Tuesday, 13 May 2025
SPECIAL

‘ทีมเศรษฐกิจ ปชป.’ ชูนโยบาย 12 ข้อ ยกระดับชีวิตแรงงานไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘สร้างเงิน-สร้างคน-สร้างชาติ’ ช่วยแรงงานครอบคลุม

‘ทีมศก.ปชป.’ ชูนโยบาย 12 ข้อ ยกระดับคุณภาพแรงงานไทย สนับสนุนแรงงานคืนถิ่น ดันระบบประกันสังคมถ้วนหน้า ยกระดับสิทธิประโยชน์-สวัสดิการให้แรงงานทั้งในและนอกระบบ

(1 พ.ค.66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคและทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 1 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันแรงงานแห่งชาติ พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายชัดเจนที่จะสนับสนุนและยกระดับแรงงานไทยให้มีคุณภาพ สอดรับกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งทีมเศรษฐกิจของพรรคฯ ที่นำโดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบายและทีมเศรษฐกิจพรรคฯ จึงได้ประกาศนโยบาย 12 ข้อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานจากปัญหาการเงิน ภายใต้ยุทธศาสตร์ สร้างเงิน-สร้างคน-สร้างชาติ คือ 

1.สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการไตรภาคีในการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับภาวะทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ภาวะเงินเฟ้อ และความสามารถในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม 

2.พัฒนาและฝึกอบรมแรงงานทุกระดับให้มีความรู้ และทักษะฝีมือที่มีมาตรฐานสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยความร่วมมือของฝ่ายนายจ้าง และหน่วยงานภาครัฐ เช่น ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้มีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีแก่ฝ่ายจ้างตามเหมาะสม 

3.ดำเนินนโยบายขยายอายุเกษียณออกไปอีก 5 ปี ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจของแรงงานเป็นสำคัญ 

4.สนับสนุน และผลักดันให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ และไม่มีรายได้ประจำให้เข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 33 เพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิ สวัสดิการ การเยียวยา และการคุ้มครองอย่างเสมอภาค ตามกฎหมายแรงงาน 

5.ส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ และคนพิการ โดยกำหนดให้มีรูปแบบที่หลากหลาย เหมาะสมกับความสามารถ และสภาพแห่งร่างกาย โดยสนับสนุนให้มีการร่วมกลุ่มเพื่อทำงานที่ถนัดในลักษณะเป็นธุรกิจเพื่อสังคม (social enterprises) พร้อมทั้ง จัดให้มีระบบการดูแลสวัสดิการที่เป็นธรรม 

‘ผู้การแต้ม’ ปราศรัยตอกย้ำจุดยืน ‘3 ไม่’ ของ ‘ประชาธิปัตย์’ ย้ำ!! “ไม่แก้ม.112 ไม่เอายาเสพติด ไม่เอาทุจริตคอร์รัปชัน”

(1 พ.ค. 66) มีรายงานว่า ‘ผู้การแต้ม’ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพฯ เขต จตุจักร-หลักสี่ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีปราศรัยใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ โซนกรุงเทพฯเหนือ ที่สนามฟุตบอล ศูนย์เยาวชนหลักสี่ ในช่วงเย็นของวันที่ 29 เมษายน 2566 นอกจากการนำเสนอนโยบายแล้วในช่วงท้ายของการปราศรัยยังได้ตอกย้ำจุดยืน 3 ไม่ ของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ไม่แก้มาตรา 112 ไม่เอายาเสพติด และไม่เอาทุจริตคอร์รัปชัน

โดยในเวทีดังกล่าวมีแกนนำของพรรคนำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตจากฝั่งกรุงเทพโซนเหนือ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงยังมีบุคคลสำคัญคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมขึ้นปราศรัยเพื่อขอเสียงสนับสนุนให้พรรคและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคด้วย โดยมีประชาชนร่วมรับฟังจำนวนมาก

ใต้สะเทือน!! รทสช. โหม 'ประยุทธ์' เยือนทุกถิ่น ปลุกสู้ทุกศึก แม้แต่สงขลายังตลาดแตก สะท้อน!! ไม่เลือกพี่ตู่ พิธามาแน่

คิวเอี๊ยด!! แบบต้องทุ่มสุดตัว เริ่มแรกก็นอนพักค้างที่จังหวัดสงขลาเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 เม.ย.66 ก่อนที่จะตะลุยหาเสียงให้ผู้สมัคร 4 จุดใหญ่ๆ แต่ก็คุ้มอยู่!! เพราะสร้างปรากฎการณ์ 'ตู่ ตลาดแตก' ให้เห็นกับตา ซึ่งต้องนับว่า การลงไปภาคใต้ โฉบไปที่จังหวัดตรัง – พัทลุง และไปนวดเน้นพื้นที่สงขลา ทำให้กระแสพรรครวมไทยสร้างชาติกระเพื่อมแรงเอามากๆ...

