Monday, 6 May 2024
ญี่ปุ่น

สื่อผู้ดี เผย ‘แจ็ค หม่า’ อาศัยที่ญี่ปุ่นนาน 6 เดือนแล้ว หลัง ‘รัฐบาลจีน’ เข้ากวาดล้างธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี

‘แจ็ค หม่า’ ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของโลก อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นมาเกือบ 6 เดือนแล้ว หลังจากไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะ ภายหลังจากที่ทางการจีนกวาดล้างภาคธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า ‘แจ็ค หม่า’ ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของโลก ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมากับครอบครัวของเขาที่กรุงโตเกียวและเมืองอื่น ๆ ของญี่ปุ่น และบอกว่าหม่าแวะเวียนไปที่โมสรส่วนบุคคลหลายแห่งในกรุงโตเกียวอยู่เป็นประจำ จนกลายเป็นผู้สนใจสะสมศิลปะสมัยใหม่ของญี่ปุ่นรวมถึงการหาแนวทางขยายผลประโยชน์ทางธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน นอกจากนั้น ยังมีผู้พบเห็นเขาไปปรากฏตัวในสถานที่อื่น ๆ อีกเช่น เกาะมายอร์กาในสเปนเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงการเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ และอิสราเอล

'ฟีฟ่า' ยันลูกประตูชัยทีมชาติญี่ปุ่น ยังไม่ออกหลัง ส่งผลให้ทีมแซงชนะ 2-1 พร้อมควบแชมป์กลุ่ม

‘สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ’ หรือ ‘ฟีฟ่า’ ได้ออกมาอธิบายว่าเหตุการณ์ที่ ‘ทีมชาติญี่ปุ่น’ ทำประตูเอาชนะ ‘ทีมชาติสเปน’ 2-1 จนเกิดข้อกังขาว่าลูกบอลออกหลังไปแล้วนั้น ทำให้พวกเขาต้องพิจารณาดูภาพช้าจากกล้องทุกมุมมองของ VAR และ จากภาพมุมสูงของกล้องจะเห็นว่ายังมีส่วนโค้งของลูกบอลอยู่บนเส้น จึงตัดสินให้ ญี่ปุ่น ได้ประตูชัยเหนือ สเปน พร้อมปาดหน้าเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่ม และได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ต่อไป 

ประตูชัยของญี่ปุ่น ได้จาก ‘อาโอะ ทานากะ’ เริ่มจากจังหวะที่ คาโอรุ มิโตมะ เปิดบอลจากเส้นหลังกลับเข้ามาหน้าประตู ซึ่งหลังจากนั้นผู้ตัดสินในสนามใช้เวลาเช็ค VAR อยู่นาน จนตัดสินใจยืนยันให้เป็นประตู

อย่างไรก็ตาม จากภาพช้าที่ถูกฉายระหว่างเกม ทำให้การตัดสินดังกล่าวได้รับการตั้งข้อสงสัย โดย อัลลี่ แมคคอยส์ต กูรูฟุตบอลได้แสดงความเห็นต่อจังหวะนี้ว่า "ผมคิดว่าบอลออกหลังไปแล้ว แต่กรรมการให้เป็นประตู ซึ่งเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ตอนที่จังหวะนั้นเกิดขึ้น, ภาพช้าที่ปรากฏแสดงให้เราเห็นว่าบอลออกไปแล้ว

8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่น ยกพลขึ้นบก แผ่นดินไทย ใช้เป็นทางผ่านไปตีพม่าและมลายู

8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ทหารญี่ปุ่น ‘ยกพลขึ้นบก’ เข้าไทย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อขอผ่านไปตีพม่าและมลายูของอังกฤษ จนเกิดปะทะกับทหาร ตำรวจและยุวชนทหารไทย 

การยกพลขึ้นบกของกองทัพญี่ปุ่น เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (ค.ศ.1941) ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. เมื่อกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ปัตตานีและบางปู สมุทรปราการ และบุกเข้าประเทศไทยทางบกที่อรัญประเทศ กองทัพญี่ปุ่นสามารถขึ้นบกได้โดยไม่ได้รับการต่อต้านที่บางปู ส่วนทางภาคใต้และทางอรัญประเทศมีการต่อสู้ต้านทานอย่างหนักของทหารไทย ประชาชนทั่วไปและอาสาสมัครที่เป็นเยาวชน ที่เรียกว่า ยุวชนทหาร ในบางจังหวัด เช่น การรบที่สะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร

'ไทย’ ผงาด!! โอกาสครั้งใหญ่ หลังญี่ปุ่นเตรียมถอยทัพการลงทุนออกจากจีน | Summary Reporter EP.24

'ไทย’ ผงาด!! โอกาสครั้งใหญ่ หลังญี่ปุ่นเตรียมถอยทัพการลงทุนออกจากจีน

.

