Tuesday, 13 May 2025
SPECIAL

ตร.-กรมโรงงานฯ-อย. บุกค้นบริษัทนำเข้าสารเคมี ย่านลาดกระบัง เตรียมตรวจสอบรายชื่อสั่งซื้อ หาจุดเชื่อมโยงคดี ‘แอม ไซยาไนด์’

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 3 นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา สูง 4 ชั้น ประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่บนถนนเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

โดยการตรวจค้นครั้งนี้ ตำรวจได้ข้อมูลมาจากการเก็บหลักฐานขวดไซยาไนด์ ที่พบในถุงดำที่ แอม ว่าจ้างให้นายตะวัน หลานของนายแด้ นำถุงดังกล่าวไปทิ้ง โดยเมื่อตรวจสอบหมายเลขการผลิตข้างขวดไซยาไนด์ดังกล่าว พบว่าตรงกับหมายเลขการผลิตที่บริษัทนี้ได้ทำการจำหน่าย

จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และชุดขยายผลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาตรวจค้น หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

สำหรับบริษัทนี้ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ด้านหน้าปิดประตูเหล็กเอาไว้ ส่วนด้านในมีกล่องเก็บผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหมายค้น พนักงานที่ดูแลบริษัทก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นด้านใน แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ

ขณะที่ นายวราวุฒิ พิทักษ์จำนงค์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านฮาร์ดแวร์ ซึ่งอยู่ติดกับบริษัทที่ตำรวจเข้าตรวจค้น บอกว่า บริษัทนี้เปิดมาได้ 3-4 ปีแล้ว เป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทสารเคมี และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ตนรู้จักกับเจ้าของ แต่ไม่ได้คุยกันลึก ๆ ก่อนหน้านี้ โกดังไม่ปิดประตูด้านหน้า แต่ที่ปิด เพราะฝุ่นเยอะ เจ้าของกลัวของจะเสียหาย ซึ่งมีพนักงาน 3-4 คน คอยดูแลแพ็กของอยู่ แต่ถ้ามีลูกค้ามารับของก็จะเปิดโกดังและปิดทันที และเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตนเห็นว่าตำรวจสอบสวนกลาง เข้ามาตรวจค้นแล้ว ประมาณ 2 ครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย คณะทำงานชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น แต่เบื้องต้นไม่พบสารไซยาไนด์ และมีข้อมูลว่า มีการจำหน่ายจริง ซึ่งทางบริษัทให้การว่า บริษัทจะรับสารไซยาไนด์ต่อมาจากบริษัทที่นำเข้ามาอีกทีหนึ่ง แล้วนำมาจำหน่ายให้กับผู้ซื้อ ซึ่งไม่ได้มีการสต็อกสินค้า แต่จะต้องให้ผู้ซื้อสั่งสินค้าเข้ามาแล้ว จึงจะสั่งจากบริษัทนำเข้ามาแล้วส่งให้ผู้ซื้อทันที

สำหรับการซื้อขายสารไซยาไนด์ ในปริมาณไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน ไม่ต้องมีใบอนุญาต โดยยอมรับว่า จุดนี้เป็นช่องโหว่ให้บุคคลทั่วไปสามารถครอบครอง และซื้อขายสารดังกล่าวได้ โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ซื้อสารไซยาไนด์จากบริษัทนี้ทุกราย เพื่อหาความเชื่อมโยงกับคดีของแอม เพราะยังไม่มีข้อมูลว่า แอม ซื้อสารไซยาไนด์จากบริษัทนี้โดยตรงหรือไม่ แต่เบื้องต้นพบว่า เลขการผลิตตรงกันกับขวดที่เป็นหลักฐานที่พบในคดี

ทั้งนี้ กรณีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ ‘แอม ไซยาไนด์’ ก่อเหตุวางต่อเนื่อง ตำรวจยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกรายคดี โดยทางสำนักข่าวได้รวบรวมหมายจับทั้งหมด เป็นข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 มีรายละเอียด ดังนี้

