Friday, 17 May 2024
ขอนแก่น

ขอนแก่น - 'มข.' เตรียมจัดงาน 'งานวันเกษตรภาคอีสาน 2567' ยิ่งใหญ่ แห่งปี

“งานวันเกษตรภาคอีสาน 2567” มข. มหกรรมงานโชว์ศักยภาพการพัฒนาด้านการเกษตรไทยสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ฉลอง 60 ปี มหาวิทยาลัยและคณะเกษตรศาสตร์ พร้อมปักหมุดให้ชม ช้อป ชิม วันที่ 26 ม.ค.- 4 ก.พ. นี้  

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ ห้อง 5101 อาคาร AG 05 คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดงานแถลงข่าว งานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2567 “เกษตรอีสาน สรรค์สร้างนวัตกรรม นำคุณค่าสู่สากล” นำโดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ประธานคณะกรรมการจัดงาน รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจ การบัญชี ม.ขอนแก่น และภาคีเครือข่ายทั้งกรมส่งเสริมการเกษตร, สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 กรมวิชาการเกษตร, กรมการข้าว, กรมปศุสัตว์ และกรมพัฒนาที่ดิน ร่วมเปิดไฮไลต์มหกรรมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การจัดงานวันเกษตรภาคอีสาน ถือว่าเป็นอีกงานใหญ่ที่ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นและของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อปณิธานและปรัชญาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเป็นศูนย์รวมทางความคิดสติปัญญาของสังคมและเป็นศูนย์รวมการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นับเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี คณะเกษตรศาสตร์ และ 60 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

“การจัดงานงานวันเกษตรภาคอีสานเป็นงานที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาด้านการเกษตรของไทย  ทั้งยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทางวิชาการและเทคโนโลยีด้านการเกษตรในระดับต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน เกิดเป็นเศรษฐกิจ BCG ที่เติบโต แข่งขันได้ในระดับโลก กระจายรายได้สู่ชุมชน และกระตุ้นการท่องเที่ยว–เศรษฐกิจในจังหวัดขอนแก่น เมื่อปี 2566 มีประชาชนเข้าเที่ยวชมงานรวมกว่า 560,000 คน และมีเงินทุนหมุนเวียนภายในงานมากกว่า 500-600 ล้านบาท”

ขณะที่ รศ.ดร.ดรุณี  โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า งานวันเกษตรภาคอีสานประจำปี 2567 กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันศุกร์ที่ 26 มกราคม – วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567    รวมระยะเวลา 10 วัน ณ อุทยานเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีนี้นับเป็นปีที่ 32 ของการจัดงาน ภายใต้คำขวัญ “เกษตรอีสาน สรรค์สร้างนวัตกรรม นำคุณค่าสู่สากล” โดยความร่วมมือจาก 44 องค์กรและหน่วยงานในการจัดงานปีนี้

ภายในงานมีกิจกรรมของคณะเกษตรศาสตร์มากมาย ทั้งนิทรรศการ “60 ปีเกษตรมข. : บทบาทการพัฒนาภาคการเกษตรที่ยั่งยืนของอีสาน”, การเสวนาและฝึกอบรมอาชีพทางด้านการเกษตร, การประกวดและแข่งขันภูมิปัญญาชาวบ้าน,การแข่งขันตอบปัญหาทางด้านการเกษตร ในวันที่ 28 มกราคม 2567, การประชุมวิชาการเกษตร ครั้งที่ 25 วันที่ 29 มกราคม 2567, การจัดแสดงปลาสวยงาม การแข่งขันจับปลาไหล การประกวดสัตว์ชนิดต่าง ๆ และนิทรรศการแสดงนวัตกรรมการเกษตรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร, สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 กรมวิชาการเกษตร, กรมการข้าว, กรมปศุสัตว์ และกรมพัฒนาที่ดิน

ด้าน นายกมล โสพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 4 จังหวัดขอนแก่น ระบุว่า สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 4 จังหวัดขอนแก่น พร้อมจัดแสดงผลงานดีเด่นระดับประเทศ ยกผลงานการเกษตรจาก 20 จังหวัดภาคอีสานมาให้ได้ชมกัน โดยมีไฮไลต์ คือ กล้วยหอมทองแก้จน วิถีคนบึงกาฬ,ซำตารมย์แปลงใหญ่ ทุเรียนภูเขาไฟแก้จน จ.ศรีสะเกษ และข้าวอินทรีย์ วิถีเมืองธรรมเกษตร แก้จนให้ชาวนาอำนาจเจริญ เพื่อให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจได้เรียนรู้นวัตกรรมการเกษตรสู่การสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

ส่วน นายวีระสันติ ประทุมพล ปศุสัตว์เขต 4 กรมปศุสัตว์ กล่าวเสริมว่า กรมปศุสัตว์ เตรียมนิทรรศการด้านปศุสัตว์ พร้อมกับการเดินหน้าจัดการประกวดกระบือฯ พื้นเมืองไทย,การแข่งขันประลองไก่เก่ง 3 รุ่น จากชมรมผู้เลี้ยงไก่พื้นเมือง, การแข่งขันคล้องโค ล้มโค และกิจกรรมใหม่กับการแข่งขันลาบชิงแชมป์ จังหวัดขอนแก่น  ประจำปี 2567 ชิงเงินรางวัลพร้อมใบประกาศนียบัตรอีกด้วย

นอกจากนี้ ในปีนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบริการนำเที่ยวเชิงเกษตรบริเวณโดยรอบงานวันเกษตรภาคอีสาน โดยนักศึกษา และการออกร้านจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรของนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์อีกด้วย ส่วนของพื้นที่จัดงาน คณะได้เนรมิตพื้นที่บริเวณทิศใต้ของอุทยานเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อจัดทำเป็นแปลงพืชพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาว (KKU Smart Flower Farm) ซึ่งประกอบไปด้วยแปลงดอกคัตเตอร์ ทานตะวันแคระ และทุ่งดอกคอสมอส

คณะเกษตรศาสตร์ยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้าเอกชน กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เครือข่าย Young Smart Farmer ในการออกร้านจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร การจัดแสดงสินค้าชุมชนจากทั่วทุกภาคของประเทศ (OTOP) การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของดี 20 จังหวัดภาคอีสาน การจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมความก้าวหน้าเครื่องจักรกลการเกษตรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ การจัดแสดงนวัตกรรมทางด้านพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ชนิดต่าง ๆ การจำหน่ายพันธุ์ไม้หายากหลากหลายชนิด

