Sunday, 25 May 2025
SPECIAL

Verzasca Valley ลำธารสีมรกตในหุบเขา ความงดงามล้ำค่าของ Tessin

Tessin (เทสซิน) ในภาษาเยอรมันหรือ Ticino (ทิชีโน่) ในภาษาอิตาลี เป็นรัฐเดียวในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่ใช้ภาษาอิตาลี และอยู่ติดกับทางชายแดนอิตาลี มีประชากร 351.491 คนจากสถิติเมื่อปี 2019 เมืองหลักคือเมือง Bellinzona (เบลลินโซน่า) เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือเมือง Lugano (ลูกาโน่) 

Tessin เป็นรัฐที่คนสวิสเองนิยมไปพักร้อนกันมากในวันหยุดพักผ่อน เพราะบรรยากาศและอากาศเป็นหลัก สำเนียงอิตาเลียน, อาหาร, สถาปัตยกรรม, ทัศนคติและไลฟ์สไตล์ที่ผ่อนคลายกว่าทุกที่ในสวิสเซอร์แลนด์ แถมอากาศจะค่อนไปทางอบอุ่นมีแดดมากกว่ารัฐทางเหนือเช่น Zürich (ซูริค) เข้าเขต Tessin เมื่อไหร่ก็จะเห็นพวกต้นปาล์มและต้นไม้เขตร้อนอื่น ๆ เหมือนว่าเราไปต่างประเทศเลยทีเดียว 

ที่พูดถึงรัฐนี้เพราะพอดีว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนวี่มี Vacation บวกวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วยเกือบสองอาทิตย์ เลยลงไปเที่ยวทางใต้ ก็คือรัฐ Tessin เนี่ยแหละ และได้มีโอกาสไป Verzasca Valley ลำธารสีมรกตในหุบเขา ที่ว่ากันว่าเป็นเพชรเม็ดงามของ Tessin ซึ่งปี 2019 ได้ไปมาครั้งหนึ่งก็รู้สึกประทับใจและคิดอยู่เสมอว่าจะต้องหาโอกาสไปอีกให้ได้ จนประจวบเหมาะว่าในกลุ่มลงมติกันว่าจะไปแต่ประสบการณ์ครั้งนี้มันน่าจดจำ และสวยงามกว่าคราวก่อนก็ตรงที่ได้ Hiking ด้วย

ไฮไลต์ของ Verzasca Valley ก็น่าจะเป็นสะพานหิน Ponte del Salti ที่ปกติคนจะแน่นมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเอเซีย รวมถึงคนไทยด้วย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดเลยมีคนสวิสซะเยอะ (แต่ก็ยังน้อยถ้าเทียบกับสถานการณ์ปกติที่มีนักท่องเที่ยว) ในหน้าร้อนคนชอบมาที่สะพานเพื่อกระโดดลงไปที่ลำธาร ถึงแม้น้ำจะเย็นมากแต่ก็จะมีคนเล่นน้ำ ดำน้ำตลอด ตามโขดหินก็มีคนนอนอาบแดด นั่งเล่นเป็นภาพที่เห็นจนชินตา 

แต่วี่ไม่ได้ไปแค่ตรงนี้หรอก เมื่อปี 2019 เคยไปมาแล้วตอนหน้าร้อนเลยไม่ค่อยได้เก็บเกี่ยวอะไรมากเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เรานั่ง Postauto (โพสต์เอาโต้) หรือรถบัสสีเหลืองสาย 321 จากป้าย Lavertezzo, Monda ไปสองป้าย ไปลงที่ป้าย Brione (Verzasca) ความบังเอิญทำให้พบกับความสวยงามแท้ ๆ เพราะวี่ลงผิดป้าย ตอนแรกกะจะไปไกลกว่านี้ตรงจุดเริ่มต้นคือ Sonogno ซึ่งเป็นเส้นทาง Hiking ที่มีระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร แต่พอมาดูข้อมูลคือเขาว่ากันว่าช่วง Brione ถึง Lavertezzo คือช่วงที่วิวสวยที่สุด วี่รู้สึกโชคดีมากที่ลงผิด

จะบอกว่าเดินแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว เพราะมีเด็กน้อยไปด้วย 2 คน และเส้นทางค่อนข้างเป็นเส้นทางธรรมชาติ วี่หมายถึงทางเดินบางช่วงเป็นหินที่มีน้ำเซาะผ่านอาจลื่นนิด ๆ บางช่วงบนพื้นคือมีรากไม้เยอะมากหากเดินไม่ระวังอาจมีสะดุดล้มได้ง่าย ๆ แต่คือมันดีแบบที่สุดและคิดว่าต้องไปอีกแน่ ๆ วิวทุกช่วงทุกตอนมันว๊าว !! มีสิบให้เต็มสิบ มีร้อยก็ให้เต็มร้อยนะ พื้นที่มีโขดหิน หรือพื้นที่ตรงลำธารทำให้เราได้นั่งพักและปิ๊กนิกเป็นระยะ ๆ ระหว่างทางเราก็จะเห็นน้ำสีเขียวมรกต โขดหินหลากสี สลับกับป่าสีเขียวขจีและน้ำตกน้อย เวลาเรายืนอยู่ใกล้ ๆ น้ำตก แล้วน้ำกระเซ็นมาที่หน้ามันรู้สึกชุ่มฉ่ำอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ

เวลาวี่ไป Hiking มักจะชอบเข้าไปยืนใกล้ ๆ ต้นไม้ใหญ่ สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด และผ่อนลมออกให้เต็มที่เป็นการเปลี่ยนถ่ายพลังงานอย่างนึง และกลิ่นป่าธรรมชาติตรงนี้ก็หอมมากจริง ๆ ถ้าใครมีโอกาสได้มาสวิส ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่วี่ขอแนะนำ มาแล้วรับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พันธมิตรเฉพาะกิจ เกาะกันไว้ 'ได้' มากกว่าที่คิด

ว่าจะเปิดเพลง 'จับมือกันไว้' ของพี่เบิร์ดมาฟังเบาๆ ในช่วงที่ความสามัคคีในเมืองไทยมันผุๆ พังๆ ซะหน่อย แต่พลันกลับเกิดไอเดียอื่นแทรกมาเป็นบทความที่อยากสะท้อนสู่สถานการณ์ในช่วงปัจจุบันอย่างไวว่อง

ในยุคที่ 'ความหวัง' และ 'ความฝัน' เริ่มไม่เดินเคียงไปด้วยกัน เพราะความยากลำบากจากโควิดที่ทำให้โลกพลิกตารปัตร 

>> ฝันไกลไม่ได้เหมือนเคย!! 

>> หวังไว้ไม่เป็นอย่างตั้งใจ!! 

ว่าแล้ว!! ในบางครั้ง หากการเดินคนเดียว มัยเหนื่อยไป ก็ลองมองหาใครสักคนมาพยุงตัวเรา ขณะที่เราก็พร้อมพยุงเขาไปด้วยได้พร้อมกัน

เราควรกลับมาสู่ยุคของความสามัคคีอีกครั้ง!! 
Combinated Mission

เรื่องนี้ขอสะท้อนผ่านกลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่หลายแบรนด์เลือกใช้ในการสร้างการเติบโตและเติมเต็มบางอย่าง ที่เขาเรียกว่า 'x' หรือไป 'จับมือ' กับแบรนด์อื่นๆ

เป้าหมายของการ x ก็เพื่อเอาจุดเด่นของแต่ละแบรนด์ มาเป็นพลังส่งเสริมซึ่งกันและกัน อย่างก่อนหน้านี้ ดอยตุง ร่วมกับ โอนิสึกะ ก็ทำออกมาได้ดี จนขายเกลี้ยงแผงในช่วงเวลาไม่นาน

ถึงกระนั้น หากพูดถึงกลยุทธ์การจับมือที่โคตรปังปุริเย่ ก็มักจะมีกลุ่มแบรนด์ทึ่ทำให้ต้องนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ อย่าง Louis Vuitton x Supreme ซึ่งเรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จแบบถล่มทลาย

โดยหลายครั้งที่ Louis Vuitton x Supreme เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ออกมา สินค้าชิ้นนั้น ก็จะขายหมดภายในไม่กี่นาที

ถึงขนาดที่ว่า ในปี 2017 ทางบริษัท LVMH เจ้าของแบรนด์ Louis Vuitton ได้เขียนไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทว่า คอลเลกชัน Louis Vuitton x Supreme คือ สุดยอดขุมพลังของบริษัท

การ x กันครั้งนี้ ของทั้ง 2 แบรนด์ ยังเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการแฟชั่น 
จากที่เดิมที ภาพลักษณ์ของ Louis Vuitton เป็นแบรนด์ Hi-end ที่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ ส่วน Supreme นั้นมีความเป็นวัยรุ่น พอมาจับมือกัน ฝั่ง Louis Vuitton กลายเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงลูกค้าที่ชอบแฟชั่นแนวสตรีตมากขึ้น ส่วนฝั่ง Supreme ก็มีภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมมากขึ้น และสินค้าบางอย่างในคอลเลกชันนี้ก็กลายเป็นของสะสม ที่มีราคาแพง

การจับมือกันครั้งนี้ ยังกลายมาเป็นสูตรสำเร็จของการจับมือกัน ระหว่างแบรนด์ดังอีกมากมาย
อย่างเช่น Nike x OFF-WHITE หรือ adidas x PRADA

อีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้พลังแห่งการจับมือกันระหว่างธุรกิจ คือ กรณีของแบรนด์ตัวต่อขวัญใจเด็ก ๆ อย่าง “LEGO”

