Sunday, 25 May 2025
SPECIAL

จับกุมขบวนการช่วยเหลือ - ซ่อนเร้น - นำพา แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.อภิมุข กาตยากร รอง ผบก.สส.สตม.ว่าที่ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.ท.ชินกร อัศวภูมิ รอง ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.

นำโดยว่าที่ พ.ต.ต.หญิงกัลย์สุดา จุลประเสริฐ สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุม 1.นายสุวัตชัยฯ อายุ 46 ปี 2.นายเฉลิมชาติฯ อายุ 60 ปี 3.MS.YA (น.ส.ยา) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา 4.MRS.KORN (นางคอน) อายุ 47 ปี สัญชาติกัมพูชา 5.MS.CHANTEY (น.ส.จันตรี) อายุ 30 ปี สัญชาติกัมพูชา 6.MS.SOVIET (น.ส.โซเวี๊ยต) อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา 7.MR.MICH (นายมิก) อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา 8.MR.VUN (นายวัน) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา 9.นางฮัง อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา

พร้อมด้วยของกลาง รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) สีขาว จำนวน 13 ที่นั่ง โดยกล่าวหา  ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ 2 ฐานเป็นตัวการร่วมตาม ป.อาญา ม.83  ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ม.64 ว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 3-7 ว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 8 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 ตามข้อ 5 ” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

                 ผู้ถูกจับกุมที่ 9  ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีขบวนการลักลอบนำพา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ตระเวนรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา มาจากพื้นที่โซนภาคตะวันออก ระยอง ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อจะนำหลบหนีออกไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ โดยใช้รถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) ใช้เส้นทาง ถนนทางหลวงหมายเลข 2 และ 24 ผ่านพื้นที่ จว.นครราชสีมา, จว.บุรีรัมย์, จว.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม.จึงได้ติดตาม วางกำลัง ดักซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดเส้นทาง จนพิสูจน์ทราบได้ว่ามีแรงงานต่างด้าวอยู่บนรถตู้ต้องสงสัยคันดังกล่าวจริง เมื่อถึงบริเวณสถานที่จับกุมบริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ใช้รถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ สตม. แสดงตัว ให้สัญญาณเพื่อหยุดรถคันดังกล่าว และทำการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบคนขับพบว่ามี นายเฉลิมชาติฯ หรือผู้ถูกจับกุมที่ 2 เป็นผู้ขับรถตู้ และพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอีก 7 คน นั่งอยู่ในรถ โดยนายเฉลิมชาติฯ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายสุวัตชัยฯ ให้ตระเวนรับบุคคลต่างบุคสัญชาติกัมพูชา ทั้ง 7 คน มาจาก จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อมาส่งต่อที่ แถวบริเวณ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ.บก.สส.สตม จึงได้สืบสวนขยายผลต่อไปจนกระทั่งจับกุมตัว นายสุวัตชัยฯ (ผู้ถูกจับกุมที่ 1) ได้ ณ จุดรับเงิน บริเวณปั้มน้ำมัน ใน อ.ปราสาท จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ. บก.สส.สตม จึงได้นำตัวผู้ตองหาทั้งหมดนำส่ง พงส.สภ.ปราสาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 

บก.สส.สตม. เอาจริง!! บุกลุยกลางป่า ไล่ล่ากลางเมือง สกัดต่างด้าวแพร่โควิด

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ดังนี้

กก.2 บก.สส.สตม.บุกป่าชายแดนจับกุมแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้าเมือง และจับขบวนการนำพาแรงงาน เมียนมาสมุทรสาคร

ตามสั่งการ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรคยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่ สตม.ดำรงความเข้มงวดด้วยมาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม. จับกุม ผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงผู้นำพาทั้งชาวไทยและต่างด้าว พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม.จึงสั่งการให้ กก.2 บก.สส.สตม.สืบสวนจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวการนำพาโดยเร่งด่วน

พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.2 บก.สส.สตม.จึงได้ให้ จนท.สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ามีแรงงานกัมพูชาใช้วิธีการเดินเท้าจากฝั่งกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทยและหลบซ่อนตามป่าแนวตะเข็บชายแดนบริเวณหมู่บ้านหนองมั่ง ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อรอการลำเลียงเข้าสู่เมืองชั้นใน จึงได้วางกำลังเพื่อจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. จนท.ตรวจพบแรงงานกัมพูชาจำนวน 9 คน หลบซ่อนอยู่ในป่า จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แรงงานต่างด้าวให้การว่ามีนายหน้าชาวกัมพูชาเป็นคนนำทางโดยเดินเท้าประมาณ 10 กม. มายังจุดหลบซ่อนเสียค่าใช้จ่าย คนละ 500 บาท เพื่อรอการเคลื่อนย้ายเข้าไปทำงานที่ จ.ระยอง ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากไปถึงปลายทางในเมืองชั้นในได้ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 15,000-20,000 บาท จนท.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ส่ง สภ.โคกสูง ดำเนินคดี