‘พปชร.’ ชูนโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา’ ยกระดับ สธ.ทั้งระบบ ช่วยคนไทยใกล้ชิดหมอแค่ปลายนิ้ว ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว

(3 พ.ค. 66) เพจของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการเผยแพร่คลิปที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ การพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยด้วย นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า…

“จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้เห็นว่า ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้ ซึ่งนโยบายนี้ คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้เกิดขึ้นทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศภายหลังการเลือกตั้ง โดยคนไทยทุกคนจะต้องมีสุขภาพที่ดี ด้วยเทคโนโลยีสาธารณสุขใหม่ ไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหน คนไทยก็ใกล้หมอกว่าที่เคย”

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า จากนี้ไปไม่ว่าจะพบแพทย์จ่ายยาหรือดูแลรักษา จะสามารถเข้าถึงที่บ้านของคนไทยทั่วประเทศ แม้ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ได้ใกล้ชิดหมอมากกว่าเดิม พรรคพลังประชารัฐจะใช้เทคโนโลยีทางไกล เชื่อมต่อทุกบริการทางการแพทย์ คนไทยจะใกล้หมอแค่ปลายนิ้ว เจ็บป่วยจะจัดการได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว

‘ดร.เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ หาเสียงข้าม 2 จังหวัด แปดริ้วยาวถึงพัทยา ขอคะแนน ปชช.ให้โอกาสคนรุ่นใหม่พลิกฟื้นเศรษฐกิจตะวันออก

(3 พ.ค. 66) ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุยขอคะแนนหาเสียงวานนี้ (2 พ.ค.) ให้กับผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ตั้งแต่แปดริ้ว บางแสน ศรีราชา พัทยา โดยร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4  นายศรุต วัฒนสมบูรณ์ ชลบุรี เขต 1 เบอร์ 8 นายสุขสันต์ มิสสาจันทร์ ชลบุรี เขต 7 เบอร์ 5 ว่าที่ ร.ต.ประกฤต กลิ่นวิชิต ชลบุรี เขต 9 เบอร์ 1 และมีผู้สมัครจากเขตอื่นมาร่วมกันเดินขอคะแนนในครั้งนี้ด้วย

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้กล่าวถึงปัญหาน้ำทะเลหนุนของแม่น้ำบางปะกง เพื่อจะได้ช่วยหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4 จากปัญหานี้ ทำให้พี่น้องฉะเชิงเทราได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก น้ำทะเลหนุนจนน้ำประปาเค็มจัด ผู้ที่ไม่มีน้ำประปาใช้สุดลำบาก จึงมีแนวคิด ‘สูบน้ำกลับอ่างสียัด’ เพื่อให้ชาวแปดริ้วในพื้นที่ฝั่งซ้ายใช้น้ำจากอ่างสียัด ส่วนพื้นที่ฝั่งขวา ใช้น้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา และปล่อยน้ำจากแม่น้ำบางปะกงให้ไหลลงทะเล

อ่างสียัดมีศักยภาพบรรจุน้ำได้ 455 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บน้ำเพียง 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี แสดงว่ายังสามารถบรรจุได้อีก 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี จึงหาทางแก้ปัญหานี้ คือการสูบน้ำกลับอ่างสียัด เพื่อให้ได้ประโยชน์อื่น เพื่อชะลอการรุกตัวของน้ำเค็ม เพื่อมีน้ำให้ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง และสำคัญมีน้ำดิบผลิตน้ำประปาเพียงพอตลอดทั้งปี แนวคิดนี้เป็นความคิดจากผู้สมัครเขต 1 ฉะเชิงเทรา ที่มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ มุ่งหน้าต่อเข้าบางแสน ศรีราชา พัทยา จ.ชลบุรี ได้พบกลุ่มคนทุกอาชีพ ทั้งโซนโรงงาน โซนธุรกิจกลางคืน ผู้ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป โดยเสนอย้ำนโยบาย ‘ตรวจสุขภาพ ฟรี รักษา ฟรี บัตรประชาชนใบเดียว’ ให้กับกลุ่มโซนโรงงาน เป็นมาตรการเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการ รักษาพยาบาล และสร้างแรงจูงใจในการได้รับสวัสดิการที่พึงได้รับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

