Thursday, 5 June 2025
SPECIAL

สงขลา - วางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์ ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เชื่อว่าอานิสงส์ จะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19

วันนี้ 27 เม.ย. 64 ที่วัดมัชฌิมเขต (วัดนาปรือ) ตำบลคู อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นาย ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา  เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้  โดยมี คุณจีรณัฐ. ศรีสนิท เจ้าของกิจการบ้านดอกไม้พรหมจักร์สงขลา คุณแม่พักตร์พิมล วิภาตะไวทยะ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวรายใหญ่เมืองสงขลา ร้านดอกไม้พรหมจักร์สงขลาได้เป็นสะพานบุญใหญ่นำทีมงานพร้อมคณะสายบุญจากเจ้ากิจการร้านดังในภาคใต้ อาทิเช่น ร้าน Theprincess wedding studio hatyai , ร้านเฝอหม้อเงิน 66 หาดใหญ่ , ร้านสูทอู๊วลั๊ลลา สงขลา , ร้าน once eatery by ประเทือง ยะลา , ร้านราดหน้าพารวย สงขลา , ร้านดอกไม้บานไม่รู้โรย สงขลา , พร้อมคณะสายบุญทั่วสงขลามาร่วมบุญปฐมฤกษ์หอบเงินมาประเดิมวางศิลาฤกษ์มหาเจดีย์  1.8 ล้านบาท ร่วมสร้างมหาเจดีย์ 2 ชั้น ณ วัดมัชฌิมเขต (นาปรือ) อำเภอจะน จังหวัดสงขลา โดยมี พระเดชพระคุณ พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลาประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูเกษมโชติวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดมัชฌิมเขต (วัดนาปรือ) พระใบฏีกาภูวนนท์  ยสินุธโร  รองเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมเขต ( วัดนาปรือ )

ผู้ประสานงานในการจัดงานในครั้งนี้ พระใบฏีกาภูวนนท์ ยสินุธโร รองเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมเขต (วัดนาปรือ)  กล่าวว่า การสร้างเจดีย์ในครั้งนี้ โดยจะใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป พระไตรปิฎก และพระโชคดีประจำวัดที่อายุ 157 ปี พระประจำวัด ที่ประชาชนทั้วไปให้ความศรัทธา ขณะเดียวกันต้องการให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในอำเภอจะนะและคนไทย และเชื่อว่าอานิสงส์ ผลบุญที่ได้จากการร่วมสร้างพระมหาเจดีย์จะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นได้ โดยจะใช้งบฯในการจัดสร้างประมาณ 30 ล้านบาท ผู้มีจิตศรัทธา สามารถเข้านมัสการที่วัดได้แต่ขอให้เว้นระยะห่างแต่ทางวัดได้มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโควิด-19 ทุกวันและมี่การคัดกรองก่อนเข้าวัด

ชลบุรี – สวนนงนุชพัทยา ผ่ามะพร้าวก้นสาว…หายากที่สุดในโลก มีมูลค่าเกือบแสน ให้นักท่องเที่ยวชิมฟรี

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำมะพร้าวก้นสาว ซึ่งเป็นมะพร้าวที่หายากที่สุดในโลก น้ำหนัก 3.9 กิโลกรัม ผ่าให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองชิมรสชาติของน้ำ และเนื้อมะพร้าว แบบฟรี ๆ โดยต้นมะพร้าวก้นสาวที่นำลูกมาผ่าในครั้งนี้มีอายุประมาณ 30 กว่าปี  และเป็นต้นที่มีลูกมะพร้าวสุกในทะลายเดียวมาแล้ว 1 ลูก  ซึ่งได้มีการนำไปขยายพันธุ์แล้วในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้มะพร้าวก้นสาว 1 ลูก จะมูลค่าที่ประมาณ เกือบ แสนบาท ส่วนที่เป็นต้นมะพร้าวก้นสาวราคาอยู่ที่ประมาณ 400,000 – 500,000 บาท

