Sunday, 25 May 2025
SPECIAL

ตำรวจน้ำโชว์ศักยภาพ นำกำลังเข้าตรวจจับ เฮโรฮีน และยาไอซ์จำนวนมาก ประสานทุกหน่วยเตรียมขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้อง

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 มิ.ย. 64 จากนโยบายท่าน พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้ความสำคัญในการตรวจสอบการกระทำความผิดทางทะเล โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง,พ.ต.อ.จตุรวิทย์ คชน่วม ผู้กำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำได้รับรายงานจากสายว่า จะมีการขนเฮโรฮีน และยาไอซ์ รวม 2 ชนิดลงเรือในลำคลอง ม. 2 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล เพื่อส่งไปขายยังไม่ทราบจุดหมายทีแน่ชัดจึงได้ ประสานพ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รองผู้กำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ, พ.ต.ท.ศิโรดมสนุ่นดี สว.ส.รน.3กก.9บก.รน. เพื่อสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ ร่วมกับ ศรชล จ.สตูล น.อ.จุมพจน์ เสนาะพิณ รอง ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษมผลประโยชน์ของชาติทางทะเล,พ.ต.อ.ธนิสร แสงท่านั่ง ผกก.ตม.จว.สตูลและเจ้าหน้าที่ ฝ่ายตำรวจรวจ

โดยนำเรือ ออกตรวจสอบ พื้นที่ตามเบาะแสที่สายแจ้งมาว่า ซึ่งอยู่ในลำคลองท่าส้ม ม. 2 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งลำคลองแห่งนี้ สามารถที่จะผ่านออกไปยังลำคลองใหญ่ทางฝั่งตำมะลัง ที่มีรอยต่อระหว่าง ตำมะลังกับ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย โดยการตรวจสอบ พบยาไอซ์และเฮโรอีนชนิดผงขาวตราสิงห์โตเหยียบลูกโลกห่อในกระดาษห่อชาซึ่งเป็นวัสดุกันน้ำอย่างดีบรรจุในลังพลาสติกและใส่ในตะกร้าผลไม้ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ วางเกลื่อนอยู่ในป่าชายเลนข้างลำคลอง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึด  ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ และถ้าสามารถส่งออกไปยังประเทศปลายทางได้ ก็จะมีมูลค่าหลายร้านบาท

พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รองผู้กำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำกล่าวว่า การตรวจยึดได้ในครั้งนี้นั้น เนื่องจากได้มีสายแจ้งเข้ามาว่าจะมีการนำเฮโรฮีน และยาไอซ์มาซุกไว้ โดยใส่ในตระกร้าผลไม้ จึงได้ประสานทุกหน่วยเพื่อร่วมกันเข้าตรวจสอบ ซึ่งผลการเข้าตรวจสอบก็พบว่า เฮโรฮีนตราสิงโตเหยียบลูกโลก และยาไอซร์ บรรจุในถุงชา และใส่ในตะกร้าผลไม้ 39 ใบ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่และได้วางไว้ในป่าโกงกาง พื้นที่ป่าชายเลน และคาดว่าคงจะรอน้ำขึ้น ก็จะนำขึ้นเรือเพื่อส่งต่อไปยังจุดหมาย สำหรับการจับกุมครั้งนี้ ไม่เจอผู้กระทำผิดแต่ก็ได้มีการจัดชุดตรวจสอบ เพื่อติดตามเจ้าของดำเนินคดีต่อไป

\


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

สงขลา – สีสันแฟนบอล ทีมชาติอังกฤษเรียกร้องให้เจ้าจ้อน หรือฉายาใหม่มิสเตอร์จอน ลิงชิมแปนซีแสนฉลาดและแสนซน ประจำสวนสัตว์สงขลา ทายผลการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 คู่ อังกฤษ - สก๊อตแลนด์ ที่จะมีการแข่งขันในคืนวันที่ 18 มิ.ย. 64 เวลา 02.00 น.ว่าใครจะชนะ หลังจากเจ้

สีสัน..มาอีกแล้ว เจ้าจ้อน หรือมิสเตอร์จอน ฉายาใหม่ ลิงชิมแปนซีแสนฉลาดและแสนซน ประจำสวนสัตว์สงขลา หลังจากมีผลงานทายผลบอลในรอบแรก อังกฤษชนะโครเอเชียมาแล้ว แฟนบอลทีมชาติอังกฤษเรียกร้องให้ทางสวนสัตว์สงขลา ช่วยจัดให้เจ้าจ้อนทายผลการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 คู่ อังกฤษ - สก๊อตแลนด์ อีกครั้ง ว่าคู่นี้ใครจะชนะ ซึ่งจะมีการแข่งขันในคืนวันนี้ 18 นี้เวลา 02.00 น.

สวนสัตว์สงขลาจัดให้ตามคำเรียกร้อง ของแฟนบอลทีมชาติอังกฤษ โดยให้ พี่เลี้ยงเจ้าจ้อน นำป้ายธงชาติสกอตแลนด์และธงชาติอังกฤษ ไปแขวนไว้ในส่วนแสดงเจ้าจ้อน บริเวณเชือกที่โยงเพื่อให้เจ้าจอมโหนเล่น พร้อมนำฟุตบอล 2 ลูกไปวางไว้ให้เจ้าจ้อนโยนเล่นด้วย

หลังจากนั้น พี่เลี้ยงได้ปล่อยเจ้าจ้อน ลิงชิมแปนซีออกมา เพื่อทายผลฟุตบอลยูโร 2020 คู่ อังกฤษ – สก๊อตแลนด์ เมื่อมันวิ่งออกมาก็คว้าฟุตบอลลูกแรก วิ่งถือมาผ่านป้ายธงสก๊อตแลนด์และอังกฤษ และก็ไปคว้าฟุตบอลลูกที่สองที่วางอยู่ติดกับเสา วิ่งถือไปโดยเตะฟุตบอลลูกแรกสีขาวตกลงไปในคูน้ำ ส่วนลูกที่ 2 สีส้มมันโยนโยนออกไปนอกคอกเลี้ยง หลังจากนั้นมันก็เดินกลับมาที่ บริเวณที่แขวนธงชาติสก๊อตแลนด์และอังกฤษ วันนี้เจ้าจ้อนไม่คึกคักเท่าที่ควร คาดว่าคงยังไม่ได้โด๊ปน้ำแดง จึงยังไม่มีเรี่ยวแรง