กระแส 'ลุงตู่' ช่วยดัน ส.ส.เขต 'รทสช.' โดดเด่น เชื่อ!! 'ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ' ช่วยปักธงได้แน่

ในวันที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางไปช่วยหาเสียงที่จังหวัดตรัง ซึ่งมี 4 เขตเลือกตั้ง

พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงจากเครื่องบินที่สนามบินตรัง นอกจากจะมีผู้สมัครในจังหวัดตรัง เช่น สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล จากเขต 4, อำนวย นวลทอง จากเขต 3 ไปต้อนรับแล้ว ได้มีมวลชนจำนวนมากที่ทราบข่าว เดินทางไปต้อนรับ และให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ถึงสนามบินตรังกันแน่นขนัด

หลังจากนั้นคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีทั้งพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยัง อ.กันตัง เพื่อช่วยหาเสียงให้กับสมบูรณ์ ซึ่งมีมวลชนจำนวนมากแห่ไปต้อนรับให้กำลังใจเช่นกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายถึงแนวทาง 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ให้ประชาชนเข้าใจ

คณะ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางต่อไปในตลาดทับเที่ยง ช่วยถนอมพงศ์ หลีกภัย หาเสียง ซึ่งต้องเสียเวลาไปมาก เนื่องจากมีผู้คนแห่ต้อนรับหน้าแน่นจนไม่มีเวลาทานข้าว เวลาล่วงมาถึงบ่ายสองถึงจะได้ทานข้าว

เสร็จจากทานข้าวเที่ยงเดินทางต่อไปยังอำเภอนาโยง เพื่อช่วย 'อำนวย นวลทอง' หาเสียง โดยก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปถึง 'อำนวย นวลทอง' ได้กล่าวปราศรัยก่อนแล้วถึงความมุ่งมั่น-ตั้งใจในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้

“ผมลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อชัยชนะ และจะสู้ไม่มีถอย โดยตั้งใจจะเข้าไปแก้ไขปัญหา 3 อย่าง อย่างแรกคือปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำ บ้านเรามีฝนมาก เพราะอยู่ใกล้ภูเขา จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อย แต่น้ำท่วมไม่นานก็จะเกิดปัญหาน้ำแล้งตามมา ที่ผ่านมาไม่มีใครคิดวางโครงสร้างใหญ่ในการแก้ไขปัญหาน้ำ”

อำนวย กล่าวอีกว่า อีกปัญหาที่ต้องการเข้าไปแก้คือปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน ที่ชาวบ้านถูกครหาว่าบุกรุกอุทยานบ้าง บุกรุกทุ่งเลี้ยงสัตว์บ้าง ทั้งๆ ที่สภาพของที่ดิน ไม่มีต้นไม้ไม่มีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์แล้ว ชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัยมานานแล้ว แต่ไม่มีการยกเลิกความเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ และ/หรือเขตอุทยาน ชาวบ้านจึงโดนขับไล่มาโดยตลอด เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

‘บิ๊กตู่’ ขอบคุณชาวชลบุรี ที่ยังรักกันอยู่ พร้อมอ้อนอย่าให้ตนสู้โดดเดี่ยว ขอฝากเบอร์ 22 ไว้ในใจ ลั่น!! เราจะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน

(2 พ.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี​ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวปราศรัยว่า ขอบคุณคนจังหวัดชลบุรี วันนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเรายังรักกันอยู่รักกันจริง รักแล้วรักอยู่และรักต่อ ตนเกิดโคราชย้ายมาอยู่กรุงเทพฯเรียนหนังสือจบโรงเรียนนายร้อย และมาอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ค่ายนวมินทร์ ตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปี 2541 ที่นี่คือแหล่งที่พบความแข็งแรงของตน ทำให้ตนมีวันนี้ และวันนี้ได้เห็นพวกเรามีความสุข ไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว 