อีกคดี จนท.กก.2 บก.สส.สตม.ได้สืบทราบว่ามีขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเมียนมา โดยใช้รถยนต์บรรทุกแรงงานเมียนมาจากชายแดนฝั่งตรงข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะนำแรงงานต่างด้าวมาซุกซ่อนพักไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง จึงได้วางแผนเข้าจับกุม โดย จนท.กระจายกำลังตามเส้นทางที่รถบรรทุกแรงงานวิ่งผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. รถบรรทุกยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกรุงเทพ ได้วิ่งผ่านถนนเศรษฐกิจ สภาพมีผ้าตาข่ายสีเขียวคลุมกระบะมีพิรุธต้องสงสัย จนท.จึงได้ขับรถไล่ตามอย่างกระขั้นชิด และหยุดรถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้ จากการตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวเมียนมาร์จำนวน 10 คน คนขับรถเป็นชาวเมียนมาอีก 1 คน แรงงานเมียนมาให้การว่าลักลอบเข้าประเทศไทยบริเวณชายแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าชาวเมียนมาร์ 5,000-20,000 แล้วแต่ระยะทาง คนขับรถคือนายจอฯ ให้การว่าได้เงินค่านำพาแรงงานเข้ามาที่สมุทรสาครหัวละ 5,000 บาท โดยจะขับรถไปรับบริเวณสี่แยกไฟแดงจุดนัดพบโดยจะมีนายหน้าเมียนมาและนายหน้าชาวไทย นำพาแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาส่งให้ที่สี่แยกไฟแดงดังกล่าว จนท.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม ในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจัง และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักอาศัยหรือประชาชนทั่วไป หากพบบุคคลต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในลักษณะต่างๆ หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

กรุงเทพฯ - สวธ. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ประชุมหารือแนวทางการประกวดออกแบบลายผ้าไทยสู่สากล

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงพื้นที่ร่วมประชุมหารือร่วมกับเครือข่ายผ้าไทย  ผู้ประกอบการ และตัวแทนจากสถาบันการศึกษา เกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมการประกวดออกแบบลายผ้าไทยสู่สากลเพื่อการต่อยอดและพัฒนา (Cultural Textile Awards 2021) และเป็นประธานในงานเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้จากหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย (Thai Textiles Trend Book Spring/Summer 2022) และการชี้แจงแนวทางประกวดออกแบบลายผ้าไทย ภายใต้โครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2564 ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินงานโครงการร่วมกับศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

โอกาสนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มากด้วยประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านผ้าไทยและการใช้สีธรรมชาติ อาทิ คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ คุณวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข คุณศิริชัย ทหรานนท์ คุณสธน ตันตราภรณ์ และ คุณเปรมฤดี กุลสุ  ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน โดยมีผู้ประกอบการ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และประชาชนผู้สนใจร่วมรับฟังรายละเอียดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จำนวนกว่า 40 คน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ด้วยการรักษาระยะห่าง วัดอุณหภูมิผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน และมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริการตลอดทั้งงาน ณ ดินคาเฟ่ (Din Cafe) อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่


ภาพ/ข่าว  เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

ปทุมธานี – บิ๊กแจ๊สชี้ ฉีดซิโนฟาร์มแม่ค้าตลาดหยุดคลัตเตอร์ใหม่ อบจ.ปทุมเปิดลงทะเบียนวันที่ 22 และฉีดวันที่ 26

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564  เวลา 16:00 น. ที่ห้องประชุมหงส์มังกร ชั้น 12 เทศบาลนครรังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ประชุมแนวทางการฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ร่วมกับภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อ โดยมี 20 ผู้ประกอบการตลาดสดหน้าซื้อหรือตลาดประเภท 1 มีโครงสร้างมั่นคง แข็งแรง สะอาด ถูกสุขลักษณะ ภายในจังหวัดปทุมธานี เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไทย ตลาดรังสิตเป็นต้นเข้าร่วมประชุม

พร้อมมอบชุดปันสุข จำนวน 300 ชุด ส่งแรงใจ เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี สู้ภัยโควิด-19 และมอบเครื่องผลิตออกซิเจน จำนวน 1 เครื่อง เป็นสาธารณะสงเคราะห์ มี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต และเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เป็นผู้รับมอบสิ่งของจากคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้การจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยจะเริ่มฉีดเข็มแรกที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในวันที่ 25 มิถุนายน 2564 จำนวน 6,400 คน ซึ่งทาง อบจ.อยู่ระหว่างการประสานงานคาดว่าน่าจะฉีดให้ประชาชนปทุมในวันที่ 26 นี้ ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

