Friday, 17 May 2024
ขอนแก่น

ขอนแก่น – ฝนตกหนักน้ำท่วมถนนมิตรภาพ ยาวหลายกิโลเมตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนัก และมีลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่น ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉบับพลัน ทั้งถนนสายหลักสายรองรวมทั้งในซอยตามหมู่บ้าน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันบนถนนมิตรภาพ ตั้งแต่ช่วง 4 แยกห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น ยาวไปถึงช่วง 4 แยกก่อนถึงโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาได้ไหลท่วมผิวจราจรบนถนนมิตรภาพ 4 ช่องทางจราจร เหลือเพียง 2 ช่องทางจราจรทั้ง 2 ฝั่งที่สามารถวิ่งได้ตามปกติ โดยระดับน้ำสูงประมาณ 30-50 ซม. ซึ่งรถเล็กควรหลีกเลี่ยงอาจทำให้น้ำเข้าท่อและเครื่องยนต์ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่เทศบาลนครขอนแก่นได้ออกมาตรวจสอบและเปิดปากท่อเคลียร์เศษขยะออกให้น้ำสามารถระบายได้รวดเร็วขึ้น

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สำรวจตามตรอกซอกซอยพบว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังส่งผลให้น้ำท่วมถนนสายหรองและถนนในชุมชนหลายแห่ง รถเล็กไม่สามารถขับผ่านได้เนื่องจากปริมาณน้ำสูงประมาณ 50 ซม. โดยเฉพาะที่ถนนบ้านกอกหน้ามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในซอยสวัสดี ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดย 2 จุดนี้เป็นจุดที่น้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากปริมาณน้ำจะไหลมารวมกันในจุดนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมขังฉับพลัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถระบายน้ำทั้งหมดได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงหากฝนหยุดตก ขณะที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายในภาพรวมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป

ขอนแก่น - เปิด รพ.สนาม แห่งที่ 2 รับมือผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ว่าฯ ย้ำชัดสถานการณ์ยังเอาอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทต้องเตรียมการไว้ในทุกรูปแบบ ขณะที่ล่าสุดผู้ป่วยโควิดรักษาหายแล้ว 182 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21 ราย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 พ.ค.2564 ที่โรงพยาบาลสนามขอนแก่นแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) ริม ถ.เลี่ยงเมือง สายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ บ.เต่านอ  ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น , นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น และ นพ.วีระศักดิ์  อนุตรอังกูร ผอ.รพ.สิรินธร ในฐานะ ผอ.รพ.สนามขอนแก่นแห่งที่ 2 ร่วมกันเปิด รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 2 สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามแผนการดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ในการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้ขอนแก่นมียอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 21 รายทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมของการระบาดระลอกใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 412 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายขาดจากอาการแล้ว 182 ราย โดยยังคงมีจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.ต่าง ๆ จำนวน 230 ราย ขณะที่ รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 1 (หอพัก 26 มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ซึ่งมีทั้งสิ้น 258 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยซึ่งเข้ารับการรักษาเพียง 38 ราย ซึ่งยังคงสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้อีกตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

“การเปิด รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 2 วันนี้เป็นการเริ่มต้นของแผนการดำเนินงานที่เราจะต้องมองภาพรวมในทุกมิติ ซึ่งหากจำนวนผู้ป่วยที่ รพ.สนามแห่งที่ 1 มีจำนวนมากถึงร้อยละ 70 ของปริมาณเตียง การบริหารจัดการผู้ป่วย ในกลุ่มไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยจะถูกส่งมาที่ รพ.สนามแห่งที่ 2 แห่งนี้ทันที ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทาการแพทย์ที่รับผิดชอบ คือ รพ.สิรินธร ได้เข้ามาประจำการในพื้นที่แล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ถูกลำเลียงมาจาก รพ.เครือข่ายและ รพ.ขอนแก่น เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปฎิบัติงานทันทีหากพบผู้ป่วยรายใหม่ในกลุ่มใหญ่ หรือตามแนวทางการบริหารจัดการผู้ป่วยที่ สสจ.ขอนแก่น กำหนด”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า สำหรับ รพ.สนามแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) มีจำนวนทั้งสิ้น 240 เตียง ซึ่งการจัดตั้ง รพ.นั้นคณะทำงานได้ลงพื้นที่ประชาคมและทำความเข้าใจกับคนในชุมชนถึงแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวของหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำเสียและขยะติดเชื้อ รวมทั้งการปฎิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานสนับสนุน ซึ่งทุกขั้นตอนได้ดำเนินงานตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขในภาพรวมทั้งหมดอย่างเข้มงวด

