Tuesday, 13 May 2025
SPECIAL

‘กรณ์’ อ้อนคนสามพราน เทคะแนนให้ ‘ดร.ระวัง’ อดีต ส.ส. 2 สมัย ขอโอกาส ‘ชพก.’ แก้วิฤกตปากท้อง มั่นใจ!! ปักธงนครปฐมทั้ง 6 เขต

(30 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค นายอรัญ พันธุมจินดา รองเลขาธิการพรรค ลงพื้นที่ เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ผศ.ดร.ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว ผู้สมัคร ส.ส. เขต 6 เบอร์ 11 จังหวัดนครปฐม หาเสียง โดยมี พ.ต.ท.บุญลือ เสริมบุญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 และ นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ร่วมให้กำลังใจและขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาลงพื้นที่เพื่อช่วย ผศ.ดร.ระวัง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 จ.นครปฐม อดีต ส.ส.สองสมัย โดยได้พบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดวัดไร่ขิง และเข้าถวายสักการะหลวงพ่อวัดไร่ขิง และสิ่งศักดิ์สิทธิประจำวัด โดยนายกรณ์ บอกว่า วันนี้มีประชาชนผู้มีศรัทธาเดินทางมายังวัดไร่ขิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับนโยบายของพรรคที่สนับสนุนเศรษฐกิจสายมู ความศรัทธา แรงบันดาลใจ ที่ทำให้เกิดความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ และสามารถกระจายรายได้ไปยังชาวบ้านในชุมชน ที่นำสินค้ามาจำหน่ายในบริเวณวัดได้ด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนพบว่า กระแสความนิยมของ ผศ.ดร.ระวัง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็น อดีต ส.ส.2 สมัย ได้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ตลอดเวลาที่ผ่านมาอาจจะเคยเห็นว่าตนลงพื้นที่กับคนรุ่นใหม่ ผู้สมัครหน้าใหม่ การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพรรคชาติพัฒนากล้า มีการผสมผสานของนักการเมืองที่หลากหลาย มีประสบการณ์คนละด้านมาช่วยกันทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า บรรยากาศเศรษฐกิจในเวลานี้ หลายคนบ่นกับตนว่าเศรษฐกิจตอนนี้ฝืดเคือง กำลังซื้อของพี่น้องประชาชนลดลง และนี่คือภาระหน้าที่สำคญของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่เรามีความตั้งใจตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคว่า เรามาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  สร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชน เป้าหมายของพรรค สรุปได้ 3 คำคือ ประชาชน มีงานดีทำ มีเงินในกระเป๋า และสินค้าต้องไม่แพง ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องปากท้องที่ต้องเร่งแก้ไข

“การเมืองขัดแข้งกันมาเยอะ และก็ยังมีความพยายามหาเรื่องทะเลาะกันว่า ยุคนี้เป็นกันเรื่องยุคเผด็จการ หรือประชาธิปไตย แต่พรรคชาติพัฒนากล้ามองว่า เนื่องจากประชาชนทุกคน มีโอกาสไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยกติกาเดียวกัน พรรคการเมืองทุกพรรคตกลงร่วมใจเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นความเป็นประชาธิปไตยก็จะมีขึ้นโดยปริยาย แต่ประเด็นปัญหาที่แท้จริง ที่รอการแก้ไขคือ ปัญหาปากท้อง” นายกรณ์ กล่าว

‘องอาจ’ แท็กทีม ‘ส.ก.ประชาธิปัตย์’ ลุยหาเสียงเขตบางพลัด ช่วย ‘ชนินทร์’ ผู้สมัคร กทม.ทำคะแนน ระหว่างรักษาตัวหลังติดโควิด

(30 เม.ย. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่ กทม. กล่าวว่าในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ขณะที่นายชนินทร์ รุ่งแสง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางพลัด บางกอกน้อย เบอร์ 7 ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด และต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทีมงานพรรค ปชป.ในพื้นที่เขตบางพลัด บางกอกน้อย ซึ่งประกอบไปด้วย นายนภาพล จีระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย และ พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ส.ก.เขตบางพลัด ได้ร่วมกันเดินหาเสียง พร้อมกับตน และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทุกวันตลอดช่วง 5 วันที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันมีสาขาพรรค ตัวแทนพรรค และผู้สนับสนุนพรรค ปชป.จำนวนมาก เมื่อทราบว่า นายชนินทร์  ติดโควิด ไม่สามารถออกมารณรงค์หาเสียงได้ จึงร่วมกันออกมาช่วยเดินรณรงค์หาเสียงตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสอบถามความคืบหน้าอาการติดโควิดของนายชนินทร์ ด้วยความเป็นห่วง และส่วนมากได้ฝากแจ้งถึงนายชนินทร์ว่า ขอให้หายจากการติดโควิดในเร็ววัน

