Saturday, 4 May 2024
รัสเซีย

สหรัฐฯ เตือนทหารเตรียมพร้อมรับมือสงคราม ชี้ มีความเสี่ยงเผชิญหน้ากับ ‘จีน-รัสเซีย’

สหรัฐเตือนทหารเตรียมพร้อมสงครามระดับโลก รับเผชิญหน้ากับจีน-รัสเซีย

ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความขัดแย้งระดับโลก และสงครามสมัยใหม่ที่จะเปลี่ยนไปจากเดิม

Fox News และ Daily Mail รายงานว่าพลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐอเมริกา กล่าวกับ นักเรียนนายร้อยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก แห่งสหรัฐอเมริกา (USMA) เวสต์พอยต์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญให้ทุกคนเตรียมพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของสงครามระดับโลก และความขัดแย้งที่เกิดจากมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียที่กำลังขยายตัว

"ขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับ 2 มหาอำนาจของโลก คือ จีนและรัสเซีย ซึ่งแต่ละประเทศมีขีดความสามารถทางทหารที่สำคัญ และทั้งคู่ตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเปลี่ยนกฎในปัจจุบัน" มิลลีย์กล่าว

เวทีเช็กเสียง ยกระดับคว่ำบาตร เกมหยั่งเสียงจาก ‘สหรัฐฯ’ แม้รู้ว่า ‘จีน-รัสเซีย’ ต้อง Veto ป้องโสมแดง

เมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ‘จีน’ และ ‘รัสเซีย’ ได้ขอใช้สิทธิ์ในการเป็นสมาชิกถาวร Veto ญัตติของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้องค์การสหประชาชาติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จากการที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปเมื่อเร็วๆ นี้

กรณีเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลถึง 3 ลูก ทางด้านชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พ.ค.65) ไล่หลัง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เพิ่งจบภารกิจการเยือนญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 วันอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น ทางสหรัฐฯ มองว่าเป็นการท้าทายอย่างชัดเจน จนเป็นเหตุให้รัฐบาลวอชิงตัน ต้องชงญัตติเพิ่มระดับการคว่ำบาตรโสมแดงเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันสำหรับประชาชนเกาหลีเหนือจาก 4 ล้าน ให้เหลือแค่ 3 ล้านบาร์เรลอีกด้วย

สหรัฐฯ ได้อ้างเหตุผลว่า เกาหลีเหนือได้ละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับสภาความมั่นคงในปี 2017 ว่าจะระงับการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ทว่ารัฐบาลเปียงยางกลับรื้อฟื้นแผนการทดสอบขีปนาวุธขึ้นมาใหม่ และอ้างว่าสามารถพัฒนาได้ถึงขั้นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปได้แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ฟาก จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ ก็ได้จับมือกับรัสเซีย ใช้สิทธิ์สมาชิกถาวรของสภาความมั่นคง คัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ โดยมองว่าข้อตกลงร่วมเรื่องการคว่ำบาตรตามหลักการแบบเดิมก็เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร หรือตั้งให้เป็นข้อบังคับที่มีผลกับทุกประเทศในสหประชาชาติเพียงเพื่อต้องการเล่นงานเกาหลีเหนือ 

สหรัฐฯ คว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย - บ.เกาหลีเหนือ  อ้าง!! เหตุสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้าง

สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรสถาบันการเงินรัสเซีย 2 แห่ง, บริษัทเกาหลีเหนือ 1 แห่ง และบุคคลอีก 1 คนเมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) โดยกล่าวหาว่ามีส่วนสนับสนุน “โครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง” ของเกาหลีเหนือ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่จีนและรัสเซียใช้สิทธิ์ “วีโต” ขัดขวางร่างมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอ ในปรากฏการณ์ที่สะท้อนภาวะ “เสียงแตก” อย่างชัดเจนของ UNSC ซึ่งเริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเปียงยางครั้งแรกในปี 2006

