Saturday, 4 May 2024
รัสเซีย

‘ปูติน’ ปลดฟ้าผ่าจนท.เครมลินยกชุด 1,000 คน ตั้งแต่พ่อครัวยันเลขา หวั่นคนใกล้ตัวลอบสังหาร

กองทัพยูเครนยืนยันนายพลรัสเซียคนที่ 5 เสียชีวิตเมื่อวานนี้(19 มี.ค)ที่เมืองเคอร์ซอน ขณะที่มีรายงานประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งปลดเจ้าหน้าที่เครมลินถึง 1,000 คน หวั่นอาจตกเป็นเป้าถูกลอบสังหารจากคนใกล้ตัว

บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานวันศุกร์(18 มี.ค)ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในเดือนกุมภาพันธ์สั่งปลดเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดในทำเนียบเครมลินถึง 1,000 คนในคราวเดียวกัน

อ้างอิงจากเดลีบีสต์ พบว่าในกลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกสั่งปลดนั้นมีตั้งแต่พ่อครัว พนักงานซักล้าง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเลขา โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัสเซีย

ผู้เชี่ยวชาญซึ่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองลับฝรั่งเศสจากแผนกความมั่นคงภายนอก DGSE เคยทำหน้าที่วางแผนส่งสายลับออกไปปฎิบัติการเปิดเผยกับเดลีบีสต์ว่า เขา่เชื่อว่า "ความพยายามลอบสังหารน่าจะมาจากภายในเครมลินไม่ใช่มาจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างชาติ " และเป้าประสงค์อาจเพื่อต้องการให้สงครามยูเครนยุติ

การใช้ยาพิษเป็นสิ่งที่ชื่นชอบสำหรับรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย อเล็กเซ นาวาลนี ที่เกือบเสียชีวิตจากสารพิษทำลายประสาทโนวีช็อกในไซบีเรียเมื่อสิงหาคม ปี 2020 ซึ่งอดีตสายลับฝรั่งเศสกล่าวว่า ปูตินนิยมการใช้ยาพิษสำหรับการลอบสังหาร และเขายังชี้ต่อว่า ถึงแม้ว่าการใช้ยาพิษในหลายประเทศสามารถกระทำได้แต่ไม่มีใครเชี่ยวชาญได้มากเท่าพวกรัสเซีย

แต่ทว่าการใช้ยาพิษเพื่อลอบสังหารปูตินนั้นไม่ง่าย โดยแหล่งข่าวระดับสูงชั้นในระดับองค์กรของกระทรวงรัสเซียชี้ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์มีการเปลี่ยนชุดเจ้าหน้าที่ทำงานยกชุด 1,000 คนที่ทำงานใกล้ชิดให้กับผู้นำรัสเซียในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งพ่อครัว พนักงานซักล้าง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเลขา ถือเป็นคนที่ใกล้ชิดและต้องทำงานให้กับปูตินและมีโอกาสสูงที่จะวางยาพิษเขาได้ และได้มีทำการเปลี่ยนให้ชุดใหม่เข้ามาแทน

เดลีบีสต์อธิบายว่า เคยมีการพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต โจเซฟ สตาลิน ในปี 1952 จากฝีมือของอดีตประธานาธิบดีจีน เหมา เจ๋อตง มาแล้วด้วยการส่งเชฟเข้าไปในสหภาพโซเวียต

โดยในปี 1952 ซึ่งเป็นปีที่โรงแรมปักกิ่งตั้งอยู่ที่จัตุรัสมายาคอฟสกี( Mayakovsky) เกือบใกล้เสร็จเพื่อการเฉลิมฉลองสัมพันธภาพซิโน-รัสเซีย พบว่าประธานเหม๋าได้จัดส่งเชฟชาวจีนคนโปรดมายังกรุงมอสโกสำหรับการเปิดภัตตาคารอาหารจีนที่อยู่ภายในโรงแรม และถือเป็นภัตตาคารอาหารจีนเพียงแห่งเดียวในกรุงมอสโกเวลานั้น