‘ลุงป้อม’ ชู ปุ๋ยครึ่งราคา-เพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนเก็บเกี่ยวข้าว หวังสร้างความมั่นคงให้ชาวนา ช่วยกระดูกสันหลังของชาติพ้นความจน

(30 เม.ย. 66) นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ให้ความสำคัญกับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีจำนวนมากที่สุด มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมากจากผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ อาทิ ข้าว, อ้อย, มันสำปะหลัง, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา แต่เมื่อพิจารณาถึงรายได้ของเกษตรกรไทยแล้ว กลับเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าอาชีพอื่น ๆ ขาดความมั่นคง ก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพชีวิต อีกทั้ง มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง

นายชาญกฤช ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐจึงออกนโยบายเฉพาะเพื่อเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ โดยเริ่มจากนโยบายที่ 1 นโยบายเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกร ครัวเรือนละ 30,000 บาท นโยบายที่ 2 นโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งภาครัฐจะช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และล่าสุด นโยบายที่ 3 นโยบายเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนา อัตราไร่ละ 2,000 บาท จำนวนไม่เกิน 15 ไร่ เป็นเงิน 30,000 บาทต่อราย

‘เศรษฐา’ ลั่น!! พร้อมยกราคาข้าวให้สูงขึ้นเทียบ ‘รบ.ยิ่งลักษณ์’ หนุนส่งออกข้าวไทยสู่เวทีโลก ปลุก ปชช.เลือก ‘พท.’ ให้ชนะขาด

(30 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม 6 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เบอร์ 4
เขต 2 นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ เบอร์ 7
เขต 3 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เบอร์ 9
เขต 4 นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ เบอร์ 2
เขต 5 นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ เบอร์ 1
เขต 6 นายรัฐ คลังแสง เบอร์ 8

โดยมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่แม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาเป็นระยะ

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ราคาข้าวสูงมาก สูงกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน พี่น้องอยากให้ราคาข้าวกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ แน่นอนว่าราคาข้าวจะกลับมาดี ถ้าพี่น้องเลือกนายยุทธพงศ์ให้ชนะขาด ยืนยันว่าพรรค พท.จะเดินหน้าเอาข้าวไปขายทั่วโลก มีอีกหลายประเทศยังไม่รู้จักข้าวไทย ถ้าหลายประเทศสนใจ มีออเดอร์สั่งซื้อเยอะ ราคาข้าวก็จะขึ้นสูงแน่นอน พี่น้องจำไว้เลยสมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ราคาข้าวดี เพราะ รมช.เกษตรฯ คือ นายยุทธพงศ์ นำมาซึ่งราคาข้าวที่เป็นที่น่าพอใจ

นอกเหนือจากราคาข้าว ปัญหาความยากจนและรายได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรามีนโยบายพักต้นพักดอกให้เกษตรกร 3 ปี เราจะติมเงินให้ 2 หมื่นบาท สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทใน 4 ปี ปีหน้าขึ้นทันที 400 บาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ทำพรรคคู่แข่งดิ้น ออกมาบอกว่าทำไม่ได้บ้าง ผิดกฎหมายบ้าง อย่าไปเชื่อ เราทำได้แน่นอน เงินจะเข้าสู่ระบบหลายหมื่นล้าน ไม่ต้องไปรอรัฐบาลที่ไร้หัวใจ บัตรคนจนเราไม่ยกเลิก แต่เมื่อพรรคพท.มา พี่น้องจะมีแต่ความร่ำรวย ไม่ต้องพึ่งบัตรคนจน เก็บบัตรคนจนไว้เป็นที่ระลึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยให้ท่านไว้เพื่อเรียกพวกท่านว่า ‘คนจน’