นายกัมพล  กล่าวว่า  ปัจจุบันสวนนงนุชพัทยามีต้นมะพร้าวแฝด หรือมะพร้าวทะเลอยู่ในความดูแล จำนวน 36 ต้น เป็นต้นตัวผู้ 4 ต้น และต้นตัวเมีย 7 ต้น ต้นที่ยังไม่ทราบเพศอีก 25 ต้น  ซึ่งอนาคตมีแนวโน้มจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับมะพร้าวทะเล หรือมะพร้าวแฝด (LODOICEA MALDIVICA) จัดเป็นปาล์มชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ในประเทศซีเซลล์ ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นเมล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และหนักที่สุดในโลก มีความยาวมากถึง 12 นิ้ว และน้ำหนักประมาณ 40 ปอนด์ ลักษณะผลเหมือนมะพร้าว 2 ลูกติดกัน จนเป็นที่มาของชื่อ มะพร้าวแฝด หรือมะพร้าวก้นคน เป็นชื่อสามัญของปาล์มชนิดนี้ ใช้เวลา 6 ปีกว่า เมล็ดจะสุก และใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ในการงอก และอีก 1 ปี สำหรับให้ใบแรก ถือเป็นพืชหายากชนิดหนึ่ง ปาล์มชนิดนี้จากสถิติพบมีความสูงถึง 100 ฟุต ความยาวใบ 20 ฟุต และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 ฟุต แม้ชื่อสามัญจะมีชื่อว่า มะพร้าวแฝด แต่ก็ไม่ใช่มะพร้าว มีการเจริญเติบโตเหมือนปาล์มที่มีรูปพัด โดยมีเพศแยกออกไปคนละต้น ต้นเพศเมีย จะไม่ให้ผลจนกว่าจะมีอายุ 30 ปีขึ้นไป และบางต้นอาจมีระยะเวลาถึง 100 ปีในอดีตผู้คนนิยมเอากะลาของมะพร้าวทะเลไปทำเป็นลูกประคำ เช่น เป็นเครื่องรางของขลัง เป็นยารักษาสารพัดโรค คือเชื่อว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์และเป็นผลไม้แห่งความอมตะ

ชุมพร - ระดมรับบริจาคเลือด แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ขาดแคลนเลือดเข้าขั้นวิกฤต

วันที่ 27 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น. พล.ต.เสนีย์ ศรีหิรัญ ผบ.มทบ.44มอบหมายให้คุณพิไลพรรณ ศรีหิรัญ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มทบ.44 พร้อมด้วยสมาชิกแม่บ้าน สม.ทบ. สาขา มทบ.44 ร่วมกับ เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร

ดำเนินโครงการจิตอาสาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อชาติ ตามนโยบายของ ผบ.ทบ. ซึ่งเนื่องมาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ขาดแคลนเลือดเข้าขั้นวิกฤตทั่วประเทศ ด้วยศูนย์ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนให้คนไทยที่มีสุขภาพดี ช่วยกันบริจาคโลหิต ครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ สืบเนื่องมาจาก การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19  ระลอกใหม่ ทำให้ผู้บริจาคเลือดมีจำนวนลดลง ถึง 50 % 

  

ผบ.ทบ.มีแนวความคิดให้กำลังพล ทำการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง ทุก 3 เดือนตามวงรอบของตัวเอง เพื่อให้โรงพยาบาลต่าง ๆ มีโลหิตสำรองอย่างต่อเนื่อง และจัดให้รับบริจาคโลหิตขึ้น 2วัน ในวันที่ 27 -28 เมษายน 2564  ณ สโมสรนายทหารค่ายเขตอุดมศักดิ์ ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร

ในวันนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และมีน้องกำลังพล มทบ.44 และนักศึกษาวิชาทหาร.มทบ.44 เข้าจำนวนมาก ขอแจ้งให้ทราบจะทำการรับบริจาคโลหิตในวันที่ 28 เมษายน 2564 อีก 1วัน


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ยโสธร – แมลงปีกแข็งจำนวนมาก บุกเข้าบ้านจนเจ้าของบ้านเดือดร้อน

วันที่ 26 เมษายน 2564 ที่จังหวัดยโสธรผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีฝูงแมลงปีกแข็งสีดำ หรือ มอดกระเบื้อง หลายหมื่นตัว พากันเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านพักของชาวบ้านรายหนึ่งที่บ้านเอราวัณ ตำบลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร จนสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของบ้านไม่สามารถที่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านพักได้เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากแมลงปีกแข็งดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 194 หมู่ 12 บ้านเอราวัณ ตำบลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร

ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ปลูกกลางทุ่งนา ค่อนข้างห่างชุมชน บริเวณบนบ้านชั้น 2 พบว่ามีแมลงปีกแข็งสีดำไต่เต็มพื้นบ้านและบริเวณโครงหลังคาบ้านยังพบว่ามีแมลงปีกแข็งสีดำจำนวนมากเกาะอยู่และยังมีอีกบางส่วนที่หล่นลงไปยังพื้นด้านล่างจนสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของบ้าน โดยก่อนหน้านี้เจ้าของบ้านก็พยายามใช้น้ำมันดีเซลฉีดพ่นทำลายซึ่งก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่แมลงปีกแข็งสีดำดังกล่าวก็ยิ่งพากันเข้าไปอยู่ในบ้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสังเกตุพบว่าแมลงปีแข็งสีดำดังกล่าวจะมีกลิ่นฉุนเมื่อสูดดมกลิ่นของแมลงเข้าไปมาก ๆ จะมีอาการเวียนหัวทันที จนสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของบ้านไม่สามารถที่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านได้เพราะหวั่นเกรงว่าแมลงจะไต่เข้าหูโดยเฉพาะเด็กๆที่อาศัยอยู่ในบ้านเจ้าของบ้านจึงพาสมาชิกในครอบครัวอพยพไปอาศัยหลับนอนที่นอกตัวบ้านแทนเป็นการชั่วคราวก่อนในระยะนี้เพื่อความปลอดภัย

นางคำปุ่น  ชื่นบาน อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน บอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนฝูงแมลงปีกแข็งเหล่านี้ก็เคยเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตนทุกปีในช่วงเดียวกันนี้ หรือประมาณหน้าร้อนของทุกปีและในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งแมลงปีกแข็งสีดำได้พากันเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตนเมื่อประมาณ 3 วันที่แล้ว จนสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและสมาชิกในบ้านไม่สามารถจะอยู่อาศัยภายในบ้านได้เพราะเกรงว่าแมลงจะไต่เข้าหูและแมลงเหล่านี้ยังมีกลิ่นฉุนเมื่อสูดดมมาก ๆ จะมีอาการเวียนหัวทันทีโดยเฉพาะในบ้านของตนมีหลานเล็ก ๆ พักอาศัยอยู่ด้วยจึงเกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายไปด้วย ซึ่งปกติทุกปีที่ผ่านมาตนจะไปแจ้งให้กับ อบต.กุดชุม ทราบ ซึ่งก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยฉีดสารเคมีกำจัดให้พอทุเลาลงได้บ้าง แต่ในปีนี้ก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นสารเคมีกำจัดให้

โดยขณะนี้ ตนก็ให้ลูกชายนำน้ำมันดีเซลไปฉีดพ่นกำจัดเป็นการชั่วคราวไปก่อน จึงวอนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนด้วย ส่วนสาเหตุที่ฝูงแมลงปีกแข็งบุกเข้าบ้านของตนทุกปีนั้น ตนก็ไม่ทราบสาเหตุชัดเจนแต่พอถึงช่วงเวลาดังกล่าวก็จะพากันเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตนทันทีและจะอาศัยอยู่ในบ้านยาวไปจนถึงช่วงเข้าพรรษาของทุกปีฝูงแมลงปีกแข็งก็จะพากันหนีไปเอง


ภาพ/ข่าว  สมัย  คำแก้ว  ผู้สื่อภูมิภาคจังหวัดยโสธร

ขอนแก่น - ตำรวจภูธรภาค 4 รับมอบกรมธรรม์ประกันโควิด ครั้งที่ 2 สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานในสังกัด

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4  พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และผู้บริหารกลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้จัดกิจกรรมพิธีรับมอบกรมธรรม์ประกันโควิด จากกลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ให้กับข้าราชการตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการระบาดในรอบที่ 3 ทำให้มีข้าราชการตำรวจและครอบครัว ติดเชื้อและอยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ และขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่

โดยที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้อนุเคราะห์มอบกรมธรรม์ประกันโควิด ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 (ส่วนกลาง) อันได้แก่ กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 4 ,กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ,กองบังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 4, ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 ,ตำรวจภูธรจังหวัดเลย และตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,960 คนจำนวน 2,960 กรมธรรม์ เป็นเงิน จำนวน 3,010,320 บาท ซึ่งได้ทำสัญญาเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2564 มีผลคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 2564 เป็นต้นมา

