Tuesday, 20 May 2025
เพื่อไทย

‘นพดล’ ชี้!! BCG ไม่ใช่ของใหม่ หลายประเทศไปไกล ส่วนไทยเหมือนช่างบั้งไฟที่แนะวิศวกรนาซ่าทำจรวด 

(21 พ.ย.65) นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าภายหลังการประชุมเอเปค 2022 ได้เสร็จสิ้นลง รัฐบาลก็อย่าลิงโลดไปกับการจัดการประชุมมากนัก เพราะในการประชุมระดับพหุภาคีนานาชาติ ก็เป็นเช่นนี้ เพราะในปฏิญญาก็มักเต็มไปด้วยความหวัง ความปรารถนา ความตั้งใจกันทั้งนั้น แต่จะแปรเปลี่ยนให้เป็นการกระทำให้สัมฤทธิ์ผลได้มากหรือน้อย ก็อยู่ที่แต่ละประเทศว่าจะเข้าทำนอง คิดระดับโลก แต่กระทำในท้องถิ่น Think globally, act locally หรือไม่ 

โดยเฉพาะแนวคิด เศรษฐกิจชีวภาพ หรือ BCG ที่ประเทศไทยผลักดันนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่หลายประเทศเดินหน้าไปไกลมาก ทั้งอุตสาหกรรมอาหารของออสเตรเลีย อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ของเวียดนามหรืออินโดนีเซีย เขาถึงขั้นผลิตส่งขายกันแล้วแต่เราเพิ่งมาพูด

‘สุทิน’ ยัน!! หาก ‘ตู่-ป้อม’ แตกกันไม่กระทบฝ่ายค้าน แต่อาจเกิดศึกชิงรัก-หักเหลี่ยมภายในรัฐบาล

(22 พ.ย. 65) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่านค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมวุฒิสภา ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ พิจารณาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมกับการเลือกตั้งว่า การที่เสนอให้ทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งเพื่อไม่ต้องการให้เสียเวลา แต่การที่วุฒิสภา ตั้งกมธ. ขึ้นมาศึกษาก็สามารถทำได้ แต่เมื่อตั้งกมธ. มาแล้วก็สามารถทำได้ แต่ต้องรับผิดชอบให้มีคำตอบทันกับการเลือกตั้งว่าทำหรือไม่ทำ แต่ถ้าตั้งไปเรื่อย และไม่ได้รับผิดชอบเวลา ก็ต้องมีการตั้งข้อสังเกตว่ายื้อหรือไม่ 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะลาขาดจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คิดว่าจะมีจุดเปลี่ยนทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครรู้แน่ เราก็เพียงแค่คาดหมาย และวิเคราะห์พฤติกรรมเอา ซึ่งมีหลายอย่างบ่งชี้ว่า ทั้ง 2 คนไม่ได้ไปด้วยกัน และมีหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า ไปด้วยกัน ฉะนั้นการที่ทั้ง 2 คน ไปหรือไม่ไปด้วยกันก็มีผลทางการเมือง ถ้าเขาไปด้วยกันก็ทำให้เขามีเอกภาพ แต่ถ้าไม่ไปด้วยกันก็ไม่เป็นเอกภาพ หรือถ้าแยกออกจากกันแล้วเป้าหมายของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ตรงไหน และเป้าหมายนั้นทันหรือไม่ทันเวลา เพราะมีผลเกี่ยวกับกฎหมายลูก ฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปทั้ง 2 คนถือว่าทำให้การเมืองของประเทศผันผวนได้ 

'เพื่อไทย' เตรียมดึงนักลงทุนคุณภาพ เมื่อเป็นรัฐบาล

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊กเล่าถึงการได้ทำหน้าที่ผู้แทนของพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำ กับ H.E. Dr. Morris Chang ผู้แทนพิเศษ ของเขตเศรษฐกิจไต้หวัน ในการประชุม APEC 2022 และภริยา พร้อมกับแขกคนสำคัญของท่านทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อค่ำวานนี้ว่า ได้แลกเปลี่ยนทัศนะซึ่งจะยังประโยชน์กับการทำงานของประเทศในอนาคต 

ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ ยังได้กล่าวอีกว่า โชคดีที่ได้นั่งใกล้กับนักธุรกิจสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ผู้แทนนักธุรกิจของหนึ่งในสมาชิก APEC และเป็นประธานกรรมการของบริษัทธุรกิจสิ่งทอที่มีพนักงานหลายหมื่นคนในหลายประเทศ โดยมีโรงงานใหญ่ที่สุดอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสตรีนักธุรกิจท่านนี้ได้กล่าวอย่างประทับใจถึงความเป็นระบบและความสะดวกที่ได้รับจากทางการของประเทศเหล่านั้น จึงมุ่งมั่นตอบแทนด้วยการทำธุรกิจอย่าง 'ใส่ใจที่สุด' เพื่อเป็นการตอบแทนโดยมอบสิ่งที่ดีแก่ชุมชนและทรัพยากรบุคคล ด้วยงานสถาปัตยกรรม และวิศวกรรมของโรงงานที่สวยงามและเป็นระบบ เป็นมิตรต่อสายตา ปราศจากมลพิษ เป็นสภาพการทำงานที่ให้ความสุขแก่พนักงาน ควบคู่ไปกับการจ่ายค่าตอบเเทนที่สูงให้พนักงานและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การกระทำดังกล่าวยิ่งทำให้กิจการมี 'ผลิตภาพ' ที่ดีและมีกำไรที่มั่นคง

‘เศรษฐา ทวีสิน’ ผู้มีกลิ่นอายคล้าย ‘ทักษิณ’ หมากใหม่ ‘ตระกูลชิน’ ที่กำลังเร่งแสงเรียกศรัทธา

สำหรับคอการเมืองแล้ว ทุกคนคุ้นหูนักธุรกิจชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด ดี แต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าซีอีโอแสนสิริที่เพิ่งเปิดตัวว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทยจะหิวแสงแสวงทัวร์ลงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะนี่เป็นเพียงยุทธศาสตร์สร้างความสนใจ เพื่อให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงในโลกโซเชียลแบบไม่ต้องควักกระเป๋าโปรโมทตัวเองโดยไม่ต้องจ้างทีมพีอาร์แต่อย่างใด  

คนอย่างเศรษฐา รู้จักการใช้สื่อโซเชียลเป็นอย่างดี ไม่ใช่ไก่กามาจากไหน เพราะนิยมใช้สื่อโซเชียล โดยเฉพาะทวิตเตอร์ สื่อสารกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา

ล่าสุด โพสต์ข้อความว่า “ถ่ายทอดสดบอลโลก 300 ล้านได้ถ่าย 32 คู่และได้เลือกคู่เด็ดๆ ก่อน 600 ล้านได้ที่เหลือ 32 คู่ ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงครับ”0

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นดราม่า รถทัวร์จอดเพียบเต็มพื้นที่ เพราะชาวเน็ตถามว่าทางแสนสิริช่วยออกเงินค่าลิขสิทธิ์บอลโลกกี่บาท ซึ่งเศรษฐาตอบว่า “ไม่ได้ออกครับ” แล้วอ้างว่าบริษัทตนนั้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เล่นเอาเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่ม ส่วนหนึ่งบอกว่าหากอยากเป็นแคนดิเดตนายกให้เปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนที่จะสร้างกระแสความขัดแย้งให้สังคม เพราะกลุ่มบริษัทที่ช่วยออกเงินก็ไม่ใช่องค์กรสื่อ ธุรกิจอะไรถ้าอยากช่วยเหลือคนไทย ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น 

ก่อนหน้าที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปกเพียงแค่วันเดียว เศรษฐา ทวีสินก็ตีปลาหน้าไซ ด้วยการโพสต์ข้อความว่า...“6-8 ปีที่ผ่านมา ผู้นำของเราไม่ได้นำประเทศไทยไปมีจุดยืนในเวทีโลกเลย ผู้นำคนต่อไปผมว่าต้องกล้าที่จะเดินออกไปสู่เวทีโลก” 

มองมาจากดาวอังคารยังเห็นว่า ต้องการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีของไทยที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงานใหญ่ระดับโลก เป็นเหมือนการ 'ตีกัน' และ 'ตีกิน' ทางการเมืองของ 'ว่าที่' แคนดิเดตเพื่อไทย แบบมุขห้าบาทสิบบาทก็เอา ขอให้ได้แซะตีกระทบชิ่งบางคน

นี่เป็นหนังตัวอย่างที่ฉายให้เห็น 'ตัวตน' ของว่าที่แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย ประเด็นที่น่าคิดคือทำไมต้องพรรคเพื่อไทย รู้ทั้งรู้ว่าหัวคะแนนทางอีสานเชิดชูสเปิร์มพันธ์แท้ของทักษิณ ชินวัตร อย่างอุ๊งอิ๊งสุดหัวใจ ที่น่าจับตามองคือ คนในตระกูลชินวัตรเปิดไฟเขียวพร้อมโบกธงให้เศรษฐาเข้ามาเป็นแคนดิเดตในพรรคอย่างชัดเจน 