สหรัฐฯ อ้างว่าเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) มาแล้วถึง 6 ครั้งในปีนี้ และยังมีสัญญาณเตือนว่าพวกเขาอาจกำลังรื้อฟื้นการทดลอง “ระเบิดนิวเคลียร์” อีกครั้ง หลังจากที่งดเว้นไปตั้งแต่ปี 2017 แต่ก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวจีนและรัสเซียให้ยอมยกมือสนับสนุนการคว่ำบาตรได้

ล่าสุด กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อบริษัท แอร์ โครยอ เทรดดิ้ง คอร์ป (Air Koryo Trading Corp) ของเกาหลีเหนือ รวมถึงธนาคาร ฟาร์ อีสเทิร์น แบงก์ (Far Eastern Bank)
และธนาคาร แบงก์ สปุตนิก (Bank Sputnik) ของรัสเซีย โดยอ้างว่านิติบุคคลเหล่านี้มีส่วนในการจัดหาและสร้างรายได้ให้แก่องค์กรต่างๆ ของเกาหลีเหนือ

อึ้ง!! การค้าน้ำมัน 'รัสเซีย-อินเดีย' พุ่ง!! เติบโตมหาศาล 25 เท่าหรือ 2500%

World Maker เผย รัสเซีย-อินเดียค้าน้ำมันพุ่ง 25x !!! ล่าสุดเติบโตถึง 25 เท่าหรือ 2500% โดยการส่งมอบ 3 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็นมากกว่า 10 เท่าของการส่งมอบตลอดปีที่แล้ว !!! เรียกได้ว่าเติบโตกันอย่าง 'มหาศาล' เลยทีเดียว ! และที่สำคัญคือราคา Discount จากตลาดโลกอย่างน้อย 30% !! งานนี้โกยกันยับทั้งคนซื้อทั้งคนขาย !

⚠️ล่าสุดดูเหมือนว่าการค้าระหว่างรัสเซีย-อินเดียโดยเฉพาะทางด้านน้ำมัน กำลังเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล โดยตัวเลขการส่งมอบพุ่งขึ้นถึง 25 เท่าหรือ 2500% ขณะที่การส่งมอบในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวสูงถึง 24 ล้านบาร์เรล !! เทียบกับปีที่แล้วเพียง 960,000 บาร์เรลเท่านั้น !

📌โดยรวมแล้วอินเดียรับน้ำมันดิบจากรัสเซียไปกว่า 34 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่ามูลค่าการนำเข้าทั้งหมดตลอดปี 2021 ถึง 10 เท่าหรือ 1000% ! ท่านผู้อ่านลองคิดดูเอาเองว่าตัวเลขนำเข้าเพียง 3 เดือนสูงกว่าตัวเลขตลอดปีที่แล้วถึง 10 เท่ามันมากแค่ไหน !!

ส่วนตัวเลข 24 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้นั้น เพิ่มขึ้นจาก 7.2 ล้านบาร์เรลในเดือนเมษายน และขยายจาก 3 ล้านบาร์เรลในเดือนมีนาคม และที่ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการส่งมอบสูงถึง 28 ล้านบาร์เรล !! (เพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านบาร์เรลจากเดือนนี้)

การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่พึ่งประกาศคว่ำบาตรน้ำมันทางเรือ (คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการส่งมอบทั้งหมด) ต่อรัสเซีย ทำให้รัสเซียต้องเร่งปรับเปลี่ยน Supply Chain ไปยังตลาดอื่น ๆ แทน โดยเฉพาะในเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งสร้างโอกาสให้โรงกลั่นของอินเดียสามารถยกระดับการซื้อน้ำมันจากรัสเซียได้ในราคาพิเศษอย่างมาก ! รวมถึงประเทศจีนที่กำลังเร่งซื้อพลังงานจากรัสเซียอย่างมหาศาล

