Friday, 17 May 2024
ขอนแก่น

‘รมช.ศธ.’ ลงพื้นที่ขอนแก่นเมืองไมซ์ซิตี้ เปิดนิทรรศการ “KKC Smart Education 2021” ตอกย้ำมาตรฐานการศึกษาไทย ต้อง Move on!!

ที่ห้องประชุมแก่นเมือง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดนิทรรศการ KKC Smart Education 2021 : เพราะการศึกษาต้อง Move on โดยมี ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ดร.สุภชัย จันปุ่ม ศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1-5 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่นหรือผู้แทน ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน และผู้ปกครองจากทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชนเข้าร่วมงานภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

พร้อมกันนี้ยังมีครู และบุคลากรทางการศึกษาอีกจำนวนหนึ่งที่สนใจแต่ไม่สามารถ มาเข้าร่วมการประชุมและชมนิทรรศการในครั้งนี้ได้ เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน จึงได้ติดตามการถ่ายทอดสดทางระบบการประชุมทางไกลผ่าน Google Meet อีกด้วย พร้อมนี้ยังได้มอบเงินส่วนหนึ่งสมทบกองทุน 10 บาทสร้างโอกาสทางการศึกษาให้น้องขอนแก่น  ซึ่งกองทุนนี้จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของ 4 หน่วยงาน จาก 4 กระทรวง ได้แก่ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น สำนักงานส่งเสริมปกครองท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นและสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น ภายใต้โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดขอนแก่นโดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา

จากนั้น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและคณะได้เดินทางไปที่โรงเรียนสาธิตมอดินแดง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเยี่ยมชมและติดตามผลการดำเนินงานการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วยนวัตกรรม "Smart Learning and Coding : สู่การสร้างนวัตกร" ของโรงเรียนสาธิตมอดินแดง โดยมีศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี ชัยเจริญ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะผู้บริหารโรงเรียนสาธิตฯและครูให้การต้อนรับ และนำเสนอนวัตกรรมการศึกษาแก่คณะท่านรัฐมนตรี 

 

'พรรคกล้า' เดินหน้าตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด  “อรรถวิชช์” ยัน จ.ขอนแก่น ไม่ได้เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง ประกาศหาผู้สมัครส่งครบ 11 เขต เดินหน้าปักหมุดภาคอีสาน ตั้งธงส่งผู้สมัครครบ 400 เขตทั่วประเทศ 

ที่จ.ขอนแก่น นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงการลงพื้นที่ จัดตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดอีก 2 เขต คือเขต 1 อ.เมือง และเขต 2 อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ว่า ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และจังหวัดขอนแก่นไม่ได้เป็นพื้นที่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แม้พรรคกล้าเป็นพรรคน้องใหม่ แต่ตัดสินใจเดินทางมาขอนแก่นครั้งนี้ ได้จัดตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้หลายเขตแล้ว ยืนยันว่าพรรคกล้าจะส่งผู้สมัครให้ครบทั้ง 11 เขตในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งขณะนี้ได้ผู้สมัครหลายเขตแล้วแต่ยังไม่ครบถ้วน หากท่านใดมีความสนใจก็อยากเชิญชวนให้สมัครสมาชิก โดยพรรคกำลังคัดสรรคนที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในพื้นที่ อย่างภาคการเกษตร การปลูกข้าว การจัดการน้ำ ส่วนพื้นที่ อ.เมืองเขต 1 ก็มีผู้เสนอตัวมา แต่จะมีการเลือกอีกครั้ง โดยจะมีการทำไพรมารี่ขึ้นมาแข่งขันกัน เพราะเป็นพื้นที่สำคัญที่มีมหาวิทยาลัย เป็นเมืองศูนย์กลางอินโดจีน ซึ่งอีก 3 สัปดาห์ พรรคก็จะกลับมาทำกิจกรรมในพื้นที่อีกครั้ง

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ส่วนภาพรวมความพร้อมในพื้นที่ภาคอีสานนั้น  พรรคกล้ามีเป้าหมายส่งผู้สมัครให้ครบในภาคอีสาน และครบทั้ง 400 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ไม่ว่าระบบเลือกตั้งจะเป็นแบบไหนพรรคกล้าพร้อมสู้เสมอ และเชื่อว่าหลักความเป็นพรรคเศรษฐกิจ การทำประเทศให้ทันสมัยด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เข้าใจประสบการณ์ รวบรวมคนที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านมาอยู่ด้วยกัน ไม่ผูกขาดไปที่นักการเมือง แต่ใช้บุคคลจากประสบการณ์สาขาอีกชีพ มีความหมายกับพรรคมากในการทำประเทศให้ทันสมัยขึ้น

ขอนแก่น - กำนัน - ผู้ใหญ่ เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่า ให้ดำเนินการกลุ่มบุคคล 'เหยียดชาวอีสาน' ให้ถึงที่สุด!!

ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้รับหนังสือจากนายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัด พร้อมด้วยตัวแทนชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกอำเภอของจังหวัดขอนแก่น เกี่ยวกับกลุ่มบุคลที่เหยียดชาวอีสานในโชเชียลกลุ่มคลับเฮ้าส์ TOXIC ตนเองในนามตัวแทนชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดขอนแก่น ได้มีการพูดคุยหารือกันเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของพี่น้องชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด เราจะได้ยื่นหนังสือเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ถึงจุดประสงค์ และมีความต้องว่าอยากให้กลุ่มบุคคลที่พูดพาดพิงให้คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าไม่สมควร ซึ่งเราจะอยู่กันแบบพี่แบบน้อง เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันไม่อยากให้สร้างความแตกแยก ให้มีความรักสามัคคีกัน และอยากทราบข้อเท็จจริงของกลุ่มนี้ต้องการสิ่งใด

โดยหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ท่านได้กำชับให้ทำความเข้าใจและชี้แจงให้ทราบว่าเป็นเพียงกลุ่มบุคคล ที่คอยสร้างความแตกแยก ซึ่งอย่าให้พี่น้องประชาชนอย่าได้สั่นคลอนกับเรื่องดังกล่าว แต่อย่างใดก็ตามทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดขอนแก่น หลังจากได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่า

ในการออกมาครั้งนี้เป็นเพียงบางส่วน แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดจึงได้มีเพียงตัวแทน ซึ่งทางพวกเราเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวออกมารับผิดดชอบคำพูดของตนเองที่ทำการหมิ่น ด้อยค่าของคนอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำเหยียดด่าถึงบุพการี และบรรพบุรุษ ทางเรานั้นรับไม่ได้ และอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยดำเนินการอย่างหนึ่งย่างใดให้ถึงที่สุด

 

 

5 เทศบาล! ลงขันร่วมมือทำ ‘รถไฟฟ้ารางเบา เส้นทางนำร่องสายสีแดง’ จังหวัดขอนแก่น ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง งานโครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่น

จังหวัดขอนแก่นลงนามบันทึกข้อตกลง งานโครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่น เส้นทางเส้นทางสายเหนือ - ใต้ นำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) อันเกิดจากความร่วมมือรถไฟฟ้า LRT (KKTS - กลุ่มกิจการร่วมค้าขอนแก่น CKKM , CRRC จากประเทศจีน)เพื่อเมืองของเราเอง โดยการหาทุนเอง สร้างกันเอง สาระสำคัญ นั่นคือต้องการหาทุนเอง ผลิตเอง เพื่อให้ลูกหลานคนขอนแก่นคนอีสานได้มีงานดี ๆ ทำ มีรายได้สูง ๆ

เมื่อวันที่ 17  พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า ที่ห้องออคิด บอลรูม 1 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวและกล่าวถึงความเป็นมา การลงนามบันทึกข้อตกลง งานโครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่น เส้นทางนำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) ซึ่งมีผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย นายสิทธิกุล ภูคำวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ,นายพิสุทธิ์ อนุตรอังกูร นายกเทศมนตรีตำบลท่าพระ, เทศบาลเมืองศิลา ,นางสาวรัมภามาศ ฑีฆธนานนท์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า ,นายทวี แสนอาจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสำราญ  , พล.ต.ชาติชาย ประดิษพงษ์ ประธานกรรมการบริษัทขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (Khon Kaen Transit System CO.,Ltd.) , JV CKKM, Mr.Liu Tong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศ บริษัท CRRC , Mr. Wang Chi ผู้ช่วยฝ่ายการตลาด บริษัท CRRC, Mr.Kai Tai Francis Wu ที่ปรึกษาบริษัท CRRC , นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน), และที่ปรึกษาบริษัทขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติมากมาย ดังนี้ นางศิริพร จังตระกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น  , Mr.Sven Gaber กรรมการบริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน), คณะผู้บริหารจาก 5 เทศบาล ,คณะผู้บริหาร KKTS คณะผู้บริหารกลุ่มกิจการร่วมค้า CKKM , CRRC Consortium Executive Representator ,ผู้นำ 8 องค์กรเศรษฐกิจ ,พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,ดร.พีรสิทธิ์ คำนวณศิลป์ คณบดีมหาวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น  มหาวิทยาลัยขอนแก่น , รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ ,ผู้บริหารจาก CEA ,หัวหน้าส่วนราชการจากภาคเอกชน , พี่น้องสื่อมวลชนขอนแก่น

