Monday, 26 May 2025
SPECIAL

โลจิสติกส์...หัวหอกสำคัญ สู่ความสำเร็จของ JD.com

ท่านผู้อ่านน่าจะเคยได้ยินชื่อ JD.com ผู้ให้บริการขายสินค้าออนไลน์จากจีนที่ได้เข้ามาในไทยไม่กี่ปีที่ผ่านมา การที่ JD Group ได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งทางด้านการค้าออนไลน์ในจีนนั้น ปัจจัยสำคัญมาจากระบบที่โลจิสติกส์ที่เข้มแข็ง

ปี 2003 ประเทศจีนเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์สส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาซื้อของนอกบ้าน ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) ที่เคยเปิดร้านขายอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์จึงมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจออนไลน์ และเริ่มก่อตั้ง JD.com ในปี 2004

แต่เดิม JD.com ได้ว่าจ้างผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอก (third party logistics) เป็นผู้กระจายสินค้าให้แก่ตน และทางบริษัทเห็นว่าการที่จะชนะคู่แข่งที่อยู่ในตลาดมาก่อนอย่าง Alibaba ได้ต้องมีระบบโลจิสติส์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ผู้ให้บริการที่มีอยู่ในขณะนั้นยังไม่สามารถตอบสนองได้ตามต้องการ จึงได้ก่อต้อง JD logistics ขึ้นในปี 2007 โดยเป้าหมายคือส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่าง Amazon ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซระดับโลก 

ในปี 2010 เป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายแรกที่ให้บริการการจัดส่งแบบภายในวันและการจัดส่งในวันถัดไป (same-day and next-day delivery)  ในขณะที่ Amazon ยังให้บริการจัดส่งภายใน 2 วัน และเริ่มให้บริการจัดส่งภายในวันเดียวในอีก 9 ปีต่อมา

ในปี 2016 JD.com เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายแรกที่เริ่มให้บริการส่งสินค้าด้วยโดรน โดยมองเห็นปัญหาว่าชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล เส้นทางทุรกันดาร มีทางเลือกในการซื้อสินค้าน้อย เพราะผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าเข้าไม่ถึงเนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่สูงและไม่คุ้มกับค่าเดินทาง  JD Logistics จึงใช้โดรนที่พัฒนาขึ้นโดย JD-X หน่วยธุรกิจใน JD Group ที่ทำหน้าวิจัยและพัฒนาระบบ Smart logistics ในการจัดส่งสินค้า ขั้นตอนการทำงาน คือ โดรนพร้อมสินค้าถูกส่งออกจากสถานีขนส่งในแต่ละเมืองและบินไปส่งสินค้าในแต่ละหมู่บ้านตามจุดกำหนด ต่อจากนั้นผู้ประสานงาน JD Logistics แต่ละชุมชนนำสินค้าไปส่งมอบให้ถึงบ้านลูกค้า โดยวิธีการนี้จากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมงในการขับรถอ้อมเขา หรือต้องต่อเรือเพื่อไปยังเกาะต่าง ๆ เหลือเพียงไม่กี่นาทีสินค้าก็ถูกส่งถึงมือลูกค้าที่อยู่ห่างไกลด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าวิธีการเดิม 

ปี 2019 JD logistics ได้เปิดตัวรถส่งสินค้าอัตโนมัติมีหน้าที่นำสินค้าไปส่งให้ยังลูกค้าตามสถานที่ต่าง ๆ ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากสถานีขนส่ง โดยรถ 3 คัน สามารถทำงานทดแทนพนักงานขนส่งสินค้าได้ถึง 2 คน จึงสามารถช่วยลดต้นทุนในการจ้างงาน และยิ่งมีประโยชน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันให้บริการใน 20 เมืองในจีน

และในปี 2020 JD Logistics เปิดให้บริการจัดส่งด่วนภายในหนึ่งชั่วโมง และขยายศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ ที่ทำการคัดแยกสินค้าด้วยระบบอัตโนมัติที่เรียกว่า ”Asia No.1 logistics park” ไปยัง 28 แห่งทั่วประเทศจีน เพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันและการจัดส่งในวันถัดไป โดยเพิ่มจาก 6 เมืองเมื่อสิบปีที่แล้วเป็น 200 เมือง ในส่วนเมืองขนาดเล็กที่ไม่คุ้มกับการสร้างศูนย์กระจายสินค้าของตนเอง ได้มีความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งในท้องถิ่นให้ทำการจัดเก็บและกระจายสินค้าให้ผ่านระบบของ JD Logistics จนในปัจจุบันมีเครือข่ายคลังสินค้าถึง 1,000 แห่ง และมีพื้นที่รวมกันมากถึง 21 ล้านตารางเมตร

จากตัวอย่างที่เล่ามาเห็นได้ว่า JD.com ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์สร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านการตอบสนองที่รวดเร็ว เพื่อให้ได้ผลตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้จึงได้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ทางด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เป็นที่หนึ่งทางด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีน

 

ข้อมูลอ้างอิง 
https://www.chinadaily.com.cn/a/202012/25/WS5fe54b99a31024ad0ba9e7f6.html

https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/autonomous-delivery-vehicles-deployed-in-chinese-cities-amid-the-covid-19-pandemic

https://www.businessinsider.com/how-chinese-ecommerce-giant-jd-logistics-built-up-to-34-billion-ipo-2021-5

https://corporate.jd.com/ourBusiness#jdLogistics


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

7 เทคนิคจัดฟัน เร่งให้เข้าที่ จัดเสร็จอย่างไว 

การจัดฟัน เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การเคี้ยวอาหารดีขึ้น ฟันเรียงเรียบสวย มีบุคลิกภาพดี รู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การมีเครื่องมือจัดฟันอยู่ในปากนานเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี และมีความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น แปรงฟันทำความสะอาดยาก เกิดฟันผุ หินปูน เหงือกอักเสบ และเครื่องมือบาดกระพุ้งแก้มเป็นแผล เป็นต้น เพราะฉะนั้นวันนี้หมอมี 7 วิธี ที่ช่วยให้การจัดฟันเสร็จไวขึ้น 

1.) หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็ง เช่น ห้ามเคี้ยวน้ำแข็งเด็ดขาด ส่วนของทอดกรอบ เมล็ดถั่วต่าง ๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง หรือให้เคี้ยวเบา ๆ เพราะการเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็งมีโอกาสทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดหรือทำให้ลวดจัดฟันงอและบิดเบี้ยว ส่งผลให้ฟันเคลื่อนที่ผิดทางหรือล้มเอียงตามลวดที่บิดงอ ทำให้ทันตแพทย์จัดฟันต้องเสียเวลาแก้ไขความผิดปกติมากขึ้นและเพิ่มระยะเวลาในการจัดฟันนานขึ้นได้

2.) หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง ลูกอม ของหวาน และน้ำอัดลม เพราะมีโอกาสทำให้เกิดฟันผุในระหว่างจัดฟันได้

3.) ควรทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันให้สะอาด การใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้อุปกรณ์เสริมตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน เช่น แปรงซอกฟัน จะช่วยป้องกันการเกิดฟันผุและหินปูนที่ตัวฟัน ลดโอกาสเหงือกอักเสบระหว่างจัดฟัน และการมีเครื่องมือจัดฟันที่สะอาด ไม่มีหินปูนมาเกาะบนเครื่องมือจัดฟัน จะทำให้ฟันสามารถเคลื่อนไปบนลวดจัดฟันได้ไวขึ้น 

4.) คล้องยางจัดฟันสม่ำเสมอตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน ในบางขั้นตอนของการจัดฟัน ทันตแพทย์จัดฟันจำเป็นต้องให้คนไข้คล้องยางดึงฟัน หากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในคล้องยางดึงฟัน ฟันก็จะไม่เคลื่อนไปในตำแหน่งที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนไว้ โดยทั่วไปการคล้องยางดึงฟันนั้น ทันตแพทย์จัดฟันมักแนะนำให้คนไข้คล้องยางดึงฟันตลอดเวลา ยกเว้นช่วงทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น หมายความว่าใน 1 วันหรือ 24 ชั่วโมง คนไข้จำเป็นจะต้องใส่ยางดึงฟันอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเพียงพอที่ทำให้ฟันเคลื่อนที่ไปได้และจำเป็นต้องเปลี่ยนยางวงใหม่วันละ 1 ครั้ง 

5.) มารักษาตามนัดหมายเป็นประจำเพราะการจัดฟันจำเป็นจะต้องมาตรวจเช็ค ปรับเครื่องมือ และดึงฟัน หากไม่มาทำการรักษาตามนัดหมาย จะทำให้ระยะเวลาการรักษานานขึ้น อีกทั้งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ฟันเคลื่อนผิดทิศทางหรือเคลื่อนมากเกินไป

6.) เลือกเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสมกับตนเอง โดยปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันที่ให้การรักษา เช่น เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบรัดยาง เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบไม่รัดยาง หรือเครื่องมือจัดฟันแบบใส เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน

7.) เลือกคลินิกที่สามารถเดินทางได้สะดวกหรือใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน เพราะถ้าเลือกคลินิกที่ต้องเดินทางไกล คนไข้มักจะเบื่อในการเดินทางมาคลินิก มีโอกาสที่จะขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่า การจัดฟันนั้นจำเป็นอย่างมากที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้ หากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาแล้ว มักส่งผลให้การรักษาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนการรักษาไว้ได้ และทำให้ระยะเวลาการรักษายาวนานขึ้นได้