เราอาจจะคุ้นเคยภาพของ LEGO ว่าเป็นแบรนด์สำหรับเด็กเล็ก แต่รู้หรือไม่ว่า ช่วงหลังๆ มา LEGO เริ่มให้ความสำคัญกับการไปจับมือกับต่างแบรนด์มากขึ้น เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างมากขึ้น

อย่างเช่น การไปจับมือกับแบรนด์รถหรูอย่าง Lamborghini ซึ่ง LEGO ได้หยิบเอาจุดเด่นเรื่องความละเอียดอ่อนของการออกแบบตัวต่อ

มาสร้างเป็นโมเดลรถหรู Lamborghini Sián FKP 3 ที่ประกอบขึ้นจากตัวต่อ LEGO ทั้งหมด 3,696 ชิ้น โดยที่โมเดล จะมีอัตราส่วน 1 ต่อ 8 เมื่อเทียบกับขนาดรถของจริง

โมเดล Lamborghini Sián FKP 3 ย่อส่วนนี้ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงมาก ถึงขนาดที่ LEGO สามารถตั้งราคาขายได้สูงถึงประมาณ 12,000 บาท เลยทีเดียว

จากสองตัวอย่างที่ว่ามานี้ เราสามารถสรุปข้อดีของการจับมือกันระหว่างธุรกิจออกมาได้ก็คือ

1. ช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น

อย่างกรณีของ Louis Vuitton x Supreme ก็มีลูกค้าบางค้าบางคนที่เป็นแฟนคลับของ Supreme ออกมาบอกว่า ตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นแฟนคลับ Louis Vuitton ไปแล้ว หลังจากที่ได้ซื้อคอลเลกชันนี้

ส่วนทางฝั่ง LEGO ที่ไปจับกับแบรนด์รถหรู
ก็จะได้ฐานแฟนคลับคนที่ชื่นชอบรถ หรือคนชอบสะสมโมเดลรถยนต์เพิ่มขึ้นมา

2. เสริมพลังซึ่งกันและกัน โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง

เมื่อก่อนถ้าแบรนด์ไหนต้องการชื่อเสียงของอีกแบรนด์ บริษัทเจ้าของแบรนด์นั้น ก็อาจต้องทุ่มทุนซื้อกิจการของแบรนด์ที่ต้องการ เข้ามาเป็นของตัวเอง

แต่หากทั้งสองแบรนด์ใช้วิธีจับมือกันทำแคมเปญ หรือทำสินค้าบางชิ้นร่วมกัน ก็จะช่วยลดต้นทุนที่ฝ่ายหนึ่งจะต้องทุ่มเงินเพื่อ Take over กิจการ
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง ก็จะได้ไม่ต้องเสียกิจการ หรือเสียแบรนด์ให้อีกฝ่ายไป

3. การจับมือกัน ทำให้แต่ละฝ่ายได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ไปด้วยกัน

อย่างเช่น LEGO ที่ไปจับมือกับ Lamborghini
ก็จะได้เรียนรู้รายละเอียดของชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งอาจรวมไปถึงกระบวนการผลิต ส่วน Lamborghini ก็น่าจะได้เรียนรู้ความละเอียดอ่อนในการออกแบบชิ้นส่วนชิ้นเล็กๆ จากทางฝั่ง LEGO

ทั้งหมดนี้ถือเป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้สิ่งใหม่ในแต่ละองค์กร และอาจนำองค์ความรู้ใหม่มาต่อยอดนวัตกรรมได้ในอนาคต

จะเห็นได้ว่า การเปิดใจหันมาทำอะไรร่วมกันระหว่างแบรนด์หรือระหว่างธุรกิจนั้น ให้อะไรใหม่ๆ กับองค์กรมากกว่าที่ใครหลายคนคิด

อย่างในบ้านเรา อาจจะไม่ต้องคิดไกลถึงธุรกิจแนวนั้น เอาแค่ธุรกิจไหนกำลังเหงาหงอย บางทีการเดินไปคุยกันแบบเปิดอก และถามถึงสารทุกข์สุขดิบกันหน่อย คุณอาจจะแชร์บางอย่างแก่กันได้

ร้านข้าวของหมู่บ้านนี้ อาจจะไป Combinated กับคนคุ้นเคยที่มาส่งน้ำให้ เปลี่ยนจากแค่ส่งน้ำ ไปส่งข้าวเพิ่ม คิดส่วนแบ่งค่าส่งไป โดยที่ร้านข้าวก็ไม่เหงาจากยอดคนหาย

ทำโปรโมชั่นแรงๆ กันก็ยังได้ กินข้าวร้านนี้ ได้ตัดผมฟรีร้านนั้น หรือซื้อทองร้านนั้น นำคูปองพิเศษไปแลกกาแฟฝั่งตรงข้ามฟรี 1 แก้วไรงี้

ความร่วมมือเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในยุคที่เราต้องการ 'การอยู่รอด'

หากผู้นำและคนในองค์กรมีแนวคิดแบบเติบโต หรือ Growth Mindset ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะทำให้องค์กรพยายามปรับตัว และมองหาโอกาสทางธุรกิจและความท้าทายใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดว่าต้องทำอะไรแบบเดิมๆ

...ไม่ว่าจะความหวังเอย 
...ไม่ว่าจะความฝันเอย
...เอื้อมถึงได้ทั้งนั้น

แค่... "จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน" 

พี่เบิร์ดไม่ได้กล่าวไว้ แต่ร้องไว้!! 

ข้อมูลอ้างอิง 
https://www.blockdit.com/posts/6059cdb9fa1a983ce66f1565
https://www.qualitylogoproducts.com/blog/12-best-brand-collaborations/
https://www.businessinsider.com/lego-releasing-lamborghini-sian-set-2020-5


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วิชา BMAT: เรื่อง ติวฟรี BMAT เตรียมสอบแพทย์ สำหรับม.ปลาย

THE STUDY TIMES X DekThai Online

????วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน
วิชา BMAT: เรื่อง ติวฟรี BMAT เตรียมสอบแพทย์ สำหรับม.ปลาย

โดย ครูจึ๋ง สมนึก สงวนตระกูล
นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น Monbusho
เกียรตินิยม อันดับ 1 เหรียญทอง Computer Engineering Osaka University
#BMAT เรียนเตรียมสอบแพทย์ Critical Thinking, Problem Solving, Maths & Science

#DekThaiOnline
https://dekthai-online.com/browse
.

.

Resilience ทักษะสำคัญแห่งศวรรษที่ 21 | LOCK LENS GURU EP.28

???? GURU : อาจารย์ นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์

▶️ หัวข้อ : Resilience ทักษะสำคัญแห่งศวรรษที่ 21 

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021050902

 ???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

THE STUDY TIMES X DekThai Online, ClassOnline สัปดาห์ที่ห้า พบกับวิดีโอสรุปเนื้อหา เทคนิค แนวข้อสอบ แต่ละรายวิชา

????THE STUDY TIMES X DekThai Online, ClassOnline สัปดาห์นี้

????วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน - วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564

⏰ทุกวัน เวลา 18.00 น.

พบกับวิดีโอสรุปเนื้อหา เทคนิค แนวข้อสอบ 5 รายวิชา 

????วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน
วิชาคณิตศาสตร์: เรื่อง เรขาคณิตสำหรับ สอวน.

โดย ครูพี่ปุ๊ องอาจ สุภัคชูกุล
อดีตตัวแทนคณิตศาสตร์โอลิมปิก นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
#สอนวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ม.ต้น-ม.ปลาย

????วันอังคารที่ 15 มิถุนายน
วิชาชีววิทยา: เรื่อง ขั้นตอนการถ่ายอิเล็กตรอน

โดย ครูหมอเมศ กฤษณะ ธรรมศิริ 
ปริญญาตรี คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
#สอนชีววิทยา ม.ต้น-ม.ปลาย

????วันพุธที่ 16 มิถุนายน 
วิชาภาษาไทย: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาไทย)

โดย ครูต้นคูน ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์
ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (Ph.D. in Communication Arts) สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
#สอนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

????วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน
วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาอังกฤษ)

โดย ครูพี่ทาม์ย ฐานุวัชร์ รินนานนท์
ศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา (เรียนเน้นภาษาสเปน) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, อาจารย์ผู้สอนอบรม TOEIC ให้องค์กรภาครัฐและเอกชนระดับประเทศ
#สอนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

????วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน
วิชาสังคม: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (สังคม)

โดย ครูต้นคูน ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์
ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (Ph.D. in Communication Arts) สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
#สอนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

????ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

“พอเพียงสู่ความยั่งยืน” (ตอนที่ 3) กลยุทธ์ ของผู้ประกอบการยุคใหม่ ในมุมมองของครูบัญชี

การขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะ 20 ปีข้างหน้า จำเป็นต้องสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เป็นผู้ประกอบการใหม่ (New entrepreneur) ที่ก้าวทันและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Micro, Small and Medium-Size Enterprises หรือ MSME) เนื่องจากการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตและความเข้มแข็งของผู้ประกอบการจะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันในระดับเวทีการค้าโลกได้โดยผู้ประกอบการใหม่จะต้องมีทักษะแห่งอนาคตที่มีความพร้อมทางด้านทัศนคติ ทักษะความสามารถและความรู้สำหรับการรับมือกับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี

แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ (พ.ศ. 2561-2580) มีการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะ 20 ปีข้างหน้า จำเป็นต้องสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เป็น “ผู้ประกอบการยุคใหม่” ซึ่งหมายถึง ผู้ประกอบการที่มีทักษะและจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการที่มีอัตลักษณ์ชัดเจน มีความสามารถในการแข่งขันและมีนวัตกรรมในการสร้างรูปแบบธุรกิจ นวัตกรรมของสินค้าและบริการ และนวัตกรรมในกระบวนการผลิตสินค้าและการให้บริการ ตลอดจนมีทักษะในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลเพื่อการดำเนินธุรกิจ และมีความสามารถในการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ อันครอบคลุมถึงผู้ประกอบการทุกระดับ รวมถึงวิสาหกิจรูปแบบต่าง ๆ ทั้งวิสาหกิจระยะเริ่มต้น วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม และเกษตรกรทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่ต้องการขยายกิจกรรมหรือธุรกิจ (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2564)

แล้วจะเริ่มต้นธุรกิจอย่างไรดี คงเป็นคำถามในใจสำหรับผู้ประกอบการใหม่เกือบทุกคนที่มองว่าเป็นเรื่องที่ยากในการเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี แล้วเมื่อเริ่มต้นแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ธุรกิจจึงจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แนวทางในการเริ่มต้นธุรกิจหากผู้ประกอบการนำแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานไว้และผู้เขียนได้อัญเชิญมาเขียนอธิบายไว้ในตอนที่ 2 ในเรื่องของความพอประมาณ คือ ความพอดีที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่พอประมาณ ความมีเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ รวมถึงการมีภูมิคุ้มกันในการเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว มาใช้เป็นแนวทางและข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์สภาพปัญหาของผู้ประกอบการใหม่โดยพิจารณากำลังของตนเองเพื่อประเมินว่ามีคุณสมบัติที่จะประกอบธุรกิจนั้นได้หรือไม่ เช่น การเลือกประเภทธุรกิจที่เหมาะสม การสำรวจฐานะทางการเงิน ทำเลที่ตั้ง เป็นต้น พิจารณาตลาดลูกค้าและคู่แข่งขันในธุรกิจเดียวกัน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งองค์กรต่อไป

ขณะเดียวกันผู้ประกอบการใหม่ อาจมีการพิจารณานำเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์สำหรับองค์การเพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายใน โอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนผลกระทบที่มีศักยภาพจากปัจจัยเหล่านี้ต่อการทำงานขององค์การ โดยการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม หรือ SWOT analysis 

ซึ่งอัลเบิร์ต ฮัมฟรี (Albert Humphrey) ได้พัฒนาขึ้นมาในระหว่างปี ค.ศ. 1960 - 1970 ในโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) เพื่อเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ประเมินแผนกลยุทธ์และค้นหาสาเหตุที่การวางแผนขององค์การในยุคนั้นมักจะล้มเหลวและในปัจจุบัน SWOT analysis ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ที่ดีที่สุด และใช้กันแพร่หลายมากที่สุดประกอบด้วยส่วนประกอบที่สำคัญ 4 ส่วน คือ

1.) จุดเด่นหรือจุดแข็ง (Strengths) 

เป็นสิ่งที่มีอยู่ภายในองค์การและสามารถทำได้ดีเป็นพิเศษสร้างความได้เปรียบเหนือองค์การอื่น ๆ ทำให้องค์การมีความแตกต่างและองค์การสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ฐานะการเงินที่แข็งแรง เทคโนโลยี สิทธิบัตร บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ แรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน ข้อได้เปรียบในการเข้าถึงวัสดุหรือกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น

2.) จุดด้อยหรือจุดอ่อน (Weaknesses)

เป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดจากภายในองค์การ เช่น ความสามารถเชิงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ความสามารถทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ความสามารถในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด ศักยภาพของแรงงานและทรัพยากรมนุษย์ ข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นต้น

3.) โอกาส (Opportunities)

เป็นผลจากการที่สภาพแวดล้อมภายนอกองค์การเอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการใหม่ เช่น นโยบายของรัฐบาลในการให้ความสำคัญและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเนื่องจากมีบทบาทที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ การขยายตัวของตลาดส่งออกสินค้าจากการทำข้อตกลงการค้าเสรี แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงรสนิยมและรูปแบบการบริโภคของลูกค้าที่หันมานิยมสินค้าที่เป็นภูมิปัญญาไทยมากขึ้น การเคลื่อนย้ายแหล่งเงินลงทุนระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมีการสนับสนุนให้เกิดการใช้แหล่งเงินทุนร่วมกัน เป็นต้น

4.) อุปสรรคหรือภัยคุกคาม (Threats)

เป็นปัจจัยภายนอกที่องค์การไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมได้รวมถึงสิ่งที่อาจจะส่งผลเสียต่อธุรกิจได้ เช่น ปัญหาของห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) การเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาด การขาดแคลนแรงงานฝีมือ เป็นต้น องค์การจะต้องคาดการณ์สิ่งที่จะเป็นภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นและดำเนินการป้องกันก่อนที่จะเกิดความเสียหายที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ

จากการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม หรือ SWOT analysis แล้วผู้ประกอบการใหม่คงมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ว่าจะเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้อย่างไร ธุรกิจมีจุดแข็งหรือจุดอ่อนอะไรบ้าง และหากดำเนินธุรกิจไปแล้วมีช่องทางหรือโอกาสใดบ้างในการที่จะทำให้ธุรกิจมีการเติบโต รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้ธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในการเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม ความพร้อม ความรู้ ความสามารถ เงินทุน และโอกาส เช่น

1.) การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีอยู่เดิมของครอบครัว (Family business) 

เป็นกิจการที่ความเป็นเจ้าของส่วนใหญ่จำกัดภายในวงศ์ตระกูลมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยเนื่องจากเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศและยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงการผลิตกับผู้ผลิตและคู่ค้าอื่น ๆ ขณะเดียวกันธุรกิจครอบครัวยังมีความสามารถในการปรับตัวได้ดีกว่าธุรกิจโดยทั่วไป จากการสำรวจเหตุผลการทำธุรกิจวิสาหกิจรายย่อยและวิสาหกิจขนาดย่อม พบว่า วิสาหกิจรายย่อยและวิสาหกิจขนาดย่อมทั้ง 3 ภาคธุรกิจ (ภาคการผลิต ภาคการค้า ภาคการบริการ) มีเหตุผลหลักการทำธุรกิจ คือ เป็นแหล่งรายได้หลัก ส่วนเหตุผลรองลงมาสำหรับวิสาหกิจรายย่อย คือการทำธุรกิจเป็นการหารายได้เสริม ขณะที่วิสาหกิจขนาดย่อมมีเหตุผลรองในการทำธุรกิจเพราะต้องการสืบทอดธุรกิจเดิมของครอบครัวและมีแนวโน้มในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจของครอบครัวเพื่อให้เกิดการเติบโตต่อไปในอนาคต (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, 2563)  

2. การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ (New entrepreneurship)  

การเริ่มต้นธุรกิจใหม่เป็นวิธีการที่ผู้ประกอบการจะต้องใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าเสี่ยง กล้าตัดสินใจ และพยายามที่จะก่อตั้งธุรกิจใหม่ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่มีความอิสระในการเลือกองค์ประกอบของธุรกิจให้เป็นไปตามแนวคิดของผู้ประกอบการได้ การเป็นผู้ประกอบการใหม่ อาจทำได้โดยการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และวางขายในตลาดอื่นอยู่แล้วมาเข้าสู่ตลาดใหม่ (New market) หรือการนำผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด หรือนำผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมที่มีอยู่เดิมมาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีกว่าเดิมเข้ามาขายในตลาดเดิม เป็นต้น

3.) การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ซื้อต่อจากผู้ประกอบการอื่น (Takeover)

เป็นการเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้วิธีรุก เข้าซื้อกิจการอื่นเพื่อความเป็นเจ้าของแล้วนำธุรกิจนั้น ๆ มาเป็นของตนเอง มีการควบคุมการบริหารงานต่าง ๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากความสามารถหลักของธุรกิจที่ซื้อมา เช่น ทรัพย์สิน ทักษะการดำเนินงาน เทคโนโลยี ขอบข่ายทางการตลาด สายสัมพันธ์ทางธุรกิจ รวมถึงชื่อเสียงของสินค้าและบริการที่มีอยู่เดิม การเริ่มต้นธุรกิจด้วยวิธีนี้จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เวลาหรือความสามารถมากในการพัฒนาขีดความสามารถและทรัพยากรหลัก ๆ ขณะเดียวกันหากผู้ประกอบการเลือกการเริ่มต้นธุรกิจด้วยวิธีนี้อาจจะส่งผลให้สูญเสียความเป็นผู้ประกอบการที่แท้จริงไปส่วนหนึ่งเนื่องจากขาดการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยตนเอง แต่ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจและมีต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจน้อยกว่าธุรกิจที่สร้างขึ้นใหม่

4.) การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้วยการขอรับสิทธิทางการค้าจากเจ้าของสิทธิหรือธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise)

เป็นการประกอบธุรกิจที่เจ้าของสิทธิ (Franchisor) ตกลงอนุญาตให้ผู้รับสิทธิ (Franchisee) ดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อการค้า การบริหาร และระบบธุรกิจของเจ้าของสิทธิ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาขึ้น ผู้รับสิทธิจะต้องดำเนินธุรกิจตามรูปแบบและระบบธุรกิจของเจ้าของสิทธิ และจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของสิทธิ เจ้าของสิทธิจะให้ความช่วยเหลือผู้รับสิทธิในการดำเนินงาน เลือกทำเลที่ตั้ง อบรมวิธีปฏิบัติงาน สร้างระบบการเงินช่วยเหลือในการจัดตั้งธุรกิจ เป็นต้น