ทั้งนี้เชฟชื่อดังแท้จริงแล้วเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาเพื่อลอบสังหารสตาลินโดยเฉพาะ แต่ฝ่ายโซเวียตไหวตัวทัน สั่งให้ KGB เข้าจัดการเขาก่อน พวก KGB ใช้มีดปังตอเฉาะไปที่ศีรษะดับชีพนักฆ่า อ้างอิงจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ที่เปิดอย่างเป็นทางการในปี 1955 พบว่าวิญญาณของพ่อครัวนักฆ่ายังคงล่องลอยอยู่ภายในโรงแรมเพื่อตามหาสตาลิน เดลีบีสต์รายงาน

ข่าวการเปลี่ยนตัวยกชุดของปูตินเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพยูเครนในวันเสาร์(19) ออกแถลงการณ์อ้างว่า มีนายพลรัสเซียจำนวน 5 คนเสียชีวิตไปแล้วนับตั้งแต่สงครามบุกยูเครนเริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์

เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(19)ว่า พลโท อันเดรย์ มอร์ดวิเชฟ ( Andrey Mordvichev) ผู้บัญชาการกองกำลังที่ 8 ของกองทัพเขตใต้รัสเซียเสียชีวิตในวันเสาร์(19) และกลายเป็นนายพลรัสเซียคนที่ 5 ที่เสียชีวิต

อ้างอิงจาก  โอเลคซี อเรสโตวิช (Oleksiy Arestovych )อดีตที่ปรึกษาผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน ในรายงานของสื่ออินเตอร์แฟกซ์( Interfax)เปิดเผยว่า มอร์ดวิเชฟเสียชีวิตขณะที่กองกำลังทหารยูเครนเข้าทำลายที่ตั้งกองบัญชาการทหารตั้งอยู่ในลานบินชอร์โนเบยิฟกา( Chornobayivka) ใกล้กับสนามบินเมืองเคอร์ซอน(Kherson)ทางใต้ของยูเครนเมืองเคอร์ซอนเป็นเมืองแรกในยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียแต่กองกำลังยูเครนพยายามต่อสู้เพื่อยึดคืน โดยในวันเสาร์(19)ฝ่ายยูเครนยังอ้างว่าสามารถสังหารกองกำลังรัสเซียไปทั้งหมด 14,400 คนแต่สหรัฐฯออกมาประเมินว่า รัสเซียน่าจะสูญเสียไปราว 7,000 คน บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงาน

เสนาธิการทหารบกยูเครนกล่าวผ่านแถลงการณ์ในวันเสาร์(19)มีใจความว่า “เป็นผลจากยิงไปที่ข้าศึกจากฝีมือของกองกำลังยูเครนทำให้ผู้บัญชาการกองกำลังที่ 8 ของเขตใต้กองทัพรัสเซีย พลโท อันเดรย์ มอร์ดวิเชฟ ถูกสังหาร”

'ปูติน'​ เอาคืน!! เหล่า​ 'ประเทศไม่เป็นมิตร'​ ต้องซื้อก๊าซรัสเซียด้วยเงินสกุลรูเบิลเท่านั้น

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ระบุในวันพุธ (23 มี.ค.) ว่ารัสเซียจะรับชำระเฉพาะสกุลเงินรูเบิลเท่านั้น สำหรับการส่งมอบก๊าซธรรมชาติไปยังบรรดาชาติทั้งหลายที่ถูกขึ้นบัญชี "ประเทศไม่เป็นมิตร" ซึ่งในนั้นรวมถึงสมาชิกทั้งหมดของอียู หลังจากมอสโกถูกมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อกรณีรุกรานยูเครน

ทันทีหลังคำแถลงของปูติน สกุลเงินรูเบิล ซึ่งดำดิ่งอย่างหนักมาตั้งแต่ความขัดแย้งยูเครนเริ่มต้นขึ้น ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติก็ดีดตัวสูงขึ้นเช่นกัน

"ผมตัดสินใจบังคับใช้มาตรการชุดหนึ่ง ให้บรรดาประเทศไม่เป็นมิตรโอนชำระเงินค่าอุปทานก๊าซธรรมชาติของเราเป็นเงินสกุลรูเบิลรัสเซีย" ปูตินกล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ารัสเซียจะยังคงขายก๊าซธรรมชาติในปริมาณตามสัญญาที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงแค่สกุลเงินที่ใช้ในการชำระเงินเท่านั้น