ซึ่งในส่วนของเทศบาลนครขอนแก่นที่ร่วมงาน ประกอบด้วย รองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น (นายธวัชชัย รื่นรมย์สิริ,พ.ต.ท.สมชาย โตเจริญ) , เลขานุการนายก(นายกฤษฏ์ สว่างไสว , นายสมภพ วงษ์ก่อ), สมาชิกสภาเทศบาล (นายวรินทร์  เอกบุรินทร์ ,น.ส.ณัชชา แสงสุรศักดิ์, นายรัชตะ รัชตะวินิจ ) , นายวิทยา ภูโยสาร ปลัดเทศบาล, รองปลัดเทศบาล (นางกฤษณา แสนสอาด , นายสุปัทม์ ทองรัตน์)  นายธวัชชัย วนาพิทักษ์กุล ผอ.ส่วนควบคุมการก่อสร้างอาคารและผังเมือง , นางอินทิรา ฆารเจริญ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ , และผู้นำชุมชน 

นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ในนาม 5 เทศบาลจังหวัดขอนแก่นเป็นผู้บริหารจัดการ ได้กล่าวว่า ทุกภาคส่วนของชาวขอนแก่นไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม NGO ผู้นำชุมชน ร่วมมือกันเพื่อทำโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะระบบรางเบา (LRT) เส้นทางสายเหนือ-ใต้ (สำราญ – ท่าพระ) แต่เป้าหมาย “ไม่ใช่ทำรถไฟฟ้าเพื่อให้ได้รถไฟฟ้า” เมื่อ ณ เวลานึง ความชัดเจนมันเห็นเป็นภาพจิ๊กซอว์ต่อครบ การทำรถไฟฟ้ารางเบากลายเป็นเป้าหมายหลักกลายเป็น “รางเปลี่ยนเมือง” ซึ่งมีวิธีคิดที่แตกต่าง คือ เมืองขอนแก่นทำโครงการเพื่อเมืองเราเอง โดยการหาทุนเอง สร้างกันเอง สาระสำคัญ นั่นคือ เราต้องการหาทุนเอง ผลิตเอง เพื่อให้ลูกหลานคนขอนแก่นคนอีสานได้มีงานดี ๆ ทำ มีรายได้สูง ๆ วิธีการคือ การจัดทำหลักสูตรรองรับ ซึ่งเทศบาลนครขอนแก่น ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับระบบราง

สำหรับ โครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่น เส้นทางนำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) มีความยาว 26 กิโลเมตร มีสถานีจำนวน 20 สถานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเดินทางในชีวิตประจำวันมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ให้พี่น้องประชาชนมีทางเลือกในการเดินทาง และยังทำให้การพัฒนาเมืองโดยมีระบบขนส่งมวลชนเป็นตัวนำ สำหรับการลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว นับได้ว่าเป็นความคืบหน้าในการทำงานที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งนับตั้งแต่บริษัท KKTS ได้คัดเลือกให้กลุ่มกิจการร่วมค้า CKKM เป็นคู่เจรจางาน จัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้ารางเบา

ถึงแม้ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาที่ผ่านมาแต่ด้วยความตั้งใจอย่างจริงจังของทั้งสองฝ่าย สามารถบรรลุในหลักการของร่างสัญญาก่อสร้างแล้ว อย่างไรก็ตามก่อนที่จะลงนามในสัญญาก่อสร้าง ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติให้สัมฤทธิ์ผลและเกิดขึ้นให้เรียบร้อยก่อนภายในเวลาที่กำหนดจึงเป็นที่มาของการลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โดยบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท CRRC Nanjing Puzhen Co.,Ltd. เป็นบริษัทผู้ประสานงานหลักด้านการเงิน ซึ่งจะประสานงานร่วมมือกันในการเจรจาและทำความตกลงกับสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อจัดหาเงินกู้ระยะยาวให้กับบริษัท KKTS  ซึ่งบริษัท KKTS จะทำหน้าที่ประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการมอบพื้นที่ พื้นที่ศูนย์วิจัยข้าว พื้นที่กลางและริมถนนมิตรภาพ หลังจากลงนามใน MOA รวมทั้งการออกใบอนุญาต และอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างต่อไป

ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่น เมืองแห่งศูนย์กลางการบริหารและบริการภาครัฐของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศูนย์กลางการค้าการลงทุนและบริการ ศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข ศูนย์กลางการประชุมและท่องเที่ยว ศูนย์กลางอุตสาหกรรมสีเขียว ศูนย์กลางการศึกษา อีกทั้งจังหวัดขอนแก่นอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจ ASEAN-NSEC-EWEC และมีที่ตั้งสถานกงสุลใหญ่ประเทศจีน-เวียดนาม-ลาวอีกด้วย 

 

ขอนแก่น - จัดโครงการ 3 ม. “มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม”

สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น และบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม)ขับเคลื่อนการพัฒนา สู่การเป็น Smart and Mice City

