รู้จัก ‘หมอชลน่าน ศรีแก้ว’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จากเด็กวัดติดดิน สู่บทบาทสำคัญในการเมืองไทย

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า’ ได้โพสต์เล่าประวัติและผลงานของ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สรุปใจความว่า…

‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ประวัติชีวิตไม่ธรรมดาของผู้ชายติดดินธรรมดาๆ #จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย 4 มิ.ย. 2566

"ผมมาจากดินไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาได้ไกลถึงตรงนี้ ขอบพระคุณทุกโอกาสที่ทุกท่านเมตตามอบให้ผมเสมอ" จากใจสุภาพบุรุษนักการเมืองที่มีความนอบน้อมให้กับผู้ร่วมงานทุก ๆ ฝ่าย บนถนนสายการเมือง ของ ส.ส.น่าน 6 สมัยคนนี้ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ไม่เคยตั้งคำถามว่า “เขาจะต้องอยู่ตำแหน่งอะไร” แต่คำถามที่มีอยู่ในใจของเขาเสมอ คือ บ้านเมืองจะไปต่ออย่างไร? เราไม่รู้เลยว่าคำถามนี้จะมีใครได้ยินบ้าง? เรารู้แต่ว่าผู้ชายบ้านนอก ติดดินธรรมดา ๆ คนนี้ ได้รับโอกาสเสมอให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ด้วยความตั้งใจ ทุ่มเท สุดกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อชดใช้ตอบแทนบุญคุณของทุก ๆ โอกาสที่พี่น้องประชาชนมอบให้

*จาก #เด็กเลี้ยงควาย กลายเป็นเด็กวัดนักจัดการ
*จาก #เด็กวัดสู้ชีวิตสู่แพทย์ในชนบท
*สู่ ส.ส.น่าน 6 สมัย ขวัญใจมหาชน
*รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข
*#ดาวสภา2552 #ดาวเด่นแห่งปี2564
*รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของไทย

📚📖 ประวัติสู้ชีวิต ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กว่าจะมาเป็น ‘หมอชลน่าน’ ส.ส.ติดดินกินข้าวแกง #ประชาชนของประชาชน ในวันนี้ มีหลายสิ่งที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้ ให้จิตใจดี มีเมตตา ซื่อสัตย์ รักและเห็นใจพี่น้องประชาชน #เพราะเขาคือรากหญ้ามาจากผืนดิน…

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว ️ #จากเด็กวัดบ้าน ๆ กว่าจะเป็นชลน่านดาวสภา ✨️
#เด็กวัดสู้ชีวิต ขยัน มานะ อดทน สุภาพ ถ่อมตน เพียรพยายาม เก่งสมองดี มีความสามารถ ไม่เคยให้ร้ายใคร เสียสละมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เห็นประโยชน์ส่วนรวมและคนอื่นเป็นที่ตั้ง เรื่องของตัวเองมาทีหลัง

⁉️ #อะไรที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้
⏳📚📖ย้อนอดีตไป 62 ปี เมื่อ พ.ศ. 2504 จังหวัดน่าน เมืองชนบทในหุบเขา ณ ท้องทุ่งบ้านนาสาตอนใกล้รุ่ง หมอตำแยได้ทำคลอดเด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ชื่อว่า ‘ไหล่’ พ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวสวน มีพี่สาว 1 คน และน้องสาว 1 คน ตอนไหล่อายุได้ 4 ขวบ น้องสาวเพิ่งเริ่มเดินได้ แม่ก็จากไปด้วยอาการปวดท้องรุนแรงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลน่าน เนื่องจากการเดินทางสมัยนั้นยังล่าช้ามากต้องใช้เรือหางยาวล่องตามลำน้ำว้ามาขึ้นท่าเวียงสาเพื่อต่อรถโดยสารประจำทางไปยัง รพ.น่าน

เมื่อขาดแม่เหมือนแพแตก เด็ก ๆ เติบโตขึ้น ด.ช ไหล่ หลังจากจบ ป.4 ร.รบ้านนาสา แทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะโรงเรียนอยู่ไกลจากบ้านมาก ถนนลูกรังยาวไกลสุดสายตา ที่ทำได้คือช่วยที่บ้านเลี้ยงควาย แต่ด้วยคุณครูที่เคยสอนเห็นถึงความฉลาดเสียดายโอกาสชีวิต จึงได้หาทางให้เจ้าอาวาสวัดไหล่น่านนำ ดช.ไหล่ไปอุปการะกินอยู่เป็นเด็กวัดและเรียนที่โรงเรียนบ้านบุญเรือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนัก เขาจึงได้เข้าไปเรียนต่อชั้นประถมปลายที่นั่น และต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสา ตามลำดับ โดยอยู่ในอุปการะของ พระครูพิริยะสารคุณ (ประเสริฐ) ท่านเจ้าอาวาสวัดไหล่น่าน