เนื่องจากปทุมธานีเป็นจังหวัดสุ่มเสี่ยงเป็นพื้นที่สีแดงตลอด คาดว่าพรุ่งนี้จะพี่น้องประชาชนจะสามารถลงทะเบียนได้ที่ลิ้งค์เพจเฟซบุ๊ก “องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี” ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในวันที่ 22 นี้ รวมถึงวันนี้ต้องขอบคุณเจ้าของตลาดต่าง ๆ ภายในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งผมได้แนะนำในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมถึงขั้นตอนในการดำเนินการฉีดให้กับพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดอย่างไร เนื่องจากคลัสเตอร์การแพร่ระบาดส่วนใหม่มาจากตลาด และประชาชนมีความจำเป็นจะต้องออกมาจับจ่ายซื้อของที่ตลาด หากตลาดใดพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดฉีดวัคซีนครบทุกคนแล้ว ก็สามารถขึ้นป้ายได้เลยว่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ตลาดในปทุมปลอดภัย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการดำเนินชีวิตของประชาชน และพ้นข้อครหาว่าจากการที่ตลาดเป็นแหล่งแพร่เชื้อ หากมีการติดเชื้อต้องระวังจากผู้ซื้อ

นางสาวสุดาลักษณ์ พยัตเทพินทร์ ประธานภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทางภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อของจังหวัดปทุมธานีต้องขอขอบคุณ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงานเป็นอย่างมาก ที่ท่านเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการค้าขาย และได้แนะนำให้ผู้บริหารและบุคลากรของตลาดรวมถึงผู้ค้าขายได้ปฏิบัติตัวให้รอด ปลอดภัยจากโควิด-19 สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค เราจะพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างมิติใหม่ในการทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในตลาดเรา


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ

เชียงราย - กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. โครงการการสานเสวนาส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรึกษาหารือ กิจกรรมการเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนประชาธิปไตย ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย

เมื่อ 21 มิ.ย. 64 เวลา 08.30 น. กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. โดย พ.อ.กิตติพล ไพรหิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร. (ท.) เป็นประธานเปิดการอบรม โครงการการสานเสวนาส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรึกษาหารือ กิจกรรมการเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนประชาธิปไตย  พร้อมด้วยกำลังพล กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.ร่วมกับ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย จำนวน 65 คน  ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้นำชุมชน มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับประชาชน รวมทั้งสื่อสารข้อมูลของภาครัฐให้กับประชาชนรับรู้ถึงการดำเนินงานและรับทราบข่าวสารของประชาชน โดยผ่านการมีส่วนร่วมและปรึกษาหารือในชุมชน และเพื่อรับทราบปัญหา และบูรณาการ การแก้ไขปัญหาร่วมกันของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในแต่ละพื้นที่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เด่นศักดิ์ สุริยะ ประธานคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดเชียงราย เป็นวิทยากร ทั้งนี้จัดให้มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับผู้เข้ารับการอบรม

นนทบุรี - สธ.เปิดห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ตรวจเชื้อโรคความเสี่ยงสูง

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรับมอบห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (Biosafety Level 3 laboratory) จาก Mr.Nashida Kazuya เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Dr.Daniel  Kertesz ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สร้างความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในหลายโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก่อสร้างอาคารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขแห่งชาติ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี เพื่อเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีหน้าที่ยืนยันสาเหตุและสถานการณ์ของโรคที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข และปี พ.ศ.2563 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การอนามัยโลก จำนวน 38,600,000 บาท สำหรับการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 2 และระดับ 3 ให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางชีวภาพ พร้อมที่จะดำเนินการเต็มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานกับเชื้อโรคอันตรายสูงด้วยความปลอดภัยต่อชีวิตนักวิจัยและสิ่งแวดล้อม โดยเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ครั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด -9 ในด้านการตรวจชันสูตร การพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ ชุดตรวจ วัคซีนและยารักษาโรค นอกจากนี้ยังเสริมความเข้มแข็งในการเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านปลอดภัยและความมั่นคงด้านชีวภาพทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Biosafety and Biosecurity Training Center) สำหรับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นห้องปฏิบัติการที่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ สามารถป้องกันการหลุดรอดของเชื้อโรค สู่ภายนอก ใช้สำหรับการตรวจวิเคราะห์ วิจัยเชื้อโรคความเสี่ยงสูง เช่น ไข้หวัดนก โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส โรคซาร์ส และโรคโควิด-19 เป็นต้น โดยการปฏิบัติงานที่สำคัญได้แก่ การเพาะแยกเชื้อไวรัส การเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเชื้อ การสกัดสารพันธุกรรม และการจัดการกับตัวอย่างติดเชื้ออุบัติใหม่ เพื่อเป็นคลังสายพันธุ์เชื้อแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนี้

 - การชันสูตรโรค

 - การศึกษาวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข

 - การควบคุมโรค

 - การส่งเสริมพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการเครือข่าย

 - การต่อยอดพัฒนายาและวัคซีน เพื่อการรักษาและการป้องกันโรค “ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นับเป็นหนึ่งในผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจริงจังจากองค์การอนามัยโลก ทำให้มีห้องปฏิบัติการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพและความพร้อมในการสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกัน


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์

กรุงเทพฯ - “อนุทิน” ตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทยที่กรมวิทย์ฯ ผลิตพันธุ์กัญชาต้นแบบคุณภาพดี

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า ช่อดอกกัญชาที่ตัดเป็นช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทยที่ปลูกโดยสถาบันวิจัยสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้ขออนุญาตการปลูกกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ คือ หางกระรอกภูพานเอสที 1 หางเสือสกลนครทีที 1 ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 และตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1 เพื่อการศึกษาวิจัยและใช้เป็นต้นแบบ โดยปลูกในโรงเรือนแบบ Greenhouse มีระบบการจัดการปลูกพืชในวัสดุทดแทนดิน (substrate culture) มีการให้น้ำและธาตุอาหารโดยใช้ระบบน้ำหยด ซึ่งการพัฒนากัญชาพันธุ์ไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะนำพันธุ์ที่ได้ไปขยายให้กับเครือข่ายที่ทำการวิจัยร่วมกัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร เพื่อเป็นแหล่งเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร เพราะแต่ละพันธุ์มีสาร THC และ CBD ที่แตกต่างกัน ทำให้เกษตรกรสามารถเลือกพันธุ์ที่จะนำไปใช้ต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ สามารถพัฒนาส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการพัฒนากัญชาพันธุ์ไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก ลดการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนของกัญชาพันธุ์ไทยทั้ง 4 พันธุ์กับทางกรมวิชาการเกษตร โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม 2564 นี้

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการศึกษาวิจัยกัญชาพันธุ์ไทยที่ครอบคลุมทั้งลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (phenotype)  ทางด้านเคมี (chemical profile) และข้อมูลของสารพันธุกรรม (genetic profile) พบว่า กัญชาพันธุ์ไทยมีลักษณะเด่นถึง 3 แบบ 

- แบบที่ 1 กัญชาที่ให้สาร THC สูง  ได้แก่ กัญชาพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1 และกัญชาพันธุ์ตะนาวศรี ก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 
- แบบที่ 2 กัญชาที่ให้สาร THC และ CBD (THC : CBD = 1 : 1) ในสัดส่วนที่เท่ากัน ได้แก่ กัญชาพันธุ์ หางกระรอกภูพานเอสที 1 
- แบบที่ 3 กัญชาที่ให้สาร CBD สูง ได้แก่ กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1

“กัญชาไทยแต่ละพันธุ์มีลักษณะของต้น ใบ ช่อดอก และกลิ่นมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้จากการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของพันธุ์กัญชาแต่ละพันธุ์ พบว่า กัญชาไทยทั้ง 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่พบได้เฉพาะถิ่นเท่านั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป เป็นพันธุ์ที่หายาก ซึ่งกัญชาแต่ละพันธุ์ของไทยมีสารสำคัญ ในสัดส่วนที่ต่างกัน จึงมีประโยชน์ต่อการบ่งใช้ในการรักษาโรคที่ต่างกัน รวมถึงการได้สาระสำคัญคงที่ในการปลูก ทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต่อไป”นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์

สมุทรปราการ - “แพรกษาปันสุข” ครั้งที่ 3 สส.พลังประชารัฐ จับมือ ทุกภาคส่วนลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน สู้วิกฤติโควิด ครั้งที่ 3

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลแพรกษา บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ 4 ชุมชน มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในชุมชนและประชาชนผู้ขาดรายได้ มีประชาชนจำนวนมาก ร่วม 2,000 คน เดินทางมารอรับมอบสิ่งของช่วยเหลือ

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร  นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายรัชชานนท์ ทองอร่าม เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ  เป็นตัวแทนนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และเป็นตัวแทนนางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นายชนะ หงวนงามศรี รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 

นางนงนุช แพหมอ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานและผู้ประกอบการ ร่วมลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนรวมถึงประชาชนที่ขาดรายได้ในชุมชนต่าง ๆ รวม 4 ชุมชน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ กล่าวว่า การลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในวันนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ได้มีการลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน  ภายใต้ชื่อ ”แพรกษาปันสุข”  โดยเป็นความห่วงใยจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และความห่วงใยจากนางอรัญญา สุวรรณบุตร  นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ  ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่แพรกษา ที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

อีกทั้งการลงพื้นที่จัดกิจกรรมในครั้งนี้  ยังได้รับการสนับสนุนจากนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และทางฝ่ายผู้ประกอบการ ที่ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรม “แพรกษาปันสุข” มาโดยตลอด

การจัดกิจกรรมขึ้นในครั้งนี้เป็นการบูรณาการประสานความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่ให้การสนับสนุนนำสิ่งของต่าง ๆ มาร่วมมอบให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน  โดยสิ่งของที่นำมามอบในวันนี้ ได้แก่ เงินสดคนละ 200 บาท ข้าวสาร  5 กิโลกรัม มาม่า ปลากระป๋อง สบู่ เจลแอลกอฮอร์  น้ำยาซักผ้า ขันน้ำ และอื่น ๆ อีกหลายรายการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ตาม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งของต่าง ๆ ที่นำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนในวันนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ และขอให้ประชาชนทุกคนดูแลสุขภาพตัวเอง  สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เพื่อที่เราทุกคนจะก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