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21  มกราคม 2565 ที่ โรงแรมคอนวีเนี่ยน จังหวัดขอนแก่น นายจารึก  เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อความข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ ๓ ม.(มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม)ระหว่างสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นและบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น)โดยมี ผู้ร่วมลงนามดังนี้นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ,ดร.สิทธิพล พหลทัพ ผู้แทนผอ.สพม.ขอนแก่น,นายประภาส พรหมคำบุตร จัดหางานจังหวัดขอนแก่น,ดร.ประเสริฐ กลิ่นชู นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราซูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี ,ผศ.ดร.เกรียงกร ปัญญาประเสริฐกุล ประธานอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น อุปนายกฝ่ายวิจัยและพัฒนา สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี,นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น,นายปาณชัย สุวรรณวานิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น นายเดโช ปลื้มใจ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น),ตัวแทนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,นายวิเชียร  เนียมนิยมบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์รองผู้อำนวยการ Operation-HRบริษัท ชี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด,นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสรรถภาพคนงานภาค 4,นางณัฐนรี แก้ววังปา นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น ,นายเดโช ปลื้มใจ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น),ตัวแทนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,นายวิเชียร เนียมนิยมบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์รองผู้อำนวยการ Operation-HRบริษัท ชี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด,นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสรรถภาพคนงานภาค 4,นางณัฐนรี แก้ววังปา นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น ,นายขวัญชัย นารถบุญ แรงงานจังหวัดขอนแก่น สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น,นายธีร์ ศรีอาษา ประกันสังคมจังหวัดขอนแก่น สำนักงานประกันสังคม จังหวัดขอนแก่น,นายธวัช วงศ์ริน นักวิชาการพัฒนาฝีมือแรงงานชำนาญการพิเศษ,นางอรวรรณ หินตะหัวหน้าศูนย์บริหารข้อมูลตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์ ศูนย์บริหารข้อมูลตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือและผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวเอกชนในจังหวัดขอนแก่น 18 แห่ง ร่วมลงนาม

นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การดำเนินการโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือประกาศณียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงาน ได้มีงานทำและได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นระหว่างทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันในรูปแบบพลังประชารัฐ โดยประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สถานประกอบการ และสถาบันการศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน จังหวัดขอนแก่น ในการสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนในด้านการมีงานทำ ได้รับค่าตอบแทน และสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนด เปิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง เพื่อให้มีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น

นายจารึก กล่าวอีกว่าในระดับที่ตลาดแรงงานมีความต้องการ ถือเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและช่วยยกระดับคุณภาพ ชีวิตของประชาชน รวมทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และได้กำลังแรงงานที่ตรงกับการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) ที่มีขึ้นในวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมมือกันในการดำเนินการและขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ผมขอขอบคุณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม บริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น) วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น และสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการมีงานทำและเพิ่มทักษะความรู้ในด้านการพัฒนาแรงงาน เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของกำลังแรงงานของจังหวัดขอนแก่น และระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป

ด้าน  นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงที่มาของโครงการ 3 ม. จากจังหวัดบึงกาฬ ถึง จังหวัดขอนแก่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ดำเนินการ ในเรื่องนี้ โดยวันที่ 31 มีนาคม 2561 น.ส.กตพร สองเมืองสุข จัดหางานจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายเจ้าหน้าที่ เดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการ ๓ ม.(มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) จำนวน 22 คน โดยทำงานกับ บริษัท แซมโบ ชินโด (ประเทศไทย) จํากัด จำนวน 13 คน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 คน บริษัท เคเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล( ประเทศไทย) จำกัด จำนวน  3 คน เพื่อขึ้นรถของวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ณ สถานีบริการน้ำมัน ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

'อนุทิน' ย้ำ!! ลูกพรรคหน้าต้องดำผิวต้องกร้านเข้าสภาให้ได้ ด้านชาวขอนแก่น ถือป้ายเชียร์ 'เสี่ยหนู' ให้เป็นนายกฯ

ภายหลังการสัมมนาพรรคภูมิใจไทยสัญจร ที่ จ.ขอนแก่น ช่วงเย็นวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมรับประทานอาหารเย็น ร่วมกับรัฐมนตรี และส.ส.ของพรรค โดยนายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า...

"พรรคภูมิใจไทยมีแต่คนไหลเข้า ยังไม่เห็นคนไหลออก และอย่าให้มีคนแรก เพราะจะถูกพวกเราโห่จนกลับบ้านไม่ถูก เนื่องจากเราสำเร็จมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน พลวัตการขับเคลื่อนของเราเปรียบเสมือนสิ่งที่หมุนรอบ ซึ่งหากหมุนไปเรื่อยๆ ในทางฟิสิกส์จะเกิดเป็นแรงดูด จึงขอให้หมุนไปแบบนี้ หมุนด้วยความเร่ง ความตั้งใจ ความจริงใจต่อประชาชน แรงดูดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงถูกแล้วที่เขาพูดว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคดูด แต่ดูดด้วยผลงาน ดูดด้วยความนิยม"

นายอนุทิน ย้ำด้วยว่า ขอให้คืนนี้ (23 ก.ย.) เป็นคืนสุดท้ายที่ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคจะสนุกสนานกัน เพราะนับจากวันนี้ หน้าต้องดำ ผิวต้องกร้าน ต้องได้รับคะแนนนิยม ความเชื่อมั่นจากประชาชน แล้ววันรุ่งขึ้นหลังการเลือกตั้งเราจะฉลองอย่างยิ่งใหญ่

“พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคติดดิน ต่อให้ฝนตกหนักแค่ไหน หัวหน้าพรรคจะยืนเคียงข้างลูกพรรค เราตากแดด ตากลม ตากฝน ได้หมด ขออย่างเดียวให้ได้เดินเข้าสภา 6 เดือนต่อจากนี้ เราจะอยู่ในโหมดของการต่อสู้จนกว่าจะชนะ และเอาส.ส.ตัวเป็นๆ เข้าสภาเท่านั้น และเราจะชนะอย่างแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคแกนนำที่ประกาศตัวพร้อมเป็นนายกฯ เลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "พรรคต้องมีการขับเคลื่อน ทำให้ประชาชนมั่นใจ ไว้วางใจว่าพรรคทำงานที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนมากที่สุด การที่จะไปถึงจุดนั้นได้ต้องมี ส.ส.เยอะ ก็จะผลักดันทุกอย่างง่ายขึ้น ก็จะไม่มีอุปสรรคอะไร ไม่ไปเป็นเหยื่อของเกมการเมืองจากใคร แต่เอาไว้ถึงวันนั้นก่อน ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ซึ่งประชาชนเห็นแล้วว่าถ้าทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ แต่แทนที่สิ่งเหล่านั้นจะได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้คนการเมืองด้วยกัน กลับมีการบล็อก เตะตัดแข้งตัดขา ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อประชาชน

“เราไม่หวั่นไหวอะไร บางคนตัดสินใจทำแบบนี้กับพรรคภูมิใจไทยเพราะไม่ต้องมีการพึ่งพาอะไรกันแล้ว ไม่ต้องมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีการผ่านกฎหมายสำคัญแล้ว เลยปฏิบัติกับเราแบบนี้ ก็ไม่เป็นไร เราถือว่าประชาชน คือหลักชัยของเรา เรายังมุ่งมั่นทำงานต่อ ที่ผ่านมาพรรคเราเป็นแบบนี้ เราไม่เคยยุ่งกับใคร ถ้าพรรคอื่นทำประโยชน์กับประชาชนเราก็พร้อมสนับสนุนเสมอ แต่เวลาพรรคเราจะทำประโยชน์ให้ประชาชนทำไมพรรคอื่นต้องมาขัดแข้งขัดขา การต่อสู้กันทางการเมืองไม่ควรเอาสิ่งที่ประชาชนพึงจะได้มาขัดขวาง แต่โชคดีเรามองสถานการณ์ว่าสิ่งนี้จะเกิด จึงเตรียมการป้องกันไว้ก่อน ยืนยันว่า แม้ พ.ร.บ.จะไม่ผ่านสภา แต่การใช้ประโยชน์ของกัญชา ถ้าอยู่ภายใต้กรอบของกระทรวงสาธารณสุขจะไม่มีข้อจำกัด”

'บิ๊กตู่' สั่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.ขอนแก่น ชี้!! ต้องบูรณาการทุกฝ่าย พร้อมขอความร่วมมือภาคเอกชน

นายกฯ กำชับเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ขอนแก่น ย้ำต้องบูรณาการทุกฝ่าย ขอความร่วมมือภาคเอกชนรวมพลังคนไทยช่วยชาติ-ช่วยประชาชน 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดขอนแก่นว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้เป็นการมาตำหนิใคร แต่ต้องการมาช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และขอให้ทุกฝ่ายพยายามเยียวยาอย่างทั่วถึง ทั้งนี้แนวทางการแก้ปัญหามีแผนงานโครงการของทุกจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งหลายโครงการมุ่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2565 และบางโครงการมุ่งให้สำเร็จในปี 2566 

พร้อมย้ำว่าการระบายน้ำในพื้นที่และการพร่องน้ำต่าง ๆ จะต้องบูรณาการไม่ให้เกิดผลกระทบกับ ประชาชน ซึ่งภาพรวมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่น้ำมาก บางพื้นที่น้ำน้อย ดังนั้นจะต้องมาพิจารณาหาแนวทาง เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกันในเรื่องของการกักเก็บน้ำ

ทั้งนี้หากยังมีฝนตกในปริมาณมากกว่าที่จะระบายน้ำได้ทัน ก็ยังจะมีปัญหาอยู่เช่นนี้ และไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากอะไรที่สามารถป้องกันได้ก็ให้ดำเนินการไป เช่น การปกป้องโรงพยาบาล พื้นที่เศรษฐกิจ แต่หากเรื่องไหนทำไม่ได้ก็ต้องหาวิธีการแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล อาหาร น้ำสะอาดและพื้นที่พักพิง

