Tuesday, 13 May 2025
SPECIAL

‘เศรษฐา’ ประกาศกร้าวกลางปราศรัยเมืองจันท์ ลั่น!! “ยอมติดคุก” ย้ำ!! ไม่ให้ลูกหลานถูกมอมเมาด้วยกัญชา จากนโยบายบางพรรค

‘เศรษฐา’ เยือนเมืองจันท์ ลั่นยอมติดคุกป้องลูกหลานมอมเมากัญชา แม้ถูกบางพรรคฟ้อง ‘เต้น’ แฉแผนสุมหัวตั้งรัฐบาลข้างน้อย

(4 พ.ค.66) ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวบนเวทีปราศรัยช่วย 3 ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี พรรค พท. ได้แก่ นายมงคล ศรีคำแหง เขต 1 เบอร์ 2 นายวันทิต ตั้งรักษาสัตย์ เขต 2 เบอร์ 2 และนายแสนคม อนามพงษ์ เขต 3 เบอร์ 3

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ปัญหาที่ประชาชนประสบอยู่ขณะนี้เกิดจากนายกฯไม่มีวิสัยทัศน์พาประเทศเจริญ และเพิ่มรายได้ให้ประชาชน หรือปัญหาเรือประมงออกไปจับปลาไม่ได้ เพราะไปเซ็นสัญญาอัปยศกับอียูจนชาวประมงไปทำมาหากินไม่ได้ พรรคร่วมรัฐบาลต่าง ๆ ก็ไม่มีใครมาช่วยแก้ปัญหา จ.จันทบุรี มีของดีอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องผลไม้ แต่นายกฯไปเปิดตลาดให้บ้างหรือไม่ นายกฯพรรค พท. จะเดินทางไปทุกหย่อมหญ้า หาตลาดผลไม้ให้เกษตรกร ใช้การตลาดนำ ให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ภายใน 4 ปีที่เป็นรัฐบาล รายได้สุทธิเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว รวมถึงจะผลักดันพลอย จ.จันทบุรี เป็นซอฟต์พาวเวอร์มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ขณะที่เรื่องกัญชาเสรีที่พรรคการเมืองหนึ่งมาหาเสียงที่นี่บอกจะทำให้กัญชาเสรี สูบพี้กันเมามัน หลายคนรับไม่ได้ ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรคนั้น แต่เป็นศัตรูกับกัญชา ไม่อยากให้ลูกหลานถูกมอมเมา แต่พูดกลับก็สะเทือนพรรคนั้น ถึงขั้นไปฟ้องตน แต่ตนยอมติดคุก เพื่อไม่ให้ลูกหลานถูกมอมเมาด้วยกัญชา ถ้าเลือกพรรคนั้นมา ลูกหลานจะถูกมอมด้วยกัญชา อย่ายอมเด็ดขาด ขอให้สู้ไปด้วยกัน วันเลือกตั้งอย่าปันใจให้ใคร พรรค พท. มาคนเดียว ไม่มีพรรคพี่น้อง ขอให้เทใจกาบัตรทั้งสองใบให้พรรค พท.

ทลายโกดังเถื่อน!! แอบอ้างชื่อ ‘คิงพาวเวอร์’ ลวงขายสินค้าไร้คุณภาพ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลางตรวจค้นโกดังสินค้า แอบอ้างชื่อคิงเพาเวอร์ หลอกจำหน่ายสินค้าไม่ได้คุณภาพให้กับประชาชน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CBI) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

(4 พ.ค.66) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.๒ บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทปราการ ที่ 277/2566 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ในความผิดตาม “พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2560 มาตรา 242, 243 และ 246

โกดังเก็บสินค้า ถนนบางนา-ตราด ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจากมีประชาชนได้แจ้งแบะแสและได้รับการประสานความร่วมมือจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล King Power ว่ามีการแอบอ้างโดยการปลอมเป็นเพจเฟซบุ๊ก

‘ชวน’ นำทีม ‘ปชป.’ อ้อนขอคะแนนชาวสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ยัน!! ‘ปชป.’ อยู่มา 77 ปี ไม่เคยโกง ย้ำ!! เลือกคนสุจริตมาบริหารประเทศ

‘ชวน’ เดินเท้าหาเสียง อ้อนแม่ค้าพ่อค้าเมืองสุไหงโก-ลก เลือกทั้งคนทั้งพรรค

(4 พ.ค.66) นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ รวมทั้งนางวทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ ได้เดินเท้าลงพื้นที่ตลาดสดเก็นติ้ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อช่วยนายเมธี อรุณ หรือ เมธี วงลาบานูน ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 เบอร์ 1 หาเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาช่วยลูกพรรคหาเสียงของนายชวน หลีกภัย ครั้งนี้ ได้แต่งตัวแบบเป็นกันเอง พร้อมกับชูนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ การกู้เงิน กยศ. ให้เด็กได้เรียน รวมไปถึงนโยบายของผู้สมัครในพื้นที่ เพื่อขอคะแนนสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคทั้งแบบแบ่งเขตและระบบบัญชีรายชื่อ เราอาจไม่รู้ว่าคนนั้นดีหรือไม่ดี พรรคการเมืองก็เช่นกัน ทุกพรรคมีนโยบายที่ดีทั้งสิ้น แต่จะดีหรือไม่ดีนั้น พิสูจน์ได้จากการทำงานว่า ทุจริตหรือโกงกิน

อีกทั้งได้เน้นย้ำถึงความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่มาได้ถึงวันนี้ ครบ 77 ปี ด้วยการยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายอาหารในตลาดสด โดยบางรายได้ถือโอกาสมอบดอกไม้และผลไม้ ให้นายชวนได้นำไปรับประทาน พร้อมทั้งได้ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

นอกจากนี้ นายชวน และคณะ ได้ขึ้นรถบรรทุก 10 ล้อของพรรค ไปตามถนนภายในเขตเทศบาล ในการขอสนับสนุนคะแนนเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการ ที่ได้มีการโปรยมือทักทายนายชวน และคณะ ตลอดเส้นทางที่รถยนต์ผ่าน ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มที่ไม่คิดว่านายชวน จะลงพื้นที่หาเสียงเองให้กับทางพรรค

