Friday, 6 June 2025
SPECIAL

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

สมุทรปราการ - ชื่นมื่น ! รับนายกคนใหม่ ”อรัญญา สุวรรณบุตร” นั่งนายกเทศมนตรี ลั่น...งานแรกเร่งพัฒนาด้านการศึกษา

ที่อาคารเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เดินทางเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาเป็นวันแรก พร้อมด้วยคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา โดยในช่วงเช้าได้นำคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา (สท.) เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นวันแรก หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล ที่มีการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม

โดยในวันนี้เป็นการเข้ารับตำแหน่งวันแรกของนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา นับว่าเป็นนายกหญิงคนแรกที่ได้นั่งตำแหน่งนายกเทศมนตรี และเป็นนายกเทศมนตรีลำดับที่ 2 ต่อจาก ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาที่ได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ ในนามพรรคพลังประชารัฐ กระทั่งชนะการเลือกตั้งได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ นับว่าการทำงานที่ผ่านมาของ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส. สมุทรปราการ ในขณะที่เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นับว่ามีผลงานที่โดดเด่น กับวิสัยทัศน์ที่กว้างใกล พัฒนาท้องถิ่นในเขตแพรกษาให้มีความเจริญก้าวหน้า รวมถึงการพัฒนาในด้านการศึกษา จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการไว้วางใจของประชาชนโดยทั่ว

กระทั่งมีการวางตัวนางอรัญญา สุวรรณบุตร (ภรรยา)ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เพื่อขับเคลื่อนและสานต่องาน จนได้รับการไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในเขตแพรกษา กับวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นจนได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กระทั่งล่าสุดได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสเข้ามาทำหน้าที่นายกเทศมนตรี และพร้อมที่จะขับเคลื่อนแผนงาน และพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป อีกทั้งยังมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านการศึกษา เป็นอันดับแรก รวมถึงการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่แพรกษาเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

อยุธยา - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก เร่งตรวจหาผู้สัมผัสในตลาดวังน้อยเมืองใหม่ พร้อมขอความร่วมมือชาวอยุธยา ให้สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ยืนยันจับปรับแล้ว 2 ราย ไม่สวมหน้ากากเข้าตลาดสดบางปะหัน

วันที่ 26 เมษายน ที่ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ อ.สังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้แทน สปสช และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศุภมิตร เสนา และทีมสาธารณสุขที่ออกตรวจ ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding) ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ หลังจากที่พบแม่ค้าในตลาดดังกล่าว เป็นผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จึงปิดตลาดพร้อมจัดจุดค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding)ในครั้งนี้ เพื่อควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาด โดยมีเป้าหมายผู้ค้าและลูกจ้าง จำนวน 600 ราย

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 25 เมษายน ว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง สายสุนี ยมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลา 13.30 น.  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขณะปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พบเห็นชาย 2 คน ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ที่บริเวณตลาดสดบางปะหัน ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เข้าไปแสดงตัวจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน เปรียบเทียบปรับ  ตามความผิด ข้อหา ไม่สวมหน้ากากอนามัย อันเป็นความผิดตามคำสั่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 1779/2563 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2563 ประกอบมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558  พนักงานสอบสวน สภ.บางปะหันได้ทำการเปรียบเทียบปรับไป คนละ 500 บาท

ทั้งนี้ นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีคำสั่งที่ 1496/2563 ลงวันที่ 5 พ.ค. 2563 สั่งให้ประชาชนทุกคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถาน หรือขณะอยู่นอกเคหะสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่นหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใดๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2548


ภาพ/ข่าว  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา / สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ประจวบคีรีขันธ์ - พิธีเปิด “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับนำไปมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงห่วงใยและทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ จึงพระราชทานพระราชานุญาตให้สภากาชาดไทย โดย สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดตั้ง “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” ณ สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2564 เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับนำไปมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยในวันนี้ (27 เมษายน 2564) นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด เป็นประธานในพิธีเปิด “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” มอบอาหารพระราชทาน จำนวน 3,000 ชุด ให้แก่ผู้แทนในอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แบ่งเป็น อำเภอหัวหิน จำนวน 1,500 ชุด อำเภอสามร้อยยอด จำนวน 200 ชุด อำเภอปราณบุรี จำนวน 200 ชุด อำเภอกุยบุรี จำนวน 200 ชุด อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 300 ชุด อำเภอทับสะแก จำนวน 200 ชุด อำเภอบางสะพาน จำนวน 200 ชุด และอำเภอบางสะพานน้อย จำนวน 200 ชุด ณ สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเดินทางไปเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จำนวน 5 ราย เพื่อมอบอาหารพระราชทาน น้ำดื่ม และชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนที่ได้รับอาหารพระราชทานและต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