เมื่อเจ้าจ้อนเดินมาถึงบริเวณที่แขวนธงชาติและอังกฤษ มันก็ตรงไปที่ธงชาติอังกฤษทันที คว้าธงชาติอังกฤษ คิดว่ามันคงจะยืนอ่านชื่อภาษาอังกฤษออกว่า เป็นธงชาติอังกฤษ มันจึงดึงเชือกที่ผูกธงชาติอังกฤษจนขาดให้รู้ว่า ยังคงเลือกทีมชาติอังกฤษอยู่เหมือนเดิม

หลังจากนั้น เจ้าจอมก็ไปยืนตบมือ แสดงความดีใจว่า ได้เลือกทีมชาติอังกฤษแล้ว โดย วางป้ายธงชาติอังกฤษไว้กับพื้น แล้วยินตบมือ พร้อมโชว์ป้ายธงชาติอังกฤษให้ดู

เมื่อทำงานเสร็จมันก็ขอรางวัล ก็คือมะม่วง โดยเจ้าจ้อนยกมือไหว้ขอบคุณก่อน พี่เลี้ยงจึงจะโยนมะม่วงให้นำไปกินบนห้างอย่างสบายใจ เมื่อกินมะม่วงเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็ลงจากห้างลงมาหยิบป้ายธงชาติอังกฤษ ถือขึ้นไปบนห้าง ที่มันใช้เป็นที่ หลับที่นอนในช่วงกลางวันพร้อมโชว์ป้ายธงชาติอังกฤษ ให้พี่เลี้ยง และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่อยู่ข้างล่างได้เห็น และรับรู้ว่าวันนี้เลือก ทีมชาติอังกฤษเป็นฝ่ายชนะในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 คู่ อังกฤษ - สก๊อตแลนด์ ที่จะมีการแข่งขันในคืนวันนี้ 18 มิ.ย.64 เวลา 02.00 น.

นายวันชัย ตันวัฒนะ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา กล่าวว่า ไม่ว่าคืนวันนี้ 18 มิ.ย.64 ผลการแข่งขันฟุตบอลยูโร2020 ระหว่างอังกฤษกับสก๊อตแลนด์ จะออกมาเป็นอย่างไรไม่ว่ากัน แต่วันนี้เจ้าจ้อน ลิงชิมแปนซีแสนฉลาด และแสนซนประจำสวนสัตว์สงขลา ทำงานสำเร็จตามที่สวนสัตว์สงขลาตั้งเป้าไว้ หากเจ้าจ้อน ลิงชิมแปนซีทายผลฟุตบอลยูโร2020 ระหว่างอังกฤษกับสก๊อตแลนด์ ทายถูกหรือทายผิดก็ไม่มีอะไร ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์สวนสัตว์สงขลาที่นำสัตว์ออกมามีส่วนร่วมประชาสัมพันธ์ ในช่วงมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร2020  รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์สวนสัตว์สงขลาอีกทางหนึ่งด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5หรือ กก.สส.บก.ตม.5 และ ตม.จว.นครสวรรค์ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคนสัญชาติไทย ขับรถยนต์ขนคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 18 คน หวังเข้าพื้นที่ตอนใน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด                    

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว สว.ตม.จว.นครสวรรค์ ร่วมแถลงข่าว ดังนี้…

เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครสวรรค์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวัชรพงศ์ สัญชาติไทย พร้อมของกลาง รถกระบะสีขาว ทะเบียน แพร่ (ป้ายแดง) ซึ่งใช้บรรทุกคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 18 คนส่งดำเนินคดี โดยกล่าวหานายวัชรพงศ์ว่า “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานฯ เสพ และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ทำให้เสียทรัพย์ และฝ่าฝืนเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในจังหวัดตากโดยไม่ได้รับอนุญาต” และกล่าวหาคนต่างด้าวว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก และฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก เรื่องมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019)”  เหตุเกิดบริเวณริมถนนพหลโยธิน กม.538-539 หมู่ 1 ตำบลสมอโคน อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก

พฤติการณ์ก่อนจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย  โดยใช้รถยนต์ในการขนคนต่างด้าวจากเขตติดต่อ อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ กับ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ไปยังพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อมาเวลาประมาณ 01.30 น. พบรถกระบะต้องสงสัยขับมาตามถนนพหลโยธิน หมู่ 7 ตำบลเถินบุรี อำเภอเถินบุรี จังหวัดลำปาง มุ่งหน้าไปทาง จังหวัดตาก จึงได้ขับรถยนต์ติดตามและสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่องมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเปิดสัญญาณไฟวับวาบและเรียกให้จอดรถ เมื่อรถดังกล่าวจอดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถยนต์ส่วนตัว จอดขวางบริเวณด้านหน้ารถและได้นำรถยนต์อีกคันจอดขนาบข้างด้านขวา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะลงจากรถเพื่อเข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่านายวัชรพงศ์ (ทราบชื่อภายหลังจับกุม) พยายามจะหลบหนีและได้ขับรถชนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคันเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จากนั้นได้ขับขี่หลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ ผลการตรวจสอบพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 18 คน อยู่ภายในรถ จึงได้จับกุมตัวนายวัชรพงศ์ ซึ่งเป็นคนขับ พร้อมคนต่างด้าวส่งดำเนินคดี

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5หรือ กก.สส.บก.ตม.5 และด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคนต่างด้าวสัญชาติลาว หลังให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง 7 คน เตรียมข้ามไป สปป.ลาว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด  

                  

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.มนุวัฒน์ กอสนาน ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครสวรรค์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพันฯ คนต่างด้าวสัญชาติลาว พร้อมกับนายจางเสวี่ย  คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง กับพวกจำนวน 4 คน และร่วมกันจับกุมตัวนายลีเจิ่น คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง กับพวกรวม 3 คน ส่งดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า นายพัน ว่า

“ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม ไม่เดินเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ และฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” และกล่าวหาคนต่างด้าวสัญชาติจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ และฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” เหตุเกิด บริเวณช่องทางธรรมชาติบ้านสบรวก และโรงแรมแสนโชคการ์เด้นโฮม ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 