และจุดสุดท้ายที่นายชวน และคณะ ได้เปิดปราศรัยย่อที่บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก โดยมีการสลับปรับเปลี่ยนกันปราศรัยหาเสียงของ นายนิพนธ์ นายสุชัชวีร์ นางวทันยา และนายเมธี ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนกว่า 2,000 คน ได้เดินทางมารับฟังนโยบาย

นางวทันยากล่าวปราศรัยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายไม่เซ็กซี่เหมือนพรรคอื่นๆ ท่านรู้มั้ยว่าเราเป็นหนี้จากการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเท่าไร หนี้นับ 10 ล้านล้านบาท ใครเดือดร้อนพวกท่านๆ ที่นั่งตรงนี้เดือดร้อน ส่วนใหญ่ต้องไปพึ่งการกู้หนี้ยืมเงินนอกระบบ แล้วท่านจะลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ นโยบายกัญชา ถามว่าตนเอาไหม บอกเลยว่าไม่เอา มีเพียงอย่างเดียวใช้ในทางการแพทย์ ส่วนกัญชาเสรีนั้น ดูซิคนหรือเยาวชนใน กทม.ติดกัญชากันจนผู้ปกครองบ่นว่าเดือดร้อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะต่อต้านเรื่องกัญชาเสรี

ด้าน นายนิพนธ์ขึ้นปราศรัยใจความได้ว่า ถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ การติดอินเตอร์เน็ต 1 ล้านจุดทั่วประเทศ จุดประสงค์หลักคือ นักเรียนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อการเรียนการสอนที่สะดวก แม้แต่ในโรงเรียนหรือทางบ้าน เราต้องให้ความสำคัญต่อการศึกษาของเยาวชน

ด้านนายชวนกล่าวปราศรัยใจความว่า เล่นการเมืองรับใช้พี่น้องประชาชนมาเกือบทั้งชีวิต ซึ่งคนของพรรคทุกคนไม่เคยโกงกินหรือติดคุก เราซื่อสัตย์ต่อพี่น้องประชาชน นโยบายต่าง ๆ ที่สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี การสร้างรถไฟรางคู่ซึ่งก็ได้คืบหน้าไประดับหนึ่ง แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล นโยบายต่าง ๆ จึงถูกโละทิ้ง ถือว่าไม่ใช่นโยบายของพรรคนั้น ๆ เขาก็ไปพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขา ภาคใต้บ้านเราจึงไม่เจริญเท่าที่ควรจะเป็น

‘สุวัจน์’ ลุยขอคะแนนชาวโคราช ชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ มั่นใจ!! นโยบายทำคัมแบ๊ก ได้กลับมารับใช้ประชาชน

‘สุวัจน์’ บุกย่านหัวมังกรโคราชชั้นใน มั่นใจ ‘โคราชโนมิกส์’ ถูกใจ ประทับใจคนโคราช

(4 พ.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าและแคนดิเดตนายกฯ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 5 เขต 1 ลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนชาวโคราช เริ่มตั้งแต่ตลาดเช้า ตลาดหัวรถไฟ และเดินทางต่อไปตามเส้นทางถนนราชดำเนิน ถนนชุมพล ถนนจอมพล ถนนหัวมังกร ถนนเศรษฐกิจหลักของโคราช พบปะกับพ่อค้าแม่ค้าเพื่อนำเสนอนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ โคราชระเบียงเศรษฐกิจ โคราชเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ โคราชเมือผลิตอาหารป้อนโลก โคราชเมืองคมนาคมทันสมัย โคราชน้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง น้ำประปาพอใช้ และปรับโครงสร้างค่าไฟ เพื่อแก้ปัญหาค่าไฟแพง “งานดี มีเงิน ของไม่แพง”

นายสุวัจน์กล่าวว่า การเปิดเวทีปราศรัยได้พบพี่น้องประชาชนมารับฟังการปราศรัยจํานวนมากทุกท่านมีความมั่นใจและชอบนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายเพื่อชาวโคราชโดยเฉพาะ ทําให้มีความรู้สึกว่าเป็นพรรคการเมืองที่เข้าใจและทํางานกับชาวโคราชมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เราใช้ยุทธศาสตร์การเดินเข้าหาพี่น้องประชาชน เน้นเรื่องนโยบายต่าง ๆ วันนี้การเมืองพี่น้องประชาชนอยากฟังนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายในการแก้ไขปัญหา

นายสุวัจน์กล่าวว่า ฉะนั้น ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเราต้องใช้ยุทธศาสตร์ในการที่จะเข้าหาพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด เน้นนโยบายโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคมีนโยบายทั้งสองอย่างคือนโยบายเศรษฐกิจในการแก้ไขปัญหา “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” และนโยบายให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช 'โคราชโนมิกส์' เอาเศรษฐกิจยุคทองกลับมา เอาการลงทุนกลับมา

“โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ โคราชผลิตอาหารป้อนโลก โคราชเมืองคมนาคมทันสมัย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทําให้เรามั่นใจ ยิ่งเดินเท่าไหร่ ยิ่งพบพี่น้องประชาชนเท่าไหร่ การตอบรับดีมากๆ ทําให้เรามั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้าน่าที่จะคัมแบ๊กได้กลับมารับใช้พี่น้องชาวโคราชด้วยเสียงที่ดีกว่าเดิม” แคนดิเดตนายกฯพรรคชาติพัฒนากล้าระบุ

‘ปชป.’ ย้ำจุดยืนนโยบาย!! ไม่เอายาเสพติด-ไม่หนุนกัญชาเสรี ชี้!! ปรับปรุงการลดโทษหลังคำพิพากษา เป็นบทลงโทษสูงสุด

‘ปชป.’ เสนอจุดยืนนโยบายยาเสพติด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ย้ำต้องปรับปรุงกระบวนการลดโทษหลังคำพิพากษา ผู้ผลิต – ผู้ค้า ให้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย 