ปูติน ยังสั่งการให้ธนาคารกลางของรัสเซีย ให้รีบดำเนินการในการเปลี่ยนแปลงการชำระเงินให้เป็นสกุลเงินรูเบิลให้เร็วที่สุด และให้เวลา 1 สัปดาห์ในการดำเนินการนำระบบชำระเงินแบบใหม่มาใช้ โดยเขาบอกว่ามันจะต้อง "โปร่งใส" และจะเกี่ยวข้องกับการซื้อด้วยเงินสกุลรูเบิล ในตลาดภายในของรัสเซีย

นอกจากนี้ ปูติน แย้มด้วยว่าการส่งออกอื่นๆ ของรัสเซียอาจอยู่ภายใต้มาตรการดังกล่าวเช่นกัน

ต่อมาในวันเดียวกัน รอสคอสมอส หน่วยงานอวกาศของรัสเซีย แถลงว่าจะยืนกรานให้พันธมิตรระหว่างประเทศของพวกเขาชำระเงินด้วยสกุลเงินรูเบิลด้วยเช่นกัน

"มันชัดเจนว่าการส่งมอบสินค้าของเราไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ แล้วรับชำระหนี้เป็นดอลลาร์ ยูโร หรือสกุลเงินอื่นๆ ไม่มีความสมเหตุสมผลสำหรับเราอีกต่อไป" ปูติน กล่าว

ยูเครนรุดประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัสเซียในทันที โดยเรียกมันว่าเป็น "สงครามเศรษฐกิจของรัสเซีย" กับอียู และความพยายามทำให้รูเบิลแข็งค่าขึ้นของรัสเซีย

"แต่ตะวันตกอาจเล่นงานรัสเซียด้วยการแบนนำเข้าน้ำมัน ที่อาจทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียดำดิ่ง" อันดรีย์ เยอร์มัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนกล่าว "ตอนนี้คือการต่อสู้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และตะวันตกต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะ"

โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งประเทศของเขานำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 55% ก่อนเกิดความขัดแย้ง ระบุว่าความประสงค์ของปูติน ถือว่าละเมิดสัญญาและเบอร์ลินจะปรึกษาหารือกับพันธมิตรยุโรป ว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวอย่างไร

บรรดาประเทศตะวันตกพยายามถาโถมแรงกดดัน กำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉีกเศรษฐกิจของรัสเซีย นับตั้งแต่มอสโกเคลื่อนทหารรุกรานยูเครน พวกเขาอายัดเงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียในต่าง
แดน ราว 300,000 ดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวที่ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้คำจำกัดความในวันพุธ (23 มี.ค.) ว่าเป็นการขโมย

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สหรัฐฯ แบนนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย แต่อียู ซึ่งต้องพึ่งพิงอุปทานก๊าซจากรัสเซียราวๆ 40% ในปี 2021 ยังคงรับมอบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากมอสโก

กระนั้นก็ตามอียูกำหนดเป้าหมายไว้ว่าจะลดนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียราว 2 ใน 3 ในช่วงสิ้นปี และกำลังมองถึงความเป็นไปได้ในการแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

"เวลานี้ รัสเซียกำลังพยายามกดดันตะวันตกด้วยมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้ และลดการพึ่งพิงเงินตราต่างประเทศ" ไอเพค ออซคาร์เดสกายา นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบัน Swissquote กล่าวกับเอเอฟพี

'สหรัฐฯ-ยุโรป' กุมขมับ!! ส่อแตะยุคข้าวยากหมากแพง สารพัดม็อบโผล่ 'ดอลลาร์-ยูโร' แกว่ง แต่รูเบิลรัสเซียแรง

ภายหลังจากยุโรปรับคำสั่งสหรัฐฯ และอังกฤษ ให้แบนรัสเซีย ผลทางจิตวิทยาชั่วคราวระยะสั้นค่าเงินรูเบิลรัสเซียอ่อนค่าลงเป็นราว 140 รูเบิล/ดอลลาร์

แต่ไม่นานนักเมื่อรัสเซีย โต้กลับสหรัฐฯ-ยุโรป โดยเริ่มแบนกลับพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน ปุ๋ย ก็ทำให้โลกความจริงกลับมา สิ่งที่คนยุโรปกลัวที่สุดคือ "หุ้นตก" อัตราเงินเฟ้อเกิน 7.0% การใช้จ่ายถดถอย น้ำมัน ก๊าซ สินค้าอุปโภคบริโภคแพงมาก ปุ๋ยที่เป็นต้นธารอาหาร ขาดแคลน ราคาแพง