'อนุชา' ย้ำ 'นายกฯ' มุ่งมั่นช่วยคลี่คลายน้ำท่วมขอนแก่น ลั่น!! รัฐพร้อมจัดสรรงบฯ จัดการน้ำในพื้นที่ภาคอีสาน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (4 ตุลาคม 2565) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมหงส์ยนตร์ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำและปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น หลังจากจังหวัดขอนแก่นเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุโนรู ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดอุทกภัย น้ำไหลหลาก น้ำท่วมขัง จนประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป ว่า ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โดยได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำ นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลจัดสรรโครงการต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจัดงบประมาณ/แผนงาน โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำชี 

1.) งบบูรณาการตาม พรบ.ปี 65 ลุ่มน้ำชี มีแผนงาน/โครงการ ภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 193 โครงการ 
2.) งบบูรณาการตาม พรบ. ปี 66 ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี มีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 578 โครงการ 
3.) โครงการสำคัญ ปี 66-67 จำนวน 78 โครงการ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการร่วมกัน โดยได้กำหนดแผนงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสำรวจดูแลความเดือดร้อน เพื่อลดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น เพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชน และมีระบบการแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในส่วนของบริเวณจุดที่มีความเสียหายที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก จะต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำทันที หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และเตรียมตัวอพยพ 

รวมทั้งจะต้องมีการจัดหาสถานที่พักชั่วคราวให้ประชาชนอย่างเหมาะสมและปลอดภัย อีกทั้งขอให้เน้นการเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำทางธรรมชาติ โดยเฉพาะเส้นทางระบายน้ำเดิมที่มีสิ่งกีดขวางทำให้การระบายน้ำได้ไม่เต็มที่ต้องดำเนินการแก้ไข พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจตรวจสอบประตูระบายน้ำไม่ให้เกิดการชำรุดเสียหาย และให้ซ่อมบำรุงให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการแก้มลิง แผนรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝน โดยขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ทั้งแผนหลัก แผนสำรอง เพื่อรองรับและแก้ปัญหาในอนาคตด้วย โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำให้สมบูรณ์ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือให้ทุกคนเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีใครต้องการให้เกิด ยืนยันว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการแก้ปัญหาเพื่อลดความเสียหาย และลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน พร้อมขอความร่วมมือไปยังภาคธุรกิจ เอกชน และประชาชนทุกภาคส่วนในการร่วมกันทำงานกับภาครัฐ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เตรียมแผนบริหารจัดการโดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เศรษฐกิจด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กองทัพ หน่วยทหาร บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนช่วยเหลือประชาชน ให้ปลอดภัย และคลี่คลายสถานการณ์ตามแผนการช่วยเหลือ และจัดกำลังทหารสนับสนุนส่วนราชการท้องถิ่นดูแลประชาชนที่ศูนย์อพยพชั่วคราว เพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำท่วม ช่วยขนย้ายคนและสิ่งของจำเป็นไปยังพื้นที่ปลอดภัย ช่วยรับส่งประชาชน ก่อกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำ รวมทั้งร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย และปรุงอาหารสดแจกจ่ายประชาชน ตลอดจนซ่อมแซมและเชื่อมต่อเส้นทางการสัญจรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับดำแผนงานโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำชี ดังนี้ 

1.) งบบูรณาการ ตาม พรบ. ปี 65 ลุ่มน้ำชี มีแผนงานโครงการ ภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 193 โครงการ งบประมาณ จำนวน 4,631.72 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด ผลสัมฤทธิ์พื้นที่ชลประทานรับประโยชน์ 65,997 ไร่ มีพื้นที่ได้รับการป้องกัน 25,690 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 43.40 ล้านลบ.ม. ประชาชนได้รับประโยชน์ 41,642 ครัวเรือน มีตัวอย่างโครงการ เช่น 

(1) แก้มลิง 3 แห่ง จังหวัดขอนแก่น วงเงิน 156.1555 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์ พื้นที่ชลประทานรับประโยชน์ 900 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.94 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนรับประโยชน์ 390 ครัวเรือน 
(2) น้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 4 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น วงเงิน 12.7892 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์พื้นที่รับประโยชน์ 480 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.19 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนรับประโยชน์ 34 ครัวเรือน 
(3) ก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม 2 แห่ง ที่ชุมชนเมืองขอนแก่น ชุมชนบ้านไผ่ วงเงิน 132.6667 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์พื้นที่รับประโยชน์ 1,263 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 1,990 ครัวเรือน 
(4) อาคารบังคับน้ำ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี วงเงิน 15.0000 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์พื้นที่รับประโยชน์ 300 ไร่