ด้านความบันเทิง ยังจัดเต็มกับการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเกษตรอีสาน ครั้งที่ 11  และการประกวดวงดนตรี Aggie Music Award ครั้งที่ 5 และกิจกรรม อีกมากมาย ที่มุ่งเน้นเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้ทางด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรสู่เกษตรกรและชุมชนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ ฟาร์มคณะเกษตรศาสตร์และบริเวณทิศตะวันออกของพื้นที่จัดงานยังได้เพิ่มจุดจอดรถไว้บริการผู้เข้าร่วมงาน พร้อมมีบริการรถเมล์ปรับอากาศฟรีสายสีเขียว (shuttle bus) วิ่งรับ-ส่งรอบบริเวณจัดงานด้วย โดยมีชุดกำลังจากกองป้องกันและรักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น คอยดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยแก่ผู้เข้าร่วมงาน

ขอนแก่น-ฟรี!คอนเสิร์ตการกุศล ฉลองครบรอบ 60 ปี มข.อุทิศเพื่อสังคม ช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน

เพื่อเฉลิมฉลอง 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบาย Social Innovation หรือ การอุทิศเพื่อสังคมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน และนี่ก็คือความตั้งใจและวัตถุประสงค์ที่ได้จัดงานขึ้นในครั้งนี้ 
   
เมื่อค่ำวันที่ 15 ม.ค.2567 ที่แปลงดอกแคคตัสอุทยานเทคโนโลยีการเกษตร คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานเปิดครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบ 60 ปี ฟรีคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น  “Dean Charity Concert : หนาวลมชมดอกไม้“  ภายใต้การอำนวยการของ รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มข. ดื่มด่ำกับสายลมหนาวและบทเพลงอันแสนไพเราะจากศิลปินนักร้องอาชีพ อาทิ แน็ท เดอะวอยซ์ และ อินทร์ ดาริกา (แน็ทอินทร์ Love) พร้อมด้วยนักร้องรับเชิญกิตติมศักดิ์มากมาย กลางทุ่งดอกคัตเตอร์ ยามอาทิตย์อัสดง โดยมี นายศักดา ต้นคชสาร นายอำเภอสีชมพู, นายณัฐโรจน์ แก้วมาลา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลดงลาน ตลอดจนคณบดีจากหลายคณะ พี่น้องประชาชน นักศึกษา เข้าร่วมชม คอนเสิร์ต กันเป็นจำนวนมาก
   
รศ.นพ.ชาญชัย  พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่าในการจัดงานฟรีคอนเสิร์ตการกุศล 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่นในครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชุมชนทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้ทำหลายๆโครงการ และหลายๆคณะฯ ส่วนนี่ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ รศ.ดร.เพ็ญศรี  เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่านได้ริเริ่ม และด้วยความร่วมมือจากคณบดีทุกคณะ ที่ได้มาจัดคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อที่จะได้รวบรวมรายได้เหล่านี้ พร้อมทั้งบริจาคเสื้อผ้าและของเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในชนบท และในพื้นที่ห่างไกล ปีนี้เราไปที่อำเภอสีชมพู ซึ่งในวันนี้ท่านนายอำเภอก็ได้มาร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งว่าเราอยู่ทางในเมืองหรือในมหาวิทยาลัย ไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปช่วยโดยตรง จึงได้ทำแบบระดมทุน คิดว่ามีส่วนช่วยในการบรรเทาสิ่งที่ขาดเหลือในชนบท โดยเฉพาะในอำเภอสีชมพู ในปีนี้ให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
    
ด้าน รศ.ดร.เพ็ญศรี  เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า วัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ เป็นไปตามที่ท่านอธิการบดีฯได้กล่าวมาดังกล่าวข้างต้นแล้ว และรวมไปถึงการแสดงออกศักยภาพ ของคณบดี คณะฯ ต่างๆ ผู้อำนวยการสำนักด้วย และรวมไปถึงคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ด้วยความตั้งใจที่จะร่วมเฉลิมฉลอง 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบาย Social Innovation หรือ การอุทิศเพื่อสังคมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ยังขาดแคลน และนี่ก็คือความตั้งใจและวัตถุประสงค์ที่ได้จัดงานขึ้นในครั้งนี้ และที่สำคัญก็เปิดโอกาสให้บุคลากร และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีความสดชื่นและมีความสุข ในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ และฉลอง 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งได้อุดหนุน SMEs หรือธุรกิจเล็กๆ วันนี้เราเปิดตลาดนัดแบบ Street food บายาบาซ่า เปิดโอกาสให้ร้านอาหารที่แบบ Food truck มาร่วมออกบูธเพื่อจำหน่ายสินค้า เพื่อเป็นการต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการร้านเล็กๆอีกด้วย มาสนุกสนานร่วมกันเพื่อก้าวไปข้างหน้า กับมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เจริญรุดหน้าให้มากกว่านี้

ขอนแก่น-"มข." จัด"โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน"ทางเลือกหนึ่งพลังงานทดแทน

มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีนโยบายในการส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า อีกทางเลือกหนึ่ง โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน ในพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการขาย ให้เช่าหรือเช่าซื้อ แก่นักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลอดจนขยายผลและกระตุ้นให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของไทยเป็นอุตสาหกรรม New S-Curve สามารถ คว้าโอกาส ชิงความได้เปรียบ แข่งขันได้ทันกระแสของความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน เพราะในปัจจุบันการใช้งานแบตเตอรี่ของประเทศไทยนั้นมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

เมื่อวันอังคารที่ 23 มกราคม 2567  ที่ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น  พร้อมด้วย ผศ.ดร.อาวุธ  ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม, ม.ร.ว.พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด ,ผศ.นพ.ธารา ธรรมโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ,นายสุรชัย สินประกอบ พลังงานจังหวัดขอนแก่น ,รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง ผู้อำนวยการโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่  และนายธีระศักดิ์ ทีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ร่วมแถลงข่าว ”โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน" โดยมี คณะผู้บริหาร มข.,ผู้บริหารบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด และสื่อมวลชนทุกแขนง ร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ Research Transformation คือการปรับเปลี่ยนการทำงานวิจัยโดยปรับเปลี่ยนจากการทำวิจัยตามความสนใจของนักวิจัยไปสู่การทำวิจัยเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ใหญ่ที่มีผลกระทบ (Impact) สูง และนำผลงานวิจัยไปต่อยอดไปใช้จริง เกิดผลิตภัณฑ์ หรือนวัตกรรม เพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคม (Societal Contributions) และสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ (Great Place to Live)เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green Campus) มุ่งสู่การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เช่น การสนับสนุนนโยบายด้านการขนส่งพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