และในครั้งนี้ กลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้ให้ความอนุเคราะห์มอบกรมธรรม์ประกันโควิด เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 อีกครั้งหนึ่ง โดยมอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น จำนวน 3,363 คน และตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี จำนวน 2,159 คน รวมทั้งสิ้น 5,522 คน เป็นเงินทั้งสิ้น 5,615,874 บาท ได้ทำสัญญาไว้

วันที่ 20 เมษายน 2564 มีผลคุ้มครองในวันที่ 5 พ.ค. 2564พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่สำคัญที่ทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานทั้งในด้านของการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชน ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย ที่เป็นงานประจำที่ต้องดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวดังนั้นการดูแลและคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลในเรื่องดังกล่าว ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ตำรวจเราถือว่ามีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ซึ่งได้เล็งเห็นอันตรายจากความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้ประสานการมีส่วนร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 4 ในการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัย ในประเภทประกันโควิด เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจภูธร ภาค 4

ด้าน พล.ต.ต.พุฒิพงศ์  มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่าการแพร่ระบาด โควิด-19 ในรอบนี้ ตอนนี้เราได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข กำชับไปยังผู้กำกับทุกสถานีและหน่วยในสังกัดต้องยึดถือมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สำหรับบางโรงพักหรือบางหน่วยที่มีข้าราชการตำรวจติดเชื้อในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นที่มีข่าวว่ามีการติดเชื้อซึ่งไม่ใช่หน่วยงานที่พบปะประชาชนโดยตรงเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจซึ่งทำงานเฉพาะด้านดังนั้นจึงไม่มีผลต่อการให้บริการประชาชนในสถานีตำรวจ ดังนั้นต้องปฏิบัติตนไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือที่ทำงานหรือผู้ใกล้ชิดต่าง ๆ ให้ดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงในเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม

ตาก - ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด บูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจร้านอาหาร เน้นย้ำตามมาตรการคำสั่งของจังหวัดตาก

นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด ได้มอบหมายให้ นายสัญญา เพชรเศษ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายภัทรดนัย อุทัยรัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง นายธวัชชัย  อ่อนสาร ปลัดอำเภองานป้องกัน พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.แม่สอด ที่ 3  ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอแม่สอด และเทศบาลนครแม่สอด ได้ร่วมกันตรวจร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มตามร้านอาหาร ร้านบุฟเฟต์ ชาบู หมูกระทะ จำนวน 5 ร้าน ดังนี้

         1.ร้านหมูกระทะ 2 in 1

         2.ร้านฅนเก็บฟืน

         3.ร้านชาบูหมูตอน

         4.ร้านชาบูบ้านเพื่อน

         5.ร้านย่างเนย@แม่สอด

โดยได้เน้นย้ำประชาสัมพันธ์กับเจ้าของร้านให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้บริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. และให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มได้จนถึงเวลา 23.00 น. ในลักษณะของการนำไปบริโภคที่อื่น กรณี ร้านอาหารที่ ต้องให้ลูกค้าบริการตนเอง เช่น บุฟเฟต์ ชาบู หมูกระทะ หรือ ร้านที่มีลักษณะคล้ายกัน ห้ามลูกค้าลุกเดินไปตักอาหารเองโดยให้พนักงานบริการเสริฟอาหารตามโต๊ะ และจัดสถานที่ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด และห้ามมีการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในบริเวณดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  วรภา พันลุตัน

ยะลา – นายอำเภอเบตง ตรวจเข้มจุดคัดกรองสกัดโควิด-19 เข้าพื้นที่หลังผู้ติดเชื้อเสียชีวิตลงภายใต้ “ร่วมใจเบตงสู้ไปด้วยกัน”

นายอำเภอเบตงตรวจเข้มจุดคัดกรองเดินทางข้ามอำเภอ ตำบล  พื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของจังหวัดยะลาภายใต้ “ร่วมใจเบตงสู้ไปด้วยกัน” หลังผู้ติดเชื้อเสียชีวิตรายแรกของอำเภอเบตง

