แนะ!! 'เร่งเดินหน้า-ล่ารายชื่อ' เสนอ พ.ร.บ.บริหารคลองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 66) ตัวแทนจากสมาคมคลองไทยภาคประชาชน นำโดย น.ส.เสาวณี ทองทรัพย์ นายกสมาคมคลองไทยภาคประชาชน, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ที่ปรึกษาสมาคม, ดร.สุเมต สุวรรณพรหม อุปนายกสมาคมฯ, ดร.สถาพร เขียววิมล ที่ปรึกษาสมาคม, นายเฉลียว คงตุก ที่ปรึกษา และตัวแทนจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคกลาง, ภาคตะวันออก เดินทางเข้าพบ เพื่อแสดงความยินดีกับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฏร

ในโอกาสนี้ น.ส.เสาวณี ในฐานะนายกคลองไทยภาคประชาชน ได้กล่าวรายงานถึงการริเริ่มก่อตั้งสมาคมคลองไทยภาคประชาชน พร้อมแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมฯ ความว่า สมาคมคลองไทยภาคประชาชนก่อตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนให้ศึกษาคลองไทยในเชิงลึกและในการขุดคลองไทย เพื่อร่วมในการบริหารจัดการร่วมกับภาครัฐ โดยการออกพระราชบัญญัติคลองไทย เพื่อการศึกษาและวิจัยร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลและองค์กรสาธารณประโยชน์ในการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นศูนย์กลางการสื่อสารและประชาสัมพันธ์คลองไทย และสมาคมจะไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการเมืองแต่ประการใด

ดร.สุเมต กล่าวเสริมว่า วุฒิสภาชุดก่อนโน้นเคยตั้งกรรมมาธิการขึ้นมาศึกษาเรื่องการขุดคอคอดกระ ซึ่งสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยมีท่าน พล.อ.ดรุณ โสถิพันธ์ เป็นทั้งนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ เห็นว่า ดร.สุเมตเรียนจบวิศกรรมศาสตร์ และทำงานเป็นวิศวกร ได้มอบหมายให้ ดร.สุเมต ดูแลและติดตามเรื่องคอคอดกระอย่างใกล้ชิด และปัจจุบันมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ได้เปลี่ยนมือมาเป็นท่านประพันธ์ บุณยเกียรติ์ ก็ยังให้ความสำคัญกับการขุดคลองไทย สมาคมชาวปักษ์ฯ ก็เคยจัดเสวนาเรื่องคลองไทยมาแล้ว 2 ครั้ง เคยเห็นท่านพิเชษฐ์แอบไปนั่งฟังอยู่ด้วย ท่าน พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ก็มอบหมายให้ ดร.สุเมตติดตามเรื่องคลองไทยอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

"ในฐานะคนทำสื่อ จัดรายการวิทยุอยู่คลื่น 90.5 เมื่อมีโอกาสก็จะนำเสนอให้ข้อมูลคลองไทยกับผู้ฟังมาโดยตลอด"

ดร.สุเมต กล่าวอีกว่า "เมื่อท่านพิเชษฐ์มาทำเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ทำและพูดเรื่องคลองไทย มีคนกล่าวขานถึงท่านพิเชษฐ์กันมาก พูดกันถึงขนาดว่า เมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครตัวจริงมาลงสมัครรับเลือกตั้งภาคใต้เสียที ภาคใต้ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ประชาชนพร้อมที่จะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ การเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้ว"

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีรายงานผลการศึกษาแต่ถูกสภาตีตกไปนั้น ได้กล่าวว่า "พวกเรามีหน้าที่ในการทำต่อไป มาเริ่มต้นแค่นี้ก็ยังดี มาเริ่มต้นกันใหม่ (พูดต่อไม่ออก หยุดไปพักหนึ่ง) 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง เมื่อมีโอกาสเราก็จะทำ ด้านนิติบัญญัติ การเสนอญัตติ หรือกระทู้ เป็นเรื่องเล็กไป เราทำได้มากกว่านั่น เมื่อมีโอกาสก็จะทำ"

นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า "การศึกษาแต่ละครั้งมีการแทรกแซง มีผลประโยชน์ มีแรงกดดันจากมหาอำนาจเยอะมาก คนธรรมดายังรู้ว่าจะทำได้ไม่ได้ แต่เมื่อผลการศึกษาเสร็จแล้ว ผมยังอุ่นใจ และหวังว่าผลการศึกษาเราจะได้ชื่นใจ และชื่นชม แต่ต้องเอาไปทิ้งถังขยะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมไม่อยากแตะรายงานผลการศึกษานั้นอีกเลย"

นายพิเชษฐ์ เสริมอีกว่า "เรื่องกฎหมายก็ต้องหา สส.ใต้ที่เข้มแข็งรวมชื่อกันให้ได้ 20 คนเสนอกฎหมายต่อสภา ภาคประชาชนก็ไปล่ารายชื่อให้ได้ 10,000 รายชื่อ เสนอกฎหมายมาประกบกับของ สส. จะออกมารูปแบบไหนก็ต้องผ่านสภา นี้คือแนวทางที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีประเทศใด ชาติไหนมาห้ามเราได้

"สส.เก่าที่เคยศึกษาเรื่องคลองไทย ก็ต้องชวนมาร่วมกัน แต่น่าเสียดายสอบตกไปเยอะ เขามีองค์ความรู้อยู่แล้ว เวลานี้รัฐบาลก็เปราะบาง ก็ให้เขาทำงานไป ภารกิจของเราในสภาก็ทำงานกันไป ขอให้กำลังใจทุกท่าน ให้รีบทำ เวลาเรารอไม่ได้ มีกฎหมายรอจ่อคิวอยู่เยอะมาก เวลานี้เข้ามารอคิวแล้วถึง 60 ฉบับ

"ชื่อของพิเชษฐ์ เขาไม่อยากให้เข้ามาในสภานะ โดนสะกัดสุด ๆ กว่าจะเข้ามาได้ก็สุด ๆ แต่เมื่อได้เข้ามาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป" นายพิเชษฐ์ กล่าว

‘รวมไทยสร้างชาติ’ ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย หลังได้รับคำมั่น ไม่มีนโยบายขัดแย้งกันในเรื่อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

เมื่อวานนี้ (17 ส.ค. 66) นายพีรพันธุ์ สารีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนเองและเลขาธิการพรรคได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย เรื่องการร่วมกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง ซึ่งเราทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าถึงเวลาที่บ้านเมืองควรจะมีความสามัคคีปรองดอง และร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพูดคุยกันวันนี้เป็นการพูดคุยในหลักการทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญเท่านั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันในรายละเอียดอื่น ๆ

ทั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีข้อต่อรองหรือข้อเรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงให้ร่วมกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชนอย่างแท้จริงเท่านั้น

ทางพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะไม่มีนโยบายหรือการดำเนินการใดที่ขัดต่อเจตนารมณ์และแนวทางทางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะในเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยจะช่วยกันสร้างความเข้มแข็งมั่นคงของสถาบันหลักทั้งสามต่อไป ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้เกียรติและเห็นถึงศักยภาพของพรรครวมไทยสร้างชาติครับ


 

'กลุ่มคนเสื้อแดง' ให้กำลังใจ ‘พท.’ ตั้งรัฐบาล พร้อมเรียกร้อง 9 ข้อสำคัญแก้ปัญหาประเทศ

(18 ส.ค. 66) นายชัชวาล กาญจนะหุต ประธานชมรมสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) และนายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมฯ และคณะเดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย และยื่นหนังสือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหลังจากเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วก็ขอให้รีบจัดตั้งรัฐบาลพร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาชาติและประชาชน โดยมี นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยรับมอบแถลงการณ์

โดยจุติพงษ์ ได้อ่านแถลงการณ์ จากคณะสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) ว่า

ด้วยขณะนี้การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พอเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ในโอกาสนี้ ทางคณะสื่อฯ เล็งเห็นว่าควรจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน โดยเรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้...

1.ขอให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ในทันทีที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ใช้คนตรงกับงาน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนคนไทยเป็นการเร่งด่วน และประกาศพันธสัญญาในพรรคร่วมด้วยกัน ว่าจะไม่แก้ไข ม.112

2.ขอความร่วมมือจากบุคคล ผู้ที่เห็นต่างในการจัดตั้งรัฐบาล เคลื่อนไหวทำกิจกรรมในกรอบของกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับฝ้ายสนับสนุน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด

3.ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม ได้โฟกัสแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เป็นกรณีเร่งด่วน โดย การจัดลำดับดังนี้...

3.1 การยืนยันจะมอบเงินเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทดิจิทัล ให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปโดยเร็ว โดยหลีกเสี่ยงเงื่อนไขอุปสรรคที่เป็นเรื่องปลีกย่อย

3.2 คืนความชอบธรรม ให้กับผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยไม่มีข้อกำหนด ในการจัดชั้นคนจน-คนรวย ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

3.3 ดูแลเอาใจใส่ผู้ประกอบการ SME, ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ, สินเชื่อรายบุคคล ในเรื่องการบรรเทาการชำระหนี้ และการสนับสนุนด้านการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

3.4 ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนโดยแท้จริงผ่าน สสร.ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

3.5 ดูแลลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทุกประเภททันที ทั้ง ค่าไฟฟ้า, น้ำมัน, น้ำประปา, ก๊าชภาคขนส่งและก็าซหุงต้ม เป็นต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการประกอบการด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ

3.6 เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ไม่ใช่คดี 112 ได้กลับ ในฐานะผู้บริสุทธิ์ประเทศอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ

3.7 การแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ ที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ให้จัดลำดับไปอยู่ท้าย ๆ อาทิเช่น เรื่อง สุราก้าวหน้า, สมรสเท่าเทียม เป็นต้น แต่ขอให้ไปสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว, การนำเงินตราเข้าประเทศ, การส่งแรงงานไปต่างประเทศ เป็นต้น

3.8 เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด เหมือนในยุคอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

รวมทั้งเข้าไปดูแล ปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจริงจัง

3.9 ขอความกรุณานักปั่นข่าวทั้งหลาย และเกรียนคีย์บอร์ด เพื่อเห็นแก่พี่น้องประชาชน กรุณาลดการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ตนเองคาดการณ์ สิ่งที่ไม่มีความจริง เพราะทำให้ประเทศบอบช้ำมามาก และร้องขอไปยังพรรคเพื่อไทย ให้ดำเนินการกับนักปั่นข่าวพวกนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

ด้าน นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคฯ รับเรื่อง พร้อมระบุว่า จะพยายามเร่งดำเนินการตามนโยบายที่พรรคฯ หาเสียงไว้อย่างเต็มที่เพื่อให้สำเร็จโดยเร็ว และจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคอื่น ๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปองดองสมานฉันท์ ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนจึงขอวิงวอนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง หลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน

นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการนำข้าวต้มมัดใหญ่จำลอง ที่ประดิษฐ์จากโฟมมัดด้วยเชือกไนลอน พร้อมแกะให้เห็นภายใน ว่าทุกอย่างมีสองด้าน เพราะข้าวต้มมัดมีสองซีก โดยหนึ่งเป็นข้อความที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ นโยบายต่าง ๆ ที่ขอให้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน

'ช่อ' โยนบาป 'พท.' ขวางตั้งรัฐบาล เหตุไม่เอา ภท.  ทั้งที่ความเป็นจริง 'พิธา' เคยพูดเองว่าไม่เอา ภท.

(20 ส.ค. 66) มีรายงานว่า ขณะนี้มีข้อความและคำพูดของ น.ส. พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล แชร์ว่อนเน็ต หลังไปออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ระบุถึงย้อนไปถึงเหตุการณ์ ครั้งที่ ‘พรรคก้าวไกล’ จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เป็นเพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องให้ พรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมรัฐบาล ท้้งที่หากได้ 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทย จะได้เสียง เกิน 376 เสียงเป็นนายกฯ ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่ง สว. พร้อมระบุว่า ถ้าเรื่องที่ตัวเองพูดไม่จริง ก็บอกมาว่าไม่จริง

ขณะที่ข้อเท็จจริงช่วงนั้น ผู้ที่ไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ร่วมรัฐบาล ก็คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกแขนงเมื่อวันที่ 15 พ.ค. หลังวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. มั่นใจเสียงของ 8 พรรคเดิม ก่อนจะเพิ่มเป็น 312 เสียง เพราะเชื่อว่าในขณะนั้นจะได้เสียงสนับสนุนเป็นนายกฯได้ ก่อนถูกรัฐสภาโหวตคว่ำในเวลาต่อมา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top