ที่ต้องนวดขยี้ที่สงขลามากหน่อยเพราะชิงกัน 9 ที่นั่ง  คะแนนของ 4 พรรคใหญ่คือ ประชาธิปัตย์, รวมไทยสร้างชาติ, พลังประชารัฐ และภูมิใจไทยสูสีดูดี๋กันแทบทุกเขต อ้อ!! แว่วจากข่าวกรองด้วยว่า นี่เป็นอีกหนึ่งสนามที่คาดว่าสัปดาห์สุดท้ายกระสุนดินดำจะกระหน่ำสาดใส่กันเป็นไฟประลัยกัลป์...

แต่ที่น่าเศร้านิด คือ คนใต้ที่เคยได้ชื่อว่าตื่นตัวทางการเมืองสูง หลอกยาก...บัดนี้หลายพื้นที่ยอมถูกหลอกกินทั้งเบ็ดกินทั้งเหยื่อเป็นที่เรียร้อยแล้ว ผู้สมัคร นักการเมืองสีเทา 2-3 รายกำลังเยื้องกรายเข้าสภา...!!

ตามหน้าเสื่อหน้าไพ่ 4 พรรคที่เอ่ยนามมามีสิทธิเข้าสภา...แต่เล็ก เลียบด่วน ขออนุญาตข้ามรายละเอียดไปก่อน...ขอไปโฟกัสตรงปรากฏการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กันก่อน

ไปสงขลารอบนี้แสดงว่าลุงตู่ต้องการเก็บทุกเม็ดทุกคะแนน...เพราะไปปราศรัยถึง 4 จุด เริ่มจากเขต 1 ของเจือ ราชสีห์ ที่ต้องบดขยี้กับรุ่นหลานอย่างสรรเพชร   บุญญามณี ลูกชายนิพนธ์ แม่ทัพใหญ่ ปชป. ที่เขต 1 นี่เองที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศขยับวัยจาก 'ลุงตู่' เป็น 'พี่ตู่'

จากนั้นเดินทางไป อ.รัตภูมิ เขต 5 ช่วย ปรีชา สุขเกษม   คนหนุ่มนักสู้ที่ถูกมือดีเอาสีดำไปละเลงป้าย...ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ต้องขึ้นเวทีจัดหนักไปหลายดอก และลุงตู่ก็กอดคอปรีชาปราศรัยเวทีนี้ร่วมชั่วโมง...ทำเอาผู้กำกับ สภ.รัตภูมิ ร้อนๆ หนาวๆ...ไปทีเดียว

แต่อีกคนที่คงจะหนาวๆ ร้อนๆ อยู่เหมือนกันก็คือ เจ้าของพื้นที่ บิ๊กเนม...รองหัวหน้าพรรค ปชป.อย่าง 'นายกชาย' หรือเดชอิศม์ ขาวทอง ที่ยังไงๆ ก็แพ้ไม่ได้...

‘บัญญัติ’ ขึ้นเวทีปราศรัยพังงา เล่าอดีตสมัยร่วมงาน ‘จุรินทร์’ ยัน!! เป็นคนมากความสามารถ-ผลงานชัด ขอพี่น้องโปรดหนุน ‘ปชป.’ ยกทีม

(1 พ.ค. 66) เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ที่จังหวัดพังงาทั้ง 2 เขต มีเวทีปราศรัยหาเสียง ให้กับนางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส. จังหวัดพังงา เขต 1 เบอร์ 1 นายราเมศ รัตนะเชวง ส.ส. จังหวัดพังงา เขต 2 เบอร์ 5 และ บัตรสีเขียว พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ซึ่งนอกจากมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคแล้ว ยังมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยอย่างคับคั่ง

นายบัญญัติ อดีตหัวหน้าพรรคได้ระบุสาเหตุที่ตนมาปราศรัยที่จังหวัดพังงา เป็นเพราะตนเคยร่วมงานกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นเวลานาน และเมื่อคราวมีปราศรัยที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ก็ได้ไปขึ้นเวทีปราศรัยด้วย และที่ตนมาช่วยเขต 2 พังงาด้วย ก็เพราะมีความผูกพันกับนายราเมศ รัตนะเชวง ที่เป็นคนหนุ่มและเป็นกำลังสำคัญของพรรค มีความรู้มีความสามารถถ้าพี่น้องให้โอกาสราเมศเข้าไปทำงานในสภาได้ ก็เชื่อว่าเขาจะเป็นดาวสภาในอนาคต 

พร้อมกับกล่าวอีกว่า ด้วยเวลา 3 ชั่วโมงในเดินทางจากสุราษฎร์ธานีถึงพังงา ตนพยายามคิดหาว่าจะมีเหตุผลอะไรหรือไม่ที่คนพังงาจะไม่เลือกคนพังงาด้วยกัน แต่ตลอด 3 ชั่วโมงนั้น ตนก็ไม่พบว่าจะมีเหตุผลอะไรที่คนจังหวัดพังงาจะไม่สนับสนุนนายจุรินทร์คนนี้ให้ก้าวเดินต่อไปอย่างยิ่งใหญ่ในทางการเมืองของประเทศไทย ทั้งประสบการณ์การเป็น ส.ส. 11 สมัย มีความชัดเจนในทางการเมือง แม้แต่นายชวน หลีกภัย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความระมัดระวังในการทำงาน เนื่องจากหากแต่งตั้งใคร คนนั้นไปทำเรื่องเสียหาย อาจเดือดร้อนมาถึงตัวได้ แต่ก็ยังแต่งตั้งให้นายจุรินทร์ เป็นเลขารัฐมนตรี ของตัวเองถึง 2 ครั้ง 2 หน ถือเป็นการแสดงความไว้วางใจของนายชวน ที่มีต่อนายจุรินทร์ 

สมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ปี 2548 ตนก็เลือกนายจุรินทร์ ให้มาเป็นรองหัวหน้าพรรค ก็ถือว่าตนก็มีความไว้วางใจต่อนายจุรินทร์เช่นกัน ในเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เมื่อจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มักจะมอบหมายให้นายจุรินทร์ ทำหน้าที่เป็นคนสรุปในตอนท้ายทุกครั้งไป และที่สำคัญในเวลาที่นายจุรินทร์ได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญๆ ก็มีผลงานมากมาย เช่น สมัยที่เป็น รมว.ศึกษาธิการ สมัยนั้น รัฐธรรมนูญกำหนดว่า รัฐต้องจัดดำเนินการให้มีการศึกษาฟรี อย่างน้อย 12 ปี แต่นายจุรินทร์ รมว.ศึกษาธิการ จัดทำ “เรียนฟรี” ไปเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดคือทำให้ “เรียนฟรี 15 ปี” ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ สมัยที่นายจุรินทร์ เป็น รมว.สาธารณสุข ก็ทำให้สถานีอนามัย ยกระดับขึ้นเป็น รพ.สต. ครบทุกตำบล พอมาเป็น รมว.พาณิชย์ ก็ดูแลนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่ทำให้คนอีสานชอบใจมาก

‘ชพก.’ เปิดนโยบายเอาใจในวันแรงงาน หนุน ‘ไรเดอร์’ ชี้ 3 ข้อ จ้างงานเป็นธรรม-มีสวัสดิการ-หนุนให้มีโอกาสเติบโต

(1 พ.ค. 66) เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบาย “งานดี” เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งพรรคได้เสนอให้มีการเพิ่มตำแหน่งงานนักวิจัยและนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งศูนย์พัฒนานวัตกรรมเพื่อแปรรูปสินค้าเกษตร 1 แห่งทุกจังหวัด, ส่งเสริมการจ้างงานและยกระดับศักยภาพผู้สูงวัยด้วยการ สนับสนุนเงินเดือนลูกจ้างผู้สูงอายุเดือนละ 5,000 บาท รวม 500,000 ตำแหน่งให้แก่หน่วยงานที่จ้างบุคลากรอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีนโยบายการลดจำนวนทหารที่มาจากการเกณฑ์ทหาร และเพิ่มจำนวนทหารประจำการแบบสมัครใจโดยใช้สวัสดิการเป็นแรงจูงใจ พร้อมเปิดตำแหน่งงาน 25,000 อัตราในหน่วยราชการต่างๆ เพื่อรองรับทหารหลังปลดประจำการ

สำหรับกลุ่มแรงงานที่ทำงานบนแพลตฟอร์มเช่นไรเดอร์นั้น หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า กลุ่มไรเดอร์ทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าพนักงานประจำด้วยซ้ำ ทั้งนี้ไรเดอร์ เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่มีอะไรที่จะต้องปรับเพื่อความยุติธรรมต่อผู้ให้บริการ เพราะพวกเขาก็คือผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำสามารถทำได้ และต้องมาดูว่าควรมีจุดเริ่มต้นเท่าไร แต่ก็ต้องมีจุดเริ่มต้นที่โปร่งใส  

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวเสริมว่า จากที่ได้รับฟังปัญหาของไรเดอร์แต่ละคน ซึ่งต้องสู้ชีวิต และไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายๆ เรื่อง ทั้งค่าจ้างแรงงาน สิทธิขั้นพื้นฐาน โอกาสในการเติบโต รวมไปถึงความปลอดภัยในอาชีพ จึงได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาไว้ 3 ข้อ คือ 1.การแก้ปัญหาค่าจ้างไม่เป็นธรรม รัฐบาลต้องเป็นคนกลาง ระหว่างแพลตฟอร์ม กับ ไรเดอร์ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นธรรม 2.ไรเดอร์ ควรต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมถึงแพลตฟอร์มต้องทำประกันอุบัติเหตุให้ไรเดอร์ในสังกัด 3.แพลตฟอร์มต้นสังกัดควรส่งเสริมให้ไรเดอร์ได้มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ประกอบการ 

คุยกับ 'พิชาญศักดิ์ บุญมาศ' ผู้สมัคร พปชร.เขต 9 นครศรีธรรมราช 'มุ่งมั่น-ตั้งใจ' พัฒนา 'ท่าศาลา' ให้เป็นเมืองหลวงแห่งสุขภาพ

พิชาญศักดิ์ บุญมาศ หรือ 'หมออุ้ย' ตัดสินใจทิ้งมีดผ่าตัด ทิ้งเข็มฉีดยา มุ่งหน้าเข้าหาชุมชน พบปะพี่น้องประชาชนในเขต 9 นครศรีธรรมราช (ท่าศาลา พรหมคีรี นพพิตำ) เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ

หมออุ้ย เปิดใจกับ THE STATES TIMES ว่า "ในเขต 9 เรากำลังทำงานแข่งกับตัวเอง เราต้องเป็นคนนำทัพรบ และเปลี่ยนแปลงสนามรบตรงนี้ให้ได้ ต้องปักธงพรรคพลังประชารัฐตรงนี้ และเมื่อได้เป็นผู้แทนในเขต 9 ผมจะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต่อสู้กับปัญหาความยากจน ต่อสู้กับปัญหาสุขภาพ และปัญหาสังคม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง”

หมออุ้ย อธิบายว่า คำว่าเปลี่ยนแปลงในที่นี้ หมายถึงว่าการทำการเมืองในครั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าประชาชนไม่เหมือนเดิม ประชาชนเข้าถึงได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น ค้นหาข้อมูลได้ คิดเป็น เขต 9 จะเป็นเมืองแห่งโอกาส ผู้สมัครต้องนำเสนอนโยบาย

“สำหรับผมนำเสนอตัวเอง เสนอความตั้งใจ นี้คือยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ โดยไม่หวั่นเกรงต่อเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากความตั้งใจ ทำการเมืองแบบเป็นมิตรกับทุกคน ไม่โจมตีใคร การเลือกตั้งเป็นสิ่งสวยงาม เป็นประชาธิปไตย ถ้าเข้าใจก็ให้ประชาชนตัดสินใจดีกว่า”

หมออุ้ย กล่าวย้ำว่า ท่าศาลา มีมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่มากที่สุด มีศูนย์การแพทย์ที่ใหญ่ที่สุด ดีที่สุด แต่ยังขาดจิ๊กซอว์ และกลไกอื่นๆ มาเชื่อมโยง

“ผมหมออุ้ยในฐานะเป็นอาจารย์หมอ เคยเป็นรองคณบดี เคยทำหลักสูตรแพทย์ เป็นนายกฯหมอนานาชาติ ด้วยวิสัยทัศน์ตรงนี้เองเราจะขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นศูนย์กลาง เป็นเมืองหลวงแห่งการแพทย์ เป็นในทุกมิติตั้งแต่ระดับล่างจนถึงนานาชาติให้ได้ ภายในระยะเวลา 4 ปี ถ้าเรามีแม่เหล็ก มีผู้นำ มีแม่ทัพที่มุ่งมั่น คิดว่าใน 4 ปีนี้เราทำได้ครับ”

คุณหมอพิชาญศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้การหาเสียง ถ้าเปรียบเป็นมวยไทยก็เข้าสู่ยกที่ 4 แล้ว ต้องทำงานการเมืองแข่งกับตัวเอง โดยมีประชาชนเป็นคนตัดสิน ส่วนตัวในฐานะผู้เล่น รู้สึกพึงพอใจในเสียงตอบรับที่ดี ประชาชนให้กำลังใจ

“รอบนี้การเมืองในเขต 9 เป็นการเมืองที่สดใส ประชาธิปไตยเบ่งบาน ประชาชนคิดได้ คิดเป็น ที่สำคัญประชาชนให้โอกาสกับทุกพรรคการเมือง หมออุ้ยพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเขต 9 ให้เป็นเมืองหลวงแห่งสุขภาพ เป็นมิติใหม่ทางการเมือง เวลาที่เหลืออยู่เชื่อว่าเราทำได้"

'พรรคเพื่อไทย' ตอกย้ำ!! นโยบายเพื่อแรงงานไทย ลั่น!! ภายในปี 70 คนไทยไม่จน มีอนาคต มีศักดิ์ศรี 

(1 พ.ค. 66) พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ตอกย้ำนโยบายเพื่อแรงงานไทยเนื่องในโอกาสวันแรงงานที่ 1 พฤษภาคม ว่า...

เนื่องในวันแรงงาน พรรคเพื่อไทยมาพร้อมนโยบายเพื่อแรงงานไทย ในปี 2570 มีอนาคต มีศักดิ์ศรี ไม่ยากจนอีกต่อไป

>> ‘ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน’
ถึงเวลาแล้วที่ค่าแรงของคนไทยต้องปรับขึ้น ไม่ถูกแช่แข็งอีกต่อไป โดยในปี 2570 พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เป็น 600 บาทต่อวัน เพื่อให้เศรษฐกิจโตขึ้น แรงงานได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ให้แรงงานได้มั่งมีไปพร้อมๆ เจ้าของกิจการ

>> ‘ปริญญาตรี/ข้าราชการ เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 บาท/เดือน’
วุฒิปริญญาตรี ข้าราชการ มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 25,000 บาท/เดือน ภายในปี 2570 เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้คนไทยได้มีค่าแรงเพียงพอใช้จ่ายค่าของครองชีพส่วนอื่นๆ ทั้งยังมีเงินเหลือวางแผนอนาคต

ศึกษานโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานได้ที่ https://shorturl.at/bszPU 