ไม่แปลกที่ ‘หมีขาว’ จะกริ้ว!! ส่องการขยายอิทธิพลของนาโต ตั้งแต่ปี 1949-2022

จากจุดเริ่มต้นขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต มีประเทศที่ร่วมก่อตั้ง 12 เมื่อปี 1949 แต่หลังจาก 70 ปีผ่านไป กลับมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

หากสำรวจตามแผนที่แล้ว จะเห็นได้ว่า จากเดิมประเทศสมาชิกนาโต ที่อยู่ห่างไกลจากรัสเซีย ก็เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้น แทบจะประชิดชายแดนกันเลยทีเดียว

ปัจจุบัน นาโตมีสมาชิก 30 ประเทศ และอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 32 ประเทศ เพราะสวีเดนและฟินแลนด์ เพิ่งยื่นใบสมัครรอการอนุมัติ จึงเป็นอีกหนึ่งชนวนเหตุที่ทำให้รัสเซียไม่พอใจอย่างยิ่ง เนื่องจากฟินแลนด์ มีพรมแดนฝั่งตะวันออกติดกับรัสเซียมากกว่า 1 พันกิโลเมตรนั่นเอง

‘จีน’ ผนึก ‘รัสเซีย’ ส่งเสริม ‘ประชาธิปไตยที่แท้จริง’บนพื้นฐาน ‘กฎหมาย-เงื่อนไข’ ของแต่ละประเทศ

ทูตสูงสุดจีนประกาศกร้าว!! ปักกิ่งจะทำงานร่วมกับมอสโก เพื่อส่งเสริม ‘ประชาธิปไตยที่แท้จริง’ ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างประเทศจีนกับรัสเซีย

“จีนมีความมุ่งมั่นทำงานร่วมกับรัสเซียและประชาคมนานาชาติ เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยที่แท้จริง บนเงื่อนไขของแต่ละประเทศ” ถ้อยแถลงของรัฐบาลอ้างอิงคำกล่าวของ หวัง อี้ (Wang Yi) รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่พูดกับที่ประชุมของสถาบันวิจัยจีน-รัสเซียแห่งหนึ่ง ผ่านวิดีโอลิงก์ในวันพุธ (1 มิ.ย.65) โดยกิจกรรมดังกล่าวมี เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เข้าร่วมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวเสริมอีกว่า ‘พวกเผด็จการโลก’ (Monopolizing) ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่ใช้เรียกลัทธิที่มีการใช้ ‘ระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน’ เพื่อสร้างอิทธิพลในประเทศอื่นๆ ซึ่งจีนกล่าวว่า เป็นกลวิธีที่มาถึงวาระล้มเหลว (เป็นการพูดเหน็บแนมสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นแกนนำประชาคมโลกประณามปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย)

จนถึงตอนนี้ จีนยังคงแสดงท่าทีที่เป็นกลางต่อ ‘รัสเซีย-ยูเครน’ เช่นเดียวกับ ซาอุฯ, อินเดีย และอีกหลายประเทศ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่จีนกล่าวโทษคือ ‘สหรัฐฯ’ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสงคราม

จีนอธิบายไว้ชัดเจนว่า สหรัฐฯ ทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของ NATO ไปยังอาณาเขตของรัสเซีย ทำให้ ‘ปูติน’ ไม่มีทางเลือก ในขณะที่ประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ได้ประกาศ "มิตรภาพไม่จำกัดขอบเขต" กับปูติน ในช่วงก่อนการรุกราน และไม่ได้พูดคุยกับ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน เลยตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
 

ปูตินเตือน!! รัสเซียจะโจมตีหนักขึ้น หากตะวันตกส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน

สำนักข่าว TASS รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า หากมีการจัดหาขีปนาวุธดังกล่าวปูตินกล่าวว่า "เราจะโจมตีเป้าหมายที่เรายังไม่ได้โจมตี" ปูตินในระหว่างการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัฐ Rossiya-1