‘ดร.รงค์’ เปิดใจครั้งแรก ไม่ขออยู่ร่วมพรรคนายทุน ถึงจะรัก ‘ลุงตู่’ หมดใจ แต่วันนี้ขอเลือกอยู่กับ ‘ลุงป้อม’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30

‘ดร.รงค์’ เปิดใจครั้งแรก ไม่ขออยู่ร่วมพรรคนายทุน ถึงจะรัก ‘ลุงตู่’ หมดใจ แต่วันนี้ขอเลือกอยู่กับ ‘ลุงป้อม’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30

(30 เม.ย. 66) รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 1 เขต 1 จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ขณะลงพื้นที่หาเสียงได้กล่าวถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ ‘พรรคลุงตู่’ ว่า ตนเป็นอีกหนึ่งคนที่รักลุงตู่ แต่เลือกที่จะอยู่พรรคลุงป้อม เพราะตนมองว่าพรรคของลุงตู่เป็นพรรคนายทุน โดยระบุว่า…

‘ดร.แด๊ก’ ปลุกคนใต้ เลือก ‘รทสช.’ หนุน ‘ลุงตู่’ นั่งนายกฯ ชี้ ผลงานเป็นที่ประจักษ์ มั่นใจ!! ในบรรดาแคนดิเดตฯ ไม่มีใครสู้ได้

‘ธนกร’ ปลื้มคนใต้แห่รับ รทสช.ปลุก ปชช.เลือก ‘ลุงตู่’ ไปต่อ เกทับผลโพลเป็นรอง ยกเป็นผู้นำที่ไม่โกหก ซื่อสัตย์ สุจริต มั่นบรรดาแคนดิเดตนายกฯ ไม่มีใครสู้ได้

(30 เม.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้วันแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จังหวัดตรังและจังหวัดพัทลุง ว่า บรรยากาศเป็นอย่างคึกคัก พี่น้องตรังและพัทลุง มารอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นจำนวนมาก ตนสัมผัสได้ถึงกระแสความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ และกระแสตอบรับพรรครวมไทยสร้างชาติสูงในพื้นที่ภาคใต้

นายธนกร กล่าวว่า วันนี้ตนสามารถบอกพี่น้องได้เลยว่าในบรรดาผู้นำในบรรดาแคนดิเดตนายกฯไม่มีใครจะทำได้เท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ พูดง่าย ๆ ว่าคือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่โกง และมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยึดมั่นในประชาชน และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย แต่ตนไม่เข้าใจเลย เห็นฝ่ายค้านที่พูดทุกวันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีผลงานเลย แล้วพี่น้องเห็นไหม รถไฟฟ้าทั้ง 11 เส้นทางมีผลงานหรือไม่ ถนนเป็นหมื่นกิโล มีหรือไม่ สนามบินเยอะแยะมากมาย รถไฟทางคู่มีผลงานหรือไม่ รถไฟความเร็วสูงมีผลงานหรือไม่ แล้วฝ่ายค้านบอกว่าไม่มี ตนบอกตรงนี้ได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์มีผลงานมากมาย เยอะแยะ ดูแล อสม.ดูแลผู้สูงอายุ ดูแลสวัสดิการต่าง ๆ

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องได้ไปต่อ ตนไม่อยากคิดเลยถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปต่อประเทศจะเป็นอย่างไร พี่น้องเห็นหรือไม่ว่า วันนี้ผู้นำแต่ละคนเวลาขึ้นเวที เขาบอกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นฝ่ายเผด็จการ แล้วพรรคเพื่อไทยเป็นประชาธิปไตย แล้วพี่น้องคิดว่าเป็นประชาธิปไตยตรงไหน เพราะเขาฟังแค่คนคนเดียว คนที่อยู่ต่างประเทศ ฉะนั้น ถ้าไม่มีคนต่างประเทศ แคนดิเดตนายกฯ ไม่ใช่คนนั้นแน่นอน พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอะไรเลยเป็นการสืบทอดอำนาจของครอบครัว และแคนดิเดตนายกฯ อีกคนเป็นพ่อค้า ลงมาเล่นการเมืองคงคิดแต่ผลกำไร ไปกินข้าวกับชาวนาวันเดียว จะไปรู้จักความลำบากได้ดีเท่าพวกเราหรือไม่ เพราะพวกเราอยู่กับชาวนามาตั้งแต่แรก ตนว่าวิธีคิดแบบนี้มันจะลำบาก

‘เทวัญ’ ลุยฝนช่วย ‘วิว เยาวภา’ หาเสียงที่ตลาดเช้าโคราช ชู ‘โคราชโนมิกส์’ แก้ปัญหาปากท้อง-พัฒนาอีสานสู่ระเบียง ศก.