>> ‘OFOS ศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง’
พรรคเพื่อไทยเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนไทยที่สามารถขับเคลื่อนประเทศนี้ได้ ด้วยนโยบาย ‘1 Family 1 Soft power’ที่จะเปิดโอกาสให้คนไทยได้พัฒนาทักษะและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐให้เกิดศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ทั่วประเทศ และสามารถสร้างได้อย่างน้อย 20 ล้านตำแหน่ง ให้คนไทยเลือกงานที่รัก ทำสิ่งที่ชอบได้

‘กกต.’ ย้ำเตือน!! ห้ามขาย-แจกจ่าย-จัดเลี้ยงสุราทุกชนิด ช่วงวันเลือกตั้ง 7 พ.ค.-14 พ.ค. หากฝ่าฝืนเจอโทษหนัก

(1 พ.ค.66) นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ในฐานะที่กำกับดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศกำหนดให้วันที่ 14 พฤษภาคม เป็นวันเลือกตั้งและวันที่ 7 พฤษภาคม เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า อยากขอย้ำเตือนและพึงระมัดระวังเรื่องการขาย จําหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้งระหว่าง เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวัน จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันเลือกตั้งและวันเลือกตั้งล่วงหน้า ตามที่มาตรา 147 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กำหนดไว้ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

‘เพื่อไทย’ ตะลุยสยาม ชู 70 นโยบาย ขอคะแนนคนรุ่นใหม่  อ้อน!! ใครยังไม่ตัดสินใจ ช่วยเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์

‘มาดามนครบาล’ ตะลุยสยาม ขอคะแนนคนรุ่นใหม่ ‘อ๋อม-สกาวใจ, ก้อง-อายุน้อยร้อยล้าน’ ชู 70 นโยบายครอบคลุมอ้อนคนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.66 พรรคเพื่อไทยนำทีมโดยคณะผู้บริหาร และผู้สมัคร ส.ส.คนรุ่นใหม่ อาทิ เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 2, กานกนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต1, อรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 21, สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 13, พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต15, ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 2, จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 31, และ วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก ชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภา กทม.และ สก.เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนที่บริเวณลานหน้าร้านสีฟ้า ตรงข้ามสยามสแควร์วัน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางสัญจรไปมาเป็นอย่างมาก 

พวงเพ็ชร ชุนละเอียด กล่าวว่า หลังจากได้เดินสยามสแควร์วันนี้ ทำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวทางการเมือง เขามีความสามารถหลากหลาย เราจึงมาประชาสัมพันธ์ว่า พรรคเพื่อไทยคือพรรคของคนทุกรุ่นทุกวัย เรามีนโยบายมากกว่า 70 ข้อ ที่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะส่งเสริมความกล้าแสดงออกความสามารถและเสริมทักษะตามความถนัดอย่างมีศักยภาพ

ด้าน สกาวใจ พูนสวัสดิ์ กล่าวว่า ขอคนรุ่นใหม่พิจารณานโยบายของพรรคเพื่อไทย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ต้องมองว่าพรรคไหนที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วมีศักยภาพในการจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องรวมกับพรรคอื่น นอกจากพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่จับขั้วกับพรรคที่มาจากเผด็จการอย่างแน่นอน และอยากขอให้คนรุ่นใหม่ช่วยกันคิดว่า เลือกพรรคไหนแล้วจะสามารถสกัดอำนาจ 3 ป.ได้อย่างแท้จริง เพราะหากวันนี้เรายังแบ่งใจไปเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือไปเลือกพรรคอื่น โดยไม่เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศไทยอาจจะต้องกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจของ 3 ป.อีกอย่างแน่นอน

‘ศิธา-ทสท.’ ลั่น!! ไม่มีใครเป็นซูเปอร์แมนที่รู้ทุกเรื่อง 'ไม่ร่วมมือ-ฉายเดียว-คิดว่าเก่ง' ประเทศจะไปได้ไม่ไกล

จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกคน’ รายการที่ล้วงลึกทุกฉากการเลือกตั้ง 2566 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ใน EP.5 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.66 ได้เชิญ ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย มาร่วมถกประเด็นก่อนการเลือกตั้ง โดยช่วงหนึ่งคุณศิธาได้กล่าวว่า...

“กรณีบางพรรคเขาเสนอตัวคนเดียว ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ดั้งเดิมอยู่แล้ว เขาก็อาจไม่ต้องนำเสนอนโยบายอะไรเยอะ แต่ของผม พรรคไทยสร้างไทย เรามองว่าประเทศไทยจะต้องตอบโจทย์ปัญหาได้ด้านและครอบคลุมในเรื่องที่ถูกมองข้ามมากกว่านี้ ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องเงินทุนของกลุ่มผู้ประกอบการ SME ทราบหรือไม่ว่า กว่าพวกเขาจะหาเงินมาได้ หาเงินกู้มาได้ มันยากแค่ไหน และส่วนใหญ่ก็เข้าถึงแหล่งเงินที่มีดอกเบี้ยราคาถูกไม่ได้