ทั้งนี้หากให้ประเมินสถานการณ์ก็น่าจะเป็นความรักลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ ไม่อยากให้เสี่ยงเกินตัว ดังเห็นได้จากการให้เล่นบท ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ ขนาดบทบาทนี้ ระดับหัวหน้าพรรคอย่างหมอชนน่านยังโค้งคำนับจนหลังแทบหักมาแล้ว 

การที่หวยมาออกที่เศรษฐา ทวีสิน เพราะภาพลักษณ์ของเศรษฐาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศ ขณะที่อุ๊งอิ๊งยังเด็กเกินไป การดันเศรษฐาไม่ใช่เรื่องใหม่ คอการเมืองต่างรู้ว่านายใหญ่ดันให้เป็นหนึ่งในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ปี 2563 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน การดันเถ้าแก่แสนสิริเป็นแคนดิเดตเพราะมีความ ‘เหมือน’ ทักษิณหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารประเทศแบบเดียวกับบริหารบริษัท

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ‘กม.กัญชง-กัญชา’ ช่องโหว่เพียบ ยัน!! ไม่ให้ผ่านแน่นอน แนะรัฐหยุดสร้างบาปให้ปชช.

‘เพื่อไทย’ ยัน ไม่ให้ผ่าน กม.กัญชา กัญชง เหตุช่องโหว่สารพัด ไม่ให้ขายแต่ให้ปลูกเพื่อเสพเองมีที่ไหน ไล่รัฐบาลไปแก้มาใหม่ หยุดสร้างบาปใหญ่ให้ประชาชน

(23 พ.ย. 65) ที่งานเสวนา ‘กัญชาเสรี บาปใหญ่รัฐบาลประยุทธ์?’ พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยที่ยังไม่มีกฎหมายการใช้มารองรับ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้ใช้กัญชาในทางที่ผิด การสนับสนุนกัญชาเสรีของพรรคที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปเพื่อใช้ในทางการแพทย์ แต่มีช่องโหว่ให้ใช้เพื่อการสันทนาการด้วย ปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้คือ หากใช้ในทางการแพทย์อย่างเดียว ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ผ่านความเห็นชอบจากสภาแน่นอน แต่เรารู้ทันเพราะมีการเปิดช่องเพื่อสันทนาการ ซึ่งในการนำเอาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง ต้องมาดูในรายละเอียด โดยตนมีข้อสังเกตและจุดยืนดังนี้

1.) รัฐบาลไม่ห้ามเสพกัญชา ตนยอมรับว่ากัญชามีประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่หากใช้เพื่อการสันทนาการ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ยกมือสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงผ่านสภาแน่นอน หากจะนำกลับมาพิจารณาใหม่ จะต้องเข้าไปดูในรายมาตราอีกครั้ง 

2.) แม้จะห้ามจำหน่ายกัญชา โดยไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีซื้อ หมายความว่า ซื้อมาเสพมีความผิด แต่ปลูกเองเสพเองไม่ผิด เพราะอนุญาตให้ปลูกในครัวเรือนได้ไม่เกิน 15 ต้นตามมาตรา 18 ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ทั้งยังห้ามขาย ดังนั้นประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อปลูกเองได้ ยิ่งทำให้ประชาชนเสพกัญชาในบ้านได้ง่าย เมื่อไปถึง โรงเรียนก็เสพในห้องน้ำ สิ่งเหล่านี้ทำได้ไม่ผิดกฎหมายหรือไม่  

3.) ส่งเสริมให้ปลูกในครัวเรือน จากที่เคยหาเสียงไว้ว่าปลูกเพื่อจำหน่าย ชาวบ้านตาโต ให้ปลูกครอบครัวละ 6 ต้น รับซื้อกิโลกรัมละ 70,000 บาท ปีละ 400,000 กว่าบาท แต่ในชั้นกฎหมายห้ามขาย จึงต้องปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน นำไปประกอบอาหาร หรือทำยา และอย่าลืมว่าในกัญชามีทั้งสารดีอย่าง CBD และสารร้าย THC พี่น้องประชาชนจำนวนมากยังไม่รู้ และไม่สามารถแยกสารเลือกเอาเฉพาะสารดีเข้าร่างกายได้ คือมีแค่พี้และเสพ 

“ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เข้าสภา ไม่ได้จำกัดการใช้กัญชาในทางการแพทย์อย่างเดียว แต่มีช่องโหว่ให้เสพเพื่อสันทนาการด้วย เราเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ไม่ชอบ จึงให้ผ่านไม่ได้ จนกว่าจะไปแก้คำจำกัดความของกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดในมาตรา 3 และข้อห้ามยุกยิก ห้ามเรื่องเล็กน้อยรวม 90 มาตรา แม้บางอย่างเขียนไว้ห้าม แต่ในทางปฏิบัติทำไม่ได้ เช่น การขออนุญาตปลูกขาย ต้องแยกสาร แล้วชาวบ้านจะมีเครื่องมือแยกได้อย่างไร หากปลูกทุกครัวเรือน ประเทศไทยมีกี่ครัวเรือน ตำรวจกี่คนที่ต้องไปนั่งเฝ้า ตามจับกุม ลำพังยาบ้าอย่างเดียวคุณยังเอาไม่ไหว กัญชามีทุกครัวเรือนท่านจะทำอย่างไรไหว” นายสุทิน กล่าว 

นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นต้องไปแก้กฎหมายหรือปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพราะแต่เดิมใน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.2562 สามารถนำกัญชามาใช้ศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ อีกทั้งการออกกฎหมายไปปลดล็อกได้สร้างปัญหามากมาย เพราะไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ทางการแพทย์ ที่จะนำมาใช้เพื่อสุขภาพอนามัย นอกจากนี้ราชวิทยาลัย แพทยสมาคม และแพทยสภา ก็มีความเห็นตรงกันว่าการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์นั้นไม่ขัดข้อง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชามาเสพเพื่อสันทนาการ กลุ่มแพทย์ทั้งหลายจึงได้ตั้งเงื่อนไขว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ ควรเข้าเงื่อนไข 5 ข้อ ประกอบด้วย

1.) การใช้กัญชาทางการแพทย์ จะต้องมีหลักฐาน งานวิจัย ข้อมูลเชิงประจักษ์ ลงตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองน่าเชื่อถือในระดับโลก ไม่ใช่เป็นการใช้ตามความเชื่อหรือฟังเขาเล่าต่อกันมา  

2.) ผลิตภัณฑ์กัญชา ต้องเป็นการผลิตกัญชาที่มีคุณภาพ ปลูกภายใต้การควบคุมมาตรฐาน ภายใต้การควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้สารสำคัญจำเป็นใช้ทางการแพทย์ แต่ที่ให้ปลูกกันตามบ้าน 15 ต้น ไม่ได้คุณภาพ ไม่ใช่เพื่อการแพทย์แต่เป็นสันทนาการ

3.) มีการควบคุมการรักษา ไม่ว่าจะรักษาด้วยการแพทย์สมัยใหม่หรือการแพทย์แผนโบราณ จะต้องผ่านการอบรมเรียนรู้ก่อนนำไปรักษา

4.) ผู้ป่วยที่จะรับการรักษา ต้องมีการคัดกรองผู้ป่วย จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยกัญชาอย่างไร รวมถึงประเมินผลตั้งแต่ก่อนรักษาจนถึงหลังรักษา 

5.) รัฐต้องกำหนด ให้กัญชา เป็นยาเสพติด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูแลควบคุมได้ง่าย

ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่กำลังพิจารณาอยู่นี้ กลุ่มแพทย์ได้ศึกษาในรายละเอียดเช่นกัน โดยเห็นว่าไม่สอดคล้องกับเงื่อนไข 5 ข้อดังกล่าว หากปล่อยกฎหมายนี้ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภา จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน 

นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ขึ้นเป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุขจะทำอะไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยติติง ซึ่งการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชีสารเสพติดก่อนที่จะมีกฎหมายคุ้มครอง ควบคุมการใช้ นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่เคยติติงหรือท้วงติงแต่อย่างใด สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประเทศไทยอยู่ภาวะสุญญากาศ หลายพื้นที่ทั้งในเมือง ตลาด ห้างสรรพสินค้า มีร้านขายกัญชาเกิดขึ้นจำนวนมาก น่าสังเกตที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ลงทุน ลงแรงในการจำหน่ายกัญชา แต่ไม่มีผู้รับซื้อเพราะปลูกไม่ได้มาตรฐาน