สารพัดม็อบในยุโรปหลายชาติ เริ่มโผล่มาปิดถนน ปิดเมืองหลวง รัฐบาลยุโรปเริ่มออกอาการร่อแร่

ทันทีทันใด รัสเซีย ก็รีบหวดซ้ำ โดยแบนอาหาร และประกาศขายพลังงานให้ประเทศที่ขึ้นบัญชีดำว่าไม่เป็นมิตรเป็นเงิน "เปรโตรรูเบิล" เท่านั้น ไม่รับชำระเป็นดอลลาร์, ยูโร หรือปอนด์ 

สิ้นคำประกาศของฝั่งรัสเซีย ตลาดหุ้นในยุโรป ร่วงกราว เงินรูเบิลมี Demand ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างไม่อั้น เพื่อแลกไว้เป็นเงินทุนสำรองซื้อพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย 

ประเทศต่างๆ ในยุโรปที่เคยทำสัญญากับรัสเซียว่าจะซื้อขายพลังงานกันเป็นดอลลาร์-ยูโร ถึงกับเหวอ ต้องเร่งเทขายทิ้ง วิ่งไปหาซื้อรูเบิล มาสำรองจ่ายค่าพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดพลังงาน 

ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาเป็น 89.5 รูเบิล/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ ยูโร ต่ำลงไปอีก 10% แถมตลาดหุ้นตื่นตระหนกร่วงซ้ำลงไปอีก  

แทนกันไม่ได้! ‘กาตาร์’ เตือน ‘ยุโรป’ เตรียมเจ็บหนัก ชี้ การชดเชยก๊าซธรรมชาติรัสเซียเป็นสิ่ง ‘เป็นไปไม่ได้'

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องกาตาร์ ยกระดับกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติ เพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไปของรัสเซีย จากมาตรการคว่ำบาตรที่จะกำหนดเล่นงานภาคพลังงานมอสโก อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนความพยายามนี้จะไม่ได้รับการตอบสนอง โดยโดฮาเน้นย้ำจุดยืนไม่เลือกข้างและชี้ว่าการชดเชยก๊าซธรรมชาติรัสเซียในตลาดยุโรปนั้น "คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้"

เซเลนสกี ส่งเสียงเรียกร้องดังกล่าว ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ทางไกลต่อที่ประชุมหนึ่ง ซึ่งมีบรรดาผู้นำโลกหลายสิบคนเข้าร่วม ณ เวทีสัมมนาประจำปี โดฮาฟอรัม ในกาตาร์

จามาล เอลชายาล ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราห์รายงานว่า การกล่าวปราศรัยของเซเลนสกีไม่ได้ถูกแจ้งล่วงหน้าว่าเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการประชุม ซึ่งเป็นไปได้ว่า นั่นก็เพราะผู้จัดงานต้องการให้ฝ่ายรัสเซียเข้าร่วมด้วย

"ประธานาธิบดีเซเลนสกี ใช้โอกาสนี้ปราศรัยกับพวกผู้นำโลกหลายสิบคนที่เข้าร่วมในเวทีสัมมนา เพื่อกดดันพวกเขามากขึ้นให้ใช้มาตรการหนักหน่วงขึ้น เพื่อหยุดการรุกรานยูเครนของรัสเซีย" ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราห์ระบุ

ผู้นำยูเครนร้องขอประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม ใช้มาตรการต่างๆ โดดเดี่ยวมอสโกมากขึ้น คว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย และเรียกร้องบรรดาประเทศที่ร่ำรวยก๊าซธรรมชาติอย่างกาตาร์ เข้าแทรกแซง เพิ่มกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติ เพื่อเติมเต็มอุปทานที่ขาดหายไปของรัสเซีย

เอลชายาล มองว่า "แม้กระทั่งหากกาตาร์ต้องการทำเช่นนี้ เนื่องจากมันจะให้ผลตอบแทนที่งดงาม แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเติมเต็ม 30% ในความต้องการทางพลังงานของยุโรป ที่ปัจจุบันจัดหาให้โดยรัสเซีย"

อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน! ‘ไบเดน’ ลั่น! ‘ปูติน’ ไม่อาจอยู่ในอำนาจ ด้าน ‘รัสเซีย’ ซัดกลับ ‘ไม่ใช่กงการของไบเดน’!