(4 พ.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่ จตุจักร เบอร์ 14 พร้อมด้วย นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย ผู้สมัคร ส.ส. เขตวังทองหลาง บางกะปิ เบอร์ 1 และนายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางเขน จตุจักร หลักสี่ เบอร์ 5 ร่วมกันแถลงถึงจุดยืนของพรรคในนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

โดย พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากปัญหายาเสพติดเป็นภัยคุกคามที่กระทบต่อชีวิต สังคม และประเทศอย่างรุนแรง พรรคประชาธิปัตย์จึงจัดทำโครงการ ฟัง - คิด - ทำ เพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน และพบว่าปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่ง ดังนั้นพรรคจึงมีนโยบาย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี” พร้อมๆ ไปกับ นโยบายปราบทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดวิกฤตชาติ และสาเหตุที่ 2 นโยบายดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกันนั้น เป็นเพราะปัญหายาเสพติดส่วนหนึ่งเกิดมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นหากเราสามารถแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาทุจริตได้ ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

พล.ต.ต.วิชัย ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้ติดยาเสพติดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งทำให้มีการใช้สิ่งเสพติด จำพวกยาบ้า ยาไอซ์ เฮโลอีน และอื่นๆ มากกว่า 3 ล้านเม็ด และคิดเป็นการมูลค่าความสูญเสียกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน ปีละไม่ต่ำกว่าแสนล้าน ซึ่งยังไม่รวมถึงงบประมาณสำหรับการป้องกัน ปราบปราม บำบัด รักษา ดังนั้นด้วยนโยบาย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี” จึงมีความจำเป็นต้องเริ่มต้นการแก้ไขตั้งแต่การเจรจากับต่างประเทศ การสกัดการส่งออกสารตั้งต้น การเพิ่มอำนาจ ป.ป.ส. ให้มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน ทำสำนวนเพื่อส่งอัยการฟ้องศาลได้ นอกจากนี้จะต้องมีการจัดตั้งและปรับปรุงสถานบำบัดในทุกจังหวัด โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เพื่อให้เกิดกระบวนการสำหรับรักษา เยียวยา ฟื้นฟู และบำบัดสุขภาพของผู้ติดยาเสพติดให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันนั้น จำเป็นที่จะต้องกำหนดกรอบโทษของผู้กระทำผิด ซึ่งทั้งผู้ก่อ ผู้สนับสนุน ผู้ช่วยเหลือ ต้องได้รับโทษสูงสุดเท่ากัน 

“พรรคประชาธิปัตย์ มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหายาเสพติดให้กับพี่น้องประชาชน ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งที่พรรคได้ ฟัง- คิด- ทำ จะเกิดประโยชน์ได้ หากพี่น้องประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายจนประสบความสำเร็จได้ต่อไป” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว 

‘แอม ไซยาไนด์’ ซุ่มหอบทองของสามีขาย-จ้องสแกนม่านตาศพ หลังเสียชีวิตได้วันเดียว พร้อมขวางการผ่าตัดชันสูตรของ ‘จนท.’

เปิดอีกพฤติกรรม ‘แอม’ แด้ตายวันเดียว ซุ่มเอาทองขาย-จ้องสแกนม่านตาศพ

(4 พ.ค.66) ความคืบหน้าคดี ‘แอม ไซยาไนด์’ ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาลักทรัพย์ และพยายามฆ่า หลังพบว่ามีผู้เสียชีวิตปริศนานับสิบคน ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวโยง ‘แอม’ โดยหนึ่งในนั้น คือ นายแด้ สามีของแอม ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค.66 

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหะเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี (ผบก.ภ.จว.อุดรธานี) เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ว่า คดีแอม ก่อนที่จะถูกออกหมายจับ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบประจักษ์พยาน ทั้งที่ปั๊มน้ำมัน หอพักที่อยู่ มีพยานบุคคลและหลักฐานอย่างอื่นๆ รวมทั้งสิ่งของนายแด้ ที่แอมส่งไปให้ญาติที่ จ.ราชบุรี มีไซยาไนด์ด้วย ทำให้ศาลออกหมายจับ แอม หลังนายแด้เสียชีวิต

ทั้งนี้ นางแอม ได้นำทองของนายแด้ไปขาย ครั้งแรกนำไปขายในวันที่ 13 มี.ค. เป็นเลสข้อมือ หนัก 3 บาท ขายได้ราคา 85,800 บาท ครั้งที่ 2 ในวันที่ 18 มี.ค. เป็นพระเลี่ยมทอง 3 บาท ขายได้ในราคา 79,000 บาท โดยทางร้านทองให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดี ส่วนกรณีมีตำรวจยศ รอง ผกก. คนใกล้ชิดแอมเดินทางมา จ.อุดรธานี ทางตำรวจอุดรธานีตรวจสอบพบว่ารถเซฟโรเลตของนายแด้สวมทะเบียน มีคนสนิทของแอม เดินทางขึ้นมาเอารถเอากลับไป แล้วไปจำนำ และศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ ควง ‘ดรีมทีมเศรษฐกิจ’ สรุปนโยบายพรรค ก่อนเลือกตั้ง ลั่น!! หากเป็นรัฐบาลทำทันที ‘กระตุ้นเศรษฐกิจ-ลดราคาน้ำมัน’

‘บิ๊กป้อม’ ควง ‘ดรีมทีมเศรษฐกิจ’ สรุปนโยบาย พปชร.โค้งสุดท้าย ลั่น ถ้าเป็นรัฐบาลทำทันทีทุกอย่าง ชู ยุติความขัดแย้งช่วงวัย ไม่มีลงถนน บริหารประเทศแบบไม่ชะงัก ‘อุตตม’ เผย ภารกิจด่วน กระตุ้นเศรษฐกิจ ‘สนธิรัตน์’ ตีปี๊บ ใช้กองทุนหมู่บ้านเสริมเข้มแข็งชุมชน ‘มิ่งขวัญ’ ย้ำ ลดราคาพลังงาน-ก๊าซแน่ อ้อน ปชช. ขอใจร่มๆ ฟังแล้วไปเลือกเบอร์ 37 ‘คณิศ’ โอ่ พรรคไม่แจกเงินคนรวย ‘ธีระชัย’ กางแหล่งที่มาเงิน ใช้ ‘ไฟแนนซ์นโยบาย’ ทุกโครงการเศรษฐกิจมหภาคโตหมด ‘นฤมล’ สานต่อบ้านประชารัฐ