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นหากผู้ประกอบการมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเริ่มต้นสำหรับการเป็นผู้ประกอบการแล้วก็จะสามารถเลือกธุรกิจที่เหมาะสมในการดำเนินงานได้ไม่ยากนัก ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมกับตนเองด้วยความพอประมาณ คือ ความพอดีที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อนก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือเกิดปัญหาน้อยกว่าผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่ไม่ถนัด ไม่มีความชำนาญ หรือไม่เหมาะสมกับข้อจำกัดที่มีอยู่

ในคราวหน้าซึ่งจะเป็นตอนที่ 4 ผู้เขียนจะกล่าวถึงปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง ที่จะทำให้ภารกิจขององค์การสำเร็จตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

 

เอกสารอ้างอิง

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม.  (2563).  รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2563.  กรุงเทพฯ : สำนักงาน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2564) แผนแม่บทประเด็นผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2564, จากเว็บไซต์ : http://nscr.nesdb.go.th/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ซินโครตรอน” แสงที่ไขปริศนา...คดีฆาตกรรมน้องชมพู่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คดีการฆาตกรรมน้องชมพู่ เด็ก 3 ขวบ ในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หายตัวออกไปจากบ้าน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 และหลังจากใช้เวลาตามหา 3 วัน ก็พบว่าเป็นศพเปลือย อยู่ในป่าบนภูเขาเหล็กไฟ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านที่น้องอาศัยอยู่เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร กลับเป็นข่าวดังอีกครั้ง หลังจากตำรวจใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวนมาก เป็นระยะเวลากว่า 1 ปี เต็ม 

จากระยะเวลาที่ยาวนาน ฝ่ายตำรวจกับอัยการคงต้องทำงานหนักในเรื่องการส่งฟ้องศาล เพราะทุกความเชื่อมโยงต้องไม่ให้เกิดความน่าสงสัยในพยานหลักฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวจำเลยในคดีอาญา เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ ตามคำกล่าวที่คนเรียนกฎหมายมักจะได้ยินบ่อย ๆ คือ “ปล่อยคนผิดไป 10 คน ดีกว่าจับผู้บริสุทธิ์มา 1 คน” และมีพยานหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ตำรวจค่อนข้างจะมั่นใจ เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานที่ใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ นั่นก็คือการใช้แสง “ซินโครตอน” ในการพิสูจน์ลักษณะความสอดคล้องกันของพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐานที่พบในผู้ต้องสงสัย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จะเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากที่สุด เนื่องจากเป็นหลักฐานที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกับพยานบุคคล ที่อาจะเปลี่ยนแปลงคำให้การได้ตลอดเวลา 

สำหรับวันนี้ จะพาทุกท่านมาดูกันว่า แสงซินโครตรอน คืออะไร และทำไมจึงใช้เป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำความผิดได้ครับ 

แสงซินโครตอนคือแสงชนิดหนึ่ง ทั้งนี้โดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน เราจะได้พบเห็นแสงต่าง ๆ มากกมาย เช่น แสงจากดวงอาทิตย์ แสงจากหลอดไฟ แสงจากดวงจันทร์ หรือแม้กระทั่งแสงจากหิงห้อย เป็นต้น แต่แสงซินโครตรอนที่จะพูดถึงนี้เป็นแสงที่มีลักษณะพิเศษกว่าแสงชนิดอื่น คือมีความเข้ม หรือความสว่างสูงกว่าแสงอื่นเป็นอย่างมาก โดยจะมีความเข้มของแสงมากกว่าแสงจากดวงอาทิตย์เป็นล้านเท่าเลยทีเดียว ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะของแสงจะเป็นลำกรวยขนาดเล็กทำให้มีความเข้มสูง นอกจากนี้แล้ว เนื่องจากแสงซินโครตรอนถูกปลดปล่อยออกมาจากอิเล็กตรอนอิสระ ค่าความยาวคลื่นของแสงจึงครอบคลุมช่วงความยาวคลื่นกว้างตั้งแต่ย่านอินฟราเรดจนถึงรังสีเอกซ์ ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย 

สำหรับแหล่งกำเนิดของแสงซินโครตรอนนั้น เกิดจากการกระตุ้นหรือเร่งให้อิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้ความเร็วแสง คือความเร็ว 1,080,000,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบังคับให้เลี้ยวโค้งด้วยความเร็วนั้น ในระหว่างที่เลี้ยวโค้งนั้นจะทำให้เกิดลำแสงที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกรวยขนาดเล็ก หลุดออกมาในระหว่างโค้ง เปรียบเทียบได้กับการที่เวลามีอะไรวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เมื่อเลี้ยวโค้งจะทำให้มีสิ่งของหลุดออกมาได้ในระหว่างที่เลี้ยวโค้ง เนื่องจากเกิดแรงเหวี่ยงขณะเลี้ยวโค้ง ซึ่งเครื่องที่ใช้กระตุ้นหรือเร่งให้อิเล็กตรอนมีความเร็วสูงนี้ เรียกว่าเครื่องซินโครตรอน จึงเรียกแสงที่เกิดจากกรณีนี้ว่าแสงซินโครตรอน นั่นเอง 

เนื่องจากลักษณะสมบัติของแสงซินโครตรอนที่มีความเข้มสูง และมีความยาวคลื่นกว้าง ทำให้สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายอย่าง ได้แก่การศึกษาองค์ประกอบของธาตุที่มีอยู่ในวัสดุ หรือการวิเคราะห์โครงสร้างของวัสดุต่าง ๆ โดย อาศัยหลักการ ทำให้แสงซินโครตรอนวิ่งผ่านเข้าไปกระตุ้นอะตอม ที่อยู่ภายในวัสดุที่จะวิเคราะห์ ทั้งนี้เนื่องจากแสงเป็นคลื่นชนิดหนึ่ง เมื่อแสงวิ่งผ่านวัสดุหรือสิ่งกีดขวาง จะทำให้เกิดการสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน หรือเกิดการกระเจิง และการดูดกลืนคลื่นแสงของวัสดุที่แสงวิ่งผ่าน

นอกจากนั้นการที่เรายิงแสงความเข้มสูงไปกระทบกับวัสดุก็ทำให้มีอิเล็กตรอนหลุดออกมาได้ เป็นไปตามทฤษฎีทางฟิสิกส์ของแสง ส่งผลให้มีการปลดปล่อยรังสีเอกซ์ออกมา ซึ่งสมบัติเหล่านี้จะเป็นลักษณะเฉพาะของวัสดุ หรือสสารแต่ละชนิดที่มีพฤติกรรมต่อสมบัติของแสง และเมื่อนำลักษณะเหล่านี้มาวิเคราะห์ผ่านเครื่องมือจะทำให้ทราบลักษณะโครงสร้าง หรือองค์ประกอบของวัสดุ แต่ละชนิดได้ 

ทั้งนี้ในการใช้แสงซินโครตรอนมาช่วยวิเคราะห์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อาศัยหลักการดังกล่าวข้างต้นของแสงซินโครตรอน มาตรวจสอบพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ และพยานหลักฐานที่พบในตัวผู้ต้องสงสัย ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ โดยในกรณีคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่นั้น เป็นการพิสูจน์พยานหลักฐานคือเส้นผมของน้องชมพู่ที่พบว่าถูกหั่นในที่เกิดเหตุ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับเส้นผมที่พบในรถของผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้พบว่าเป็นเส้นผมที่มีองค์ประกอบที่เหมือนกัน แสดงว่าเป็นเส้นผมของคนคนเดียวกัน นอกจากนั้นยังวิเคราะห์ได้ว่าลักษณะโครงสร้างของเส้นผมที่พบในทั้งสองจุด มีโครงสร้างที่เหมือนกันย่อมแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นเส้นผมของคนเดียวกัน ที่มาจากจุดที่เกิดเหตุเดียวกันอีกด้วย ทำให้ตำรวจมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนอีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้ศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้นั่นเอง 

โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษา และวิจัย รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากแสงซินโครตรอน คือสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ครับ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอโอ๊ค สมิทธิ์’ นายแพทย์หน้าใส หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดี ดีกรีเกียรตินิยม

“นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล” หรือ “หมอโอ๊ค” จบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจึงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งหมอโอ๊คก็เรียนดีจนสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองได้สำเร็จ 

หลังจากจบปริญญาตรี หมอโอ๊คก็ศึกษาต่อปริญญาโท ทางด้านตจวิทยา (ผิวหนัง) ที่ศูนย์ผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ปัจจุบัน หมอโอ๊คได้ทำงานสายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอย่างเต็มตัว มีการเปิดคลินิกผิวหนังชื่อ “Smith Prive' Aesthetique” 


ที่มา: https://www.sanook.com/campus/1370999/

รู้เพื่อตั้งรับ 5+1 รูปแบบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ภายหลังวิกฤติโควิด

มาตรการเร่งกระจายวัคซีนโควิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศขณะนี้ ทำให้เกิดการคาดการณ์จากหลายฝ่ายถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยที่จะกลับสู่ระดับเดิมเช่นก่อนเกิดวิกฤติ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประสิทธิภาพของนโยบายการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิดแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ นโยบายการเงิน การคลัง ที่ผ่อนปรนต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นำไปสู่การฟื้นตัวของภาคธุรกิจ และกำลังซื้อของภาคครัวเรือน ตลอดจนการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้แนวโน้มการฟื้นตัวยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และคาดเดาได้ยาก 

อย่างไรก็ตาม ตามหลักเศรษฐศาสตร์ได้อธิบายถึง 5 รูปแบบ ของการฟื้นตัวหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ได้แก่  V, U, W, Swoosh และ L-Shape ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ 