(30 เม.ย. 66) ที่จังหวัดนครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 5 จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย น.ส.เยาวภา บุรพลชัย หรือ ‘วิว’ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่หาเสียงพร้อมเดินตลาดทักทายพี่น้องประชาชนที่ตลาดสุพัตตราและเดินทักทายพูดคุยกับพี่น้องประชาชน บริเวณชุมชนบ้านหนองปรือ และชุนชนบึงแสนสุข ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พูดคุยสอบถามถึง ปัญหาปากท้อง และการค้าขายในชุมชนในตลาด

พร้อมนำเสนอนโยบาย งานดี มีเงิน ของไม่แพง ค่าน้ำมัน ค่าไฟต้องถูกลง รื้อโครงสร้างพลังงาน ลดค่าการกลั่น หั่นค่า FT เร่งช่วยปัญหาปากท้องประชาชน และนำเสนอนโยบายสำหรับคนโคราชโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีนโยบายแก้ปัญหา และพัฒนาเมืองโคราช สำหรับคนโคราช โดยเฉพาะ ด้วยนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ คือ

‘เต้’ หิวแสง!! เผย ‘แอม ไซยาไนด์’ ควรไปเป็นแม่ครัวรัฐบาล จะได้ทำอาหารเสิร์ฟให้รัฐบาลชุดนี้กิน สร้างคุณูปการแก่ประเทศ

‘เต้ มงคลกิตติ์’ หาเสียงกาญจนบุรี หิวแสงจัด บอกเสียดาย ‘แอม ไซยาไนด์’ ฆ่าคนบริสุทธิ์หลายศพ ควรไปเป็นแม่ครัวรัฐบาลชุดปัจจุบัน เสิร์ฟอาหารให้ลุง ๆ กิน จะเป็นคุณูปการแก่ประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมผู้บริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี เดินทางไปกราบไหว้สักการะศาลหลักเมืองกาญจนบุรี และ กราบบวงสรวงสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้นเดินทางขึ้นรถปราศรัยหาเสียงรอบตลาดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ส่งผู้สมัคร ส.ส. 35 จังหวัด 102 เขต มาลงพื้นที่ทราบมีการแจกเงินแล้ว เรามีโอกาสสู้กับพวกซื้อเสียงได้ แต่ไม่บอกว่าพรรคไหนซื้อเสียงให้ กกต.ไปสืบเอง เขาจ่ายกันแล้วหัวละ 1,000 บาท

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. พังงา ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 2 เขตของจังหวัดพังงา ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2566

กาลเวลา...
ให้โอกาสแก่เราเสมอ
ความผิดพลาดบางอย่าง
อาจเป็นโอกาสที่ดีกว่า
...ของชีวิต
 

‘จุรินทร์’ ยกทัพ ‘ปชป.’ ปลุกพลังชาวสุราษฎร์ฯ เลือก ส.ส.ยกทีม อ้อน!! เลือก ปชป. ทั้ง 2 ใบ เพื่ออนาคตประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม

(29 เม.ย.66) ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ตลาดใหม่ อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี ปลุกพลังคนสุราษฎร์ฯ ทั้งจังหวัด เลือกคนของเรา พรรคของเรา ประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 พร้อมด้วย ผู้สมัคร 7 เขต คือนายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 10 นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 2 นายปิยะรัฐ จิรัตน์ฐิกุล ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 5 นายสมชาติ ประดิษฐพร ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 1 นายสินิตย์ เลิศไกร ผู้สมัคร เขต 5 เบอร์ 6 นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ผู้สมัคร เขต 6 เบอร์ 2 นางสาวตวงทอง ประดิษฐพร ผู้สมัคร เขต 7 เบอร์ 9 โดยบรรยากาศคึกคักที่สุด มีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น เมื่อนายจุรินทร์ เดินทางถึงเวทีปราศรัย มีพ่อแม่พี่น้องทั้งหญิง-ชาย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนรุ่นใหม่เข้ามาให้กำลังใจมอบดอกกุหลาบ ควงแขนถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เป็นกันเอง ทำให้กว่าที่นายจุรินทร์จะได้ขึ้นเวทีปราศรัยต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมง

ทั้งนี้นายจุรินทร์ กล่าวปราศรัยว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้เคลื่อน 3 ทัพบุกไปทั่วประเทศ เที่ยวนี้เราเอาจริง สู้ไม่ถอย และจากการตระเวนไปในหลายพื้นที่มีเสียงตอบรับดีขึ้นเป็นลำดับ ขอถือโอกาสขอบคุณหัวใจคนสุราษฎร์ฯที่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็น 1 ใน 2 จังหวัดที่ประชาธิปัตย์ชนะยกทีม และในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ประชาธิปัตย์พร้อมทั้งคน ทั้งพรรค และความพร้อมในเรื่องจุดยืนนโยบาย และความเป็นประชาธิปัตย์ ที่เชื่อว่าหลายคน และทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของประชาธิปัตย์ ล้วนมีความภูมิใจในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ได้ต่อสู้รับใช้พี่น้องมาอย่างยาวนาน

“ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องขอบอกว่าพรรคให้โอกาสอดีตผู้แทนราษฎรของประชาธิปัตย์ทุกคนเสมอมาและพร้อมที่จะส่งอดีตผู้แทนราษฎรลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งพี่น้องเองก็มีความผูกพันมากกับตัวเป็นผู้สมัคร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ผู้แทนฯที่พรรคได้ประกาศลงเลือกตั้งในนามประชาธิปัตย์ได้ย้ายพรรคไป จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พรรคฯจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้คนใหม่ได้มีโอกาสเข้ามารับใช้พี่น้องชาวสุราษฎร์ธานี” นายจุรินทร์กล่าว

‘มิ่งขวัญ’ นำเสนอ ‘นโยบายเปลี่ยนชีวิตคนไทย’ ชูแก้ปัญหา ศก.-ปากท้อง ‘ลดค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน’

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โชว์วิสัยทัศน์ผ่านเวทีดีเบตเจาะสมรภูมิเลือกตั้งทั่วไทยเลือกตั้ง 2566 นำเสนอนโยบายเพื่อเปลี่ยนชีวิตคนไทย พร้อมตอบปัญหาของพี่น้องชาวไทย เชื่อมั่นและเน้นย้ำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ พาประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศที่ดีขึ้น ก้าวข้ามความขัดแย้ง และก้าวข้ามความยากจนเลือกพลังประชารัฐหมายเลข 37

(29 เม.ย. 66) ช่องone31 เปิดเวทีดีเบตเจาะสมรภูมิเลือกตั้งทั่วไทยเลือกตั้ง2566 "เปลี่ยนชีวิตคนไทย" โดยครั้งนี้ได้ตัวแทนจาก 9 พรรคการเมืองระดับบิ๊ก 
- พรรคภูมิใจไทย โดย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
- พรรคชาติพัฒนากล้าโดย กรณ์ จาติกวณิช
- พรรครวมไทยสร้างชาติ โดย จุติ ไกรฤกษ์
- พรรคเสรีรวมไทย โดย เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
- พรรคประชาธิปัตย์ โดย วทันยา บุนนาค
- พรรคเพื่อไทย โดย พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
- พรรคก้าวไกลโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
- พรรคไทยสร้างไทย โดย ศิธา ทิวารี
- พรรคพลังประชารัฐ โดย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์
ที่ส่งเหล่าแม่ทัพใหญ่มาร่วมโชว์วิสัยทัศน์ในโค้งสุดท้ายนำเสนอนโยบายเพื่อเปลี่ยนชีวิตคนไทย

เปิดคำถามแรกด้วยการประชันวิสัยทัศน์ : สังคมสูงวัย พรรคพลังประชารัฐ นำโดย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีผู้สูงวัย 12.7 ล้านคน เราเลยมีแคมเปญ 37 เมื่ออายุ 60 ปี รับ 3,000 บาท เมื่ออายุ 70 ปี รับ 4,000 บาท เมื่ออายุ 80 ปี รับ 5,000 บาท นี้คือแรงจุงใจที่จะมีชีวิตยืนยาว

‘มาร์ค’ ปราศรัย กทม.โซนเหนือ ลั่น นโยบายไม่หวือหวาแต่อยู่มานาน วอนพี่น้องเลือก ปชป. 2 ใบ ยืนยัน!! สามารถเป็นหลักพาบ้านเมืองเดินต่อได้