(4 พ.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายคณิศ แสงสุพรรณ ร่วมกันแถลง 'สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พลังประชารัฐ'

พล.อ.ประวิตร แถลงว่า เหลืออีก 10 วันเท่านั้น จะมีการเลือกตั้ง ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่เราจะหาเสียงแล้ว ตลอดระยะเวลา 45 วันหลังจากที่รัฐบาลได้ยุบสภา เราได้หาเสียงกันมาตลอด 45 วัน มุ่งเน้นหาเสียงทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งนี้ 7 นโยบายของ พปชร.คือ 1. ก้าวข้ามความขัดแย้ง 2. ก้าวข้ามความยากจน 3. ลดความเหลื่อมล้ำ 4. สร้างสวัสดิการเข้มแข็ง 5. พลิกฟื้นเศรษฐกิจ 6. สร้างความเป็นธรรมของสังคม และ 7. พลิกโฉมการบริหารงานของภาครัฐ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยมีความรักใคร่ สามัคคีกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เมื่อประเทศมั่นคง ไม่มีขัดแย้งกันแล้ว จะเกิดความสงบสุข รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ ต่างประเทศจะมาลงทุนในประเทศไทย การค้าขายจะเจริญเติบโต ไม่มีการหยุดชะงักถ้าไม่มีประชาชนมาเดินในถนน เมื่อเราทุกคนมีความเป็นหนึ่งเดียว สามัคคีกัน จะสามารถบริหารประเทศไปได้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตนไม่สามารถทำให้คนไทยมีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันได้ การเมืองใครจะคิดอย่างไร อยู่พรรคไหน อยู่ไป ไม่ว่าอะไร แต่เมื่อเลือก ส.ส.มาแล้ว 400 เขต ให้ไปว่ากันในสภา จะแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมาย ไปว่ากันในเรื่องของสภา เพราะเป็นตัวแทนของประชาชน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนการบริหารประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาล เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประชาชน เมื่อบริหารประเทศโดยไม่มีอะไรติดขัด ไม่มีหยุดยั้ง ไม่มีการเดินถนน จะทำให้ประเทศชาติสามารถเดินไปได้ บริหารประเทศไปได้ ประชาชนไม่ชอบหรือ ถ้าเราทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เงินในกระเป๋าท่านดีขึ้น รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้โดยไม่ติดขัด จึงอยากฝากประชาชนทุกคนว่า ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศต่อไป ความขัดแย้งระหว่างรุ่นอายุ ทุกคนเป็นคนไทยทั้งนั้น ถึงเวลาที่เราจะต้องยุติสักที ฝากกับประชาชนว่าความเป็นคนไทยไม่ว่าจะอายุ หรือเพศไหน อย่างไรเป็นคนไทย ต้องมีความรักใคร่ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ประเทศจะได้เจริญรุ่งเรืองถ้าพวกเราก้าวข้ามความแย้งสำเร็จ มั่นใจว่าคนไทยกว่า 60 ล้านคน จะสามารถก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องน้ำ เรื่องที่ดิน ถ้ามีน้ำจะไม่มีแล้ง มีที่ดินจะไม่มีจน เราจะดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง หาที่ดินทำกิน ส่วนเรื่องน้ำ รัฐบาลทำมาตลอดสี่ปี ทำให้ประชาชนไม่มีแล้งเลย แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลที่ตนได้ดำเนินการมาสามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีฝนตกมากจะต้องมีน้ำหลาก ต้องมากันว่าในพื้นที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีน้ำหลาก ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต่างประเทศน้ำก็เดือดร้อนเพราะน้ำหลากเช่นกัน แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ รัฐบาลสามารถเยียวยาได้

นายอุตตม กล่าวว่า ภารกิจด่วนที่ต้องทำทันทีเมื่อ พปชร.ได้เป็นแกนนำรัฐบาล จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น ต้องเร่งเศรษฐกิจให้โต เพราะเศรษฐกิจประเทศไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาหลายปี จะแก้ปัญหาความยากจนด้วยการกระตุ้น นอกจากนี้ ต้องลดค่าใช้จ่าย โดยเรื่องค่าใช้จ่ายพลังงาน พปชร.พร้อมจะแก้ไขทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องราคา และเราจะแก้ไขภาระหนี้สินของประชาชนอย่างครบวงจร

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องการสร้างความเข้มแข็งนั้น สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ ใช้โครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน จะดำเนินโครงการที่ พปชร.เคยทำมาแล้วในอดีต จะผลักดันกองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ส่วนภาคเกษตร เราจะลดค่าใช้จ่าย คือ แก้ปัญหาปุ๋ยแพงทันที โดยโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง จัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ นอกจากนี้ จะให้ทุนการเพาะปลูก 3 หมื่นบาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการเกษตร คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน ส่วนนโยบายด้านสาธารณสุข จะเน้นสาธารณสุขเชิงป้องกันมากกว่าการรักษา โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามา มี รพ.สต.เป็นฐานหลัก