อาหารปรุงสุก จากครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย จะแจกจ่ายไปยังประชาชนในพื้นที่อำเภอหัวหิน อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ปราณบุรี ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย กุยบุรี และสามร้อยยอด  โดยการผลิตคำนึงถึงการบริหารจัดการครัวที่เน้นความสะอาด ถูกสุขลักษณะ อาหารปรุงสดใหม่ มีคุณภาพ ในส่วนของผู้ประกอบอาหารแต่งกายตามมาตรฐาน คือ สวมหมวกคลุมผม สวมผ้ากันเปื้อน สวมหน้ากากอนามัย และสวมถุงมือ รวมถึงในการการแจกจ่ายอาหารพระราชทาน ได้จัดให้มีการจัดระเบียบการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ขณะเดียวกัน นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เหล่ากาชาดจังหวัดที่มีการตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโควิดรวมทั้งมีผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ ซึ่งพักกักตนเองอยู่ในบ้านพักและไม่สามารถหุงหาอาหารได้เอง โดยได้รับการร้องขอจากส่วนราชการจังหวัด ให้เปิดครัวเพื่อปรุงอาหารให้แก่ผู้ป่วยทั้งที่โรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้เหล่ากาชาดจังหวัดจะได้ประสานงานกับสถานีกาชาดพื้นที่ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ซึ่งกำลังทยอยเปิดครัวพระราชทานเช่นเดียวกัน ด้วย เช่น เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ และเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา เป็นต้น

โอกาสนี้สภากาชาดไทยขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคในโครงการ “พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19” เพื่อมอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารในระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 023-6-06799-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามเพิ่มเติม โทร.1664

สุรินทร์ - รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน มทบ.25 เตรียมพร้อมการปฏิบัติงานภายในห้องควบคุมความดันลบ และ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก

วันที่ 26 เมษายน 2564 โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดย  พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน เตรียมความพร้อมการปฏิบัติงานภายในห้องควบคุมความดันลบ ซึ่งเป็นห้องที่สามารถคัดแยกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดย มีเตียงรับรองผู้ป่วย จำนวน 12 เตียง ซึ่งแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาล ได้ใช้ระบบกล้องวงจรปิดทำให้สามารถติดตามอาการผ่านจอมอนิเตอร์และ Application ผ่านทางมือถือได้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง ของแพทย์และพยาบาล ในการปฏิบัติงานและการเฝ้าติดตามอาการผู้ติดเชื้อ ซึ่งห้วงที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้มีการทดลองใช้งานกับผู้ป่วยมาแล้ว 2 ราย ทำให้ แพทย์และพยาบาล มีความมั่นใจ และมีความรู้ปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

ด้าน พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามกองทัพบก  เพื่อดูแลรองรับ กำลังพลและครอบครัว และประชาชน ที่ติดเชื้อและมีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ รวมทั้งผู้ที่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาและอาการทุเลาลงแล้ว เพื่อเป็นการลดภาระด้านการรักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลสาธารณสุขในจังหวัดสุรินทร์ได้ โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอยู่ 3 จุด คือ จุดที่1.เรือนรับรองค่ายวีรวัฒนโยธิน จำนวน 20 เตียง จุดที่ 2.สโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน จำนวน 30 เตียง และจุดที่ 3 กองกำลังสุรนารี 30 เตียง รวมเป็น 80 เตียง โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล จะทุ่มเท ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และทั้งนี้เนื่องด้วยเหตุการณ์โควิด-19 ที่จังหวัดสุรินทร์ ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในหอผู้ป่วยสามัญ ในโรงพยาบาลสุรินทร์ ในวันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 และวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564 จนทำให้บุคลากรทางการแพทย์ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยขณะให้การดูแลรักษา มีความเสี่ยงสูงและปานกลาง จำนวนทั้งสิ้น 42 ราย จึงจำเป็นต้องได้รับการกักตัว 14 วัน ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ (เสี่ยงสูง 23 ราย เสี่ยงกลาง 19 ราย) ทำให้อัตรากำลังในการปฏิบัติงานลดลง จึงขอให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจหรือรับการรักษาอย่าปกปิดข้อมูล เพราะจะทำให้กำลังแพทย์ที่ต้องดูแลลดลง ดังนั้นโรงพยาบาลสุรินทร์ จึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งข้อมูลและความเสี่ยงตามจริงกับเจ้าหน้าที่เสมอ เนื่องจากตรวจพบเร็ว การรักษาได้ผลดี ไม่กระจายวงกว้าง และที่สำคัญเจ้าหน้าที่สามารถเลือกเครื่องมือป้องกันให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นได้


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์  แสนกล้า

ระยอง - ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์เข็มที่ 2 พร้อมเร่งฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ลงทะเบียนไว้

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2564 ที่ รพ.ระยอง อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ อสม.เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า เดินทางมารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองตามกำหนดระยะเวลา หลังได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของ Sinovac ล็อตแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 5-9 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ได้รับการจัดสรรมา จำนวน 20,000 โดส