#THESTATESTIMES
#ReporterJourney
#SummaryReporter
#ญี่ปุ่น
#จีน
#การลุงทุน

‘ญี่ปุ่น’ เตรียมถอยทัพออกจากจีน เบนเข็มลุยอาเซียน ส้มหล่น!! ผลโพลเผย 76% ญี่ปุ่นเลือกซบไทย

(11 ธ.ค. 65) เมื่อไม่นานมานี้ รายการ Summary Reporter ได้เผยแพร่วิดีโอบอกเล่าเรื่องราวการลงทุนของญี่ปุ่นในจีน พร้อมระบุถึงทีท่าที่ไม่สู้ดี เนื่องจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ยังเข้มข้นของจีน และแนวโน้มที่จะย้ายฐานการลงทุนกลับมาที่อาเซียน และส้มอาจหล่นที่ประเทศไทย โดยระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า…

‘ญี่ปุ่น’ เตรียมเปลี่ยนแผนถอยทัพออกจากจีน เบนเข็มกลับสู่อาเซียน โดยมีโอกาสมากถึง 76% ที่จะกลับมาลงทุนในประเทศไทย หลังนโยนบายจีนเอาแน่เอานอนไม่ได้

ดูเหมือนนโยบายการเปิดประเทศของจีนนั้นน่าจะยังอีกยาวไกล ทำให้การทำธุรกิจในจีนดูสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้สักอย่าง ในขณะที่โลกหมุนไป ทั่วโลกเปิดประเทศหมดแล้วหลังจากโควิด-19 แต่จีนยังอยู่แบบเดิมๆ คนทำธุรกิจก็แย่หนัก นำเข้าก็ไม่ไหว ส่งออกก็ไม่ได้ 

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลายประเทศที่เข้าไปลงทุนในจีนต้องปรับแผนกันใหม่ เตรียมถอยทัพออกจากจีนในหลายๆ กลุ่มธุรกิจ

แต่ที่น่าจับตามองคือ ‘ญี่ปุ่น’ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว Nikkei ของญี่ปุ่น ได้ไปสำรวจผู้ประกอบการธุรกิจหรือนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในจีน จากผลสำรวจระบุว่า จาก 100 แห่ง มี 78 แห่งบอกว่า ความเสี่ยงในการจัดหาชิ้นส่วนและอุปกรณ์วัตถุดิบในจีนมันเพิ่มมากขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

อีกทั้งบริษัทญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 53% บอกว่า จะเตรียมลดการพึ่งพาในการจัดซื้อหรือการพึ่งพาอุปสงค์และอุปทานในจีนลง อย่างที่รู้กันว่าจีนเป็นโรงงานขนาดใหญ่ของโลก และโรงงานของญี่ปุ่นไปตั้งในจีนเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทที่ผลิตเครื่องจักร จะมีการลดการพึ่งพาจีนลงถึง 60% 

ขณะที่บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ เคมีภัณฑ์ จะลดการพึ่งพาจีนลงถึง 57% ส่วนบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์จะลดการพึ่งพาจีนลง 55% ดูจากตัวเลขพวกนี้ถือว่าลดลงครึ่งๆ เลยทีเดียว

รักนิรันดร ‘Yasuo Takamatsu’ ชายผู้ดำน้ำตามหาภรรยา ที่หายตัวไปจากเหตุสึนามิที่ญี่ปุ่น ในปี 2011

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 เกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิโทกุที่พัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ผู้คนราว ๆ หนึ่งในสี่ล้านคนต้องสูญเสียบ้าน และคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ ๒๐,๐๐๐ คน และเหยื่อจากสึนามิครั้งนั้นมากกว่า ๒,๕๐๐ รายยังคงสูญหาย


Yasuo Takamatsu ก็เป็นหนึ่งในผู้สูญเสียจากเหตุการณ์สินามิครั้งนั้นเช่นกัน โดยเขาได้สูญเสีย Yuko ภรรยาสุดที่รักของเขา 