สำหรับพฤติการณ์ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติจีนเข้าพักในโรงแรมแสนโชคการ์เด้นโฮมเพื่อเตรียมตัวหนีออกนอกราชอาณาจักรไป สปป.ลาว จึงรีบไปตรวจสอบโดยแบ่งกำลังเป็นสองชุด โดยให้อีกชุดไปลาดตระเวนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ผลการตรวจสอบพบนายลีเจิ่นฯ คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมืองกับพวกอีก 3 คน พักอาศัยอยู่ในโรงแรม จึงได้จับกุมตัวไว้ และจากการลาดตระเวนยังพบนายจางเสวี่ย คนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมืองกับพวกรวม 4 ราย กำลังจะลงเรือยาวสัญชาติ โดยมีนายพัน คอยดูต้นทาง จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่คนขับเรือสัญชาติลาวได้ออกเรือหลบหนีไป จึงได้จับกุมตัวคนต่างด้าวสัญชาติจีนทั้ง 7 คน และคนสัญชาติลาว 1 คน ส่ง พงส.สภ.เชียงแสน ดำเนินคดี

จากการขยายผลพบว่ามีเครือข่ายคนสัญชาติไทยคือ นายโอม เป็นผู้เช่ารถยนต์และให้บุคคลอื่นขับนำคนต่างด้าวสัญชาติจีนมาเข้าพักในโรงแรมดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่ง พงส.สภ.เชียงแสน และ พงส.ฯ ได้แจ้งข้อหานายโอม แล้วว่ากระทำความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม” ส่วนผู้ร่วมกระทำผิดอื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีตามกฎหมาย

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่  507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ขอนแก่น - พร้อมจัดประชุมใหญ่ พปชร. ตร-สธ.-ปกครอง คุมเข้มทุกมาตรการความปลอดภัย “เอกราช”ย้ำชัด สมาชิกพรรคที่ได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง ใครไม่มีเอกสารยืนยันฉีดวัคซีนจัดรถตรวจหาเชื้อป้องกันโควิดถึงที่ ไม่ตอบใครจะนั่งเลขาพรรคคนใหม่ แต่มีการเปลี่ยน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 17มิ.ย.2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น หรือไคซ์ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4พร้อมด้วย นายเอกราช  ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ,พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,นายศุภชัย ลีเขาสูง นายอำเภอเมืองขอนแก่น และนายโกเมศ ฑีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า และคณะทำงานพรรคพลังประชารัฐ ลงตรวจพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2564 พรรคพลังประชารัฐที่กำหนดจัดการประชุมขึ้นที่ จ.ขอนแก่นในวันพรุ่งนี้ (18มิ.ย.) 

โดยที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตั้งระบบตรวจวัดอุณหภูมิและจุดคัดกรองตามมาตรฐานความปลอดัยด้านสาธารณสุขจากสถานการณ์โควิด-19อย่างเข้มงวด บริเวณทางเข้าห้องประชุม รวมทั้งการจัดเตรียมพื้นที่รับรองคณะผู้ติดตาม ส่อมวลชน รวมไปถึงสมาชิกพรรคที่จะมาร่วมในการประชุมพรุ่งนี้ไว้ในจุดที่กำหนดตามมาตรการของการเว้นระยะห่างอย่างเข้มงวดขณะที่ ศูนย์ประชุมฯได้มีการกำหนดทางเข้า-ออก ให้สามารถใช้งานได้เฉพาะประตู 2 เท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและการตรวจคัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมิเบื้องต้นก่อนที่จะเข้าสู่ที่ประชุมชั้นใน ตามจุดที่กำหนด รวมทั้งการตั้งจุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากในการประชุมครั้งนี้มีการตรวจเอกสารของผู้เข้าร่วมประชุมตามที่ได้รับเอกสารจากพรรคฯว่ามีการได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่หากไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมประชุมจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดทันที

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานงานร่วมทุกฝ่ายเพื่อรักษาความปลอดภัยในการประชุมอย่างเข้มงวด  ทั้งในด้านของการจัดการจราจร การรักษาความปลอดภัยด้านนอกสถานที่จัดการประชุม และภายในห้องประชุม ซึ่ง ภ.จว.ขอนแก่น และ บก.สส.ภ.4ได้เตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยในการประชุมครั้งนี้ในภาพรวมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมในการเตรียมการประชุมพรรคถือว่าเราพร้อม 100% ในฐานะเจ้าภาพเจ้าของพื้นที่นั้นคณะทำงานทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ในการประชุมครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นมาตรการป้องกันโควิดตามนโยบายของ ศบค. หรือการอำนวยความสะดวกเรื่องการคมนาคมการเดินทาง ที่พัก และยินดีต้อนรับ ส.ส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคนที่เข้ามาร่วมประชุมที่ขอนแก่น ซึ่งยืนยันว่าสมาชิกมาครบอาจจะเกินบ้างในส่วนที่เป็นส.ส. หรือในนามตัวแทนเขต ซึ่งอาจจะเกินขึ้นไปถึง 400 คน

“หากประชาชนที่ทราบว่าระดับผู้นำประเทศเข้ามาในพื้นที่ก็อาจจะมีเรื่องการยืนหนังสือ ซึ่ง ถ้าหากว่าเป็นไปได้ไม่น่าจะสะดวกเพราะเป็นกิจกรรมของพรรคแต่อย่างไรก็ตามหากพี่น้องประชาชนมีความจำเป็นเดือดร้อนจะมายื่นก็ขอให้มีการประสานมาอย่างเป็นทางการประสานมาที่ตนเองก็ได้จะลำดับความสำคัญหรือดูจังหวะที่จะสามารถแทรกได้ เพราะเป็รการประชุมในระบอบประชาธิปไตยพรรคของเราเปิดเต็มที่รับฟังทุกความเห็นต่าง ดังนั้นกลุ่มเห็นต่างจะแสดงความคิดเห็นก็ขอให้อยู่ในกรอบอย่าละเมิดสิทธิของคนอื่นความเห็นต่างถือว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เราไม่ขัดข้องแต่ก็ขอให้อยู่ในกรอบของแต่ละฝ่าย  ในฐานะของเจ้าภาพเราก็ต้องการเห็นความรักความสามัคคีและความเรียบร้อยในการจัดงานครั้งนี้”

นายเอกราช กล่าวต่ออีกว่า ในที่ประชุมจะเน้นเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนแล้วเข็มหรือครบแล้วทั้ง 2 โดส เข้าสู่ห้องประชุมชั้นในแต่ถ้าใครยังไม่ผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้วเราก็มีการตรวจหาเชื้อ หลังจากผ่านการคัดกรองเข้าไปถ้าหากว่าอุณหภูมิสูงหรือมีไข้ เราจะคัดออกมาและตรวจโควิด ในจุดที่กำหนดซึ่งจะทราบผลทันทีถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงกว่าศบค. กำหนด

อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งนี้มีความกังวลและเป็นห่วงอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นเราปลอดเชื้อมาหลายวันแล้วและเป็นจังหวัดที่มีความปลอดภัยสูงจึงมีการมาจัดการประชุม ดังนั้นวันนี้การเตรียมงาน ที่ยึดตามแนวนโยบายของ ศบค.ในการป้องกันการเป็นคลัสเตอร์ใหม่และพรรคได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก มาตรการควบคุมและป้องกัน คณะทำงานร่วมทุกฝ่ายได้ทำการคัดกรองมาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาถึงพื้นที่ จึงอยากให้ความสบายใจกับชาวขอนแก่นว่าพรรคได้รักษามาตรการและป้องกันเต็มที่

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามประเด็นการเลือกเลขาธิการพรรคคนใหม่ จะมี้ขึ้นในการประชุมนั้น นายเอกราช ไม่ขอแสดงความคิดเห็นและขอให้เป็นมติในที่ประชุมที่ ส.ส.ของพรรคทุกคนและสมาชิกพรรคนั้นพร้อมที่จะปฎิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารพรรคในภาพรวม

‘ตม.-ระนอง’ รวบยกแก๊งขบวนการปลอมหนังสือเดินทาง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด        

            

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้...

คดีจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางและนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ร่วมกับ จนท.ทหาร ชุด ร้อย ร.2521 (จุดตรวจศิลาสลัก จปร.) ตั้งจุดตรวจจุดสกัดกั้นตรวจพบ นายไวเมียว อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา ขับขี่รถยนต์กระบะทะเบียนชุมพร บรรทุก นายเนคา อายุ 15 ปี สัญชาติเมียนมา และนายโจเซลา อายุ 16 ปี สัญชาติเมียนมา จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม ที่นำมาแสดงเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงจับกุมตัวและสืบสวนขยายผลการจับกุม ทราบว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวได้รับมอบมาจาก นายอาวปาย อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา จึงได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก นายอาวปาย หมู่ 4 ตำบล จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง พบหนังสือเดินทางปลอม เพิ่มอีกจำนวน 4 จึงจับกุมตัวนายอายปาย ข้อหา

“มีหนังสือเดินทางปลอมไว้เพื่อจำหน่าย” และสืบสวนขยายผลการจับกุม เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านใน หมู่10 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จับกุม นางเลเลข่าย อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา ข้อหา “รู้ว่าเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือให้คนต่างด้าวนั้นรอดพ้นการจับกุม” และได้สืบสวนขยายผลกระทั้งสามารถออกหมายจับและจับกุมตัว นายสมศักดิ์ ข้อหา “ทำหนังสือเดินทางปลอม”    

การสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง มีรายละเอียด ดังนี้...

นายเนคา และ นายโจเซลา สัญชาติเมียนมา ต้องการเดินทางไปหาแม่ที่ จว.สุราษฎร์ธานี ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ และไปเข้าพักอาศัย หลบซ่อนอยู่กับ นางเลเลข่าย สัญชาติ

เมียนมา (น้าสาว) ที่บ้านหมู่ 10 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จากนั้น นางเลเลข่าย ติดต่อว่าจ้าง นางมะแง่หรือโชสุ นายหน้าชาวเมียนมา ให้ดำเนินการช่วยเหลือลักลอบนำพา ขนส่ง เคลื่อนย้ายไปยัง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ค่าจ้าง 11,000 บาท/คน นางมะแง่หรือโชสุ จึงให้นางเลเลข่าย ถ่ายรูป นายเนคา และ นายโจเซลา ส่งไปให้ทางเฟซบุ๊ก ชื่อ Tanon Non จากนั้น นางมะแง่หรือโชสุ ได้ส่งรูปภาพต่อไปให้นายอาวปาย ซึ่งนายอาวปาย ได้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Just You ส่งรูปภาพ นายเนคา นายโจเซลา และคนต่างด้าวอื่นๆ ไปให้นายสมศักดิ์ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ko Soe Soe เพื่อดำเนินการทำหนังสือเดินทางปลอม นายสมศักดิ์ ได้นำหนังสือเดินทางปลอม จำนวน 6 เล่ม มามอบให้กับนายไวเมียว สัญชาติเมียนมาที่ กม.13 (บ้านจันทร์ทึง ตำบลวังใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร) เพื่อนำไปส่งต่อให้กับนายอาวปาย (ผู้ว่าจ้าง) ที่บ้านหมู่ 4 ตำบล จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ต่อมาวันนายอาวปาย ได้ว่าจ้างให้นายไวเมียว ให้นำพาขนส่งนายเนคา และนายโจเซลา ไปส่งยังสถานี บขส.จังหวัดชุมพร โดยได้มอบหนังสือเดินทางปลอม จำนวน 2 เล่ม ให้นายไวเมียว นำไปมอบให้ นายนายเนคา และ นายโจเซลา เก็บไว้กับตัวเพื่อใช้แสดงกับพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อถูกเรียกตรวจสอบระหว่างการเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ถูก จนท.ชุดจับกุม ตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางครั้งนี้ทั้งขบวนการกลุ่มเครือข่าย ขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางของนายอาวปาย อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา มีผู้ร่วมขบวนการเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทุกคน

โดยเข้ามาอยู่อาศัยและได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นกรณีพิเศษ ประเภทกรรมกร การเกษตรและปศุสัตว์ (ในพื้นที่ จังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร) นายไวเมียว ยังให้การยอมรับว่า หลังจากมีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ได้หันรับจ้างบริการนำพาคนต่างด้าวเดิน-ทางไปกลับ จังหวัดระนอง-จังหวัดชุมพร อยู่หลายครั้ง นอกเหนือจากการกรีดยางพารา ซึ่งที่ผ่านมาในการลักลอบนำพา ขนส่ง เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน ต้องอาศัยความชำนาญเส้นทาง รู้เส้นทางรอง เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ จุดตรวจจุดสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเครือข่าย ขบวนการกลุ่มนี้เป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ไม่ชำนาญเส้นทางในการลักลอบนำพา จึงใช้วิธีการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง เพื่อให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย นำมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดระหว่างการเดินทางเมื่อถูกเรียกตรวจสอบ โดยในครั้งนี้คิดว่าเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอมได้จึงได้รับงาน และถูกจับกุมตัว