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีปัญหาค่าครองชีพ ทุกคนเดือดร้อนกันหมด เริ่มจากน้ำมัน พปชร.จะลดราคาน้ำมันเบนซิลิตรละ 18 บาท ดีเซลลดลิตรละ 6.30 บาท ไม่ว่าน้ำมันโลกจะขึ้นหรือลง เมื่อ พปชร.ได้ขึ้นเป็นรัฐบาลจะทำทันที ส่วนเรื่องแก๊ส หลังวันเลือกตั้งถ้า พปชร.ได้ขึ้นมาบริหารจัดการ ราคาค่าไฟฟ้าครัวเรือนจะอยู่ที่ 250 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 2.70 บาทต่อหน่วย พปชร.จะทำให้ค่าครองชีพลดลง นอกจากนี้ จะผลักดันนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ โดยอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท อายุ 70 ปี ขึ้นไปได้ 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไป ได้ 5,000 บาท ทั้งนี้ เหลืออีก 10 วันจะเลือกตั้งแล้ว ขอให้คนไทยใจเย็นๆ ใจร่มๆ ฟังดรีมทีมเศรษฐกิจของเรา และถามตัวเองว่าใช่สิ่งที่ท่านต้องการหรือไม่ ถ้าใช่ขอให้เลือกเบอร์ 37 ด้วย

นายสันติ กล่าวว่า สำหรับนโยบายอีสานประชารัฐ อีสานเป็นภาคที่มีความสำคัญ เป็นภาคที่มีประชากรมากที่สุด มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมจำนวนมากและมีแรงงานมากที่สุด ถ้าพัฒนาอีสานได้จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ตลาดโลก เป็นความคิดที่จะดูแลภาคอีสาน เป็นความตั้งใจที่ชาญฉลาดในการพัฒนาประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวอีสาน อีสานประชารัฐ คือ การพัฒนาอีสาน เริ่มต้นจากการที่จะมีโครงการรถไฟความเร็วปานกลางวิ่งตั้งแต่ จ.บึงกาฬ มาถึงภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่อีอีซี

นายคณิศ กล่าวว่า นโยบายของ พปชร.คือ ไม่แจกเงินคนรวย เพื่อให้ทุกคนกลับฟื้นคืนมา ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ทั้งนี้ สำหรับนโยบายระยะยาวนั้น เราจะทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ใน 5 จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับดี ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ทำให้ทุกคนดีขึ้น ตอนนี้เราทำแผนกันไว้แล้ว

'ตำรวจไซเบอร์' รวบหนุ่มเก็บทุเรียน ทำชาวบ้านผวา เสพยา โชว์ปืน

ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำหมายค้นเข้าตรวจค้นจับกุม หนุ่มรับจ้างเก็บทุเรียน พร้อมของกลางยาเสพติดและอาวุธปืน สารภาพเงินนำเงินไปซื้อยาเสพติด มีพฤติกรรมชอบนำปืนออกมายิงโชว์ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน

ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ รักษาความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 4-13 พฤษภาคม 2566 นั้น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการสืบสวนหาข่าว ปราบปราม จับกุม ขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีอาชญากรรมทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และอาวุธสงคราม    

จากการสืบสวนของ ชุดสืบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พบว่า นายมอส (นามสมมติ) พักอาศัยอยู่ที่ หมู่ 9 ตำบลวังใหม่ อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี   มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยมักจะมีคนแปลกหน้าต่างถิ่นมามั่วสุมที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ ประกอบกับนายมอส มักจะนำอาวุธปืนออกมาโชว์และยิงเล่นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในละแวกดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.4 บก.สอท.1 สืบสวนจับกุมอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน

‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม ‘พปชร.’ กระแสดี มั่นใจ!! นโยบายกินขาด ลั่น!! พร้อมจับมือทุกพรรค หากนโยบายต้องตรงกัน

(4 พ.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังแถลงสรุปภาพรวมนโยบายของพรรค พปชร.ถึงถึงเรตติ้งความนิยมของพรรคที่เพิ่มขึ้น หลังนำทีมแกนนำนั่งรถไฟลงพื้นที่ ว่า ดีใจ ถ้าผู้สื่อข่าวสนับสนุน พรรค พปชร.ก็ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 9 วัน จะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป มากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะว่าพร้อมก็พร้อม แล้วแต่ประชาชนจะเลือก ถ้าเลือกตนก็พร้อม

เมื่อถามว่า ได้ดูกระแสตอบรับของพรรคในโซเชียล มีเดียบ้างหรือไม่ พล.อ.ไม่ได้ดูเลย

เมื่อถามว่า มองนโยบายภาพรวมแล้วมีความมั่นใจอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ประกาศออกไป มั่นใจว่าเราทำได้ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลก็ทำได้ทันที เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายจะมีอะไรมาตีตื้นคะแนนเป็นหมัดเด็ดหมัดน็อกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อนั่นแหละ สื่อจะเลือกหรือเปล่า ถ้าคุณเลือกก็ได้

เมื่อถามว่า หลายพรรคเริ่มมีการตีกันจะไม่จับขั้วรัฐบาล โดยระบุว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งที่จะไม่จับมือด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร “ใครไม่จับผมก็อยู่คนเดียว” ถ้าได้ 300 กว่าเสียงแล้วจะไปจับกับใครล่ะ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะเลือกใคร ถ้าเขาอยากพูดก็พูดกันไป เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องเชื่อมั่นในประชาชน ต้องไว้ใจประชาชนว่าเขาจะเลือกใคร

เมื่อถามว่า ผลโพลที่ออกมาขณะนี้แสดงว่าเชื่อไม่ได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โพลใครก็ทำได้ ก็เป็นความคิดของคน ได้ไปถามทุกบ้านหรือเปล่า ถามทุกคนหรือเปล่า แล้วทุกคนตอบหรือเปล่า มันก็อย่างนี้แหละโพลก็คือโพล เมื่อถามว่า จากการลงพื้นที่และได้สัมผัสประชาชนโดยตรง รวมถึงกระแสพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ จะทำให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน จะไปคิดข้างหน้าได้อย่างไร สื่อคิดก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่เชื่อมั่นในประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เชื่อมั่น ตนลงพื้นที่มาตลอดทั้งปี พื้นที่เขาก็ต้อนรับตน ไม่เห็นมีใครมาด่าเลย

‘ชพก.’ เปิดปราศรัยแฟลตคลองจั่น อ้อนชาวบ้าน หนุน ‘ธาม’ เข้าสภาฯ ลั่น!! พร้อมทุบทุนผูกขาด กระจายรายได้สู่ฐานราก สร้างโอกาสให้ ปชช.