ที่มา ห้องเรียนนักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (https://www.set.or.th/set/education/knowledgedetail.do?contentId=7516&type=article)

1.) การฟื้นตัวแบบ V-Shape (V-Shape Rebound) “ลงเร็ว ฟื้นเร็ว”

เป็นรูปแบบที่ถูกคาดหวังอยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด คือ เมื่อประเทศผ่านวิกฤติซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว เศรษฐกิจจะพลิกฟื้นกลับสู่ระดับเดิมได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการค้าระหว่างประเทศและรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังอาจไม่กลับมาฟื้นตัวในปีนี้ ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในลักษณะนี้มีความเป็นไปได้ยาก

2.) การฟื้นตัวแบบ U-Shape (U-Shape Rebound) “หดตัวนาน ฟื้นตัวช้า”

เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจเป็นไปได้สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยมีรูปแบบคล้ายกับ V-Shape แต่แตกต่างตรงระยะเวลาของผลกระทบที่อาจนานกว่า ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า ก่อนที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ระดับเดิม ทั้งนี้การออกนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ตลอดจนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญถึงระยะเวลาที่เศรษฐกิจไทยจะสามารถผ่านพ้นช่วงฐานตัว U ไปได้ช้าเร็วเพียงใด

3.) การฟื้นตัวแบบ W-Shape (W-Shape Rebound) “ฟื้นเร็ว ดิ่งลงรอบสอง”

จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด หากเกิดการระบาดในระลอกใหม่อย่างรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ และรัฐบาลเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจมีรูปแบบ “ดับเบิ้ล ดิป” ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจหรือจุดที่ต่ำที่สุดอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น มาตรการผ่อนปรนที่ถูกใช้ในเวลาหรือสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวในรูปนี้ก็เป็นได้

4.) การฟื้นตัวแบบ Swoosh (Swoosh Rebound) “ไถลลงเร็ว ค่อยๆ ฟื้นตัว” หรือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามแบบ “รูปเครื่องหมายไนกี้”

เป็นการไถลลงเร็วแบบตัว V และค่อยๆ ฟื้นตัว โดยการฟื้นตัวของนี้จะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายถูกหางยาว ที่แสดงถึงการเติบโตอย่างเชื่องช้า แต่สุดท้ายเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้ก็ไปในแนวโน้มที่ดีและพุ่งขึ้นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามการผ่อนปรนมาตรการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศในช่วงแรกยังคงทำได้อย่างจำกัด

5.) การฟื้นตัวแบบ L-Shape (L-Shape Rebound) “หดตัวยาวนาน ไร้สัญญาณการฟื้นตัว” 

เป็นรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ที่เมื่อเศรษฐกิจปรับลดลงแล้ว อัตราการขยายตัวจะไม่สามารถกระตุ้นให้กลับมาเป็นปกติเท่ากับระดับก่อนหน้าเกิดวิกฤติได้ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องยาวนาน และไม่รู้ว่า่จะกลับมาอยู่ในระดับเดิมได้หรือไม่ ดังเช่น วิกฤติโลก Great Depression ที่ใช้เวลานานกว่า 10 ปี ในการฟื้นตัว ซึ่งการฟื้นตัวในรูปแบบนี้อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ และเกิดภาวะถดถอยในระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง 

นอกจากนี้ มีการกล่าวถึงรูปแบบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่งเพิ่มเติม คือ รูปแบบ K-Shaped หรือ ตัวอักษร K ซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกลับสู่ระดับเดิมได้และขยายตัวต่อเนื่องในบางกลุ่ม (แทนหางของตัว K ที่ชี้ขึ้นไปข้างบน) ขณะเดียวกันสำหรับบางกลุ่มอาจยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และยังคงเผชิญกับภาวะตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ (แทนหางของตัว K ที่ชี้ลงมาด้านล่าง)

ที่มา : บทความการฟื้นตัวแบบรูปตัว K ของเศรษฐกิจไทย: ในวิกฤตยังมีโอกาส ธนาคารแห่งประเทศไทย (https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_31May2021.aspx)

อย่างไรก็ตาม แสงสว่างปลายอุโมงที่อาจเริ่มมองเห็นได้ในขณะนี้ คงเป็นความหวังของทุกคนที่จะร่วมใจผ่านพ้นวิกฤติโควิดของประเทศในครั้งนี้ไปด้วยกัน

 

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.set.or.th/set/education/knowledgedetail.do?contentId=7516&type=article
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_31May2021.aspx
https://www.prachachat.net/public-relations/news-521654
https://www.terrabkk.com/news/198705/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution มุ่ง​ Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อยุคใหม่

#INTERLINK

(12 มิ.ย. 2564) คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ซึ่งเดินทางมาถึงภูมิภาคสุดท้าย​แล้ว​ ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 100 คน

โดยนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดไอเดียให้เกิดธุรกิจใหม่แก่ลูกค้าภาคอีสานโดยเฉพาะ

Live จากเขาใหญ่ (แล้วพบกันใหม่อีกครั้งที่งาน VIP Thank you party เร็วๆ นี้)

'ผบ.ตร.' จัดสอบวัดความรู้ตำรวจจราจรทั่วประเทศ คัดสรรเจ้าหน้าที่ให้ได้ระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนต้องการ

วันนี้ (12 พ.ค.64) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการศึกษา (บช.ศ.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ได้มาสังเกตการณ์ดูการทดสอบความรู้ความสามารถ ตำรวจจราจรตั้งแต่ระดับ รอง ผกก. ถึง ผบ.หมู่ ทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไซต์ ศจร.ตร. www.tpot.police.go.th 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ตำรวจให้ "เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา" โดยเฉพาะงานด้านจราจร ซึ่งมีระเบียบ กฎหมาย เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสถานการณ์หลากหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญกับผู้ที่ไม่เคารพกฎจราจร นำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน และรวมถึงตัวเจ้าหน้าที่เองด้วย ดังนั้น จึงต้องมีการอบรมและทดสอบความรู้ ทั้งในข้อกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติ และการใช้ดุลยพินิจในแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งต้องทำให้เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน

การทดสอบในครั้งนี้ จะมีทั้งวิชากฎหมาย และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับงานจราจร ผู้เข้าสอบจะต้องทำข้อสอบให้ได้ 100% เต็ม ในส่วนของวิชากฎหมาย และ 70% ในส่วนของความรู้ทั่วไป​ หากสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด จะให้โอกาสเข้ารับการทดสอบใหม่อีกครั้ง และหากยังไม่ผ่านอีก จะให้งดการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเป็นการชั่วคราว

การทดสอบ จะดำเนินการภายใต้มาตรการทางสาธารสุขอย่างเคร่งครัด เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยในกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดง จะจัดทดสอบ ณ สถานีตำรวจ สำหรับจังหวัดอื่น จะทดสอบ ณ ที่ทำการ ภ.จว. นั้นๆ โดยมีตำรวจจราจรทั่วประเทศเข้ารับการสอบทั้งสิ้น 18,811 นาย จำนวน​ 625  สนามสอบทั่วประเทศ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ย้ำว่า ผบ.ตร. มุ่งเน้นให้ตำรวจจราจต้องพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ และเพิ่มพูนทักษะในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในการอำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชน และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมทั้งต้องสามารถอธิบายข้อกฎหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติ ตอบปัญหาข้อสงสัย ให้แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน 

‘Checkpoint Charlie’ (เช็กพอยท์ชาลี) จุดตรวจต่างแดน ตัวแทนการแบ่งแยก ในยุคสงครามเย็น

ในยุคสงครามเย็นมีเรื่องราวของ Checkpoint Charlie มากมายด้วยจุดตรวจผ่านแดนในอดีต ที่กั้นประชาชนชาวเยอรมัน 2 ฝ่าย คือฝั่งเสรีประชาธิปไตย (ฝั่งของเยอรมันตะวันตก) และฝ่ายคอมมิวนิสต์ (ฝั่งของเยอรมันตะวันออก) ซึ่งอยู่ภายใต้สหภาพโซเวียต ปัจจุบันเมื่อรวมเป็นเยอรมันเดียวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 แล้ว Checkpoint Charlie จึงกลายเป็น Landmark ของกรุง Berlin ที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมชม เลยขอนำมาเขียนเป็นบทความนี้ครับ

Walter Ulbricht ผู้นำเยอรมันตะวันออกในขณะนั้นได้รับความเห็นชอบจากสหภาพโซเวียต ให้สร้างกำแพงเบอร์ลินในปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961)

Checkpoint Charlie เป็นจุดตรวจผ่านแดนที่รู้จักกันดีที่สุดระหว่างเบอร์ลินตะวันออก และเบอร์ลินตะวันตกในช่วงสงครามเย็น (พ.ศ. 2490-2534) ตามที่พันธมิตรตะวันตกตั้งชื่อ Checkpoint Charlie เกิดจากการที่ Walter Ulbricht ผู้นำเยอรมันตะวันออกในขณะนั้นได้รับความเห็นชอบจากสหภาพโซเวียตให้สร้างกำแพงเบอร์ลินในปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) เพื่อยุติการอพยพ และการหลบหนีไปเยอรมันตะวันตก เป็นการป้องกันการหลบหนีข้ามพรมแดนจากเบอร์ลินตะวันออกไปยังเบอร์ลินตะวันตก 