“อย่าปล่อยให้ผมโดดเดี่ยว อย่าให้ใครทำร้ายประเทศที่รักยิ่งของเรา และอย่าให้ใครมาด้อยค่าประเทศของเรา สิ่งที่เราต้องการวันนี้ เวลานี้ บางคนเรียกว่าผมว่า รปภ. เรียกว่ายามผมรับได้ ผมรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องได้รับการดูแลจากตนและรัฐบาลจากพรรครวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่ เราแบ่งแยกกันไม่ได้ เพราะแผ่นดินคืนนี้ เป็นแผ่นดินของคนไทยทั้งหมด เราเกิดที่นี่ เกิดที่อื่นก็มีทำกินที่นี่ หลายคนต้องรักแผ่นดินผืนนี้ของเรา”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แต่แน่นอนมันต้องไม่มีปัญหา ต้องไม่สร้างความขัดแย้งไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ทำให้ลูกไม่เคารพพ่อแม่ ไม่เคารพครูอาจารย์ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้อันตรายเราต้องสามัคคีกัน ดังนั้นขออย่างเดียวอย่าแตกแยก ความสามัคคี ถ้าไม่สามัคคีมันไปไม่ได้ทั้งหมด ขอฝากบ้านเมืองไว้กับมือพวกเราทุกคน มือที่จะกาบัตรเลือกตั้ง และวันนี้จะเรียกพี่ตู่ ลุงตู่หรือตู่เฉย ๆ ก็ได้เพราะหลายคนเป็นน้องตน หลายคนเป็นพี่ตน คนที่เป็นน้องก็เรียกตนว่าพี่ตู่ ทั้งนี้ วันนี้มาให้กำลังใจทั้ง 10 เขตต้องได้ทั้งจังหวัดและจะต้องได้ทั้งประเทศด้วย เพราะเรามา เหนือเมฆ ลองไปเปิดดูหนังสือ เราไม่ได้เป็นคนเขียนมีคนก็เขียนให้ เพราะเห็นเราทำงาน และเมื่อกี้ก็กลัวว่าฝนจะตกหรือเปล่าจะได้เจอหรือเปล่า ตนก็อธิษฐานว่าฝนอย่าตก ฉะนั้นคำอธิษฐานของตนมีผลเหมือนกัน

‘อนุทิน’ ขอปล่อยวาง-ใช้อุเบกขา ชี้!! ‘ภท.’ ไม่สร้างความขัดแย้ง หลัง ‘ชูวิทย์’ ป่วนเวทีดินแดน ขณะช่วย ‘ภาดาท์’ หาเสียง

(2 พ.ค. 66) ที่โดมหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. คณะผู้บริหารพรรค น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 5 เปิดเวทีปราศรัยช่วย น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 6 หาเสียง มีประชาชนมาฟังการปราศรัยประมาณ 1,000 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทินกำลังพูดแนะนำนโยบาย ปรากฏว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้เข้ามาฟังการปราศรัยจากด้านนอก ก่อนกล่าวโจมตีพรรคภูมิใจไทย ผ่านโทรโข่งเกิดเสียงแทรกเข้ามาในเวทีปราศรัย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมงานของน.ส.ภาดาท์ ได้ขอร้องให้นายชูวิทย์ ออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวาย 