(4 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และทีมผู้สมัคร ส.ส.ประกอบด้วย นายพรชัย มาระเนตร์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ผู้สมัคร เขตลาดพร้าว บึงกุ่ม เบอร์ 3 นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ผู้สมัครเขต พญาไท ดินแดง เบอร์ 11 ลงพื้นที่บางกะปิ เพื่อช่วยนายธาม สมุทรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บางกะปิ-วังทองหลาง เบอร์ 8 หาเสียง และจัดเวทีปราศรัยย่อยที่แฟลตคลองจั่น โดยมีผู้สนใจรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งสิ้น และมีความตั้งใจที่ตรงกันคือ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่เราจะไม่ทำแบบการเมืองเก่า ตนในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ เติบโตจากธุรกิจเครื่องเขียนห้องแถว ที่เกือบล้มละลาย เติบโตจนเป็นธุรกิจเครื่องเขียนยักษ์ใหญ่มีรายได้หมื่นล้านในเวลา 30 ปี ผ่านมาหลายวิกฤตทั้งในประเทศและนอกประเทศ และยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมอีคอมเมิร์ซขึ้นมา 20 ปี ก่อนได้เตือนรัฐบาลว่าให้สนับสนุนอีคอมเมิร์ซของคนไทยไว้ เพราะไม่เช่นนั้นสักวันเราจะไม่เหลืออยู่เลย

ซึ่งวันนี้ก็เป็นจริง เราสูญเสียเอกราชแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ให้กับต่างชาติไปเป็นที่เรียบร้อย อำนาจอยู่ในมือบริษัทข้ามชาติทั้งสิ้นเขาจะกำหนดเงื่อนไขอย่างไร เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มจองโรงแรม ผู้คิดค้นคนแรก ๆ ของโลกเป็นคนไทย แต่รัฐบาลไทยไม่เข้าใจไปเก็บภาษีเขาแพงทำให้อยู่ไม่ได้ จนต้องขายให้กับ agoda จนปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลกไปแล้ว เราต้องสูญเสียรายได้ที่ต้องจ่ายให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ถึงปีละ แสนกว่าล้านบาท นี่เพียงแพลตฟอร์มเดียว และยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มที่เราสูญเสียไป อย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะเรามีรัฐบาลที่ไม่เข้าใจ

นายวรวุฒิ กล่าวว่า นักธุรกิจไทยเก่งจนต่างชาติยกย่อง เขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศไทยดีทุกอย่างยกเว้นการเมือง เรากลายเป็นคนป่วยของเอเชีย การเติบโตทางเศรษฐกิจของคนไทยถดถอยมาตลอดหลายปี เพราะการเมืองรังแกประเทศ นั่นคือจุดที่เราอยากมาทำงานการเมือง เราเห็นพรรคการเมืองทำหลายเรื่อง แบ่งขั้ว ซ้าย ขวา ความจริงมันไม่มีอะไรซ้ายขวาจริง ๆ ในทางการเมือง สิ่งที่เราต้องกลัวคือ คนขี้โกง พวกนี้ต่างหากที่ทำให้ประเทศมีปัญหา พรรคชาติพัฒนากล้าจึงประกาศชนทุนผูกขาด ที่ไม่เอื้อให้คนตัวเล็กเติบโตลืมตาอ้าปากได้ ทั้งพลังงาน สินเชื่อ ภาษี ตลอดจนระบบราชการ เราจะทำระบบคู่ขนานโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้มีการตรวจสอบโปร่งใส

นอกจากนี้ ยังเราหารายได้จากธุรกิจเฉดสี 5.5 ล้านล้านบาท เราไม่เน้นประชานิยมแจกเงิน เพราะเวลานี้ประเทศเราไม่ได้มีเงินมากมาย และไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตเหมือนช่วงโควิดที่ผ่านมา พรรคเรามีคุณกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคที่มีประสบการณ์ตรงจากการแก้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบทั่วโลกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณกรณ์ ก็เคยใช้วิธีการแจกเงิน พร้อมไปกับการกู้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยสามารถพลิกจีดีพีติดลบ 2.7% ขึ้นมา 7.8% ได้ภายใน 1 ปี จนได้รับการยกย่องให้เป็น รมว.คลังโลก และวันนี้เราก็พร้อมนำประสบการณ์มาแก้วิกฤตให้พี่น้องประชาชน

“วันที่ 14 พฤษภาคม ท่านใช้สิทธิของท่านด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ท่านจะเลือกพรรคไหนเราเคารพการตัดสินใจ เพราะเราได้เสนอตัวให้เป็นทางเลือกกับท่านแล้ว แต่อย่าเลือกด้วยความกลัวว่าเลือกคนนี้เพราะกลัวคนนั้นจะมา โดยไม่สนใจนโยบายหรือคุณภาพของตัวบุคคล เราจะเสียโอกาสในการได้ผู้แทนที่ดีเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน แต่ถ้าอยากได้คนอย่างคุณกรณ์ หรือผม เข้าไปทำงานในสภา 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า” นายวรวุฒิ กล่าว

นายธาม กล่าวว่า ตนเป็นคนรุ่นใหม่อายุ 28 ปี แต่มีประสบการณ์มากพอในการทำธุรกิจ และได้ลงพื้นที่บางกะปิ มานานจนผูกพัน เห็นความยากลำบาก เห็นปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในบ้าน มันยิ่งตอกย้ำปมในใจที่ตนได้เสียคุณทวดไป เพราะล้มในบ้านของตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาที่ตนตัดสินใจนำเสนอนโยบาย อารยสถาปัตย์ ซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุและคนพิการ กับนายกรณ์ และเสนอตัวขอลงสมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง เพื่ออาสาเป็นตัวแทนที่จะไปต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตของชีวิตของพี่น้องประชาชน เพราะลำพังเป็นนักธุรกิจบ้านจัดสรรอย่างเดียว แม้จะทำบ้านดี ๆ ให้กับประชาชนได้ แต่ไม่สามารถช่วยในภาพใหญ่ได้ ดังนั้นวันนี้ ไม่ว่าจะเหนื่อย ลำบากแค่ไหนก็จะไม่ท้อ และจะสู้เต็มที่ เพราะถ้าตนชนะ ทุกคนก็จะชนะ เพราะตนทำจริง และก็ดีใจที่นายกรณ์ รับข้อเสนออารยสถาปัตย์เป็นนโยบายหลักของพรรค ที่จะขยายผลซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทั่วประเทศ