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันเสาร์ระหว่างการเยือนโปแลนด์ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินไม่สามารถคงอยู่ในอำนาจได้ และการทำสงครามกับยูเครนของเขาเป็นความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์สำหรับรัสเซีย 

“เพื่อเห็นแก่พระเจ้า ชายผู้นี้ไม่สามารถคงอยู่ในอำนาจได้” ไบเดน บอกกับฝูงชนในวอร์ซอ ไบเดนยังกล่าวอีกว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าเดือนที่สองแล้ว ได้รวมชาติตะวันตกเข้าด้วยกัน โดยเสริมว่า นาโตเป็นพันธมิตรในแนวทางการป้องกันที่ไม่เคยต้องการให้รัสเซียล่มสลาย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่ได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในรัสเซีย เมื่อเขากล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย "ไม่สามารถอยู่ในอำนาจได้" 

“ประเด็นของประธานาธิบดีคือไม่อนุญาตให้ปูตินใช้อำนาจเหนือเพื่อนบ้านหรือภูมิภาคของเขา เขาไม่ได้พูดเกี่ยวกับอำนาจของปูตินในรัสเซีย หรือการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง” เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวหลังคำปราศรัยของไบเดนในกรุงวอร์ซอ

ด้านทำเนียบเครมลินปฏิเสธคำกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ว่า วลาดิมีร์ ปูติน “ไม่สามารถคงอยู่ในอำนาจได้” โดยกล่าวว่ารัสเซียจะเลือกประธานาธิบดีของตนเอง

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของไบเดน โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ บอกกับรอยเตอร์ว่า "นั่นไม่ใช่เรื่องที่ไบเดนที่จะตัดสินใจ ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียได้รับเลือกจากรัสเซีย"

'จนท.สหรัฐฯ' ป้อง 'ไบเดน' หลังหลุดพูดเปลี่ยนการปกครองในรัสเซีย ฟาก 'ริพับลิกัน' ติง!! วันหน้าอย่าพูดนอกสคริปต์อีก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ต้องพากันรุดออกมาชี้แจงพัลวันในวันอาทิตย์ (27 มี.ค.) ว่า อเมริกาไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในรัสเซีย หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "ไม่อาจอยู่ในอำนาจได้อีก" จนถูกมอสโกออกมาตอบโต้ว่าไม่เคารพต่อการเลือกของประชาชนชาวรัสเซีย

คำพูดของไบเดนระหว่างเยือนโปแลนด์ในวันเสาร์ (26 มี.ค.) ยังรวมถึงความเห็นที่เรียก ปูติน ว่า "คนโหดเหี้ยม" ดูเหมือนเป็นการปรับท่าทีของสหรัฐฯ ที่มีต่อมอสโกขึ้นอย่างมาก ต่อกรณีที่พวกเขายกพลรุกรานยูเครน

เครมลินตอบโต้ความคิดเห็นของไบเดน โดยระบุว่า "มันไม่ใช่การตัดสินใจของไบเดน ประธานาธิบดีรัสเซียเลือกโดยประชาชนชาวรัสเซีย"

ในขณะที่ผู้แทนทูตระดับสูงเรียงแถวออกมาชี้แจงในวันอาทิตย์ (27 มี.ค.) ประธานาธิบดีไบเดน ถูกสอบถามโดยผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง ตอนที่เขากำลังเดินทางออกจากโบสถ์แห่งหนึ่งในวอชิงตัน ว่าเขากำลังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัสเซียหรือไม่ ไบเดน ตอบกลับด้วยคำพูดเดียวสั้นๆ ว่า "ไม่"

จูเลียน สมิธ เอคอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำนาโต้ พยายามอธิบายบริบทความเห็นของไบเดน โดยบอกว่ามันมีขึ้นหลังหนึ่งวันหลังจากพบปะพูดคุยกับพวกผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในวอร์ซอ ในขณะที่การรุกรานที่ยืดเยื้อนาน 1 เดือนของรัสเซีย ผลักประชาชนชาวยูเครนราว 1 ใน 4 จากทั้งหมด 44 ล้านคน ต้องหลบหนีจากที่พักอาศัย