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2564 นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  จ.ยะลาพร้อมด้วย พ.ต.ท.ทศพล พลอยงาม รองผกก.ป.สภ.เบตง พร้อมด้วย สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยอำเภอเบตง  พัฒนาการอำเภอ  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเบตง  ผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสา ออกเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดคัดกรองการเดินทางข้ามอำเภอ ตำบล  พื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของทางราชการ พร้อมทั้งมอบน้ำดื่มและแอลกอฮอล์  เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ณ จุดตรวจ/จุดคัดกรอง เข้าพื้นที่ อ.เบตง  พร้อมกันนี้ นายอำเภอเบตงยังได้ตรวจเยี่ยมบ้านผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงโดยให้คำแนะนำ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด - 19 และให้ อสม.ประจำตำบล ติดตามในการปฏิบัติตัวให้เป็นตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  เปิดเผยว่า มาตรการของจังหวัดยะลา ได้ดำเนินการเข้มทุกมาตรการ ประชาชนโดยส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วน ที่อาจมีความจำเป็นต้องทำภารกิจในพื้นที่เสี่ยงพื้นที่ระบาด ส่งผลให้การตรวจหาเชื้อบุคคลกลุ่มเสี่ยง ในเชิงรุกโดยในพื้นที่มีผู้เดินทางกลับมาในพื้นที่จำนวน 240 คนโดยมี อสม.ประจำตำบลติดตามในการปฏิบัติตัวให้เป็นตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงทางอำเภอเบตงได้ขอความร่วมมือ หากหลีกเลี่ยงไม่ไปไม่ได้ในการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงกลับมา ก็ต้องป้องกันตัวเอง และเมื่อกลับมาต้องกักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน และรีบเข้ารับการตรวจเชื้อเพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยอำเภอเบตง  พัฒนาการอำเภอ  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเบตง  ผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสา ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน และมอบถุงยังชีพของอำเภอเบตง  ให้กับญาตผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของอำเภอเบตงและ มอบถุงยังชีพของอำเภอเบตง  ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีฐานะยากจน ยากไร้ ผู้ป่วยติดเตียง มีความยากลำบากในการดำรงชีวิต ในพื้นที่ หมู่ที่ 1และ หมู่ 2 ตำบลตาเนาะแมเราะ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนและ ขอเป็นกำลังใจให้ อสม.และเจ้าหน้าที่ทุกคน  ช่วยกันฝ่าวิกฤตโรคติดต่อโควิด 19 ไปให้ได้ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยให้ยึดหลัก D-M-H-T-T  D : Distancing คือ เว้นระยะห่างระหว่างกัน M : Mask Wearing คือ สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand Washing คือ ล้างมือบ่อย ๆ T : Testing คือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้างาน T : Thai Cha Na คือ เช็กอินผ่านแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ทุกครั้ง เมื่อเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆโดยในพื้นที่อำเภอเบตงจะไม่มีการสูญเสียเพิ่มขึ้นอีก ภายใต้ “ร่วมใจเบตงสู้ไปด้วยกัน”


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

สตูล - ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกระดับมาตรการป้องกัน COVID 19 ปรับจริงผู้ไม่ใส่แมสก์ !! ตั้งด่านคัดกรอง ทุกตำบล , 7 อำเภอ ห้ามข้าราชการออกนอกพื้นที่เว้นที่จำเป็นเท่านั้น

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยภายหลังประชุม ศบค.จังหวัดสตูล ว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 ในปัจุบันมีการแพร่ระบาดออกไปและจังหวัดโดยรอบของสตูล มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยสิ่งที่จะทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคคือต้องไปมาหาสู่ให้น้อยที่สุด มีการเดินทางน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบเศรษฐกิจและสังคมบ้าง แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับขึ้นมา โดยที่ประชุมมีมติดังนี้

1.การยกระดับการบังคับใช้กฎมายเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน โดยมอบหมายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลร่วมกับฝ่ายปกครอง ในการดำเนินการเรื่องจับ/ปรับผู้ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 

2.การจัดตั้งด่านคัดกรอง COVID19 ทุกตำบล รวม 36 ตำบล/ด่าน ซึ่งด่านเหล่านี้จะคัดกรองบุคคลนอกพื้นที่ทุกจังหวัด เพราะตอนนี้ทุกพื้นที่ถือว่าเสี่ยงหมดแล้ว