"ไทยสร้างไทย ก็เข้าใจดีว่า คนไทยกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องนี้ เขาก็จะโฟกัสกับปัญหาและรอคอยทางแก้เหล่านี้เป็นหลัก และเราต้องเข้าไปเติมเต็มแบบรอบด้าน อย่างพรรคเราเองก็ตั้งใจที่จะช่วยคนตัวเล็ก เราก็มีแนงทางไว้แล้ว แต่เรื่องนี้กับพรรคอื่นอาจจะมองเป็นเรื่องหลังๆ เพราะบางทีก็ไปคิดว่า 'คนจนเบี้ยวง่าย' แต่ผมว่าคนจนเขาไม่เบี้ยวนะ เขาก็ต้องรักษาเครดิตเขาอยู่แล้ว หากเขาต้องดำเนินธุรกิจในระยะยาว"

น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า "ผมมองว่าวันนี้ความเป็นธรรมกับบ้านเมืองของเราน้อยมาก โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่ควรเกิดขึ้นกับประชาชน ยิางภายหลังจากทุกครั้งที่เกิดรัฐประหาร ซึ่งมักจะเกิดผลพวงแห่งการขัดแย้งและเผชิญหน้าแบบไม่มีใครถอยให้กัน ประโยชน์ที่คิดที่จะทำ มันก็เกิดจากมุมตัวเอง 

'จันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี' พปชร. เขต 2 เบอร์ 9 อำนาจเจริญ ดูแลชาวบ้านมาตลอดกว่า 20 ปีทั้งที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส.

'ชาวอำนาจเจริญ' ขอเทใจ "เลือกเธอคนเดียว" จันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี พปชร. เขต 2 เบอร์ 9

การลงสนามการแข่งขันครั้งนี้ในจังหวัดอำนาจเจริญ เขต 2 เป็นการสู้กันระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' เจ้าของพื้นที่ กับ 'พรรคพลังประชารัฐ' ผู้ท้าชิงที่เป็นขวัญใจชาวบ้านและประชาชน ทั้งอำเภอเลือกเธอคนเดียวอย่าง 'จันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี' เบอร์ 9

นางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. เขต 2 อำนาจเจริญ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 9 กล่าวว่า ตนเองได้ลงพื้นที่ของเขต 2 ซึ่งมีอยู่ 5 อำเภอประกอบด้วย อำเภอลืออำนาจ, ชานุมาน, ปทุมราชวงศา, พนา และเสนางคนิคม ทุกอำเภอทุกพื้นที่ ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก ประชาชนชอบนโยบายของพรรค โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มเงินผู้สูงอายุ ที่จัดทำเป็นขั้นบันได เริ่มตั้งแต่ 3,000 บาท อายุ 60 ปีขึ้นไป / 4,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป และ 5,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ นางจันทร์เพ็ญ มองว่า เพราะประเทศไทยนั้นเข้าสู่ภาวะผู้สูงวัยแล้ว ณ วันนี้ การดูแลผู้สูงอายุจึงจำเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามทางพรรคก็ไม่ทิ้งคนรุ่นใหม่หรือเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติด้วยเช่นกัน โดย พรรคพลังประชารัฐนั้น ให้ความสำคัญกับการสร้างชาติ แปงเมือง ดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ที่จะเป็นผู้ดูแลชาติต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย 'แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ' ซึ่งดูแลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 266,000 บาท ต่อเด็ก 1 คน (ตั้งครรภ์ 1 ถึง 5 เดือน รับเดือนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ต่อคน และเด็กแรกเกิด รับเดือนละ 3,000 บาท นาน 6 ปี รวมเป็นเงิน 216,000 บาท)

‘จุรินทร์’ ปราศรัยบ้านเกิด ‘พังงา’ ขอให้มั่นใจ!! ‘ปชป.’ พาประเทศฝ่าวิกฤต ลั่น!! หากได้เป็น รบ. จะเดินหน้านโยบาย “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

(30 เม.ย.66) ที่ จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นเวทีปราศรัย ที่จ.พังงา พร้อมด้วย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายบำรุง ปิยนามวาณิช ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นางกันตวรรณ ตันเถียร ผู้สมัคร ส.ส. จ.พังงา เขต 1 เบอร์ 1 นายราเมศ รัตนะเชวง ส.ส. จ.พังงา เขต 2 เบอร์ 5 และ พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26

นายจุรินทร์ ปราศรัยเพื่อชักชวนให้พี่น้องชาวพังงา เลือกคนจ.พังงาให้ได้เป็นผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวว่า เวลามีเลือกตั้ง คนแรกที่จะโดนมากที่สุด คือนายจุรินทร์ คนที่พูดก็คือพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม มักจะพูดว่านายจุรินทร์ ไม่มีผลงาน เป็นผู้แทนฯพังงามาตั้งหลายสมัย แต่อยากจะถามสักคำว่า คนที่พูดแบบนี้ ได้เคยทำอะไรให้พังงาบ้างมั้ย นอกจากมาลงสมัครแล้วก็โจมตีนายจุรินทร์ โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าจะให้พูดว่าได้ทำอะไรมาบ้าง คงต้องพูดกันถึงเช้า วันนี้จดมาเต็มที่เลยเพื่อมาพูดให้เต็มบรรทัดว่า พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ นางกันตวรรณ เป็นผู้แทนฯได้ทำอะไรมาบ้าง จะได้รู้เสียบ้าง ทำมาตั้งแต่บางคนยังไม่เกิดเลย” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงทั่วประเทศ ประชาธิปัตย์ดีขึ้นแล้ว เสียงตอบรับก็ดีขึ้นในทุกภาค ปักษ์ใต้บ้านเราเที่ยวที่แล้วเรามีผู้แทน 50 คน ประชาธิปัตย์เหลือ 22 คน แต่เที่ยวนี้ได้คุยกับ นายเดชอิสม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ประเมินกันแล้ว เรามั่นใจว่าเที่ยวนี้เฉพาะในปักษ์ใต้ เราจะได้ ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 40 บวก จากผู้แทนฯ 60 คน และทุกภาคทั่วประเทศ ก็เชื่อว่าคะแนนประชาธิปัตย์ดีขึ้น ล่าสุดซุปเปอร์โพลได้ไปสำรวจมา เฉพาะ 4 พรรคที่ร่วมรัฐบาล พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมมากเป็นลำดับ 1 คือพรรคประชาธิปัตย์ และถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็จะเดินหน้านโยบาย “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” และ 16 นโยบาย ที่ได้ประกาศไว้ 

