Tuesday, 30 April 2024
ซาอุดีอาระเบีย

“นายกฯ” สั่งเร่งวางโรดแมปสานต่อความร่วมมือไทย-ซาอุดีอาระเบีย บุกตลาดสินค้าไทย พร้อมเสริมกำลังแรงงานไทย เชื่อมั่นต่อยอดความร่วมมือได้อีกทุกด้านที่มีศักยภาพ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งวางโรดแมปเพื่อสานต่อความร่วมมือไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน และด้านแรงงาน ซึ่งเป็นด้านที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยได้พิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีเพื่อผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม 

“โดยการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้ขยายความร่วมมือผ่านการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ โดยด้านการค้าการลงทุน จะเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่สินค้าและธุรกิจของไทย ซึ่งล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกของไทยไปยังซาอุดีอาระเบียในปี 2565 จะมีการขยายตัวกว่า 6.2% สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ถึงร้อยละ 15 และจะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการส่งออกสินค้าไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุน การทำธุรกิจและการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อต่อยอดไปยังสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักและทำการตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าไทยมีคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของซาอุดีอาระเบียได้โดดเด่นที่สุดในอาเซียน

โดยมีสินค้าเป้าหมาย 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. สินค้าเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล เช่น ข้าว อาหารทะเลแปรรูป ไก่สด ผลไม้ กาแฟ ขนมจากน้ำตาล เครื่องปรุงรส อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช 2. สินค้าอุตสาหกรรม ประเภทยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. ภาคบริการ ผ่านโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ ตลอดจนโรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งไทยล้วนมีศักยภาพในการผลิตและพร้อมส่งออก รวมถึงผ่านซาอุดีอาระเบียไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง “โฆษกรัฐบาลกล่าว

นานธนกร กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าแรงงานไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยเข้าทำงานในซาอุดีอาระเบีย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานกับสำนักงานแรงงานของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการหารายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน ประเภทงาน ระดับทักษะฝีมือ และคุณสมบัติเบื้องต้นของแรงงานที่นายจ้างซาอุดีอาระเบียมีความต้องการ รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพและปรับเพิ่มทักษะฝีมือแก่แรงงานไทย (upskill & reskill) เพื่อให้สอดรับกับความต้องการแรงงานของซาอุดีอาระเบีย

ก.ท่องเที่ยวฯตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวซาอุปีนี้ 2 แสน  

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากซาอุดิอารเบีย รอบแรกวันที่ 28 ก.พ. ที่ยอดน้อยกว่าที่วางเป้าไว้ว่า เป็นเพราะนักท่องเที่ยวยื่นเอกสารไม่ผ่านและที่จริงแล้วตามกำหนดการเที่ยวบินแรกเขาควรมาในเดือน พ.ค. แต่จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมได้เชื่อมสัมพันธุ์ไมตรีหลังเว้นว่างมากว่า 32 ปี เราได้รับการตอบรับจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเขาจึงส่งนักท่องเที่ยวเที่ยวประฐมฤกษ์มาเร็วกว่าที่คิดไว้

เราก็ขอขอบคุณรัฐบาลของทางซาอุ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. มาได้เพียง 71 คนซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เราก็ต้อนรับอย่างสมเกียรติสมฐานะ เที่ยวบินที่เข้มมามีการยิงม่านน้ำ ตนและปลัดกระทรวงฯได้ให้การต้อนรับ หวังว่าจากนี้จะมีเที่ยวบินจากซาอุดิอารเบียสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จากการหารือและพูดคุยนักท่องเที่ยวชาวซาอุต้องการมาเที่ยวที่ไทยจำนวนมาก

ซาอุดีอาระเบีย ประหารชีวิตนักโทษ 81 รายในวันเดียว นับเป็นการประหารชีวิตหมู่ครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรษ

ซาอุดีอาระเบียลงทัณฑ์นักโทษชาย 81 คน ในนั้นมีชาวเยเมน 7 คน และซีเรีย 1 คน ในวันเสาร์ (12 มี.ค.) จากการเปิดเผยของกระทรวงมหาดไทย ในการประหารชีวิตหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ

จำนวนนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ มากกว่าการประหารนักโทษตลอดทั้งปี 2021 ซึ่งมีการลงทัณฑ์ 67 ราย และตลอดทั้งปี 2020 ที่มีการประหารชีวิตนักโทษเพียง 27 ราย