 #เด็กวัดหรือขโยมวัด ‘ไหล่’ ได้เรียนรู้ หล่อหลอม สิ่งต่าง ๆ มากมายจากตุ๊ลุงที่เป็นพระนักพัฒนาและทุก ๆ คนรอบข้าง

*ทุก ๆ ตี 5 เสียงกวาดลานวัดของตุ๊ลุง แคว๊กๆๆ คือนาฬิกาปลุกแห่งความรับผิดชอบ 
*หัวหน้าขโยมวัด เจ้าไหล่ มีหน้าที่ไปตกปิ่นโต วางปิ่นโตตามบ้านศรัทธาที่จะถวายกับข้าว เพื่อให้มีอาหารมื้อเพลหมุนเวียนพอเพียงไม่ขาดไม่เกินในแต่ละวัน ตลอดเดือน นี่คือ การบริหารจัดการ ให้เกิดผลสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย

*ทุก ๆ เช้าก่อนไปโรงเรียนจะไปรับหนังสือพิมพ์จากร้านในตลาดมาให้ตุ๊ลุงก่อน ไหล่เดินไปอ่านไปก้มหน้าอ่าน นสพ.ไปเรื่อย ๆ จนถึงวัด (ถ้าเป็นสมัยนี้คงตกท่อหรือถูกมอเตอร์ไซค์สอยไปแล้ว) นี่คือ ความใฝ่รู้ (อ่าน นสพ.แต่เด็กเป็นแรงบันดาลใจของการก้าวสู่ถนนการเมืองไหมนี่)

*บางครั้งก็แอบหนีตุ๊ลุงไปดูหนัง ไปไขว้แขนซ้อมมวย เตะฟุตบอลเป็นการฝึกตนในทุกแง่มุมที่จะเรียนรู้ สร้างความแข็งแกร่ง ชอบเล่นกีฬา และมีน้ำใจนักกีฬา
*ทุกครั้งที่น้ำท่วมน้ำหลากตุ๊ลุงจะให้ทุกคนช่วยกันขัดล้างสิ่งของต่างๆตอนช่วงน้ำลดลงก่อนที่น้ำจะแห้งแล้วทิ้งคราบแห้งกรังไว้ เป็นการใช้ประโยชน์จากน้ำนิ่ง นี่คือ วิธีคิด วิถีธรรมชาติ ที่มีต้นแบบอย่างดี

*ทุกช่วงชีวิต ได้เรียนรู้ปรับตัวอย่างถ่อมตน จนเข้าเรียนระดับมัธยม ที่รร.สา ด้วยผลการเรียนระดับต้นๆ จากเด็กวัดยากจนคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาเป็นคนเรียนเก่งเป็น"ประธานนักเรียน"และเป็นที่รักเมตตาของครูอาจารย์

📌 ‘หล่อเก่งแต่จน’ เพื่อนบางคนดูแคลนห่อข้าวกลางวันมากับปลาร้าถูกเพื่อนกลั่นแกล้งเอาไปซ่อนเอาไม่ให้กิน สิ่งที่เขาทำคือ กินน้ำลูบท้องและเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด จนแม่ครูมาพบเข้าจึงถามว่าลูกไม่กินข้าวหรือ? เมื่อได้ทราบความจริง หลังจากนั้นแม่ครูจึงเอาข้าวห่อมาให้และให้ไหล่กินข้าวนั้นก่อนจึงเข้าห้องสมุด นี่คือ การปรับตัวอย่างถ่อมตน การใช้วิกฤติสร้างโอกาส สร้างความฉลาดรอบรู้จากการอ่านทุกสิ่งในห้องสมุดนั้น

*ด้วยความเป็นเด็กเรียนดี เมื่อจบ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เขาสอบเข้าเรียน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้ ระหว่างเรียน นศพ.(นักศึกษาแพทย์)ไหล่ เด็กวัดน้อยนพคุณ ยังต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟข้าง ๆ โบสถ์อ่านตำราเรียน เขาเป็นคนเรียนดีอีกเช่นเคย เป็น นศพ.บ้านนอกที่เป็นติวเตอร์วิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ให้กับ เพื่อน ๆ นศพ.ได้ เขาจึงสามารถจบการศึกษา พบ. แพทยศาสตร์บัณฑิต ได้โดยไม่ยากนักในเชิงวิชาการ แต่เชิงการดำรงชีวิตเขากลับยากลำบากกว่าคนอื่น ๆ แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี หาเงินส่วนหนึ่งส่งตัวเองเรียนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษให้เด็ก ๆ ลูกคนมีเงิน ช่วงปิดเทอมเมื่อกลับมาบ้าน จะรับจ้างแกะข้าวโพด รับจ้างวาดรูป เพื่อเก็บเงินใช้เรียนต่อ จากคนรากหญ้าที่รู้คุณค่าของเงิน คือ ชลน่าน คนนี้