2.) งบบูรณาการ ตาม พรบ. ปี 66 ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี มีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 578 โครงการ วงเงิน 4,919.9712 ล้านบาท เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว สามารถเพิ่มความจุกักเก็บ 5.66 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 48,932 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 40,285 ครัวเรือนพื้นที่ได้รับการป้องกัน 40,152 ไร่ มีหน่วยงานดำเนินการ 9 หน่วยงาน ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด โดยมีตัวอย่างโครงการ เช่น 
(1) สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ บ้านหว้า ต.บ้านโคก อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น วงเงิน 50.00 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 1,300 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 200 ครัวเรือน 
(2) ฝายบ้านคำบอน ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น วงเงิน 29.00 ล้านบาท ประชาชนได้รับประโยชน์ 300 ครัวเรือน 

'บิ๊กตู่' ชี้!! มาอุบลฯ หนนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ได้รับฟังเสียงประชาชน ลั่น!! เดี๋ยวน้ำ มันก็ไป รัฐกำลังพยายามอย่างเต็มที่

วันนี้ (4 ตุลาคม 2565) พลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน​ ภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนวารินธราราม โดยระบุ การลงพื้นที่ในวันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินทางเยี่ยมประชาชน มีโอกาสรับฟังความคิดเห็น การดำเนินการแผนงานโครงการต่าง ๆ ทั้งของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ของศูนย์บูรณาการบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย ที่ประชุมเมื่อวันนี้ซึ่งก็เป็นไปตามแผน แต่ปัญหาสำคัญคือปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ฝนยังไม่หยุดตก ก็ต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ แต่หากหยุดตกไปก็จะสามารถพร่องน้ำได้มากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องคาดหวังให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นนั่นแหละ แล้วเราทำเต็มที่หรือยัง หากทำเต็มที่แล้วก็คือเต็มที่แล้ว ซึ่งก็ต้องสร้างความเข้าใจประชาชนว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป​  

โดยนายกรัฐมนตรียังระบุว่า รัฐบาลไม่อาจประกาศได้ว่าน้ำจะไม่ท่วม​ เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาเขาชี้แจงมาอย่างนั้น คือสภาพลมฟ้าอากาศของโลก ของประเทศของภูมิภาค ถ้าไม่ฟังตรงนี้จะไปฟังใคร ถูกหรือไม่เราต้องหามาตรการรองรับตรงนี้ ทั้งจากสถานการณ์ปัจจุบันและการคาดการณ์ล่วงหน้า หากไม่มีน้ำก็จะระบายลงไปสู่ที่ต่ำ และตนรู้สึกยินดีที่ประชาชนทั้งสองจังหวัดนั้นเข้าใจ​ เพราะเขาเจอกันมานานแล้วแต่เราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งต่อไป

ขอนแก่น - 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม

ขอนแก่น - 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม

นายกรัฐมนตรีลุยพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมือง โดยบางข่วงบางตอนได้มีการพูดคุยกับประชาชนที่มารอให้กำลังใจ บอกว่าให้ประชาชนรัก สามัคคี และเชื่อมั่นในรัฐบาล
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยที่ จ.ขอนแก่น และ  จ.อุบลราชธานี โดยนายกฯได้หยุดโบกมือทักทายประชาชนที่อยู่อาคารติดกับสนามบินด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งถือว่าเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่การเกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ว่า แบ่งเป็น 3 กรณีคือ น้ำเหนือ คือน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ 2 สาย มาบรรจบกันที่ลำน้ำชีเขตรอยต่อขอนแก่น มหาสารคาม ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเกินความจุของอ่างฯแล้ว น้ำนองคือน้ำค้างทุ่ง โดยเฉพาะฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ประมาณ 39% ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจเมืองขอนแก่นบริเวณบึงหนองโคตรและชุมชน

นายไกรสร กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนน้ำที่หนุน จากจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ซึ่งมีผลทำให้ขอนแก่นระบายน้ำได้ช้าลง โดยจังหวัดขอนแก่น ได้นำโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนจังหวัดขอนแก่น งบประมาณ 376 ล้านบาท เริ่มมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 สิ้นสุด โครงการเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งจะช่วยเสริมการระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดขอนแก่นว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้เป็นการมาตำหนิใคร แต่ต้องการมาช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และขอให้ทุกฝ่ายพยายามเยียวยาอย่างทั่วถึง ทั้งนี้แนวทางการแก้ปัญหามีแผนงานโครงการของทุกจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งหลายโครงการมุ่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2565 และบางโครงการมุ่งให้สำเร็จในปี 2566

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวย้ำว่า การระบายน้ำในพื้นที่และการพร่องน้ำต่างๆจะต้องบูรณาการไม่ให้เกิดผลกระทบกับ ประชาชน ซึ่งภาพรวมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่น้ำมาก บางพื้นที่น้ำน้อย ดังนั้นจะต้องมาพิจารณาหาแนวทาง เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกันในเรื่องของการกักเก็บน้ำ