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ'​ ชวนบริจาค!! ช่วยสานฝัน ปันสุข สร้างอนาคต ให้คนพิการ ได้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ต่อไป

'มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ'​ ชวนบริจาค!! ช่วยสานฝัน ปันสุข สร้างอนาคต ให้คนพิการ ได้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ต่อไป

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 'มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ'​ องค์กรสาธารณะกุศลด้านคนพิการ ที่ดูแลผู้พิการกว่า 800 คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ณ เวลานี้เข้าขั้นวิกฤติหนัก ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นในการเลี้ยงดูคนพิการที่อยู่ในความดูแล ขาดแคลน เดือนร้อนถ้วนหน้า วอนพี่ๆ​ น้องๆ​ และประชาชน ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหาร และของใช้จำเป็นต่างๆ เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการ ให้ท้องอิ่ม มีแรงสู่ชีวิตต่อไป เผยหลังโควิด-19 พ่นพิษยอดบริจาคลด กระทบหนัก เป็นช่วงเวลาที่คนไทยต้องช่วยกัน หรือท่านจะใดสะดวกบริจาคเป็นเงินได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 โดยในการบริจาคสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ สนใจให้การข่วยเหลือ โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102   

'ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์'​ เลขาธิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดเผยถึงการระบาดระลอก 3 ของ โควิด-19 ที่รุนแรงกว่าเดิม ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจที่ทำท่าจะดีกับตกต่ำอย่างต่อเนื่องลงไปอีก อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้รับผลกระทบอย่างหนักถึงขึ้นวิกฤติก็ว่าได้

เนื่องจากขาดแคลนข้าวสารอาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อย่างหนัก​ โดยทางมูลนิธิฯ​ จำเป็นต้องบริโภคข้าวสาร 7​ หมื่นกิโลกรัมต่อปี สืบเนื่องจากมูลนิธิฯ มีนักเรียนและนักศึกษาทึ่เป็นคนพิการในความดูแลที่อาศัยอยู่ประจำ รวมบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลกว่า 800 คน โดยทั้งหมดนี้​ มูลนิธิฯ​ ดูแลโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือคนพิการในทุกๆ เรื่องเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีวิชาชีพ สามารถนำไปประกอบอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม  

นอกจากนี้ สถาบันศึกษาในการดูแลของมูลนิธิฯ​ ทั้ง 4 แห่งเป็นการให้บริการแบบประจำที่มูลนิธิฯ​ จะต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหาร การจัดการศึกษาและกิจกรรมอื่นๆ​ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคนพิการมีฐานะยากจน ดังนั้นมูลนิธิฯ​ จะต้องหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

“สำหรับเรื่องของอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ณ เวลานี้ เนื่องจาก สต๊อกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นของมูลนิธิลดลงอย่างมาก เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติก็ว่าได้ จึงวอนขอความเมตตาจาดผู้มีจิตศรัทธาที่พอจะมีกำลัง​ ให้ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อาทิ นม ทิชชู่ น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ทั้งแบบเจลและแบบน้ำ เป็นต้น เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการ ให้ท้องอิ่ม มีแรงสู่ชีวิตต่อไป 

หรือท่านใดไม่สะดวก​ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือผู้พิการเหล่านี้ได้ โดยโอนเงินผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 ทั้งนี้นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้หรือสอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102 มือถือ 099-394-4795, 094-665-2223” เลขาธิการมูลนิธิฯ กล่าวในท้ายสุด

'คนพิการ'​ น้ำตาคลอ!! ซึ้งใจได้รับบริจาค 'รถวีลแชร์'​ เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน

นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน ได้รับมอบ 'รถวีลแชร์'​ จาก 'นายสายันต์  ดีเลิศ'​ นายกสมาคมส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือรถเข็นเพื่อคนพิการ (จ.ปทุมธานี) จำนวน 1 คัน เพื่อส่งต่อมอบไปยัง 'ผู้สื่อข่าว'​ ในพื้นที่ ซึ่งติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านทาง รายการ "คนละไม้_คนละมือ" ว่า... 

มี "คนพิการ" คนหนึ่งมีความลำบากในการลุก ในการนั่ง ในการเคลื่อนย้ายตัวเอง อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 14 ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ 67170 ทราบต่อมาคือ "นายเทียม ซีกพุดซา" อายุ 54 ปี เป็นสามี "นางสวิง ซีกพุดซา" อายุ 54 ปี มีอาชีพทำไร่ทำนา อาศัยอยู่บ้าน เนินโบสถ์ บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 14 ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ 67170 

นางสวิง ซีกพุดซา ผู้เป็นภรรยา เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีโรคประจำตัว 2 อย่าง ความดันโลหิตสูง และ ไต ได้กินยามาตลอด 

เมื่อเดือน มีนาคม 2561 มีอาการ แขน ขา อ่อนแรง หมอเอกซเรย์พบเนื้องอกในสมองทั้ง 2 ข้าง ทางโรงพยาบาลวิเชียรได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เพื่อทำการผ่าตัดด่วน เพราะเนื้องอกใหญ่และบีบสมอง​ โดยได้ทำการผ่าตัดวันที่ 8 มีนาคม 2561 แต่หลังจากนั้นก็เดินไม่ได้เป็นอัมพาตซีกซ้ายกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทางครอบครัวยากจนมาก​ จึงจำเป็นต้องขายที่อยู่อาศัยเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย เพราะผู้ป่วยชักบ่อยมาก​ ต้องทนทุกข์ถึง 11 เดือน และต่อมาต้องผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 4 มกราคม 2562 โดยเอากะโหลกออกแล้วสูญเสียความทรงจำ

ด้วยความยากลำบากต้องขายบ้านอีกครั้งหนึ่งเพื่อค่าใช้จ่ายประจำวัน ทุกวันนี้ขัดสนมาก เงินจะซื้อแพมเพิสผู้ใหญ่ ก็ไม่มี อาศัยอยู่ที่ดินของแม่ยาย ไร่นาไม่มีทำ ไม่มีรายได้​ เพราะนายเทียมต้องดูและนางสวิงตลอดเวลา จึงขอความเมตตาจากท่านทั้งหลายในครั้งนี้ด้วยครับ

หากท่านผู้ใดมีเมตตากรุณาอยากช่วยเหลือครอบครัวนี้​ ก็สามารถติดต่อได้ที่ นายเทียม ซีกพุดซา ได้ที่ (โทร 081-182-4417) หรือจะช่วยในเรื่องของใช้ก็ได้ โดยเฉพาะแพมเพิสผู้ใหญ่ ใช้เบอร์ m หรือถ้าจะช่วยเหลือเรื่องเงินก็ได้ที่บัญชีธนาคาร 020162419474 ธนาคารเพื่อการเกษตร สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ นายเทียม ซีกพุดซา สามีผู้ป่วย

ภาพ/ข่าว   ปัทมพร  สีทอง

ทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory) กับความเชื่อ 'ลัทธิคอมมิวนิสต์ครองโลก' และการสิ้นสุดที่หยุดลงตรงราชอาณาจักรไทย

คนที่อายุน้อยกว่าสี่สิบปีอาจไม่รู้ว่า โลกเคยผ่านช่วงของสงครามเย็น (Cold war) อันเป็นยุคสมัยที่ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยนำโดยสหรัฐอเมริกากับฟากฝ่ายคอมมิวนิสต์แข่งขันในการเผยแพร่และต่อต้านความเชื่อและลัทธิทางการเมืองอย่างหนัก นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และสิ้นสุดลงพร้อมกับความล่มสลายของสหภาพโซเวียต จึงขอเล่าเรื่องราวของทฤษฎีโดมิโนให้ทราบพอสังเขปด้วย บทความนี้

ผลกระทบแบบโดมิโน (Domino effect)

ทฤษฎีโดมิโนเป็นทฤษฎีเกี่ยวกับนโยบายด้านการต่างประเทศ โดยอุปมาขึ้นจากลักษณะของการตั้งเรียงของตัวโดมิโน ซึ่งถ้าตัวโดมิโนตัวแรกล้มลงแล้ว จะทำให้ตัวโดมิโนตัวอื่น ๆ ซึ่งตั้งเรียงถัดมาพลอยล่มด้วยทั้งหมด ทฤษฎีโดมิโนจึงมีความหมายว่า ถ้าประเทศหนึ่งประเทศใดหันไปใช้ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์แล้ว จะส่งผลให้ประเทศรอบข้างก็จะกลายเป็นระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ตามไปด้วย ซึ่งเรียกว่า "ผลกระทบแบบโดมิโน (Domino effect)” 