*เมื่อจบแพทย์แล้ว หมอไหล่มาเป็นแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน แพทย์ผู้มีความสามารถรอบด้าน เป็นนักกิจกรรม นักพัฒนา นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายด้วยผลงาน ใช้ชีวิตเป็นแพทย์อยู่ในชนบท 14 ปี

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว #14ปีกับชีวิตการเป็นแพทย์ในชนบท 

ย้อนถอยหลังไป 36 ปี จ.น่าน เมืองในหุบเขา ไม่มีสนามบิน ถนนหนทางเชื่อมอำเภอต่าง ๆ ยังเป็นถนนดินแดง จนผู้แทนยาที่จะขับรถเข้าไปเสนอขายยาที่จังหวัดน่านท้อตาม ๆ กัน

พ.ศ. 2530 หลังจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ใช้เวลา 14 ปี กับชีวิตการเป็นแพทย์ในจังหวัดน่าน ย้อนไป 36 ปีนั้น เขาไปอยู่กับพี่น้องประชาชนในอำเภอห่างไกลชิดขอบ เช่น อ.นาหมื่น อ.นาน้อย และ อ.ปัว ไม่เคยเป็นแพทย์อยู่อำเภอบ้านเกิดที่ อ.เวียงสา ที่อยู่ใกล้ อ.เมือง มากกว่า

พื้นที่ไกล ๆ น่ะใช่ ใกล้ ๆ ไม่ต้อง สำหรับนักสู้คนนี้ ‘หมอไหล่’ ของพี่น้องชาวน่าน 14 ปีในชนบท จากอายุ 26 แพทย์จบใหม่ถึงอายุ 39 ปี ในความเป็นแพทย์ชนบท
*แพทย์ประจำ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2530-2531
*ผู้อำนวยการ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2531-2533
*ผู้อำนวยการ รพ.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน พ.ศ. 2533-2538
*ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว อ.ปัว จ.น่าน พ.ศ. 2538-2543

รักษาคนไข้ ส่งเสริมป้องกัน ดูแลการสาธารสุขของชุมชน พัฒนาเยาวชนให้เล่นกีฬา ตั้งชมรมฝึกการพูด ตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลเพื่อให้ชาวบ้านชุมชนมีส่วนร่วมกับการบริหารโรงพยาบาล ฯ ‘บวร’ บ้าน วัด โรงพยาบาล โรงเรียน คือพลังพัฒนาของชุมชน ‘หมอไหล่’ หมอหนุ่มไฟแรง ในปัจจุบันก็ยังไม่ลดความแรง ไม่เคยหมดไฟในหัวใจที่มีให้พี่น้องประชาชน

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว #ชีวิตพลิกผันจุดหักเหของชีวิตเข้าสู่สนามการเมือง

เพราะผิดหวังกับเส้นทางชีวิตสายการแพทย์ จากแพทย์ทั่วไปที่มีทักษะด้านการผ่าตัดเป็นพิเศษเพราะเป็นติวเตอร์ Anatomy มาก่อน จึงมุ่งเข็มชีวิตว่าจะเป็นศัลยแพทย์ให้ได้ เขาได้สมัครขอรับทุนไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลน่าน แต่ทุนนั้นกลับกลายเป็นของแพทย์ท่านอื่นที่ไม่ได้อยู่จังหวัดน่าน

*โมเม้นท์นั้นทำให้รู้สึกว่าการเป็นหมอตัวเล็ก ๆ อยู่ตรงนี้คงมีแรงกำลังจำกัดที่จะช่วยเหลือใคร ๆ ได้เพราะโอกาสที่เขาควรมีก็มีข้อจำกัดจากปัจจัยอื่น คิดได้เช่นนั้น พ.ศ. 2544 เขาตัดสินใจ “ผมจะลงทำงานทางการเมือง”

พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวน่าน ณ เวลานั้นให้การสนับสนุนและลุ้นกันเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านั้นด้วยความสนใจทางการเมืองเป็นทุนเดิม หมอไหล่กับลุงโชติและ อ.สฤษดิ์ ได้เปิดเวทีปราศรัยจำลองในครั้งแรกคือที่ห้างนาห้วยสิงห์ข้างป่าช้า (จินตนาการเสียงหมอไหล่ด้วยว่า:)... “พ่อแม่พี่น้อง!! ที่มีหัวและไม่มีหัว ที่มีมือและไม่มีมือ ถ้าใครไม่มีมือ กรุณายกแขนขึ้น” 😱💀 ซักซ้อมฝีปากข้างป่าช้า คือที่มาของดาวสภาคนนี้