ปทุมธานี - นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นำชุด ตรวจเชิงรุก (RaPid Test) ให้กับประชาชนชาวตำบลสามโคก

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00  น. ณ ศาลพลายแก้ว วัดสะแกตำบลสามโคก อำเภอสามโคกจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายนิรันดร์ ใจป้ำ

นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก นายธนภาค ตรีรัตนนุกูล ที่ปรึกษาพิเศษนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีและเจ้าหน้าที่นำชุดตรวจเชิงรุก(RaPid Test)มาตรวจให้พี่น้องชาวตำบลสามโคกและใกล้เคียง ด้านนายนิรันดร์ ใจป้ำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคกได้เพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมชุดตรวจ (RaPid Test) มาตรวจให้พี่น้องประชาชนชาวตำบลสามโคกและใกล้เคียง และสืบเนื่องตามที่จังหวัดปทุมธานี ปรากฏการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 เกิดขึ้นในพื้นที่โดยพบผู้ป่วยยืนยันเป็นจำนวนมากนั้นดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและควบคุม เชื้อไวรัส โควิด 19 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ ทางเทศบาลสามโคกจึงได้ขออนุเคราะห์ชุดตรวจ (RaPid Test)พร้อมเจ้าหน้าที่มาบริการประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลสามโคกและใกล้เคียง ขณะนี้ได้มีประชาชนในพื้นที่ ทยอยเข้ามาตรวจ วิเคราะห์หาเชื้อไวรัส covid-19 อย่างต่อเนื่อง และขอขอบพระคุณพระอธิการเริงชัย ฐานุตฺตโร เจ้าอาวาสวัดสะแกที่เอื้อเฟื้อสถานที่ไว้เพื่อรองรับประชาชน ที่เข้ามาตรวจหาเชื้อไวรัส covid-19 สุดท้ายนี้กระผมในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก ขอให้พี่น้องชาวตำบลสามโคก จงดูแลรักษาความสะอาดหมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ครูขอนแก่น บุกศาลากลาง ทวงวัคซีนโควิด-19 จากผู้ว่าฯ ทั้งน้ำตา หลังไม่ได้รับการจัดสรรตามที่กำหนด ทำให้ไม่มั่นใจในความปลอดภัยเนื่องจากสัปดาห์หน้าต้องเปิดเรียนทุกระดับชั้น

วอนทุกฝ่ายชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพราะลงทะเบียนในนามองค์กรเรื่องก็เงียบ หากต้องไปลงทะเบียนหมอพร้อม-หรือกับ อสม. ก็พร้อมที่จะทำ

เมื่อเวลา 11. 30 น.วันที่ 21 มิ.ย.2564 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น ได้มีคณะครูจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนรวมตัวกันเพื่อขอพบ นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่นเพื่อทวงถามความชัดเจนจากการที่โรงเรียนได้รับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ถึงร้อยละ 10  ในขระที่นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการระบุว่าบุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ร้อยละ 70 แต่ด้วย ผวจ.ขอนแก่น ติดภารกิจ คณะครูทั้งหมดจึงเข้าพบ นายจารึก เหล่าประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะคณะทำงานด้านการบริหารวัคซีนและควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เข้าร่วมพูดคุยและรับเรื่องแทน

นางธนิดา  ท้าวนาง แกนนำครูโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน กล่าวว่า คณะครูทั้งโรงเรียนรวมกว่า 200 คนได้ลงทะเบียนในนามขององค์กรเพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและนโยบายของจังหวัดกำหนด แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนกระทั่งเปิดภาคเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่มีใครได้รับการฉีดวัคซีนเลย แต่ละคนก็ต้องขวนขวายหาทางออกกันเองด้วยการลงทะเบียนต่างๆเพ่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนแต่ก็มีน้อยมากที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จนกะทั่งเปิดภาคเรียนมาแล้ว 1 สัปดาห์ซึ่งก็ยอมรับว่ามาตรการควบคุมและป้องกันของทางโรงเรียนเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการสลับวันกันเรียนและจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ทำให้ขณะนี้แต่ละวันมีนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษามาที่โรงเรียนตามแผนการเรียนการสอนวันละประมาณ 3,000 คน