ทฤษฎีโดมิโนเกิดขึ้นในช่วงปี 1950 ถึง 1980 จากการขยายตัวของลัทธิและระบอบคอมมิวนิสต์ในทวีปยุโรปจากกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกกลายเป็นคอมมิวนิสต์ ส่วนในทวีปเอเชีย เมื่อจีน เกาหลีเหนือ และเวียตนามเหนือกลายเป็นคอมมิวนิสต์ จึงมีความเชื่อว่า ประเทศอื่น ๆ ทีเหลือ เช่น ลาว กัมพูชา เวียตนามใต้ ไทย มาเลเซีย ฯลฯ ที่สุดจะถูกครอบงำโดยระบบคอมมิวนิสต์ตามไปด้วย การล้มของแต่ละตัว “โดมิโน” จึงหมายถึงการล่มสลายของระบอบประชาธิปไตยในแต่ละประเทศ ทั้ง ๆ ที่ประเทศเหล่านั้นอาจไม่ได้มีความเป็นประชาธิปไตยเลยก็ตาม เพียงแต่รัฐบาลของประเทศนั้น ๆ เห็นดีและเห็นด้วยกับนโยบายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ของสหรัฐอเมริกา 

ประธานาธิบดี Dwight D. Eisenhower

ทฤษฎีโดมิโนได้ถูกใช้โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องในช่วงสงครามเย็น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการการแทรกแซงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกของสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นจากประธานาธิบดี Dwight D. Eisenhower อธิบายทฤษฎีโดมิโนเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2497 ในการแถลงข่าวเมื่อกล่าวถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “สุดท้ายเรามีข้อพิจารณาที่กว้างขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปตามสิ่งที่เราจะเรียกว่า หลักการล้มของตัว "โดมิโน" เมื่อตัวมีโดมิโนที่ตั้งอยู่อันแรกล้มลง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอันสุดท้ายคือความมั่นใจว่า มันจะเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงอาจมีจุดเริ่มต้นของการล่มสลายที่จะมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งที่สุด แต่เมื่อเรามาถึงลำดับเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ที่จะมีการสูญเสียอินโดจีน พม่า ไทย คาบสมุทรมาลายา (มาเลเซียและสิงคโปร์) และอินโดนีเซีย ตอนนี้เราพูดถึง…ผู้คนนับล้าน ๆ ๆ” 

พลเอก Douglas MacArthur

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความเชื่ออย่างลึกซึ้งของประธานาธิบดี Eisenhower เกี่ยวกับทฤษฎีโดมิโนในเอเชียทำให้เกิด “ต้นทุนการรับรู้ของสหรัฐอเมริกาในการไล่ตามลัทธิพหุภาคี” เนื่องจากเหตุการณ์ในหลายแง่มุมรวมถึง “ชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี  พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) การบุกเกาหลีใต้ของเกาหลีเหนือในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) วิกฤตการณ์เกาะนอกชายฝั่ง Quemoy ของไต้หวัน ในปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) และความขัดแย้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายในวงกว้างไม่เพียงแต่เป็นเพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวกับประเทศเดียวหรือสองประเทศ แต่เป็นปัญหาของทั้งทวีปเอเชียและภูมิภาคแปซิฟิก” สิ่งนี้สื่อถึงพลังแม่เหล็กที่แข็งแกร่งที่กำลังจะถูกควบคุมโดยคอมมิวนิสต์ ซึ่งสอดคล้องกับคำอธิบายของพลเอก Douglas MacArthur ที่ว่า “ชัยชนะจะเป็นแม่เหล็กที่แข็งแกร่งในตะวันออก” 

ดร. Victor Cha

นอกเหนือจากคำอธิบายของประธานาธิบดี Eisenhower แล้ว ดร. Victor Cha นักวิชาการชาวอเมริกัน อดีตผู้อำนวยการฝ่ายกิจการเอเชียของสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังได้อธิบายทฤษฎีโดมิโนในหนังสือ Powerplay : The Origins of the American Alliance System in Asia ซึ่ง ดร. Cha วิเคราะห์ทฤษฎีโดมิโน โดยอ้างอิงโดยยึดถือเอาภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเขาได้ระบุว่า "การล่มสลายของประเทศเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเอเชีย อาจทำให้เกิดเครือข่ายของประเทศที่จะเข้าสู่ลัทธิคอมมิวนิสต์"

แม้ว่า ทฤษฎีโดมิโนจะเกิดในทศวรรษ 1950 แต่ประเทศเสรีตะวันตก มีความหวาดระแวงเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ และด้วยวาระของความเป็นคอมมิวนิสต์สากลซึ่งมีมานานแล้ว ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ความหวาดระแวงนี้เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นทฤษฎีโดมิโน อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต ซึ่งขณะนั้นนำโดย Josef Stalin ไปยังยุโรปตะวันออก และชัยชนะของลัทธิคอมมิวนิสต์ในจีน ผู้นำตะวันตกเชื่อว่า เมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ตั้งหลักในประเทศหนึ่ง เพื่อนบ้านของประเทศจะถูกแทรกซึม บุกรุก และยึดครองโดยคอมมิวนิสต์อย่างรวดเร็ว เหมือนกับกลุ่มโดมิโนที่ยืนเรียงกันล้มลง คนหนึ่งล้มทับคนถัดไปจนทั้งหมดพังทลาย ไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนแรกที่ใช้การเปรียบเทียบของโดมิโนที่ล้มลงหรือเป็นผู้บัญญัติศัพท์ ทฤษฎีโดมิโน แต่การกล่าวถึงต่อสาธารณะครั้งแรกเกิดขึ้นโดยประธานาธิบดี Dwight D. Eisenhower ในสุนทรพจน์เมื่อปี พ.ศ. 2497 ซึ่งอธิบายว่า ทำไมอเมริกาจึงให้ความช่วยเหลือฝรั่งเศสในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน (เวียดนาม) ตามที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น

Josef Stalin ผู้นำของสหภาพโซเวียตตลอดสงครามโลกครั้งที่สองและช่วงต้นของสงครามเย็น

สองฟากฝ่ายในสงครามโลกครั้งที่สอง “สัมพันธมิตร (Allies)” และ “อักษะ (Axis)”

ความกลัวของสหรัฐฯ ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ในยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 1930 จากการที่ประเทศในยุโรปไม่อาจต้านทาน Adolf Hitler ได้ และสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันที่เกิดขึ้นในเอเชีย ซึ่งการขยายตัวของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่แม้แต่จีนก็ไม่สามารถต้านทานได้ จนกระทั่งกลายเป็นการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่นไปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังมีปัจจัยเพิ่มเติมคือความกังวลที่บางประเทศไม่สามารถต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการยึดครองในภูมิภาคของตน ในขณะนั้นประเทศในยุโรปส่วนใหญ่เหนื่อยล้า และอ่อนล้าทางเศรษฐกิจหลังจากสงครามอีกหลายปี รัฐบาลอ่อนแอและประชาชนต่างก็ หดหู่ สิ้นหวัง และหิวโหย สิ่งนี้ทำให้ตกเป็นเหยื่อของการแทรกซึมและการโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์ได้โดยง่าย

เอเชียอ่อนแอพอ ๆ กับการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ รัฐบาลและกองกำลังทหารของประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ค่อนข้างอ่อนแอ ประชากรส่วนใหญ่เป็น ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งอ่อนไหวต่อการโฆษณาชวนเชื่อ และง่ายต่อการชักจูงให้เป็นแนวร่วมและสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้งขบวนการชาตินิยม และการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชในเอเชียถือเป็น "ที่หลบซ่อน" ในอุดมคติสำหรับผู้แทรกซึมของคอมมิวนิสต์ พรมแดนในเอเชียไม่ได้รับการดูแลอย่างดี และส่วนใหญ่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นคอมมิวนิสต์จึงสามารถย้ายเข้าและออกจากประเทศเป้าหมายได้โดยแทบจะไม่มีความยากลำบากเลย ทั้งยังมีความเสี่ยงและความอ่อนแอต่อการรับมือของลัทธิคอมมิวนิสต์ในทวีปแอฟริกาและทวีปอเมริกาใต้

การขยายตัวของจีนทำให้ทฤษฎีโดมิโนได้รับแรงหนุนจากสมมติฐานจากการขยายตัวของจีน นักยุทธศาสตร์ตะวันตกเชื่อว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนจะกลายเป็นแนวหน้าในการขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ในเอเชีย เช่นเดียวกับที่สหภาพโซเวียตเคยทำในยุโรปตะวันออก เหตุการณ์สงครามเกาหลี (พ.ศ. 2493-2496) ดูเหมือนจะเป็นสนับสนุนความเชื่อนี้ จีนสนับสนุนการรุกรานเกาหลีใต้ของคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ และขณะเดียวกันปักกิ่งก็ให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และการขนส่งผ่านจากสหภาพโซเวียตแก่ Ho Chin Minh และขบวนการเวียตมินห์ที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของเวียดนามอีกด้วย และเมื่อความสามารถทางเศรษฐกิจและการทหารของจีนเพิ่มมากขึ้น ทางตะวันตกเชื่อว่า ปักกิ่งจะขยายลัทธิคอมมิวนิสต์เพื่อสร้างกันชนระหว่างตัวเองและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น สิ่งนี้ทำให้หลายประเทศเสี่ยงต่อการรุกรานของคอมมิวนิสต์ ได้แก่ เกาหลีใต้ เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไทย พม่า ทิเบต มาลายา สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

Harry S. Truman, Dwight D. Eisenhower และ John F. Kennedy / Lyndon B. Johnson (ขวา) และ Richard M. Nixon