สำหรับ"โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน" เป็นตัวอย่างโครงการที่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งวันนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองอธิการบดี
ฝ่ายบริหาร ผู้ดูแลโครงการ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม ผู้รับผิดชอบดูแลเรื่อง Net Zero ของมหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ตลอดจนบริษัทออสก้าโซลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ให้บริการจักรยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีทีมนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการผลิตแบตเตอรี่ภายใต้แบรนด์ UVOLT (ยู-โวลต์) ซึ่งผลิตโดยโรงงานแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น นอกจากนี้ โรงงานยังมีการผลิตและพัฒนาส่วนประกอบของแบตเตอรี่ ชนิดต่าง ๆ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งชนิดลิเทียมไอออนและโซเดียมไอออน ที่มีมาตรฐานระดับสากลในปัจจุบันการใช้งานแบตเตอรี่ของประเทศไทยนั้นมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

ดังนั้น การสร้างระบบนิเวศให้เกิดอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของประเทศไทย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญในการออกมาตรการสนับสนุนที่จำเป็นในการขยายผลและกระตุ้นให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของไทยเป็นอุตสาหกรรม New S-Curve
เพื่อให้ประเทศไทยสามารถ คว้าโอกาส ชิงความได้เปรียบ แข่งขันได้ทันกระแสของความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน

ด้าน ผศ.นพ.ธารา ธรรมโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า  มหาวิทยาลัยขอนแก่น มุ่งเน้นการพัฒนามหาวิทยาลัย เพื่อบรรลุตามยุทธศาสตร์ Green and Smart Campus เพื่อให้เป็นองค์กรแบบชาญฉลาด คำนึงถึงผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อม สร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ Great place to live เพื่อให้เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการใช้ชีวิต มีสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงมีนโยบายในการส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน ในพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการให้สิทธิเอกชนเข้ามาลงทุน เพื่อให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยการขาย ให้เช่าหรือเช่าซื้อ แก่นักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมบริหารจัดการระบบอำนวยความสะดวก และติดตั้งสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station : BSS) เพื่อจัดหาผู้ประกอบการ และให้สิทธิ์ในการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อการต่อยอดการใช้งานภายในจังหวัดขอนแก่นต่อไป

ผศ.ดร.อาวุธ  ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม  มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มีเป้าหมายสำคัญที่สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการมีส่วนร่วมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีโครงการสำคัญตามแผนที่สนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร ในกลุ่มของคณะแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ อาคารกีฬา อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ และการติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้า โดยพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นน้ำ (Solar Floating) ในบ่อสำรองน้ำดิบของมหาวิทยาลัย รวมประมาณ 9.5 เมกกะวัตต์ และติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นน้ำ ในบ่อบำบัดน้ำเสียอีกประมาณ 10 เมกกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการหันมาใช้พลังงานทดแทน ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยีด้านพลังงานที่เหมาะสม ซึ่งก่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานอย่างสูงสุด และยังเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทางอ้อม ได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับ "โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน" เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มุ่งมั่นที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการขนส่ง โดยใช้ยานพาหนะไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ส่วน มรว.พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่าในนามบริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งได้เป็นผู้รับสิทธิ์ในโครงการ "จัดบริการยานยนต์ไฟฟ้าโดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยน"ของทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในครั้งนี้ บริษัท ออสก้า โฮลดิ้ง จำกัด เราให้บริการออกแบบและประกอบแบตเตอรี่แพค ลิเที่ยม สำหรับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และเครื่องมีออุตสาหกรรม รวมไปถึงแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้ามากว่า 30 ปี ออสก้า เป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทย ที่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบ และประกอบ โดยร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือกับโรงงานแบตเตอรี่ลิเที่ยมไออ้อนต้นแบบของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายในการยกระดับแบตเตอรี่ที่ผลิตได้เองในประเทศไทยไปสู่มาตรฐานระดับสากล

หากย้อนไปเมื่อปี 2557 ในช่วงที่ยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ออสก้าได้เริ่มทำการพัฒนาแบตเตอรี่ เพื่อใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าขึ้น โดยเป้าหมายเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่คาดว่าจะประสบปัญหาเรื่องการให้บริการแบตเตอรี่ ในอีกไม่กี่ปีให้หลัง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด มีสถานะเป็นบริษัทลูกในเครือของออสก้า ดำเนินการกิจการเป็นผู้ออกแบบ และประกอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่จะนำมาใช้ในการทดสอบแบตเตอรี่จากออสก้า โดยมีโรงงานตั้งอยู่บนถนนบางนาตราด กิโลเมตรที่ 13 บนพื้นที่ กว่า 3,000 ตรม. มีกำลังการผลิต รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ถึงเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน สตรอม มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ทั้งด้านสมรรถนะ ความเร็ว การประหยัดพลังงานและที่สำคัญ รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า Strom เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้หัวใจหลักคือการมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่เป็นของตัวเอง Strom เป็นบริษัทของคนไทย 100% และมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมของคนไทย เราพิจารณาเลือกใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ในประเทศให้ได้มากที่สุด และลดสัดส่วนวัตถุดิบจากต่างประเทศลงเพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมีอระหว่างนักวิจัย สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการ นำเอาองค์ความรู้ที่ได้จากการคิดค้นของคนไทย มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเป็นการรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญา และความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไทยอีกด้วย

นายธีระศักดิ์ ทีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า ในการขับเคลื่อน Smart City กับการพัฒนาท้องถิ่นของเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเทศบาลนครขอนแก่น กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองไว้ 7 สมาร์ท โดยหนึ่งในนั้น คือ Smart Mobility คือ เมืองที่สามารถขนส่ง ติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวกสบาย มีความคล่องตัว ปลอดภัย และใช้พลังงานสะอาดแนวคิดในการพัฒนาเมืองขอนแก่น มาจากการที่เดิมทีจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่ไม่ได้มีจุดเด่นในด้านการท่องเที่ยว ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ได้มีนิคมอุตสาหกรรมมาตั้ง ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจที่ทางรัฐบาลจะมีการส่งเสริมงบประมาณพิเศษ ในการพัฒนาเมืองมาให้เหมือนกับจังหวัดอื่น ๆ แต่สิ่งที่ขอนแก่นมี คือ การเป็นเมืองที่อยู่จุดศูนย์กลางของภาคอีสาน มีมหาวิทยาลัย และศูนย์ราชการต่าง ๆ ค่อนข้างมากดังนั้น โครงการจัดบริการยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนซึ่งสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองด้าน Smart Mobility เป็นความสำเร็จด้านยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านยานนต์ไฟฟ้าการจัดการพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม และขยายผลไปสู่นักศึกษา บุคลากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปัจจุบัน

นายสุรชัย สินประกอบ พลังงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า แนวทางการสนับสนุนการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าในจังหวัดขอนแก่น ตามภารกิจหน้าที่ของสำนักงานพลังงานจังหวัดขอนแก่น ขอขอบคุณท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ที่เห็นความสำคัญของการสนับสนุนการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการขยายไปถึงทุกหน่วยงานในจังหวัดขอนแก่น
เพื่อสร้างแรงจูงใจทางด้านการเงิน และลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงจูงใจที่มิใช่ทางการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าต่อไปในอนาคต

ตบท้ายที่ รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง ผู้อำนวยการโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ กล่าวตอนท้ายสุดว่า อย่างไรก็ตามทางโครงการ ฯ ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ทางเลือก ในระดับเซลล์จากโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และนำไปทดลองใช้งานจริงในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ใหม่ และระบบกักเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่สำหรับจักรยานไฟฟ้า แบตเตอรี่สำรองสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ และไฟส่องสว่าง เรามีโมเดลการใช้พลังงานแบตเตอรี่จากโซเดียม คือ E – Bike ที่ประหยัดพลังงานและใช้งานได้จริง ในอนาคตทีมนักวิจัยมีแนวโน้มจะศึกษา พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหิน โดยให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน ให้กลายเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีศักยภาพสูง ราคาประหยัด คุ้มค่ามากที่สุด ผลักดันให้ไทยกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของโลกตามเป้าของกระทรวง ฯต่อไป.

ขอนแก่น - 'คณะแพทย์ มข.' เจ๋ง!รักษาโรคหนังแข็ง สำเร็จ เป็นรายแรกของภาคอีสาน

โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แถลงความสำเร็จในการรักษาโรคหนังแข็ง ด้วยวิธีปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด รายแรกของภาคอีสาน ที่ได้รับการผ่าตัด อาการดีขึ้น 70% และค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนให้ชีวิตใหม่ กับ ผู้ป่วย

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ ชั้น 6 ห้องประชุมหนองแวง อาคารเรียนรวม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานแถลงข่าว ความสำเร็จในการรักษาโรคหนังแข็ง ด้วยวิธีปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด รายแรกของภาคอีสาน  โดยรศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับ และกล่าวถึงความก้าวหน้าของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ในการนี้ ศ.พญ.ชิงชิง ฟูเจริญ  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคข้อและรูมาติสซั่ม สาขาวิชาอายุรศาสตร์การ แพทย์เจ้าของไข้ พร้อมด้วยนางสาวธนวรรณ โตภูเขียว ผู้ป่วยโรงพยาบาลศรีนครินทร์ กล่าวถึงอาการของโรคหนังแข็ง และการรักษาผู้ป่วย  ต่อด้วยผศ.นพ.ชินดล วานิชพงษ์พันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา สาขาวิชาอายุรศาสตร์ กล่าวถึงการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด และการพูดถึงสิทธิการรักษาและการช่วยเหลือจากกองทุนวันศรีนครินทร์ โดย ศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ 

รศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงความก้าวหน้าของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ว่า ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความก้าวหน้าทางการแพทย์ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้และพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วย ซึ่งการรักษาผู้ป่วยโดยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด นับเป็นวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในปัจจุบันและอนาคต 

ด้าน ศ.พญ.ชิงชิง ฟูเจริญ  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคข้อและรูมาติสซั่ม แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยถึงโรคหนังแข็ง ว่าโรคหนังแข็ง (Scleroderma ) เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ กระตุ้นให้เซลล์ร่างกายผลิตเส้นใย คอลลาเจนออกมาอย่างต่อเนื่องและกระตุ้นการสร้างพังผืด ส่งผลให้พังผืดไปเกาะตามอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เกิดผิวหนังตึงแข็ง บริเวณใบหน้า นิ้วมือ นิ้วเท้า แขนขา หน้าอก หน้าท้อง ซึ่งหนังแข็งไม่ได้เกิดขึ้นกับอวัยวะภายนอกเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงอวัยวะภายในด้วย เช่น ภาวะปอดเป็นพังผืด และกล้ามเนื้อหัวใจเป็นพังผืด ซึ่งอันตรายอาจพิการและเสียชีวิต 

โรคหนังแข็งส่วนใหญ่พบในวัยกลางคน-วัยสูงอายุ (ราว 40-50 ปี) และพบในคนอายุน้อยได้น้อยมาก โดยทั่วประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคหนังแข็ง คิดเป็นอัตรา 24:1 แสนคน สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ป่วยโรคหนังแข็ง คิดเป็นอัตรา 40/1 แสนคน จากการเก็บข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยโรคหนังแข็งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมากกว่าในภาคอื่นๆ

ในรายของ นางสาวธนวรรณ โตภูเขียว  นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ป่วยหญิง วัย 18 ปี เข้ารักษาเมื่อเตือนมกราคม 2565 ได้ถูกส่งตัวมาเพื่อรักษาต่อกับอายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสชั่ม อาการในขณะที่มาพบอายุรแพทย์ พบว่ามีภาวะฟังผืดลามไปที่ปอดผิวหนังแข็งตึง จึงได้วางแผนรักษาด้วยการทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของตนเอง หลักจากการรักษา 14 วัน พบว่า ผู้ป่วยมีผิวนุ่มขึ้น และในเดือนที่ 3 พบว่าข้อต่อดีขึ้น สามารถเหยียดนิ้วมือ ข้อศอกได้สะดวก และสีผิวกลับเป็นปกติอย่างเห็นได้ชัด การทำงานของอวัยวะภายในคงที่ อาการของผู้ป่วยดีขึ้นตามลำดับ สามารถช่วยเหลือตนเองได้และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ โรคหนังแข็งเป็นโรคที่พบได้น้อยผู้ป่วยหลายคนยังไม่ทราบแหล่งที่จะหาข้อมูลเรื่องโรคและการปฏิบัติตัว หากท่านมีอาการผิดปกติที่ผิวหนังหรือสงสัยว่าจะเป็นโรคหนังแข็ง แนะนำให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกย่อมเป็นผลดีต่อการรักษา