ปูตินไม่ได้ระบุเป้าหมายที่รัสเซียวางแผนจะติดตามหากประเทศตะวันตกเริ่มส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครน เขากล่าวว่า "ความยุ่งยาก" เกี่ยวกับการจัดหาอาวุธของชาติตะวันตกที่ส่งไปยังยูเครน ถูกวางแผนมาเพื่อทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไป

ยูเครนกำลังค้นหาระบบปล่อยจรวดหลายเครื่อง (MLRS) เช่น M270 และ M142 HIMARS เพื่อโจมตีกองทหารและคลังอาวุธที่ด้านหลังของกองกำลังรัสเซีย

ทูตสหรัฐฯ วอนรัสเซีย ‘อย่าเพิ่งสั่งปิดสถานทูตมะกัน’ ชี้!! 2 ชาติยังต้องคุยกัน แม้ความสัมพันธ์จะเลวร้าย

จอห์น เจ. ซัลลิแวน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโก เรียกร้องรัฐบาลรัสเซียว่าอย่าได้สั่งปิดสถานทูตสหรัฐฯ เป็นอันขาด แม้วิกฤตการณ์ในยูเครนจะทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม พร้อมย้ำว่าอย่างไรเสีย 2 ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดของโลกยังจำเป็นต้องพูดคุยกัน

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เอ่ยถึงการส่งทหารรุกรานยูเครนว่าเป็น 'จุดเปลี่ยน' ในประวัติศาสตร์รัสเซีย และเป็นการปฏิวัติต่อต้านการครองความเป็นใหญ่ (Hegemony) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้นำเครมลินบอกว่าใช้อิทธิพลข่มเหงรัสเซียมาตลอดตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี 1991

ฝ่ายยูเครน และบรรดารัฐตะวันตกที่ให้การสนับสนุนอ้างว่า นี่คือการต่อสู้เพื่อให้ยูเครนรอดพ้นจากแผนยึดดินแดนเยี่ยงนักล่าอาณานิคมซึ่งได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้วนับพันคน ทำให้ชาวยูเครนอีกกว่า 10 ล้านต้องพลัดถิ่นฐาน และทำให้เมืองต่าง ๆ ของยูเครนกลายสภาพเป็นที่ดินรกร้าง (Wasteland)

ซัลลิแวน ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TASS ว่า วอชิงตันและมอสโกไม่ควรจะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกันง่าย ๆ

“เราจะต้องคงไว้ซึ่งความสามารถในการพูดคุยกันเสมอ” เขากล่าว

ทูตอเมริกันผู้นี้ยังฝากเตือนไปยังชาติตะวันตกว่าไม่ควรที่จะถอดหนังสือของ เลโอ ตอลสตอย (Leo Tolstoy) นักเขียนชาวรัสเซียออกจากชั้นวาง และไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธการบรรเลงเพลงของ 'ปิออตร์ ไชคอฟสกี' (Pyotr Tchaikovsky) ด้วย

อย่างไรก็ดี รัสเซียประกาศแล้วว่า “การเล่นเอาเถิดเจ้าล่อ” กับตะวันตกในยุคหลังสหภาพโซเวียตได้จบสิ้นลงแล้ว และหลังจากนี้มอสโกจะหันไปขยายความร่วมมือกับมิตรประเทศในซีกโลกตะวันออก

'ชาติยุโรป' จำนน!! ร่วมกลไกชำระเงินรูเบิล รัสเซียคาดคงไม่ต้องตัดก๊าซใครเพิ่มอีก

รัสเซียระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) คาดหมายว่าทางก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของพวกเขา คงไม่ต้องตัดการส่งก๊าซธรรมชาติแก่บรรดาผู้โภคยุโรปอื่นอีก และบอกว่ากลไกบังคับชำระค่าก๊าซเป็นสกุลเงินรูเบิลกำลังได้ผลตามแผนที่วางเอาไว้