สรุปผลการปฏิบัติในการบูรณาการทลายในเครือข่ายนี้ สามารถออกหมายจับผู้นำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองได้ จับกุมได้จำนวน 1 คน และแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 1 คน อยู่ในระหว่างติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดี จำนวน 1 คน และสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมาได้ จำนวน 6 คน

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ยะลา - เร่งตรวจ SWAB เชิงรุก ค้นหาผู้ติดเชื้อเพิ่มในพื้นที่อัยเยอร์เวง

ศอ.บต. ร่วมกับ สำนักงานเขตสุขภาพที่ 12 สงชลา และ โรงพยาบาลเบตง สาธารณสุขอำเภอเบตง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอัยเยอร์เวง ออกทำการตรวจ SWAB ประชาชนในพื้นที่ตำบลอัยเยอร์เวง ทั้ง 11 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง และกลุ่มเสี่ยงต่ำ เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม หลังพบในพื้นที่ตำบลอัยเยอณ์เวง 35 คนรอผลตรวจ 80 ราย

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ที่โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วย นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง นายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง และบุคลากรโรงพยาบาลเบตง บุคลากรสำนักงานเขตสุขภาพที่ 12 สงชลา บุคลากรสาธารณสุขอำเภอเบตง และ พ.ต.อ.วงศกร เหมือนเขียว ผกก.สภ.อัยเยอร์เวง พร้อมกำลัง ลงพื้นที่ ทำการตรวจ SWAB ประชาชนในพื้นที่ตำบลอัยเยอร์เวง ทั้ง 11 หมู่บ้าน และทำการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชน กลุ่มหมู่บ้าน เพื่อทำการค้นหาและคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยงและผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน ต.อัยเยอร์เวง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ใน อ.เบตง เพิ่มขึ้นเป็น 57 ราย เฉพาะในพื้นที่ของหมู่ 2 ต.อัยเยอร์เวง จำนวน 35 ราย

เลขาธิการ ศอ.บต. เผยถึงความห่วงใยต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ว่า จชต. เป็นพื้นที่พิเศษแตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ มีปัจจัยต่อการระบาดหลายช่องทาง อาทิ การรวมตัวของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่เสมือนครอบครัว เทศกาลทางศาสนา และสภาพอากาศ อย่างไรก็ตาม รับทราบถึงความเหนื่อยล้าของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด จึงมาเยี่ยมเพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วน เพื่อเป้าหมายที่สำคัญคือ พี่น้องประชาชน จชต.

ด้านนายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ ผอ.โรงพยาบาล อ.เบตง เผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่มีสาเหตุมาจากการกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมญาติในต่างอำเภอและต่างจังหวัด พร้อมกับกิจกรรมทางศาสนาที่จังหวัดยะลา ซึ่งพบการระบาดเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องทำการตรวจเชิงรุกทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนเปิดภาคเรียน เทศกาลวันฮารีรายอในวันที่  20-23 กรกฎาคม และช่วงฤดูผลผลิตทุเรียน ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางจากต่างพื้นที่เข้ามารับซื้อทุเรียนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ของทุกปี จะมีฝนตกชุกในพื้นที่จึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการระบาดที่รุนแรงของโรคได้

นอกจากนี้ยังมีประชาชนในกลุ่มหมู่บ้านอื่น ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ได้เข้ารับการตรวจคัดกรองเชิงรุก ทั้งตำบล รวม 841 ราย มีผู้รับการตรวจคัดกรองแล้วในวันนี้ 500 คน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลจากห้องแล็ปภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ สำหรับประชาชนในพื้นที่สามารถเข้ารับ บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 (SWAB) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ จุดตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในพื้นที่อัยเยอร์เวง จำนวน 500 คนต่อวัน


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

‘ตม.-สตูล’ จับกุมเครือข่ายลักลอบนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด    

                

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.ท.ยศพร มาศรีนวล รอง ผกก.ตม.จว.สตูล พร้อมด้วย ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง กุลนิดา ศุภสิทธิกุลชัย สว.ตม.จว.สตูล ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้...

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้ดูแลโรงแรมแห่งหนึ่งว่า มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 6 คน เข้าพักที่โรงแรมฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สตูล ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละงู, หน่วยงานความมั่นคง, เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ควบคุมตัวคนต่างด้าวทั้งหมดไปกักตัว ณ สถานกักตัว Local Quarantine ตามมาตรการการป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19

จากนั้นจึงได้สอบปากคำคนต่างด้าว ทราบว่าคนต่างด้าวทั้งหมดเดินทาง เข้ามาในประเทศไทยโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ บริเวณเกาะสอง จ.ระนอง ต้องการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย โดยมีรถกระบะมารับคนต่างด้าวทั้งหมดที่ บริเวณสวนสาธารณะในตัวเมือง จ.ระนอง และเดินทางมาถึง อ.ละงู จ.สตูล โดยมีคนไทยซึ่งเป็นผู้นำพาคนต่างด้าวทั้งหมดเข้าพักที่โรงแรมฯ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า มีรถยนต์สองคันนำพาคนต่างด้าวเข้าพักโดยรถคันแรกขับนำทางเข้ามายังโรงแรม โดยมี นายหมัดยอหนน อายุ 62 ปีเป็นผู้ขับขี่ และเป็นผู้ดำเนินการเปิดห้องพักให้คนต่างด้าวเข้าพัก 

ส่วนคนต่างด้าวทั้งหมดและคนขับรถยนต์คันที่สองอยู่ในรถ และไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงนำภาพทะเบียนรถที่ได้ไปตรวจสอบหาผู้ครอบครองและทราบว่ารถยนต์คันที่สองเป็นรถของนายหมาดเหยด อายุ 62 ปี มีถิ่นที่อยู่ในพื้น จ.ระนอง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลโดยสอบปากคำนายหมาดเหยดฯ ให้การว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่ได้มอบให้นายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกเขยของตนไว้ใช้งานมาประมาณ 3 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมข้อมูลและนำภาพนายสุรศักดิ์ฯ มาให้คนต่างด้าวทั้งหมดชี้ตัว โดยทั้งหมดยืนยันว่านายสุรศักดิ์ เป็นผู้ขับรถกระบะคนดังกล่าวไปรับตนที่สวนสาธารณะในตัวเมือง จ.ระนอง และนำพาพวกตนเดินทางมายัง อ.ละงู จ.สตูล จริง เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสตูลอนุมัติออกหมายจับนายสุรศักดิ์ฯ ที่ จ.107/2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าว เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่าฝืนกฎหมาย”