ขอนแก่น - กกต.ขอนแก่น ติวเข้ม 3 เทศบาลเตรียมการลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ “อภินันท์” ย้ำชัดห้ามผู้สมัครหาเสียงเด็ดขาด และกำชับทุกหน่วยคุมเข้มโควิดอย่างเต็มที่

เมื่อเวลา 10.00  น.วันที่ 5 พ.ค.2564 ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จ.ขอนแก่น นายอภินันท์  จันทร์อุปละ ผอ.กกต.ขอนแก่น ประชุมร่วมกับ ประธาน กกต.และ ผอ.กกต.รวมไปถึงจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเตรียมการสำหรับการลงคะแนนใหม่ ใน 3 เทศบาลฯ ตามที่ กกต.กลางได้มีคำสั่งให้จัดการลงคะแนนใหม่ในวันที่ 16 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

นายอภินันทร์  จันทร์อุปละ ผอ.กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า  ภายหลังจากที่ กกต.กลาง ได้มีคำสั่งให้มีการลงคะแนนใหม่   3 เทศบาล  ประกอบด้วย ทต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง ลงคะแนนใหม่ เฉพาะสมาชิกฯ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 2 ,เทศบาลตำบลโพธิ์ไชย เฉพาะนายกเทศมนตรี ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 1 และเทศบาลตำบลบ้านเป็ด เฉพาะนายกเทศมนตรี ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 19  อันมีผลมาจากการเกิดบัตรเขย่ง ทำให้วันนี้ กกต.ขอนแก่น ต้องเชิญ ประธาน กกต.,ผอ.กกต. รวมไปถึงจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้งจากเทศบาลฯทั้ง 3 แห่ง มารับทราบแนวทางการดำเนินการจัดตั้งตามระเบียบและข้อบังคับ ตามที่ กกต.กำหนด

 “ หน่วยเลือกตั้งทั้ง 3 เทศบาลฯที่ต้องมีการลงคะแนนใหม่นั้น พบว่ามีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณหน่วยละ 700 คน ดังนั้นการจัดคูหาและสถานที่ลงคะแนนนั้นจะต้องคุมเข้มตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัวโควิด-19 อย่างเข้มงวด ประกอบกับการจัดการลงคะแนนใหม่นั้น ทุกหน่วยเลือกตั้งอาจจะใช้กรรมการชุดเดิมหรือเปลีย่นแปลงกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ก็สามารถกระทำได้ ตามดุลยพินิจของ กกต.ประจำเทศบาลฯ แต่การพูดคุยกันในวันนี้เป็นการเน้นย้ำในรอบสุท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์บัตรเขย่งหรือข้อผิดพลาดใด ๆ ในการจัดการจัดให้มีการลงคะแนนใหม่ในครั้งนี้ โดยที่ กกต.ขอนแก่น จะเป็นพี่เลี้ยงและจัดเจ้าหน้าที่ไปประจำเพื่อกำกับควบคุมดูแลในวันที่ 16 พ.ค.เพื่อให้การดำเนินงานในขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไปอย่างเรียบร้อยและรัดกุม”

 นายอภินันท์ กล่าวต่ออีกว่า 3 หน่วยเลือกตั้งของทั้ง 3 เทศบาลฯดังกล่าว ผู้สมัครห้ามหาเสียงเด็ดขาด ตามระเบียบที่กำหนดไว้ ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือมีการร้องเรียนเกิดขึ้น ทีมสอบสวนของ กกต.จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำการสอบสวนทันที อย่างไรก็ตามสำหรับการรับรองผลการเลือกตั้งในตำแหน่งนายกฯ และ สมาชิกสภาเทศบาล ในส่วนที่เหลือนั้น ขณะนี้เข้าสู่การรับรองในรอบที่ 2 คือไม่เกินวันที่ 27 พ.ค. อันมีผลมาจากการร้องเรียน ซึ่งขณะนี้เจ้าพนักงานสอบสวนของ กกต.อยู่ในระหว่างการสอบสวนตามข้อร้องเรียนที่ส่งเข้ามาซึ่งมีทั้งหมด  20 เรื่อง ที่ กกต.ขอนแก่น ได้รับเรื่องไว้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการซื้อเสียง การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่มีหลักฐานชัดเจนและเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ทั้งนี้เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จ กกต.ขอนแก่น จะสรุปเรื่องรับรองและผลการสอบสวนไปที่ กกต.กลาง เพื่อพิจารณารับรองตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ต่อไป