นายแพทย์ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผอ.รพ.ระยอง กล่าวว่า วันนี้เป็นการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ อสม.และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่สองของล็อตแรก ซึ่งจะมีการฉีด จำนวน 2 วัน ระหว่างวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ ที่ รพ.ระยอง และในวันที่ 28-30 เม.ย.จะฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ สำหรับบุลคากรทางการแพทย์ 6 คน ที่มีอาการอ่อนแรง ไม่ได้เกิดจากที่เป็นสโตรกแต่อย่างไร เกิดจากอาการข้างเคียง หรือ ISRR เกิดขึ้นได้ในระยะสั้นและหายเอง ซึ่งคนไข้หายเป็นปกติตั้งแต่ระยะแรกแล้ว ซึ่งการที่จะฉีดเข็มที่สองหรือไม่นั้นก็แล้วแต่คนไข้ หรือจะฉีดใหม่ และเปลี่ยนชนิดอื่นก็ได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้อยู่ระยะเวลาการฉีดเข็มที่ 1 และ 2 ก็มารับการฉีดได้ภายใน 4 สัปดาห์


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ศรีสะเกษ - มอบชุดกิ๊ฟเซ็ทป้องกันโควิด -19 จำนวน 20,000 ชุด สนับสนุนทีมผจญเหตุด่านหน้า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และทีม อสม.ในพื้นที่ทุกอำเภอ

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 64 ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ  นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบชุดกิ๊ฟเซ็ทป้องกันโควิด-19 ประกอบด้วยหน้ากากผ้าอนามัย และ สเปรย์แอลกอฮอล์ จำนวน 10,000.- ชุด ให้แก่นายแพทย์ทนง วีระแสงพงษ์  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และนายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อนำไปสนับสนุนทีมผจญเหตุที่เป็นปราการด่านหน้าในพื้นที่ทุกอำเภอ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และทีม อสม. ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายบุญประสงศ์ นวลสายย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย บุคลากร และเครือข่าย ทำการเร่งบรรจุสิ่งของ Sisaket gifts set Covid-19 ทั้งหมด 20,000 ชุด ในเบื้องต้นและเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการยับยั้งและควบคุมการแพร่กระจายโรค จึงส่งมอบก่อนจำนวน 10,000 ชุด นอกจากนี้ชมรมน้องพี่ศรีลำดวนยังได้สนับสนุนอาหารกลางวัน พร้อมเครื่องดื่มแก่บุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลศรีสะเกษอีกด้วย

นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า ชุดกิ๊ฟเซ็ทป้องกันโควิด 19 ทั้งหมด จำนวน 20,000 ชุด จะส่งมอบให้แก่อำเภอทั้ง 22 อำเภอ เพื่อทำการส่งมอบต่อไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลทุกแห่ง และมอบให้แก่ อสม. เพื่อนำไปใช้ในภารกิจเคาะประตูบ้านทุกหลังคา ติดตามสอบถามผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 18 จังหวัด หรือ จากพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการยับยั้งหรือควบคุมการแพร่กระจายของโรคโควิด -19  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้คำแนะนำการปฏิบัติในช่วงการกักตัวอย่างถูกวิธี จนครบ 14 วัน ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญและมีความเสี่ยงสูงของทีมผจญเหตุที่เป็นปราการด่านหน้าอย่างมาก  เพื่อให้ทีมงานจังหวัดศรีสะเกษมีความปลอดภัยเชื้อโรคไวรัสโควิด -19  ต่อไป


ข่าว/ภาพ บุญทัน  ธุศรีวรรณ  ศรีสะเกษ

ประจวบคีรีขันธ์ – พบผู้ป่วยโควิดสะสมทะลุ 1000 ราย บุคลากรการแพทย์เร่งฉีดวัคซีนโควิดเข็ม2 พบอาการข้างเคียงส่วนใหญ่ความดันสูงไม่ลด

วันที่ 26 เมษายน 64 ที่ห้องประชุมคีรีขันธ์ ชั้น 5 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ นายแพทย์พงษ์พจน์ ธีรานันตชัย ผอ.โรงพยาบาลฯ จัดให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โด๊สที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโด๊สที่ 1 รอบแรกเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยบริการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ อสม. ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.เมืองจำนวน 450 คน เป็นการฉีดวัคซีนของบริษัทซิโนแวค เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ใน จ.ประจวบฯ ไม่พบรายใดที่มีอาการรุนแรงหลังการฉีดวัคซีน พบแต่เพียงอาการมือเท้าเย็น แน่นหน้าอก เวียนหัว คลื่นไส้ และส่วนใหญ่ความดันสูงไม่ลด

นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมจำนวน 1,002 รายจากคลัสเตอร์ใหญ่สถานบันเทิงในพื้นที่ อ.หัวหินและ อ.เมือง อยู่ระหว่างรักษา 591 ราย รักษาหายแล้ว 409 ราย มีผู้ป่วยโควิดติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัด 18 ราย พบผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลมีอาการรุนแรง 18 ราย สำหรับกรณีที่มีผู้ป่วยติดเชื้อยังมีต่อเนื่องมีสาเหตุจากการติดเชื้อจากสถานที่ทำงานทั้งหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน การพบปะรับประทานอาหารร่วมกัน มีการติดเชื้อในครอบครัว การรวมกลุ่มของผู้สูงอายุ มีผู้ติดเชื้อให้ข้อมูลไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน และการติดเชื้ออาจเกิดจาการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ

สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการขอรับวัคซีนโควิด-19 สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความรุนแรงของอาการป่วยหากติดเชื้อ ขณะที่ในวันที่ 1 พ.ค.64 จะมีการเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกันทั่วประเทศผ่าน Line Official Account “หมอพร้อม” โดยสามารถเลือกวัน เวลา และโรงพยาบาลที่ต้องการเข้ารับการฉีดได้

นางศิริพรรณ กลีบจันทร์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบ เปิดเผยว่า ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ครั้งนี้เป็นเข็มที่ 2 ตั้งแต่ฉีดเข็มแรกจนถึงเข็มที่ 2 ร่างกายเป็นปกติดีไม่ มีอาการข้างเคียงใด ๆ ทั้ง2เข็ม รู้สึกมีความมั่นใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น จึงอยากแนะนำประชาชนนอกจากการฉีดวัคซีนแล้วก็ให้ป้องกันตัวเองให้ดี และก็อยากให้ประชาชนทุกคนมาเข้ารับการฉีดวัคซีน หากร่างกายมีความพร้อมไม่แพ้ตามข้อกำหนด การฉีดวัคซีนซึ่งมีความสำคัญที่สามารถช่วยฝ่าวิกฤตโควิดได้ จึงอยากให้ประชาชนมาเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยไม่ต้องกลัวผลข้างเคียง เพราะตั้งแต่ตนเองฉีดเข็มแรก และเข็มที่ 2 ไม่พบอาการข้างเคียงใด ๆ  

อยุธยา - ผู้ว่าฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตร ถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน

 

วันที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 08:00 น. ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.กระมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร ถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน พร้อมด้วย นางสรัลพัชร ประโมทะกะ นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด ดร.จิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี นางจุรีพร ขันตี วัฒนธรรมจังหวัดฯ เป็นผู้กล่าวรายงาน คณะสงฆ์ พระสงฆ์ 10 รูป นำโดย พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เจริญพระพุทธมนต์ อนุโมทนา ทั้งนี้ ภายในงานได้จัดจุดคัดกรองตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19

เนื่องด้วย วันที่ 29 เมษายน เป็นวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร จึงนับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า จะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดี ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูรสิริวิบูลยราชกุมาร ที่ทรงสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์ ในการนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ร่วมกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกซนและประชาชน จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีตักบาตรพระสงฆ์ และการจัดกิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูสยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2564 ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในวาระโอกาสสำคัญดังกล่าว พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ร่วมกันทำความดีถวายพระราชกุศล แสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และธำรงรักษาไว้ให้มั่นคงสืบไป


 ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานข่าวจากอยุธยา

พิจิตร - ส.ส.พรชัย พปชร.นำชุด PPE และอุปกรณ์มอบให้ รพ.พิจิตร ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่สู้โควิด-19

วันที่ 26 เม.ย. 64  นายพรชัย  อินทร์สุข  ส.ส.พปชร.พิจิตร เขต 1 ได้นำชุด PPE จำนวน 100 ชุด  ชุดกราวน์ 60 ชุด  เจลล้างมือ 1 ลัง  ไปมอบให้กับนายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เพื่อมอบส่งต่อให้กับ นายสุรชัย แก้วหิรัญ  ผอ.รพ.พิจิตร โดยทำพิธีมอบที่โรงพยาบาลพิจิตร เพื่อให้นำอุปกรณ์เหล่านี้มอบให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพิจิตร เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในระลอก 3 เดือนเมษายน 64  พบว่าขณะนี้จังหวัดพิจิตร มีผู้ป่วย มีผู้ติดเชื้อโควิดแล้วรวมจำนวน 41 ราย นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เนื่องจากมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับผู้ป่วยอีกจำนวนมากเกือบ 300 คน  ที่ต้องเข้าสู่ระบบการกักกันตัว 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการ

นายพรชัย  อินทร์สุข  ส.ส.พปชร.พิจิตร เขต 1 เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎรมองเห็นปัญหาและการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.พิจิตร แล้วรู้สึกชื่นชมในความเสียสละ รวมถึงห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์จำนวนเกือบ 40 คน ที่ต้องถูกกักตัวเนื่องจากตกเป็นกลุ่มเสี่ยง เหตุเพราะให้บริการผู้ป่วยที่บอกไทม์ไลน์ของตนเองไม่ชัดเจนและต่อมาจึงรู้ว่าติดเชื้อโควิด 19 โดย ส.ส.พรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่าขอให้เชื่อมั่นนโยบายของรัฐบาลที่พร้อมจะดูแลบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนชาวพิจิตรได้อย่างทั่วถึงแน่นอน