‘เพื่อไทย’ ประณามความรุนแรงเหตุคาร์บอมบ์นราธิวาส ย้ำนโยบายสร้างสันติภาพ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

พรรคเพื่อไทย ขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อเหตุการณ์คาร์บอมบ์นราธิวาส และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และต่อครอบครัวผู้สูญเสีย 

ขอยืนยันถึงจุดยืนในจัดการความขัดแย้ง สร้างสันติภาพตามแนวทางสันติวิธี ย้ำเจ้าหน้าที่รัฐต้องลดเงื่อนไขที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ เช่น การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ยุติธรรม จนอาจสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงอย่างไม่สิ้นสุด 

(23 พ.ย. 65) พลโท ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวประณามความรุนแรงเหตุคาร์บอมบ์ที่บริเวณแฟลตตำรวจ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้ข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาสเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 10 ราย จำนวนนี้มีเด็กอายุ 1 ขวบได้รับบาดเจ็บ

พรรคเพื่อไทย ขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปฏิบัติการที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ และขอยึดมั่นเสนอนโยบายในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

‘จาตุรนต์’ เตือน!! อย่าประเมิน ‘ประยุทธ์’ ต่ำเกินไป ชี้!! 3 ป. ผ่านเรื่องราวด้วยกันเยอะ แตกกันไม่ง่าย

(24 พ.ย. 65) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ใครที่คิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ประยุทธ์ให้ไปเตรียมการไว้จะได้ 20-30 ที่นั่ง แล้วทำให้ประยุทธ์ด้อยค่าทางการเมือง อาจจะต้องคิดใหม่หรือต้องเรียกว่า ‘คิดเก่า’ เพราะต้องไม่ลืมว่าประยุทธ์มีสว. 250 คนอยู่ในมือซึ่งมากกว่าส.ส.ที่พรรคของเขาจะได้ส.ส.ถึงสิบเท่าหรือมากกว่าถึงสองร้อยกว่าเสียง และอำนาจต่อรองของประยุทธ์ก็อยู่ตรงนี้

จริงอยู่ที่ส.ว. 250 คนนี้ประวิตรก็มีส่วนตั้งมาด้วย ซึ่งก็คงต้องแบ่งกัน และไม่มีใครรู้ว่าถ้าต้องแบ่งกันใครจะได้เสียงส.ว.มากน้อยเท่าใด แต่ก็ต้องไม่ลืมอีกว่า 3 ป.เขาร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ปราบประชาชนมาด้วยกันและทำรัฐประหารมาด้วยกัน แถมยังมีผลประโยชน์ร่วมกันมหาศาล จะไปคิดว่าเขาจะแตกกันขาดกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถึงทีคับขันเขาก็จับมือกันได้และหมายถึงเขามีแต้มต่อถึง 250 เสียงอยู่ในมือ

‘จิราพร’ เย้ย ‘ประยุทธ์’ เป็นแค่คนจัดอีเวนต์เอเปค ประเมินให้สอบตกเพราะ ‘ขาดภาวะผู้นำ - ไม่มีวิสัยทัศน์’

‘จิราพร’ ให้คะแนน ‘ประยุทธ์’ สอบตกจัดเอเปคแค่งานอีเวนต์ เย้ยชูเจรจาการค้าแบบเมกา 20 ปีก่อนยังกล้าโชว์เป็นผลงาน

วันนี้ (24 พ.ย. 65) น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ที่เพิ่งจบลงว่า ในภาพรวมอาจดูเหมือนว่าไทยประสบความสำเร็จในการจัดอีเวนต์ แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สอบตกในด้านสารัตถะและการแสดงภาวะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เพราะประเด็นหลักที่ไทยชูในการประชุมครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) ที่แม้จะเป็นแนวคิดที่ดี แต่เป็นเรื่องเก่าที่เคยเสนอเมื่อราว 20 ปีที่แล้ว การเสนอจัดทำเขตการค้าเสรี FTAAP ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเคยมีการพูดคุยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2547 โดยมีสหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มเสนอแนวคิด โดยเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วสมาชิก APEC ที่เป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง สหรัฐ รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น มีแนวนโยบายการค้าที่ไม่ขัดแย้งกันรุนแรงเหมือนในปัจจุบัน การผลักดันให้จัดตั้ง FTAAP ก็ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งในระดับภูมิภาคระหว่างชาติมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย และสมาชิกชาติตะวันตก ทำให้เป้าหมายการจัดตั้งเขตเสรีทางการค้า FTAAP แทบจะเป็นไปไม่ได้ 