ขณะเกิดเหตุสินามิ Yasuo อยู่กับมารดาที่โรงพยาบาลในเมืองใกล้เคียง ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปยังเมืองที่ถูกคลื่นยักษ์สึนามิทำลายล้าง ซึ่งในเวลานั้น ตึกรามบ้านช่อง รถยนต์ และเรือตกปลาจำนวนมากถูกทำลาย และโรงพยาบาลซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาถูกกำหนดให้เป็นศูนย์อพยพ โดยมีผู้คนหลายร้อยคนไปพึ่งพิงที่โรงพยาบาลแห่งนั้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวได้ไม่นาน

หลายเดือนภายหลังจากภัยพิบัติผ่านพ้นไป Yasuo ก็พบเพียงโทรศัพท์ของภรรยาในลานจอดรถของธนาคารที่เธอทำงานอยู่ เขากล่าวถึงความ ‘น่าหดหู่ใจ’ ที่ต้องคิดถึงการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีภรรยา 

หากย้อนกลับไปยังวันที่เกิดเหตุสึนามิ ขณะที่ภรรยาของเขากำลังทำงานอยู่ เธอได้ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ เธอถามผู้เป็นสามีว่า “คุณสบายดีไหม” และในข้อความสุดท้ายของเธอถึงสามีมีเพียงข้อความว่า “ฉันอยากกลับบ้าน” และหลังจากนั้นเธอก็ขาดการติดต่อ

Yasuo ได้ใช้เวลาค้นหาภรรยาบนบกนานกว่าสองปีครึ่งภายหลังสึนามิถล่มแผ่นดินใหญ่ และยังคงพยายามค้นหาเธอทุกวิถีทาง จนในที่สุด Yasuo Takamatsu ในวัย ๕๗ ปี ก็เริ่มเรียนดำน้ำในเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 จนได้รับใบอนุญาตในการดำน้ำระดับสูงเพื่อค้นหาภรรยาของเขา

เดิมที Yasuo Takamatsu เป็นพนักงานขับรถบัส และไม่ชอบการดำน้ำ แต่ด้วยความต้องการที่จะค้นหาภรรยาให้พบ จึงกลายเป็นเรื่อง ‘บังคับ’ ให้เขาดำลงในมหาสมุทรไปโดยปริยาย

‘ก.แรงงาน’ รับสมัครชายไทยฝึกงานเทคนิคที่ญี่ปุ่น ผ่านองค์กร IM Japan สมัครได้ถึง 31 ม.ค. 66

กระทรวงแรงงาน เปิดรับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคประเทศญี่ปุ่น ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง ผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 2 สมัครสอบทางออนไลน์ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บัดนี้ - 31 มกราคม 2566

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 2 (เพศชาย) ในตำแหน่งผู้ฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิค ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง (อาทิ งานหล่อกลึงโลหะ งานปั๊มขึ้นรูปโลหะ งานเชื่อม งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ งานบำรุงรักษาเครื่องจักร งานพ่นสี งานหลอม พลาสติก งานซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ งานแปรรูปอาหาร เป็นต้น) ผู้สมัครสามารถสมัครด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ตั้งแต่บัดนี้ - 31 มกราคม 2566 และสอบคัดเลือก ณ ศูนย์สอบจังหวัดลำปาง โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคฯ จะได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนแรก 80,000 เยน หรือประมาณ 20,510 บาท ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ค่าไฟ ฟรี และเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนด เมื่อฝึกครบตามกำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน หรือประมาณ 153,830 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 มกราคม 2566) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย  

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแรงงานไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศมาโดยตลอด เพราะทำให้แรงงานไทยมีรายได้ ได้เปิดโลกทัศน์ ได้รับประสบการณ์ สามารถนำทักษะที่เรียนรู้มาเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในการทำงาน หรืออาจต่อยอดเปิดกิจการของตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! เอกชนญี่ปุ่น เชื่อมั่นศักยภาพ ศก.ไทย จ่อขยายการลงทุน มั่นใจ ศก.ปี 66 พุ่งจากการท่องเที่ยว

(17 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2565 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. - 23 ธ.ค.2565 โดยหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (Japanese chamber of commerce, Bangkok: JCCB) และยินดีที่ภาคเอกชนญี่ปุ่น ให้ความเชื่อมั่นศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และมีแผนที่จะขยายการลงทุนมากขึ้น โดยคาดการณ์จีดีพี ปี 2566 จะเติบโตมากขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการ สำรวจฯ คาดการณ์ว่าดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะอยู่ที่ 28 สูงขึ้นจากช่วงครึ่งหลังของปี 2565 อยู่ที่ 21 โดยผู้ประกอบการญี่ปุ่นคาดว่า การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวขาเข้า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและชิ้นส่วนจะได้รับการแก้ไข