ขอนแก่น - โรงแรมขอนแก่นโอด โควิดระบาดระลอก 3 ใครจะยื้อไหว เปิดให้บริการก็ไม่มีคนมาพัก ประกาศขายก็คงไม่มีใครมาซื้อ วอนรัฐกำหนดมาตรการชัดเจนช่วยเหลือผู้ประกอบการ “ชาติชาย” ระบุ เงินกองทุนประกันสังคมควรงัดออกมาใช้ได้แล้ว

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 พ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่กำลังเกิดขึ้นส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวและการใช้บริการของสถานประกอบการต่างๆเป็นไปอย่างเงียบเหงา อันมีผลมาจากการประกาศขอความร่วมมือจากรัฐบาลในการให้บริการในเวลาที่จำกัด และงดการเดินทางในระยะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งต้องปิดตัว ขณะที่โรงแรมที่ยังคงเปิดให้บริการก็ไม่มีผู้เข้าพัก เนื่องจากการเดินทางข้ามจังหวัดหรือการท่องเที่ยวในระยะนี้ไม่มีเกิดขึ้น รวมไปถึงการจัดการประชุมสัมมนาต่าง ๆ ได้ลดจำนวนลง

นายชาติชาย  โฆษะวิสุทธิ์ นายกสมาคมโรงแรมภาคอีสาน กล่าวว่า ยอมรับว่าการระบาดในระลอกที่ 3 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ซึ่งในการระบาดระลอกที่ 2 ถ้าจำได้เกิดขึ้นช่วงใกล้ช่วงปีใหม่ ขณะที่ระลอกที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ ในมุมของผู้ประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการ ในช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่ทุกคนต้องเตรียมสรรพกำลังรองรับนักท่องเที่ยวและการเดินทาง ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบเร่งด่วน ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก ต้นทุนในด้านต่างๆ การจ้างงาน ที่มีอยู่ก็เป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับ อย่างที่โรงแรมโฆษะ มวยกำลังจะขึ้นชก ก็ถูกน็อคตั้งแต่ยังไม่ชก ซึ่งก็เข้าใจในสถานการณ์ดังนั้นวันนี้สิ่งที่ทุกคนร่วมมือกันเพื่อฟันฝ่าวิกฤติเหตุการณ์นั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับภาระด้านค่าใช้จ่ายที่ยังคงไม่มีความชัดเจนของหน่วยงานใดที่จะเข้ามาให้การช่วยเหลือ แม้รัฐบาลจะกำหนดการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในโครงการเราชนะ หรือ ตามมาตร 33 มาแล้วก็ตาม

“เม็ดเงินที่รัฐจัดสรรในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ สามารถที่จะกระตุ้นภาพรวมทางเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่มาวันนี้เกิดการระบาดระลอกที่ 3 ยอมรับว่ากลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมนั้นมืดสนิท เพราะแม้เปิดให้บริการแต่ก็ไม่มีคนเข้าพัก ร้านอาหารหากเปิดคนก็มาใช้บริการน้อยมาก และต้องใช้บริการในช่วงเวลาที่จำกัด ทุกคนต่างต้องปรับกลยุทธิ์ในด้านต่างๆเพื่อความอยู่รอด โรงแรมหลายแห่งปลดพนักงานบางส่วน บางแห่ง ทำงานคนละ 15 วัน บางแห่งจ่ายเงินเดือนในอัตราร้อยละ 70 ตามแนวทางที่ใครจะทำได้และไม่ขัดต่อกฎหมาย และหากจะประกาศปล่อยขาย ตามที่เจ้าของกิจการได้พูดคุยกันหลายแห่งก็ไม่มีใครที่จะมาซื้อในระยะนี้จากสภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนก็ทราบดีว่าเป็นอย่างไร”