‘เพื่อไทย’ จี้ ‘ก.เกษตรฯ’ ใส่ใจชื่อเสียงข้าวหอมมะลิ 105 หลัง ‘ข้าวผกาลำดวนของกัมพูชา’ ผงาดขึ้นที่ 1 ของโลก

(25 พ.ย. 65) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีข้าวหอมมะลิไทยเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกให้กับข้าวผกาลำดวนของกัมพูชา ในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 2022 ที่จ.ภูเก็ตว่า…

ความจริงแล้วข้าวหอมมะลิ 105 ของไทยเป็นสายพันธุ์ที่ยังคงดีที่สุดในโลก การประกวดข้าวในประเทศไทยครั้งนี้ ข้าวหอมมะลิ 105 ไทยไม่ได้แพ้ที่สายพันธุ์ แต่แพ้เพราะการปล่อยปละละเลยในกระบวนการจัดการ ทั้งด้านวิชาการ และการส่งเสริมด้านเกษตรกรรมที่ถูกต้อง เนื่องจากคนจัดการเรื่องนี้มืออ่อน ไม่มีความใส่ใจในชื่อเสียงของประเทศไทย เมื่อรู้อยู่ว่าเราจะทำการประกวดข้าว กระบวนการผลิตข้าวตั้งแต่เรื่องของเมล็ดพันธุ์ พื้นที่ปลูก ช่วงแสง จังหวะการให้ปุ๋ย กระบวนการเพาะกล้า ที่ดูแลตั้งแต่ระบบราก จังหวะการใส่ปุ๋ย ตามความต้องการของข้าวในแต่ละช่วงอายุข้าว ตลอดจน การให้ปุ๋ยเสริมเพิ่มคุณภาพข้าว ในช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวเราได้เข้าไปควบคุมดูแลหรือไม่ แม้กระทั่งการวิเคราะห์ ความต้องการปุ๋ย NPK ที่เป็นธาตุอาหารหลัก และปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารรอง เช่น แคลเซี่ยม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ หรือแมงกานิส ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภาคของประเทศไทยนั้น เราได้เสริม เพิ่มเติม ให้ถูกต้องหรือไม่อย่างไร เมื่อรู้ว่าจะมีการประกวดคุณได้นำข้าวจากแปลงนาที่มีการดูแลที่ถูกต้องหรือไม่ หรือปล่อยไปตามยถากรรมแล้วหยิบเอาข้าวทั่วไปไปประกวด 

“ในความรู้สึกที่เป็นคนไทย รักชื่อเสียงของข้าวไทย รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่ารัฐบาลนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับลำดับข้าวไทยว่าข้าวไทยจะอยู่ในลำดับที่ 1 หรือไม่ จะส่งผลกระทบต่อราคาหรืออนาคตของข้าวไทยอย่างไร การปล่อยให้ข้าวไทยแพ้คาบ้านแบบนี้ นักวิชาการเรื่องข้าวในประเทศไทยแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เราขายหน้ากับกระบวนการจัดการของรัฐบาล ที่รู้อยู่ว่าจะแข่งแต่กลับไม่มีกระบวนการจัดการอะไรเลย ทั้งที่ข้าวคือพืชทางการเกษตรหลักของประเทศ และเป็นพืชผลหลักที่เราส่งออก” นายวรวัจน์ กล่าว

‘ชลน่าน’ จับตา 30 พ.ย. ศาลรธน. ชี้ชะตา กม.เลือกตั้ง เชื่อ!! ไม่ย้อนกลับไปสูตรหาร 500 แน่นอน

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้อง ของ ส.ส.และส.ว 105 คนผ่านประธานรัฐสภา ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่...) พ.ศ. ... มาตรา 25 และมาตรา 26 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ และศาลได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 30 พ.ย. เวลา 09.30 น. ซึ่ง กกต.ในฐานะเจ้าของร่าง พ.ร.ป.ได้ทำคำชี้แจงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พ.ศ 2564 และร่าง พ.ร.ป ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่.. พ.ศ. ....ซึ่งประธาน กกต.ได้ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2564 ไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ม.92 ถึง ม.94 ให้สอดคล้องกับรูปแบบการเลือกตั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยยกเลิกวิธีการคำนวณจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะพึงมี และส.ส. แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคพึงจะได้รับ กกต.จึงไม่มีกรณีที่จะต้องคำนวณหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อตาม ม.92 ถึง ม.94


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top