“เมื่อเปิดภาคเรียนมาแล้วและโรงเรียนได้ทวงถามถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งคณะครูโรงเรียนของเราทุกคนน่ารัก ทำตามที่รัฐบาลและหน่วยงานกำหนดทุกอย่าง จนกระทั่งเรื่องเงียบไปก็มีการทวงถามและสอบถามโดยผู้บริหารโรงเรียนได้ติดตามเรื่องมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ( 20 มิ.ย.) ได้รับแจ้งว่า ครู 20 คนให้ไปฉีดวัคซีนได้ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จึงตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่ทวงถาม หรือเรื่องก็คงเงียบ และการจัดสรรก็ได้เพียงไม่ถึงร้อยละ 10 และก็ยังคงไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าครูท่านอื่น ๆจะได้ฉีดวัคซีนเมื่อใด โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง วันนี้มีเด็กๆมาเรียนรวมทั้งบุคลากรทาการศึกษาที่จะตอมาทำงานที่โรงเรียนอยู่วันละประมาณเกือบ 3,000 คน แต่ตั้งแต่สัปดาห์หน้าที่จะต้องเปิดเรียนทั้งระบบ ก็จะมีคนไม่น้อยกว่า 5,000 คน มารวมตัวกันอยู่ที่โรงเรียนของเรา ซึ่งคณะครูก็มีความกังวลว่าจะเกิดคัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น”

นางธนิดา กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แต่ข้อกังวลและความกลัวที่จะเกิดขึ้นกับบุคลากรทางการศึกษา ขณะนี้เกิดขึ้นอย่างมาก ประกอกับคามชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ยังไม่มี ซึ่งหากจะให้คณะครู ซึ่งลงทะเบียนมนนามองค์กรที่รอรับการจัดสรรวัคซีนไปดำเนินการในทางอื่น ทั้งการลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม ผ่านขอนแก่นพร้อม หรือผ่าน อสม. ก็ขอให้แจ้งมาอย่างชัดเจนเพราะทุกคนปฎิบัติตามนโยบายของหน่วยงานอยู่อย่างเคร่งครัด ดังนั้นการออกมาทวงถามให้กับกลุ่มข้าราชการครู ที่ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนเพียงอย่างเดียว แต่นับรวมไปถึงสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ที่บุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จึงขอความชัดเจนและให้จังหวัดรวมไปถึงผู้ที่รับผิดชอบวัคซีนได้ให้ความสำคัญกับคณะครู และบุคลากร่างการศึกษาที่จะต้องอยู่กับบุตร-หลานของทุกท่านวันละหลายพันคนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ญาติผู้เสียชีวิตจากทหารเรือ ช่วยชายหัวใจหยุดเต้นริมถนน เดินทางเข้าขอบคุณ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ อย่างเป็นทางการ

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ภรรยาและญาติของ นาย ปิยะ ยังทรัพย์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา สังกัด กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ให้การช่วยเหลือชายนอนหมดสติอยู่ริมถนน และส่งตัวให้โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ได้เดินทางเข้ามาพบ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา เพื่อกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการ ที่ได้ลงมาช่วยชีวิตสามีในเบื้องต้น

เมื่อประสบเหตุในครั้งนั้น ณ กองบังคับการ กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี นาวาโท จีรศักดิ์ หวังวรวัฒนากุล ผู้บังคับกองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมคณะนายทหารฝ่ายอำนวยการฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรองกองบังคับการ กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี


ภาพ/ข่าว สนง.โฆษกกองทัพเรือ / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี   

นราธิวาส - โฆษก ศรชล.เผย กู้อวนใต้เกาะโลซินสำเร็จ พบความเสียหายบางส่วน เร่งปลูกชดเชย เตรียมลงดาบเรือตัดอวน

วันนี้ ( 21 มิ.ย.64 ) เวลา 08.30 น. พลเรือตรี ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยถึงการปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะโลซิน จว.นราธิวาสในวันสุดท้าย (20 มิ.ย.64) ว่า การปฏิบัติภารกิจยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ สภาพอากาศท้องฟ้าแจ่มใส โดยทีมนักดำน้ำได้ทำการดำในช่วงเช้า 2 เที่ยว เพื่อทำการตัดอวนที่เหลือ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถเก็บอวนขึ้นมาได้ทั้งหมดมีน้ำหนักถึง 800 กิโลกรัม ส่วนในช่วงบ่ายได้ทำการดำอีก 1 เที่ยวเพื่อประเมินความเสียหายของปะการังและปลูกซ่อมแซม

จากการสำรวจพบว่า พื้นที่อวนทั้งหมด 2,750 ตารางเมตร พื้นที่ที่อวนปกคลุมปะการัง 550 ตารางเมตร ผลการประเมินความเสียหายของปะการัง พบลักษณะความเสียหายหลักคือปะการังมีสีซีดจางร้อยละ 10 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด รองลงมาคือแตกหัก ร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด และรอยถลอกเสียดสี บางส่วนบาดจนปะการังเคลือบติดกับเนื้ออวน ร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด

นอกจากนั้นยังมี ผลกระทบอื่นที่ไม่ใช่ปะการัง ประกอบด้วยดอกไม้ทะเลและสัตว์หน้าดิน เสียหายเล็กน้อย

สำหรับแผนการดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ได้ปลูกปะการังทดแทนในพื้นที่เสียหายประมาณ 500 เข่งและติดตามผลการดำเนินการในอีก 3 เดือนโดยนักดำน้ำทั้งหมดที่มาจากกองทัพเรือ 16 นายนักดำน้ำของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และอาสาสมัครดำน้ำจำนวน 26 นายรวมทั้งนักข่าวใต้น้ำจำนวน 6 นายปลอดภัย การปฏิบัติการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีอุปสรรคใดๆ โดย พลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) ได้ขอบคุณหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยเฉพาะนักดำน้ำและถ่ายภาพใต้น้ำทั้ง 38 นาย ที่เสียสละเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ จนทำให้ภารกิจได้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี

โฆษก ศรชล.กล่าวว่า สำหรับการติดตามผู้กระทำความผิด ทาง ศรชล.ร่วมกับ ทร./ทช./กรมประมง เพื่อดำเนินการร่วมกัน โดยเบื้องต้น ทช.จะนำของกลางเข้าแจ้งความเพื่อหาผู้กระทำผิด และศรชล.ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

1.ให้ศูนย์ยุทธการตรวจสอบ เรือประมงพานิชย์ ประเภทอวนล้อมจับ ที่มีประวัติเดินทางผ่าน เกาะโลซิน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.64- ปัจจุบัน

2. ซากอวนทั้งหมดที่ตัดมาให้นำอวนมาส่งที่ ท่าเรือตรวจประมง ปัตตานี และให้ ศรชล.จังหวัดปัตตานีตั้งคณะทำงานร่วมกันกับสมาคมประมง และประมงจังหวัด เพื่อหาที่มาของอวน

3.ให้ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดต่าง ๆ ตรวจสอบเรือที่แจ้งเข้าว่า อวนบนเรือมีลักษณะตรงกับตัวอย่างที่เก็บมาได้ และอวนบนเรือได้หายไปเนื่องจากการประมงหรือไม่เพื่อตรวจสอบหาเรือที่กระทำความผิดต่อไป

สำหรับโทษที่กำหนดไว้เกาะโลซินเป็นพื้นที่ห้ามทำประมงชอบ/อวน ตาม พรบ. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาตรา 17 โทษปรับ 100,000 บาท จำคุก 1 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงโทษตาม พรบ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ฐานทำให้ปะการังเสียหายหรือถูกทำลายจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นครนายก – พิธีเปิดโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร

สถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก จัดพิธีเปิดโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ

ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บ้านคลองเหมือง พลตำรวจตรี อิทธิพร โพธิ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีพันตำรวจเอกทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ โดยมีหน่วยงานราชการ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ, ผู้นำชุมชน ,ราษฎรบ้านคลองเหมือง เข้าร่วมในพิธีเปิดงานพร้อมรูปเป็นที่ระลึก

ด้วยสถานีตำรวจเมืองนครนายก ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรับรู้ปัญหา พิษภัยแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง เข้าใจและรับรู้ปัญหา พิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด การบำบัดรักษาและการให้ความช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ย่อมต้องพิจารณาหลายมิติแบบองค์รวม หาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อการแก้ไขปัญหาได้รอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติด้านสังคม การบำบัดโดยชุมชนมีส่วนร่วม และนำไปสู่ชุมชนเข้มแข็งแบบยั่งยืนและครบวงจร โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ที่สามารถดูแลผู้ใช้ยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก จึงได้จัดทำโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้เกิดกระบวนการป้องกัน แก้ไข และบำบัดยาเสพติด โดยมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานชุมชนเข้มแข้ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

แม่ฮ่องสอน - ททท.แม่ฮ่องสอน จัดส่วนลดโรงแรม 7 อำเภอ เพิ่มกิจกรรม ‘เดินป่าหน้าฝน’ เตรียมพร้อมการท่องเที่ยว” สามหมอก...หยอกฝน”

นายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ททท.แม่ฮ่องสอน ได้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 ไว้แล้ว โดยเป็นแผนเตรียมพร้อมหลังจากเปิดจังหวัด ซึ่งในเรื่องนี้ทางจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสิธิชัย จินดหาหลวง  ได้มีการเตรียมนโนบายและแนวทางในการดำเนินการไว้เบื้องต้นแล้ว ทาง ททท.จึงได้เตรียมแผนรองรับและส่งเสริมการท่องเที่ยว ในไตรมาส 4 ที่อยู่ในระหว่างฤดูฝน หรือกรีนซีซั่น

ในฤดูท่องเที่ยวกรีนซีซั่นของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก หากนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวในระยะนี้ จะพบเจอกับบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความงาม จากหุบเขาสีเขียวทั้งจังหวัด รวมถึงความของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนเดินทางมาท่องเที่ยวภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะพบว่าการท่องเที่ยวที่นี่ มีจุดเด่นคือไม่แออัด คนไม่พลุกพล่าน ส่วนผู้ประกอบการเริ่มทยอยเปิดกิจการร้านค้า ปฏิบัติตามมาตรการภายใต้สถานการณ์โควิด อย่างไรก็ตาม ทาง ททท. ได้วางแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบค่อยเป็นค่อยไป และเน้นย้ำให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังตนเอง สำหรับแผนในระยะสั้น ได้วางแผนร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรมทั้ง 7 อำเภอ จัดโปรโมชั่น มอบส่วนลด โดยใช้ชื่อว่า แฮปปี้ เรนนี่ ซีซั่น (HAPPY RAINNIE SEASON) และอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับสายลุย คือการ “เดินป่าหน้าฝน” โดยจะจัดนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ท่องเที่ยวชมป่า