นายธาม กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนคนธรรมดา คือ ทุนผูกขาด ประเทศเราเคยเป็นประเทศแห่งโอกาส มีคนจีน มุสลิม ตลอดจนคนไทย ได้สร้างเนื้อสร้างตัวในประเทศนี้ได้เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันระบบไม่เอื้อ เพราะเรามีกำแพงเศรษฐกิจจากทุนผูกขาด น้ำมันแพง ไฟแพง ต้นเหตุทุกอย่างแพงหมด กระทบต่อค่าครองชีพ รัฐบาลทำสัญญาซื้อไฟเกินความต้องการ เพราะเอื้อทุนใหญ่ พรรคชาติพัฒนากล้า จะยึดอำนาจจากทุนใหญ่ ทุบทุนผูกขาดทุกรูปแบบ เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน มีบันไดถีบตัวเองให้มีฐานะทางสังคมได้ คนตัวเล็กแข่งขันกับคนตัวใหญ่ได้ พรรคเราไม่มีนโยบายซื้อเสียง ไม่มีประชานิยม แต่แจกโอกาส  ให้ทางประชาชนหารายได้ตั้งตัวได้

ชวน หลีกภัย นำ นิพนธ์-มาดามเดียร์-ดร.เอ้ ลุยชายแดนใต้ แฟนคลับรอส่งกำลังใจแน่นสองข้างทาง

ด้านโต๊ะครู ผู้นำศาสนา สายบุรี นำคณะต้อนรับเพื่อขอบคุณสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีได้อุดหนุนร.ร.เอกชนสอนศาสนา พลิกโฉมจนถึงวันนี้ เผย “ท่านชวน เป็นบุคคลที่พวกเราไม่ควรลืม” ที่ สุไหงโก-ลก คณะกรรมการศาลเจ้าโต๊ะโมะ ดีใจ เตรียมจัดเลี้ยงรับรองฯ

นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ และศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อขอคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดปัตตานี เขต 1 นายสนิท  นาแว หมายเลข 8 ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยเริ่มตั้งขบวนจากโรงแรม ซี เอส ปัตตานี เลี้ยวซ้ายเข้าในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี  ผ่านใจกลางเมือง ต่อจากนั้นนายชวน หลีกภัยและคณะ เข้าสักการะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งตลอดสองข้างทางได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้ส่งเสียงให้กำลังใจ มอบดอกไม้ ให้กับนายชวน หลีกภัย และคณะจำนวนมาก    

จากนั้น คณะของนายชวน หลีกภัย พร้อมด้วยนายยูนัยดี วาบา ผู้สมัครปชป.หมายเลข 6 ได้เดินทางต่อไปยังบริเวณตลาดปาลัส ของอำเภอปะนาเระ และ เขตเทศบาลเมืองตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน โดยที่อำเภอสายบุรี นั้น มีโต๊ะครู ผู้นำศาสนา ครูและบุคลากรของโรงเรียน นำโดย ดาโตะนิเดร์ วาบา เจ้าของโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา รอให้การต้อนรับเพื่อแสดงความขอบคุณท่านชวน หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า “ท่านชวน หลีกภัย เป็นบุคคลที่พวกเราไม่ควรจะลืม เพราะว่าในช่วงที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีและในสมัยรัฐบาลของท่าน ผมและคณะได้เข้าพบ และได้อุดหนุนให้กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านก็ได้รับหนังสือและได้พิจารณาให้การอุดหนุนกับโรงเรียนเอกชน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของท่านจนถึงทุกวันนี้ เป็นการพลิกโฉมโรงเรียนเอกชนสอน
ศาสนาอิสลามในด้านวิชาการสามัญและศาสนาพัฒนาโรงเรียนเอกชนฯ ให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกับโรงเรียนต่างๆในภาครัฐ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้นตามลำดับ ทำให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก”
ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

จากนั้นในเวลา 17.30 คณะฯพร้อมด้วยผู้สมัครเขต1 นราธิวาส นายวัสสันต์ ดือเร๊ะ หมายเลข 6 ได้ขึ้นรถหาเสียงขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่อย่างอบอุ่นจนกระทั่งเวลา 18.45น  เดินทางต่อไปยังอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสเพื่อพบปะกับคณะกรรมการศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ที่มีความรู้สึกดีใจและเตรียมจัดเลี้ยงเพื่อต้อนรับนายชวน หลีกภัย และคณะในการมาเยี่ยมเยียนอีกด้วย


นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

‘สุรพงษ์’ ชู ดันอุตฯ หนังไทย เป็น soft power สู่เวทีโลก ใช้ศักยภาพดึงดูดนักลงทุน-สร้างรายได้ นำพาประเทศพ้นความจน

(4 พ.ค. 66) นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีรับฟังปัญหาและแสดงวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ที่ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 5 Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถึงแนวทางให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยว่า วงการภาพยนตร์ไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว แต่รัฐฯ ต้องเข้าไปช่วยพัฒนาในส่วนของ 4M คือ man (ทรัพยากรมนุษย์), money (เงินทุน), management (การบริการจัดการ) และ material (วัตถุดิบ)