3.จัดระบบมาตรการเข้าไปสืบสวนโรคแบบเข้มข้น แบบรวงผึ้ง ประกอบด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม. รับผิดชอบดูและครัวเรือน 10-15 หลัง เพื่อดูว่าบ้านไหนมีลูกหลาน พี่น้อง เข้ามาในพื้นที่โดยไม่แจ้ง หรือไม่สแกน QR หรือไม่ หากไทม์ไลน์มีความเสี่ยงสูง จะนำเข้า LQ แต่ถ้ามีความเสี่ยงต่ำให้เข้า HQ และต้องรายงานผลทุกวัน

4.ข้าราชการห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด หากไม่มีความจำเป็น แต่ถ้ามีความจำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาและให้เขียนไทม์ไลน์รายงานผู้บังคับบัญชาเมื่อเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ 

5.มาตรการปิดจุดเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ร้านเกมส์ ร้านสนุกเกอร์หรือบิลเลียด และฟิตเนส และขอความร่วมมือในการงดจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งหมดและงดการดื่มกิน หรือการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ยกเว้นกิจกรรมด้านประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง เท่าที่จำเป็นและผู้เข้าร่วมน้อยที่สุด

6.มาตรการการเข้าสู่จังหวัดสตูล โดยยกระดับอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อก่อนสามารถเดินทางเข้ามาได้และตอนนี้ให้ล็อคตั้งแต่ต้นทาง คือ คนที่เข้ามาในจังหวัดสตูล ต้องผ่านการตรวจ COVID 19 ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง หากผลปกติสามารถเข้ามาได้ แต่หากไม่มีผลตรวจ แต่เมื่อเข้ามาในพื้นที่ หากชุดปฏิบัติการควบคุมโรคประจำตำบลตรวจพบเจอก็จะนำไปสู่ LQ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นขอให้อยู่กับที่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น รถส่งของ ผลไม้ ของสด ก็ไม่มีปัญหา

ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทดลองใช้ 14 วัน แล้วจะประเมินให้มีความเหมาะสมว่ากระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหรือไม่  สำหรับวันนี้สตูลยอดเพิ่ม 1 ราย รวม 11 ราย พบในเด็กหญิงไทยอายุ  5 ปี


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

กระบี่ – นายกสมศักดิ์ นำชุด ฉก.โควิด ปูพรหม...ฉีดพ้นกวาดล้างเชื้อไวรัส แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยว ย่านการค้าอ่าวนาง

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิ-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สนธิกำลังร่วมกับนายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง รวม 30 คน ปูพรหมกวาดล้างทำความสะอาดออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในย่านธุรกิจอ่าวนางแลนด์มาร์ก หน้าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดนพรัตน์ธารา หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง และย่านธุรกิจการค้าหน้าชายหาดอ่าวนาง หมู่ที่ 2 บ้านอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งใช้รถยนต์และกำลังเดินเท้าออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส บนทางเท้าหน้าร้านค้า ตามร้านค้า ตลาดสด ร้านนวด ร้านค้าแผงลอย ลานเอนกประสงค์ และท้องถนน รวมเนื้อที่กว่า 4 ,000 ตารางกิโลเมตร ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นถึง 15,000 ลิตร

สาเหตุที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ต้องปูพรหมทำความสะอาดในย่านธุรกิจการค้าทั้งสองแห่ง เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งที่มาจากพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงและพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยและพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงได้พักอาศัยค้างคืนเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคณะกรรมการสืบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง มาแพร่กระจายเชื้อในพื้นที่ดังกล่าวทำให้มีผู้มีความเสี่ยงรวมถึงผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งผลจากการคัดกรองตรวจเอาสารคัดหลังโพรงจมูก พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสามพันธุ์ใหม่ วันที่ 1 – 25 เมษายน 2564 ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มอีก 2 คนเป็น 55 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3 คน คงเหลือผู้ติดเชื้อ 52 คน เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 2 คน เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังบริการ สถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง พื้นที่ระบาด 54 คน จาการค้นหาเชิงรุกผู้ที่สัมผัสเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 1 คน เป็นคนไทย 52 คน ต่างชาติ 3 คน แยกเป็นอำเภอเมืองกระบี่ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด  25 คน โรงพยาบาลเอกชน 5 คน โรงพยาบาลสนาม 16 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 5 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ และประชาชนที่สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มแรกเพิ่มอีก 538 คนรวม 7,378 คน เข็มที่สองลงทะเบียนฉีดวัคซีน 4,000 คน มารับบริการแล้ว 678 คน ซึ่งจังหวัดกระบี่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนาม รวม 176 เตียง รับผู้ป่วยแล้ว 52 เตียง เหลืออีก 124 เตียง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