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ขอนแก่น – ผู้ว่าฯ ขอนแก่นเผยข่าวดี เตรียมรับจัดสรรวัคซีนลอตพิเศษปลายเดือนนี้ เน้นฉีดบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงด้านตรวจ 4 มุมเมือง และกลุ่มงานบริการเป็นอันดับแรก ขณะที่เดือน มิ.ย.ขอรับการจัดสรรอีก 400,000 โดส

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 เม.ย.2564 ที่โรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น แห่งที่ 1 (หอพัก 26 มหาวิทยาลัยขอนแก่น) นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำจิตอาสาพระราชทาน จ.ขอนแก่น ร่วมมอบเวชภัณฑ์ยา ,หน้ากากอนามัย,ชุดพีพีอี,น้ำยาฆ่าเชื้อและแอลกอฮอล์เจล ให้กับ รศ.นพ.ทรงศักดิ์  เกียรติชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข.สำหรับการใช้ในการปฎิบัติงานที่โรงพยาบาลสนาม ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาพรวมของจังหวัดขณะนี้วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 12 ราย ทำให้จำนวนยอดผู้ป่วยสะสมในการระบาดระลอกใหม่ ขณะนี้ รวม 325 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายขาดแล้ว 44 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 26 อำเภอของจังหวัดวันนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 281 ราย ขณะที่โรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น แห่งที่ 1 ที่หอพัก 26 มข. ซึ่งมีทั้งหมด 258 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทิ้งสิ้น 65 ราย ซึ่งในการบริหารจัดการ โรงพยาบาลสนามนั้น ขณะนี้มีการเตรียมแผนที่จะเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ที่อาคารเอนกประสงค์พุทธมณฑลอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ริม ถ.เลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธื ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 240 เตียง และขณะนี้ความคืบหน้าในการดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 90 และหากสถานการณ์ในภาพรวมไม่ดีขึ้น หรือหากจำนวนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 แห่งนี้แตะระดับไปเกินกว่า 200 คน โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ก็จะพร้อมต่อการเปิดใช้งานได้ทันที ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่และดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ต่อเนื่องทุกวัน

“ วันนี้สถานการณ์โดยรวมของจังหวัดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ เริ่มลดลง อาจจะมีสู่งขึ้นบ้างในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งการประเมินสถานการณ์นั้นจะทำแบบวันต่อวัน  โดยทีมสาธารณสุขจะดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างรัดกุม ตามนโยบายและมาตรการที่รัฐบาลกำหนด ขณะที่การฉีดวัคซีน รอบที่ 1 และรอบที่ 2 ที่จังหวัดได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้มีการฉีดครบถ้วนแล้วในเข็มแรก โดยเน้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานในด้านหน้าที่ประจำจุดตรวจ 4 มุมเมืองของจังหวัดเป็นสำคัญ ซึ่งในเข็มที่ 2 คาดว่าจะสามารถเริ่มฉีดได้ในวงรอบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคือประมาณกลางเดือน พ.ค.”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ได้รับข่าวดีเมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาให้ขอนแก่น ได้รับวัคซีนซิโนแวค รอบพิเศษ ที่จะส่งมายังจังหวัดในช่วงปลายเดือนนี้ โดยยังคงรอข้อสรุปว่าจะได้รับการจัดสรรมากน้อยเพียงใด ตามกลุ่มจังหวัดของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อนับรวมวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร ในรอบที่ 1 จำนวน 5,000 โดส รอบที่ 2 จำนวน 19,840 โดส และรอบพิเศษกำลังรอสรุปจากกระทรวงสาธารณสุข โดยในการฉีดนั้นจะเน้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ให้ครบทุกคน รวมไปถึง 4 กลุ่มตามที่ กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ขณะที่วัคซีนในรอบเดือน มิ.ย. ของแอสต้าเซเนก้า จังหวัดได้เสนอขอรับการจัดสรรจำนวน 400,000 โดสเพื่อฉีดให้กับกลุ่มบุคคลทั้ง 4 กลุ่มตามบัญชีรายชื่อ ซึ่งหากนับรวมวัคซีน ทั้ง 4 รอบ ที่ได้รับการจัดสรรนั้นเท่ากับว่าวขอนแก่นจะได้รับวัคซีนไปแล้วถึงร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งจังหวัด

ยะลา – ด่วน !! โควิดเบตงดับแล้ว 1 ราย พบมีโรคประจำตัวด้วย หลังได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง

พบมีโรคประจำตัว ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเบตง ด้วยอาการรู้สึกเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ มีไอ โดยแพทย์ได้วินิจฉัยเบื้องต้น Pneumonia  ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด หลังพบเชื้อ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 จึงทำการย้ายผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในตึกcohort ชองโรงพยาบาลเบตง ต่อมาผู้ป่วยได้เสียชีวิต ซึ่งผู้ป่วย มีโรคประจำตัว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.64ในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อให้การปฏิบัติการในการค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุกฯ และให้เป็นไปตามมาตรการ การควบคุมวิกฤตโควิด-19 อย่างเด็ดขาด  ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยได้ทำการยกระดับในการสแกนตัวบุคคลในการเดินทางเข้าพื้นที่เขตอำเภอเบตง ภายหลังจากมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จำนวน 8 ราย และมีเคสผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเสียชีวิตแล้ว 1 ราย ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 63 ปี 10 เดือน 

โดยผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ซึ่งผู้ป่วยมีประวัติเกี่ยวกับโรคไตวาย และได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยมีอาการ รู้สึกเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ มีไอ แพทย์ได้ทำการ วินิจฉัยเบื้องต้น  Pneumonia  โดยได้ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2564ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบเชื้อ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 จึงได้ทำการย้ายผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในตึก cohort ของโรงพยาบาลเบตง ต่อมา เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2564 เวลา 06.45 น.ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงและได้ทำการฌาปนกิจในวันเดียวกันทันทีโดยทีมแพทย์ไม่ให้ญาติเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการติดเชื้อ


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯ เปิดจวน ทำโรงครัวเลี้ยงแพทย์ พร้อมยกมาตรการป้องกันโควิดเทียบเท่า กทม.

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 11:00 น. ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้เปิดจวนผู้ว่าฯให้เป็นครัวทำอาหารช่วยเหลือแพทย์และบุคลาการทางการแพทย์รวมถึงคนไข้โควิด-19 เพื่อแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี พร้อมยกมาตราป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีให้เท่าเท่ากรงเทพมหานคร เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยวันที่ 23 เมษายน 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 41 ราย , วันที่ 24 เมษายน 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 58 ราย และ วันที่ 25 เมษายน 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 57 ราย ดังนั้น นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี จึงประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อออกคำสั่งจังหวัดปทุมธานี 3927/2564 ให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด มีคำสั่งให้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มเติม ดังนี้

ขอความร่วมมือประชาชนงดนอกออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก หลังเวลา 21.00 น.จนถึงเวลา 04.00 น.ของวันถัดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ , ให้งดการรวมกลุ่มดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกสถานที่ เว้นแต่การดื่มของสมาชิกภายในครอบครัวภายในที่พักอาศัย ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างถูกวิธีทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถานหรือสถานที่ทำงาน หรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ หรือสถานที่ใด ๆ สำหรับบุคคลซึ่งอยู่ในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานที่ทำงาน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น หรืออยู่รวมกันของคนหมู่มาก ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยด้วยทุกครั้งตลอดเวลา ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคในข้อนี้ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขอความร่วมมือให้มีการทำงานที่บ้าน (Work from Home) สลับวันทำงานให้เหมาะสม และให้งดการทานอาหารร่วมกันเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้ให้ยังคงปิดสถานที่ต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว ห้ามจัดกิจกรรม และมาตรการควบคุมที่จำเป็นตามที่มีคำสั่งไว้ก่อนหน้านี้ไว้เช่นเดิม

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และคนไข้ต้องได้รับการสนับสนุนอาหารการกินจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มอาหาร ซึ่งครัวของโรงพยาบาลไม่สามารถทำให้ทันเวลาได้ จึงได้เปิดครัวที่จวนโดยมีทางบริษัทซีพีแรม จำกัด มาช่วยทำอาหารเพื่อส่งมอบให้ทางโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยวันนี้ทำอาหารได้ 1,000 ชุด พร้อมขนม พี่น้องชาวปทุมธานีที่อยากทำบุญร่วมกันสามารถมาส่งกำลังใจกันที่จวนได้ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายทุกคนมีส่วนช่วยเหลือแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ได้ เพื่อแบ่งเบาภาระให้ทางโรงยาบาลดูแลคนไข้มากขึ้น ในส่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยช่วงเช้าได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ โดย 3 วันที่ผ่านมานี้มีจำนวนผู้เชื้อเชื้อที่ทรงตัว สามารถแบ่งผู้ติดเชื้ออกเป็น 3 ประเภทประกอบด้วย

1.เป็นคนปทุมธานี

2.เป็นคนที่เข้ามาทำงานในจังหวัดปทุมธานี

3. เป็นคนจากต่างจังหวัดแต่เดินทางมาขอตรวจที่จังหวัดปทุมธานี

ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อ 3 วันที่ผ่านมาจึงเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลถือว่ายังสามารถดำเนินการได้ไหว ทางจังหวัดปทุมธานีมีโรงพยาบาลสนามที่ธรรมศาสตร์ สบยช. มทร.ที่อนุเคราะห์สถานที่ทำโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นแล้วเพื่อพักฟื้นก่อนกลับบ้าน เรามั่นใจว่าสามารถควบคุมโรคได้เนื่องจาก 3 วันที่ผ่านมาไม่มีผู้ติดเชื้อมาจากแหล่งบันเทิงแล้ว แต่ผู้ติดเชื้อที่ปรากฏนั้นเป็นผู้ที่ติดมาจากผู้ที่ไปแหล่งบันเทิงที่ยังมีอยู่ ส่วนมาตรการที่เราได้ทำร่วมกันมี 4 ด้าน คือ