นายชาติชาย กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงแรงงานต้องออกมามีบทบาทและแสดงความชัดเจนในการช่วยเหลือให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกับเงินกองทุนประกันสังคม ที่นายจ้า ได้มีการส่งสมทบทุกเดือน ที่ต้องออกมาเป้นโยบายหรือข้อกำหนดให้กับสถานประกอบการต่างๆได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดังกล่าว เนื่องจากการจะเข้าถึงสถาบันการเงินตามนโยบายที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดนั้นผู้ประกอบการบางคนก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีภาวะเงินกู้ในสัดส่วนที่มากอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อวันนี้สถานประกอบการไม่สามารถเปิดได้ หรือเปิดก็ไม่มีรายได้เข้ามา แต่ยังคงต้องแบกรับภาวะต้นทุน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายด้านต่างๆเพื่อคงสภาพของกิจการ รวมไปถึงค่าจ้างพักงานที่ต้องจ้าง จึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาเงินกองทุนประกันสังคม ที่นายจ้างส่งจ่ายทุกเดือนได้กลับคืนมาให้กับนายจ้างบ้างในเงื่อนไขและระเบียบที่รัฐกำหนดไว้

ขอนแก่น - พร้อมใจส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกโอลิมปิก ด้วยการร่วมวิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ เส้นทางขอนแก่น-นครราชสีมา

เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 13 พ.ค. 64 ที่ สนามกีฬาจังหวัดขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น  นำประชาชนชาวขอนแก่น   ร่วมกิจกรรมวิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ  ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ร่วมกับภาครัฐ และภาคเอกชน ได้กำหนดจัดกิจกรรม ระหว่างวันที่ 28 .ค. - 27 พ.ค.  ซึ่งเป็นการวิ่งระยะไกล ผ่าน 35 จังหวัด 61 วัน ทั่วทุกภูมิภาค รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตร โดยมีประชาชนชาวขอนแก่นให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ท่ามกลางมาตรการควบคุมและป้องกันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

โดยที่ ผวจ.ขอนแก่น ได้เชิญธงชาติไทย จากแท่นพำนักจุดปล่อยด้านหน้าสนามกีฬากลาง จ.ขอนแก่น และนำวิ่งธงชาติไทย จากจุดปล่อยตัวประจำวัน ไปตาม ถ.เหล่านาดี เพื่อส่งต่อให้กับคณะนักวิ่งที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยศิลปิน  ดารา นักแสดง  คณะผู้บริหาร จากหน่วยงานราชการ และเอกชนรวมไปถึงประชาชนผู้ที่สนใจ ได้มีส่วนร่วมในการวิ่งส่งต่อธงชาติไทย คนละ 1 กิโลเมตร

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า กิจกรรม "FLAG OF NATION" วิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา คณะนักวิ่งได้วิ่งเข้าเขต จ.ขอนแก่น ผ่านทาง จ.เพชรบูรณ์และในวันนี้ขอนแก่นเป็นจุดปล่อยตัวเพื่อส่งต่อให้กับ จ.นครราชสีมา ตามแผนงานที่คณะทำงานได้กำหนดไว้ เพื่อส่งต่อกำลังใจไปถึงนักกีฬาทีมชาติไทย ที่จะเข้าแข่งขันโอลิมปิก 2020 ผ่านการวิ่งคนละ 1 กิโลเมตร ต่อเนื่อง 61 วัน 35 จังหวัด ระยะทาง 4,606 กิโลเมตร หรือเทียบเท่าระยะทางกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโตเกียว

" กิจกรรมดังกล่าว เริ่มมาตั้งแต่ วันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา และวันนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ จ.ขอนแก่น ซึ่งชาวขอนแก่นทุกคนพร้อมใจที่จะส่งกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาไทยผ่านการจัดกิจกรรมดังกล่าว ดูได้จากจำนวนนักวิ่งที่สมัครร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรม รวมไปถึงการรอให้การต้อนรับในจุดแวะพักต่างๆ ที่ทุกคนต่างร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ทัพนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก Road To Tokyo 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่กำลังจะมาถึง"