ทั้งนี้ ททท.คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวในภาคเหนือในระยะอันใกล้นี้ มีความสำคัญมาก เนื่องจากข้อมูลสถิติที่เก็บในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 40 เดินทางมาจากภาคเหนือด้วยกัน จึงได้วางแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยเจาะกลุ่มภาคเหนือก่อน ถือเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวในระยะใกล้ อาจร่วมกับบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ เสนอขายทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม ที่สำคัญต้องเน้นย้ำมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / รุจิรา

191 บุกทลายเครือข่ายการพนันออนไลน์เย้ย พรก.ฉุกเฉิน !!

ตามนโยบายของรัฐบาล ให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท สืบเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 และตรวจสอบแหล่งมั่วสุมอบายมุขต่าง ๆ

ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น, พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น.  เป็นผู้ควบคุมสั่งการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล, พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ, พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์, พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล, พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา, พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจฯ, พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 สถานที่ตรวจค้น/ตรวจยึด บ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลาง ชุดคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ชุด เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตจำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 9 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 33 เล่ม สถานที่ตรวจค้น/ตรวจยึด บ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย ๗ ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลางชุดคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ชุด เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตจำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร รวมจำนวน 17 เล่ม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง พร้อมด้วยผู้ต้องหาจำนวน 12 คน พฤติการณ์กล่าวคือ กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ ได้รับร้องเรียนในช่วงเทศกาลฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2020 ว่ามีการลักลอบทำเว็บไซด์สำหรับการเล่นพนันฟุตบอลทางออนไลน์ จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 2 กองกำกับการสายตรวจฯ ได้ทำการสืบสวน จนทราบว่าบ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และ บ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 7 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ มีการลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์ออนไลน์จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ต่อมา วันที่ 18 มิ.ย. 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ กก.สายตรวจ งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และ บ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย ๗ ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าไปแสดงตัวและแสดงหมายค้น จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก เมื่อเข้าไปที่บริเวณชั้นหนึ่งพบกลุ่มผู้ถูกจับกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าจอคอยดูแลระบบคอมพิวเตอร์ในการพนันออนไลน์ และคอยตรวจสอบระบบการฝากและถอนเงินของลูกค้าที่เล่นการพนันออนไลน์ดังกล่าว และ ดูแลลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ออฟฟิเชียล และสอนวิธีการเล่นการพนันและเป็นคนทำหน้าที่ตอบลูกค้าที่เล่นการพนันเกี่ยวกับปัญหาต่างๆและสอนวิธีการเล่นการพนันออนไลน์

โดยมีนายเอ (นามสมมุติ) เป็นผู้ดูแลบ้านเลขที่ 170/114 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 11 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และนายบี (นามสมมุติ) เป็นผู้ดูแลบ้านเลขที่ 170/59 ม.เกษราคลาสสิคโฮม ซอย 7 ถ.เสรีไทย ซ.เสรีไทย 81/2 แขวงคันนายาว เขตบึงกุ่ม เจ้าพนักงานตำรวจจึงแสดงตัวและแสดงหมายค้นให้นายเอ(นามสมมุติ) และ นายบี(นามสมมุติ) ดูและอ่านเองอีกครั้งจนเป็นที่เข้าใจใน หมายค้นดีแล้ว จากกนั้นนายเอ(นามสมมุติ) และนายบี(นามสมมุติ) นำเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นภายในบ้านพักของแต่ละหลัง พบของกลางตามรายการ ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 12 คน ว่า “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน หรือทําอุบายล่อ ช่วยประกาศ โฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478, และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ที่กระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548” สอบถามนายเอ (นามสมมุติ) และนายบีฯ (นามสมมุติ) รับว่าสถานที่ทั้งสองเป็นสำนักงานที่ย้ายมาจากฝั่งปอยเปรต โดยได้ย้ายมาตั้งสำนักงานที่ประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีหน้าที่ดูแล และบริการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ ลูกค้าที่เล่นการพนันทางออนไลน์ทางฝั่งปอยเปรต เขมร และ ดูแลลูกค้าทั้งเอเซีย ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเจ้าพนักงานจะได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 12 คนที่ถูกดำเนินคดีและของกลางทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเล่นพนันออนไลน์และการพนันประเภทต่าง ๆ หรือพบการมั่วสุม สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน 191


ภาพ/ข่าว  กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top