1.การป้องกัน ได้มีการยกระดับการป้องกัน

2.การค้นหา มีทางประกันสังคมได้จัดจุดสวอพที่วิทยาลัยอาชีวะ คนที่มีประกันสังคมในจังหวัดปทุมธานีจำนวน 600,000 คน สามารถเดินทางมาตรวจได้ฟรี จากนั้นมีโรงพยาบาลการุญเวช รับผู้ที่เป็นคนไข้ โดยทางจังหวัดได้ประสานโรงแรมทำเป็นโฮสพิเทลเพื่อให้การค้นหาได้เต็มความสามารถ

3.การรักษา เราได้คุยกับบุคลากรทางการแพทย์ ทราบว่ามีการแยกอาการผู้ป่วยชัดเจน โดยการแยกเป็นสีเขียว สีเหลืองสีแดง

4.การส่งกลับ มีการส่งผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับบ้านทุกวัน โดยผู้ที่ไม่มีรถก็อาศัยของรถของทางราชการ ชุมชนก็ให้การตอนรับดี โดยภาพรวมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือดีมาก เนื่องจากเราเป็นพื้นที่อยู่ติดกับกรุงเทพมหานครและอยู่ติดกับจังหวัดนนทบุรี จึงปรับมาตรการยกระดับให้เหมือนกันและมีมาตรการเดียวกันเพื่อให้การควบคุมโรคดียิ่งขึ้น


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ขอนแก่น - เจ้าของผับชื่อดัง ฮึดสู้โควิด พาลูกน้องเปิดร้านหมูกระทะ ข้าวราดแกง ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ในราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 25 บาท พร้อมจัดเมนูพิเศษทุกวันจันทร์ อิ่มไม่อั้นทุกจาน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 26 เม.ย.2564 ที่ย่านการค้าโอโซนวิลเลจขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ ริม ถ.เทพารักษ์ ด้านข้างโรงเรียนขอนแก่นคริสเตียน เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีประชาชนจำนวนมากทยอยกันมาเลือกซื้อข้าวแกงยูบาร์ ซึ่งเปิดให้บริการแบบเฉพาะกิจช่วยเหลือพนักงาน ผู้มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ด้วยเมนูอาหาร 14 เมนูหลัก และ ข้าวขาหมูโก้โตน ที่ให้บริการในทุกวันจันทร์ ในราคาเริ่มต้นจานละ 25 บาท โดยมีประชาชนมายืนรอต่อคิวเลือกซื้ออาหารนานาชนิดเพื่อนำกลับไปรับประทานร่วมกันของครอบครัว รวมไปถึงการร่วมส่งกำลังใจสมทบทุนการจัดทำอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อีกด้วย

นายภาณุ  ธีรภาณุ เจ้าของร้านข้าวแกงยูบาร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ธุรกิจหลักของครอบครัวคือการเปิดร้านอาหารและสถานบันเทิง ในชื่อร้านเดอ ลา แจ๊ส และ ร้านยูบาร์ ซึ่งจัดเป็นร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อดังขอจังหวัด แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระลอกใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ร้านต้องปิดตัวลงตามคำสั่งและตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็ต้องปฎิบัติตามและให้ความร่วมมือเพื่อให้สถานการณ์นั้นได้คลี่คลายไปได้โดยเร็วที่สุด และเมื่อร้านต้องปิด ทำให้พนังกานที่มีอยู่รวมกว่า 70 คนนั้นต้องตกงาน ในระยะแรกได้ส่งพนักงานทั้งหมดไปทำงานที่โรงงานแต่โรงงานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้นในการเป็นผู้นำเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันแบบครอบครัว  ผู้นำต้องกล้าที่จะตัดสินใจและไม่ท้อ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันกับครอบครัว ใช้พื้นที่ว่างของย่านการค้าโอโซนวิเลจใจกลางเมืองแห่งนี้เปิดร้านหมูกระทะ ก่อนในระยะแรกและวันนี้เปิดข้าวราดแกง เพื่อให้พนักงานทุกคนนั้นได้มีงานทำและยังคงได้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ อีกด้วย

“ โควิดระบาดระลอกใหม่ในช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ผมตัดสินใจเปิดร้านหมูกระทะ เพราะเป็นอาหารทานง่าย และใช้พื้นที่โล่งไม่แออัดและเว้นระยะห่าง ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และมาวันนี้เกิดการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงในชื่อร้างข้าวแกงยูบาร์ เพื่อให้พนักงานทุกคนนั้นมีงานทำ ด้วยการจัดระบบการทำงานออกเป็น 2 กะ คือกะแรกทำงานร้านข้าวแกง ตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. จากนั้นกะที่ 2 ทำงานที่ร้านหมูกระทะ ตั้งแต่เวลา 15.30 -21.00 น. ซึ่งพนักงานทุกคนก็ดีใจที่เราไม่ทอดทิ้ง อีกทั้งอาหารที่ทำจำหน่ายนั้นพนักงานยังคงสามารถรับประทานได้อีกด้วย”