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า การวิ่งครั้งนี้ขอนแก่น จัดอยู่ในลำดับที่ 27 จากจำนวนทั้งสิ้น 35 จังหวัด โดยขบวนธงชาติไทย ที่ออกวิ่งวันนี้นับเป็นกิโลเมตรที่ 1 ของจังหวัด นับรวมการจัดกิจกรรมเมือเข้าเขตตัวเมืองขอนแก่นอยู่ที่  3,544 กม. ของการจัดกิจกรรม  โดยในการวิ่งนั้นจะใช้เส้นทางขอนแก่น-บ้านแฮด-บ้านไผ่ สิ้นสุดที่ อ.พล จากนั้นจะส่งต่อให้กับ จ.นครราขสีมา ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

 

ขอนแก่น - กฟผ.และบริษัทในกลุ่มกฟผ. มอบเงินสนับสนุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น

วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นางจิรประภา ศิริสูงเนิน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น 
เป็นประธานรับมอบเงินจำนวน 1,900,000 บาท จากนายพิพัทต์ คงสินทวีสุข ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายไวฑูรย์ เกียรติเฉลิมคุณ ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าน้ำพอง และนายสหชาติ พิลาออน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทในกลุ่ม กฟผ. เพื่อสนับสนุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น จำนวน 5 โรงพยาบาล ได้แก่โรงพยาบาลศรีนครินทร์จำนวน 500,000 บาท โรงพยาบาลขอนแก่นจำนวน 500,000 บาท โรงพยาบาลชุมแพจำนวน 300,000 บาท โรงพยาบาลน้ำพองจำนวน 300,000 บาท และโรงพยาบาลสมเด็จพระเด็จพยุพราชกระนวนจำนวน 300,000 บาท 


นอกจากนี้ยังได้มอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่กดเจลแอลกอฮอล์แบบเท้าเหยียบพร้อมเจลแอลกอฮอล์ขนาด 450 มล.10 ชุด หน้ากากอนามัย 1,000 ชิ้น หมวกคลุมผม 1,000 ชิ้น ถุงมือยาง 1,000 ชิ้น ชุดกาวน์กันน้ำ 100 ชุด น้ำดื่ม 100 โหล ให้สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และน้ำดื่ม 100 โหลให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อใช้ในการออกปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและเฝ้าระวัง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ระลอกใหม่นี้ กฟผ.และบริษัทในกลุ่ม กฟผ. ได้แก่ บริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ระดมเงินงบประมาณจำนวน 81 ล้านบาท เพื่อร่วมบริจาคให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 149 โรงพยาบาล นำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของบุคลากรทางการแพทย์ และนับตั้งแต่การเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตั้งแต่ปี 2563 – 2564 กฟผ.ได้สนับสนุนงบประมาณรวม 400 ล้านบาทในการสนับสนุนการทำ จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้กับโรงพยาบาล 300 โรงพยาบาล และชุมชนกว่า 1,000 ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตามแนวการดำเนินงานว่า กฟผ.เคียงข้างคนไทยทุกวิกฤต


 

ขอนแก่น - มข. คว้ารางวัล “เหรียญเงิน” ระดับนานาชาติ จาก “อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่” ณ สมาพันธรัฐสวิสเซอร์แลนด์

“อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device” คว้ารางวัล “เหรียญเงิน” ระดับนานาชาติ จากผลงานประกวด 800 ชิ้น กว่า 40 ประเทศ ของการประกวดแข่งขัน Geneva Inventions ในงาน The 48th International Exhibition of Inventions Geneva ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิสเซอร์แลนด์

โดย “อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device” เป็นสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือจากทีมวิจัยสหสาขาวิชาชีพจากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี รศ.ดร.ทพ.พูนศักดิ์ ภิเศก เป็นหัวหน้าทีม โดยผลงานดังกล่าว มีจุดเริ่มต้น ในปี พ.ศ. 2561 ในรายวิชาโครงการวิจัยทางทันตกรรม ซึ่งรศ.พูนศักดิ์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย และนักศึกษาทันตแพทย์ชั้นปีที่ 5 ประกอบด้วย นทพ.วนิดา อัครโชติสกุล, นทพ.ชลนภา พัฒนภิรมย์ และนทพ.ธนาภรณ์ นีละกาญจน์ (ปัจจุบันทุกท่านสำเร็จการศึกษารับราชการเป็นทันตแพทย์แล้ว) สนใจออกแบบพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ โดยมี รศ.ดร.สุรสิทธิ์ ปิยะศิลป์ คณะวิศวกรรมศาสตร์, ผศ.นพ.พลากร สุรกุลประภา คณะแพทยศาสตร์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในลักษณะของทีมสหสาขาวิชาชีพ และต่อยอดด้วยการศึกษาเชิงคลินิกของ ทพญ.สุลาวัลย์ แววสง่า นักศึกษาหลังปริญญาหลักสูตรวุฒิบัตร สาขาทันตกรรมจัดฟัน โครงการวิจัยนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ “Research Fantasia Season X” จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อมาผลงานนี้ได้รับการรับรองจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการใช้งานในผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ในโรงพยาบาลและสถานบริการทั่วประเทศ โดยเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นี้จาก สปสช.