ลำพูน – นักพนันไก่ชน...แตกกระเจิงในสังเวียน หลังได้รับเรื่องร้องเรียน สนธิกำลังร่วมเข้าจับกุม ผู้เล่น 21 รายพร้อมของกลางจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 64 เวลา 20:40 น. ชุดอำนวยการประกอบด้วย นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผวจ.ลพ. นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รอง ผวจ.ลพ. นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปจ.ลพ.

นายโยธิน ประสงค์ความดี นอภ.เมืองลำพูน ได้นำกำลัง ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดลำพูน "พยัคฆ์เทวี" ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองลำพูน (ศปก.อ.เมืองลำพูน.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน "บัวขาว" เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหมืองจี้ , สมาชิก อส. สังกัด ร้อย บก.บร. และ ร้อย อส.เมืองลำพูน ที่ 1 ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณี มีนักพนันรวมตัวกันเล่นพนันไก่ชน หมู่ที่ 6 บ้านสันป่าสัก ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน

นอภ.เมืองลำพูน ได้วางแผนการเข้าจับกุม เข้าตรวจสอบพื้นที่ร้องเรียนดังกล่าว เมื่อถึงพื้นที่ร้องเรียน เจ้าหน้าที่ฯจึงเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่สนามประลองไก่(สังเวียนไก่)  พบนักพนันจำนวนมากกำลังเชียร์ลุ้นไก่ชนอย่างสนุกสนาน ชุดจับกุมฯจึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม นักพนันไก่ชนเห็นพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้ตื่นตกใจวิ่งแตกกันไปคนละทิศคนละทาง

ชุดจับกุมจึงได้วิ่งติดตามนักพนันไก่ชน ได้จำนวน 21 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก จึงได้แจ้งข้อหาเจ้าของบ้าน และผู้ถูกจับกุมกับพวกที่หลบหนีในข้อหา "เป็นผู้จัดให้เล่นการพนัน และเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และฝ่าฝืน "คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ 39/2564 วันที่ 17 เมษายน 2564 เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แอดอัด หรือสถานที่อื่นใดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดลำพูน" ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหมืองจี้ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผวจ.ลำพูน ได้เข้ามาชี้แจงกับนักพนันชนไก่ ขอความร่วมมือห้ามเล่นการพนันชนไก่ และการพนันอื่น ๆ อีก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และพื้นที่ดังกล่าวมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

ลำพูน – จู่โจม !! รวบนักพนันมวยตู้คาวงเหล้า ศปก.จ.ลพ. พร้อม "พยัคฆ์เทวี" หลังรับการร้องเรียน เจ้าของร้านเจอข้อหา จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลา

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 64 เวลา 15:30 น. ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดลำพูน "พยัคฆ์เทวี" ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองลำพูน (ศปก.อ.เมืองลำพูน.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน "บัวขาว" เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมอุตสาหกรรม , สมาชิก อส. สังกัด ร้อย บก.บร. และ ร้อย อส.เมืองลำพูน ที่ 1 ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณี มีการลักลอบเล่นการพนันมวยตู้ ในร้านขายของชำแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 19 บ้านใหม่เหมืองกวัก ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน

ขณะเข้าตรวจสอบ พบนักพนันกำลังเล่นการพนันหมวยตู้ และนั่งดื่มสุรา เชียร์มวยกันอย่างเมามัน เมื่อชุดจับกุมได้แสดงตัว นักพนันวิ่งแตกตื่นกันไปคนละทิศคนละทาง ชุดจับกุมฯจึงได้วิ่งติดตามจับกุมนักพนันมาได้ รวมกับผู้ที่นั่งดื่มสุรา เชียร์มวย จำนวนทั้งสิ้น 8 ราย พร้อมของกลางทั้งหมด