ก๊าซพรอม ได้ตัดการจ่ายก๊าซให้แก่ Orsted บริษัทเดนมาร์ก และเชลล์ เอเนอร์จี สำหรับสัญญาป้อนก๊าซแก่เยอรมนี เช่นเดียวกับ GasTerra ผู้ซื้อสัญชาติเนเธอร์แลนด์ รวมถึง บัลแกเรีย โปแลนด์ และฟินแลนด์ โทษฐานปฏิเสธชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิล ภายใต้กลไกการชำระเงินแบบใหม่

การชำระเงินภายใต้กลไกแบบใหม่ ซึ่งถูกกำหนดขึ้นมาตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก ครบกำหนดชำระแล้วในงวดเดือนเมษายนและพฤษภาคม

'รัสเซีย' ช่วยส่งน้ำมัน 'จีน' ช่วยส่งเวชภัณฑ์-ข้าว-ดูแลหนี้ น้ำใจที่ ศรีลังกา ไม่เคยได้จากการคบตะวันตกกว่า 100 ปี

ที่ผ่านมาในยามศรีลังกา มีกินมีใช้ แต่ก็มักจะถูกฝ่ายระเบียบโลกเก่า สหรัฐอเมริกา และอดีตเจ้าอาณานิคมสหราชอาณาจักร ปอกลอกจนหมดตัว ผ่านนโยบายรัฐบาลที่โปรตะวันตก เห่อตามกระแสถือครองเงินดอลลาร์, ยูโร ในสัดส่วนที่สูงมากกว่าเงินตราชาติตนเอง

ส่งผลให้เกิดการละทิ้งภาคเกษตรลงไป 50% จนรายได้ลดหายไป, พิมพ์เงินตราท้องถิ่นตนเพิ่มไม่บันยะบันยังโดยไร้ทองคำค้ำประกัน, ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อไปกับค่าพลังงานสิ้นเปลือง, ปิดโรงกลั่นน้ำมันดิบ ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปเอาสะดวกเข้าว่า...

...ไม่นานนักอัตราเงินเฟ้อก็ทะยานกว่า 39%

พอหมดหนทาง ก็พิมพ์เงินเพิ่มไปใช้หนี้ต่างประเทศ และพันธบัตร จากนั้นจบตามสูตรด้วยการไปขอกู้ IMF กับธนาคารโลก พร้อมทั้งทำแผนขายสินทรัพย์ชาติ เช่น สายการบิน ฯลฯ ซึ่งถือเป็นสูตรสำเร็จในการโจมตีค่าเงินแบบชาติตะวันตก ที่ทำกันมานานแล้วกับหลายชาติที่รัฐบาลโปรตะวันตก และรู้ไม่เท่าทัน (เฉกเช่นพิษต้มยำกุ้งทางเศรษฐกิจ)

สุดท้ายเงินคงคลังของศรีลังกาเกลี้ยง ถังแตก ไม่มีเงินชำระหนี้คงค้างค่าน้ำมันสหรัฐฯ แม้จะแค่ 53 ล้านดอลลาร์ ด้านเรือน้ำมันก็จอดจิบกาแฟ นอนตากอากาศสบายใจเฉิบอยู่นอกชายฝั่งไม่ยอมเทียบท่า ท่ามกลางปัญหาทุกข์เข็ญของคนศรีลังกาทั้งประเทศที่ขาดแคลนน้ำมัน ดับลมหายใจการเดินทางด้วยรถยนต์, เรือประมงต้องงดหาปลา, ไฟฟ้าดับแทบตลอดวัน, ขาดยารักษาโรค, อาหาร, สินค้าจำเป็นอุปโภคบริโภค ประชาชนเสียชีวิตไปหลายสิบคนเนื่องจากไม่มีน้ำมันเติมรถไปโรงพยาบาล ขณะที่อุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉินก็ขาดกระแสไฟฟ้าเชื่อมต่อ