"ในช่วงเวลานั้นผมคิดว่ามันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยธรรมชาติต่อเรื่องราวต่างๆ ที่เขาได้ยินมาในวันนั้น" สมิธให้สัมภาษณ์กับรายการ "State of the Union" ของซีเอ็นเอ็น ก่อนระบุว่า "สหรัฐฯ ไม่มีนโยบายเปลี่ยนการปกครองในรัสเซีย"

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงข่าวในเยรูซาเลม แสดงความคิดเห็นว่า ไบเดน กำลังชี้ให้เห็นว่า ปูติน ไม่ควรมีอำนาจในการทำสงคราม และ บลิงเคน บอกด้วยว่าการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับผู้นำในอนาคตของรัสเซียจะขึ้นอยู่กับประชาชนชาวรัสเซีย

สมาชิกพรรครีพับลิกันวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของไบเดน โดยเรียกมันว่าเป็นความผิดพลาดที่เคราะห์ร้าย

เจมส์ ริสช์ วุฒิสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกัน ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา เรียกความเห็นของไบเดน ว่า คำพูดที่น่าลัวและปรารถนาว่าในวันข้างหน้าประธานาธิบดีรายนี้จะไม่พูดอะไรที่อยู่นอกเหนือจากสคริปต์อีก

"คนส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่รู้หรอกว่าคำพูด 9 คำที่เขาปริปากออกมา ก่อความครึกโครมแค่ไหน มันกำลังก่อปัญหาใหญ่" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น

วุฒิสมาชิก ร็อบ พอร์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการเช่นกัน คร่ำครวญว่ามันเป็นก้าวย่างที่ผิดพลาดในช่วงเวลาสงคราม "มันเข้าทางพวกนักโฆษณาชวนเชื่อรัสเซีย และเข้าทางวลาดิมีร์ ปูติน ดังนั้นมันจึงเป็นความผิดพลาด"

สหรัฐฯ หาทางถ่วงดุลระหว่างเกิดความขัดแย้งในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับรัสเซีย พวกเขาส่งมอบอาวุธให้เคียฟ สำหรับนำไปสู้รบกับรัสเซีย แต่ปฏิเสธส่งทหารเข้าไปยังประเทศแห่งนี้หรือกำหนดเขตห้ามบิน

แนวทางสนับสนุนดังกล่าวช่วยเสริมแสนยานุภาพแก่ยูเครน ที่สามารถต้านทานการรุกรานได้อย่างดุเดือดผิดคาด และจนถึงตอนนี้รัสเซียยังคงล้มเหลวในการยึดเมืองหลักใดๆ ของยูเครน แม้การสู้รบล่วงเลยมากว่า 4 สัปดาห์แล้วก็ตาม

สหรัฐฯ เตือนชาวมะกัน 'เลี่ยงเดินทาง - ออกห่างจากรัสเซีย' หลังพบสัญญาณ ทางการรัสเซียจ้องจับกุมตัว

ไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เตือนว่า รัฐบาลรัสเซียอาจควบคุมตัวพลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในรัสเซียได้ พร้อมเตือนชาวอเมริกันอย่าเดินทางไปรัสเซียในช่วงนี้

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนการเดินทางไปรัสเซียของพลเมืองชาวอเมริกัน โดยชี้ว่า ผลจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลังรัสเซียส่งทหารไปยังยูเครน ทำให้ทางการรัสเซียเริ่มพุ่งเป้าไปยังพลเมืองชาวอเมริกันมากขึ้น

ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จึงย้ำอีกครั้งว่า ขอให้ชาวอเมริกันอย่าพึ่งเดินทางไปยังรัสเซีย ส่วนชาวอเมริกันที่พำนักอยู่ในรัสเซียตอนนี้ ขอให้รีบเดินทางออกนอกประเทศในทันที

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกล่าวหา ‘รัสเซีย’ ต้นเหตุวิกฤติอาหารโลก​ หลังเริ่มสงครามกับยูเครน

นิวยอร์ก (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - รัสเซียถูกกล่าวหาในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์อาหารโลกและทำให้ผู้คนทั่วโลกเสี่ยงต่อภาวะอดอยากจากการเปิดฉากทำสงครามในยูเครน ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็นตะกร้าขนมปังของยุโรป (Breadbasket of Europe)

เวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในยูเครนว่า ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เป็นผู้ริเริ่มสงครามในยูเครนและทำให้เกิดวิกฤตการณ์อาหารโลก รัสเซียและประธานาธิบดีปูตินต้องเป็นผู้รับผิดชอบจากการนำกำลังทหารบุกโจมตียูเครนที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอาหารโลก

'ยูเครน' โวย!! รัสเซียผิดคำพูดเดินหน้าถล่มรอบกรุงเคียฟ บีบีซีอ้าง!! 'ปูติน'​ ขู่ไม่หยุดโจมตีมาริอูโปลจนกว่ายอมจำนน

กองกำลังรัสเซียทิ้งบอมบ์ถล่มพื้นที่ต่างๆ รอบกรุงเคียฟ และเมืองอื่นอีกแห่ง ไม่กี่ชั่วโมงหลังสัญญาลดระดับปฏิบัติการลงในพื้นที่แถบนี้ เพื่อส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองฝ่าย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนในวันพุธ (30 มี.ค.) ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน บอกว่าการยิงถล่มเมืองมาริอูโปลที่ถูกปิดล้อมนั้นจะยุติลงก็ต่อเมื่อทหารของยูเครนยอมวางอาวุธ

การยิงถล่มและโจมตีอย่างหนักหน่วงของรัสเซียในหลายพื้นที่ของยูเครน กัดเซาะมุมมองในแง่บวกเกี่ยวกับความคืบหน้าใดๆ ในการเจรจาสันติภาพที่มีเป้าหมายหยุดสงครามที่สร้างความเจ็บปวดทรมาน

ในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (29 มี.ค.) กองทัพรัสเซียระบุว่าจะลดระดับปฏิบัติการใกล้เมืองหลวงและเมืองเชอร์นิฮิฟ ทางภาคเหนือของประเทศ "เพื่อเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจกันและสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการเจรจาในอนาคต" แต่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน และตะวันตกรู้สึกคลางแคลงใจเป็นอย่างมาก

ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่ารัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มบ้าน ร้านค้า ห้องสมุด และที่ตั้งพลเรือนอื่นๆ ทั้งในและรอบๆ เมืองเชอร์นิฮิฟและแถบชานเมืองของกรุงเคียฟ นอกจากนี้ ทหารรัสเซียยังยกระดับโจมตีในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกและรอบๆ เมืองอิซุม ซึ่งตั้งอยู่บนเส้นทางหลักที่มุ่งหน้าสู่ดอนบาส หลังจากจัดวางกองกำลังใหม่จากพื้นที่อื่นๆ

โอเล็กซานเดอร์ โลมาโก เลขาธิการสภาเมืองเชอร์นิฮิฟ บอกว่าคำแถลงของรัสเซียปรากฏชัดแล้วว่าเป็นคำโกหกโดยสิ้นเชิง "ตอนกลางคืนไม่เขาไม่ได้ลดระดับลง แต่ในทางกลับกันได้เพิ่มความหนักหน่วงของปฏิบัติการด้านการทหาร”

5 สัปดาห์หลังการรุกราน มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายพันคนจากทั้ง 2 ฝ่าย จำนวนชาวยูเครนที่หลบหนีออกนอกประเทศพุ่งแตะระดับ 4 ล้านคน ในนั้นครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก จากข้อมูลของสหประชาชาติ

ในการเจรจาในอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันอังคาร (29 มี.ค.) ความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพดูเหมือนจะปรากฏขึ้น เมื่อผู้แทนของยูเครนเสนอกรอบๆ หนึ่ง ซึ่งประเทศของพวกเขาจะประกาศตนในฐานะเป็นกลาง ละทิ้งความพยายามเข้าร่วมนาโต้ ตามข้อเรียกร้องของมอสโก แลกกับคำรับประกันด้านความปลอดภัยจากกลุ่มประเทศอื่นๆ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียตอบสนองในแง่บวก โดยเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศระบุในวันพุธ (30 มี.ค.) ว่าความตั้งใจของยูเครนที่จะยอมรับสถานะเป็นกลางและมองหาความมั่นคงนอกนาโต้ เป็นตัวแทนของความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม หลังคำแถลงของเครมลินว่าจะลดระดับปฏิบัติการด้านการทหาร เซเลนสกีแสดงตอบสนองด้วยความสงสัย โดยบอกว่าเมื่อคุณเจรจาต่อรองกับรัสเซีย "คุณสามารถไว้วางใจได้เพียงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น" คำประเมินที่ไปในทิศทางเดียวกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และโดมินิค ราบ รองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ซึ่งสงสัยว่ารัสเซียมีเจตนารวบรวมกำลังพลใหม่และโจมตีอีกครั้ง