ด้าน นายอนุทิน เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงกล่าวบนเวทีว่า “ต่างคนก็นำเสนอนโยบายของตัวเอง ตนนำเสนอนโยบายของภูมิใจไทย ส่วนนายชูวิทย์ ก็คงมีเรื่องราวอยากจะสื่อสาร ก็ปล่อยไป รับฟัง และต้อนรับด้วย พี่น้องประชาชนจะมองว่าใครถูกใครผิด ตนไปบังคับใครไม่ได้ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยทั้งเรื่องของการพักหนี้ กองทุนผู้สูงอายุ เงินกู้ฉุกเฉินที่พี่น้องปรบมือให้คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำได้ จะเลือกตั้งแล้วต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ส่วนคนข้างนอกที่มาโวยวายอยู่นั้น ตนขอตั้งจิตเป็นอุเบกขา ปล่อยวาง และขอทำหน้าที่เพื่อคนไทย ให้ดีที่สุด ภูมิใจไทย ไม่สร้างความขัดแย้ง

‘ศาลเชียงใหม่’ ค้านประกันตัว ‘ไอ้ณัฐ’ คดีฆ่าเซลล์สาว ชี้!! อัตราโทษสูง หวั่นผู้ต้องหาหลบหนี

(2 พ.ค.66) เวลา 15.40 น. ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวน สภ.สันทราย ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 นายณัฐ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ, ฆ่าผู้อื่นฯ, ข่มขืนกระทำชำเรา ซ่อนเร้นอำพรางศพฯ น.ส.บี อายุ 35 ปี เซลล์ขายรถยนต์ยี่ห้อดัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

‘รทสช.’ คลอดคลิป ‘ห่านกับไข่ทองคำ’ นิทานสอนใจ ชูแนวคิดใช้จ่ายงบแบบมีวินัย ช่วยปชช. แบบไม่หว่านแห

พรรครวมไทยสร้างชาติยิงคลิป ‘ห่าน’ เตือนสังคมอย่าให้ใครฆ่าห่านเพื่ออิ่มเพียงมื้อเดียว แต่อดกินไข่ตลอดไป สะท้อนนโยบายช่วยเหลือประชาชนของพรรคทำแบบพุ่งเป้าไม่หว่านแห ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีวินัย  

(2 พ.ค. 66) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกคลิปชุดใหม่ ‘ห่านกับไข่ทองคำ’ เป็นนิทานสอนใจว่า พึงรักษาทรัพย์สินเงินทองที่มี แม้จะไม่มากมาย แต่ก็ให้ดอกผล เพียงพอที่จะแบ่งปันกันในครอบครัว ชุมชน อย่าให้ใครมาหลอกว่า ฆ่าห่านกินเนื้ออร่อยกว่าอิ่มกว่า รอกินไข่ทีละฟอง เพราะกินเนื้อห่านได้มื้อเดียว แต่ต้องอดกินไข่ห่านตลอดไป

การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไทย ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้สิทธิเกือบ 4 พันคน ทั้งแบบเข้าคูหาและทางไปรษณีย์

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

ในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย พ.ศ. 2566 การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไทยในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถือว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นประเทศที่มีประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

ขั้นตอนการใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2566 ในสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

1) ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งแบบคูหา (เฉพาะผู้ที่เลือกใช้สิทธิกับสถานเอกอัครราชทูตฯ เท่านั้น) ท่านที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งแบบคูหา สามารถมาลงคะแนนเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน (ที่อยู่ 1024 Wisconsin Avenue N.W. Washington D.C. 20007) ระหว่างวันที่ 28 - 30 เมษายน 2566 เวลา 9.00 - 17.00 น. 

(ในภาพ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน กำลังใช้สิทธิเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งประจำที่เลือกตั้ง สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน)

'อลงกรณ์' ปักธง 10 นโยบาย ยกระดับเกษตรกรรมไทย ใต้ยุทธศาสตร์ 'เกษตรปลอดภัย - มั่นคง - ยั่งยืน'

(2 พ.ค.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการดีเบตในหัวข้อ “พรรคการเมืองกับนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนและปัญหาความมั่นคงทางอาหาร” ที่อาคารชีววิถี จัดโดยภาคีเครือข่ายสมาคมสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ ไบโอไทย มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ 

โดยกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าหมายของนโยบายเกษตรทันสมัยสู่ครัวไทยครัวโลก
1. ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารท็อปเทนของโลกอย่างมีความรับผิดชอบต่อเกษตรกรและผู้บริโภค
2. เพิ่ม GDP เกษตรเป็น 10%
3. เพิ่มรายได้เกษตรกร 100%

จึงได้กำหนด 10 นโยบายเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรสุขภาพ และความมั่นคงทางอาหารเชิงปริมาณและคุณภาพภายใต้ยุทธศาสตร์ '3 เอส' (3 S : safety security sustainability) เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง เกษตรยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนฐานเทคโนโลยี ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาไทย

1. ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 2 ล้านไร่ เดินหน้าเกษตรคาร์บอนต่ำลดโลกร้อน
2. เติมทุนเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่ 3 ล้าน ส่งเสริมสนับสนุนสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ออร์แกนิกและกสิกรรมธรรมชาติ
3. เพิ่มปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ 5 ล้านตัน จัดตั้งศูนย์บริการปุ๋ย-น้ำชุมชนทุกตำบล
4. ตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรนวัตกรรม เครื่องจักรกล (AIM C:Agritech Innovation Machine Center) Application Agrimap ส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมชีวภัณฑ์ เกษตรอัจฉริยะ เกษตรอินทรีย์ อบรมบ่มเพาะและถ่ายทอด พัฒนาเกษตรกร-สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร
5. คุ้มครองสิทธิเกษตรกร พันธ์ุพืชพันธ์ุสัตว์และความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity ) โดยเฉพาะในส่วนเกี่ยวข้องกับ FTA ที่จะเจรจาและข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจุบันและอนาคตเช่น UPOV-CPTPP และ FTA EU /UAE EFTA
6. เร่งสนับสนุนการขับเคลื่อนกลไกเกษตรกรรมยั่งยืนระดับชาติ คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับพื้นที่ 77 จังหวัด
7. สนับสนุนความมั่นคงทางอาหารทั้งเชิงปริมาณ คุณภาพ และโภชนาการที่ดี
8. ส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต เช่น โปรตีนทางเลือกใหม่ได้แก่โปรตีนจากพืช โปรตีนจากแมลงสาหร่าย ผำ แหนแดง อาหารฮาลาล
9. ส่งเสริมเกษตรปลอดภัย เกษตรสุขภาพ ลดใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษอันตราย 
10. สร้างกลไกใหม่ ขยายความร่วมมือภาคีเครือข่ายระหว่างภาคเอกชน ภาคเกษตรกรและภาควิชาการ และภาครัฐเพิ่มบทบาทด้านเกษตรกรรมยั่งยืนของ 'มกอช.' 'อย.' และกรมพัฒนาที่ดิน กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมข้าว กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นต้น

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยความคืบหน้าคดี ‘แอม ไซยาไนด์’ พบว่ามี ‘ตำรวจ’ 1 นาย เอี่ยวเรื่องนี้ด้วย!!

(2 พ.ค. 66) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยก่อนเข้าประชุมคณะตำรวจคลี่คลายคดีการเสียชีวิตวางยาฆ่าชิงทรัพย์ จากนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ว่าในช่วงที่ 3-4 วันที่ผ่านมาคดีมีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมเพื่อเร่งรัดสำนวนการสอบสวนที่เหลืออยู่ ตอนนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ 14 คน 14 คดี มีผู้รอดชีวิต 1 คน ซึ่งตอนนี้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับไปแล้ว 10 คดี และแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วพร้อมอายัดตัวผู้ต้องหา ซึ่งตอนนี้ผู้ต้องหาอยู่ที่เรือนจำ ส่วนอีก 4 คดีที่เหลือวันนี้จะมาไล่เรียงทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ครบถ้วนทั้งหมด 14 คดี และตอนนี้ต้องมาดูพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลใกล้ชิด ซึ่งยังไม่ขอเอ่ยชื่อ และวันนี้พบพยานหลักฐานแล้วว่ามีบุคคลใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องและร่วมกันกระทำความผิด