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัว นายหมัดยอหนนฯ ให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมทั้งรับทราบข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย”

เจ้าหน้าที่สภ.ราชกรูด จ.ระนอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สภ.ละงู จับกุมตัวนาย สุรศักดิ์ฯ พร้อมนำรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ นำส่ง พงส.สภ.ละงู จากการสอบสวนนายสุรศักดิ์เพิ่มเติม นายสุรศักดิ์ฯ ให้การซักทอด น.ส.ไซด้า หรือดา สัญชาติเมียนมา ว่าเป็นผู้จ้างวานตน โดยคิดค่าจ้างเป็นเงิน 5,000 บาทต่อคน และจ่ายเงินมัดจำ 10,000 บาทก่อน ส่วนอีก 10,000 บาท ที่เหลือจะให้เมื่องานสำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสตูลอนุมัติออกหมายจับ น.ส.ไซด้าฯ จาก ที่ จ.109/2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.ไซด้า หรือดา มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สรุปผลการปฏิบัติในการบูรณาการทลายในเครือข่ายนี้ สามารถออกหมายจับผู้นำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองได้ จับกุมได้จำนวน 1 คน และแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 1 คน อยู่ในระหว่างติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดี จำนวน 1 คน และสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมา ได้ จำนวน 6 คน

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปทุมธานี - สวรรค์มีตา !! เขาทราย-น้องหนึ่ง ได้โชค หลังจิตอาสาแชมป์โลก ครบหนึ่งเดือนพอดี

เขาทราย แกแล็คซี่ พร้อม "น้องหนึ่ง" วรรณภา ขำบุญศรี ภรรยาคู่ใจ หลังร่วมอุทิศตนจิตอาสา นำทีม ชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ตระเวณมอบอาหาร น้ำดื่ม มอบคณะแพทย์โรงพยาบาลสนาม ครบหนึ่งเดือนเต็ม แถมต่อซีซั่นสองอีกหนึ่งเดือน ล่าสุดยังได้โชคถูกเลขท้ายสองตัว เป็นขวัญกำลังใจ

กิจกรรม โครงการมอบข้าวกล่อง น้ำดื่ม ให้ทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยโควิด ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ภายใต้การสนับสนุนหลักของ นายนริส สิงหวังชา เจ้าของไอเดีย โดยมี เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมเปียนโลกขวัญใจชาวไทยตลอดกาล รวมทั้ง "น้องหนึ่ง" นางวรรณภา ขำบุญศรี ภรรยาคู่ใจ ตลอดจนอดีตแชมป์โลก ในนามชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ดำเนินกิจกรรมครบหนึ่งเดือนเต็ม ตามเป้าหมายแรกเริ่ม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 64 มีการต่อยอดโครงการออกไปอีกหนึ่งเดือน เริ่มวันนี้เป็นวันแรก โดยเขาทราย พร้อมทีมงาน และ ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลก กับ "ป๋าไฝ" นายมานพ เอี่ยมท้วม บิดา ,และ คุณสุกานดา มิตรศาสตร์ ช่วยดูแลเป็นธุระเรื่องการจัดส่งอาหารในซีซั่น 2 นำเสบียงไปมอบที่ โรงพยาบาลธัญบุรี (คลอง 6) จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด มีข้าวไก่ผัดพริกแกง 100 กล่อง น้ำดื่ม 20 แพ็ค

จากรายนามผู้สนับสนุน ได้แก่ นายนริส สิงห์วังชา มอบทุนทรัพย์ 30,000 บาท เพื่อต่อยอดโครงการ ข้าวกล่องแชมป์โลกซีซั่น 2 ,สนับสนุนเสื้อของชมรมวีรบุรุษแชมป์โลก โดยคุณสุภชัย ฉัตรทัน กรรมการผู้จัดการ บ.ออก้า สปอร์ต ,ยอดสนั่น ศิษย์ยอดธง พร้อมด้วย นายโอเล็กซ์ กาบาลีนอฟ และ นาย อันตน ซาฟคอฟ เป็นตัวแทนจากสหพันธ์แฮนด์ทูแฮนด์ หรือ(ศิลปะการต่อสู้แบบประชิดตัวจากประเทศรัสเซีย) ร่วมสนับสนุนทุนทรัพย์ รวม 6,000 บาท เพื่อต่อยอดโครงการข้าวกล่องแชมป์โลกซีซั่น 2 (โครงการข้าวกล่องที่จะเดินหน้าต่อไปตั้งแต่ วันที่ 16 มิถุนายน 2564 - 15 กรกฎาคม 2564 )  และบริจาคน้ำดื่มอีก 50 แพ็ค , น้ำดื่ม แบบแพ็ครวมทั้งหมด 600 แพ็ค จากพรสวรรค์ ป ประมุข และศูนย์การเรียนรู้มวยไทยต้านภัยยาเสพติดหมู่บ้านพระปิ่น 3 และชาวตลาดนัดแสงจันทร์ถาวร และคุณศิวาพร เตชะวัฒนา และ นายอนุศักดิ์  พัววรานุเคราะห์ รองประธาน ศูนย์การเรียนรู้มวยไทยต้านภัยยาเสพติด หมู่บ้านพระปิ่น 3 ร่วมสมทบน้ำดื่ม 1,000 บาท

ในวันนี้มี คุณศศิภา อริสริยวงศ์ และ คุณศรีประไพ เต่งภาวะดี นางพยาบาล เป็นตัวแทนรับมอบในนาม โรงพยาบาลธัญบุรี (คลอง 6) เป็นตัวแทนรับมอบ

นอกจากนี้ในช่วงเย็น ยังมีข่าวว่า เขาทราย และ น้องหนึ่ง ภรรยา ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล 17 เป็นรางวัล เลขท้ายสองตัว จำนวนหนึ่งอีกด้วย ยังความปลาบปลื้มให้กับสองสามีภรรยา ซึ่งเชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจิตกุศลผลบุญที่ตนทั้งสองร่วมอุทิศแรงกาย แรงใจให้กับกิจกรรมจิตอาสาของ ชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ในการช่วยเหลือสังคมนั่นเอง