‘พ่อแม่’ สะอื้น!! เมื่อลูกชายทาสยา ‘เผาบ้าน-เผารถ’ เหตุขอเงินซื้อน้ำมันโช๊คอัพไม่ได้ ล่าสุดคุมตัวได้แล้ว 

(30 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกว่า 10 นาย ระดมรถดับเพลิงกว่า 4 คัน ช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกไหม้ บ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เลขที่ 34 หมู่ 11 ตรงข้ามศาลาประชาคม บ้านแสนสุข ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ของนายแสง แดนเขาเม็ง อายุ 73 ปี ซึ่งใช้เวลาราวกว่า 40 นาที จึงควบคุมไฟเอาไว้ได้ ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด

หลังเพลิงสงบ นายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ และจ่าเอกพินิจ สินนาง หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการชุมชน ทราบว่า คนที่เผาบ้านหลังดังกล่าว คือลูกชายของเจ้าของบ้าน ทราบชื่อนายณัฐพงศ์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของบ้านจุดไฟเผามอเตอร์ไซค์และจุดไฟเผา เบื้องต้น หลังเผาบ้าน ได้หลบหนีไป

ด้านนายแสง ผู้เป็นพ่อ หลังกลับมาเห็นบ้านไฟไหม้ถึงกับทรุด น้ำตาไหล ยืนถือน้ำมันโช้กอัพ สะอื้อบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อเช้าลูกชายโทรไปขอเงิน จะซื้อน้ำมันโช้กอัพมอเตอร์ไชค์ ตนก็บอกว่าไม่มี เดี๋ยวเย็นๆ กลับมาจากวิ่งสามล้อ พอได้เงินค่าวิ่งสามล้อแล้วจะซื้อมาให้ แต่มาไม่ทัน บ้านไฟไหม้ก่อน คาดว่าลูกชายคงไม่พอใจ ที่ผ่านมาลูกชายก่อปัญหาตลอด วิ่งสามล้อได้เงินมา ก็ขอวันละ 500-600 บาท พ่อวิ่งสามล้อได้วันละ 100-200 บาท ต้องป้อนให้ลูกชาย พ่อแม่ไม่มีอะไรจะกิน ตนกับภรรยาต้องไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่นเพราะกลัวลูกชายจะปาดคอ ครั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย น้ำตาก็เสียมาหลายหยดแล้ว

‘ชวน’ การันตี!! ‘จุรินทร์’ เป็นคนดี-ซื่อสัตย์ เหมาะนั่งเก้าอี้นายกฯ วอนชาวพังงาหนุน ‘ปชป.’ มั่นใจ!! คว้าเก้าอี้ ส.ส. ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 40

(30 เม.ย.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค นายบำรุง ปิยนามวาณิช ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และ น.ส. รัศมี ทองสิริไพรศรี รองโฆษกพรรค ร่วมกันขึ้นรถแห่หาเสียงตั้งแต่เที่ยงวัน โบกมือทักทายเพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นางกันตวรรณ ตันเถียร ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดพังงา บัตรสีม่วง เบอร์ 1 และ บัตรสีเขียว พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26

โดยนายชวน ได้กล่าวบนรถแห่ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่าให้ระบบเงินซื้อเสียง เข้ามาทำลายการเมือง ทำลายประชาธิปไตยสุจริต ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกคนดี คนพังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อมารักษาเกียรติ ศักดิ์ศรีของชาวพังงา และสนับสนุน กันตวรรณ ตันเถียร เบอร์ 1 ให้ได้เป็น ส.ส. ระบบเขต พร้อมทั้งขอบคุณชาวพังงาที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 เพื่อให้เราได้เสียงมากพอ ให้ลูกหลานชาวพังงาได้เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนมีโอกาสเข้าไปทำงานในสภา