ส่วนไซยาไนด์ตอนนี้พบแหล่งที่มาแล้ว อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วันนี้ได้ประสานอธิบดีกรมอุตสาหกรรมที่รับผิดชอบและดูแลเรื่องการอนุญาตการนำเข้า ซึ่งเมื่อนำเข้ามาแล้วจะต้องมีวิธีการควบคุมไม่ให้กระจายออกไป ไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ที่นำเข้ามา โดยวันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้นแหล่งที่มาของไซยาไนด์แล้ว เบื้องต้นมีรายงานว่าเป็นโรงงานแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง ถ้าพบการกระทำผิดในส่วนนี้ก็จะดำเนินคดีด้วย และวันนี้ได้ประสานอธิบดีกรมโรงงานและเลขาธิการสำนักงานอาหารและยา (อย.)

ส่วนการประชุมในวันนี้เป็นการตรวจสอบพยานหลักฐานและเรียบเรียงสำนวนทั้ง 10 สำนวน เพื่อเพิ่มความแน่นหนาของพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้สำนวนมีความรัดกุมที่จะสามารถให้ศาลพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ส่วนอีก 4 คดี ก็จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับให้ครบถ้วน ในส่วนทั้ง 10 คดี พยานหลักฐานจะแตกต่างกันบางส่วน แต่หลักการสำคัญคือความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดของนางแอม ซึ่งยืนยันว่าเป็นคนลงมือและก่อเหตุในลักษณะคล้ายกัน คือนำไซยาไนด์มาให้เหยื่อกิน ถึงแม้การชันสูตรพลิกศพจะพบสารไซยาไนด์ในร่างผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย แต่แผนประทุษกรรมพบว่าสามารถเชื่อมโยงไปถึงกรณีอื่นได้ ภายใน 1-2 วัน จะรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้

‘บุญยอด’ แนะ ‘ก้าวไกล’ พูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน ต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร 

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ตอบโต้พรรคก้าวไกลผ่าน ‘หมออ๋อง’ นสพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคก้าวไกล หลังจากมีการพูดจาดูถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในแทบทุกการหาเสียงของพรรคก้าวไกล ในช่วงหนึ่งของเวทีดีเบต BIG DEBATE จังหวัดพิษณุโลก โดยกล่าวว่า…

“นักการเมืองไม่ควรพุ่งเป้าไปสู่คู่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม เปรียบเหมือนกันกับไม่มีนักมวยคนใด หรือนักฟุตบอลคนใด ไปด่าว่าปรามาสคู่แข่งขัน เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และสิ่งที่กระทำมา ถ้ามันผิดหรือไม่ถูกต้อง สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายได้

“พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทบทวนเหมือนกันว่า เวลาจะพูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน คุณดูถูก ดูแคลน ดูหมิ่น ทุกครั้งโดยไม่ให้เกียรติไม่ได้ เนื่องจากในกติกาการหาเสียงเลือกตั้งทุกครั้ง เราต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร ลองไปทบทวนดูก่อน และควรต้องตอบคำถามด้วยว่า หัวหน้าพรรคของคุณทำไมชอบโกหกประชาชนนักด้วย”

เกี่ยวกับเรื่อง ส.ว. 250 คน นายบุญยอด ก็ได้กล่าวอีกด้วยว่า “กติกาของรัฐธรรมนูญ 60 จะให้สิทธิ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้เพียง 5 ปี นั่นคือปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย และนั่นคือกติกาที่ร่างไปแล้ว และผ่านประชามติไปแล้ว กติกาได้เกิดขึ้น พวกท่านได้เข้าสู่การแข่งขันเมื่อปี 62 จำนวน 1 ครั้ง และปี 66 อีก 1 ครั้ง