น้องหนึ่ง เผยอีกว่า เงินรางวัลที่ได้จากโชคนี้ เราทั้งสองได้นำไปขึ้นเงินและสมทบซื้อกล่อง อุปกรณ์ เพื่อเตรียมไว้นำไปใส่อาหารมอบให้ทีมแพทย์ทั้งหมดอีกด้วย

นครพนม - อบจ.นครพนม ร่วมกับ ร.3 พัน.3 ส่งมอบบ้านให้กับผู้ยากไร้ ยากจน และด้อยโอกาส ในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ,ร้อยเอก วันดี สีนวล นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ผู้แทน พันโท ศรณณัฐ นวลมณี ผบ.ร.3 พัน 3 และส่วนราชการในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

ส่งมอบบ้านเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ให้กับนายทองสูรย์ ภักดี บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 12 บ้านดอนถ่อน ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม

การดำเนินโครงการก่อสร้างบ้านเฉลิมพระเกียรติ ฯ เป็นการบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันแสดงความจงรักภักดี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ร่วมกับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงครามฯพร้อม เป็น 3 หน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนและดำเนินการก่อสร้างบ้านสำหรับประชาชนผู้ยากไร้ ยากจน และด้อยโอกาส เป็นผู้คัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือ

กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง ซึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้กำหนดการก่อสร้างบ้านเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 10 หลัง และในการส่งมอบบ้านให้กับบ้านหลังนี้เป็นหลังที่ 7 ที่ได้รับมอบบ้านให้อยู่อาศัย เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้คงอยู่สืบไปชั่วลูก ชั่วหลานต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

คุมตัวมือจี้ธนาคารเชียงของทำแผน หลังมอบตัวเช้ามืดและออกหมายจับวันเดียว

ตำรวจเชียงของ นำตัวผู้จัดการฝ่ายชายรถยนต์ มือจี้ชิงทรัพย์ ธนาคาร ในห้าง อ.เชียงของ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังทนแรงกดันไม่ไหวมอบตัวแล้วหลังถูกออกหมายจับเพียง 1 วัน

เวลา 09.45 น.วันที่ 17 มิ.ย. 64 ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาเชียงของ จ.เชียงราย  พ.ต.อ.ชัยยุทธ ฉิมพลี ผกก.สภ.เชียงของ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงของ นำตัว นายอุทิศ เสกสันติสกุล อายุ 32 ปี ชาว ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพการจี้ชิงเงินสดที่ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาโลตัสเชียงของ  หลังจากเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.ที่ผ่านมา  โดยมีประชาชนพากันมามุงดูดเป็นจำนวนมาก

โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ชัยยุทธ ฉิมพลี ผกก.สภ.เชียงของ ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่บ้านเวียงหมอก หมู่ 10 ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อนำนายอุทิศ เสกสันติสกุล อายุ 32 ปี เข้ามอบตัว ซึ่งนายอุทิศ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 84/2564 ในข้อหาชิงทรัพย์ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส อ.เชียงของ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเงินสดประมาณ 100,000 บาทโดยนายอุทิศ ได้นำเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ และของกลางต่าง ๆ ที่ใช้ มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อเปรียบเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิดและการชี้ตัวของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ 

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายอุทิศ เป็นผู้จัดการขายรถยนต์อยู่ใน จ.เชียงใหม่ แต่ประสบปัญหาทางการเงินจึงได้ลงมือก่อเหตุ หลังจากนั้นได้ได้หลบหนีไปอยู่ที่บ้านญาติภายในชุมชนห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย แต่ทางญาติทราบข่าวการออกหมายจับ จึงได้เดินทางมาที่บ้านเวียงหมอกตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมาเพื่อไปหา ภรรยาและผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้พาไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

นราธิวาส – รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบรถเข็นวีลแชร์ ให้แก่ผู้ป่วยและผู้พิการในพื้นที่

พันเอกนายแพทย์ โชคชัย ขวัญพิชิต รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดีและอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์ ให้แก่ผู้ป่วยและผู้พิการในพื้นที่ จำนวน 6 ราย ได้แก่

1. นางเอียด ปิ่นพรม อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.6 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 2 น.ส.สาลีนา เจะอับดุลเลาะ อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.5 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 3 นางเจ๊ะเต๊าะ เจ๊ะโซะ อยู่บ้านเลขที่ 36/2 ม.1 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 4 นายมะอาสมี มือลี อยู่บ้านเลขที่ 75 ม.1 ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส 5 นายไหล คงรังษี อยู่บ้านเลขที่ 32 ม.2 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 6 นางนุ้ย คงแสง อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.2 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นผู้ป่วยโรคพาร์กินสันซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากโฆษกชาวบ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

พันเอกนายแพทย์ โชคชัย ขวัญพิชิต รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นภารกิจของศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำงานและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มีความยากลำบากในการใช้ชีวิต เป็นผู้ป่วยผู้พิการที่ต้องการกายอุปกรณ์เพื่อให้การดำเนินชีวิตมีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการสำรวจความต้องการ ความลำบากของผู้ป่วยผู้พิการในแต่ละชุมชน เพื่อมาเยี่ยมเยียนรวมถึงมอบอุปกรณ์ที่จำเป็นให้

ซึ่งผู้ป่วยและผู้พิการที่ได้รับมอบรถเข็นวีลแชร์ในวันนี้ต่างรู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่ทางหน่วยงานภาครัฐไม่ทอดทิ้งประชาชน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

16 พม่าเถื่อน มุดลวดหนามช่องทางธรรมชาติ หลบหนีเข้าประจวบฯ

วันที่ 16 มิถุนายน นายภิรมย์ เรืองโรจน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองเป็ดหงส์ หมู่ 11 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปหาปลา บริเวณอ่างเก็บน้ำพบต่างด้าวชาวพม่าชาย-หญิง 16 คนพร้อมกระเป๋าสัมภาระ หลบซ่อนตัวห่างจากแนวเทือกเขาตะนาวศรี ชายแดนไทยพม่าประมาณ 10 กิโลเมตร หลังรับแจ้งจึงสนธิกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ชรบ.พื้นที่หมู่บ้านชายแดน ร่วมกันตรวจสอบ พร้อมรายงานให้ฝ่ายปกครองอำเภอรับทราบ จากนั้นร่วมกันจับกุมแรงงานเถื่อน ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อ่าวน้อย โดยประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ติดตามข้อมูลการจับกุมที่โรงพัก ก่อนส่งชาวพม่าทั้งหมดไปกักตัว 14 วันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ

ตรวจสอบชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง มีชาย 9 ราย หญิง 7 ราย อายุระหว่าง 20-40 ปี ส่วนผู้นำพาเป็นชาวพม่า 2 ราย วิ่งหลบหนีไปได้พร้อมกับแรงงานเถื่อนอีกกว่า 20 คน สำหรับผู้ถูกจับกุมทั้งหมดสารภาพว่าเดินทางมาจากประเทศพม่า ทั้งเมืองย่างกุ้ง เมืองตะแว เมาะลำไย เมียวดี และ มะริด อาศัยจังหวะหลบหนีเข้าไทยในวันหวยออก เนื่องจากเชื่อว่าการป้องกันพื้นที่ชายแดนหละหลวม ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. เดินลาดตระเวน โดยก่อนหน้านี้ไปพักรวมพลที่บริเวณโรงน้ำแข็ง บ้านมูด่อง ก่อนเดินเท้าฝ่ารั้วลวดหนาม 3 ชั้น ข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติมาฝั่งไทย เพื่อไปทำงานที่แพกุ้ง โรงงานปลากระป๋อง จ้างทำงานก่อสร้างที่ จ.สมุทรสาคร เสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนตามระยะทางถึงชายแดน ตั้งแต่ 15,000 - 20,000 บาท บางรายจ่ายค่าเดินทางให้นายหน้าพม่าที่ด่านสิงขร หรือจ่ายส่วยเมื่อไปถึงโรงงานปลายทาง ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการจับกุมแรงงานด่างด้าวเถื่อนในรอบ 3 เดือน ไม่มีการขยายผลเพื่อจับกุมนายหน้าคนไทยและชาวพม่าแม้แต่รายเดียว


ภาพ/ข่าว  นิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ชลบุรี - ฐานทัพเรือสัตหีบ นำกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ ขุดลอกคูคลองเปิดทางระบายน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณโรงสิงห์สมุทร

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.64 พลเรือโท อนุชาติ อินทรเสน ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ การปฎิบัติงานของกำลังพล ซึ่งได้ร่วมกันนำอุปกรณ์ ขุดลอกคูคลองบริเวณโรงเรียนสิงห์สมุทร หลังปั้มน้ำมันบางจากแยกสัตหีบ เนื่องจากมีเศษกิ่งไม้ ใบหญ้า และวัชพืชขึ้นรกทำให้ทางระบายน้ำไม่สะดวก เกิดน้ำท่วมขังบริเวณทางเข้าโรงเรียนสิงห์สมทุร หลังกิจการสถานีบริการยานยนต์ (ปั๊มน้ำมันบางจาก)

โดยทางฐานทัพเรือสัตหีบ จัดกำลังพลพร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ รถแบ็คโฮ รถบรรทุก ดำเนินการขุดลอกคูคลอง ทางระบายน้ำ กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเป็นการเปิดทางระบายน้ำให้ไหลออกจากพื้นที่บริเวณโรงเรียนสิงห์สมุทรซึ่งเป็นเขตต่อเนื่องระหว่าง ฐานทัพเรือสัตหีบ และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังซึ่งเกิดจากการระบายน้ำไม่ทันในช่วงฤดูฝน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการคมนาคมของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนข้าราชการ นักเรียนโรงเรียนสิงห์สมุทร บริเวณพื้นที่แยกสัตหีบ ถนนสุขุมวิท และเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ฤดูฝน และการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนสิงห์สมุทร

ในการนี้ นาย คงเดช โชติจำลอง ผู้อำนวยการโรงเรียนสิงห์สมุทร ซึ่งได้เดินทางมาให้การต้อนรับพร้อมคณะครูโรงเรียนสิงห์สมุทร กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ตรงบริเวณนี้มีขยะ เศษไม้ และวัชพืชทับถมมาเป็นเวลานานหลายปี จึงทำให้เกิดการอุดตัน กีดขวาง ทางระบายน้ำ น้ำระบายไม่ทัน เวลาฝนตกจึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงขอขอบคุณฐานทัพเรือสัตหีบ โดย พลเรือโท อนุชาติ อินทรเสน ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ที่จัดกำลังพลพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ มาร่วมพัฒนา ขุดลอกคูคลอง เปิดทางระบายน้ำ จะทำให้แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ต่อไป


ภาพ/ข่าว สมนึก เชื้อสนุก

ร้องผู้ว่าฯ ช่วยเหลือชาวบ้านเดินทางยื่นหนังสือ ถูกฝูงช้างป่าทำลายพืชสวน นับวันจะทวีความรุนแรง

ชาวบ้านตำบลสาริกากว่า 20 คน เดินทางยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกฝูงช้างป่าบุกทำลายพืชสวนเสียหาย เกรงว่าจะทำร้ายชาวบ้านที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น

ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดนครายก ชาวบ้านจากหมู่ที่ 3 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก กว่า 20 คน ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถูกฝูงช้างจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่บุกทำลายพืชสวนที่กำลังให้ผลผลิตเสียหายเป็นจำนวนมาก เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้นอกจากจะทำลายพืชสวนผลไม้ แล้วจะทำลายชีวิตชาวบ้าน จึงอยากให้ทางจังหวัดนครนายก เร่งดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนการดำเนินการ และหาทางเยียวยาค่าเสียหายที่เกิดจากกระทำของฝูงช้างดังกล่าว

เนื่องจากชาวบ้านได้รับผลกระทบที่สร้างความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใด ๆ ในการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกครั้งนี้ ได้มีนายอำนาจ แย้มศิริ ปลัดจังหวัดนครนายก เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว โดยมีนายพชร  ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครนายก นายวิชัย บุญมีนายอำเภอเมืองนครนายก นายบุญชัยอโนดาษ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสาริกาและหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครนายก ได้ร่วมรับทราบปัญหาของชาวบ้าน โดยนายอำนาจ แย้มศิริ ปลัดจังหวัดนครนายก จะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาร่วมกันวางแผนร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อผ่อนคลายปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top