ซ้ำร้าย!! รัฐบาลศรีลังกา ที่เคยรับคำสั่งมหาอำนาจจากระเบียบโลกเก่า ก็ได้ทำสิ่งที่ผิดร้ายแรง คือ ประกาศอายัดเครื่องบินโดยสารรัสเซีย แต่เมื่อจนตรอกยากจนทุกข์ยาก ชาติตะวันตกสุดโหดเหล่านั้นก็นิ่งดูดายเสีย ไม่ส่งน้ำมัน ยารักษาโรค หรือแม้จะส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมไปให้ ทำให้รัฐบาลศรีลังกา ต้องดิ้นเฮือกสุดท้ายบากหน้ายอมขัดคำสั่งสหรัฐฯ โดยติดต่อขอซื้อน้ำมันจากรัสเซียโดยไม่มีเงิน ซึ่งรัฐบาลศรีลังกาไม่มีความหวังเลยว่ารัสเซียจะช่วยเนื่องจากไปอายัดเครื่องบินโดยสารรัสเซียไว้

>> แต่โลกไม่ได้เลวร้าย และ 'รัสเซีย' ก็ไม่ได้โหดร้ายตามที่ชาติตะวันตกปั้นภาพให้น่ากลัว เมื่อรัฐบาลศรีลังกา กล้าอ่อนน้อมมาขอ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียก็กล้าให้ ตามสไตล์ 'นักเลงโบราณ ใจถึงพึ่งได้' โดยปูตินสั่งบริษัทพลังงานรัฐวิสาหกิจของรัฐ ขนน้ำมันดิบใส่เรือมาเทียบท่าศรีลังกาในเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น 

ส่วนเรื่องเงินค่าน้ำมันน่ะหรอ!! สำหรับรัสเซียแล้วเล็กน้อยมาก ให้ติดหนี้ไว้ก่อนมีเมื่อไรค่อยมาใช้ คนจะอดตายอยู่แล้วไม่ใช่เวลามาขูดเลือดกับปู 

เรื่องนี้แม้แต่รัฐบาลศรีลังกา ยังแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมาคบกับชาติตะวันตกมาเป็นร้อยปี มีแต่ถูกเอาเปรียบกดขี่เอาแต่ได้แถมยังถูกปอกลอกมาตลอด ขณะที่รัสเซียไม่เพียงแค่ช่วยขนน้ำมันมาให้ถึงท่า แต่ยังส่งทีมงานมาช่วยเดินเครื่องโรงกลั่นน้ำมันอีกด้วย ส่งผลให้เกิดผลผลิตพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันดิบตามมามากมาย เช่น ก๊าซเหลวหุงต้ม, น้ำมันหล่อลื่น, น้ำมันเตา, ยางมะตอย ฯลฯ

งานนี้ส่งผลให้ศรีลังกา ละอายใจมากแพ้ใจนักเลงรัสเซีย จนต้องรีบปล่อยอายัดเครื่องบินโดยสารทันที

>> ล่าสุดมิตรแท้ ก็โผล่มายามยากจนข้นแค้นอีกราย คือ 'จีน' ที่ได้ขนส่งเวชภัณฑ์ ข้าว และสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อมนุษยธรรมฉุกเฉินล็อตแรก 500 ล้านหยวน ถึงศรีลังกาเป้นที่เรียบร้อย และที่คาดไม่ถึงคือ นายจ้าว ลี่เจี้ยน (Zhao Lijian) โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงว่า "จีนจะช่วยศรีลังกาจัดการกับภาระหนี้สินที่มีต่อจีน และหนี้กับประเทศอื่น รวมทั้งหนี้กับองค์กรระหว่างประเทศ (IMF, World bank) อีกด้วย"

...เพื่อนกินหาง่ายยามเรามีกินมีใช้ แต่พวกเขาจะพากันหายหัวไปเมื่อเราตกยาก แต่เพื่อนแท้จริงใจจะมาช่วยเหลือในยามที่เราไม่เหลืออะไรเลย แค่อาหาร เวชภัณฑ์ พลังงาน ให้ชีวิตรอดมีแรงเดินต่อได้ และยังช่วยดูแลหนี้ต่างๆ แค่นี้ก็ซึ้งใจ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top