พร้อมกับระบุว่า ตนใช้เวลาพิสูจน์ถึง 22 ปี ในเส้นทางการเมือง ส่วนนายจุรินทร์ก็ใช้เวลาพิสูจน์ร่วม 30 ปี ถ้าไม่ใช่เป็นคนดีจริง พรรคก็ไม่เลือกให้มาเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับได้ยืนยันความสามารถของนายจุรินทร์ในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถ จึงขอให้ประชาชนทั้งประเทศช่วยกันสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการสนับสนุนประชาธิปัตย์ทั้งคนทั้งพรรค ซึ่งระหว่างที่รถแห่ผ่านบริเวณชุมชน มีพี่น้องประชาชนชาวพังงา ได้ยินเสียงจึงออกมาโบกมือทักทายยิ้มแย้มให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้นายจุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงความมั่นใจในจำนวนที่นั่งของภาคใต้ ว่า จากการพูดคุยกับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ และจากการลงพื้นที่ด้วยตนเอง ก็เชื่อมั่นว่า ภาคใต้มีโอกาสที่จะได้ 40+ เป็นไปได้สูงมาก ซึ่งคนที่รับผิดชอบโดยตรงประเมินให้ฟัง และตนก็รู้สึกเช่นเดียวกันจากการลงพื้นที่ แต่ในภาคใต้เป็นธรรมดาที่มีหลายพรรคลงมา เหมือนกับหลายยุคหลายสมัยที่มีหลายพรรคลงมาแข่งขันกัน แต่สุดท้ายประชาธิปัตย์ยังยืนหยัดอยู่ได้ เพราะผลงาน อุดมการณ์ ความเป็นสถาบันทางการเมือง และการทำการเมืองสุจริต ไม่ซื้อเสียง ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของคนภาคใต้ ที่ทำให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่หนักแน่น มั่นคง มีอุดมการณ์ สามารถฝากอนาคตของบ้านเมืองเอาไว้ได้

“ผมลงพื้นที่เองก็เห็น และสัมผัสได้ว่า พี่น้องชาวใต้มีความรู้สึกอย่างไรกับพวกเราชาวประชาธิปัตย์ และจากการสำรวจภายในของพรรค ก็สอดคล้องกับที่รองหัวหน้าภาคใต้ประเมินให้ฟัง ตรงกันหมดชัดเจน และผลโพลบางโพลก็บอกว่า ในซีกรัฐบาลเดิม เราก็มีโอกาสที่จะมาที่ 1 ก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เราก็จะทำงานหนัก ไม่หยุดหรอก จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง และถึงหมดการเลือกตั้งแล้ว ประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่เพื่อรับใช้พี่น้องต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

สำหรับที่จังหวัดพังงา ตนมีความเชื่อมั่นว่าชาวพังงายังสนับสนุนผู้สมัครของพรรคทั้ง 2 เขต และไม่ทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 จากการที่ตนเป็น ส.ส.จังหวัดพังงา 6 สมัย และเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ 5 สมัย รวม 11 สมัย ไม่เคยทิ้งจังหวัดพังงา จึงมั่นใจว่าพี่น้องชาวพังงาจะสนับสนุนต่อไปทั้งคนทั้งพรรค

‘มาดามเดียร์’ บุกตลาดวัดไทร ช่วยหาเสียงหนุน ‘วณิชชา ม่วงศิริ’ ขอโอกาสคนกรุงอีกครั้ง!! เลือก ‘ปชป.’ ทำงานจริง ไม่ทิ้งพื้นที่

(30 เม.ย.66) ที่ตลาดวัดไทร เขตจอมทอง กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินทักทายประชาชน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดวัดไทร เขตจอมทอง เพื่อช่วยหาเสียงสนับสนุนให้กับ น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-บางบอน หมายเลข 9 พร้อมกันนี้ น.ส.วทันยา และ น.ส.วณิชชา ยังได้รับฟังเสียงสะท้อนปัญหาและความเดือดร้อนจากพี่น้องประชาชนที่เดินเข้ามาสะท้อนให้รับฟังตลอดเส้นทางที่เดินหาเสียง ทั้งนี้ น.ส.วทันยา และ น.ส.วณิชชา ได้เดินทางต่อไปยัง ชุมชนบางบอลวิลล่า เขตบางบอน เพื่อพบปะกับประชาชนด้วย

โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่เราจะได้เลือกอนาคตของตัวเอง เลือกอนาคตประเทศ ทั้งนี้เรื่องของการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด หลายคนอาจจะสงสัยว่าเลือกตั้งไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้จริงหรอ ซึ่งการเลือก ส.ส. ที่จะไปเป็นตัวแทนของเรานั้น เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เพราะหน้าที่หนึ่งของ ส.ส. คือ การไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนในสภา นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้นหากเรามี ส.ส. ที่ใส่ใจ ตั้งใจทำงาน ปัญหาของเราก็จะได้รับการแก้ไข อย่างวันนี้เราเจอฝุ่น pm2.5 ที่อันตรายเหมือนการตายผ่อนส่ง และที่ผ่านมาสภาฯได้มีการเสนอกฎหมายอากาศสะอาดเข้าไป แต่กลับไม่สามารถเข้าสู่วาระการประชุมได้ เพราะนักการเมืองที่คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เล่นเกมการเมือง อย่างที่เราเห็นข่าวในช่วงท้ายของอายุสภาฯ เกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่บ่อยครั้ง ทำให้กฎหมายอากาศสะอาดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top