ความคลางแคลงใจดังกล่าวดูเหมือนจะมีเหตุผล สืบเนื่องจากความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัสเซียในวันพุธ (30 มี.ค.) ในนั้นรวมถึงกรณีที่ นายพลโอเล็กซานด์ร พาฟลุค ผู้บัญชาการเขตพื้นที่มณฑลทหารเคียฟ เผยว่ารัสเซียยิงปืนใหญ่เล็งเป้าหมายเล่นงานพื้นที่ชุมชนและโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนในเมืองบูชา โบรวารี และวิชโฮรอด รอบๆ เมืองหลวง

พล.ต.อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ทหารเล็งเป้าหมายเล่นงานคลังเชื้อเพลิงใน 2 เมืองในแถบภาคกลางของยูเครน โดยใช้ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลยิงจากอากาศโจมตี และกองกำลังรัสเซียยังได้ถล่มกองบัญชาการกองกำลังพิเศษยูเครนแห่งหนึ่งในเมืองมีโคลายิฟ และคลังกระสุน 2 แห่งในแคว้นโดเนตส์ค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคดอนบาส

สหรัฐฯ ระบุว่าในช่วง 24 ชั่วโมงหลังสุด รัสเซียเริ่มสับเปลี่ยนที่ตั้งกองกำลังของตนเองไม่ถึง 20% ที่อยู่ตามแนวรบรอบๆ กรุงเคียฟ

จอห์น เคอร์บี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนทำเนียบขาวระบุว่า ทหารจากพื้นที่ดังกล่าวและจากโซนอื่นบางแห่งเริ่มเคลื่อนไหวมุ่งหน้าสู่ทางเหนือเป็นส่วนใหญ่ และบางส่วนเข้าไปในเบลารุส ซึ่งเคียฟมองว่าดูเหมือนรัสเซียมีเจตนาจัดหากำลังบำรุงใหม่ให้พวกเขาและส่งพวกเขากลับเข้าไปในยูเครน แต่ไม่ชัดเจนว่าจะเป็นจุดไหน

เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของรัสเซียระบุในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่า เป้าหมายหลักของพวกเขาในเวลานี้คือ "ปลดปล่อยดอนบาส" ภูมิภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญซึ่งประชาชนพูดภาษารัสเซีย พื้นที่ซึ่งพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียต่อสู้กับกองกำลังยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตะวันตกบอกว่ามอสโกกำลังเสริมกำลังทหารในดอนบาส

พวกนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการมุ่งเน้นภูมิภาคดอนบาส และสัญญาลดปฏิบัติทางทหาร อาจเป็นแค่ความพยายามกลบความจริงที่ว่า กองกำลังภาคพื้นของรัสเซียถูกสกัดกั้นและได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ในความพยายามยึดเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ

‘ยูเครน’ เอาคืน! ส่ง ฮ. ทิ้งมิสไซล์ เผาวอดคลังน้ำมัน ‘รัสเซีย’!

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุเพลิงไหม้ที่คลังน้ำมันในเมืองเบลโกรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนราว 25 ไมล์ โดยเวียเชสลาฟ กลัดคอฟ (Vyacheslav Gladkov) ผู้ว่าราชการเบลโกรอดกล่าวผ่าน Telegram ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการโจมตีทางอากาศจากเฮลิคอปเตอร์ของยูเครน ด้านยูเครนยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ ในประเด็นดังกล่าว

ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งอพยพประชาชนและเร่งเข้าควบคุมเพลิง โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายเป็นพนักงานในคลังน้ำมัน ได้รับการปฐมพยาบาลแล้วและไม่อยู่ในอันตราย

ภายหลังพบปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งรายงานระบุว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ของยูเครน 2 ลำ บินต่ำก่อนที่จะยิงขีปนาวุธ S-8 หลายนัดเข้าที่คลังน้ำมัน

ทั้งนี้ เมื่อสองวันก่อนเพิ่งเกิดเหตุระเบิดที่คลังแสงในเมืองเบลโกรอด ซึ่งคาดว่าเกิดจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของกองทัพยูเครน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีทหารรัสเซียได้รับบาดเจ็บ 4 นาย


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/679617


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top