ต่อด้วย ผศ.นพ.ชินดล วานิชพงษ์พันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา กล่าวถึงขั้นตอนการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ปัจจุบันมีนวัตกรรมการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดโดยใช้เซลล์ของตนเอง เป็นหนึ่งทางเลือกรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้โรคสงบหรือหายขาด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติ โดยแพทย์จะทำการกระตุ้นเก็บเซลล์ตันกำเนิดเม็ดเลือดของผู้ป่วยไว้ หลังจากนั้นจะให้ยาเคมีบำบัดขนาดสูง เพื่อกำจัดเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ และรีเซ็ตระบบภูมิคุ้มกัน แล้วนำเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดกลับมาให้แก่ผู้ป่วย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้1.ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินความแข็งแรงของร่างกาย 2.แพทย์จะทำการกระตุ้นเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากผู้ป่วย 3.ผู้ป่วยจะได้รับยาเคมีบำบัดขนาดสูงเพื่อกำจัดเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติและรีเช็ตระบบภูมิคุ้มกัน 4.นำเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดกลับมาฉีดให้แก่ผู้ป่วยให้ร่างกายพื้นตัว

ปกติแล้วการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจะทำให้กับผู้ป่วยที่อายุไม่มากเกินไปและการทำงานของอวัยวะต่างๆยังดี โดยเลือกผู้ป่วยอาการของโรครุนแรงและลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่วนในผู้ป่วยหนังแข็งที่อายุสูงวัยและอาการไม่รุนแรงมากนัก ไม่จำเป็นต้องปลูกถ่าย 

ทางด้าน ศ.นพ.ทรงศักดิ์  เกียรติชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอบคุณผู้บริจาคสมทบทุนวันศรีนครินทร์ ทุกๆ ท่าน เพราะเงินจากการบริจาคของท่านทางโรงพยาบาลศรีนครินทร์ได้นำมาช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีโรคที่ซับซ้อน มีรายได้น้อยที่มีค่าใช้จ่ายเกินสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล และพัฒนาเทคโนโลยีในการรักษาผู้ป่วย รายนี้เป็นตัวอย่างที่เราได้นำเงินบริจาคของประชาชนทุกท่านมาช่วยเหลือให้สามารถใช้ชีวิตต่อได้อย่างปกติ "ชีวิตยังมีหวังด้วยพลังแห่งการให้ ร่วมเป็นผู้ให้ได้ที่กองทุนวันศรีนครินทร์"คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

นางสาวธนวรรณ โตภูเขียว  นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ป่วยหญิง วัย 18 ปี  กล่าวว่าก่อนเข้ารักษา ข้อศอกหรือการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อไม่ค่อยดี เพราะโดนผิวหนังยึดไปทั้งหมด โดยยึดตั้งแต่ส่วนแขนไปจนถึงลำตัว เวลาจะยกแขนก็ยกไม่ได้ ส่วนช่วงหน้าหนาวก็จะมีแผลเกิดขึ้นตามข้อศอก ตามนิ้ว เจ็บมาก เพราะเวลาเจาะเลือดก็จะไม่มีเลือดออก เส้นเลือดก็จะเหมือนหนังที่รัดไว้ การใช้ชีวิตประจำวัน เวลาไปเรียนก็มีความยากลำบาก ส่วนหน้าหนาว หรือเป็นแผล จะเจ็บมาก และก็จะทำให้ตัวเองขาดเรียนบ่อย แต่ตอนนี้สภาวะร่างกายเริ่มปรับตัวดีขึ้น สามารถทำกิจกรรมออกกำลังกายร่วมกันกับเพื่อนได้ รู้สึกดีขึ้นมาก และรู้สึกดีขึ้นเหมือนได้ชีวิตใหม่กลับมาใช้ชีวิต เหมือนคนปกติเช่นเดิม และในตลอดระยะเวลาในการรักษา มีทีมแพทย์ทีมพยาบาลที่คอยช่วยเหลือ และให้คำปรึกษา ดูแลตั้งแต่ก่อนรักษาจนรักษาเสร็จ ในระหว่างที่รักษาเสร็จก็จะมีการติดตามการรักษาอยู่ตลอดเวลา หรือผิดปกติอะไรคุณหมอก็จะรีบมาช่วยเหลือทันตลอดเวลา 

ตบท้ายที่ ร.ต.อ.อุทัย โตภูเขียว สว.สอบสวน สภ.ภูผาม่าน บิดา ซึ่งมีนางสุภาวดี โตภูเขียว ภรรยา อาชีพขายของชำ เปิดเผยตัวสื่อมวลชนว่า ลูกสาวได้รักษาตัวมาได้ 7 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ 2560 ตนเองกับครอบครัวต่อสู้กับโรคนี้มา 7 ปี การที่เห็นลูกสาวเจ็บปวด บางทีหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ มันเหนื่อยมันมันหาอะไรที่ ทุกข์ใจมากกว่านี้ไม่ได้หรอก หลังจากเข้ารับการรักษา เห็นสภาพร่างกายเขาดีขึ้นตามลำดับ ต้องขอขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่านที่ให้ความกรุณาครอบครัว ตนเอง ขอขอบคุณมากๆ

ต่อข้อถามที่ว่าแล้วทราบได้อย่างไรว่าทางคณะแพทย์ มข. รักษาโรคนี้ได้ และ คิดยังไงถึงมารักษาที่นี่ เริ่มต้นก็เนื่องจากน้องเขา ตอนเริ่มเป็นใหม่ๆตอนนั้นอายุ 14 เขา เขาใช้สิทธิ์เบิกจ่ายตรงจากสิทธิ์ของพ่อ ก็เลยได้รับคำแนะนำว่าให้ให้มาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เนื่องจากที่นี่มีแพทย์ ที่เชี่ยวชาญในการรักษาโรคนี้ ซึ่งตนเองก็รอ 6 ปีถึงมีเคส ซึ่งทางโรงพยาบาลฯถึงเสนอว่ามีวิธีการรักษาแบบนี้ หากสนใจที่จะเข้ารับการรักษา ดังนั้นจึงแสดงความจำนงค์มาทางโรงพยาบาล ศรีนครินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าทำการรักษาให้ ซึ่งตนเองต้องขอบคุณมาก เพราะว่าตนเองรอมาหลายปีต้องขอบคุณจริงๆ

‘จนท.พิทักษ์ป่าหินช้างสี’ พบร่องรอยคล้าย ‘ภาพเขียนสีโบราณ’ เร่งประสานสำนักศิลปากรขอนแก่น เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด

(25 ก.พ.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘หน่วยพิทักษ์ หินช้างสี’ อุทยานแห่งชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า…

“ข่าวดี!! เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าดับไฟป่า หยุดพักใต้เพิงหิน พบภาพเขียนสีโบราณในป่า

เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ นพ.4 (หินช้างสี) เดินเท้าเข้าไปดับไฟป่าที่บริเวณน้ำตกคำเมย ซึ่งอยู่ห่างจากหน่วยฯประมาณ 4 กม. หลังจากที่ดับไฟป่าสำเร็จ และได้หยุดพักใต้เพิงหินทราย จึงได้สังเกตพบร่องรอยภาพวาด และดูคล้ายกับ ‘ภาพเขียนสีโบราณ’ เพราะลักษณะหรือรูปทรงแตกต่างจากร่องรอย หรือสีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังอยู่ห่างจากจุดที่สำรวจไปครั้งล่าสุด (แหล่งที่ 14 เพิงหินอ่างชาด) เพียง 700 เมตร เท่านั้น

เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมภาพเบื้องต้น และแจ้งให้เจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากร ที่ 8 (ขอนแก่น) ทราบและดำเนินการเข้าพื้นที่เพื่อทำการสำรวจต่อไป”

ขอนแก่น - ชื่นมื่น “งานง่วนเซียวปี 67 “ พี่น้องเชื้อสายจีนขอนแก่น ประมูลโต๊ะมงคลได้กว่า 1.4ล้าน

เทศกาลง่วนเชียว หรือเทศกาลโคมไฟ เป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของชาวจีน จัดขึ้นในวันเพ็ญแรกของปีหรือวันที่ 15 นับจากวันตรุษจีน ซึ่งในจีนโบราณเป็นวันที่มีกิจกรรมมากมาย ทั้งแขวนโคม แห่โคม เล่นงิ้ว จะเป็นวันที่คนนิยมออกมาเที่ยวเล่นไหว้เจ้าชมมหรสพการแสดง และละคร อีกทั้งการละเล่นต่างๆซึ่งชาวจีนจะถือเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีนที่ได้พักผ่อนก่อนจะกลับไปเริ่มทำงานในวันรุ่งขึ้น มีประมูลโต๊ะมงคล 3 ชุด ได้เงินประมูลทั้งสิ้น 1,485,553 ล้านบาท

เมื่อวันค่ำของเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ สมาคมปึงเถ่ากงม่าขอนแก่น (บริเวณลานน้ำพุ รึมบึงแก่นนคร)  นายศิริวัฒน์ พินิจพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้รับมอบหมายจาก นายไกรสรกองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานงานเปิดงานวันง่วนเซียวโดยมี นายจิรศักดิ์  สีหามาตย์ , นายยุทธพรพิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัด, พล.ต.วรพินิจ ขันธุปัฏน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์, นายประจวบ รักแพทย์ ปลัดจังหวัด, นายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมือง หัวหน้าส่วนราชการฯ ท่านหลิว หงเหมย  กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ จังหวัดขอนแก่น , ท่านชู ดึ๊ก หยุง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, ท่านสมศักดิ์ วิไลทอน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาลาว, ดร. พงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น , นายปริญเดช ศิริพานิช อดีตอธิบดีอัยการภาค 4, นายปิยสิษฐ์ อุ่นศิลป์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 4, กรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมปึงเถ่ากงม่า , ผู้นำ 24 องค์กรจีน แขกผู้มีเกียรติ ตลอดถึงพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดขอนแก่น  ร่วมงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ สำหรับงานเมื่อคืนที่ผ่านมามี นายบวร เสรีโยธิน นายกสมาคมปึงเถ่ากงม่าขอนแก่น กล่าวต้อนรับ แขกผู้มีเกียรติ ในการนี้ มีนายทัชชล ลีศิริกุล ประทานคณะกรรมการจัดงานสมโภชปึงเฒ่ากงม่าประจำปี 2567 กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานง่วนเซียวประจำปี 2567

นายบวร เสรีโยธิน นายกสมาคมปึงเถ่ากงม่าขอนแก่น กล่าวว่า ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยความยินดียิ่งที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ เทศกาลง่วนเชียว หรือเทศกาลโคมไฟ เป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของชาวจีน จัดขึ้นในวันเพ็ญแรกของปีหรือวันที่ 15 นับจากวันตรุษจีน ซึ่งในจีนโบราณเป็นวันที่มีกิจกรรมมากมาย ทั้งแขวนโคม แห่โคม เล่นงิ้ว จะเป็นวันที่คนนิยมออกมาเที่ยวเล่นไหว้เจ้า ชมมหรสพการแสดง และละคร อีกทั้งการละเล่นต่างๆซึ่งชาวจีนจะถือเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีนที่ได้พักผ่อนก่อนจะกลับไปเริ่มทำงานในวันรุ่งขึ้น

อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ในเทศกาลนวดเสียวคือการรับประทานบัวลอยซึ่งถือได้ว่าเป็นขนมประจำเทศกาลเป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวของคนในครอบครัวจะเป็นการนำความสุขและความโชคดีมาให้กับครอบครัวในปีใหม่ทั้งหมดนี้เป็นการดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน

สำหรับกิจกรรมการแสดงมากมาย เช่น มอบรางวัลการถ่ายภาพประกวด, การจับสลากรางวัล และคอนเสิร์ตจาก ป๊อด โมเดิร์นด็อก และเพื่อเป็นการหารายได้ในการจัดงานสมโภชศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่าให้ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี จึงได้มีการประมูลโต๊ะมงคล ซึ่งครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ร่วมเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ สำหรับการประมูลโต๊ะมงคล มีดังนี้ชุดที่ 1 ด้วยชุด ฮก ลก ซิ่ว มีความหมายถึง โชคลาภ วาสนา มั่งคั่ง บารมี สมปรารถนา ลูกหลานบริวาร และ อายุยืน ผู้ที่ได้รับการประมูล คือ บริษัท KPAC Group และครอบครัว ในราคาการประมูลสูงสุดจำนวน 299,999 บาท ชุดที่ 2 ชุด ซำ ปอ ฮุก ( พระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ) มีความหมายถึง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพแข็งแรง  และเสริมคุณงามความดีผู้ที่ได้รับการประมูล คือ โรงแรม ขอนแก่นโฮเต็ล และครอบครัว ในราคาการประมูลสูงสุดจำนวน 255,555 บาท และชุดสุดท้าย ชุดที่ 3 ชุด องค์ปึงเถ่า กงม่า ทองคำแท้ 96.5% มีความหมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า ประสบความสำเร็จไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง ดูแลทุกข์สุข ผู้ที่ได้รับการประมูล คือ บริษัท KPAC Group ในราคาการประมูลสูงสุดจำนวน 929,999 บาท รวมเป็นเงินรายได้จากการประมูลทั้งสิ้น 1,485,553 ( หนึ่งล้านสี่แสนแปดหมื่นห้าพันห้าร้อยห้าสิบสามบาทถ้วน )

ด้าน นายทัชชล ลีศิริกุล ประทานคณะกรรมการจัดงานสมโภชปึงเฒ่ากงม่าประจำปี 2567 กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานง่วนเซียวประจำปี 2567 ว่า จุดประสงค์ของการจัดงานในวันนี้เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีของชาวจีนและชาวไทยเชื้อชาติจีนให้คงอยู่ต่อเนื่องยาวนานเป็นการสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่พ่อค้าประชาชนอีกทั้งยังเป็นการมอบความสุขจากสมาคมปึงเถ่ากง-ม่าให้แก่พี่น้องประชาชนชาวขอนแก่น