จากประธานาธิบดี Henry S. Truman จนถึงประธานาธิบดี Richard M. Nixon ต่างก็สนับสนุนทฤษฎีโดมิโน แม้ว่าประธานาธิบดี Truman จะไม่เคยใช้การกล่าวเปรียบเทียบแบบโดมิโน แต่ก็ยอมรับหลักการทั่วไปของทฤษฏีโดมิโน และใช้เป็นพื้นฐานในหลักการของ Truman (Truman doctrine) ประธานาธิบดี John F. Kennedy ได้กล่าวถึงทฤษฎีโดมิโน และบอกใบ้ถึงทฤษฎีนี้ในสุนทรพจน์เปิดตัวโดยเตือนว่า “ความปลอดภัยของเราอาจสูญหายไปทีละประเทศทีละประเทศ” ประธานาธิบดี Lyndon B. Johnson และประธานาธิบดี Richard Nixon ต่างยอมรับว่า ทฤษฎีโดมิโนเป็นความจริง ซึ่งเป็นจุดยืนในการสนับสนุนความต่อเนื่องและการลุกลามของสงครามเวียดนาม ความพ่ายแพ้ราคาแพงของอเมริกันในเวียดนามทำให้ทฤษฎีโดมิโนเป็นกลายเป็นเรื่องที่น่าอดสูอย่างยิ่ง ซึ่งทุกวันนี้ยังคงเป็นประเด็นความคิดที่มีการถกเถียงกันอยู่ทั่วไป โดยผู้คัดค้านจะมีจำนวนมากกว่าผู้สนับสนุน บางคนอ้างว่า ทฤษฎีโดมิโนนั้นถูกต้อง และได้รับการตรวจสอบ โดยการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในเอเชีย การแทรกแซงของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้เท่านั้นที่สามารถหยุดความคืบหน้า บ้างก็ว่า ทฤษฎีโดมิโนเป็นแนวคิดที่เรียบง่าย แต่ไม่เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของขบวนการปฏิวัติในเอเชีย ซึ่งเป็นพวกชาตินิยมและสังคมนิยมมากกว่าคอมมิวนิสต์หัวรุนแรง

แนวคิดของทฤษฎีโดมิโนในระหว่างสงครามเย็น

1.) ทฤษฎีโดมิโนเป็นความเชื่อที่ว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์จะแพร่กระจายจากประเทศหนึ่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เปรียบเหมือนตัวโดมิโนที่ล้มลงไล่เรียงต่อกันไป และเริ่มเป็นที่รู้จักและใช้อ้างอิงในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1950 กระทั่งสงครามเย็นสิ้นสุด

2.) ทฤษฎีดังกล่าวเกิดจากอุดมการณ์ของ Vladimir Lenin ผู้ซึ่งเรียกร้องให้มี “การปฏิวัติระหว่างประเทศ” และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตจะเป็นแกนในการสนับสนุนการปฏิวัติของกลุ่มคอมมิวนิสต์ในต่างประเทศ

3.) การใช้การเปรียบเทียบแบบโดมิโนครั้งแรกเกิดขึ้นโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ Dwight D. Eisenhower ซึ่งเตือนว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์สามารถแพร่กระจายไปทั่วเอเชีย และเข้าควบคุมครอบงำผู้คนนับล้าน ๆ ได้

4.) ประเทศในเอเชียถูกมองว่า มีความอ่อนแอต่อการรับมือกับลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นพิเศษ ด้วยรัฐบาลและกองทัพอ่อนแอ สังคมไร้การศึกษา และพรมแดนของประเทศเหล่านี้ไม่มีความมั่นคงแข็งแกร่ง

5.) ทฤษฎีโดมิโน ได้รับการยอมรับว่าเป็นความจริง โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯหลายท่าน ด้วยความเชื่อจากการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งสนับสนุนต่อหลักการของ Truman รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ตามนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

หลักการ Truman (Truman doctrine)

นายพล Lon Nol / เจ้าสุวรรณภูมา / นายพล Dương Văn Minh

หลังจากการล่มสลายของรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนซึ่งพ่ายแพ้แก้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ อันได้แก่ รัฐบาลสาธารณรัฐกัมพูชานำโดยนายพล Lon Nol เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 ต่อกองกำลังเขมรแดง รัฐบาลสาธารณรัฐเวียตนามนำโดยนายพล Dương Văn Minh เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 ต่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนเวียตนามและกองลำลังเวียตกง และรัฐบาลราชอาณาจักรลาวนำโดย เจ้าสุวรรณภูมา เมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2518 ต่อกองกำลังของขบวนการปลดปล่อยประเทศลาว ทั่วทั้งโลกต่างจับจ้องมายังราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของทั้งลาวและกัมพูชา และเวียดนามก็อยู่ถัดไปจากทั้งสองประเทศดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นแล้วรัฐบาลไทยยังอนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ ใช้ฐานทัพในประเทศส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดทำลาย สร้างความเสียหายแก่ทั้งสามประเทศดังกล่าวมากมายจนเหลือคณานับ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและพระบรมวงศานุวงศ์ทรงงานเพื่อพสกนิกรอย่างหนัก

และไทยเองยังคงมีปัญหาความไม่สงบในประเทศจากการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลและกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในแทบทุกภาคของประเทศนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 พอปี 2518 เมื่อกัมพูชาถูกเขมรแดงยึดครอง และเวียตนามใต้ก็พ่ายแพ้แก่เวียตนามเหนือและเวียตกง ผู้สังเกตการณ์ต่างชาติจำนวนหนึ่งคิดว่าไทยจะต้องกลายเป็นคอมมิวนิสต์ตามทฤษฏีโดมิโน แต่คนไทยมีชื่อเสียงในด้านการโอนอ่อนไปตามลมที่พัดผ่าน เช่นเดียวกับไม้ไผ่ที่จะไม่แตก และจะโค้งงอลู่ไปตามแรงของลมพายุ นักธุรกิจต่างชาติบางคนคิดว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายถึงขนาดยอมขายบริษัทของตนในราคาที่ถูกมาก การลงทุนของต่างชาติในไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางทางภูมิรัฐศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลง ชาวอเมริกันเคยได้รับการบอกเล่าจากเหล่าบรรดาผู้นำของตนว่า ประเทศไทยจะล่มสลายหากเพื่อนบ้านในอินโดจีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์ 

โดยที่ผู้นำอเมริกันได้ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงสงครามเวียดนามว่า จีนอยู่เบื้องหลังเวียดนามเหนือ และเรียกร้องให้ทำสงครามต่อไป ดังที่ Lyndon B. Johnson แถลงที่มหาวิทยาลัย John Hopkins ในปี พ.ศ. 2508 ว่า หากจีนและเวียดนามเหนือชนะในเวียดนามใต้ ''การต่อสู้จะเกิดขึ้นใหม่ในประเทศหนึ่งและจากนั้นอีกประเทศหนึ่ง” ทำให้ขณะนั้นเกิดปรากฏการณ์ “ฝันร้ายเกิดซ้ำในทุกวันของทั้งนักลงทุนต่างชาติและเหล่าคหบดีชาวไทยคือ พวกเขาอาจจะต้องต่อสู้แย่งกันเพื่อที่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์อพยพเที่ยวสุดท้ายที่ออกจากกรุงเทพฯ'' Jeffrey Race, นักวิชาการชาวอเมริกัน จาก Institute of Current World Affairs กล่าวในเดือนเมษายน พ.ศ. 2519 แต่เขาคาดว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเขาคาดการณ์ได้ถูกต้อง 

ฐานที่มั่นของกองกำลังติดอาวุธพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

การที่ไทยไม่เป็นโดมิโนตัวต่อไป อันเนื่องปัจจัยภายในประเทศดังนี้ : 
(1) เพราะการทรงงานเพื่อพสกนิกรอย่างหนักในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและพระบรมวงศานุวงศ์ “ด้วยในแผ่นดินประเทศไทยนี้ไม่มีจังหวัดใด อำเภอไหน ที่ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยือนอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์” การเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทุกเชื้อชาติศาสนา ถือเป็นพระบรมราโชบายที่จะได้ทรงทำความรู้จักกับราษฎร ทรงรับฟังความทุกข์ และทอดพระเนตรสภาพปัญหาที่แท้จริงของราษฎรด้วยพระองค์เอง และเมื่อทรงทราบถึงปัญหาแล้วจะพระราชทานความช่วยเหลือ ทั้งพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ หรือพระราชทานพระราชดำริถึงวิธีแก้ปัญหา บางปัญหาทรงทดลองหาทางแก้ไขด้วยพระองค์เอง ก่อนจะพระราชทานเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในด้านต่างๆ 

(2) การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลและกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในแทบทุกภาคของประเทศ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้กองกำลังต่างชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือมีบทบาทในการสู้รบ กองทัพไทยได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ และการฝึกฝนอบรมจากรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) แต่ไม่อนุญาตหรือยินยอมให้กองทหารหรือเจ้าหน้าที่ต่างชาติใด ๆ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการต่อต้านความไม่สงบในประเทศเลย เช่นเดียวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ปละการฝึกฝนอบรมจากพรรคคอมมิวนิสต์ต่างชาติ แต่ก็ไม่ยินยอมให้กองกำลังต่างชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสู้รบกับรัฐบาลไทยด้วยเช่นกัน 