ในปีพ.ศ. 2562 ผลงานนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคม (National Innovation Awards for Social Contribution 2019) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ปี พ.ศ.2563 ได้รับรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ รางวัลประกาศเกียรติคุณผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้น จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ปี พ.ศ.2564 ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าประกวดแข่งขัน ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิสเซอร์แลนด์ จนคว้ารางวัลระดับนานาชาติในครั้งนี้

รศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ ภิเศก หัวหน้าทีมผู้คิดค้นอุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “การออกแบบอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ได้ทำการวิจัยร่วมกันในลักษณะสหสาขาวิชาชีพ ซึ่งเริ่มจากนักศึกษาทันตแพทย์ระดับปริญญาตรีได้ทำการศึกษาออกแบบพัฒนาเครื่องมือเป็นตัวต้นแบบ ตามมาด้วยการศึกษาวิจัยต่อยอดทางคลินิกโดยนักศึกษาหลังปริญญาในหลักสูตรทันตแพทย์ประจำบ้านสาขาทันตกรรมจัดฟัน ได้ศึกษาผลของอุปกรณ์นี้ในเชิงคลินิก ซึ่งเป็นการศึกษาต่อเนื่องติดตามผลการใช้งานในผู้ป่วยหลังใช้เครื่องมือนี้ในการผ่าตัดตกแต่งจมูกและริมฝีปาก โดยคณาจารย์จากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ร่วมกันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจัย เดิมทีอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ยังไม่มีการผลิตขึ้นมาในประเทศ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคาชิ้นละ 3,500 – 4,000 บาท ต่อชิ้น ซึ่งคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ 1 คนต้องใช้ประมาณ 3 ชิ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อผู้ป่วย 1 คน อยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท เมื่ออุปกรณ์นี้สามารถผลิตได้สำเร็จจะทำให้ลดการนำเข้าจากต่างประเทศและต้นทุนการผลิตถูกลง เฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท ทำให้ค่าอุปกรณ์ในการรักษา ลดลงถึง 10 เท่า สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ ผมขอขอบคุณ ผศ.ทพ. วัชรินทร์ หอวิจิตร ผศ.ดร.ทพ. เอกสิทธิ์ มโนสุดประสิทธิ์ อ.ดร.ทพญ. พุทธธิดา วังศรีมงคลและ คุณสุธีรา ประดับวงศ์ ที่มีส่วนช่วยเหลือในงานวิจัยและเตรียมการประกวดแข่งขัน ขอขอบพระคุณประธานมูลนิธิตะวันฉาย ศ.นพ.บวรศิลป์ เชาวน์ชื่น รศ.(พิเศษ) ดร.ทพญ. สมใจ สาตราวาหะ และท่าน รศ.ดร.ทพญ. วรานุช ปิติพัฒน์ คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด”

“อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device” เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร (อย.) เป็นวัสดุที่มีความปลอดภัย และได้มาตรฐาน ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) จึงอนุมัติให้สถานพยาบาลทั่วทุกประเทศได้ใช้งาน และยังได้ส่งต่อไปในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชาอีกด้วย

ขอนแก่น - ผู้ว่าฯขอนแก่น สั่งเข้มทุกมาตรการป้องกันโควิด เรือนจำ-สถานพินิจ-ศูนย์ฝึกอบรมฯ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งจังหวัด ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงชัดเจน นักโทษแรกรับต้องกักกันตัวอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องฉีดวัคซีนให้ครบ ขณะที่ผู้คุมขังเริ่มทยอยรับ

 เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 พ.ค.2564 นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 26 อำเภอของจังหวัด มีพื้นที่ที่คุมขังผู้ต้องหาและสถานพินิจฯ รวมไปถึงศูนย์ฝึกอบรม ฯ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งหมด 5 แห่ง มีผู้ที่ถูกคุมขังกว่า 7,000 คน ซึ่งขณะนี้ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น,ผู้บัญชาการทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น,ผู้บัญชาการเรือนจำ อ.พล,ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองและเด็กและเยาวชนขอแก่นและศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนเขต 4 ขอนแก่น ได้สรุปรายงานมาตรการคุมเข้มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้รับทราบแล้ว และที่สำคัญคณะทำงานได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามและเน้นย้ำในทุกมาตรการที่การ์ดห้ามตกแม้แต่วินาทีเดียวและให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ซึ่งพบว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานอยู่ภายใน 5 หน่วยงานได้รับวัคซีนไปแล้วมากกว่าร้อยละ 80 และมีการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันย่างเข้มงวด


 “ จากการระบาดของกลุ่มคัสเตอร์ที่คุมขังนักโทษในหลายจังหวัด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงของการพักผ่อนยามค่ำคืนที่นอนชิดติดกันเนื่องจากสภาพพื้นที่ที่จำกัด ขณะที่พื้นที่ขอนแก่น มีผู้ที่ถูกคุมขังและถูกควบคุมตัวรวมกว่า 7,000 คน ดังนั้นมาตรการป้องกันและควบคุม ทุกแห่งมีการดำเนินการอย่างเข้มงวด มีการออกคำสั่งให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา,การเยี่ยมผ่านระบบวิดีโอคอลหรือระบบไลน์ รถส่งสินค้าจากภายนอก จะต้องทำความสะอาดรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งเข้าและออกภายในเรือนจำทุกครั้ง โดยไม่อนุญาตให้คนขับจากภายนอกขับรถเข้าไปภายในเด็ดขาดเพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคเข้าไปภายในเรือนจำ และที่สำคัญคือนักโทษแรกรับ จะต้องได้รับการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด ตามระเบียบที่กรมราชทัณฑ์กำหนดและมีการกักตัวจากเดิม 14 วันเป็น 21 วันตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด”


 ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า มาตรฐานด้านสุขอนามัยในพื้นที่คุมขัง และสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆภายในเรือนจำและสถานที่ควบคุมทั้ง 5 แห่ง ได้เน้นย้ำในเรื่องของความสะอาดและการจัดจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือและจุดล้างมือ ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ขณะที่แผนเผชิญเหตุรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นคณะทำงานได้กำหนดแนวทางรับ-ส่งผู้ป่วยแบบเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลใกล้กับสถานที่ควบคุมเป็นจุดแรก รวมทั้งการจัดเตรียม รพ.สนาม แห่งที่ 2 พุทธมณฑลอีสานสำหรับการรับมือกับผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ยังคงไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำและสถานที่ควบคุมภายในจังหวัด แต่การป้องกันและควบคุมยังคงเป็นไปอย่างรัดกุมและมีการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำที่ขณะนี้เริ่มทยอยฉีดวัคซีนไปแล้วบางส่วนอีกด้วย


 

ขอนแก่น – พล.ร.3 โดย ร.8 แสดงความยินดีกับน้อง ๆ ทหารของหน่วย ที่สามารถผ่านการทดสอบ ผ่านเข้าศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก (รุ่นที่ 25) ได้สำเร็จ

ที่ค่ายสีหราชเดโชไชย ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ กรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) ประกาศการรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็น นักเรียนนายสิบทหารบก ประจำปีการศึกษา 2564 (นนส.ทบ.) ประจำปี 2564 นั้น มีกำลังพลของหน่วยกรมทหารราบที่ 8 ได้เข้ารับการทดสอบขั้นที่ 2 (ภาควิชาการ) จำนวน 4 นาย ที่สามารถผ่านการทดสอบผ่านเข้าศึกษา ณโรงเรียนนายสิบทหารบก (รุ่นที่ 25) ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฏ จ.ประจวบคีรีขันธ์  