ส่วนนายศิริวัฒน์ พินิจพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นความร่วมมือกันของคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดขอนแก่น ที่ช่วยกันจัดงาน"ง่วนเซียว"นี้ขึ้นมาเพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของคนไทยเชื้อสายจีน โดยมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือศาลเจ้าปึงเถ่ากง-ม่า ภาพรวมของงานในครั้งนี้ตนเองรู้สึกมีความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อลังการของการตกแต่งประดับประดา ด้วยโคมไฟที่ดูสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของชาวจีน สิ่งสำคัญในครั้งนี้ทุกท่านจะได้ร่วมทำบุญ ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญครั้งยิ่งใหญ่และงานในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญ ที่จะช่วยผลักดันและพัฒนาแก่จังหวัดขอนแก่น ดังนั้นขอชื่นชมทุกท่าน ในที่นี้เป็นอย่างยิ่ง

ขอนแก่น-เทศบาลนครขอนแก่นปลื้มหลังคัดแยกขยะหอพักพบขยะลด

เทศบาลนครขอนแก่นปลื้ม หลังร่วมโครงการคัดแยกขยะหอพักอพาร์ทเมนต์ร่วมกับชมรมหอพักฯและโครงการสปาร์คยูปลุกเปลี่ยนเมือง พบปริมาณขยะในหอพักลดฯ ประกาศพร้อมลดการจัดเก็บค่าขยะหากหอพักแยกขยะจนเหลือน้อยลง 

ชมรมหอพักอพาร์ทเมนต์ จ.ขอนแก่น ร่วมกับโครงการสปาร์คยู ปลุกเปลี่ยนเมือง และเทศบาลนครขอนแก่นได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปการดำเนินการจัดการคัดแยกขยะในหอพักภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นำร่อง 12 หอพัก เพื่อแยกขยะออกเป็น 4 ประเภทคือ ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป และขยะอันตราย โดยดำเนินการเพื่อเก็บข้อมูลเป็นเวลา 2  เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยมี ผศ.ดร.นิภา มิลินทวิสมัย ประธานโครงการจัดการคัดแยกขยะหอพักฯ เป็นผู้นำเสนอ 

โดยผลการดำเนินการพบว่า  หลังดำเนินโครงการปริมาณขยะทั่วไปลดลงประมาณ 8.4% และสามารถจัดอันดับปริมาณขององค์ประกอบขยะทั่วไปมากที่สุด 5 อันดับได้แก่ ก่อนประชาสัมพันธ์พบขยะอื่นๆ 38% มากกว่าขยะรีไซเคิลไม่ได้ 22% และมากกว่าเศษอาหารที่มีอยู่ 19.2% กระดาษทั่วไป 5% ขยะรีไซเคิลได้มีแค่ 5%

แต่หลังจากประชาสัมพันธ์และจัดโครงการคัดแยกขยะพบว่ามีขยะรีไซเคิลไม่ได้จำนวน 45% ขยะรีไซเคิลได้เพิ่มขึ้นเป็น 18% มีเศษอาหารเพียง  17% กระดาษ 5% และทิชชู่ 4% แสดงให้เห็นว่าขยะทั่วไปของหอพักมีขยะพลาสติกมากที่สุดถึง 60% รองลงมาเป็นเศษอาหาร กระดาษ ซึ่งเกิดจากการซื้ออาหารมาบริโภคเป็นส่วนใหญ่รวมถึงการสั่งพัสดุและสินค้าออนไลน์ 

ส่วนความหนาแน่นของขยะมูลฝอยมีค่าค่อนข้างต่ำก่อนและหลังการประชาสัมพันธ์พบว่ายังมีขยะประเภทพลาสติกมากที่สุดในขณะที่สัดส่วนองค์ประกอบของขยะ 4 ประเภท พบว่ามีปริมาณขยะน้อยลงตามลำดับหลังจากมีการประชาสัมพันธ์ซึ่งปริมาณขยะที่พบ พบว่ามีขยะทั่วไปประมาณ 70-80% ขยะรีไซเคิล 11-21% ขยะอินทรีย์ 7-8% ขยะพิษมีแค่ 1% ซึ่งหากเทียบกับบ้านเรือนทั่วไปจะพบว่าขยะหอพักมีปริมาณขยะอินทรีย์น้อยกว่าขยะทั่วไป ในขณะที่บ้านเรือนที่พักอาศัยจะมีขยะอินทรีย์จำนวนมากกว่าขยะอื่นๆ

ส่วนผลการวิเคราะห์แบบสอบถามความรู้ความเข้าใจพฤติกรรมและทัศนคติต่อการคัดแยกขยะของหอพัก พบว่าพฤติกรรมต่อการลดขยะและคัดแยกส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลางถึงระดับมากส่วนทัศนคติต่อการคัดแยกขยะผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดอยู่ในระดับเห็นด้วย

ในขณะที่ นายทัศนัย ประจวบมอญ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งดูแลการจัดการขยะ บอกว่า จากการร่วมมือกันของโครงการสปาร์คยู กับชมรมหอพักอพาร์ทเมนต์ในการคัดแยกขยะพบว่าเป็นโครงการที่ดีและเป็นครั้งแรกของเทศบาลนครขอนแก่นที่ได้รณรงค์เรื่องคัดแยกขยะกับกลุ่มหอพักอพาร์ทเมนต์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เน้นทำในชุมชน ครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่ และผลที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และนับจากนี้หากหอพักไหนมีการคัดแยกขยะได้ดีและมีปริมาณขยะลดลง ทางเทศบาลยินดีที่จะเข้าไปประเมินปริมาณขยะและปรับลดค่าจัดการขยะของหอพักให้เพื่อเป็นการจูงใจให้หอพักอพาร์ทเมนต์หันมาจัดการขยะด้วยการคัดแยกก่อนทิ้ง 

โดยทุกวันนี้เทศบาลนครขอนแก่น ต้องใช้เงินปีละกว่า 100 ล้านบาทในการจัดการขยะ แต่สามารถจัดเก็บค่าจัดการขยะได้เพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น หากทุกครัวเรือน ทุกพื้นที่ช่วยกันคัดแยกขยะออกจากระบบก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะลดลง เพราะขยะที่มีประโยชน์คือขยะรีไซเคิลเอาไปจำหน่ายได้ และขยะอินทรีย์เอาไปทำปุ๋ยและเทศบาลมีโรงงานทำปุ๋ยที่สามารถเอาปุ๋ยไปใช้ประโยชน์ต่อได้ 