(29 เม.ย.66) ที่สนามฟุตบอล ศูนย์เยาวชนหลักสี่ (ท่าทราย) เขตหลักสี่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดปราศรัยกรุงเทพฯโซนเหนือ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคปชป.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคปชป.ดูแลกทม. พร้อมด้วยผู้สมัครส.ส.กทม. โซนเหนือ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

โดยเวลา 18.00 น. นายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพบพี่น้องที่นี่ หลายครั้งการทำงานการเมืองตนก็ได้มาพบปะพี่น้องที่นี่ วันนี้ทุกคนคงทราบตนไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง  แต่เป็นสมาชิกของพรรคปชป. และได้เดินทางไปเพื่อสนับสนุนผู้สมัครของพรรค และพรรค ซึ่งเบื้องต้นตนไปไหนทุกที่พอบอกว่าไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เขาก็สงสัยว่ามาทำไม เพราะไม่ได้มาหาเสียงให้ตัวเองแน่นอน ตนบอกสิ่งแรกคืออย่างน้อยที่สุดเพื่อมากราบขอบพระคุณพี่น้องทุกคน เพราะนักการเมืองอย่างตน เหมือนกับนักการเมืองหลายคนในพรรคปชป. เรามีโอกาสไปเป็นผู้แทนฯ มีโอกาสไปมีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร หรือตนมีโอกาสเป็นนายกฯ เราไม่ใช่คนมีเงิน เราไม่ใช่คนมีอิทธิพล เราไม่ใช่คนที่จะสามารถไปสถาปนาเอาสิ่งเหล่านี้มาให้ตัวเองได้ เรามีโอกาสไปทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนที่สนับสนุนเรา

“หลายคนสอบถามว่าไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ยังอยู่กับพรรคปชป. ใช่หรือไม่ หลังจากผมพูดว่ากรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้า วันนี้ไม่พูดแล้ว เพราะหลังจากพูดไปคนบอกว่าแล้วยังบริจาคเลือดได้หรือเปล่า เพราะปกติผมเป็นคนบริจาคเลือด เขากลัวว่าเดี๋ยวเลือดสีฟ้าแล้วไปบริจาคไม่ได้ แต่ผมมีหรือไม่มีตำแหน่ง หัวใจ อุดมการณ์เหมือนเดิม ไปไหนบางคนบอกว่าใช้ได้ ความหล่อคงที่ ความดีเหมือนเดิม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนมาวันนี้มีเรื่องหลัก 2 เรื่อง เพราะในวันที่ 14 พ.ค.การเลือกตั้งครั้งนี้เขามีบัตรเลือกตั้งสองใบ ใบแรกเลือกส.ส.เขต สีม่วง โดยเฉพาะในพื้นที่นี้ผู้สมัครคือ พล.ต.ต.วิชัย สังขประไพ ผู้สมัครส.ส.เขต หลักสี่ เบอร์ 14 ส่วนเรื่องที่สองคือบัตรอีกใบสีเขียวขอให้เลือกเบอร์ 26 พรรคประชาธิปัตย์ เพราะความเป็นสถาบัน และเป็นหลัก และปชป.เป็นของพี่น้องทุกคน และทำให้ทุกคนที่ก้าวเข้ามาสู่ปชป. เป็นคนที่มีอิสระในการทำงาน และสามารถเติบโตทางการเมืองได้ และความเป็นหลักตรงนี้เราสามารถสร้างนัการเมืองจำนวนมากจนกระทั่งหลายครั้งเราก็ส่งออกไปอยู่พรรคอื่น แต่นักการเมืองที่อยู่กับปชป.เป็นหลักได้ และเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค ทุกคนมีความเป็นอิสระในการแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการทำงาน

‘อนุทิน’ ลงพื้นที่ชัยภูมิ ช่วย ‘เชวงศักดิ์’ หาเสียง ชี้ เป็นคนสู้ไม่ถอย ลั่น!! ในสภาฯ ภท. เสียงดังยิ่งกว่าฟ้าร้อง ทุกปัญหาต้องได้แก้ไข

(29 เม.ย.66) ที่โดมเทศบาลภูเขียว ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคณะผู้บริหารพรรค อาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 6 นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ หมายเลข 3 ท่ามกลางประชาชน ที่มารับฟัง กว่า 3 พันคน