นายภาณุ กล่าวต่ออีกว่า ร้านข้าวแกงยูบาร์ ให้บริการทุกวัน โดยไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. ใน 14 เมนู โดยทุกวันจะต้องมีผัดกะเพรา,ต้มจืด,พะโล้,แกงเขียวหวาน,น้ำพริก,ไข่ดาว,พะแนงหมูและไก่ทอด ส่วนเมนูอื่น ๆ นั้นเป็นไปตามที่เซฟและทีมแม่ครัวจะพิจารณาจัดทำ โดยร้านเสริฟแบบไม่อั้น กินจนอิ่มในราคาที่กำหนดไว้ตายตัว คือราด 1 อย่าง 25 บาท ราด 2 อย่าง 30 บาท ราด 3 อย่าง 35 บาท หากเป็นแกงถุง คือ 30 บาท และข้าวเปล่า 10 บาท ซึ่งทุกจานเราจะเสริฟแบบอิ่มไม่อั้น เพราะข้าวแกงนั้นทานได้ทั้งวัน จึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงขึ้นเพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ร้านได้มีงานทำ ช่วยเหลือผุ้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ชื่นชอบเมนูข้าวแกงได้รับประทานในราคาถูก รสชาติอาหารวัตถุดิบที่นำมาจำหน่ายอัดแน่นและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพเพราะครอบครัวทำร้านอหารมาทั้งชีวิต ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีลูกค้าบางคนที่เข้ามารับประทานและรู้ว่าร้านของเรานั้นขายถูกและให้การช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ไม่มีข้าวทานที่มาขอรับข้าวแกงไปทาน ที่เราก็จัดชุดพิเศษให้ ลูกค้ารายนั้นก็ได้สมทบทุนเพื่อส่งมอบกำลังใจอีกด้วย อย่างไรก็ตามในทุกวันจันทร์ ได้จัดให้มีเมนูพิเศษจานละ 30 บาทคือข้าวขาหมูโก้โตน ให้คนขอนแก่นได้อิ่มอร่อยอีกด้วย

สระแก้ว – กองกำลังบูรพา ประกอบพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นสิริมงคล

วันนี้ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายวินัย โตเจริญนายอำเภออรัญประเทศ นายสุรศักดิ์ ชินนวรรณ์ สส.สระแก้วเขต3 นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว นำคณะผู้บริหารหน่วยงานทหาร องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวสระแก้ว ทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องสังเวยบวงสรวงตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในวันรัฐพิธียุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้กระทำยุทธหัตถี ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จากพระราชดำรัสที่ทรงกล่าวโดยไม่สะทกสะท้านและมั่นพระทัยในไก่เหลืองหางขาวของพระองค์ ทำให้พระมหาอุปราชาทรงเกรงกลัว หาหนทางกลั่นแกล้งและกำจัด เป็นผลทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชจากพม่าได้ ไก่เหลืองหางขาวจึง มีชื่อเสียงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไก่เจ้าเลี้ยง” และ “ไก่พระนเรศวร”ซึ่งปัจจุบันชาวพิษณุโลกมีความภาคภูมิใจและหวงแหนในสมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์นี้มาก จึงมีการอนุรักษ์และพัฒนาไก่สายพันธุ์นี้มาโดยตลอด ในประเทศที่มีกีฬาชนไก่จะรู้จักไก่ไทยเหลืองหางขาวเป็นอย่างดี

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวว่า ในขณะที่ตนเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังพล และครอบครัวตั้งพงษ์ทอง รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและประชาชนโดยทั่วไป ได้ร่วมกันจัดสร้างพระบรมราชนุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปางหลังทักษิโณทก ประทับนั่งบนอาคาร 2 ชั้น สูง 25 เมตร ชั้นบนออกแบบอาคาร 6 เหลี่ยม หลังคามุงรูปมาลาออกรบ ประดิษฐาน ณ บริเวณหน้าค่ายสุรสิงหนาท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเชิดชูพระเกียรติยศพระมหากษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านการรบ การปกครอง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อปวงชนาวไทย เพื่อน้อมระลึกเหตุการณ์ครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยและร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและทรงทำสงครามกอบกู้เอกราช ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทยและขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งได้ตกทอดมาจนถึงพวกเราชาวไทยจวบจนปัจจุบัน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชำนาญการรบอย่างยิ่ง ทรงฉลาดในการวางแผนยุทธวิธีและอุบายกระบวนศึกที่ไม่เหมือนผู้ใด ทรงเป็นวีรกษัตริย์นักรบที่มีพระปรีชาสามารถ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ประธานประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกองพิธี ณ บริเวณหน้าค่ายสุรสิงหนาท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับผู้มาร่วมพิธีของการแต่งกาย ข้าราชการทหารแต่งชุดพระราชฐาน ข้าราชทั่วไปแต่งเครื่องแบบปกติขาว หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ พ่อค้าประชาชนใส่เสื้อเหลืองคอปกผู้ร่วมพิธีสวมหน้ากากอนามัยสีขาว หรือหน้ากากผ้าขาวตลอดการเข้าร่วมพิธีดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  วีระยุทธ สารการ / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top