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวอีกว่าถ้าหากยังมีฝนตกในปริมาณมากกว่าที่จะระบายน้ำได้ทัน ก็ยังจะมีปัญหาอยู่เช่นนี้ และไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากอะไรที่สามารถป้องกันได้ก็ให้ดำเนินการไป เช่น การปกป้องโรงพยาบาล พื้นที่เศรษฐกิจ แต่หากเรื่องไหนทำไม่ได้ก็ต้องหาวิธีการแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล อาหาร น้ำสะอาดและพื้นที่พักพิงสำหรับการแก้ปัญหาต้องสรุปและแบ่งเป็นกลุ่มในการเยียวยาให้ทั่วถึง เช่นกลุ่มเกษตรกร ภาคธุรกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ในฐานะนายกฯ และรัฐบาลได้สั่งการให้เตรียมการไว้นานแล้ว เพราะคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น จึงขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกคน ทุกเหล่าทัพ ดำเนินการให้เร็วที่สุดในทุกพื้นที่ รวมถึงขอความร่วมมือภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาช่วยในเรื่องของอาหาร อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยชาติช่วยประชาชน และนั่นคือสิ่งที่จะรวมพลังคนไทยทั้งหมด และจะสามารถแก้ได้ทุกปัญหา มากบ้างน้อยบ้าง เร็วบ้างช้าบ้าง นั่นคือประเทศไทยหากไม่ทำเช่นนี้ก็จะแก้ไขไม่ได้  ถือว่าไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเวลา 10.26 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เดินทางออกจากท่าอากาศยานขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ด้วยรถยนต์ทรานฟอร์เมอร์ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สีส้ม ทะเบียน 1 นข 4001 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปที่จุดสถานีสูบน้ำพลังงานไฟฟ้า บึงหนองโคตร เทศบาลตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น โดยจุดนี้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพื้นที่รอยต่อพื้นที่เศรษฐกิจเมืองขอนแก่นและมีหมู่บ้านจัดสรร บ้านเรือนประประชาชน ได้รับผลกระทบจำนวนมาก จากฝนที่ตกหนักจนน้ำจากบึงหนองโคตรระบายไม่ทันเอ่อนล้นเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนหลายพันหลังคาเรือน

ขณะที่นายชัชวาล ธีรภานุ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเป็ด ได้กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ รวมถึงสภาพปัญหาและข้อจำกัดในการระบายน้ำจากบึงหนองโคตรว่าได้เสนอแผนเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายน้ำให้มากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงช่องทางเดียวเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรณีเกิดฝนตกหนัก ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเบื้องต้น ทางเทศบาลตำบลบ้านเป็ดได้ระดมเครื่องสูบน้ำจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 4 อบจ.ขอนแก่น และเครื่องสูบน้ำระยะไกลของศูนย์ ปภ.เขต 6 เร่งพร่องน้ำออกจากบึงหนองโคตรให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้น มีประชาชนใกล้เคียงออกมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี โดยพลเอกประยุทธ์ ได้พูดคุยกับประชาชนว่าให้ประชาชนรัก สามัคคีกันเชื่อฟังคำแนะนำและการปฏิบัติ ที่สำคัญเชื่อมั่นในรัฐบาลแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่วัดเทพนิมิตวนาราม บ้านพรหมนิมิต หมู่ 4 ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น ต่อไป

สำหรับบรรยากาศการรอต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณโดยรอบบึงหนองโคตร จังหวัดขอนแก่น ได้มี จนท.ตำรวจนำกำลังจำนวนหลายร้อยนายทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตามเส้นทางเข้าออกทุกเส้นทางป้องกันม็อบ ขณะที่ อสม.นำดอกไม้มารอต้อนรับ ส่วนคนเสื้อแดงนำรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงพร้อมมวลชนจำนวนหลายคนมาโจมตีการทำงานของนายกฯ

บรรยากาศการเตรียมการรอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา ที่จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน พท.ที่จังหวัดขอนแก่น โดยจุดแรกที่นายกรัฐมนตรีจะลงตรวจเยี่ยมก็คือ ที่บริเวณโดยรอบบึงหนองโคตร บ้านคำไฮ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง ซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ และเป็นแก้มลิง รอรับน้ำจากแหล่งต่างๆ ของเขต อ.เมือง ที่จะไหลมารวมกัน ปีนี้ฝนตกหนักจึงทำให้น้ำล้นอ่างมาท่วมถนนสายรอบบึง และทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบของบึงหนองโคตรมานานหลายวันแล้ว

โดยการรักษาความปลอดภัย ของ จนท.ตำรวจนั้น ได้วางกำลังหลายร้อยนายไว้ตามจุดต่าง ๆ ของถนนเส้นทางเข้าออกบึงหนองโคตร โดยมีบรรดา อสม.ตำบลบ้านเป็ด ถือดอกไม้มารอต้อนรับและให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พร้อมฝาก ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีด้วยว่า เงินที่บอกว่าจะเพิ่มให้ อสม.เดือนละ 3,000 บาทนั้น เมื่อไหร่จะได้ ขอให้เห็นใจ อสม.ด้วย เพราะ อสม.คือด่านหน้าที่ทำงานให้กับทางราชการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top