และในการประชุมวันนี้ ได้มี อาจารย์นิศราวรรณ ไพบูลย์พรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเครือข่ายและกิจกรรมพิเศษ สำนักงานส่งเสริมอัจริยภาพ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น ได้เข้าร่วมรับฟังและพร้อมเป็นเครือข่ายคัดแยกขยะและจัดการขยะในมหาวิทยาลัยเพื่อร่วมทำให้ขอนแก่นเป็นเมืองน่าอยู่และไร้มลพิษด้วย

ขอนแก่น-เตรียมพร้อมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ช่วงสงกรานต์ 2567

จังหวัดขอนแก่น มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่มีความเข้มแข็ง มีการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย มาเป็นระยะเวลาถึง 30 ปี ให้บริการแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และมีการออกปฏิบัติการมากที่สุดในประเทศไทย มาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า ที่ ห้องประชุมจำลองมุ่งการดี (ส่วนหน้า) โรงพยาบาลขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา พร้อมด้วยอนุกรรมการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และเครือข่ายของโรงพยาบาลขอนแก่น โดยมีนายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น, นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันการบาดเจ็บ พร้อมด้วยบุคลากรโรงพยาบาลขอนแก่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจุบัน จังหวัดขอนแก่น มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่มีความเข้มแข็ง มีการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย มาเป็นระยะเวลาถึง 30 ปี ให้บริการแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และมีการออกปฏิบัติการมากที่สุดในประเทศไทย มาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี รวมทั้งยังเป็นสถาบันการฝึกอบรมบุคลากรด้านการแพทย์ในด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้แก่บุคลากรในระดับจังหวัด ระดับเขต ระดับประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายให้บริการโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย ให้มีความทั่วถึง และเท่าเทียม

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จังหวัดขอนแก่น มีการเจริญเติบโตทางสังคมเศรษฐกิจ และทางด้านการแพทย์อย่างรวดเร็วซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะสุภาพของประชาชนในจังหวัดขอนแก่น และผู้สัญจรเข้ามาในจังหวัดขอนแก่น เมื่อพบผู้บาดเจ็บ และเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเรียกใช้บริการจากระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น มีแนวคิดในการวางแผน การดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อประชาชนที่ได้รับการบาดเจ็บ และป่วยฉุกเฉิน ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว ปลอดภัย ลดอัตราตายและความพิการตั้งแต่ที่บ้าน หรือ ณ จุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบ

ขอนแก่น - Open House "มทร.อีสาน วข.ขอนแก่น" ร่วมพัฒนาขีดความสามารถกำลังพลกองทัพบก

เป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกองทัพภาคที่ 2 และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเพิ่มโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพล สนับสนุนภารกิจของกองทัพบก โดยเฉพาะในทหารกองประจำการ และยังตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการสมัครใจเข้ามาเป็นทหารเพราะเมื่อปลดประจำการแล้วจะมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น พร้อมที่จะออกไปประกอบอาชีพที่ตนเองถนัด สามารถเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ สโมสรนายทหารค่ายศรีพัชรินทร ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น พลตรี ฉกาจพงษ์ หงษ์ทอง รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Open House การประชาสัมพันธ์หลักสูตรปวช. ปวส. และปริญญาตรี สำหรับหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยมี พลตรี วรพินิจ ขันธุปัฏน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ผศ.ดร.จารุวรรณ ธาระศัพท์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มทร.อีสานวิทยาเขต ขอนแก่น พร้อมทั้งผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ร่วมกิจกรรม 

ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกองทัพภาคที่ 2 และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเพิ่มโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพล สนับสนุนภารกิจของกองทัพบก โดยเฉพาะในทหารกองประจำการ และยังตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการสมัครใจเข้ามาเป็นทหารเพราะเมื่อปลดประจำการแล้วจะมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น พร้อมที่จะออกไปประกอบอาชีพที่ตนเองถนัด สามารถเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยครั้งนี้มีกำลังพล ทหารกองประจำการ ของหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกิจกรรมจำนวน 150 นาย มีการแนะนำหลักสูตรระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี ทั้งสาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องจักรกล วิศวะจักรกลเกษตร วิศวะแปรรูปอาหารและผลผลิตการเกษตร วิศวะโลหะการเป็นต้น.

‘ตร.ขอนแก่น’ หวังดีช่วยเหลือชาวบ้านน้ำมันหมด แต่ดันเติมผิดประเภท พร้อมยืดอกรับผิด ขอรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทุกประการ

(25 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก สภ.เมืองขอนแก่น ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงเกี่ยวกับกรณี ตำรวจ สภ.ขอนแก่น ได้เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่น้ำมันรถยนต์หมด จึงได้นำน้ำมันไปเติมให้กับรถยนต์คันดังกล่าวของประชาชน ซึ่งต่อมามีชาวเน็ตเข้ามาทักท้วงว่า เติมน้ำมันผิดชนิดหรือไม่นั้น

ล่าสุด เพจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้ออกมาโพสต์ยอมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะรับผิดชอบกับค่าเสียหายทั้งหมด

พร้อมระบุข้อความว่า รายงานเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือรถประชาชนน้ำมันหมด สภ.เมืองขอนแก่น ขอรายงานเหตุการณ์ วันนี้ (24 มี.ค.67) เวลา 14.30 น. ร.ต.ท.วรทรรศน์ กัสนุกา รอง สว.(ป.)ฯ ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรประจำการ (20-1) พร้อมด้วย จ.ส.ต.ฉัตรชัย เมืองทอง ระหว่างออกตรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุแก่นนคร แจ้งว่าประชาชนรถยนต์น้ำมันหมดขอความช่วยเหลือ โดยได้ไปซื้อน้ำมัน จำนวน 300 บาท ตามที่เจ้าของรถแจ้งมาและนำไปเติมให้เรียบร้อย จากนั้นได้โพสต์ข้อความลงในโซเชียลเฟซบุ๊ก ได้มีคอมเมนต์แจ้งว่าได้เติมน้ำมันผิดประเภท

ต่อมาเวลา 20.00 น. จึงได้ทำการตรวจสอบที่ปั๊มน้ำมัน พบว่าได้ซื้อน้ำมันผิดจริง (ดีเซล B7) ซึ่งเกิดจากการสื่อสารกันคลาดเคลื่อน โดย สภ.เมืองขอนแก่น จะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทุกประการและกราบขออภัยเจ้าของรถที่เกิดเหตุการณ์นี้

“เราดูแลคุณ เพื่อให้คุณไปดูแลประชาชน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top