(3) คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 เรื่อง “นโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์” คำสั่งนี้ได้วางแนวปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หรือผู้หลงผิดที่เข้ามอบตัว หรือที่จับได้ อย่างเพื่อนประชาชนร่วมชาติ โดยไม่มีการดำเนินคดีย้อนหลัง ยกเว้นบางคนที่มีคดีอาญาร้ายแรง รวมทั้ง ช่วยเหลือให้ใช้ชีวิตใหม่ร่วมกันต่อไปในสังคมอย่างเหมาะสม อันเป็นแนวคิดของ พล.ต.เปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีต นายกรัฐมนตรี ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ) ตั้งแต่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็น พล.ท. เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2517-2520 และต้องเผชิญสงครามแย่งชิงมวลชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อท่านเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ.เปรม และคณะทำงานคือ พล.ต.ปฐม เสริมสิน, พ.อ.หาญ ลีนานนท์, พ.อ.เลิศ กนิษฐะนาคะ เริ่มตระหนักว่าวิธีการปราบปรามอย่างเดียวไม่น่าจะได้ผล เพราะชาวบ้านก็ไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องใช้วิธีต่อสู้ทางความคิด และดึงเอาประชาชนมาเป็นฝ่ายเดียวกับราชการ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2523 พล.อ.เปรม ได้รับแต่งตั้งจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก หลังจากนั้น 1 เดือน ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2523 จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 หลังจากนั้นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และมวลชนที่เข้าป่าไปจับปืนต่อสู้ทยอยเดินทางออกจากป่าในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ประเทศไทยจึงรอดพ้นจากการยึดครองของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดทฤษฎีโดมิโนไปอย่างถาวร

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีต นายกรัฐมนตรี ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ผู้ริเริ่มคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 เรื่อง “นโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์”

กองกำลังเวียดนามในกัมพูชา

ไม่พียงแต่ปัญหาอันเป็นปัจจัยภายในที่ได้กล่าวมาเท่านั้น ยังมีปัจจัยภายนอกซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงที่ไทยต้องประสบพบเจอคือ แผนตัดขาดและยึดภาคอีสานของไทยตามยุทธการตัว L (L Operation) และรวมภาคอีสานของไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นสหพันธ์อินโดจีน โดยมีเวียดนามเป็นผู้นำ โดยมีลักษณะภูมิประเทศรูปตัวแอลใหญ่ (L) คือพื้นที่ป่าภูเขาบริเวณรอยต่อจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย ทอดตัวยาวลงมาทางใต้ตามแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ มาบรรจบกันบริเวณเขาใหญ่ บริเวณรอยต่อ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครนายก และจังหวัดสระบุรี ซึ่งทอดตัวยาวมาจากทิศตะวันตก ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก เขาบรรทัด เขากำแพง และบรรจบกันที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 

ซึ่งต่อมากำลังทหารเวียดนามบุกเข้ากัมพูชาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2521 เพื่อล้มล้างระบอบเขมรแดง กำลังทหารกัมพูชาส่วนใหญ่ได้อพยพมาอยู่ทางด้านตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศที่ติดกับชายแดนไทย โดยมีกลุ่มชาวกัมพูชาที่ต่อต้านการยึดครองของเวียดนามอยู่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มกัมพูชาประชาธิปไตย (Democratic Kampuchea) หรือกลุ่มเขมรแดงของ พล พต และ เขียว สัมพันธ์ มีสมาชิกประมาณ 40,000 คน มีฐานที่ตั้งอยู่บริเวณพนมกระวันและบริเวณตะวันตกของจังหวัดพระตะบอง กลุ่มแนวร่วมปลดแอกแห่งชาติของประชาชนเขมร (Khmer People’s National Liberation Front - KPNLE) ภายใต้การนำของซอนซาน มีสมาชิกประมาณ 4,000-12,000 คน และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติเพื่อเอกราช ความเป็นกลาง และสันติภาพในกัมพูชา (Front d"union national pour un Cambodge independant, pacifiaue et cooperatif : FUNCINPEC) ภายใต้การนำของสมเด็จนโรดม สีหนุ การที่กลุ่มต่อต้านทั้งสามกลุ่มนี้มีฐานกองกำลังใกล้กับชายแดนไทยเพื่อเป็นง่ายต่อการหลบหนีเมื่อกำลังเวียดนามบุกเข้ามา กำลังกัมพูชาก็หลบหลีกเข้าสู่ดินแดนไทย ในการนี้เวียดนามเห็นว่าไทยยินยอมให้ชาวกัมพูชาฝ่ายต่อต้าน ใช้พื้นที่เป็นที่หลบหนีและคุ้มกันการโจมตีของกำลังเวียดนามและกำลังของ เฮง สัมริน 

ขณะนั้นกองทัพไทยเมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนามแล้วนั้นถือได้ว่าเทียบกันไม่ติด ในขณะนั้นมีการจัดอันดับความเข้มแข็งทางทหารของเวียดนามว่า อยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก ในขณะที่กองทัพไทยไม่ติดอันดับหนึ่งในยี่สิบเลย เนื่องจากกองกำลังทางทหารของฝ่ายไทยไม่เคยผ่านการรบมาก่อนหรือถ้าผ่านก็เป็นการรบแบบสมัยใหม่ ซึ่งมีแนวการรบแบบสหรัฐอเมริกาอันแตกต่างกับเวียดนามซึ่งกองกำลังของเวียดนามมีทักษะในการรบที่ดีกว่าและรู้วิธีการรบแบบกองโจร 

นอกจากนี้ทหารของเวียดนามก็ยังมีประสบการณ์รบจากสงครามเวียดนาม ขณะที่เวียดนามบุกกัมพูชานั้น กองกำลังทางทหารของเวียดนามมีจำนวนมากถึง 875,000 คน โดยที่ยังไม่รวมกำลังทหารของฝ่ายเฮง สัมริน ที่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ด้วยการรบทั้งแบบกองโจรและการรบแบบสมัยใหม่ ขณะที่ฝ่ายไทยนั้นมีประสบการณ์เพียงเรื่องการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และมีกำลังทหารที่ผ่านสงครามในลาวและเวียดนาม ซึ่งชำนาญการรบตามหลักนิยมของกองทัพสหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องมีอำนาจการยิงที่เหนือกว่าจึงจะทำการรบได้ นอกจากนี้เวียดนามยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหลือจากสงครามเวียตนามอยู่มาก รวมทั้งในระหว่างปี พ.ศ. 2521 - 2531 นี้เวียดนามได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหภาพโซเวียตเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อพัฒนากองทัพให้ทันสมัยและเพื่อการปราบปรามฝ่ายต่อต้านในการกัมพูชา จึงกล่าวได้ว่า ขณะนั้นไทยมีขีดความสามารถที่ด้อยกว่าเวียดนามอยู่มาก

การคงอยู่ในกัมพูชาของกองกำลังเวียดนามในช่วงเวลาระหว่างปี พ.ศ. 2522–2532 ถือเป็นช่วงวิกฤตของไทยเลยทีเดียว การจัดการกับปัจจัยภายนอกในกรณีนี้ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงต่างประเทศได้ทำงานอย่างหนักและได้ผล ด้วยการ 

(1) ใช้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ดำเนินการกดดันเวียดนามในกรณีนี้ในทุกเวทีนานาชาติ ซึ่งประสบผลสำเร็จโดยเวียดนามถูกโดดเดี่ยวในทางการเมืองและเศรษฐกิจ 

(2) ใช้ความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่ขัดแย้งกับเวียดนามเช่น จีนดำเนินการกดดันเวียดนาม และยอมให้จีนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ผ่านไทยไปสนับสนุนกองกำลังกัมพูชาที่ต่อต้านเวียดนาม (รวมทั้งเขมรแดง) 

(3) สหประชาชาติยังคงให้การรับรองรัฐบาลเขมรสามฝ่าย ซึ่งเป็นฟากฝ่ายที่ต่อต้านเวียดนาม ประกอบกับนโยบายของนานาชาติเกี่ยวกับกัมพูชาส่งผลต่อเศรษฐกิจของเวียดนาม สหรัฐประกาศคว่ำบาตรเวียดนาม และมีหลายประเทศในสหประชาชาติไม่รับรองเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา และมีการปฏิเสธสมาชิกภาพขององค์กรระดับนานาชาติ เช่น ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ใน พ.ศ. 2522 ญี่ปุ่นได้กดดันโดยลดความช่วยเหลือต่อเวียดนาม ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต และปัญหาเรือมนุษย์ ทำให้สวีเดนที่เคยสนับสนุนเวียดนามถอนการรับรองด้วย การโดดเดี่ยวในระดับนานาชาติ และปัญหาทางเศรษฐกิจทำให้เวียดนามต้องพึ่งสหภาพโซเวียตมากขึ้น 