ซึ่งก่อนเดินทางนั้นทางด้านกองพลทหารราบที่ 3 โดย กรมทหารราบที่ 8  พันเอก ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8(ผบ.ร.8) ได้แสดงความยินดีพร้อมทั้งได้มอบขวัญและกำลังใจให้กับน้อง ๆ ทหารของหน่วย จำนวน 4 นาย ที่สามารถผ่านการทดสอบ ผ่านเข้าศึกษา ณโรงเรียนนายสิบทหารบก (รุ่นที่ 25) และกล่าวให้โอวาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล โดยได้เน้นย้ำการใช้ความรู้ความสามารถที่หน่วย ไปปรับใช้ในชีวิตการเป็นนักเรียนให้เกิดประโยชน์ การปฏิบัติตัวในการเข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนนายสิบทหารบก และตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ให้มีมุ่งมั่นพยายามศึกษาหาความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับการศึกษานำมาต่อยอดความรู้สู่การเป็นกำลังพลหลักในการพัฒนาหน่วยทหารในกองทัพบก สร้างความภาคภูมิ ให้ตนเองและครอบครัว เป็นแบบอย่างความสำเร็จในการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบกและบรรจุ เป็นนายทหารประทวนสังกัดกองทัพบกของหน่วยต่าง ๆ รวมถึงการรับราชการทหารซึ่งเป็นอาชีพที่มั่นคง ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว ในอนาคตต่อไป


ภาพ/ข่าว  ขอบคุณภาพจาก ร.8 / ไทบ้าน  นิวส์ (พรพิพัฒน์  เพ็ชรสังหาร)
 

ขอนแก่น - เราชนะรอบสอง คึกคักชาวขอนแก่น รูดปี๊ด...ช๊อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แน่นทุกร้าน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจการใช้จ่ายตามโครงการเราชนะ รอบที่ 2 ภายหลังจากที่รัฐบาลได้โอนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์วันแรกวันนี้พร้อมกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะที่ร้านเต็มสิบ ซึ่งตั้งอยู่ ถ.กสิกรทุ่งสร้าง ตรงข้าม มทบ.23 เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง และเข้าร่วมโครงการเราชนะ ตามที่รัฐบาลกำหนด  พบว่ามีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า เดินทางมาซื้อหาสินค้ากันอย่างคึกคัก

นางสุกานดา นาคะปักษิณ เจ้าของร้านเต็มสิบ กล่าวว่า วันแรกของการใช้จ่ายตามโครงการเราชนะวันแรกันนี้ในรอบที่ 2 นั้น พบว่าตลอดตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการเราชนะและได้รับเงินโอนงวดแรก 1,000 บาท ทยอยกันเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง  แตกต่างจากช่วงที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากลูกค้าได้ห่างหายไปนานหลังจากที่เงินตามโครกาเราชนะหมดไปจากรอบแรก

"หลังจากการเงินเราชนะรอบแรกหมดลงประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมาลูกค้าลดลงอย่างชัดเจน แต่แล้ววันนี้หลังจากที่มีการโอนเงินเข้าลูกค้าที่เคยมาใช้บริการก็ได้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งจากการที่สอบถามผู้ที่มาใช้สิทธิทุกคนรู้สึกดีใจ และยิ้มได้ จากการที่ได้รับเงินเยียวยาจากทางรัฐบาลที่จะนำมาใช้จ่ายในการเลือกซื้อสินค้าประเภทต่าง ๆ ในร้านค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ที่จะสามารถช่วยลดค่าครองชีพจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้อย่างมาก"

นางสุกานดา กล่าวต่ออีกว่า จากการสังเกตุพบว่าส่วนมากคนมาซื้อของนั้นจะซื้อกลุ่มสินค้าบริโภค ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง อาหารแช่แข็ง ข้าวสาร ไข่ไก่ และน้ำมันพืช เป็นหลักเพื่อนำกลับไปปรุงอาหารในครอบครัว แต่ที่ขายดีเป็นพิเศาวันนี้คือกลุ่มอาหารสดแช่เย็นเพราะจะได้เก็บไว้อีกหลายวัน และที่สำคัญการที่รัฐบาลโอนเงินเข้ามาในช่วงวันนี้และเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมอย่างมาก เพราะเข้าสุ่ช่วงสิ้นเดือน ที่ทุกคนเงินเดือนเริ่มหมด จึงสามารถนำเงินที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลมาใช้จ่ายได้ในช่วงนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top