แล้วฝันก็เป็นจริง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้คะแนนเสียงท่วมท้น จากการเลือกตั้ง 6 ม.ค. 2544 พรรคไทยรักไทยทำให้เขาได้ก้าวเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก เป็น ส.ส.ที่ใคร ๆ เรียกว่า ‘ส.ส.นกแล’ เข้ามาได้เพราะกระแส ของพรรคการเมือง ไทยรักไทย ที่ผู้คนให้การยอมรับ นโยบายกินได้ ผู้คนหลั่งไหลเทคะแนนให้ เมื่อ 22 ปีก่อน

*หมอชลน่าน ส.ส.น่านไม่ได้ทำให้ชาวน่านผิดหวัง ทุกการอภิปรายในสภา ส.ส จากจังหวัดน่าน ไม่เคยอายใคร ในเรื่องฝีปาก ข้อมูล เหตุผล และความชัดเจน เขาสุภาพ รักษากฎระเบียบสภาอย่างเคร่งครัดแม่นยำ จนนักข่าวสายรัฐสภาลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส จากเมืองน่าน เป็น ‘ดาวสภา’ ในปี พ.ศ. 2552 และตั้งแต่นั้นคนไทยทั่วทั้งประเทศต่างก็ได้รู้จักจังหวัดน่านดีขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่งคือ การอภิปรายในสภาที่สะกดคนให้อยู่หน้าจอโทรทัศน์ได้เหมือนมวยคู่เอกที่น่าชม.

📌 #TimeLineชีวิต_62ปีชลน่านศรีแก้ว
จาก ส.ส.นกแล สู่รัฐมนตรีช่วยสธ. รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ผู้เก๋ากฎเก๋าเกม พลิกประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย #เกมพลิกสูตรหาร100

จาก ส.ส.นกแล ปี 2555-2556 ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และในปี 2564 จากการเป็น ส.ส.สมัยที่ 5 วันที่ 26 ธ.ค. 2564 ในการประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภา เพื่อเป็นการสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่น่าสนใจ ‘ดาวเด่นแห่งปี’ ผู้สื่อข่าวประจำรัฐบาลยกฉายานี้ให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เนื่องจากเห็นว่า นพ.ชลน่าน มีบทบาทในวิปฝ่ายค้านมานาน แต่กลับพลาดตำแหน่งสำคัญ ๆ ทว่า คนเป็นดาวเด่นย่อมมีแสงในตัวเอง เขาโด่ดเด่นในสภาตลอดมา การอภิปรายสภาแต่ละครั้งมีหลักการและเหตุผล สามารถแนวโน้มใจให้ ส.ส. เห็นด้วยกับสิ่งที่อภิปราย โดยไม่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย สุดท้ายผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้รับการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของประเทศไทย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564

ความเก๋าเกมของหมอชลน่าน ทำให้ได้มาซึ่งบัตร 2 ใบ หาร 100 กลับมาใช้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้, ทำให้ พรบ. ประมงไทยของพรรคเพื่อไทยผ่านวาระแรก, ทำให้ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลรัฐธรรมนูญกรณี 8 ปีนายกฯและหยุดพักงาน, ผลที่ตามมาคือ รองนายกได้ลองเป็นนายก จนแตกเป็นพรรค 2 พรรคในเวลาถัดมาเกิดการแตกเสียงเลือกตั้ง, เป็นคนแรกที่มองเห็นปัญหาการฟอร์มรัฐบาลหากไม่แลนด์สไลด์, เป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นว่าจะเกิด deadlock เมื่อโหวตนายกไม่ผ่าน ประยุทธ์จะรักษาการยาวไป และ อาจนำไปสู่การมีนายกคนนอก (นอกบัญชี) อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับบ้านเมืองนี้ แต่สุภาพบุรุษประชาธิปไตยคนนี้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะให้การจัดตั้ง #รัฐบาลของประชาชน ประสบความสำเร็จนำพาบ้านเมืองต่อไปข้างหน้าเพื่อพี่น้องประชาชน

ผู้ชายติดดินธรรมดา ๆ จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย
‘หมอไหล่’...ไหล่ที่ต้องแบกภารกิจที่อุทิศแล้วด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง

📚🖊รวบรวมเรียบเรียงนำสู่เรื่องเล่าโดย ‘หมอก้อย’ พ.ญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ 

📌เด็กวัดสู้ชีวิต26ปี
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804230547735096&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌แพทย์ในชนบท14ปี
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804016411089843&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌จาก ส.ส.นกแล สู่ดาวสภา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804254684399349&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz

📌22ปี มนุษย์สภา 
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=804271004397717&id=100044444739019&mibextid=Nif5oz