นักพนันทั้งหมดยอมรับว่าได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนันหมวยตู้ ชุดจับกุม จึงได้แจ้งให้เจ้ามือ และนักพนันทั้งหมดทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ข้อหา "เป็นผู้จัดให้เล่นการพนัน และเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และฝ่าฝืน "คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ 39/2564 วันที่ 17 เมษายน 2564 เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แอดอัด หรือสถานที่อื่นใดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดลำพูน" และได้แจ้งข้อหากับเจ้าของร้าน ในข้อหา "จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลากฎหมายกำหนด" ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ชุดจับกุมฯจึงได้แจ้งสิทธิและนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุสาหกรรม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

แม่ฮ่องสอน - เช้านี้กองกำลังกะเหรี่ยง KNU เปิดฉาก บุกตีฐานพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ฝ่ายความมั่นคงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่หวั่นอันตรายจากการสู้รบ

เช้านี้ กองกำลังกะเหรี่ยง KNU บุกตีฐานพม่าซอแลท่า พัน.คร.341 ริมฝั่งน้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ  ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ด้านฝ่ายความมั่นคงปิดกันพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณบ้านแม่สามแลบริมฝั่งสาละวิน เนื่องจากเสี่ยงอันตรายจากการสู้รบ รวมถึงประสาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนฝั่งไทย

เบื้องต้นมีชาวบ้าน ร้านค้า บางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นที่ติดริมน้ำบริเวณท่าเรือแม่สามแลบได้อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป 


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯ ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 23

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 1 สำนักสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี  ประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 23/2564 โดยมี พล.ต.ต. ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี  นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ วัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี และคณะทำงานเข้าร่วมประชุม โดยสาระสำคัญประกอบด้วย

        1. การเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม

       2. การบริหารจัดการวัคซีน COVID-19

       3. การพิจารณาปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และการห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนมากกว่า ๑๐ คนขึ้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

       4.การพิจารณาแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดการระบาดของเชื้อ COVID-19 ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษ


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ

I Care a Lot เมื่อห่วง...แต่หวังฮุบ มิจฉาชีพในคราบนักธุรกิจ | LOCK LENS GURU EP.2

LOCK LENS GURU / EP.2 วันอังคาร ที่ 27 เมษายน

???? GURU : อ.ระวีวรรณ ทรัพย์อินทร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (BMCI) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

▶️ หัวข้อ : I Care a Lot เมื่อห่วง...แต่หวังฮุบ มิจฉาชีพในคราบนักธุรกิจ

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021032004

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES 

.

สมุทรปราการ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปรับเคาน์เตอร์เช็คอินในอาคารผู้โดยสาร จัดเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ทั้งพนักงาน ลูกจ้างของ ทอท. เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตลอดจนสายการบินซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ.

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ ทสภ. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและเป็นไปตามเป้าหมายการกระจายวัคซีนแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ. และตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทสภ. จึงได้ขยายพื้นที่จุดให้บริการฉีดวัคซีนใหม่ เพื่อให้รองรับจำนวนผู้รับวัคซีนให้ได้มากขึ้น โดยใช้พื้นที่เคาน์เตอร์เช็คอิน แถว U และ แถว W ห้องโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสาร รวมทั้งหมด 42 เคาน์เตอร์เพื่อใช้เป็นจุดบริการสำหรับผู้เข้ารับวัคซีน เช่น จุดลงทะเบียน วัดความดันและอุณหภูมิ ลงทะเบียนเข้าระบบ ซักถามประวัติความเสี่ยง บันทึกข้อมูลการให้บริการ ลงข้อมูลเขาระบบติดตามวัคซีน รับบัตรนัด เป็นต้น ทั้งนี้ จุดให้บริการฉีดวัคซีนจะมีพนักงานของ ทสภ. พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลีและโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทสภ. และตัวแทนจากสายการบินต่าง ๆ ร่วมให้บริการ

นายกิตติพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ปฎิบัติงาน ณ ทสภ.ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ ทสภ. และเป็นการรักษามาตรฐานตามที่ ทสภ. ได้รับการรับรอง Airport Health Accreditation จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International : ACI) มาตรการด้านความปลอดภัยสุขอนามัยจากการเข้าร่วมโครงการ Airport Health Accreditation (AHA) Programme ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานครอบคลุมทุกด้าน


ภาพ/ข่าว  ก๊วก สมุทรปราการ  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top