สัญญาณอันตราย!! ‘ญี่ปุ่น’ ทุบสถิติ ยอดประชากรเกิดต่ำสุดในรอบ 40 ปี ‘นายกฯ’ ชี้ เป็นวิกฤต สั่งเร่งแก้ไข-เพิ่มงบหนุน 2 เท่า

(1 มี.ค. 66) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ว่า จำนวนการแจ้งเกิดในญี่ปุ่นลดตัวลงอีกครั้ง และทำลายสถิติต่ำที่สุดอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหามานานหลายสิบปี สถิติการเกิดในประเทศล่าสุดที่น่ากังวลนี้ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นในการกระตุ้นการเกิดใหม่ของประชากร แม้จะมีความพยายามอย่างหนักก็ตาม

จากสถิติการเกิดที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ญี่ปุ่นมีจำนวนเด็กทารกเกิดใหม่จำนวน 799,728 คนเมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จำนวนการเกิดของประเทศอยู่ต่ำกว่า 800,000 คน โดยยอดดังกล่าวลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ในอดีตญี่ปุ่นเคยมีสถิติการเกิดมากกว่า 1.5 ล้านคนในปี 1982

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตของปีที่ผ่านมาอยู่ที่กว่า 1.58 ล้านราย ซึ่งทุบสถิติสูงที่สุดในช่วงเวลาหลังเกิดสงคราม

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีอัตราการตายสูงกว่ายอดการเกิดใหม่ของประชาชนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักอึ้งต่อผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

ประชากรของญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจของประเทศเฟื่องฟูในช่วงยุค 80 และในปี 2021 ญี่ปุ่นมีประชากรอยู่ที่ 125.5 ล้านคน อ้างอิงข้อมูลตัวเลขล่าสุดของรัฐบาล โดยอัตราการเกิดของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 1.3 นั้น ต่ำกว่าความคาดหวังของอัตราการเกิดใหม่ของประชากรที่ 2.1 อย่างมาก โดยการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาจำนวนประชากรให้มีคงที่ ในกรณีที่ไม่มีการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ

อีกทั้ง ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรมีอายุขัยมากที่สุดในโลก โดยในปี 2020 ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า สามารถพบคนญี่ปุ่นที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป ได้ในอัตราส่วนเกือบ 1 ใน 1,500 คน

11 มีนาคม พ.ศ. 2554 เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง นอกชายฝั่งญี่ปุ่น เกิดคลื่นสึนามิถล่มภูมิภาคโทโฮกุเสียหายหนัก

วันนี้ เมื่อ 12 ปีก่อน เกิดเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรงระดับ 9.0 แมกนิจูด ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภูมิภาคโทโฮกุ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.46 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น (05:46 UTC) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 จุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีรายงานว่า อยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรโอชิกะ ภาคโทโฮกุ โดยมีจุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร นับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในห้าแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของโลกเท่าที่มีการบันทึกสมัยใหม่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2443 และก่อให้เกิดคลื่นสึนามิทำลายล้างซึ่งสูงที่สุดถึง 40.5 เมตร ในมิยาโกะ จังหวัดอิวาเตะ ภูมิภาคโทโฮกุ 

บางพื้นที่พบว่าคลื่นได้พัดพาลึกเข้าไปในแผ่นดินลึกถึง 14 กิโลเมตร และมีคลื่นที่เล็กกว่าพัดไปยังอีกหลายประเทศหลายชั่วโมงหลังจากนั้น ได้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิและคำสั่งอพยพตามชายฝั่งด้านแปซิฟิกของญี่ปุ่นและอีกอย่างน้อย 20 ประเทศ รวมทั้งชายฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดของประเทศอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ซึ่งนอกเหนือไปจากการสูญเสียชีวิตและการทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่นแล้ว คลื่นสึนามิดังกล่าวยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ขึ้น ซึ่งหลัก ๆ เป็นอุบัติเหตุแกนปฏิกรณ์ปรมาณูหลอมละลายระดับ 7 ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง และการกำหนดพื้นที่อพยพได้มีผลกระทบถึงราษฎรนับหลายแสนคนแผ่นดินไหวดังกล่าวรุนแรงเสียจนทำให้เกาะฮอนชูเลื่อนไปทางตะวันออก 2.4 เมตร พร้อมกับเคลื่อนแกนหมุนของโลกไปเกือบ 10 เซนติเมตร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top