“ตามกติกานั้น ได้เกิดขึ้นในสภาฯ แล้ว และในวันนั้น คนคงพอจำได้มีคนที่เป็นแคนดิเดต 2 คนเท่านั้น คือ…พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ นี่คือข้อเท็จจริง 

กกต. จัดสิ่งอำนวยความสะดวก ‘คนพิการ-ผู้สูงอายุ’  เพื่อให้ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

วันนี้ (2 พ.ค. 66) นายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการกกต. ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกคนพิการและผู้สูงอายุ ศูนย์อำนวยการและประสานงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานกกต. กล่าวว่า สำนักงานกกต.ได้จัดเตรียมการอำนวยความสะดวกแก่คนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ ในการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ภายใต้แนวคิดผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนต้องได้ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนี้

1. จัดทำสื่อคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. (อักษรเบรลล์) เพื่อใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.แก่ผู้พิการทางสายตา พร้อมจัดทำไฟล์เสียงคำบรรยายคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. โดยสามารถสแกน QR Code เสียงบรรยายได้จากหน้าปกคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. ตรงมุมด้านล่างซ้ายมือของคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. (อักษรเบรลล์)

2. จัดทำวีดิทัศน์อินโฟกราฟิกและเพลงขับร้องโดยอรรณพ ทองบริสุทธิ์ ปอ AF 7 พร้อมล่ามภาษามือ เพื่อสื่อสารและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. 

3. สำนักงานกกต.จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำป้ายไวนิลแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยจะติดตั้งบริเวณด้านหน้าที่เลือกตั้งที่มองเห็นชัดเจน และติดตั้งภายในที่เลือกตั้งที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตาเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งรับทราบและสามารถจดจำข้อมูลของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย ข้อมูล ชื่อ-สกุล รูปถ่าย หมายเลขผู้สมัคร ตราสัญลักษณ์พรรคการเมือง 

4. สนง.กกต. ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดให้ความรู้ความเข้าใจในการอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยจัดทำสื่อวีดิทัศน์สาธิตการใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ พร้อมล่ามภาษามือ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีการถ่ายทำที่สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านนนทภูมิ จังหวัดนนทบุรี ได้รับความร่วมมือจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน ทางสายตา และทุพพลภาพทางกาย มาร่วมแสดงและสาธิตในการถ่ายทำวีดิทัศน์ดังกล่าว วีดิทัศน์ดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของทั้งสองหน่วยงาน

นอกจากนี้ ในการลงคะแนนเลือกตั้ง สำนักงานกกต.ยังได้จัดให้มีการอำนวยความสะดวกแก่คนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุโดยในหน่วยเลือกตั้งปกติ จัดให้มีบัตรทาบสำหรับคนพิการทางสายตาและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ โดยมีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) รด.จิตอาสา ลูกเสืออาสา กกต. เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย เป็นผู้ช่วยเหลือในการใช้สิทธิลงคะแนน รวมทั้งยังจัดที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ โดยผู้ใช้สิทธิที่ลงทะเบียน ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ ณ ที่เลือกตั้งกลางที่กำหนดไว้ 26 แห่ง ใน 21 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 2,380 คน

‘พท.’ จัดแคมเปญยกระดับชีวิตคนกรุงฯ ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง’  ชวนผู้สมัครส.ส. ใช้รถสาธารณะเดินทาง ตอกย้ำนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

เพื่อไทยจัดใหญ่ ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง’ 5 พ.ค. ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม.เดินทางจากบ้านถึงพารากอนด้วยขนส่งสาธารณะ ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย

(2 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และผอ. ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคพท. และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 20  ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคพท.แถลงการจัดงาน “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จากการเดินทาง สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” ในวันที่ 5 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ณ ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน

นายประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคพท. ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพฯ พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคพท.จึงจัดงานดังกล่าวขึ้นโดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือภารกิจและงานเสวนา กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรค พท.ที่จะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคพท.ที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัครส.ส. ทุกเขต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top