ปธ.สภาหอฯ โว นำคณะเยือนซาอุฯ ดีเกินคาด  เผย จับคู่ธุรกิจสุดปัง เชื่อเห็นผลดีเร็วๆ นี้

ปธ.สภาหอฯ ชี้นำคณะเยือนซาอุฯ ดีเกินคาด จับคู่ธุรกิจสุดปัง เชื่อเห็นผลดีเร็ว ๆ นี้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นการจัด Saudi-Thai Investment Forum ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างการร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า รู้สึกตื่นเต้นที่มีการจัดเวทีดังกล่าวขึ้นที่กรุงริยาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐและเอกชนซาอุฯ รวมถึงความจริงใจอย่างมากไม่ว่าจะเป็นจากนายคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน หรือนายอัจลาน บิน อับดุลอะซีซ อัล อัจลาน ประธานสภาหอการค้าริยาด และยังไม่คาดคิดว่าจะให้เกียรติการประชุมโดยเชิญเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสด็จฯ มาร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้ากรุงริยาดด้วย

นายสนั่นกล่าวว่า ในการจัดพบปะเพื่อจับคู่ภาคธุรกิจก็มีความพิถีพิถันมากชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำแบบตั้งใจมากฝ่ายไทยนำคณะผู้แทนจาก 38 บริษัท รวม 60 กว่าคนเดินทางมา ขณะที่ฝ่ายซาอุฯ ภาคเอกชนที่เข้าร่วมงานก็เป็นการคัดเลือกผู้ประกอบการตัวจริงที่มีขนาดใหญ่กว่า 130 บริษัท แต่ละบริษัทที่มาก็ได้มีการหารือกันอย่างเป็นกิจลักษณะ และยังมีการตั้งเป้ารวมถึงตั้งความหวังว่าจะมีการดำเนินการกันได้เมื่อไหร่อีกด้วย

“หลายคนที่พูดคุยไม่รู้จักทุเรียนไทย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่จะเชิญสมาชิกสภาหอการค้ากรุงริยาดให้เดินทางไปเยือนประเทศไทย ซึ่งจะมีการจัดคณะชุดแรก 40-50 บริษัทเดินทางไปในไตรมาสที่ 3 นี้” นายสนั่นกล่าว และว่า หลังจากนี้ไปคงมีการจัดเวทีบิสซิเนสฟอรั่มระหว่างกันต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง ทั้งให้ภาคธุรกิจไทยไปซาอุฯ และให้ซาอุฯ มาประชุมที่ไทย

เมื่อถามว่าผลของการจับคู่ภาคธุรกิจเป็นอย่างไร นายสนั่นกล่าวว่า สิ่งที่เห็นผลคือภาคอาหารและผลไม้มีการตอบกลับว่าสนใจอยากซื้อสินค้าจากประเทศไทยทันที ขณะที่วัสดุก่อสร้างก็ได้รับความสนใจเช่นกัน และยังมีความต้องการที่จะหาทางประสานงานกับภาคการท่องเที่ยวและการโรงแรมของไทยด้วย ในกลุ่มโรงแรมทราบว่าทั้งดุสิตธานีและไมเนอร์ก็รับแขกจนไม่มีเวลา เช่นเดียวกับในส่วนของโรงพยาบาลตั้งแต่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สมิติเวช กล้วยน้ำไท และปิยะเวทก็มีผู้ให้ความสนใจที่จะพาครอบครัวไปตรวจสุขภาพหรือไปรักษาตัว เช่นเดียวกับชีวาศรมก็มีคนสนใจมากเช่นกัน ในส่วนของภาคยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีความประสงค์ที่อยากจะเข้าไปดูโรงงานในประเทศไทย

“หลังจากที่มีการลดระดับความสัมพันธ์ การเดินทางไปหามาหาสู่กันก็ยากลำบากถึง 32 ปี ในครั้งนี้รู้สึกว่าทุกคนตื่นเต้นมาก และรู้สึกแปลกใจมากที่คนซาอุฯ รักเมืองไทย มีจิตใจที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาก เหมือนเขาเจอคนไทยแล้วรู้สึกถูกชะตา คิดว่าจากวันนี้ไปคงจะได้เห็นผลที่ดีเร็วมาก” นายสนั่นกล่าว

นายสนั่นกล่าวด้วยว่า รู้สึกประทับใจที่ได้ไปหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนร่วมกับนายดอน เมื่อแจ้งว่าประเทศไทยกำลังเดือดร้อนเรื่องปุ๋ย ขณะที่ซาอุฯ เป็นประเทศที่สามารถผลิตปุ๋ยได้มากและมีต้นทุนต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เขาก็รับว่าจะให้ความสำคัญกับไทยในลำดับต้น แม้จะมีคนติดต่อมาที่ซาอุฯ เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดียังไม่ได้มีการหารือกับฝ่ายซาอุฯ ในวันที่ 16 พฤษภาคม เนื่องจากวันนี้มีเวลาสั้นมากจากกำหนดการที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่ก็หวังว่าจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรม

นายสนั่นกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ ให้เกียรติกับคณะ โดยพระองค์ได้ให้เวลาพูดคุย รับฟัง และสอบถามความต้องการของภาคเอกชนไทยว่ามีอะไรบ้าง พอแจ้งเรื่องปุ๋ยท่านก็บอกว่าซาอุฯ รับจะไปดำเนินการให้ นอกจากนี้ยังได้มีการแจ้งพระองค์ว่าการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างกันน่าจะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจทั้งสองประเทศด้วย หวังว่าต่อไปไม่กี่เดือนข้างหน้ารัฐมนตรีทั้งสองท่านและคณะสภาหอการค้ากรุงริยาดจะเดินทางไปเยือนไทยต่อไป

เมื่อถามว่านักธุรกิจไทยส่วนใหญ่มีความรู้สึกกับการเดินทางมาเยือนซาอุฯ ในครั้งนี้อย่างไร นายสนั่นกล่าวว่า มันมากกว่าที่คาดหวัง แต่เชื่อว่าความรู้สึกดี ๆ  ที่มีให้กันตั้งแต่ต้น จะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาดีตามไปหมด


ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3347713