ซาอุฯ เหนือชั้น!! 'Aramco' บ.น้ำมันซาอุฯ รวยแรง!! แซงหน้า Apple หลัง 'วางตัวเป็น' ในสมรภูมิสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ไม่นานมานี้ Aramco บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่มีรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าของ ประกาศผลกำไรไตรมาสแรกของปี 2022 นี้ ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 80% โดยทำรายได้ 3.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ทำรายได้ไป 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

เหตุผลหลัก ก็มาจากอานิสงส์ของ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำสถิติราคาน้ำมันสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ด้วยราคา 139 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 บาร์เรล หลังชาติตะวันตกต่างพากันคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัสเซีย 

ขณะเดียวกัน ความต้องการน้ำมันที่เริ่มสูงขึ้น หลังจากที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด Covid-19 และเปิดเมือง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตาม แต่ปริมาณน้ำมันที่ซื้อ-ขายในท้องตลาดกลับมีปริมาณลดลง 

นี่จึงเป็นโอกาสทองในการทำกำไรของ Aramco แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการผลิตน้ำมันต่อวันมากที่สุดในโลก ซึ่งหากแยกตัวเลขผลกำไรเฉพาะแค่มีนาคม 65 เดือนเดียว Aramco มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 124% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมากันเลยทีเดียว

จากรายได้ที่พุ่งทะยานของ Aramco ในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้ Aramco กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าถึง 2.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แทนที่แชมป์เก่าอย่างบริษัท Apple ในปีนี้ 

ทั้งนี้ นอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวมา ซึ่งทำให้ Aramco สามารถสร้างกำไรจากทรัพยากรน้ำมันของตนได้มหาศาลแล้วนั้น ยังมีตัวแปรอื่นอีก 

เหตุผลนั้นก็คือ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้นำกลุ่มโอเปก (OPEC องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก Organization of Petroleum Exporting Countries) ยืนยันที่จะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในปริมาณที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องในตอนนี้ เพื่อให้ตลาดน้ำมันลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย โดยอ้างความเสี่ยงของ Aramco ที่อาจเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูติในเยเมน ที่มักใช้โดรนโจมตีคลังน้ำมันของบริษัทเพื่อตอบโต้ซาอุดีอาระเบียที่ใช้กำลังทหารถล่มกองกำลังฮูติถึงในเยเมน  

พร้อมกันนี้ ยังยกเรื่องที่รัฐบาลของ โจ ไบเดน ได้ถอนขีปนาวุธ Patriot ออกจากซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2021 ซึ่งจะยิ่งทำให้ Aramco สุ่มเสี่ยงที่จะถูกโจมตีได้ง่ายกว่าเดิม แถมเรื่องนี้ก็ยังตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แย่ลงระหว่างรัฐบาลของโจ ไบเดน และ ซาอุดีอาระเบียเข้าไปด้วย

แน่นอนว่า เมื่อข้ออ้างหักลบได้ยาก โจ ไบเดน จึงต้องยอมคืนคำ ด้วยการส่งระบบขีปนาวุธ Patriot กลับไปติดตั้ง คุ้มกัน Aramco ให้ซาอุดีอาระเบียตามเดิมเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมทั้งได้กล่าวด้วยว่า "อเมริกาจำเป็นต้องช่วยคุ้มกันพันธมิตรของเราในย่านตะวันออกกลาง" 

เรียกได้ว่า "ความจำเป็น" ที่ โจ ไบเดน พูดออกมา คงไม่แค่ประสงค์ตามความหมาย หากแต่เป็นนัยที่จะขอร้องให้ซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก เพื่อแทนสัดส่วนน้ำมันของรัสเซียโดยเร็ว

ส่วนซาอุฯ และ Aramco จะตอบรับหรือไม่ หรือคิดจะใช้โอกาสในครั้งนี้ สร้างอำนาจต่อรอง และกำหนดทิศทางการเมือง/เศรษฐกิจโลกใหม่ ก็สุดแท้จะคาดเดา...


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
อ้างอิง: Al jazeera / VOA / The Guardian