โดยเฉพาะหลังจากการทำสงครามกับจีนใน พ.ศ. 2522 สหภาพโซเวียตให้ความช่วยเหลือเวียดนาม 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสูงที่สุดใน พ.ศ. 2524 – 2528 ใน พ.ศ. 2529 สหภาพโซเวียตประกาศลดความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจต่อเวียดนามลง 20% และลดความช่วยเหลือทางทหารลง 1 ใน 3 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 คณะกรรมการโปลิตบูโรของเวียดนามได้ปรับนโยบายการต่างประเทศโดยจะเปิดประเทศรับการลงทุนและความช่วยเหลือจากต่างชาติ เวียดนามยุติการประณามสหรัฐอเมริกา จีน อาเซียน และเริ่มมีการถอนทหารออกจากกัมพูชาโดยลำดับ รัฐบาลเวียดนามได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 เพื่อฟื้นฟูสันติภาพในกัมพูชา เวียดนามและจีนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 การสิ้นสุดความขัดแย้งในกัมพูชา ทำให้ประเทศในอินโดจีนได้แก่ ลาว และกัมพูชา เข้าร่วมกับอาเซียน ในช่วง พ.ศ. 2534 – 2535 เวียดนามได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสมาชิกอาเซียน และการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามระหว่าง พ.ศ. 2534 – 2537 คิดเป็น 15% ของการลงทุนของต่างชาติในเวียดนาม 

ต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกอันดับที่ 7 ของอาเซียนอย่างเป็นทางการ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2538 เวียดนามได้ประกาศยกระดับจากตัวแทนจากเป็นสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาหลังจากที่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติต่อกันตั้งแต่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 รวมทั้งการเข้าร่วมองค์การการค้าโลกเมื่อปี พ.ศ. 2550 และการเข้าร่วมลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ทำให้การโดดเดี่ยวเวียดนามออกจากสังคมโลกสิ้นสุดลง และทฤษฎีโดมิโน ซึ่งว่าด้วยความเชื่อที่ว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์จะครองโลก หยุดลงที่ราชอาราจักรไทยโดยสิ้นเชิง


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สมุทรปราการ - ปิดชั่วคราว ! ตลาดสดหนามแดง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ที่บริเวณตลาดสดหนามแดง หรือ ตลาดเทพประธาน (หนามแดง) อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้ทำการปิดตลาดชั่วคราว หลังพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในตลาดสดแห่งนี้  โดยมีการติดป้ายพร้อมด้วยแผงเหล็กกั้นมาปิดกั้นบริเวณทางเข้า-ออก เพื่อปิดทำความสะอาด และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ที่เดินทางมาใช้บริการยังตลาดเทพประธานแห่งนี้

โดยนาย วชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์  หลังจากได้ทราบว่าตลาดเทพประธาน (หนามแดง) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีความห่วงใยผู้ประกอบการและประชาชนในเขตพื้นที่รวมถึงประชาชนทั่วไป  ที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดแห่งนี้  จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้างทำความสะอาดภายในตลาดเทพประธาน  และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มาใช้บริการยังตลาดสดแห่งนี้

ด้านนาย ชาตรี อยู่วัฒนะ ในฐานะผู้บริหารตลาดเทพประธาน (หนามแดง) หรือตลาดสดหนามแดง กล่าวว่า หลังพบว่าตลาดเทพประธานมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ทำการสั่งปิดตลาดชั่วคราวเพื่อล้างทำความสะอาด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเทพารักษ์  ภายใต้การอำนวยการของนาย  วชิรเชษฐ์  รุ่งธวัฒน์วงศ์  นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์  รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจึงได้ร่วมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในตลาดเทพประธาน โดยมีนาย ธนะสิทธิ์ วงษ์แก้วบุญเรือน รองประธานสภาเทศบาลตำบลเทพารักษ์ พร้อมด้วย  สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเทพารักษ์ นายกิตติพงษ์  อยู่วัฒนะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 และคณะเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข  ร่วมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาด รวมทั้งฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในบริเวณตลาดและพื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้พักอาศัย และประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาใช้บริการรวมถึงผู้ประกอบการ

อีกทั้งยังมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดเทพประธานแห่งนี้ หลังจากที่ทำการปิดตลาดเพื่อล้างทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น คาดว่าตลาดเทพประธาน หรือ ตลาดสดหนามแดง  จะกับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งภายในวันที่ 12 มิถุนายน 2564


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สงขลา - ม.อ. พร้อม !! เตรียมพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ดีเดย์ 7 มิ.ย. นี้ รองรับ 1,000-2,000 คนต่อวัน

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมด้วย นายแพทย์บุญประสิทธิ์ กฤตย์ประชา รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ รองศาสตราจารย์ นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ นพ.กิตติพงศ์ เรียบร้อย รองคณบดีฝ่ายโรงพยาบาลและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พญ.ธารทิพย์ แสงสุวรรณ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมสุขภาพบุคลากร ตลอดจนทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมถวายสักการะ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ พร้อมเยี่ยมชมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ในการทดลองระบบการให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชนกลุ่มสูงอายุ และ 7 กลุ่มเสี่ยงฯ ณ ศูนย์กีฬาและสุขภาพ (โรงยิม) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การฉีดวัคซีนถือเป็นการป้องกันการติดเชื้อ ควบคู่กับมาตรการการป้องกันอย่างเข้มงวด ซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดำเนินการในการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปีนี้ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ได้มีการเปิดโรงพยาบาลสนามรวม 4 วิทยาเขต ขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทุกคนที่ร่วมกันทำงาน ถือเป็นความเสียสละและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" ขอให้ทุกคนปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อดูแลประชาชน ตลอดจนบุคลากร และนักศึกษาที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน มหาวิทยาลัยมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อสนับสนุนภารกิจการฉีดวัคซีนให้ลุล่วงไปด้วยดี

โดยในวันนี้ (4 มิ.ย. 64) เป็นการให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และเพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป สำหรับกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง, โรคระบบประสาท, โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเลือกโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และได้วัน-เวลา รับวัคซีนในระบบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนวันแรกในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 โดยผู้มารับวัคซีนควรมา ณ สถานที่ฉีดก่อนเวลา 30 นาที ตามวันและเวลาที่นัดไว้ นำบัตรประชาชนพร้อมใบยินยอมฯ ที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่มี สามารถดาวน์โหลดใบยินยอมได้ที่ http://medinfo2.psu.ac.th/pr/consent_vaccine.pdf หรือ QR Code และผู้รับวัคซีนควรแต่งกายด้วยชุดที่สะดวกต่อการฉีดวัคซีน (สามารถเปิดแขนได้สะดวก)

สำหรับขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมเอกสาร (ใบยินยอมฯ / ประวัติ),ลงทะเบียน (โดยใช้บัตรประชาชน), วัดไข้ / ความดัน / ชีพจร, ซักประวัติ / บันทึกข้อมูล, รอฉีดวัคซีน, ฉีดวัคซีน, พักสังเกตอาการ 30 นาที, รับบัตรนัดเข็มที่ 2 / เอกสาร

โดยผู้รับวัคซีนที่มีวันและเวลานัดกับทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้เดินทางไปรับวัคซีนได้ที่ ศูนย์กีฬาและสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการจัดสถานที่สำหรับจอดรถไว้รองรับผู้ฉีดวัคซีนไว้ ณ ลานจอดรถโรงยิมและริมถนนโดยรอบ หรือประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาด้วยรถสาธารณะ มีรถรับ – ส่ง บริเวณศาลารอรถตรงข้ามร้านกาแฟ บินหลาบลู (ด้านข้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์) ซึ่งรถจะวนมารับทุก ๆ 30 นาที นอกจากนี้ ผู้ป่วยรถเข็น พระภิกษุสงฆ์ และผู้พิการ สามารถวนรถเพื่อส่งผู้รับวัคซีนได้ ณ ทางเข้าตรงข้ามโรงช้าง และจอดรถบริเวณลานจอดรถตรงข้ามโรงช้าง ทั้งนี้ ผู้รับวัคซีนควรเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำก่อน – หลัง การรับวัคซีน

หากผู้รับวัคซีนมีอาการที่สงสัยว่าเป็นอาการแพ้วัคซีน เช่น ผื่น ลมพิษ ปากบวม ตาบวม หน้ามือ เยื่อบุจมูกอักเสบ อาเจียน ปวดท้อง แน่นหน้าอก หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอาการข้างเคียงหรือแพ้ สามารถโทรสอบถามได้ที่

- ศูนย์เภสัชสนเทศ โทร.074-451314 เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.

- ห้องยาผู้ป่วยนอก โทร.074-451303 เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.

- ห้องยาฉุกเฉิน โทร.074-451309 ตลอด 24 ชั่วโมง

สตูล - ร.5 พัน.2 จัดกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ ทบ.