โดย นายอนุทิน ได้กล่าวแนะนำตัวผู้สมัครในพื้นที่ ว่านายเชวงศักดิ์ เป็นคนที่สู้ไม่ถอย เพราะขนาดรอบที่แล้วแพ้เลือกตั้งแต่ไม่ท้อ ยังขยันทำงานลงพื้นที่ เมื่อพบปัญหาจะนำมาปรึกษากับตน และหาทางแก้ไขอยู่ตลอด นายเชวงศักดิ์ใช้ทุกช่องทางในการหาทางพัฒนาพื้นที่ นี่คือจุดเด่นที่ความใจสู้ ใช้ผลงาน ใช้ความขยัน ซื้อใจประชาชน อีกจุดเด่น คือ เป็นคนรักเดียวใจเดียว นอกจากรักพี่น้องประชาชนไม่เสื่อมคลาย ก็ยังรักภูมิใจไทย แบบไม่คิดตีจาก ที่ผ่านมา มีคนมาจีบเยอะ แต่นายเชวงศักดิ์ไม่ไปไหน โดยบอกว่าชอบพรรคภูมิใจไทย ชอบนโยบายพรรค ชอบสไตล์การทำงาน ไม่ยุ่งกับใคร ทำงานลูกเดียว ตนได้ฟังก็ชื่นใจ 

จากนั้น นายอนุทิน ได้นำเสนอนโยบายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย อาทิ การพักหนี้ 3 ปี วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท นโยบายเงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท กองทุนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กรมธรรม์ 100,000 บาทให้ครอบครัว โดยผู้สูงวัย สามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้ 20,000 บาท ก่อนเสียชีวิต นโยบายเพิ่มค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท กองทุนฌาปณกิจสงเคราะห์ อสม. ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ลดค่าใช้จ่าย 450 บาทต่อครัวเรือน สิทธิ์ในการซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด และนโยบายเกษตรร่ำรวย คอนแทรคฟาร์มมิ่ง รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทิน ปราศรัยปรากฏว่ามีเสียงฟ้าร้อง เนื่องจากภายนอกอาคารมีฝนตกหนัก นายอนุทิน กล่าวว่า เสียงที่ได้ยิน ยังเบากว่าเสียงของ ส.ส.ภูมิใจไทยในสภาฯ นายเชวงศักดิ์ เมื่อได้ทำงานเป็นผู้แทนประชาชน จะเสียงดังกว่าเสียงฟ้าร้อง เสียงจะดังกังวาล เพราะภูมิใจไทย เป็นพรรคที่ใหญ่พอ เวลาพูดอะไร ในสภาฯ ก็ต้องรับฟัง เหมาะสมจะเป็นผู้แทนของคนในพื้นที่

‘ตำรวจ’ เตรียมส่งหลักฐานตู้เย็น ‘ครูอ๊อด’ ตรวจหาสารพิษ พ่อเผยอาการคล้ายโดนวางยา คาด!! เอี่ยว ‘แอม ไซยาไนด์’

(29 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่งเรื่องและหลักฐานขอความอนุเคราะห์ให้ห้องปฏิบัติการของ รองศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในฐานะผู้ตรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสารตัวยาไซยาไนด์ ในวัตถุพยานคดี นางสรารัตน์ (แอม) ตรวจวิเคราะห์วัตถุพยานที่เก็บจากรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 9532 นครปฐม ของนางสรารัตน์ จำนวน 12 รายการ จากการตรวจเก็บหลักฐานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย. น.ส.ศิริพร ผู้เสียชีวิต ขับรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน กน 2340 กาญจนบุรี จากบ้านพักอาศัยไปจอดรถที่บริเวณบ้านพักของนางสรารัตน์ และเปลี่ยนไปนั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 9532 นครปฐม มีผู้ต้องหาเป็นเจ้าของรถและขับรถคันดังกล่าวจาก จ.กาญจนบุรี ระหว่างทางแวะปั๊มน้ำมันในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