นายสุรพงษ์ขยายความว่า ปัญหาด้านการบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดที่จะตั้ง ‘Thailand Creative Public Agency’ ขึ้นมา เป็นองค์กรที่แยกออกจากส่วนราชการ เพื่อให้การทำงานมีความยืดหยุ่นและต่อเนื่อง มี พ.ร.บ. รองรับ เพื่อให้มีอำนาจและงบประมาณที่ชัดเจน ที่สำคัญองค์กรดังกล่าวจะต้องได้รับความสำคัญจากรัฐบาล และมีตัวแทนของภาคเอกชนเข้าไปร่วมขับเคลื่อน เช่น สนับสนุนให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน สร้างองค์ความรู้ เช่าโรงภาพยนตร์เพื่อฉายภาพยนตร์ไทยทุกจังหวัด

ส่วนปัญหาเรื่องเงินทุนและทรัพยากรมนุษย์นั้น สุรพงษ์กล่าวว่า แก้ไขได้ด้วยการผลักดันให้โกอินเตอร์เพื่อดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทุนจะดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาด้วยค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดว่า วัตถุดิบอย่างบทภาพยนตร์ควรถูกนำมาตีมูลค่าเป็นทรัพย์สิน เพื่อให้นำไปใช้ในการดำเนินการทางธุรกิจการเงินต่าง ๆ ได้ 

“ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลต้องมีความเจตจำนงทางการเมือง นายกรัฐมนตรีต้องสนใจและทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ลำพังรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมแก้ปัญหาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไม่ได้” นายสุรพงษ์ เสริม


ที่มา : https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0s6F3Aw9HhniVppJqhwCmaW4Bh7VSRuUHnSc39jovkktKzRGh1L3WSHci7U9FqZY7l

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สงขลา ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 9 เขตของจังหวัดสงขลา ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>>เขต 1 อำเภอเมืองสงขลา
>>เขต 2 อำเภอหาดใหญ่ (เฉพาะตำบลหาดใหญ่ และตำบลคลองอู่ตะเภา)
>>เขต 3 อำเภอนาหม่อม อำเภอหาดใหญ่ (เฉพาะตำบลบ้านพรุ, ตำบลคอหงส์, ตำบลพะตง, ตำบลทุ่งใหญ่, ตำบลท่าข้าม และตำบลน้ำน้อย) อำเภอจะนะ (เฉพาะตำบลคลองเปียะ และตำบลจะโหนง)
>>เขต 4 อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร (เฉพาะตำบลม่วงงาม, ตำบลบางเขียด ตำบลชะแล้, ตำบลรำแดง และตำบลวัดขนุน)

‘จุรินทร์’ นำทีม ‘ปชป.’ ปราศรัยใหญ่ อ้อนขอคะแนนชาวพิจิตร ลั่น!! ‘ปชป.’ พาประเทศชาติรอดได้ ย้ำ!! เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

‘จุรินทร์-ไพฑูรย์-นราพัฒน์’ ปราศรัยใหญ่พิจิตร ชูเลือกประชาธิปัตย์พาชาติรอด

(3 พ.ค. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ แก้วทอง ราษฎรอาวุโสของชาวจังหวัดพิจิตร อดีต ส.ส. และรัฐมนตรีหลายกระทรวง นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย) นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนล่าง มาร่วมกันขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่บริเวณโรงเรียนตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 พล.ท.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ เบอร์ 3 เขต 2 พ.ต.ท.สามารถ แก้วทอง เบอร์ 6 เขต 3 นายวรวุธ แก้วทอง เบอร์ 1

โดยบรรยากาศในวันนี้ นอกจากมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนล้นสนามกีฬาโรงเรียนแล้ว ชาวพิจิตรยังเข้ามาขอถ่ายรูป มอบพวงมาลัย ดอกกุหลาบ เพื่อเป็นกำลังใจให้นายจุรินทร์อย่างคับคั่ง

นายจุรินทร์ ได้กล่าวปราศรัยว่า มาถึงวันนี้เหลือเวลาเพียง 10 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้นจึงถึงเวลาที่พี่น้องต้องตัดสินใจ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ขอให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.มากที่สุดสำหรับเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องได้มากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสแลนด์สไลด์ยาก ตามที่มีนักวิเคราะห์ รวมทั้งผลสำรวจโพลบอกตรงกันว่า เที่ยวหน้าจะไม่มีพรรคการเมืองไหนแลนด์สไลด์เลยแม้แต่พรรคเดียว ดังนั้นเมื่อไม่มีพรรคไหนแลนด์สไลด์ก็แปลว่าไม่มีพรรคไหนจะสามารถรวมเสียงข้างมากเพื่อตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ซึ่งเท่ากับว่าทุกพรรคจะมีโอกาสตั้งรัฐบาลได้พอ ๆ กัน ดังนั้นทุกเสียงจึงมีความหมายสำหรับประชาธิปัตย์

‘อุ๊งอิ๊ง’ ฟาดสายปั่น!! มุ่งใช้เทคนิคทางการเมืองไม่เลิก ทั้งที่ ‘เพื่อไทย’ พูดหลายรอบ ไม่จับมือ ‘พปชร.-รทสช.’

(3 พ.ค. 66) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรืออุ๊งอิ๊ง ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นที่มีคนบางกลุ่ม ออกมาปั่นกระแสถึงปมการจับมือ ของพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำชัด ไม่จับมือ โดยระบุว่า...

“อิ๊งไม่เข้าใจเลย และไม่ทราบเลยว่าเป็นกระแสของพรรคคู่แข่งหรือเปล่าที่พยายามปั่นว่าเราไม่ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่มันชัดเจน จนไม่รู้จะชัดยังไง ทุกคนได้ออกไปพูด ไม่ใช่แค่ตัวอิ๊งค์ด้วยซ้ำ คุณเศรษฐาเองก็พูด ผู้ใหญ่ในพรรคเองก็พูด ว่าเราจะไม่จับมือ แต่ก็ยังปั่นก็อยู่ว่าไม่ชัดเจน”

อุ๊งอิ๊ง ได้เสริมว่า “คงเป็นหนึ่งในเทคนิกทางการเมือง ก็เลยไม่ทราบว่าถ้าวันนี้ยืนยันแบบนี้ จะยังปั่นกระแสกันอยู่ไหม ยังจะปั่นขึ้นอยู่หรือเปล่า”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top