พ.อ.ศุภชัย สงสังข์ ผบ.ร.5 พัน.2 และ คุณณัฐวิภา สงสังข์ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา ร.5 พัน.2 พร้อมด้วยกำลังพลและสมาชิกแม่บ้านจิตอาสาพระราชทานของหน่วย ร่วมกับ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ บ้านวังพะเนียด จัดกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ ทบ. เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

โดยดำเนินการจัดตั้งรถครัวสนามประกอบอาหารปรุงสุก แจกให้ประชาชนพร้อมทั้งน้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้แก่ผู้ที่เดินทางมารอรับ พร้อมนำอาหารปรุกสุก อุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด ถุงยังชีพ และยาเวชภัณฑ์ ไปมอบให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ด้อยโอกาส ตามโครงการ Army Delivery เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส Covid-19  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ณ ม.5 บ้านวังพะเนียด ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

นนทบุรี - ช่วงโควิด-19 หลายธุรกิจหยุดชะงัก แวะมาดูอินทผลัมออแกนิกของเกษตรกรชาวนนทบุรี สร้างศูนย์เรียนรู้ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรใกล้กรุงฯที่จังหวัดนนทบุรี

สวนอินทผลัม ปามี 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร ใช้ที่ดินกว่า 100 ไร่ ปลูกอินทผลัม ทุเรียน และสมุนไพรอื่นๆเพื่อให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางเกษตร ชนิดที่ว่าเข้าแล้วจะอิ่มเอมกับความบริสุทธิ์ของวิถีชาวสวนและสนุกกับการเดินข้ามท้องร่องในสวนบนบรรยากาศที่เป็นระเบียบน่ามองน่าชมเกษตรกรนนทบุรี ปลูกอินทผลัมกินผลสด ผลผลิตมากคุณภาพ ขายได้ราคาดี ผลใกล้สุกแล้วปลายเดือนมิถุนายนนี้ 

สำหรับสวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “ แห่งนี้ได้ความสนใจจากประชาชนมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างมากมาย เนื่องจากเป็นพืชนี้มีราคาดี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย และยังเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากและให้พลังงานสูง

อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์ม มีหลากหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสูงได้ถึงประมาณ 30 เมตร โดยใบติดอยู่บนต้น 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร มีลักษณะเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกของอินทผลัมจะออกจากโคนใบ เมื่อติดผลลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ รับประทานได้ทั้งผลสดและสุก ซึ่งผลจะมีสีเหลืองถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด โดยผลสุกจะนิยมนำไปตากแห้ง

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตรกล่าวว่า “เห็นถึงลักษณะพิเศษของอินทผลัม จึงได้นำมาทดลองปลูกภายในสวน จนประสบผลสำเร็จ ทำให้ในเวลานี้ที่ สวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “มีผลผลิตอินทผลัมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด พร้อมทั้งแต่ละปีมีผลผลิตคุณภาพออกสู่ตลาดเป็นที่ถูกใจของลูกค้าไม่น้อยทีเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากจะปลูก ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ที่สวนเราได้ หรืออยากจะลองชิม หรือศูนย์เรียนรู้ได้ที่ ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร  เลขที่ 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ได้ทุกเวลา

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการชุมชนยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติด และชื่นชมตำรวจได้รับความร่วมด้านปราบปรามยาเสพติดทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมโครงการการดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่บริเวณศาลาประชาคมบ้านตาดใหญ่  ต. ห้วย อ. ปทุมราชวงศา จ. อำนาจเจริญ ว่าจัดทำโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่กำลังเป็นภัยต่อประเทศชาติจากที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ทหาร เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโครงการการดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร ยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีสถานีตำรวจภูธรทั่วประเทศ จำนวน 6,483 สถานี สถานีละ 1 แห่ง ผลการปฏิบัติงานภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทาง ผวจ. อำนาจเจริญเสนอให้ในพื้นที่ จ. อำนาจเจริญควรเพิ่มสถานีละ 8- 10 แห่ง

พล.ต. อ. มนู ยังได้จัดแถลงผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจ ชุดปฏิบัติการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดร่วมกับสืบ สภ.ชานุมาน  เมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดจับกุมยาบ้าที่ลักลอบมาจากแนวชายแดนไทย-ลาวด้านฝั่งแม่น้ำโขง อ.ชานุมาน ตำรวจยึดยาบ้าได้ทั้งสิ้น 50,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 2 คัน ผู้ต้องหา 4 คนเป็นราษฎรจากจังหวัดสารคามและ จ.บุรีรัมย์ ขณะจำนำยาบ้าออกจากพื้นที่ จ. อำนาจเจริญ

ผลการดำเนินการการจับกุมคดียาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั้งหมด จับกุม 2,267 ผู้ต้องหา 2,307 คน ของกลางยาบ้า 860,000 เม็ด มูลค่า ประมาณ 5,464,500 บาท การปฏิบัติหน้าที่เป็นที่น่าพอใจ พล.ต.อ.มนู กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายคู่  บุญมาศ   

สมุทรปราการ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.2564 ฯพณฯสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานปิดเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด 19แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ โดยมี นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวรายงาน และนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ ร่วมงาน ณ เรือนจำกลางสมุทรปราการ

เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ภายในประเทศ พบมีประชาชนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก อย่างรุนแรงและ เป็นวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อบางรายถูกจับกุมและถูกส่งตัวเข้าฝากขังภายในเรือนจำตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่ง ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อกลุ่มผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง และถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำอย่างแออัด จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารกิจการภายในเรือนจำ และกรมราชทัณฑ์ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ลด ผลกระทบต่อการเจ็บป่วยรุนแรง หรือการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อญาติผู้ต้องขังและสังคมภายนอก ว่ากรมราชทัณฑ์สามารถจะควบคุมสถานการณ์ได้ และสามารถให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับสังคมภายนอก เรือนจำกลางสมุทรปราการจึงได้จัดทำโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส โควิด-19 แก่ผู้ต้องขังหญิงจำนวน 845 คนและผู้ต้องขังชายจำนวน 5,658คน เจ้าหน้าที่จำนวน 22 ราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 6,525 คน โดยได้รับการสนับสนุนวัคซีนและบุคลากรจากกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และโรงพยาบาลบางบ่อ ในฐานะโรงพยาบาลแม่ข่าย ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ ในการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ระหว่างวันที่ 3-6 มิถุนายน 2564 รวมระยะเวลา 4 วัน หรือวันละประมาณ 1,800 คน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ทุกคนที่ได้ร่วมกันวางมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำเป็นอย่างดี ทำให้ในขณะนี้ในเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่พบว่ามีผู้ต้องขับติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด มีเพียงผู้ต้องขังแรกรับเท่านั้นที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อจำนวน 4 ราย และมีการส่งไปรักษาตัวตามกระบวนการ ทำให้ในปัจจุบันเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถเข้าไประบาดภายในเรือนจำได้ ทำให้เรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการเป็นเรือนจำสีขาวปลอดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ในวันนี้ก็เป็นการสร้างความเชื้อมันให้กับเจ้าหน้าที่และตัวผู้ต้องขังรวมทั้งญาติของผู้ต้องขัง และสังคมภายในนอก ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายหลักของกระทรวงยุติธรรม

 


ภาพ/ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ

เพชรบุรี - “ท็อป-วราวุธ” มอบสิ่งของช่วยเหลือชาวเพชรบุรี

วันที่ 4 มิถุนายน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. และคณะผู้บริหาร ทส.ลงพื้นที่มอบสิ่งของสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์-ผู้ป่วย อาทิ ชุด PPE ,หน้ากากอนามัย (N95), Face Shield, พัดลม ,น้ำดื่มจำนวน 8,000 ขวด เป็นต้น เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนามทุกแห่งในจังหวัดเพชรบุรี พร้อมมอบถุงขยะสีแดงเพื่อใช้ในกิจกรรมคัดแยกขยะติดเชื้อในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยมี นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายแพทย์เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า หัวหน้าส่วนราชการ บุคลาการทางการแพทย์เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี

นายวราวุธ กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้นอกจากสิ่งของที่จำเป็นแล้ว คือ กำลังใจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบสิ่งของเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และสิ่งของที่จำเป็นให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในการผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน ขอให้ทุกคนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ รวมถึงดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง และปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด

จากนั้น นายวราวุธ และคณะได้ร่วมส่งมอบ “โครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น จังหวัดเพชรบุรี” บริเวณท่าเทียบเรือบางแก้ว และรับฟังผลการดำเนินงานโครงการปรับปรุงฟื้นฟูคลองเจ๊กสี และติดตามการดำเนินงานของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมปลูกต้นไม้ ณ อ.บ้านแหลม และ อ.ท่ายาง พร้อมกล่าวว่าโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นเพื่อรักษาชายฝั่งทะเล นับเป็นการทำความเข้าใจธรรมชาติที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ ให้เราอยู่คู่ธรรมชาติ เพราะไม่มีอะไรใหญ่กว่าธรรมชาติ การรักษาธรรมชาติ ธรรมชาติจะเคียงข้างให้เราทำมาหากินได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การรักษาระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม การช่วยบรรเทาปัญหาการกัดเซาะในอนาคตและช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้มากขึ้น การปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นจากกำลังแรงคนยังช่วยแก้ปัญหาการว่างงานได้อีกด้วย รวมถึงปัญหาขยะจากทะเลที่ทุกฝ่ายร่วมรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลให้ประเทศไทยลดลำดับจากอันดับที่ 6 ที่เป็นประเทศที่ทิ้งขยะมากที่สุดในระดับโลก วันนี้เราอยู่ลำดับที่ 10 ซึ่งเพชรบุรีเป็น 1 ใน 23 จังหวัดชายฝั่งที่ช่วยกันลดปริมาณขยะ และต้องสร้างจิตสำนึกการรณรงค์อย่างต่อเนื่องที่จะไม่ทิ้งปัญหาไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน

“นอกจากนั้นยังได้ห่วงถึงเรื่องน้ำอุปโภค บริโภค จากความร่วมมือของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่สามารถเจาะ เจอน้ำในปริมาณมาก ประชาชนสามารถได้รับประโยชน์ มีน้ำใช้ เพื่อการอุปโภคบริโภคตลอดทั้งปี มีจุดให้บริการน้ำดื่ม มีชุดงวงช้างเอาไว้เติมน้ำบริการให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลออกไป ช่วยประหยัดเงินแบ่งเบาภาระให้กับพี่น้องประชาชน และให้ตระหนักถึงการใช้น้ำว่า น้ำบาดาลแต่ละหยดนั้น ยิ่งเจาะลึกลงไปเท่าไหร่ เปรียบเสมือน การทุบกระปุกเก่า ยิ่งเจาะลึก น้ำก็จะยิ่งเก่า ก็แปลว่าเป็นสมบัติเก่า ที่คนรุ่นปู่ย่าตาทวดนั้นได้เก็บเอาไว้ให้กับพวกเรา ดังนั้นน้ำแต่ละหยดที่นำขึ้นมาใช้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้กันอย่างคุ้มค่า” นายวราวุธ กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

#TCAS64 รอบที่ 4 รับตรงอิสระ คณะพยาบาลศาสตร์ ม.ขอนแก่น เปิดรับสมัครออนไลน์ 70 ที่นั่ง ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย. 64

#TCAS64 รอบที่ 4 รับตรงอิสระ คณะพยาบาลศาสตร์ ม.ขอนแก่น เปิดรับสมัครออนไลน์ 70 ที่นั่ง ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย. 64

วันที่รับสมัคร

03/06/2564 - 07/06/2564

สมัครผ่านทางเว็บไซต์

https://admissions.kku.ac.th/regis_app

คุณสมบัติของผู้สมัคร

- กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.6

- สำเร็จการศึกษา ม.6

- มีสัญชาติไทย

คุณสมบัติเฉพาะ

คุณสมบัติผู้สมัคร

• มีสัญชาติไทย และอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

• เป็นโสด อายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี บริบูรณ์

• กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือสำเร็จการศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ หรือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ (โครงสร้าง 2 และ 3) ในโรงเรียนต่างๆ ของประเทศไทย

• มีคะแนนเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งแต่ 3.25 ขึ้นไป

• มีสุขภาพ ร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง มีบุคลิกภาพที่เหมาะสม ไม่มีความพิกล พิการหรือผิดปกติทางด้านร่างกายและจิตใจ ที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การประกอบวิชาชีพพยาบาลและอื่นๆ ตามแนวทางการพิจารณาในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อ ในวิชาชีพการพยาบาลของคณะพยาบาลศาสตร์

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก 
https://admissions.kku.ac.th/web/Direct/DirectDetail/1905/6

ชุมพร - ปลัดจังหวัดชุมพร นำทีมลงพื้นที่ตรวจกำกับติดตามงานในหน้าที่เชิงรุก 8 อำเภอ เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาพัฒนาชุมพรให้สามารถหยุดยั้งโควิด-19 โดยฉีดวัคซีนครบไม่น้อยกว่า 70%

วันที่ 1 มิถุนายน 2564 นายพิทักษ์ พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพรได้นำทีมที่ทำการปกครองจังหวัดชุมพร, ศอ.ปส.จ.ชพ., ศอ.จอส.พระราชทานจังหวัดชุมพร,หัวหน้าชุด ฉก.โชคชัย,ผบ.ร้อย อส.จ.ชพ.ที่1 รวมทั้งงานนิติการและสอบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจกำกับและติดตามงานในหน้าที่ปลัดจังหวัด เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปตามนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย ข้อสั่งการ ของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครองและ 5 วาระเร่งด่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในพื้นที่ทั้ง 8 อําเภอ ดังนี้  วันที่ 31 พ.ค. - 4 มิ.ย. 2564 วันที 31 พ.ค.64 พื้นที่ อ.เมืองชุมพร , อ.สวี ,อ.ท่าเเซะ และ อ.ปะทิว วันที่  1 มิ.ย.64 พื้นที่ อ.ทุ่งตะโก และ อ.พะโต๊ะ  วันที่  4 มิ.ย.64 พื้นที่ อ.ละเเม และ อ.หลังสวน

โดยมีนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง สมาชิก อส. พนักงานราชการ ลูกจ้าง และลูกจ้าง(TST) ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการปฏิบัติราชการของแต่ละอำเภอ ซึ่งได้เน้นย้ำให้อำเภอปฏิบัติราชการให้สอดคล้องกับนโยบายของ รัฐบาล ระเบียบ กฎหมาย หนังสือสั่งการของ กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และจังหวัดชุมพร อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ 10 โครงการสำคัญสู่การเป็นกรมการปกครองวีถีใหม่ “10 Flagships to DOPA New Normal 2021" และในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) ขอให้ร่วมมือ บูรณาการ สานพลังร่วมกันของหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ (ชุมพรทีม) เฝ้าระวัง ป้องกันตามประกาศ คำสั่งและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

โดยใช้กฎกติกาของหมู่บ้าน/ชุมชน การบังคับใช้กฎหมาย, การเร่งรัดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้อย่างน้อย 70% ของจำนวนประชากร ,การตรวจคัดกรองหมู่บ้าน /ชุมชน( Re X -Ray) ในเชิงรุก,การขับเคลื่อน ศปก.อ./ทม. ,การเฝ้าระวังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค เช่น ตลาด สถานประกอบการ ล้งผลไม้ แคมป์คนงาน ชุมชนแรงงานต่างด้าว และการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบเล่นการพนัน ปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ เม.ย.64 เป็นต้น และการขับเคลื่อน วาระเร่งด่วน 5 วาระของจังหวัดชุมพร  ทั้งนี้ได้กำชับให้มีความสามัคคี “ปกครองทีม” ช่วยกันขับเคลื่อนพัฒนาและแก้ไขปัญหา การขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด งบเงินกู้ 405.6 ล้านบาท โดยใช้กลไก กบอ. กบต. ชปต.และ อปท.เพื่อให้ชุมพร เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  เป็นประตูสู่ภาคใต้ ทุกครัวเรือนได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบรวมทั้งประชากรแฝง สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก/ท้องถิ่นและสังคมได้ภายใน ก.ย.64 นี้

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้ฝากเน้นย้ำการขับเคลื่อน 5 วาระเร่งด่วนซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ให้นายอำเภอเป็นผู้ขับเคลื่อนโดยใช้กลไกของปกครอง กลไกหมู่บ้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและให้วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยการร่วมมือบูรณาการสานพลังให้ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชน “ทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธีรายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ตำรวจอุบลฯ รวบแก๊งรับจ้างส่งยาบ้าข้ามชาติได้ 1 อีก 1 รอดหวุดหวิด พร้อมยาบ้ากว่า 42,000 เม็ด

วันที่ 1 มิ.ย.64 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ด่านสุวรรณ รอง ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ และของกลางยาบ้า จำนวน 42,000 เม็ด พร้อมด้วยผู้ต้องหา จำนวน 1 คน      

   

สืบเนื่องมาจาก พ.ต.อ.ชาญชัย อินนราผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป  รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าสามารถสั่งยาเสพติด (ยาบ้า) จากพ่อค้ายาเสพติดชื่อท้าวอ๊อด (ชาวสปป.ลาว) ได้  21 มัด ๆละ 25,000 บาท  จำนวน 42,000 เม็ด เมื่อได้รับแจ้ง พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป จึงได้วางแผนจับกุม โดยนัดส่งยาเสพติดกันที่ ชายป่าบ้านคำสง่า หมู่ที่ 11 ต.หนองนกทา อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 

หลังจากนั้นจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดักซุ่มจับกุมที่จุดดังกล่าว ในวันที่ 30 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาประมาณ  09.00 น. ได้มีชายสองคน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกสีดำไม่ติดแผ่นป้าย เข้ามายังจุดนัดหมายคือชายป่าบ้านคำสง่า โดยชายคนซ้อนท้ายถือลังกระดาษ เมื่อมาถึงชายสองคนได้เจอกับสายลับตามที่นัดกันไว้ และในขณะเดียวกันนั้น สายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่ในบริเวณดังกล่าว

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ออกจากจุดซ่อนตัวแล้วแสดงตัวเพื่อจับกุม เมื่อชายทั้งสองคนรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตกใจได้วิ่งหลบหนี  แต่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมตัวได้ 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี  พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 21 มัด จำนวน 42,000 เม็ด ส่วนผู้ต้องหาอีกคน วิ่งหลบหนีไปได้  

เบื้องต้น นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) รับสารภาพว่า ผู้ชายอีกคนที่หลบหนีไปได้ ชื่อ นายคณินธร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตน โดยก่อนถูกจับกุมในครั้งนี้ ตนและนายคณินธร ได้รับจ้างขนยาบ้าจากนายอ๊อต (ชาวสปป.ลาว) โดยนายอ๊อต ให้นำยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้า ที่บริเวณชายป่าบ้านคำสง่า โดยพวกตนทั้ง 2 คน จะได้รับค่าจ้างเป็นยาบ้าจำนวน 2000 เม็ด 

ซึ่งที่ผ่านมาพวกตนทั้งสองคน เคยรับจ้างขนยาบ้ามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้ ดวงไม่ดี จึงถูกจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายศักดิ์ชัย ว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ จ.อุบลฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้ทำการขยายผลเพื่อจะได้ติดตามจับกุมเครือข่าย ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมตัว มาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ศูนย์ข่าวอุบลฯ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top