ถ้อยแถลงของกระทรวงมหาดไทยซาอุดีอาระเบียระบุว่า นักโทษประหารเหล่านี้มีความผิดต่างๆ ไล่ตั้งแต่เข้าร่วมกับกลุ่มนักรบ ไปจนถึงมีความเชื่อเบี่ยงเบน

"คนเหล่านี้ รวมแล้ว 81 คน ถูกพิพากษาในคดีอาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงฆาตกรรมผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ผู้บริสุทธิ์" ถ้อยแถลงระบุ "อาชญากรรมที่บุคคลเหล่านี้ก่อยังรวมไปถึงเข้าสวามิภักดิ์องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ เช่น ไอเอส (รัฐอิสลาม) อัลกออิดะห์ และฮูตี"

กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ระบุว่านักโทษเหล่านี้ถูกประหารชีวิตด้วยวิธีการใด

ชื่นมื่น! 'เอกชนไทย - ซาอุฯ' เจรจากรอบความร่วมมือระบบอิเล็กทรอนิกส์ จัดหาแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานการประชุมรับฟังการนำเสนอระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการจ้างงานและการออกวีซ่าของซาอุดีอาระเบีย และประชุมหารือระหว่างสำนักงาน/บริษัทจัดหางานไทยและซาอุดีอาระเบีย ณ ห้องประชุมเทียนอัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน โดยมี นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้เป็นประธานการประชุมรับฟังการนำเสนอระบบอิเล็กทรอนิกส์ของซาอุดีอาระเบีย และประชุมหารือระหว่างสำนักงาน/บริษัทจัดหางานไทยและซาอุดีอาระเบีย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และร่วมหารือเกี่ยวกับกระบวนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในชาอุดีอาระเบียให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันให้แรงงานไทยไปทำงานยังต่างประเทศอย่างมีศักดิ์ศรี ได้รับการคุ้มครองตามหลักสากลและมีคุณภาพชีวิตที่ดี 

โดยได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมคนหางานก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยการให้ความรู้ การประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการพัฒนาทักษะฝีมือให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายให้คนงานไทยที่เดินทางไปทำงานยังต่างประเทศได้ยกระดับเป็น Smart Labour ตลอดจนส่งเสริมให้คนงานได้รับการคุ้มครองการทำงานระหว่างที่ทำงานในต่างประเทศตามหลักสากลได้รับค่าตอบแทนในการทำงานที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้มีรายได้กลับเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ 

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของนายจ้างเนื่องจากเป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือ มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะไปทำงานไปทำงานต่างประเทศในสาขาอาชีพต่าง ๆ ได้แก่ สาขาช่างฝีมือในภาคก่อสร้างขนาดใหญ่ งานช่าง งานบริการ และการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสของแรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานซาอุดีอาระเบีย

“บิ๊กตู่” ปลื้มข่าวดี ซาอุดีอาระเบียยกเลิกข้อห้ามคนซาอุดีฯ เดินทางเข้าไทย อนุญาตคนไทยเข้าซาอุดีฯ ได้ และยกเลิกข้อห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากไทย เชื่อมั่นต่อยอดสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจมหาศาล

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข่าวที่น่ายินดีว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกการห้ามบุคคลสัญชาติซาอุดีฯ เดินทางเข้าไทย ซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี รวมทั้งอนุญาตให้บุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้าซาอุดีฯ ได้ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีฯ ได้แน่นอน โดย ททท. ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ให้มาเที่ยวไทย 200,000 คน โดยเน้นกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มคู่รักฮันนีมูน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เป็นกลุ่มที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าหลาย ๆ ชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยเดินทางมาไทย 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ อีกหนึ่งข่าวที่น่ายินดี คือทางการซาอุดีฯ พิจารณายกเลิกห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย ซึ่งไทยถูกระงับและห้ามการนำเข้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดยมีสถานประกอบการส่งออกของไทยที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนกว่า 11 แห่ง ถือเป็นข่าวดีด้านการส่งออกปศุสัตว์ไทย โดยเฉพาะในการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะครัวโลก เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากซาอุดีฯ ถือเป็นประเทศผู้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์แปรรูปรายใหญ่ของโลก ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบีย มีการนำเข้าไก่ปีละ 5.9 แสนตัน ถือเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ

“ข่าวที่น่ายินดีทั้งสองข่าวดังกล่าว เป็นผลมาจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่เป็นไปตามลำดับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ภายหลังนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี”นายธนกรกล่าว

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม ซาอุฯ ให้คน 2 ประเทศไปมาหาสู่ได้ พร้อมไฟเขียวนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกจากไทย

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข่าวที่น่ายินดีว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกการห้ามบุคคลสัญชาติซาอุฯ เดินทางเข้าไทย ซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี รวมทั้งอนุญาตให้บุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้าซาอุฯ ได้

นายธนกรกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ได้แน่นอน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ให้มาเที่ยวไทย 200,000 คน โดยเน้นกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มคู่รักฮันนีมูน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เป็นกลุ่มที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าหลายๆ ชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยเดินทางมาไทย

‘ซาอุดีอาระเบีย’ แข็งข้อ!! พร้อมเท ‘สหรัฐฯ’ แถมขู่ ‘ไบเดน’ จะร่วมจับมือกับ ‘จีน-รัสเซีย’ 

สำนักข่าว Wall Street Journal สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้รายงานความเคลื่อนไหวของมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชวงศ์ซะอูด และเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียในปัจจุบันว่า เขาได้ขู่ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ว่าจะพาซาอุดีอาระเบียไปเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซียมากขึ้น เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เคยหมางเมิน มีใจออกห่างจากพันธมิตรเก่าแก่อย่างซาอุดีอาระเบีย

ความขัดแย้งของมหาอำนาจทั้งสอง เริ่มขึ้นตั้งแต่ โจ ไบเดน ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ โดยไบเดนได้วิพากษ์วิจารณ์ซาอุดีอาระเบียอย่างหนักมาโดยตลอด ตั้งแต่ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน, กล่าวโทษซาอุฯ ในเรื่องสงครามในเยเมน, ออกมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ชาวซาอุดีอาระเบียหลายสิบคนที่เชื่อว่าพัวพันกับคดีฆาตกรรม จามาล คาชอคกิ นักข่าวของ Washington Post เมื่อปี 2018

มิหนำซ้ำ โจ ไบเดน ยังไม่เคยขอนัดพบกับเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด เป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง และยังเคยให้สัมภาษณ์กล่าวถึงซาอุดีอาระเบียว่าเป็นพวกนอกคอก และพวกเขาต้องชดใช้ในสิ่งที่ได้ทำลงไป

เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางอยู่ในสถานะที่ตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดีโอบามา และ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด 

สื่อสหรัฐฯ อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียว่า สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน, เจ้าชายโมฮัมเหม็ด และคณะที่ปรึกษา ได้หารือกันในพระราชวังริมทะเลเมื่อช่วงปลายปี 2021 ว่าจะตอบโต้การกระทำของโจ ไบเดนที่เหมือนดูถูกเหยียดหยามประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างไร

'ประธาน PIF แห่งซาอุฯ' เข้าเยี่ยมคารวะ 'นายกฯ' หารือความร่วมมือการค้า-การลงทุน-พลังงาน

วันที่ 15 พ.ค. 65 เมื่อเวลา 06.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร (บน.6) นายยาเซอร์ บิน อุสมาน อัล-รูมัยยาน (Yasir bin Othman Al-Rumayyan) ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund: PIF) ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการหารือว่า นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกันในวันนี้ ยินดีด้วยกับกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย PIF ได้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าอันดับหนึ่งของโลก ขณะนี้ไทยกำลังยกเลิกมาตรการเข้าประเทศซึ่งเป็นไปตามพัฒนาการด้านการจัดการโควิด-19 ทั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกความร่วมมือระหว่างไทยซาอุได้ดีขึ้น โดยที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปด้วยดีแล้ว ไทยยินดีที่จะพัฒนาความร่วมมือ และความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ซาอุฯ เหนือชั้น!! 'Aramco' บ.น้ำมันซาอุฯ รวยแรง!! แซงหน้า Apple หลัง 'วางตัวเป็น' ในสมรภูมิสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ไม่นานมานี้ Aramco บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่มีรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าของ ประกาศผลกำไรไตรมาสแรกของปี 2022 นี้ ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 80% โดยทำรายได้ 3.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ทำรายได้ไป 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

เหตุผลหลัก ก็มาจากอานิสงส์ของ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำสถิติราคาน้ำมันสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ด้วยราคา 139 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 บาร์เรล หลังชาติตะวันตกต่างพากันคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัสเซีย 

ขณะเดียวกัน ความต้องการน้ำมันที่เริ่มสูงขึ้น หลังจากที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด Covid-19 และเปิดเมือง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตาม แต่ปริมาณน้ำมันที่ซื้อ-ขายในท้องตลาดกลับมีปริมาณลดลง 

นี่จึงเป็นโอกาสทองในการทำกำไรของ Aramco แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการผลิตน้ำมันต่อวันมากที่สุดในโลก ซึ่งหากแยกตัวเลขผลกำไรเฉพาะแค่มีนาคม 65 เดือนเดียว Aramco มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 124% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมากันเลยทีเดียว

จากรายได้ที่พุ่งทะยานของ Aramco ในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้ Aramco กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าถึง 2.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แทนที่แชมป์เก่าอย่างบริษัท Apple ในปีนี้ 

ปธ.สภาหอฯ โว นำคณะเยือนซาอุฯ ดีเกินคาด  เผย จับคู่ธุรกิจสุดปัง เชื่อเห็นผลดีเร็วๆ นี้

ปธ.สภาหอฯ ชี้นำคณะเยือนซาอุฯ ดีเกินคาด จับคู่ธุรกิจสุดปัง เชื่อเห็นผลดีเร็ว ๆ นี้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นการจัด Saudi-Thai Investment Forum ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างการร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า รู้สึกตื่นเต้นที่มีการจัดเวทีดังกล่าวขึ้นที่กรุงริยาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐและเอกชนซาอุฯ รวมถึงความจริงใจอย่างมากไม่ว่าจะเป็นจากนายคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน หรือนายอัจลาน บิน อับดุลอะซีซ อัล อัจลาน ประธานสภาหอการค้าริยาด และยังไม่คาดคิดว่าจะให้เกียรติการประชุมโดยเชิญเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสด็จฯ มาร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้ากรุงริยาดด้วย

นายสนั่นกล่าวว่า ในการจัดพบปะเพื่อจับคู่ภาคธุรกิจก็มีความพิถีพิถันมากชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำแบบตั้งใจมากฝ่ายไทยนำคณะผู้แทนจาก 38 บริษัท รวม 60 กว่าคนเดินทางมา ขณะที่ฝ่ายซาอุฯ ภาคเอกชนที่เข้าร่วมงานก็เป็นการคัดเลือกผู้ประกอบการตัวจริงที่มีขนาดใหญ่กว่า 130 บริษัท แต่ละบริษัทที่มาก็ได้มีการหารือกันอย่างเป็นกิจลักษณะ และยังมีการตั้งเป้ารวมถึงตั้งความหวังว่าจะมีการดำเนินการกันได้เมื่อไหร่อีกด้วย

“หลายคนที่พูดคุยไม่รู้จักทุเรียนไทย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่จะเชิญสมาชิกสภาหอการค้ากรุงริยาดให้เดินทางไปเยือนประเทศไทย ซึ่งจะมีการจัดคณะชุดแรก 40-50 บริษัทเดินทางไปในไตรมาสที่ 3 นี้” นายสนั่นกล่าว และว่า หลังจากนี้ไปคงมีการจัดเวทีบิสซิเนสฟอรั่มระหว่างกันต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง ทั้งให้ภาคธุรกิจไทยไปซาอุฯ และให้ซาอุฯ มาประชุมที่ไทย

เมื่อถามว่าผลของการจับคู่ภาคธุรกิจเป็นอย่างไร นายสนั่นกล่าวว่า สิ่งที่เห็นผลคือภาคอาหารและผลไม้มีการตอบกลับว่าสนใจอยากซื้อสินค้าจากประเทศไทยทันที ขณะที่วัสดุก่อสร้างก็ได้รับความสนใจเช่นกัน และยังมีความต้องการที่จะหาทางประสานงานกับภาคการท่องเที่ยวและการโรงแรมของไทยด้วย ในกลุ่มโรงแรมทราบว่าทั้งดุสิตธานีและไมเนอร์ก็รับแขกจนไม่มีเวลา เช่นเดียวกับในส่วนของโรงพยาบาลตั้งแต่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สมิติเวช กล้วยน้ำไท และปิยะเวทก็มีผู้ให้ความสนใจที่จะพาครอบครัวไปตรวจสุขภาพหรือไปรักษาตัว เช่นเดียวกับชีวาศรมก็มีคนสนใจมากเช่นกัน ในส่วนของภาคยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีความประสงค์ที่อยากจะเข้าไปดูโรงงานในประเทศไทย

“หลังจากที่มีการลดระดับความสัมพันธ์ การเดินทางไปหามาหาสู่กันก็ยากลำบากถึง 32 ปี ในครั้งนี้รู้สึกว่าทุกคนตื่นเต้นมาก และรู้สึกแปลกใจมากที่คนซาอุฯ รักเมืองไทย มีจิตใจที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาก เหมือนเขาเจอคนไทยแล้วรู้สึกถูกชะตา คิดว่าจากวันนี้ไปคงจะได้เห็นผลที่ดีเร็วมาก” นายสนั่นกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top