จากนั้นขับรถต่อไปริมแม่น้ำศาลาประชาคม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้เสียชีวิตลงไปปล่อยปลา ระหว่างผู้เสียชีวิตลงไปปล่อยปลานั้นมีอาการหมดสติ หรือเป็นลม และเสียชีวิตในวันเดียวกัน จึงตรวจยึดรถเก๋งไว้ตรวจสอบ วัตถุพยาน 12 ชิ้น ที่ใช้สำลีชุบเอทานอลเช็ดรถตามจุดต่างๆ อย่างละ 1 ถุง รวม 12 ถุง ประกอบด้วยตรวจเช็ดที่ประตูหน้าข้างรถ (ด้านใน) ที่เบาะหน้าด้านซ้าย ที่คอนโซลหน้ารถด้านซ้าย ที่พนักพิงด้านหน้ารถ ที่บานประตูหน้าขวา (ด้านใน) ที่เบาะหน้าด้านขวา ที่พักเท้าหน้าขวา ที่เบาะหลัง ที่ช่องเก็บของหลัง ที่พักเท้าหน้าซ้าย ที่ Control และที่พักเท้าหลังเพื่อให้ตรวจหาสารพิษ หรือยาพิษ หรือสารเคมีที่เชื่อมโยงกับไซยาไนด์ หรือสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างละเอียดเพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม ส่งหลักฐานตู้เย็นตรวจหาสารพิษ หรือยาพิษ หรือสารเคมีที่เชื่อมโยงกับไซยาไนด์ หรือสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยตู้เย็นดังกล่าวตั้งอยู่ในห้องนอนของ น.ส.ผุสดี สามบุมี อายุ 39 ปี หรือ ครูอ๊อด อดีตข้าราชการครู ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ คาดถูกนางสรารัตน์วางยาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในบ้านเลขที่ 96 หมู่ 3 ต.บำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม สภาพศพชักเกร็ง มือจิก น้ำลายฟูมปากและจมูก พ่อดูแล้วว่าอาการคล้ายกับคนโดนวางยา 

ทั้งนี้ ตู้เย็นดังกล่าวพ่อแม่ของครูอ๊อดยืนยันไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่วันที่ครูอ๊อดเสียชีวิตวันที่ 20 พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน จึงส่งมาตรวจสอบที่ห้องแล็บ

ด้าน น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ถึงอาการนางสรารัตน์ว่า เป็นวันที่ 3 ที่ผู้ต้องขังใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำระหว่างการตั้งครรภ์ 4 เดือน โดยยังคงอยู่ในห้องกักโรค ขณะนี้ความดันปกติแม้ว่าคืนแรกจะมีความดันสูง แต่แพทย์ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์จ่ายยารักษาจนอาการทุเลา

ล่าสุดได้รับรายงานว่า ผู้ต้องขังไม่มีปัญหาเรื่องความดันแล้ว ส่วนอาหารเมื่อเย็นวันที่ 28 เม.ย. สามารถรับประทานอาหารได้

ทั้งนี้ จากการอยู่ในเรือนจำพบว่าผู้ต้องขังมีการปรับตัวได้ดี มีความเฟรนด์ลี่ (Friendly) โดยพยายามชวนผู้ต้องขังอื่นๆ ในห้องกักโรคพูดคุย ไม่มีการปลีกวิเวก หรือเก็บตัว รวมทั้งยังไม่ได้รับรายงานเรื่องอาการซึมเศร้า หรือการร้องไห้ฟูมฟายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องชีพจรของเด็กในครรภ์ยังปกติ เนื่องจากในกรณีของผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์จะมีการตรวจชีพจรของเด็กในครรภ์เสมอ

ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลางอธิบายชีวิตของบุตรในครรภ์หลังคลอดว่า กรณีผู้ต้องขังช่วงแรกแม่และลูกจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะแม่จะต้องให้นมบุตรประมาณ 4 เดือน หรือหากหลังจากให้นมบุตรเสร็จสิ้นญาติและครอบครัวอาจจะเข้ามารับเด็กออกไปก่อนก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวนั้นๆ หากไม่มีญาติมารับเด็กออกไปอาจมีการส่งตัวเด็กไปยังที่รับดูแลเลี้ยงเด็กแทนก่อนอายุ 1 ปี เพราะจะไม่ให้เด็กต้องเติบโตอยู่ในที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ทางราชทัณฑ์มีบุคลากรและโปรแกรมสำหรับช่วยดูแลผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง การเปิดเพลงบรรเลง เพลงโมสาร์ท การเรียนโยคะ กิจกรรมฝึกการเลี้ยงบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาการให้กับเด็กในครรภ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top