Checkpoint Charlie จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็น ซึ่งเป็นตัวแทนของการแบ่งแยกระหว่างเยอรมันตะวันออกกับเยอรมันตะวันตก รถถังโซเวียตและอเมริกันเคยเผชิญหน้ากันในช่วงเวลาสั้น ๆ ณ จุดนี้ในช่วงวิกฤต Berlin ปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2506 ประธานาธิบดี John F. Kennedy แห่งสหรัฐอเมริกาได้เยี่ยมชม Checkpoint Charlie และมองเข้าไปใน Berlin ตะวันออกจากแท่นบนกำแพง Berlin

ชาวเยอรมันตะวันออกหลบหนีออกจาก Berlin ตะวันออกด้วยวิธีการต่างๆ

ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 วิธีการจำกัดการย้ายถิ่นฐานของสหภาพโซเวียตได้รับการเลียนแบบโดยกลุ่มตะวันออกที่เหลือส่วนใหญ่ รวมทั้งเยอรมนีตะวันออกด้วย อย่างไรก็ตามในเยอรมนีที่ถูกยึดครองจนถึงปี พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) เส้นแบ่งระหว่างเยอรมนีตะวันออกกับเขตที่ถูกยึดครองทางตะวันตกส่วนใหญ่ยังคงสามารถข้ามไปมาได้อย่างง่ายดาย ต่อมาพรมแดนเยอรมันชั้นในระหว่างสองประเทศในเยอรมนีถูกปิด และมีการสร้างรั้วลวดหนามขึ้น

พรมแดนของเขต Berlin จึงเป็น "ช่องโหว่" ที่ประชาชนเยอรมันตะวันออกยังสามารถใช้หลบหนีได้

แม้หลังจากปิดพรมแดนเยอรมันชั้นในอย่างเป็นทางการในปี ปี พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) เขตแดนของเมือง Berlin ตะวันออกและ Berlin ตะวันตกยังคงสามารถข้ามไปมาได้ง่ายกว่าพรมแดนอื่น ๆ ที่เหลือ เนื่องจากถูกปกครองโดยพันธมิตรทั้งสี่ (สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส และ สหภาพโซเวียต) ดังนั้น Berlin จึงกลายเป็นเส้นทางหลักที่ชาวเยอรมันตะวันออกออกอพยพเข้าเยอรมันตะวันตก ดังนั้นพรมแดนของเขต Berlin จึงเป็น "ช่องโหว่" ที่ประชาชนเยอรมันตะวันออกยังสามารถใช้หลบหนีได้

ทหารเยอรมันตะวันออก หลบหนีออกจาก Berlin ตะวันออก

ชาวเยอรมันตะวันออก 3.5 ล้านคน ที่อพยพออกมาในปี พ.ศ. 2504 คิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 20% ของประชากรชาวเยอรมันตะวันออกทั้งหมด ผู้อพยพโยกย้ายถิ่นมักเป็นเยาวชนและผู้ที่มีการศึกษาดี ความสูญเสียดังกล่าวเกิดขึ้น ทำให้จำนวนผู้เชี่ยวชาญ วิศวกร ช่างเทคนิค แพทย์ ครู ทนายความ และช่างฝีมือ ไม่สมส่วนและขาดแคลน สภาวะสมองไหลของผู้เชี่ยวชาญได้ทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองและความอยู่รอดทางเศรษฐกิจของเยอรมนีตะวันออกอย่างมาก จำเป็นต้องจัดตั้งด่านและระบบการควบคุมชายแดนตามแบบสหภาพโซเวียต ระหว่างปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949)  ถึง พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) ชาวเยอรมันตะวันออกกว่า 2.5 ล้านคน หลบหนีไปยังเยอรมันตะวันตก และจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงสามปีก่อนที่กำแพง Berlin จะถูกสร้างขึ้น โดยมีจำนวน 144,000 คน ในปี พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959), และ 199,000 คน ในปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) และ 207,000 คน ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) เศรษฐกิจของเยอรมันตะวันออกได้รับความเดือดร้อน และเสียหายอย่างมาก

กำแพงลวดหนามกลายเป็นกำแพงที่แยก Berlin ตะวันออกและตะวันตกออกจากกัน ถูกสร้างขึ้นโดยเยอรมันตะวันออก

วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504 กำแพงลวดหนามกลายเป็นกำแพง ซึ่งแยก Berlin ตะวันออกและตะวันตกออกจากกัน ถูกสร้างขึ้นโดยเยอรมันตะวันออก สองวันต่อมาวิศวกรของตำรวจและกองทัพเริ่มสร้างกำแพงคอนกรีตถาวรขึ้นตลอดแนวเขตแดนยาว 830 ไมล์ (1336 กม.) ข้างกำแพงนั้นกว้าง 3.5 ไมล์ (5.6 กม.) ทางด้านเยอรมันตะวันออกในบางส่วนของเยอรมนี โดยมีรั้วตาข่ายเหล็กสูงทอดยาวไปตาม "แถบมรณะ" ที่ล้อมรอบด้วยทุ่นระเบิด เช่นเดียวกับช่องทางไถดินเพื่อชะลอการหลบหนี และแสดงรอยเท้าได้ง่ายขึ้น

Checkpoint Charlie เป็นจุดผ่านแดนของกำแพง Berlin ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางแยก Friedrichstraße กับ Zimmerstraße และ Mauerstraße (ซึ่งด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่เก่ากว่านั้นบังเอิญหมายถึง 'Wall Street') อยู่ในย่าน Friedrichstadt โดย Checkpoint Charlie ถูกกำหนดให้เป็นจุดข้ามแห่งเดียว (ด้วยการเดินเท้าหรือโดยรถยนต์) สำหรับชาวต่างชาติและสมาชิกของกองกำลังพันธมิตร (สมาชิกของกองกำลังพันธมิตรไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้จุดผ่านแดนจุดอื่น ๆ ที่กำหนดไว้สำหรับใช้โดยชาวต่างชาติ เช่น สถานีรถไฟ Friedrichstraße)

ชื่อ Charlie มาจากตัวอักษร C ตามอักษรรหัสของ NATO ในทำนองเดียวกันสำหรับด่านอื่น ๆ ของฝ่ายสัมพันธมิตรบน Autobahn จากตะวันตก เรียกว่า Checkpoint Alpha ที่ Helmstedt และ Checkpoint Bravo ที่เทียบเท่ากันที่ Drelinden, Wannsee ตรงมุมตะวันตกเฉียงใต้ของ Berlin และ โซเวียตเรียกว่า จุดผ่านแดน KPP Fridrikhshtr ชาวเยอรมันตะวันออกเรียก Checkpoint Charlie อย่างเป็นทางการว่า Grenzübergangsstelle ("Border Crossing Point") Friedrich-/Zimmerstraße

Cafe Adler ("Eagle Café") ตั้งอยู่ที่จุดตรวจ เป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการชม Berlin ตะวันออกขณะรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่ม

Checkpoint Charlie เป็นจุดตรวจที่กำแพง Berlin ที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด จึงปรากฏในภาพยนตร์และหนังสือ ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงและจุดชมวิวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสัมพันธมิตร กองกำลังติดอาวุธ และผู้มาเยือน Cafe Adler ("Eagle Café") ตั้งอยู่ที่จุดตรวจ เป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการชม Berlin ตะวันออก ขณะรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่ม

Checkpoint Charlie มีความไม่สมดุลอย่างน่าประหลาด ในช่วงที่ใช้งาน 28 ปี โครงสร้างพื้นฐานทางฝั่งตะวันออก ได้ขยายให้ครอบคลุมไม่เพียงแค่กำแพง หอสังเกตการณ์ และแนวซิกแซกเท่านั้น แต่ยังมีโรงจอดรถหลายช่องทางสำหรับตรวจสอบรถยนต์และผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามผู้มีอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรไม่เคยสร้างอาคารถาวรใด ๆ เลย และสร้างขึ้นเป็นเพิงไม้ที่มีชื่อเสียง ซึ่งถูกแทนที่ในช่วงทศวรรษ 1980 ด้วยโครงสร้างโลหะที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พันธมิตรใน Berlin เหตุผลของพวกเขา คือพวกเขาไม่ได้ถือว่าเขตแดนของ Berlin ชั้นในเป็นพรมแดนระหว่างประเทศ

รถถังโซเวียตและอเมริกันเคยเผชิญหน้ากันในช่วงเวลาสั้น ๆ ณ จุดนี้ในช่วงวิกฤต Berlin ปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961)

ไม่นานหลังจากการก่อสร้างกำแพง Berlin ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2504 เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างรถถังสหรัฐและโซเวียตที่ด่านชาร์ลีทั้งสองด้าน เริ่มเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม จากข้อโต้แย้งว่า เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนของเยอรมันตะวันออกได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบเอกสารการเดินทางของนักการทูตสหรัฐฯ ที่อยู่ใน Berlin ตะวันตกชื่อ Allan Lightner มุ่งหน้าไปยัง Berlin ตะวันออกเพื่อชมการแสดงโอเปร่าที่นั่นหรือไม่ เนื่องจากตามข้อตกลงระหว่างทุกฝ่าย สี่มหาอำนาจฝ่ายพันธมิตรที่ยึดครองเยอรมนี จะต้องอนุญาตให้กองกำลังพันธมิตรในกรุง Berlin เดินทางได้อย่างอิสระเสรี และไม่มีกองกำลังทหารเยอรมัน จากทั้งเยอรมนีตะวันตกหรือเยอรมนีตะวันออกมาประจำการในตัวเมือง และยิ่งไปกว่านั้นสหรัฐอเมริกา (ในขั้นต้น) ไม่ได้ยอมรับความเป็นรัฐตะวันออกของเยอรมนี และสิทธิที่จะคงอยู่ในเมืองหลวง Berlin ตะวันออกที่ประกาศตนเอง ในทางกลับกัน ชาวอเมริกันยอมรับเพียงอำนาจของโซเวียตเหนือเบอร์ลินตะวันออก มากกว่าความเป็นเยอรมันตะวันออก 

วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2504 รถถังโซเวียตสิบคันและรถถังอเมริกันจำนวนเท่ากันจอดห่างกัน 100 หลา ณ จุดตรวจทั้งสองฝั่ง การเผชิญหน้าครั้งนี้สิ้นสุดลงด้วยความสงบในวันที่ 28 ตุลาคม หลังจากการทำความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ-โซเวียตในการถอนรถถังและลดความตึงเครียด การเจรจาระหว่างรัฐมนตรียุติธรรม (อัยการสูงสุด) ของสหรัฐอเมริกา Robert F. Kennedy และหัวหน้า KGB Georgi Bolshakov มีส่วนอย่างสำคัญในการบรรลุข้อตกลงนี้โดยปริยาย

พลเมืองของเยอรมันตะวันออกได้ขับรถฝ่าสิ่งกีดขวางด้วยรถเปิดประทุน โดยถอดกระจกบังลมออกก่อน และพุ่งลอดใต้ที่กั้น

กำแพง Berlin ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วโดยรัฐบาลเยอรมันตะวันออกในปี พ.ศ. 2504 แต่มีวิธีการหลบหนีมากมายที่ไม่คาดคิด ตัวอย่างเช่น Checkpoint Charlie ในขั้นต้นถูกปิดกั้นโดยประตูเท่านั้น และพลเมืองของเยอรมันตะวันออกได้ขับรถฝ่าผ่านเข้าไปเพื่อหลบหนี จึงมีการสร้างเสาที่แข็งแรงมั่นคง ผู้หลบหนีอีกคนหนึ่งพยายามฝ่าสิ่งกีดขวางด้วยรถเปิดประทุน โดยถอดกระจกบังลมออกก่อน และพุ่งลอดใต้ที่กั้น สิ่งนี้ถูกทำซ้ำในอีกสองสัปดาห์ต่อมา ดังนั้นเยอรมันตะวันออกจึงลดความสูงของเครื่องกั้น และเพิ่มเสากั้นให้มากขึ้น

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2505 Peter Fechter วัยรุ่นชาวเยอรมันตะวันออกถูกยิงที่กระดูกเชิงกรานโดยทหารเยอรมันตะวันออกขณะพยายามหลบหนีจาก Berlin ตะวันออก ร่างของเขาติดอยู่ในรั้วลวดหนาม และเลือดออกจนตาย ในมุมมองของสื่อทั่วโลกทหารอเมริกันไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ เพราะเขาอยู่ในเขตโซเวียตไม่กี่เมตร ทหารรักษาการณ์ชายแดนของเยอรมันตะวันออกไม่เต็มใจที่จะเข้าไปช่วยเขา เพราะเกรงว่าจะเป็นการยั่วยุทหารฝั่งตะวันตก ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ยิงตำรวจชายแดนของเยอรมันตะวันออกเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมาร่างของ Fechter ก็ถูกทหารเยอรมันตะวันออกนำออกมา การประท้วงเกิดขึ้นเองที่จุดตรวจฝั่งอเมริกัน เป็นการประท้วงต่อต้านการกระทำของตะวันออกและความเฉยเมยของตะวันตก

อนุสรณ์สถานสงครามโซเวียต ซึ่งตั้งอยู่ใน Tiergarten ในเขตของอังกฤษ (ในขณะนั้น)

สองสามวันต่อมา ฝูงชนขว้างก้อนหินใส่รถบัสของสหภาพโซเวียตที่ขับไปยังอนุสรณ์สถานสงครามโซเวียต ซึ่งตั้งอยู่ใน Tiergarten ในเขตของอังกฤษ โซเวียตซึ่งพยายามคุ้มกันรถบัสด้วยรถหุ้มเกราะ (APCs) หลังจากนั้น โซเวียตได้รับอนุญาตให้ข้ามได้เฉพาะทางข้ามสะพาน Sandkrug (ซึ่งใกล้ Tiergarten ที่สุด) และห้ามมิให้นำรถหุ้มเกราะ (APCs) เข้ามา หน่วยทหารเยอรมันตะวันตกถูกส่งไปปฏิบัติการในตอนกลางดึกของต้นเดือนกันยายน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์และยานพาหนะเพื่อบังคับใช้คำสั่งห้าม

คืนวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) ส่วนหนึ่งของกำแพง Berlin ถูกเปิดออก

ในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) ส่วนหนึ่งของกำแพง Berlin ถูกเปิดออก แม้ว่ากำแพง Berlin จะถูกรื้อทุบในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2532 และ ส่วนที่กำบังของ Checkpoint Charlie ถูกรื้อออกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2533 เพิงตรวจของ Checkpoint Charlie ยังคงเป็นจุดผ่านแดนอย่างเป็นทางการสำหรับชาวต่างชาติและนักการทูต จนกระทั่งการรวมชาติเยอรมันสำเร็จในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2533 Checkpoint Charlie ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของกรุง Berlin ที่ซึ่งเศษชิ้นส่วนของจุดผ่านแดนดั้งเดิมบางส่วนผสมกับชิ้นส่วนที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นอนุสรณ์สถานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว อาคารหลังที่สองในฝั่งอเมริกันถูกย้ายออกไปในปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) 

เพิงตรวจปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ของพิพิธภัณฑ์พันธมิตรใน Berlin-Zehlendorf ป้อมยามจำลองและป้ายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดผ่านแดนถูกสร้างใหม่ในภายหลัง ในขนาดเดียวกันโดยคร่าว ๆ คล้ายกับเรือนยามหลังแรกที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยอยู่หลังแนวกั้นกระสอบทราย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ป้อมนี้ถูกแทนที่หลายครั้งด้วยป้อมยามที่มีขนาดและรูปแบบต่างกัน ที่ถูกรื้อออกระหว่างปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) มีขนาดใหญ่กว่าอันแรกมาก และไม่มีกระสอบทราย นักท่องเที่ยวเคยสามารถถ่ายรูปได้โดยเสียค่าธรรมเนียม โดยมีนักแสดงที่แต่งตัวเป็น ตำรวจ ทหารฝ่ายพันธมิตรยืนอยู่หน้าป้อม แต่ทางการ Berlin ได้สั่งห้ามในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) โดยระบุว่านักแสดงได้เอาเปรียบนักท่องเที่ยวด้วยการเรียกร้องเงินเพื่อถ่ายรูป

ชิ้นส่วนและเศษซากของกำแพง Berlin ถูกนำมาตั้งแสดง

เส้นทางของกำแพงและชายแดนเดิม ตอนนี้ถูกทำเครื่องหมายไว้ที่ถนนด้วยหินปูถนน การจัดแสดงกลางแจ้งเปิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี พ.ศ. 2549 ผนังห้องแสดงภาพตามถนน Friedrichstraße และ Zimmerstraße แสดงข้อมูลเกี่ยวกับความพยายามในการหลบหนี การขยายจุดตรวจ และความสำคัญในช่วงสงครามเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผชิญหน้าของรถถังโซเวียตและอเมริกาในปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) นอกจากนี้ยังมี Gallery รวมภาพของอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการแบ่งประเทศเยอรมนีและกำแพง Berlin

Checkpoint Charlie ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000)

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการรื้อถอนหอสังเกตการณ์ของเยอรมันตะวันออกในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เพื่อเปิดทางสำหรับสำนักงานและร้านค้าต่าง ๆ หอสังเกตการณ์เป็นอาคารสุดท้ายของ Checkpoint Charlie ดั้งเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ เทศบาลกรุง Berlin พยายามรักษาหอคอยไว้แต่ล้มเหลว เนื่องจากไม่ได้ถูกจัดให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ กระนั้น โครงการพัฒนานั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริงจนถึงทุกวันนี้ พื้นที่ระหว่าง Zimmerstraße และ Mauerstraße/Schützenstraße (จุดผ่านแดนทางฝั่งเยอรมันตะวันออก) ยังคงว่างอยู่ทำให้มีพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวและอนุสรณ์สถานชั่วคราวจำนวนมาก แผนใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 บนเว็บไซต์สำหรับโครงการโรงแรมทำให้เกิดการถกเถียงทางการเมืองเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่อย่างเหมาะสม หลังจากการขึ้นทะเบียนสถานที่สุดท้ายให้เป็นพื้นที่มรดกที่ได้รับการคุ้มครองในปี พ.ศ. 2561 แผนต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปในแนวทางที่เป็นมิตรต่อความเป็นมรดกที่ได้รับการคุ้มครองมากขึ้น

นิทรรศการ “BlackBox Cold War”

นิทรรศการ “BlackBox Cold War” ได้จุดประกายให้กับรัฐบาลเยอรมันและนคร Berlin ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 การจัดแสดงกลางแจ้งฟรี นำเสนอส่วนกำแพง Berlin ดั้งเดิม และข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การจัดแสดงในร่มแสดงให้เห็นประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของ Berlin ด้วยสถานีสื่อ 16 แห่ง โรงภาพยนตร์ วัตถุสิ่งของ และเอกสารต้นฉบับ (ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชม) ดำเนินการโดย NGO Berliner Forum fuer Geschichte und Gegenwart e.V.

พิพิธภัณฑ์ Haus am Checkpoint Charlie

พิพิธภัณฑ์ Checkpoint Charlie ใกล้กับที่ตั้งของป้อมยามคือ Haus am Checkpoint Charlie " พิพิธภัณฑ์ Haus am Checkpoint Charlie" เปิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ใกล้กับกำแพง Berlin แสดงให้เห็นภาพถ่าย และเรื่องราวของการแบ่งแยกเยอรมนี ป้อมชายแดนและ "ความช่วยเหลือของผู้มีอำนาจที่ปกป้อง" แสดงไว้ นอกจากภาพถ่ายและเอกสารประกอบความพยายามในการหลบหนีที่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังมีการจัดแสดงอุปกรณ์หลบหนี เช่น บอลลูนลมร้อน รถหนีภัย ลิฟต์เก้าอี้ และเรือดำน้ำขนาดเล็ก ตั้งแต่ตุลาคม พ.ศ. 2547 ถึงกรกฎาคม พ.ศ. 2548 มีอนุสรณ์สถานเสรีภาพ (The Freedom Memorial) ซึ่งประกอบด้วยส่วนผนังดั้งเดิมและไม้กางเขนที่ระลึก 1,067 อันตั้งอยู่บนพื้นที่ (เช่า) พิพิธภัณฑ์ Haus am Checkpoint Charlie ดำเนินการโดยสมาคม Arbeitsgemeinschaft 13 สิงหาคม สมาคมจดทะเบียนก่อตั้งโดย Dr. Rainer Hildebrandt ผู้จัดการคือ Alexandra Hildebrandt ภรรยาม่ายของผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในอาคาร "House at Checkpoint Charlie" โดยสถาปนิก Peter Eisenman ด้วยผู้เข้าชม 850,000 คนในปี พ.ศ. 2550 พิพิธภัณฑ์ Haus am Checkpoint Charlie จึงเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดของนคร Berlin และเยอรมนี 

ไม้กางเขนที่ระลึก 1,067 อัน ใน The Freedom Memorial

Checkpoint Charlie มีบทบาทในการจารกรรมในยุคสงครามเย็นและนวนิยายและภาพยนตร์ทางการเมือง ตัวอย่างบางส่วน ได้แก่ 

James Bond (แสดงโดย Roger Moore) กับ Checkpoint Charlie

- James Bond (แสดงโดย Roger Moore) เดินผ่าน Checkpoint Charlie ในภาพยนตร์ 007 ตอน Octopussy (1983) จากเยอรมันตะวันตกไปเยอรมันตะวันออก

- Checkpoint Charlie เป็นจุดเด่นในฉากเปิดของภาพยนตร์ปี 1965 เรื่อง The Spy Who Came in from the Cold (นำแสดงโดย Richard Burton และ Claire Bloom) ซึ่งสร้างจากนวนิยายของ John le Carré ที่มีชื่อเดียวกัน

Francis Gary Powers (ซ้าย) กับ Rudolf Abel (ขวา)

- ในภาพยนตร์ Bridge of Spies นักศึกษาชาวอเมริกัน Frederic Pryor ที่ถูกคุมขังได้รับการปล่อยตัวที่ Checkpoint Charlie โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนตัว Francis Gary Powers นักบินของ U-2 กับ Frederic Pryor โดยแลกกับ Rudolf Abel สายลับโซเวียตที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด การปล่อยตัวไพรเออร์เกิดขึ้นนอกจอในขณะที่การแลกเปลี่ยน Francis Gary Powers กับ Rudolf Abel เกิดขึ้นที่สะพาน Glienicke

เกมอินดี้ Papers Please โดย Lucas Pope

- Checkpoint Charlie เป็นแรงบันดาลใจให้กับเกมอินดี้ Papers Please โดย Lucas Pope ที่ซึ่งผู้เล่นทำหน้าที่ของหน่วยยามชายแดนสำหรับเวอร์ชั่นสมมติของ Berlin ตะวันออก

ฉากเปิดตัวของ The Man from U.N.C.L.E ณ Checkpoint Charlie

- นอกจากนี้ยังปรากฎในฉากเปิดตัวของ The Man from U.N.C.L.E ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) อีกด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อช.แก่งกระจาน เปิดแผน “ปักษาแหวกรัง เต่าดำมุดบาดาล” ป้องปรามผู้บุกรุกป่าและล่าสัตว์

วันที่ 11 มิ.ย. นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่าทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้เปิดแผนปฏิบัติการ “ปักษาแหวกรัง เต่าดำมุดบาดาล” ระหว่างวันที่ 7-10 มิถุนายน 64 โดยสนธิกำลังร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจฯพญาเสือ กองร้อย ตชด.ที่ 144 ศพฐ.7 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สภ.แก่งกระจาน กองการบิน สป.ทส. สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ออกปฏิบัติการเพื่อพิสูจน์ทราบพื้นที่เป้าหมายในเขตอุทยาน ตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. และ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการดูแลรักษาป่าและป้องกันกระทำความผิดเกี่ยวป่าไม้ มี นายอิทธิพล ไทยกมล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

จัดตั้งกองบัญชาการเหตุการณ์ ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยส่งกำลังพลทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์รวม 15 นายลงสนาม ฮ.ชั่วคราว เพื่อเดินเท้าเข้าพื้นที่เป้าหมายระยะทางเดินเท้า 7 กม.ใช้เวลาเดินประมาณ 3 วัน 2 คืน ขณะที่ น.ส.เนตรนภา งามเนตร ผช.หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำกำลังพลเดินลาดตระเวนตามพื้นที่เป้าหมายในห้วงเวลาดังกล่าว

ผลการปฏิบัติสามารถยึดเพิงพักรวม 3 หลัง หลังแรกพบเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค เครื่องกระสุนปืนไทยประดิษฐ์ ดินปืนจำนวนมาก ปลอกกระสุนปืนลูกซอง ซากสัตว์ป่าไม่สามารถระบุชนิดได้ซุกซ่อนอยู่ หลังที่ 2 และ 3 อยู่ห่างจากเพิงพักแรกที่ตรวจพบประมาณ 4 กม. ไม่พบบุคคลใดในเพิงพัก พบปลอกกระสุนปืนลูกซอง ผ้าห่ม เสื้อผ้าที่มีสภาพใหม่ ขวานที่ใช้สำหรับตัดไม้ ขวดน้ำ สลิงที่ใช้สำหรับทำแร้วดักสัตว์ จึงทำบันทึกตรวจยึดก่อนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน ฐานความผิดตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เพื่อติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ผู้ว่าฯนราธิวาส สั่งการให้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายติดตามจับคุมยาเสพติด หลังสายข่าวแจ้งมียาเสพติดจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ชายแดน เตรียมส่งประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 เวลา 10.30 น.ภายใต้อำนวยการของ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก และนายอนิรุทธ บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงปาดี ดำเนินการบูรณาการ กำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เข้าตรวจยึดยาเสพติด สืบเนื่องจากชุดเฉพาะกิจฝ่ายปกครองอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

นำโดยนายพิมล จงรักษ์ ปลัดอำเภอ ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จึงขยายผลไปอำเภอสุไหงปาดี โดยสามารถตรวจยึดยาเสพติดยาบ้าได้จำนวน 102,800 เม็ด ณ หลังบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 5 บ้านบือเจาะบือซา ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี  จังหวัดนราธิวาส 


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ตำรวจเพชรฯ จับแก๊งขนบุหรี่เถื่อนมูลค่า 6 ล้านบาท ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้จดทะเบียน มาจำหน่ายให้ตามสถานบันเทิง

วันที่ 11 มิ.ย. ที่หน้าทำการ ภ.จ.เพชรบุรี พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย นายกฤติเดช จิตรโอฬาร ฝ่ายบริหารการจัดเก็บภาษี สรรพสามิตพื้นที่เพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบขนบุหรี่ผิดกฎหมาย พร้อมของกลางบุหรี่ปลอมยี่ห้อ SMS จำนวน 25,619 ซอง และบุหรี่เถื่อนยี่ห้อ Mond/John จำนวน 20,000 ซอง รวม 45, 619 ซอง คิดเป็นมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ชะอำได้รับแจ้งเหตุรถกระบะชนเสาไฟฟ้าบริเวณบ้านสระ ซอย 3 ริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ อ.ชะอำ จึงรุดไปตรวจสอบพบรถกระบะมิตซูบิชิ ไททัน สีขาว ป้ายทะเบียน ยข 8030 ชลบุรี ชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางก่อนเสียหลักแฉลบพุ่งชนกำแพงร้านอาหารเจ้กุ้งพ่นไฟได้รับความเสียหายด้วย ในที่เกิดเหตุพบบุหรี่เถื่อนบรรจุใส่ลังกระดาษจำนวนมากตกอยู่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนในรถหนีไปได้

พล.ต.ต.อุทัย กล่าวว่าภายหลังเกิดเหตุได้สืบหาตัวคนร้ายจนทราบชื่อว่า นายนฤพงศ์ ชุ่มสวัสดิ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 810/5 ถ.เพชรเกษม(บ่อแขม) อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงนำหมายศาล จ.เพชรบุรี ที่ 154/2564 ลงวันที่ 1 มิ.ย.64 เข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านบางควาย-บางไทรย้อย อ.ชะอำ นำมาดำเนินคดีในความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย จำหน่ายและเสนอจำหน่ายยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรต ตรา SMS ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย พร้อมกันนี้ได้ให้ชุดสืบสวนสืบหาตัวผู้ร่วมขบวนการเนื่องจากสืบทราบว่าเป็นแก๊งรายใหญ่ที่นำบุหรี่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายให้ตามสถานบันเทิงต่าง ๆ ในเขต อ.ชะอำ และ อ.หัวหิน ซึ่งจะได้ดำเนินการจับกุมต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top